ธรรมหลังกึ่งกลางพุทธกาลเป็นต้นไป เป็นธรรมบัวบาน จะเปิดเผยครั้งแรกในยุคนี้นะ

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย anakarik, 12 พฤษภาคม 2016.

  1. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ธรรมรากบัว


    เคยได้กล่าวถึง ธรรมใบบัวของพระพุทธเจ้าองค์ก่อน และธรรมดอกบัวของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันไปแล้ว บทความนี้จะกล่าวถึงธรรมรากบัว อันเป็นธรรมของพระพุทธเจ้าองค์อนาคตคือ พระศรีอาริยเมตตรัย ซึ่งยังไม่ถึงเวลาจะเปิดเผย จึงขอกล่าวแต่เพียงน้อยเป็นการโฆษณาประชาสัมพันธ์เท่านั้น มิใช่การสอนแต่อย่างใด (ไม่ถือว่าละเมิดกฏสวรรค์)

    ธรรมใบบัวนั้น อุปมาเหมือนน้ำกลิ้งบนใบบัว โดยใบบัว คือ โลกและน้ำคือใจของเรา ใจของเราอยู่กับทางโลกไม่ได้แบ่งแยกโลกธรรม แต่ใจของเราไม่ยึดติดทางโลก เหมือนหยดน้ำกลิ้งบนใบบัวนั้น ส่วนธรรมดอกบัว อุปมาใจเราเหมือนดอกบัวบานชูช่อเหนือน้ำ ซึ่งจะเติบโตขึ้นมาได้โดยอาศัยโคลนตมเป็นอาหาร จึงอุปมาโคลนตมเหมือนกิเลสที่แปรเปลี่ยนให้เราเป็นโพธิ และใจของเราจะต้องยกขึ้นสูงเหนือน้ำเพื่อเบิกบานรับแสงตะวัน (แสงธรรม) ซึ่งธรรมของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย จะต่อเนื่องเชื่อมโยงกัน ไม่ขาดสาย และเพราะไม่ขาดสาย จึงไม่ใช่ธรรมะแบบตัวใครตัวมัน (ปัจเจกพุทธเจ้า) แต่เป็นธรรมที่ต่อเนื่องสืบๆ กันไป จากของพระพุทธเจ้าองค์อดีต ส่งต่อให้องค์ปัจจุบันนำไปพัฒนา และส่งต่อให้องค์อนาคตรับช่วงต่อไป หลายคนเข้าใจผิดคำว่า "ตรัสรู้เอง" คิดว่าไม่ต้องฟังใครอีกแล้ว ไม่ต้องสนใจธรรมะใครอีก เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่นะ นั่นเรียกว่า "พระปัจเจก"

    "ธรรมรากบัว" นั้น อุปมามนุษย์เหมือน "เมล็ดบัว" ที่มีเปลือกห่อหุ้ม จิตใจของมนุษย์เหมือนรากของบัวที่ต้องงอกจากเมล็ด ซึ่งรากนั้นขาวบริสุทธิ์อยู่แล้ว แต่กลับยอมหยั่งลงต่ำ มุดลงโคลนตม (กิเลสของมนุษย์และทางโลก) ดังนั้น เราจึงต้องทลายอัตตาตัวตน อันเป็นดั่งเปลือกของเมล็ดดอกบัว เพื่อให้จิตใจที่ขาวบริสุทธิ์ของเรา ได้เปิดเผยออกมา แล้วหยั่งลงสู่ที่ต่ำ เพื่อโปรดสัตว์ เราต้องหยั่งลงลึก ลงสู่จิตใต้สำนึกเบื้องลึกลงไปเรื่อยๆ เราจะได้เห็นตัวตนที่ถูกเก็บซ่อนไว้ในระดับลึกเรื่อยๆ ทะลุลงไปเรื่อยๆ ทลายอัตตาไปเรื่อยๆ ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ดุจรากบัวนั่นเอง นี่คือ ลักษณะธรรมของพระพุทธเจ้าศรีอาริยเมตตรัย องค์อนาคต ไม่ได้เอามาสอนนะ ยังไม่ถึงเวลา สอนไม่ได้ ทำได้แค่ "โฆษณา" ไว้ก่อนเท่านั้นเอง

    รายละเอียดระดับลึก ปฏิบัติอย่างไรนั้น ไม่อาจเปิดเผยได้ครับ
     
  2. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    Generation Z (Zero) กับ ปชต.


    ผมได้กล่าวถึงเจนเนอเรชั่นทั้งสามที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา ปชต. มาแล้ว ในบทความนี้จะกล่าวถึง Generation Z (Zero) หรือ Gen Zero ซึ่งจะเข้ามาทำหน้าที่ set zero กันครับ เอาละ ถามตรงๆ กันเลยว่าเกี่ยวข้องอย่างไรกับ ปชต. ในปัจจุบัน สรุปง่ายๆ คือ กลุ่มนี้ Gen Zero จะเขามาทำหน้าที่ set zero หรือล้างบางแล้วเริ่มต้น 0 ใหม่เอง ไม่ใช่หน้าที่ของพวกเราทั้งสามเจนเนอเรชั่นครับ ดังนั้น ก็ไม่ต้องไปแย่งหน้าที่ set zero จากคนยุคอนาคต Gen Zero ครับ ปัจจุบัน มีหลายท่านสับสน หลายท่านอยู่ใน Generation ก่อนๆ แต่กำลังทำเรื่อง set zero ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ของตัวเอง เป็นหน้าที่ในอนาคต ยุคของ Generation Z (Zero) เขาครับ (เราอย่าไปหลงทาง)

    Gen Zero เกิดมาเพื่อล้างบางโลก เพื่อปรับสมดุลโลกและทำให้มีการเริ่มต้นใหม่ที่เรียกว่า set zero ซึ่งยังไม่ใช่ยุคของเรา ไม่ใช่ยุคของ Gen X และ Gen Y ครับ สำหรับชาว Gen X เกิดมาเพื่อสร้างครอบครัว ความเจริญทางโลกโดยตรง ส่วน Gen Y เกิดมาเพื่อจะต่อยอด Gen X ไปสู่เป้าหมายสุดท้าย (Gen X ปูรากฐานทางโลก ส่วน Gen Y มาทำให้ออกดอกออกผลปลายทาง) และเมื่อสิ้นสุด หมดยุคของ Gen Y แล้ว จึงจะทำการล้างบางครับ (set zero) ดังนี้ อย่าเพิ่งไปคิดถึงสงครามโลก หรือสงครามล้างโลกในตอนนี้ มันยังไม่ถึง ยังไม่ใช่หน้าที่ของเราครับ เราเกิดมาในยุคไหน เราต้องทำหน้าที่ของเราให้ดี ให้จบ ในยุคของเราครับ ส่วนงานเพื่อโลกที่เหลือ ก็ต้องปล่อยให้คนยุคต่อๆ ไป เข้ามารับช่วงแทน อย่างชายก็กำเนิดใหม่จาก Gen X ชายตายทางจิตวิญญาณเกิดอีกทีเป็นพวก Gen Y แล้ว ชายก็ต้องทำหน้าที่ของ Gen Y คือ ทำส่วนที่คนยุคเก่ายังทำไม่สำเร็จ เพื่อต่อยอดไปให้ถึงจุดหมายปลายทาง อย่างในประเทศไทย เราทำ ปชต. กันมานาน ก็ต้องให้สำเร็จเกิดดอกออกผลกันในยุคของ Gen Y ครับ เมื่อเก็บเกี่ยวดอกผลหมดแล้ว จึงถึงเวลาไถทิ้งทั้งที่นา เพื่อปรับที่ดินล้างเป็น 0 เพื่อเริ่มต้นใหม่ ปัญหาคาราคาซังในโลกทั้งหลายก็จะถูกขจัดสิ้นไป

    ซึ่งในอนาคตจะมี Generation Zero เข้ามาทำเรื่อง set zero ครับ
     
  3. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    พัฒนาการไปสู่ ปชต. ของชาวไทยใน Generation ต่างๆ


    Baby boomer
    คือ กลุ่มคนรุ่นปู่ หรือคนเฒ่าคนแก่ในปัจจุบันนี้ ซึ่งใกล้จะไปแล้ว พวกเขาเริ่มต้นจากการไม่มีและไม่รู้จัก ปชต. มาก่อนเลย หลายคนอาจไปเรียนเมืองนอก ยุคบุกเบิกแล้วกลับมาทำงานในไทย เช่น มีชัย (ผู้ร่าง รธน.) เป็นต้น พวกเขาจึงมีแต่ "ทฤษฎี" ไม่ได้เข้าถึงจิตวิญญาณความเป็น ปชต. ที่แท้จริง บางคนเกิดและโตในเมืองนอกก็อาจซึมซับความเป็น ปชต. มาบ้าง เช่น กษัตริย์ ร. 8 และ ร. 9 นี่อย่าไปดูถูกว่าเขาไม่มี ปชต. นะ เขามี แต่เขาต้องทำหน้าที่ศักดินาดูแลพวกศักดินา ซึ่งเป็นกลุ่มอำนาจเก่าครับ

    Generation X
    คือ กลุ่มคนรุ่นพ่อรุ่นแม่เรา ที่กำลังเป็นกำลังสำคัญ มีตำแหน่งดีๆ ในสังคมทุกวันนี้ พวกเขาเรียนรู้ ปชต. จากการ "ทำงาน" เช่น การทำงานกับบริษัทฝรั่ง ก็ดี, การแต่งงานกับชาวต่างชาติก็ดี ฯลฯ แต่พวกเขาก็ยังไม่เข้าถึงจิตวิญญาณความเป็น ปชต. จริงๆ ดังนั้น จึงมีการเรียกร้อง ปชต. การประท้วงต่อสู้กับ รบ. เพื่อเร่งรัดให้พวกเขาเข้าถึงความเป็น ปชต. ให้ได้ กระบวนการนี้ มีจำนวนน้อยที่เข้าถึง ปชต. จริงๆ ส่วนใหญ่ยังต่อสู้แบบ "สังคมนิยม" คือ คิดว่าเราพวกมาก ไม่ได้คิดว่าอะไรคือ ปชต. ที่แท้จริงจนกล้าต่อสู้กับสังคม

    Generation Y
    คือ กลุ่มคนรุ่นลูกหลาน หรือ teenage ในปัจจุบัน ซึ่งอยู่ในวัยเรียนและยังไม่ค่อยมีงานทำกัน พวกเขาจะเรียนรู้ ปชต. "ผ่านสื่อต่างๆ" ซึ่งยุคของพวกเขาเป็น "ยุคแห่งการสื่อสาร" พวกเขาจึงไม่ต้องไปเรียนเมืองนอก และไม่ต้องทำงานกับบริษัทฝรั่งก็ได้ บวกกับนิสัยที่เปลี่ยนไปของพวกเขา คือ ชอบแหกคอก, อยากเป็นตัวของตัวเอง, ไม่ชอบคล้อยตามคำสอนคนรุ่นเก่า ฯลฯ จึงเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ดีในการเปิดยุค "บุปผาชนที่เบ่งบาน" (Blossom hipster) ซึ่งมีหลายแบบ เช่น เด็กแว๊นซ์, เด็กแนว, หนุ่มวาย ฯลฯ

    เมื่อดูทั้งสามยุคแล้ว ปชต. ในประเทศไทยมีอนาคตแน่นอนครับ
     
  4. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    ขอบคุณอีกครั้งนะครับท่านดอกไม้ ก็ว่าอยู่ทำไมพูดถึงขั้นตอนการเป็นพระศรีท่านจึงไม่ยอมคุยต่อเลยเพิ่งรู้เป็นความลับด้วยเหรอครับ รอท่านอีกนานนนนเลย
    การเล่นดนตรียิ่งหลายคนยิ่งน่าสนุกถ้ามีคนร่วมแจมเยอะคงจะมีสีสันมากขึ้นนะครับ เล่นผิดคีย์มั่งก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย จะได้รู้และแก้ไขกันได้ อย่างน้อยจะได้รู้ว่าเราเล่นกีต้าร์ได้ ยิ่งเล่นมันก็ยิ่งเก่งอยู่แล้ว หรือรอจังหวะตบมือก็ยังดีดนตรีมันมีไว้ผ่อนคลาย อย่าไปเครียดอย่าไปกำหนดอะไรมันเลย
    ยิ่งยุคนี้ไม่ว่าอยู่ในส่วนใดของจักรวาลยังเล่นดนตรียังเล่นแจมกันได้สบายๆ เพราะมนุษย์ก็คล้ายๆตัวรับส่งสัญญานอยู่แล้ว โลกนี้ดีจริงๆ
     
  5. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    ทำไมดนตรีต้องมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปตามยุคตามสมัยเอาดังๆละกัน ถ้าเป็นสมัยก่อนพอได้ยินเสียง ทาม ท่าม ขาก็ขยับแล้วยุคเอลวิสไม่มีใครกินเขาละ พอขยับมาอีกหน่อย ลูบเป้า ร้อง ป้าวววว คือใครไม่ต้องพูดถึงยังมีต่อเนื่องอีกมากมายทั้ง ร็อค แร๊ป คลาสสิคเต็มไปหมดตอนนี้ยุคเด็กแว้นซ์ เด็กสก๊อย ท่านเดินเข้าไปขยับขา ทาม ท่าม ให้พวกเขาฟังท่านไม่โดนต่อยรึ หรือเดินเข้าไปลูบเเป้าร้องป้าววววว ตรงหน้าเด็กท่านคิดว่าท่านจะรอดเหรอ ยุคสมัยเปลี่ยนไปมันก็ต้องมีกลวิธีต่างๆให้เข้ากันจะยึดเอาแบบเดิมๆบางครั้งเด็กก็ไม่ฟังหรอกครับ
    อ้อแต่บางครั้ง ผมก็ทำให้เด็กลูบเป้า กะ ทามท่ามได้นะครับท่านดอกไม้ก็สนุกดีครับ
     
  6. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ความรักแท้ ไม่ใช่ การเลือกซื้อสินค้า


    เมื่อใดที่คุณเลือกด้านดีของเขา
    หรือเลือกรักเขาเพราะเขาเป็นคนดี

    เมื่อนั้น มันไม่ใช่ความรัก มันเป็นแค่การเลือก
    คุณแค่เลือกสิ่งดีๆ ด้านดีๆ ที่คุณพอใจเท่านั้น

    เพราะความรักแท้ ไม่ใช่การเลือก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 กรกฎาคม 2016
  7. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,421
    ค่าพลัง:
    +3,204
    มันคือว่าคำว่า "ให้" ใช่ไหมค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กรกฎาคม 2016
  8. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    ความรักกับการให้ เป็นคนละสิ่งกัน

    ความรักแท้เป็นพื้นฐานของเมตตาบารมี ส่วน
    การให้ด้วยใจบริสุทธิ์เป็นพื้นฐานของทานบารมี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 กรกฎาคม 2016
  9. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,421
    ค่าพลัง:
    +3,204
    เมื่อเราให้ได้ทุกคน รักและเมตตาทุกคนไปหมด แต่ไม่เลือกใครเลยนี่เรียกว่านี้ก็เรียกว่า "เมตตา" บารมี แบบหนึ่งใช่ไหมค่ะ
     
  10. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,421
    ค่าพลัง:
    +3,204
    eiei หมายถึง ดาบเจ็ดสี มณีเจ็ดแสง นะคะ
    ถึงว่า..มีพลังงานอะไรบางอย่างเข้ามา
     
  11. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722


    ใช่ครับ
    เป็นความรักขั้นเทพ แบบสุริยเทพและเทพจันทรา
     
  12. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    ผิดถูกไม่ว่า ขอมีเพียงความกล้าก็น่าประทับใจ เพราะอย่างน้อยอาจจะมี 1 -2 คน หรือ 10-100 คนได้อ่านได้เข้าใจในสิ่งที่เขาสงสัยเหมือนกัน
     
  13. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    เมื่อเราเห็นสิ่งนั้นมีคุณค่าเราก็สามารถรักได้อย่างอิสระ เหมือนเราเห็น น้ำ เห็น ไฟ เห็น ร่างกาย เห็น สว่าง มืด อากาศ ทะเล กิเลส ต้นไม้ ใบหญ้า ชาวนา ความเจ็บป่วย ล้วนมีคุณค่าในทิศทางของตัวเอง ถ้าเข้าใจทำอะไรก็ยิ้มได้ละครับ
    แต่ก่อนจะรักได้อย่างนั้นต้องรักตัวเองดูแลตัวเองให้ดีเพราะตราบใดที่ยังเบียดเบียนตัวเอง ก็ยังคงเบียดเบียนผู้อื่นเบียดเบียนทุกสิ่งอยู่ดี ไม่ต้องกล่าวถึงคำว่ารักเลยครับ
     
  14. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    เขียน ๒๒.๒๖

    อืม..เชื่อล่ะ ว่าท่านใช้ธรรมะแว๊นซ์เป็นกะเค้าด้วย
    ขาแว๊นซ์มือโปร เค้าต้องมีการแหกโค้งกันบ้าง
    ก็ไม่รู้ไปโดนไรมานะ แต่แหกได้สะใจโก๋จัง


    กระต่ายป่า แอนด์เดอะแก๊ง / แสงสว่างตราค้างคาว

    .
     
  15. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ช่วงเวลาแห่งความไร้ระบบ


    ช่วงนี้สามโลกแปรปรวนและไม่อยู่ในระบบระเบียบนะ คนที่ควรได้รับบุญไม่ได้รับ คนที่ควรได้รับกรรมไม่ได้รับ คนที่ไม่ควรได้รับบุญได้รับ และคนที่ไม่ควรได้รับกรรมกลับได้รับ เพราะกำลังอยู่ในช่วง "จัดสรรพลังงานใหม่" ระบบยังไม่เข้าที่ ดังนั้น อย่าหลงสิ่งที่เห็นนะ มันคือ "มายาการ" เช่น เห็นคนได้บุญดี ได้นั่นได้นี่ จริงๆ มันไม่ใช่ มันอาจไม่ควรได้รับ เห็นคนได้รับกรรม ถูกกระทำเช่นนั้นเช่นนี้ มันก็อาจไม่ใช่ ไม่ควรได้รับ ทางโลกมีสิ่งผิดปกติ แปรปรวนเยอะ คนที่ทำดีไม่ได้ดี ทำชั่วกลับได้ดีมีมาก เทพยังทำหน้าที่ได้ไม่เต็มที่ก็เพราะระบบสามภพยังไม่เข้าที่นะ เป็นโอกาสของการบำเพ็ญของเหล่าพระโพธิสัตว์นะ พิจารณาดีๆ ใครควรได้รับบุญเท่าไร? ได้รับกรรมเท่าไร? เราสามารถเข้าไปช่วยเหลือดูแลเรื่องระบบบุญกรรมตรงนี้ได้นะ แต่ต้องรู้จริงนะ อย่ามั่ว อย่าทำตามอำเภอใจ อย่าทำตามอารมณ์ ถ้าไม่รู้จริงให้อยู่เฉยๆ บำเพ็ญศีลบารมีเอาไว้ก่อน อย่าทำอะไรโดยพละการณ์

    ซาตานหรือเทพภาคมืด คือ เทพที่ทำผิดกฏสวรรค์แล้วไม่ยอมรับผิด หนีมาบนโลกก็ดี หรือจิตวิญญาณที่ควรไปเกิดบนสวรรค์เป็นเทพ แต่มีปัญหาบางประการไปไม่ได้ แล้วติดค้างอยู่บนโลกก็ดี นี่ พวกเขาจะเข้ามาทำหน้าที่แทนเทพภาคสว่าง เทพสวรรค์องค์จริง จะไม่ทันได้ทำหน้าที่ เทพตัวปลอม พวกมืด พวกเงา มาทำหน้าที่แทน เหมือนทางโลกน่ะละ เราเห็นผู้ปกครองทางโลกใช่ไหม? เขาไม่น่ามาทำงานใช่ไหม? ดูเละเทะ ดูไม่ใช่เลย ใช่ไหม? คนดีๆ ที่ควรเข้ามาทำ กลับไม่ได้ทำใช่ไหม? นั่นละ สถานการณ์ตอนนี้ เป็นเช่นนั้น แต่ยังแก้อะไรมากไม่ได้ ยังต้องปล่อยให้เป็นไปช่วงหนึ่งที่เรียกว่า "ช่วงเวลาแห่งความไร้ระบบ" (Chaos period) ช่วงนี้อะไรก็เป็นมายาการนะ อย่าหลง เวลาได้บุญ ได้ดี อย่าหลงเลย มันไม่ดีจริง เช่น ซาตานบางตนดึงบุญในอนาคตของเรามาให้เราผิดเวลา ทำให้เราได้นั่นได้นี่มากมาย แต่มันไม่ดีจริงหรอก บางคนได้แฟนมาหาเยอะเลย เป็นเพศเดียวกันก็มี ผิดเวลาอีก เพราะยังไม่ใช่ชาติที่จะได้คู่กัน บางคนรวยมากเลย แต่ผิดเวลาอีก ทำให้ขาดโอกาสที่จะเรียนรู้ฝึกฝนตนเองไป เด็กบางคนได้รถยนต์เร็วขับไปชนคนตาย เด็กบางคนได้มือถือเร็วเอาไปนัดมี sex กันก่อนวัยอันควร เด็กบางคนได้อินเตอร์เน็ตเร็ว ใช้ไปในทางที่ผิดก็มี ฯลฯ เห็นไหม มันมีสิ่งผิดปกติใช่ไหม? ให้บำเพ็ญขันติบารมี "รอเวลาที่ใช่" ครับ

    ผลบุญออกก่อนเวลา มันจะนำปัญหามาให้มากกว่าความสุขครับ
     
  16. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    บอกแล้วเด็กแว๊นซ์เจอผมจะสิ้นฤทธิ์
     
  17. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,421
    ค่าพลัง:
    +3,204
    รักแบบนี้...รักแบบปัจเจกชน ก็มีค่ะ
    นอกจากรักขั้นเทพที่ท่านดอกไม่กล่าวไว้
    เพระจิตวิญญาณทุกดวงมีพื้นฐานความรัก
    เป็นอัตตาจิต กันทุกดวงค่ะ
     
  18. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,421
    ค่าพลัง:
    +3,204
    เห็นด้วยค่ะ ท่านพูดได้ถูกต้องมากเลย
    ตราบใดที่ยังรักตัวเองไม่มากพอ
    แม้กระทั่งเห็นตัวเองยังไม่ดีพอ
    อย่าเพิ่งมอบความรักให้แก่ใคร
    นำความรักที่มีให้แก่ตนเองก่อน
    แล้วค่อยขยายความรักนั้นสู่คนอื่นต่อไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กรกฎาคม 2016
  19. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    อาจารย์ของชายกับชายได้รับธรรมจากพระพุทธเจ้าโดยตรง


    อาจารย์ของชายท่านหนึ่ง ท่านท้าทายพระพุทธเจ้าว่าท่านพร้อมแล้ว วันนี้ ขอให้มาโปรดเลย แล้วท่านก็นั่งสมาธิ แล้วเกิดเรื่องเลย คือ เกิดพลังหมุนภายในครับ หมุนแบบสุดๆ แบบไม่เคยเป็นมาก่อน จนทำรู้สึกเหมือนพลังมันดันขึ้นหัวเหมือนเข็มหมื่นๆ เล่มทิ่มหัว เจ็บสุดทนในที่สุดก็ระเบิดโล่ง โพล่ง คลายหมดครับ ท่านก็สำเร็จของท่าน ไม่ใช่สำเร็จเองแบบไม่สนใจใคร ไม่ฟังอีร้าค่าอีรมใครนะ แต่มีพระพุทธเจ้าท่านมาโปรด ถ่ายทอดธรรมที่เรียกว่า "ธรรมจักร" ให้ จากนั้นท่านก็บำเพ็ญต่อจนสำเร็จได้เองครับ

    ส่วนชายได้รับเป็นปริศนาธรรมเหมือนดวงจันทร์ (แบบท่านสุภัททะ) อย่างที่เคยเล่าแล้วว่าท่านแสดงปาฏิหาริย์เลย ให้เห็นจะๆ กับตาเป็นรูปดวงจันทร์แต่ไม่ใช่ดวงจันทร์เพราะไม่มีกระต่ายข้างในและเคลื่อนลงลับหายไปอย่างรวดเร็วผิดปกติ สุดท้าย ชายก็เข้าถึงเรื่อง "จิตประภัสสร" ได้ ถึงแม้จะไม่มีใครเชื่อก็ตาม ชายจึงเน้นย้ำมากในเรื่อง "การต่อสายธรรมจากพระพุทธเจ้า" พระพุทธะทั้งหลายไม่ขาดสายดุจสายธารธรรม เราต้องต่อสายธรรมกันแบบนี้ เหมือนหลวงปู่มั่นก็เจอพระพุทธเจ้ามาโปรดในนิมิตรครับ ของจริง มีจริง ปฏิบัติจริง ก็เห็นได้จริงเอง ไม่ได้โม้หรอกครับ แต่หลายคนยังไปไม่ถึงก็ไปตั้งตน ตั้งตัว ตรัสรู้เองแบบไม่สนใจใคร ไม่ฟังอะไรใคร กลายเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้ากัน ผิดเวล่ำ เวลา ผิดยุคสมัยกันเสียแล้ว

    ไอ้แบบเก่งเว่อร์ ตรัสรู้เอง เป็นพุทธะเสียเองนี่ชายเจอมาเยอะครับ


    [​IMG]
     
  20. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,421
    ค่าพลัง:
    +3,204
    ขณะนี้ระบบกำลังจัดสรรพลังงานใหม่ นะใช่ ค่ะ

    แต่....คำของท่านนั้น

    พวกเขาจะเข้ามาทำหน้าที่แทนเทพภาคสว่าง เทพสวรรค์องค์จริง จะไม่ทันได้ทำหน้าที่ เทพตัวปลอม พวกมืด พวกเงา มาทำหน้าที่แทน เหมือนทางโลกน่ะละ เราเห็นผู้ปกครองทางโลกใช่ไหม? เขาไม่น่ามาทำงานใช่ไหม? ดูเละเทะ ดูไม่ใช่เลย ใช่ไหม? คนดีๆ ที่ควรเข้ามาทำ กลับไม่ได้ทำใช่ไหม? นั่นละ สถานการณ์ตอนนี้ เป็นเช่นนั้น

    คงไม่ใช่หมายถึง การทำความดีใช่ไหมค่ะ

    บางทีก็คิดว่า..การแบ่งหน้าที่การทำความดี..ทำไม?..ต้องแย่งกันค่ะ

    ก็ในเมื่อการทำความดี..ก็เป็นส่วนหนึ่งของส่วนรวมเหมือนกันนะค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...