ทำไมมีแต่คนอ้างคำสอนของครูบาต่างๆมากกว่าพระไตรปิฏก

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย I2D2, 4 กันยายน 2011.

  1. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    นายซัวเจ๋งก็ไม่ใช่นักเลงพระไตรปิฏก

    เพียงแต่ไม่เคยรู้เลยว่าพุทธองค์สอนอะไร

    จึงศึกษาและพิสูจน์ ยิ่งทำได้ ยิ่งศรัทรา มันตรงข้ามกับงมงาย
     
  2. apichai53

    apichai53 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    630
    ค่าพลัง:
    +2,261
    ศึกษาจากครูบาอาจารย์ แล้วก็เทียบเคียงกับพระไตรปิฏกอีกที
    ส่วนใหญ่ก็ไปในแนวเดียวกัน ไม่ได้มีปัญหาอะไรในการปฏิบัติภาวนา


    สำหรับที่ว่าตอนนี้ไม่มีพระอรหันต์แล้ว ...ไปฟัง ไปอ่านจากที่ใหนมา
    ไม่รู้จริงๆหรือ ...เสียดายมากนะ เสียดายจริงๆ
     
  3. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    การกระทำที่จะมาเอาชนะ อย่างสมัครสมาชิก เพิ่มชื่อสมาชิก นี่เราก็เคยทำมาแล้ว
    ตอนนั้น รู้สึกแต่อยากเอาชนะ แต่ผลลัพธ์ ส่งผลเร็วมาก เพราะที่นี้เป็นเว็บทางพระพุทธ
    ศาสนา ก็เหมือนวัดใหญ่ๆ นี่เอง การกระทำที่อยากจะเอาชนะ รู้ไหมกฏแห่งกรรม
    เขาก็อยากเอาชนะเราเหมือนกัน ส่งผลต่อหน้าที่การงาน สุขภาพจากที่แย่เลยยิ่งแย่ไปใหญ่
    รู้สึกละอายต่อการกระทำตัวเอง ที่พูดนี่ไม่ได้มายกตัวเองนะ

    อยากเตือนคนที่ไปสมัครสมาชิกใหม่ เพื่อมาเอาชนะ เพราะกรรมมันติดเนต
    ตอนนี้ ได้ข่าวว่า ไทยเริ่มมี 3 G แล้ว ยิ่งเร็วและแรง
     
  4. I2D2

    I2D2 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2011
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +0
    อาจารย์ของผมไม่มีชื่อเสียงครับ เป็นเพียงแม่ชี พระ และโยมบางท่านที่มาช่วยกันสอน โดยไม่มุ่งเน้นไปที่ตัวบุคคล เน้นพระไตรปิฏกเป็นหลัก (โดยเฉพาะพระอภิธรรม)

    ท่านเหล่านี้ล้วนบอกว่า ไม่ว่าใครกล่าวไว้ก้ดี ควรทำให้เข้าใจซะก่อน ศึกษาคำของเขาให้ดีๆ แล้วนำมาเพียบเคียงกับพระไตรปิฏก หากเข้ากันได้ก็ควรถือเอา (คำนี้ท่านก็ยกเอามาจากพุทธพจน์)
     
  5. I2D2

    I2D2 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2011
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +0


    พระอรหันต์นั้นยังมีอยู่ในสวรรค์และพรหมโลก ส่วนในโลกมนุษย์นั้นหมดไปแล้วครับ ส่วนอ่านที่ไหนมานั้น ลองขึ้นไปดูที่ผมโพสแล้วลองไปค้นดูครับ
     
  6. ไมยราพ

    ไมยราพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2009
    โพสต์:
    495
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +201
    พุทธ ธรรม สงฆ์ ดีทั้งล่ะครับ คือ พระรัตนตรัย ที่พึ่งอันสูงสุด

    อันนี้เข้าใจเจตนา เจ้าของกระทู้ดี

    เมื่อมีปริยัติเป็นแผนที่ ต้องปฏิบัติ จึงจะเป็นปฏิเวธ และรักษาพระศาสนาได้

    อันนี้เป็นหลักกว้างๆนะ แต่จะละเอียดเข้าไป
    ก็ ความไม่ประมาท ในกายสังขาร วจีสังขาร จิตสังขาร เรานี้ล่ะ

    เรื่องนี้ไม่จบ หรอก ถ้าจิตใจเราไม่มีความสงบ จะใฝ่หาแต่ปัญญาท่าเดียว ล่ะก้อ

    เดี๋ยวก็ ความสงบเกิดจาก กุศล หรือ อกุศล เป็นเหตุ ว่าไปโน้นเลย ยืดยื้อ

    หาก จขกท. เข้าใจดังอรรกถา ที่ยกมาดังกล่าว ว่าโลกนี้ไม่มีพระอรหันต์ เสียแล้ว
    ด้วยเพราะ ผ่านกาลเวลานั้น มาแล้ว

    สุดท้าย ก็ตกอยู่ในขั้นของการสั่งสม สิ่งนี้จึงตกอยู่ในขั้นของ สัทธินทรีย์

    จึงไม่มุ่งตรงต่อความเพียร

    แต่ในตอนท้ายของสติปัฏฐานสูตร นั่นแหละ เป็นขุมพละกำลังให้ประกอบความเพียร ที่ทรงได้กล่าวไว้

    ฉะนั้น ที่ จขกท. ตั้งกระทู้ จึงเสมือนดั่งดาบสองคม..!
     
  7. ไมยราพ

    ไมยราพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2009
    โพสต์:
    495
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +201
    มาถึงตรงนี้ น่าจะหาย งง..!
     
  8. I2D2

    I2D2 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2011
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +0




    มันก็ต้องอาศัยสัทธินทรีย์ไม่ใช่เหรอครับ ถึงจะเกิดการสั่งสมให้เป็นปัจจัยต่อการตรัสรู้ธรรม แล้วมันไม่มุ่งตรงต่อความเพียรยังไง งงแหะ
     
  9. apichai53

    apichai53 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    630
    ค่าพลัง:
    +2,261
    โอ เค พอจะเข้าใจแล้ว...

    มีเหตุอย่างไร ก็ได้ผลอย่างนั้น.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 กันยายน 2011
  10. I2D2

    I2D2 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2011
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +0
    เข้าใจอะไรหนอ???
     
  11. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ทำไมจะไม่มีใครอ้างพระไตรปิฎกครับเห็นออกบ่อย
    ยิ่งเจ้หลง ซ้อปราบ นี่เห็นประจำ
     
  12. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ไอ้เรื่อง สังคยานา พระไตรปิฏก นี่ก็แปลกนะ

    กล่าวกันเสียเหลือเกินว่า กระทำครั้งแรก ตอนพระพุทธองค์ปรินิพพานไปแล้ว

    แต่ เราศึกษาก็พบว่า การสังคยานา จัดหมวดหมู่ กล่าวแบบโดยพิสดาร(ย่อ)
    และ วิตถาร(อภิธรรม) นั้น กระทำครั้งแรก โดย พระสารีบุตร เป็นผู้ กล่าว ชักชวน
    และ สวมสิทธิชำระความ เองทั้งหมด

    โดยเหตุ ที่ทำให้ พระสารีบุตร กล่าวต่อที่ประชุมสงฆ์ (ต่อหน้าพระพักต์) ก็เกิดจาก
    กรณี หัวหน้าศาสนานิครนท์เกิดทำกาละ แล้ว ศาสนานิครนท์ก็แตกกระจาย รวม
    ไม่ติด พระสารีบุตรถามพระพุทธองค์ถึงสาเหตุ พระพุทธองค์บอกว่า เพราะไม่
    จัดหมวดหมู่คำสอนให้ดี ไม่ใส่ใจจำคำของศาสดา ใช้แต่คำของตัวเองเข้าว่า เลย
    ทำให้ศาสนาแตกภายในเวลาอันสั้น

    พระสารีบุตร รับทราบเสร็จ ประกาศต่อที่ประชุม ขอทำสังคยานา ทันที แล้วก็ร่าย
    ยาวเอง โดยใช้คำของพระตถาคต และใช้สิทธิในฐาน ธรรมเสนาบดี ( ผู้ทำการ
    ต่างพระพุทธองค์ )
     
  13. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    มาถึงก็เอาฮาเลย ^^
     
  14. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    จะรู้จักพระอรหันต์ได้ไหม

    ปัญหา ฆราวาสผู้อยู่ครองเรือน มีทางจะทราบได้หรือไม่ว่าภิกษุองค์ไหนเป็นพระอรหันต์ ได้บรรลุมรรคผล ?

    พุทธดำรัสตอบ
    “.....ดูก่อนคฤหบดี ท่านผู้เป็นคฤหัสถ์ บริโภคกาม อยู่ครองเรือน นอนเบียดเสียดบุตร บริโภคจันทน์จากแคว้นกาสี ทัดทรงดอกไม้ ของหอม และเครื่องลูบไล้ ยินดีทองและเงินอยู่ พึงรู้ขอนี้ได้ยากว่า ภิกษุเหล่านี้เป็นพระอรหันต์ หรือเป็นผู้บรรลุอรหัตตมรรค (เมื่อไม่รู้ว่าใครเป็นพระอรหันต์ และอยากทำบุญให้ทานกับพระอรหันต์ ย่อมมีทางจะให้ได้ถูกต้องฉะนั้น)..... เชิญทานให้สังฆทานเถิด เมื่อท่านให้สังฆทานอยู่ จิตจักเลื่อมใส... เมื่อตายไปจักเข้าพึงสุคติโลกสวรรค์”

    ทารุกัมมิกสูตร ฉ. อํ. (๓๓๐)
    ตบ. ๒๒ : ๔๓๘-๔๓๙ ตท. ๒๒ : ๔๐๑-๔๐๒
    ตอ. G.S. III : ๒๗๙
     
  15. apichai53

    apichai53 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    630
    ค่าพลัง:
    +2,261
    ในฐานะเพื่อนผู้อยู่ในกองทุกข์แห่งสังสารวัฏด้วยกัน
    ขอบอกว่า มรรคผล นิพพาน ยังมีอยู่ (ในภพมนุษย์)
    ขอย้ำอีกที มรรคผล นิพพาน ยังมีอยู่

    ขอตัวละ....
     
  16. lady_crazy

    lady_crazy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +123
    วันนี้ได้ฟังสื่อธรรมะจากหลวงพ่อรูปหนึ่ง มีคนถามท่านถึงพระอรหันต์ ท่านตอบว่าตราบใดที่มีมรรค 8 ก็ยังจะมีพระอรหันต์อยู่

    จริงๆๆคำสอนของพระศาสดาจากพระไตรปิฏกกับคำสอนของพระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าก็เหมือนกัน สอดคล้องกัน ไม่มีความแตกต่างหรือขัดแย้งนี่คะ

    คนเราจะศรัทธาอะไรยังไงก็ขึ้นอนู่กับปัญญานั่นล่ะ ถกเถียงไปก็เท่านั้น เพราะศรัทธาและปัญญาไม่เสมอกัน
     
  17. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ฆราวาสก็มีหวังได้ลิ้มรสนิพพาน

    ปัญหา เท่าที่ได้ฟังมานั้น การที่จะได้บรรลุมรรคผลนิพพาน รู้สึกว่าเป็นกิจที่ทำได้ยากมาก จะต้องสละโลกออกบวช ไปอยู่ในป่าบำเพ็ญศีลสมาธิปัญญาอย่างเคร่งครัด ซึ่งน้อยคนจะกระทำได้ สำหรับฆราวาสที่ยังต้องอยู่ครองเรือนมีหน้าที่ในการเลี้ยงครอบครัว จะปฏิบัติอย่างไรจึงจะมีโอกาสได้ลิ้มรสแห่งนิพพานสุขบ้าง ?

    พุทธดำรัสตอบ “.....สาวกของพระอริยเจ้าในศาสนานี้ย่อมพิจารณาเห็นว่า
    เราปรารถนาชีวิตไม่คิดอยากตาย ปรารถนาแต่ความสุขสบายเกลียดหน่ายต่อความทุกข์ บุคคลผู้ใดจะพึงปลงเราเสียจากชีวิต ข้อนั้นจะไม่พึงเป็นที่รักใคร่ชอบใจของเราเลย ก็แล ถ้าเราจะพึงปลงผู้อื่นเสียจากชีวิต ถึงข้อนั้นก็จะไม่เป็นที่รักใคร่ชอบใจของผู้นั้น ธรรมอันใดที่ไม่เป็นที่รักใคร่ชอบใจของเราธรรมอันนั้นก็ไม่เป็นที่รักใคร่ชอบใจของคนอื่น....... พิจารณาเห็นอย่างนี้แล้วตนก็เว้นเสียจากปาณาติบาต แลชักชวนผู้อื่นให้เว้นเสียจากปาณาติบาต และกล่าวพรรณนาคุณของการเว้นจากปาณาติบาต......

    “บุคคลใดจะพึงถือเอาสิ่งของที่เราไม่ให้ซึ่งนับว่าเป็นขโมย ข้อนั้นก็ไม่พึงเป็นที่รักใคร่ชอบใจของเราเลย ก็แล เราจะถือเอาสิ่งของที่ผู้อื่นไม่ให้ ถึงขอนั้นก็ไม่เป็นที่รักใคร่ชอบใจของผู้อื่น.... พิจารณาเห็นดังนี้แล้ว ตนก็เว้นเสียจากอทินนาทานและชักชวนผู้อื่นให้เว้นเสียจากอทินนาทาน และกล่าวพรรณนาคุณของการเว้นจากการอทินนาทาน...

    “บุคคลใดจะประพฤติละเมิดในภรรยาของเรา ข้อนั้นไม่ถึงเป็นที่รักใคร่ชอบใจของเราเลย ก็แลเราจะถึงประพฤติละเมิดในภรรยาของผู้อื่น ถึงข้อนั้นก็ไม่พึงเป็นที่รักใคร่ชอบใจของผู้อื่น... พิจารณาเห็นดังนี้แล้ว ตนก็เว้นเสียจากกาเมสุมิจฉาจาร และชักชวนผู้อื่นให้เว้นเสียจากกาเมสุมิจฉาจาร และพรรณนาคุณของการเว้นจากกาเมสุมิจฉาจาร....

    “บุคคลใดจะพึงทำลายประโยชน์ของเราเสียด้วยการพูดปด ข้อนั้นก็ไม่เป็นที่รักใคร่ชอบใจของเราเลย ก็แลเราจะพึงทำลายประโยชน์ของผู้อื่นเสียด้วยการพูดปด ถึงข้อนั้นก็ไม่เป็นที่รักใคร่ชอบใจของผู้อื่น.... พิจารณาเห็นดังนี้แล้ว ตนก็เว้นเสียจากการพูดปด แลชักชวนผู้อื่นให้เว้นเสียจากการพูดปดแลกล่าวพรรณนาคุณของการเว้นจากการพูดปด....

    “บุคคลใดจะพึงทำให้เราแตกจากมิตรด้วยการกล่าวส่อเสียด ข้อนั้นก็ไม่พึงเป็นที่รักใคร่ชอบใจของเราเลย ก็แลเราจะพึงทำผู้อื่นให้แตกจากมิตรด้วยการกล่าวส่อเสียด ถึงข้อนั้นก็จะไม่เป็นที่รักใคร่ชอบใจของผู้อื่น.... พิจารณาเห็นอย่างนี้แล้ว ตนก็เว้นเสียจากกการกล่าวส่อเสียด และชักชวนผู้อื่นให้เว้นจากการกล่าวส่อเสียด และกล่าวพรรณนาคุณของการเว้นจากการกล่าวส่อเสียด

    “บุคคลใดจะพึงร้องเรียกเราด้วยคำหยาบ ข้อนั้นก็ไม่เป็นที่รักใคร่ชอบใจของเราเลย ก็แลเราจะพึงร้องเรียกคนอื่นด้วยคำหยาบเล่า พึงข้อนั้นก็จะไม่เป็นที่รักใคร่ชอบใจของผู้อื่น.... พิจารณาเห็นอย่างนี้แล้วตนก็เว้นเสียจากการกล่าวว่าจากหยาบ และชักชวนผู้อื่นให้เว้นจากการกล่าววาจาหยาบ และกล่าวพรรณนาคุณของการเว้นจากการกล่าววาจาหยาบ....

    “บุคคลใดจะพึงร้องเรียกเราด้วยการกล่าววาจาปราศจากประโยชน์ ข้อนั้นก็จะไม่เป็นที่รักใคร่ชอบใจของเราเลย ก็แลจะพึงร้องเรียกผู้อื่นด้วยการกล่าววาจาปราศจากประโยชน์ ข้อนั้นก็จะไม่เป็นที่รักใคร่ชอบใจของผู้อื่น.... แลชักชวนผู้อื่นให้เว้นจากการกล่าววาจาปราศจากประโยชน์ และพรรณนาคุณของการเว้นจากการกล่าววาจาปราศจากประโยชน์

    “สาวกของพระอริยเจ้านั้น ประกอบด้วยความเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า ไม่หวั่นไหว... ประกอบด้วยความเลื่อมใสมั่นในพระธรรมไม่หวั่นไหว... ประกอบด้วยความเลื่อมใสมั่นในพระสงฆ์ ไม่หวั่นไหว... ประกอบด้วยศีล ทั้งหลายอันพระอริยเจ้ารักใคร่ไม่ให้ขาด ไม่ให้เป็นท่อน ไม่ให้ด่างพร้อย เป็นไทย (ไม่เป็นทาสแหงตัณหา) อันผู้รู้สรรเสริญอันตัณหาแลทิฐิไม่ครอบงำได้เป็นไปเพื่อสมาธิ

    เมื่อใด สาวกของพระอริยเจ้า ประกอบด้วยสัทธรรมความชอบเหล่านี้แล้ว... ก็จะพึงพยากรณ์ได้ด้วยตนเองว่า เรามีนรกสิ้นแล้ว เรามีกำเนิดเดียรัจฉานเปรตวิสัย อบาย ทุคติ วินิบาตสิ้นแล้ว เราเป็นผู้ถึงต้นกระแสแห่งพระนิพพานแล้ว ไม่มีทางที่จะตกไปในอบายทั้งสี่อย่างแน่นอน เป็นผู้เที่ยงต่อพระนิพพาน เป็นผู้มีอันจะได้ตรัสรู้ในเบื้องหน้า” ดังนี้

    เวฬุทวารสูตร ม. สํ. (๑๔๕๙-๑๔๖๗)
    ตบ. ๑๙ : ๔๔๓-๔๔๖ ตท. ๑๙ : ๔๐๓-๔๐๖
    ตอ. K.S. V : ๓๐๘-๓๑๑
     
  18. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    รูปแบบ การ้อยเรียง การสังคยานา โดย พระสารีบุตร ในครั้งนั้น ก็เป็นแบบสรุปข้อธรรม

    เริ่มจาก

    ธรรม 1 คือ
    ธรรม 2 คือ 1..... 2.....
    ธรรม 2 คือ 1..... 2.....
    ธรรม 3 คือ 1..... 2..... 3....
    ธรรม 3 คือ
    ธรรม 3 คือ
    ธรรม 4 คือ
    ธรรม 4 คือ
    ธรรม 5 คือ
    ...........

    แล้วตามด้วย อธิบาย

    ธรรม 1 เป็นไฉน
    ธรรม 2 เป็นไฉน 1..... 2.....
    ธรรม 2 เป็นไฉน 1..... 2.....
    ธรรม 3 เป็นไฉน 1..... 2..... 3....
    .............................

    แล้ว ก็สั่งให้ จดจำ คำ เหล่านี้ไว้เป็นหลัก ห้ามใช้คำอื่น ห้ามแต่งเติม

    ก็จะเห็นว่า รูปแบบ ไม่ใช่ลักษณะ พระสูตรที่เป็นเรื่องบุคคล แต่รูปแบบ
    เป็นข้อธรรม ศัพท์เทคนิค เรียกว่า จัดเข้า ขุทกนิกาย ซึ่งก็ถือว่าให้จัด
    เข้า "อภิธรรมคัมภีร์" อีกที

    ดังนั้น การใช้คำตามรูปแบบ นั้น จะมีผลดี ยิ่ง ไม่ทำให้ศาสนาแตก

    เช่น

    สมาธิ 3 คือ สุญญาตาสมาธิ อนิมิตสมาธิ อัปณิหิตสมาธิ (ไม่มีอื่นจากนี้ )
    สมาธิ 3 คือ สมาธิมีวิตกวิจาก สมาธิไม่มีวิตกมีวิจาร สมาธิไม่มีวิตกวิจาก ( ไม่มีอื่นจากนี้ )


    ยังไงก็ ลองไปศึกษาค้นคว้าดู การสังคยานา ที่ทำครั้งแรก และ ทำในสมัยที่ อริยะเจ้า
    อยู่ครบทั้งบนและล่าง อีกทั้ง คำศัพท์ก็จำแนก เป็นข้อ ไม่มี ใครที่ไหน จะแสดงอาการ
    โง่ แกล้งแปลผิดได้

    ดังนั้น ข้อที่ว่า การแปลอาจทำโดยพระที่ไม่ใช่อรหันต์ ก็ลอง เอา บทสังคยานาที่ทำ
    พระสารีบุตร มาอ่านดู จะมั่นใจได้เลยว่า ต้นฉบับ กับ งานแปล กับลัษณะงานร้อยเรียง
    แบบนี้ ไม่มีท่งที่จะทรอดแทรก ทิฏฐิเข้าไปได้

    * * * * *

    นี่ยังแปลกใจอยู่ไม่หาย ว่า ทำไม บทสังคยานาโดยพระสารีบุตร ไม่มีใครกล่าวถึงเลย

    ต้องรอให้แก่มาจนป่านนี้ แล้วมา อ่านเจอเอาเอง
     
  19. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123

    อนุโมทนา กล่าวได้ดี เป็นแบบนั้น
    ในพระไตรกล่าวไว้ ถ่ายทอดโดยหลวงปู้หล้า เคยได้ฟัง ได้ยินเหมือน:cool:กัน
     
  20. I2D2

    I2D2 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2011
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +0

    ครับ ยังมีอยู่ แต่ผู้รู้สามารถมุ่งถึงเพียงแค่อนาคามีเท่านั้น(ในโลกมนุษย์)
     

แชร์หน้านี้

Loading...