ธรรมหลังกึ่งกลางพุทธกาลเป็นต้นไป เป็นธรรมบัวบาน จะเปิดเผยครั้งแรกในยุคนี้นะ

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย anakarik, 12 พฤษภาคม 2016.

  1. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    พระธาตุนิพพาน


    จิตหรือมโนธาตุในสังขารเราอาจมีมากกว่า 1 ดวงได้ตามเหตุปัจจัย ไม่อาจยึดมั่นถือมั่น ทีนี้ มโนธาตุสามารถนิพพานไปบางส่วนได้ (สอุปาทิเสสนิพพาน) คือ เฉพาะจิตวิญญาณบางดวงนิพพานไปได้ บางดวงที่เหลือก็ยังดำรงอยู่ในสังขาร จึงยังไม่ตาย ซึ่งการนิพพานบางส่วนหรือสอุปาทิเสสนิพพานนี้ มีหลายแบบแล้วแต่ว่าจะนิพพานส่วนไหน ถ้าวิญญาณขันธ์นิพพาน เรียกว่า ขันธปรินิพพาน ถ้ามโนธาตุนิพพานเรียกว่าพระธาตุนิพพาน ส่วนสังขารนั้น ไม่ต้องนิพพานก็ได้ เพราะแตกดับแล้วสลายกลายเป็นธาตุสี่คืนโลกไป นั่นเอง ดังนั้น ส่วนที่ต้องดับสนิทนิพพาน จึงมีเฉพาะแค่ "จิตวิญญาณ" เท่านั้น อาจเป็นจิต (พระธาตุนิพพาน) หรือวิญญาณ (ขันธปรินิพพาน) ก็ได้ หากนิพพานทั้งจิตวิญญาณเลย ก็ได้เหมือนกัน แต่ยังเหลือสังขารและจิตวิญญาณดวงอื่นอยู่ ก็จัดเป็นนิพพานบางส่วนเช่นกัน ทั้งหมดนี้ทำให้บรรลุธรรม ถึงที่สุดแห่งธรรมทั้งสิ้น

    จิตวิญญาณนิพพานนั้น เราจะรู้สึกคล้ายๆ จะเข้าฌาน แต่เราไม่ได้เข้า ไม่ได้ทำสมาธิอะไรเลย อยู่ๆ เป็นเองเลย แตกต่างกันหน่อยตรงเวลาเข้าฌาน มันจะทึบๆ ขุ่นๆ แต่สงบเพลินใช่ไหม? อันนี้ ไม่ทึบนะ รู้สึกเบาๆ โปร่งใสสบายๆ เลย เวลาเราไม่ติดอะไรในโลกอีกหาอะไรให้หลง ให้ยึดไม่ได้อีก เหมือนพอแล้ว จบแล้ว ถึงที่สุดแล้ว จากนั้น มันจะไปของมันเองเลยไม่ได้เจตนา เราจะรู้สึกเหมือนจะตายนะ เหมือนเราจะไปแล้วรอมร่อ เหมือนลางสังหรณ์มันบอก ชัดเลยนะ แต่ไม่ทรมาน ตอนจะนิพพาน มันจะรู้สึกสุขมากๆ สุกปลั่งดั่งทองส่องสว่างกลางใจ สว่างออกมาเลยนะ บางทีเหมือนร่างเราสลายแวบไปไม่มีรูปเลย เหมือนเป็นอากาศไปเลย แล้วสุขสว่างมาก จากนั้น เหมือนกลับมารวมที่แกนกลาง คือ จิตอีก ทีนี้ก็จะสุขแต่จะรู้สึกเหมือนวูบเข้ามาตรงกลาง วูบไปเองเลย ไม่ได้กำหนดหรือเจตนานะ แล้วเพลินมาก หยุดไม่ได้ มันไหลไปของมันเองเลย มันสุขกว่าความสุขใดๆ ทั้งหมดทั้งมวลในโลก จนเราเบื่อหน่ายและเฉยๆ กับความสุขทางโลกทุกอย่างไปเลย ไม่ได้คิดนะ มันเป็นเอง ตามธรรมชาติ เหมือนคนกำลังตายอย่างมีความสุข ไม่เหลือเยื่อใย ไม่อะไร ใดๆ อีกในโลกนี้หรือโลกไหนแล้ว ซึ่งมักเกิดขึ้นหลังเราโปรดสัตว์ตามกิจของเรา สำเร็จแล้วครับ

    สอุปาทิเสสนิพพาน 3 แบบ

    ขันธปรินิพพาน คือ วิญญาณขันธ์โดยรอบนิพพานหมด เหลือแต่ตรงกลางไว้คือ "จิตประภัสสร" สว่างไสว เหลือไว้ทำไม เอาไว้โปรดสัตว์ก่อนครับ ถ้านิพพานหมดไปเลยก็จบเลยไม่ได้โปรดสัตว์อะไรแล้ว ซึ่งนิพพานแบบนี้ ทำให้ขันธ์ห้าเราไม่ครบ วิญญาณขันธ์ไม่มี จิตจะจุติจากร่างได้ง่าย เลยต้องบวชพระ จะได้ไม่ละสังขารในเจ็ดวัน แต่เราก็จะดูเหมือนคนอ่อนแอนิดหน่อยครับ ไม่มีฤทธิ์เดชอะไรเหลืออีกเลย

    พระธาตุนิพพาน คือ มโนธาตุหรือจิตที่เป็นแก่นกลางของจิตวิญญาณนิพพานลง แบบนี้ กายทิพย์หรือวิญญาณขันธ์ยังมีอยู่แต่จิตที่เป็นแก่นข้างใน ไม่เหลือละ นิพพานแล้ว เราจะรู้สึกเหมือน "คนไร้ใจ" ครับ ใจมันจะว่างๆ คือ ว่างเปล่าไปเฉยๆ เหมือนคนไม่มจิตไม่มีใจอะไรแล้ว ซึ่งมันก็ไม่ได้ดีนักนะ แต่เราต้องยอมให้เหลือวิญญาณขันธ์เอาไว้ทำกิจ เลยต้องอยู่ในสภาวะนี้ เหมือนท่านหุยเคอที่อุทานว่า "ใจไม่มี" ฮะ

    จิตวิญญาณนิพพาน คือทั้งวิญญาณขันธ์ก็ปรินิพพานและจิตก็นิพพานไปด้วย (พระธาตุนิพพาน) ไปหมดเลย เหมือนลาจากโลกไปครบองค์ ครบทั้งจิตวิญญาณ แบบนี้ ไม่รู้สึกเหมือนคนไร้จิตไร้ใจ และไม่ต้องมีสภาพเหมือนคนอ่อนแอ ที่ต้องรีบไปบวชภายใน 7 วันนะครับ เพราะเราจะยังมี "จิตวิญญาณดวงอื่น" ดำรงคงชีพในกายสังขารอยู่ครับ เราก็จะทำกิจต่อไปได้ โดยจิตวิญญาณอีกดวงภายใต้สังขารร่างเดิมครับ

    เมื่อจิตวิญญาณดวงเก่านิพพานไป ดวงใหม่ก็รอคิวนิพพานตามฮะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 มิถุนายน 2016
  2. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ตีความ ได้....ไร้สาระ มากๆเลยครับ...คำเดียวเลยครับ.....มั่ว
     
  3. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    นิพพาน...แปลว่า นิพพาน....เมื่อพูดว่าตนเองนิพพาน..มันก็ย่อมนิพพานทั้งหมด...เรียกว่า นิพพานก่อนตาย.....และ นิพพาน ก็มีเพียง นิพพานเดียว คือ..ต้องนิพพานก่อนตายเท่านั้น..(คือชำระอวิชชาได้ก่อนตายเท่านั้น ไม่มีใครไปชำระอวิชชาได้หลังตายหรอก)

    ซึ่งนิพพานได้ก่อนตาย กับ เมื่อตายแล้วนิพพานจริง...มันก็อันเดียวกัน แค่พูดให้แยกว่า ก่อนตายรู้นิพพาน ถึงนิพพาน แล้ว และนิพพานอยู่ แค่ยังไม่ตาย....และเมื่อตายก็คือ..นิพพานอันเดียวกันกับ นิพพานก่อนตายนั่นแหล่ะ

    แต่คนมันไม่เคยรู้นิพพาน ก็เลย พากันพูดมั่วไปหมด
     
  4. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เมื่อพระพุทธเจ้า ท่านถึงนิพพาน ตรัสรู้ธรรมพระนิพพาน...(ถึงพระนิพพานก่อนตาย) ท่านจึงยังมีร่างกาย มาชี้มาสอน วิธีเข้าถึงพระนิพพานให้กับสรรพสัตว์

    เมื่อท่านตาย จึงเรียกเพราะๆ ว่าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน....

    นิพพาน..อะไรดับ กิเลสตัณหาดับ....กิเลสตัณหาดับได้เพราะ...จิตวิญญาณดับ...จิตวิญญาณดับได้เพราะอะไร...เพราะอัตตาตัวตนดับ อัตตาตัวตนดับได่เพราะอะไร เพราะอวิชชาดับ..เนี่ย นิพพาน

    อย่าพากันตีความ มั่วไปเลยครับ...คนอื่นมาอ่านตาม มันจะมั่วตามกัน นะครับ ท่านดอกไม้มั่วครับ

    ไอ้ที่พูดมั่วๆ ว่าจิตเก่านิพพานไป จิตใหม่ก็เรียงคิวเข้ามาเพื่อนิพพานตาม นี่ก็เหมือนกันครับ..มั่วแบบนี้ ไงครับ กรรมเลยยังคงเป็นของท่านอยู่ไม่วาย
     
  5. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    สอุปาทิเสสนิพพาน เป็นนิพพานบางส่วน
    เกิดขึ้นก่อนสังขารตาย และเกิดได้หลายครั้งครับ
     
  6. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ผมว่า ท่านดอกไม้มั่ว..คงเข้าใจอะไรผิด คลาดเคลื่อน..เข้าใจในสภาวะ ผิดไปแล้วล่ะครับ.....นิพพานอะไรจะเกิดได้หลายครั้ง....นิพพานเขาเอาไว้เรียก การดับไปของอวิชชาทั้งหมด ที่เป็น..อาสวะอันสุดท้าย..คืออัตตาตัวตน ที่มีอวิชชาเป็นเหตุ นั่นแหล่ะครับ...และในการสำรอกอาสวะ(การชำระอาสวะที่มีหลายเรื่อง หลายความอยาก แบบ หยาบ ละเอียด ละเอียดๆๆ มันเหมือนหลายชั้น ครับ..)จนหมด จึงจะเรียกได้ว่า ชำระอวิชชาได้..หมด และจึงเรียกว่า...นั่นคือ นิพพานจริง..ตายทั้งที่ยังหายใจ...มีเพียง...รูป(กาย)..และ นาม(ใจ)ที่มันถึงนิพพาน...จิตไม่มีให้ยึดมั่นถือมั่นอีกแล้ว..เหลือเพียงใจ ที่ หมดสิ้นอัตตาตัวตน..แล้ว ใจนี้ก็ต้องกลับคืนสู่ร่างกาย ให้ได้อีกครั้ง .จึงเหมือนการเกิดใหม่ ด้วยใจที่บริสุทธิ์พ้นจากอวิชชา.

    และการที่ท่านดอกไม่มั่ว..บอกว่านิพพานเกิดขึ้นได้หลายครั้ง ผมว่าท่านคงหยิบจับเอาสภาวะพ้น..ๆ ของแต่ละขั้น มา บอกว่ามันคือการนิพพาน ทีละขั้น.นั้น..มันไม่ถูกนะครับ....ขั้นของการชำระกิเลส ตาม พระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี พระอรหันต์..เขาไม่เรียกการพ้นกิเลสแต่ละอย่างว่านิพพานหรอกครับ..และพอมาถึงสภาวะพระอรหันต์มรรค อยู่ในอรูปญาณ..ในการชำระกิเลสตัณหา อาสวะที่ยังไม่หมดสิ้น จนหมดอัตตาตัวตนไม่ได้..ก็ไม่เรียกว่านิพพานหรอกครับ..แค่ สมมุติบัญญัติออกมาเป็น เรื่องของ ปรมัตถ์ธรรม....เท่านั้น...ครับ

    นั่นเพราะ...บางจำพวก ชำระอาสวะ จนจิตเหมือนรู้นิพพาน..(จิตอยู่เหนือโลกเรียกว่า สภาวะจิตนอกโลก เป็น อรูปญาณ นั้น...ตราบใดที่ ชำระอาสวะ อัตตาตัวตน ชำระอวิชชา ไม่หมด...จิตยังไม่ตาย อัตตาตัวตนยังไม่ตาย เชื้อยางยังไม่หมด..ก็ไม่เรียกว่านิพพาน..)...ตายก่อนตาย..จิตตาย...ไป..เหลือใจที่รู้นิพพาน รู้สภาวะที่พ้นจากจิต จากอัตตาตัวตน ...เหลือแค่ใจที่มีแต่สัมปชัญญะ แค่..รู้

    หลังจากนี้...ใจจะสามารถหยั่งลงกลับคืนมายังร่างกาย ได้ด้วยปัญญาอีกหรือไม่ ก็ดูที่ ปัญญาในตนว่ามีเพียงพอ จะหยั่งลงกลับมาที่กายเดิมได้หรือไม่...

    นี่ก็..ต้อง เข้าถึงได้เองนะ ถึงจะเข้าใจ ว่า มันยัง ต้องใช้ปัญญาของ..พระตถาคต..มาช่วยชี้ทาง อีก หรือ ถึงเวลา ที่จะรับแสง เพื่อ เบ่งบาน ต่อได้อีกหรือไม่..ถ้าใจไม่สามารถกลับร่างได้ ก็จะเป็นพระอรหันต์ ในแดนนิพพานต่อไป...

    เพราะ..ธรรมของพระสมณโคดม..คือธรรมแห่งการเป็น พระอรหนต์...ใจที่ชำระอวิชชาได้รู้นิพพานจะเป็นกายอรหันต์..ยังอยู่ในธรรม ในความเป็นพระอรหันต์ ในแดนนิพพานนั่นเอง

    มันเลย กลายเป็นว่า...กายจริงเป็นคนรอในโลก...ใจกลับชำระจิตชำระอวิชชาเป็นพระอรหันต์อยู่นิพพานนอกโลก..กายใจอยู่คนละที่กัน.....เมื่อถึงสภาวะนี้แหล่ะ..จะต้องได้พบพระตถาคต มาชี้ทางด้วยพระปัญญาคือ ปรมัตถ์ธรรม..จากพระองค์
     
  7. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    คำว่านิพพานก่อนตาย....จึงเรียกสภาวะ ใจเป็นพระอรหันต์ อยู่นอกโลกว่า อยู่ในธรรม...
    ถ้าเป็นอยู่ในสภาวะนี้ ถ้ากายจริงที่อยู่บนโลกตายลง....ใจที่อยู่นอกโลก มันจะไม่ตายตามกาย น่ะสิ.....ใจยังคงเป็นพระอรหันต์ อยู่....แบบนี้ ไม่เรียกว่า ตายลงในความเป็นมนุษย์...เพราะอัตตาตัวตน ตัวสุดท้ายที่หลงไปเป็นพระอรหันต์ นั้นยังอยู่...(ประเด็นนี้ คือติดสมมุติคำว่าพระ)

    นั่นเพราะ เรียนวิชาไปนิพพานกับพระ เรียนแบบพระ ใจเลยเป็นพระอรหันต์

    มันจึงต้อง..ออกจากธรรม..มาให้ได้..(นิพพานัง ปะระมัง วะทันติพุทธา..ผู้รู้ทั้งหลายกล่าวพระนิพพานว่า เป็นธรรมอันยิ่ง)

    เรียกได้ว่า..ขั้นตอนของการชนะทั้งสามโลก (อดีต ปัจจุบัน อนาคต) นรก โลก สวรรค์...มันจึงยังคงต้อง รอการพิสูจน์ความจริงของเหล่าพระอรหันต์ทั้งหลายอยู่ ว่า..ชนะนรก ชนะสวรรค์ มาได้แล้ว.....แล้วท่านเหล่านั้น ชนะโลก ได้แล้วหรือยัง..(ลงมาตายในกาย ตายลงในความเป็นมนุษย์ แสดงให้โลกรู้ว่า ถ้าท่านตายลงในความเป็นมนุษย์..ท่านจะยังมีดวงจิตอะไร เหลือให้เคลื่อน ไปเกิดใหม่ ได้อีกหรือไม่

    เรื่องมันซับซ้อนน่ะ....เพราะบางพวก นั่งสมาธิเล่นฌาณ ไม่ฝึกสติปัฏฐานสี่..เลยไม่ครบขั้นตอน

    เกิดแก่เจ็บตาย = เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป.....(ดังนั้นเกิดเป็นมนุษย์ก็ย่อมตายลงในความเป็นมนุษย์สิ จะไปตายด้วยความเป็นพระอรหันต์...ไปทำไม
     
  8. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ดังนั้นการออกจากธรรม ออกจากความเป็นพระอรหันต์..จึงต้องอาศัย ปัญญาอันยอดยิ่ง
    และเหตุปัจจัยที่ เพียบพร้อม....ถูกต้องตามธรรมชาติ..แค่แพ้โลก หนีโลก ไม่สามารถยอมรับความจริง ในความเป็นมนุษย์ของตนได้...ใจที่เป็นพระอรหันต์ ก็กลับมาที่กาย รวมกับกายได้ ยาก....มันเป็นแบบนี้แหล่ะ...อวิชชา ที่แท้จริง
     
  9. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ออกจากธรรม ออกจากเรือ ออกจากความเป็นพระอรหันต์ นำพาตนเอง ให้หลุดพ้นออกจากความเป็นสาวก(เป็นภาระของพระพุทธเจ้า)...เพื่อ..แสดง ว่า ตนเป็นที่พึ่งของตนเอง ได้แล้ว

    เมื่อก่อน พุทธังสรณังคัจฉามิ ธรรมมังสรณังคัจฉามิ สังฆังสรณังคัจฉามิ...เมื่อเราอาศัยเรือแห่งไตรสรณะคม นำพาเราออกจากทุกข์ได้..เมื่อถึงฝั่ง เราต้อง ทิ้งเรือเพื่อ เดินดินบนโลก ด้วยตัวเราเอง...อัตตาหิ อัตโน นาโถ..เราเป็นที่พึ่งแห่งตน...เมื่อนั้น ทุกคนก็จพได้พบกับ อิสระ เหมือนกันหมด...
     
  10. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    อะไรคือ...มนุษยธรรม.....นั่นคือ มรรคแปดข้อที่เป็นผล เรียก สัมมาทั้งแปดรวมเป็นหนึ่ง ในตัวคนคนเดียว เมื่อใจที่รู้นิพพานหยั่งลงมารวมกับกาย เพื่อเกิดเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐอีกครั้ง...นั่นแหล่ะคือผู้เข้าถึง สัมมาทั้งแปดข้อ..เมื่อสัมมาแปดข้อรวมเป็นหนึ่ง เรียกสัมมาสัมพุทธะ..มนุษย์ผู้ประเสริฐ..นั่นเอง

    พระสงฆ์สาวก ทำไมห้าม อวด อุตริมนุษยธรรม...นั่นเพราะ คนเหล่านั้นเล่นละครออกจากความเป็น มนุษย์ที่ตนเองเกิดมาเป็น พักเอาไว้ ชั่วคราวก่อน...เข้าไปเล่นบทบาท เป็นสมมุติสงฆ์ก่อน..นั่นเอง...ดังนั้น อะไรที่เป็นกิจทางโลก อะไรที่มนุดมะนาเขาทำกัน..สมมุติสงฆ์ ห้ามทำ ห้ามแสดง .....(ที่ไปบวชเพราะทุกข์กับชนชาวโลก แก้ปัญหาให้ตนเองไม่ได้ แพ้ปัญหา แพ้โลก)เลยเข้าไปบวชเพื่อหาทางพ้นทุกข์ เพื่อค้นหาปัญญาในการเอาชนะทุกข์ของโลกนั่นเอง ดังนั้นตอนบวชเป็นสมมุติสงฆ์ เลยห้ามอวดว่าตน เก่ง มีดี กว่า มนุษย์โลก..นั่นเอง
     
  11. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    บรรลุธรรมเนี่ย จะหลายๆ ครั้งก็ได้คับ
     
  12. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เรื่องมัน มากมาย ต้องทำความเข้าใจ ตนเองตามไปด้วย...ตราบใดที่ เข้าใจแต่ธรรม..จนลืมเลือนตนเอง...มันก็คือการหลงออกจาก ความจริง แห่งตน นั่นเอง

    นรก ไม่เท่าไหร่....สวรรค์ ไม่เท่าไหร่...เพราะพระพุทธเจ้าท่าน..ได้อธิบายไปหมดแล้วว่า เหตุแห่งการลงนรก ทำกรรมบาปอะไรไว้มั่ง....เหตุแห่งการเป็นเทพ เทวดา พรหม..ท่านก็บิกหมดแล้วว่า สร้างบุญอะไรยังไงไว้

    แต่ เหตุแห่งการชำระอวิชชานี่แหล่ะ.ยากกว่ามากนัก...เป็นพระโสดาบัน พระสกิทาคา พระอนาคามี พระอรหันต์...ในธรรมนิพพานด้วยใจ...แล้วยังต้องออกจากธรรม กลับมาเป็นมนุษย์ ให้ได้อีกครั้ง..(ที่เกิดมาเป็นคนมีอวิชขาอยู่นี่..หลง ทั้งนั้นแหล่ะ)

    หลงออกจาก ความจริง แห่งตน
     
  13. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    บรรลุ แบบ ชั่วคราว ทีละขั้น น่ะสิ
    ต้องบรรลุ แบบถาวรสิ...ถึงเรียก จบ...ตายลงในความเป็น มนุษย์พุทธะ
     
  14. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ถึงนิพพาน....ด้วยใจเป็นพระอรหันต์....มรรค (เพราะเป็นพระอรหันต์อยู่) ดับไม่จริง
    แม้ความเป็นพระอรหันต์ก็ไม่มี...จึงเรียก..นิพพานจริง ดับจริง

    สัมมาสัมพุทธะ.....คือมนุษย์ที่แท้จริง
     
  15. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ก็อย่าสงสัย กันเลยนะ ว่าทำไม สมัยพุทธกาล ถึงสอนให้ไปเป็นพระอรหันต์..คือถ้าใจเป็นพระอรหันต์..กาย รูปกาย สมมุติกาย ต้องบวชเป็นเป็นพระ เพื่อให้ รูปกายกับนามใจ เหมือนกัน คือกัน จะได้ รองรับกันได้...รูปกายที่ต้องบวชเพื่อประพฤติพรมจรรย์ที่กาย เพื่อรองรับใจที่บริสุทธิ์ได้ ...นานหน่อย..ใจเป็นพระอรหันต์ กายก็ต้องเล่นบทบาทเป็นสมมุติสงฆ์..นั่นเอง

    ทีนี้ สมัยพุทธกาล เขาพากัน นับถือพราหมณ์กัน...จะนำพาสมมุติกายใจ ออกจากความเป็นพราหมณ์ ไปไว้ที่ไหนล่ะ...ออกจากความเป็นชนชั้น วรรณะต่างๆ ไปอยู่ที่ไหนล่ะ

    ก็ อยู่ในความเป็น พระอรหันต์ เป็นสมมุติสงฆ์ ก่อน นั่นเอง
     
  16. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    สมัยพุทธกาล...ใครที่เป็นพระอรหันต์..สึกออกมา ยังต้องกลับเข้าสู่ วรรณะเดิม..มันไม่ ออกจากกรอบเดิมๆ ไปได้ไง....

    ไม่เหมือนทุกวันนี้..พระเกษม สึกออกจากความเป็นพระ..กลับมาเป็นมนุษย์ ปกติยังทำได้ยาก
    ท่านยังต้อง นุ่งขาวห่มขาว ยังคงต้องพึ่งพาอาศัย ความเป็นพุทธบริษัท ต่อไป

    เพราะ..ญาติทางโลก ไม่เหลือใคร รองรับ การกลับมา ให้ท่านยืนเคียงข้าง...จะทำเพื่อญาติคนใดได้เล่า....นี่คือกรรม นี่คือโลก..นี่คือธรรม
     
  17. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เรื่องของ สมมุติบัญญัติ ทางโลก...มีคนผูก ก็ต้องมีคนแก้...นี่คือเรื่องที่ต้อง ใช้ปัญญาและความพร้อม(กาลเวลาที่เหมาะสมถูกต้องชอบธรรม)

    ไม่มีใคร..ขี้โกง...ธรรม ได้เลยสักคน
     
  18. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    .
    เขียน ๑๐.๓๙


    นิพพานยุคนี้ ไม่ได้มีเพียงหนึ่งความหมายแล้วล่ะมั้ง นะ
    มันกลายเป็นสินค้าไปแล้วล่ะ เหมือนตู้เย็น หรือทีวี
    มีหลายยี่ห้อ หลายรุ่น หลายขนาด หลากสีสัน
    ทีแรกแปลว่าเย็น พุทธะยืมคำนี้มาใช้น่ะนะ
    ดังนั้น จึงไม่ต้องเถียงกัน ฉันหนวกหู

    ------------------------------
    เขียนต่อ ๑๑.๑๕
    พระขอให้ช่วยหน่อย
    ระบบสื่อสารมีปัญหาอ่ะ


    ใครอ่านแล้วอย่าไปยึดให้แน่นหนึบหนับนัก หนักนะน้อง นั่นน่ะ หึหึหึ
    ระวังจะติดเชื้อไวรัสเข้า เดี๋ยวจะเป็นโรคต้อภูเขาแห่งวิถีพุทธธรรม
    ระบาดมานานมากแล้ว ทำให้คนมิอาจเข้าถึงธรรม ตาโดนบัง
    ต้อภูเขาบังมิดเลยอ่ะ ได้แต่แบกแพ เดินอวด/โม้ไปมา


    กระต่ายป่า แห่งเกาะนาฬิเกร์ / พนม เทียนธูปดอกไม้
    .
     
  19. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ท่านดอกไม้มั่ว นี่ นิพพานหลายอันหลายรอบ...นิพพานไม่บันยะบันยัง
    ท่านกระต่ายนี่ ของท่านเหลือกี่นิพพานกันล่ะ..เย็น ตามท่าน พุทธาตุ ล่ะสิ
     
  20. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    เมื่อมีความเป็นพระ ก็ต้องมีความเป็นอรหันต์ต้องมีนิพพานเป็นแดนเกิด
    เมื่อมีแต่ความเป็นมนุษย์ธรรมดา ไม่มีความเป็น เทพ เทวดา หรือสัตว์ทั้งปวง ความสงบย่อมรวมลงที่ตัวเอง นิพพานอยู่ที่ใจ
    ผมมองว่าจริงๆสภาวะนั้นเขาก็ไม่ได้ไปไหนนี่ครับมันก็อยู่ที่กลางใจของเราแบบนั้นมานานเนิ่นนาน ปรกติเราก็อยู่ของเราแบบนี้อยู่แล้วนอกจากมีใครมาหาที่บ้านหรือมีเรื่องราวอะไรก็ออกไปทำธุระ อาจจะนานมั่ง ไวมั่งก็แล้วแต่ พอกลับมาถึงบ้านก็ต้องชำระร่างกายก่อนแล้วนอนเตียงที่แสนคุ้นเคยมันก็ย่อมอบอุ่นเป็นธรรมดา ซึ่งความจริงไม่ว่าจะเป็นสภาวะอะไรอยู่ไปนานๆมันก็เป็นของธรรมดา
    ซึ้งบ้านหลังนี้เป็นบ้านของคนธรรมดาๆเท่านั้นครับ แล้วบ้านของท่านเป็นอย่างไรกันมั่งครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...