นิทาน เรื่อง "พญานาค"

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย คุรุวาโร, 31 ธันวาคม 2011.

  1. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    นิทานเรื่อง นางกวัก

    สมัยเมื่อ 4,000 ปีเศษ เขาเขียวเป็นดินแดนที่ติดชายทะเล เมื่อน้ำทะเลขึ้นก็จะโอบล้อมเขาเขียว เมื่อน้ำทะเลลงก็สามารถเดินทางติดต่อกับแผ่นดินใหญ่ได้โดยการเดินเท้า เขาเขียวเป็นดินแดนที่มีความอุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพรรณธัญญาหารแมกไม้นานาพรรณ ท้องทะเลสมบูรณ์ด้วยสัตว์น้ำที่เป็นอาหาร เขาเขียวมีถ้ำปรากฏอยู่มากมายใช้เป็นที่หลบซ่อนศัตรูและเก็บรักษาสมบัติต่างๆ น้ำทะเลเปรียบเสมือนปราการสำคัญทางธรรมชาติที่ช่วยปกป้องผืนแผ่นดินเขาเขียวจากภยันตรายภายนอก เขาเขียวในสมัยนั้นจึงมีผู้คนอาศัยกันอยู่คับคั่ง มีอารยะธรรมที่รุ่งเรืองตามกาลสมัย ผู้คนสร้างบ้านเรือนอยู่บริเวณโดบรอบเขาเขียว ตามที่ราบลุ่มและตามชายหาด

    องค์อินอธิราช
    ในกาลครั้งนั้นได้มีบุรุษ 3 คน เดินทางมาถึงเขาเขียว ทั้ง 3 คนเป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน คนพี่ซึ่งน้องๆ ยอมรับว่าเป็นผู้มีบุญญาธิการสูงกว่าคนอื่น ได้เข้าปกครองเขาเขียว และตั้งเมืองขึ้นใหม่ที่เขาเขียวแห่งนี้ชื่อว่า "เมืองวังแก้ว" และเป็นกษัตริย์ปกครองเมืองทรงพระนามว่า "องค์อินอธิราช"

    ส่วนคนกลาง (ไม่ทราบพระนามจริง)ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเสมือนพระมหาอุปราชของเมืองวังแก้ว ปกครองเขาเขียวอีกยอดหนึ่งถัดไป (เขาเขียวมีภูเขาหลายลูก) คนกลางนี้ต่อมาก็คือ "ปู่เจ้าเขาเขียว" นั่นเอง

    ส่วนคนน้อง (ไม่ทราบพระนามเช่นกัน) ไม่ฝักใฝ่ทางโลก แต่ฝักใฝ่ทางธรรม ได้ออกผนวชเป็นพราหมณ์ฤาษีบำเพ็ญศีลภาวนาอยู่ ณ เขาเขียวอีกยอดหนึ่ง และเป็นผู้ประสิทธิประสาทวิชาการทั้งปวงให้แก่ราชวงศ์และพลเมืองของเมืองวังแก้ว

    การปกครองในสมัยนั้นเป็นแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ พลเมืองแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือทหารทำหน้าที่คุ้มครองป้องกันเมือง และพลเมืองมีหน้าที่เป็นคณะปุโรหิต และทำหน้าที่อื่นตามแต่เจ้าเมืองจะมอบหมาย องค์อินอธิราชเป็นกษัตริย์ที่มีน้ำพระทัยเปี่ยวด้วยความอ่อนโยนและเมตตาธรรม ดังนั้นราษฎรของเมืองวังแก้วจึงอยู่กันด้วยความร่มเย็นเป็นสุขและเจริญรุ่งเรือง ในการว่าราชการ พระองค์ฯ ได้ตกแต่งถ้ำเป็นท้องพระโรงสำหรับว่าราชการ และเก็บพระคลังมหาสมบัติไว้ในถ้ำ รวมทั้งเป็นที่ประทับส่วนพระองค์และราชวงศ์ องค์อินอธิราชมีพระราชธิดาเพียงพระองค์เดียว พระนามว่า "องค์หญิงอุมาเทวี"

    ปู่เจ้าเขาเขียว ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์
    เมื่อองค์อินอธิราชมีพระชนมายุได้ 50 พรรษาเศษ และองค์หญิงอุมาเทวี มีพระชันษา 16 พรรษา ปู่เจ้าเขาเขียว ได้กระทำปราบดาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์แทน เป็นอันว่าสิ้นสุดราชวงศ์องค์อินอธิราช และสิ้นสุดเมืองวังแก้ว พร้อมถ้ำที่ประทับทั้งปวงของเมืองวังแก้วได้ถูกปิดตายตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

    เมืองมินต์
    ปู่เจ้าเขาเขียวได้ตั้งนามเมืองของพระองค์ใหม่ว่า "เมืองมินต์" พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ครองเมือง การปกครองเมืองของพระองค์ก็ได้ใช้ถ้ำเป็นท้องพระโรงว่าราชการ เก็บพระคลังมหาสมบัติ และเป็นที่ประทับของพระองค์และราชวงศ์ คล้ายคลึงกับที่องค์อินอธิราชได้ปฏิบัติมา แต่เป็นคนละสถานที่กัน

    ปู่เจ้าเขาเขียวเป็นกษัตริย์ที่มีน้ำพระทัยแตกต่างจากองค์อินอธิราช กล่าวคือพระองค์มีพระทัยดุ เหี้ยมหาญ เด็ดขาด เป็นที่คร้ามเกรงของอริราชศัตรู ปู่เจ้าเขาเขียวมีพระมเหสี 4 องค์ มีพระราชโอรสหลายพระองค์ แต่ทรงมีพระราชธิดาเพียงพระองค์เดียวนามว่า "องค์หญิงกวักศิรินภา" ทรงพระศิริโฉมงดงามมาก มีเสน่ห์ทำให้เกิดความรักความเมตตาแก่ผู้ที่ได้พบเห็น กิตติศัพท์ความงดงามขององค์หญิงกวักศิรินภาเป็นที่เลื่องลือไปยังทั่วแคว้นแดนไกล แต่องค์หญิงกวักศิรินภา ต้องมาสิ้นพระชนม์ด้วยอุบัติเหตุเมื่อพระชันษาเพียง 15 พรรษา แต่กระนั้นก็ตามนามของ "นางกวัก" ก็ยังเป็นสัญญลักษณ์ของความมีเสน่ห์เมตตามหานิยม มาจนตราบเท่าทุกวันนี้

    สละราชสมบัติถือศีลภาวนา
    เมื่อปู่เจ้าเขาเขียวมีพระชนม์ย่างเข้าสู่ปัจฉิมวัย ได้มีน้ำพระทัยใฝ่ทางธรรมมะมากขึ้น จนพระองค์ได้สละราชสมบัติถือศีลภาวนา และผนวชเป็นพราหมณ์ฤาษีจนเสด็จสวรรคต ในส่วนของเมืองมินต์ เมื่อปู่เจ้าเขาเขียวได้สละราชสมบัติแล้ว ไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดได้สืบราชสมบัติแทน โอรสและพระราชวงศ์ส่วนหนึ่งได้อพยพเข้าสู่ผืนแผ่นดินใหญ่สร้างบ้านสร้างเมืองขึ้นใหม่ ยังคงมีพลเมืองของเมืองมินต์ส่วนหนึ่งเท่านั้นที่มิได้อพยพไปไหน เป็นอันสิ้นสุดความรุ่งเรือของเมืองมินต์

    ในช่วงต่อมาอีกไม่นานนัก เขาเขียวก็ประสบเคราะห์กรรม ได้เกิดวาตภัย อุทกภัย โหมกระหน่ำทำลายเขาเขียว จนบ้านเรือนพังพินาศ พลเมืองล้มตายลงหมดสิ้น เขาเขียวกลายเป็นป่าเขาที่รกชัฎ เต็มไปด้วยสิงสาราราสัตว์ เป็นสถานที่รกร้างไร้ผู้คน เป็นสถานที่สงบเหมาะสำหรับบำเพ็ญเพียรของฤาษีชีไพรเท่านั้น

    ราชาแห่งวังแก้ว องค์อิน
    ราชันย์คู่เมืองมินต์ ปู่เจ้า
    เคยครองผืนแผ่นดิน นามเขา เขียวเฮย
    สองพระองค์ท่านเฝ้า ปกป้องรักษา

    เวลาลุล่วงพ้น นานนัก
    ถึงสองเมืองนี่จัก ล่มแล้ว
    หากแต่คำทายทัก ยังคง อยู่เฮย
    เมืองมินต์อีกวังแก้ว จักฟื้นคืนคง

    เชิญองค์ ปู่เจ้า เขาเขียว
    ธิดา องค์เดียว ชื่อก้อง
    องค์อิน อธิราช เรืองรอง
    คุ้มครอง พลิกคืน ฟื้นเมือง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2012
  2. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ตำนานนางกวัก อีกหนึ่งตำนานค่ะ

    ตามตำราโบราณว่ากันว่า นางกวักเป็นบุตรีของ “ ปู่เจ้าเขาเขียวหรือท้าวพนัสบดี” ซึ่งเป็นเจ้าชั้นจาตุมหาราชิกาภูมิคือสวรรค์ชั้นที่หนึ่ง มีตำแหน่งเป็นพระพนัสบดีคือ เจ้าแห่งป่าเขาลำเนาไพรทั้งปวง ครั้งนั้นมีอสูรตนหนึ่งชื่อ “ ท้าวกกขนาก” ซึ่งเป็นเพื่อนกับ ปู่เจ้าเขาเขียว ถูกพระรามเอาต้นกกแผลงไปถูกทรวงอกแล้วตรึงร่างไปติดกับเขาพระสุเมรุแล้วสาปว่า “ ตราบใดที่บุตรของท้าวกกขนากทอใยบัวเป็นจีวร เพื่อถวายแด่พระศรีอริยาเมตไตรยที่จะเสด็จมาตรัสรู้แล้ว จึงจะพ้นคำสาป”

    ดังนั้น นางประจันต์ บุตรสาวของท้าวกกขนากจึงต้องอยู่คอยปฏิบัติพระบิดาและพยายามทอจีวร ด้วยใยบัวเพื่อให้เสร็จทันถวายพระศรีอาริยะเมตไตรย ที่จะเสด็จมาตรัสรู้ในอนาคตกาล เมื่อบุตรสาวของท้าวกกขนากมาคอยดูแล พระบิดาอยู่ที่เขาพระสุเมรุนั้น ทำให้ฐานะความเป็นอยู่ของนางลำบากยากเข็ญยิ่งนัก

    ฝ่ายปู่เจ้าเขาเขียวเมื่อทราบเรื่องจึงได้เกิดความสงสารก็เลยส่งนางกวักบุตรสาวมาอยู่เป็นเพื่อน ด้วยบุญฤทธิ์ของนางกวัก จึงได้บันดาลให้พ่อค้าวานิช และผู้คนเกิดความสงสารเมตตาพากันเอาทรัพย์สินเงินทองพร้อมทั้งเครื่องอุปบริโภคมาให้ยังที่พักของนางประจันต์เป็นจำนวนมาก ทำให้ความเป็นอยู่ของนางประจันต์มีความสมบูรณ์พูนสุขและเจริญด้วยลาภทั้งปวง

    ลักษณะของนางกวัก
    เป็นรูปศักดิ์สิทธิ์ที่แกะจากปลายของงวงช้าง ซึ่งค่อนข้างหายากในปัจจุบันนี้ จะเห็นกันก็เป็นเพียงรูปปั้นผู้หญิงนั่งพับเพียบ นุ่งผ้าซิ่นและห่มสไบเฉลียงแบบคนโบราณ มือซ้ายวางข้างลำตัวหรือถือถุงเงิน มือขวายกขึ้นในลักษณะกวัก ปลายนิ้วงอเข้าหาลำตัว การยกมือขึ้นในลักษณะกวัก ถ้ามือยกสูงระดับปาก มีความหมายว่า กินไม่หมด หากว่ามือที่กวักอยู่ต่ำกว่าระดับปาก เขาถือว่ากินไม่พอ

    จากตำนานของนางกวักที่กล่าวมาแล้วนี้ ทำให้พระโบราณอาจารย์ได้ประดิษฐ์สร้างวัตถุมงคลเป็นรูปแบบนางกวักขึ้นมาบูชาเพื่อหวังอานิสงส์ด้วยเมตตามหานิยม โชคลาภในการค้าขายได้ปรากฏรูปอยู่ตามอาคาร ร้านค้า และบริษัทต่างๆ มากมาย
     
  3. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    คาถาบูชาแม่นางกวัก
    ส่งผลดีทางด้านค้าขาย เมตตา มหานิยม ว่านะโม ๓ จบแล้วกล่าวดังนี้

    โอมปู่เจ้าเขาเขียวมีลูกสาวคนเดียว ชื่อว่าแม่นางกวัก หญิงเห็นหญิงรัก ชายเห็นชายรัก อยู่ทุกถ้วนหน้า

    เอหิมามะมะ อาคัจเฉยยะ อาคัจฉาหิ เอหิมามะมะ
    จะค้าขายก็ขอให้เป็นเศรษฐี หนึ่งปีให้เป็นพ่อค้าสำเภาทอง
    จะค้าเงินขอให้เงินเข้ามากอง จะค้าทองขอให้ไหลมาเทมาเต็มบ้านเต็มเรือน
    จะค้าขายสิ่งหนึ่งประการใด ขอให้ซื้อง่ายขายคล่อง ขอให้ซื้อง่ายขายดี
    ขอให้เป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี

    อาคัจเฉยยะ อาคัจฉาหิ เอหิมามะมะ นะมะอะอุ นะชาลีติ อิกะวิติ
    พุทธะสังมิ ทุสะมะนิ อิธะคะมะ จะพะกะสะ นาสังสิโม สุมะโมโล นะโมพุทธายะ
    นะมะพะทะ นะเมตตา โมขายดี พุทธไม่ต่อ ธาซื้อดี ยะใจดี มิใจอ่อน
    รักพุทโธ ปฏิรูปัง สัมปะฏิจฉามิ เพี้ยง สิทธิโภคา สิทธิพะลา
    สิทธิจะมหาเดชา นะชาลีติ เอหิจงมา พุทธะสังมิ นิมามะมามา
    มาช่วยกันค้า มาช่วยกันขาย กวักเอาเงินมา กวักเอาทองมา กวักเอาโชคลาภ
    แก้วแหวนเงินทองข้าวของ หน้าที่การงาน ผู้คน ชื่อเสียงเกียรติยศ
    ข้าทาสหญิงชายมา

    มาด้วยนะโมพุทธายะ ปฏิรูปัง สัมปะฏิจฉามิ เพี้ยง พุทธังขอให้เป็นเศรษฐี
    มหาเศรษฐี ธัมมังขอให้เป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี สังฆังขอให้เป็นเศรษฐี
    มหาเศรษฐี เตชะสุเนมะภูจะนาวิเวอิติ นะเยปะรังยุตเต
    ขอจงนำเอาโชคลาภ แก้วแหวนเงินทองข้าวของ มาสู่ในสถานที่นี้ด้วย เทอญ
    พุทธังรักษา ธัมมังรักษา สังฆังรักษา
    พุทธังคุ้ม ธัมมังคุ้ม สังฆังคุ้ม
    เอหิพุทธานุภาเวนะ เอหิธัมมานุภาเวนะ เอหิสังฆานุภาเวนะ
    อายุ วรรโณ สุขัง พลัง
     
  4. สาวอุทัย

    สาวอุทัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +6,620
    สวัสดีค่ะ...ปยานาค ชาวเมืองคุรุวาโร
    วันนี้รู้สึกสบายศีรษะดีแท้...ขนลุกที่ศีรษะ แล้วคลาย..ละ..ลาย ไป
    ...อิอิ...เห็นด้วยหนอ..กับสมุนาเทวี ค่ะ..:cool:
    จะได้รู้แล้วรู้รอดไปเลยว่า สิริเทวี..ก๊ะ..สมุนาเทวี ..เป็นจั๊งดั๋ย..!!! เหอะ..เหอะ..
     
  5. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เธอกับฉันเมื่อวันวาน เป็นเช่นเพื่อน
    กลับลางเลือน คำว่าเพื่อนจางหายไป
    เหตุได้ชิดเคียงใกล้ จึงได้รัก ฝังใจ
    ไม่ผิดใช่ไหม เพราะรู้ใจกันตลอดเวลา

    ก่อนเคยเศร้าซึม เงียบเหงาและขืนข่ม
    เธอมาประโลมปลอบโยน ให้สุขอุรา
    ไม่เคยทิ้งร้างลา สุขและทุกข์ฟันฝ่า
    กาลเวลาล่วงมาแปรเปลี่ยนใจ

    เปลี่ยนความรักฉันเพื่อน กลบลบเลือนหายไป
    เกิดความรักขึ้นใหม่ ซึ้งใจทดแทน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2012
  6. สาวอุทัย

    สาวอุทัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +6,620
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 กรกฎาคม 2012
  7. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ไม่จริง...ไม่มีเคยมีเรื่องเล่าและตำนานฉันและเธอ
    หายไปกับสายลมและแสงแดด

    ตะวันขึ้นลาลับ...แล้วยังมีวันหวนคืนกลับมาใหม่
    เรื่องเล่าสองเรานั้นห่างไกล ไม่เคยมีผู้ใดล่วงรู้มัน
    มันเป็นเพียงนิยายสลายภพ ไม่มีวันบรรจบให้พบเห็น
    จะรื้อฟื้นไปใยให้ยากเย็น ฉันก็เป็นเช่นทุกวันที่ผ่านมา

    เป็นเพียงแค่เพื่อนร่วมน้ำสาบาน ว่าจะรักกันไม่ทอดทิ้งกันจนวันตาย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2012
  8. ศิวกา

    ศิวกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    656
    ค่าพลัง:
    +779
    คุยอะไรกันอยู่คะ
    พี่ดาว พี่นุ๊ก

    สวัสดียามบ่ายค่ะ..มารอฟังนิทานท่านปธ.ค่ะ
     
  9. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    น้องดา 3 เวลาหลังอาหารเลยนะคะ
    คุยเรื่องเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด...เอ้ยไ่ม่ใช่
    ความสัมพันธ์ฉันและเธอ เอ้อ...ก็ไม่ใช่อีก
    พี่กับคุงคู มีความผูกพันธ์กันเมื่อครั้งอดีตค่ะ
    เราสัมผัสได้ แต่ไม่ชัดเจน ซึ่งพี่ไม่ไ้ด้คลางแคลงใจ
    แต่คุงคู เธอสงสัยอยากรู้ให้ชัดเจนไป
    แม้แต่ชาตินี้ พี่ก็มีเพื่อนร่วมน้ำสาบาน

    เมื่อครั้งวัยรุ่น วัยคะนอง มีเพื่อนที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ
    พี่ได้ร่วมสาบาน พร้อมขอคำัสัตย์จากเธอทั้ง 2 คน
    จะยึดมั่นในการดำเนินชีวิตภายใต้ศีล 5 หากใครผิดคำสาบาน
    ขอให้มีอันเป็นไปในทุกขเวทนา เมื่อเธอทั้ง 2
    รับปากให้สัตย์ปฏิญาณแล้ว พี่จึงได้ดื่มน้ำร่วมสาบาน
    เป็นเพื่อนแท้ ไม่ทอดทิ้งกันเมื่อยามมีภัยหรือทุกข์โถม
    จะช่วยเหลือกันและกัน ปัจจุบันไม่ได้พบเจอกันอีกเลย
    ได้ข่าวว่าเธอคนหนึ่งไปบวชชีไม่สึกค่ะ ส่วนอีกคนไม่ได้ข่าวเลยค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2012
  10. ศิวกา

    ศิวกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    656
    ค่าพลัง:
    +779
    ต่อมอยากรู้กำเริบมั้งคะเลยแว้บ
    มาบ่อยๆ สนใจเรื่องท่านน่านฟ้าค่ะ ชื่อเพราะและ...
    เอ...หรือว่าพี่หนูนุ๊ก เบื่อหน้าน้องแล้วน้า...
    แงๆๆ ทำไงดี....
     
  11. fahmui

    fahmui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,933
    ค่าพลัง:
    +5,440
    เป็นความผูกพันที่ยอดเยี่ยมค่ะ :cool:
     
  12. fahmui

    fahmui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,933
    ค่าพลัง:
    +5,440
    ณ แดนสุขาวดี บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ สถานที่สำหรับผู้ทำคุณงามความดี โดยเฉพาะการทำทาน โดยมิได้หวังผลแห่งทานนั้น คิดแต่ว่าการทำทาน คือการสร้างความดีเท่านั้น
    ก็แปลกดี ที่บุญแต่ละอย่างที่คนทำ ตามแต่เจตนา จะมีพลานุภาพ ถึงกับเลือกแดนเกิดได้เชียวหรือ และแดนสุขาวดี ก็เป็นที่ปรารถนาของคนทั่วไป เป็นสวรรค์ชั้นสอง ที่มีเครื่องของทิพย์ ที่จะคอยต้อนรับเจ้าของบุญมากมายด้วยการเนรมิต ตามที่ใจปรารถนา

    มีต้นไม้สวรรค์ ที่อยู่ ณ ที่นี้อยู่ชนิดหนึ่ง ชื่อ"ปาริชาติ" หรือ"กัลปพฤกษ์" เป็นต้นไม้ทิพย์ ที่มีขนดใหญ่โตมาก มีดอกสีแดงเพลิง เมื่อถึงกาลเวลา 100 ปี ดอกไม้ ก็จะบานไปทั่วทั้งต้นหนึ่งครั้ง หมู่มวลเทพยดา นางฟ้า ต่างก็พากันมา อธิษฐานขอดอกปาริชาติจากต้น เพื่อนำมาอธิษฐานขอสิ่งที่ปรารถนา

    ดอกไม้จะค่อยๆปริดขั้วดอก ตกลงมายังฝ่ามือ ของเหล่าเทพตามแรงอธิษฐานนั้น แต่ถ้ายังไม่พร้อมจะรับทันที แต่ดอกนั้น ก็จะล่องลอยไม่ล่วงหล่นลงดิน โดยมีลมชนิดหนึ่ง คอยพยุงดอกไว้เช่นนั้น

    กลิ่นของปาริชาติหอมละมุนไปแสนไกล ถึงแปดแสนวา ยามที่ดอกแย้มบาน จะมีแสงสว่าง รุ่งเรืองไปทั่วสถาน และกลิ่นปาริชาติ ก็เป็นพรจากสวรรค์ ให้แก่ผู้ที่อยู่ ณ ที่แห่งนั้นเป็นพิเศษกว่าใคร เพราะเมื่อกลิ่นต้องจมูกผู้ใด ก็จะระลึกชาติได้โดยพลัน ได้รู้เห็นอดีตชาติแห่งตนเอง

    ***********************

    เอาเรื่องราวของดอกปาริชาติมาให้อ่านเพลินๆค่ะ
     
  13. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ก็ไ่ม่เิชิงผูกพันนะคะ น้องฟ้ามุ่ย แต่เป็นความเมตตามากกว่า
    เมื่อก่อนพี่คบคนไม่เลือกค่ะ คบได้หมดทั้งดีและไม่ดี
    แต่จะสงสารเพื่อนที่เป็นมิจฉาทิฏฐิมากกว่า เพราะเห็นอบายภูมิ
    อยู่เบื้องหน้าของเค้า หากไม่กลับตัวกลับใจ และส่วนใหญ่
    ก็จะชอบไปเกลือกกลั้วกับคนเหล่านั้น เพื่อทำความเข้าใจ
    และแนะนำสั่งสอนให้เค้าก้าวมาสู่หนทางของสัมมาทิฏฐิ
    โดยใช้ความรัก ความดี ความผูกพันเป็นสะพานทอดไป
    ให้เค้า่ได้เดินข้ามผ่านสู่สุคติภูมิ ไม่ใช่อบายภูมิ

    เพื่อนพี่เป็นโจรค่ะ และโดยนิสัยของพี่คือเด็ดขาด พูดคำไหนคำนั้น
    หากไม่เชื่อฟังก็มีลงมือค่ะ (สมัยก่อนนะ) ทุกคนจึงกลัวเกรง
    ยินดีที่เห็นเพื่อนมีความสุขที่แ้ท้จริง ไม่ใช่ความสุขจอมปลอม
     
  14. fahmui

    fahmui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,933
    ค่าพลัง:
    +5,440

    สาธุ อนุโมทนาบุญค่ะ ....

    เพื่อนแท้ เพื่อนตายหายากมากจริงๆในชีวิตหนึ่ง เมื่อเจอแล้ว พบแล้ว

    ก็อยากเจอ อยากพบอีกค่ะ :cool:
     
  15. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    พี่มีปณิธานแน่วแน่ในการลดจำนวนสัตว์นรกในอบายภูมิ
    ไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะต้องได้จำนวนมาก
    แต่เท่าที่ความสามารถจะทำได้เท่านั้นเองค่ะ
    ด้วยกำลังของสติปัญญาที่มีอยู่นี้ จึงไม่ค่อยคำึนึงถึงตัวเอง
    ว่าจะสกปรกเลอะเทอะเปรอะเปื้อนอะไรบ้าง

    ฝันเมื่อคืนจึงสะอื้นไห้...เมื่อคิดย้อนไปข้างหลัง
    การให้ความช่วยเหลืออย่างเสมอภาค
    ไม่เคยเลือกที่รักมักที่ชัง และไม่เคยหวังผลตอบแทนใดๆ
     
  16. สาวอุทัย

    สาวอุทัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    2,293
    ค่าพลัง:
    +6,620
     
  17. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    สัตว์หิมพานต์

    เหมราช
    ตามชื่อของสัตว์ชนิดนี้ เหมราชเป็นสัตว์ผสมที่มีร่างเป็นสิงห์ส่วนหัวเป็นเหม เหมเป็นสัตว์ในวรรณคดีไทยชนิดหนึ่ง บ้างก็ว่ามีลักษณะเหมือนหงส์ (ห่าน) แต่ในบางรูป ก็วาดเหมเหมือนสัตว์ตระกูลจระเข้

    กิเลน
    กิเลนเป็นสัตว์หิมพานต์ที่ได้รับมาจาก ประเทศจีน เช่นเดียวกับสัตว์หลายชนิดในจีน กิเลนตัวผู้กับตัวเมีย มีชื่อเรียก ไม่เหมือนกัน ตัวผู้มีชื่อเรียกว่า "กิ" ส่วนตัวเมียเรียกว่า "เลน" โดยทั่วไปเรียกโดยรวมว่า กิเลน

    ในตำนานจีน กิเลนมีหัวเป็นมังกร มีเขาเดียว (เขาแบบกวาง) มีร่างกายแบบกวาง แต่ผิวปกคลุมไปด้วยเกล็ด หางเหมือนหางวัว และมีกีบเหมือนม้า สัตว์วิเศษนี้ประกอบไปด้วบเบญจธาตุ ดิน น้ำ ไฟ ไม้ และ โลหะ กล่าวกันว่า กิเลนมีชีวิตยืนยาวหลายพันปี

    บางตำนานก็กล่่่าวว่า ตัวผู้เท่านั้นที่มีเขา บ้างก็ว่ามีหลายเขา แทนที่จะเป็นเขาเดี่ยว

    กิเลนเป็นสัตว์นำโชค และเป็นหนึ่งในสี่ สัตว์วิเศษของจีน สัตว์วิเศษอีก ๓ ชนิดของจีนคือ นกหงส์ มังกร และ เต่า

    ราชสีห์
    ราชสีห์เป็นสัตว์ที่มีพละกำลังสูง ราชสีห์มีอยู่ด้วยกัน ๔ ชนิดคือ บัณฑุราชสีห์ กาฬสีหะ ไกรสรราชสีห์ และ ติณสีหะ

    ส่วนสิงห์ผสมนั้นมีอยู่มากมาย โดยปกติสิงห์ผสมคือสัตว์ประสมที่มีลักษณะของ ราชสีห์กับสัตว์ประเภทอื่น

    ระมาด
    คำว่า “ระมาด” ในภาษาเขมรแปลว่าแรด ระมาดเป็นสัตว์หิมพานต์ที่ มาจากสัตว์ที่มีตัวตนอยู่จริง แต่อาจจะเพี้ยนไปบ้าง เพราะระมาด หรือแรดเป็นสัตว์ ป่าหายาก ศิลปินไทยในสมัยโบราณไม่รู้ว่าจริงๆแล้ว ระมาดหน้าตาเป็นอย่างไร จึงได้แต่วาดตามคำอธิบาย ระมาดที่ปรากฎในศิลปะไทยจึงดูคล้ายกับตัวสมเสร็จ ซึ่งมีจมูกเป็นงวงสั้นๆ ดูน่าจะเป็นพันธุ์ Malayan Tapir ที่มีอยู่ในเขตตะวันตกของประเทศไทย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. fahmui

    fahmui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,933
    ค่าพลัง:
    +5,440

    สงสัยจะใจตรงกัน อิอิ.... เคยคิดจะเอาสัตว์ในหิมพานต์มาให้อ่านหลายรอบ แต่หารายละเอียดไม่ได้ เลยไม่ได้เอามาลงจ้ะ :cool:
     
  19. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ส่งกระแสจิตมาหรือจ๊ะ น้องฟ้ามุ่ย
    ที่จริงมีเยอะกว่านี้ค่ะ เอามาลงแค่บางส่วน
    คั่นโฆษณาระหว่างรอคุณคุรุวาโร มาเล่าต่อเท่านั้นเอง
     
  20. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เหมราอัสดร
    เหมราอัสรมีรูปกายเป็นม้า ส่วนหัวเป็นเหม ตัวเหมนั้น บางที่ก็วาดออกมาเป็นแบบนกหงส์ บางที่ก็วาดออกมา ปากเหมือนสัตว์ประเภทจระเข้

    ดุรงค์ไกรสร
    ดุรงค์ไกรสรมีลักษณะคล้ายกับ โตเทพอัสดร กล่าวคือทั้งคู่ เป็นสัตว์ผสมระหว่าง สิงห์กับม้า ตามตำนาน ดุรงค์ไกรสรมีกายเป็นม้าสีแดง มีหางสีดำ กีบสีดำเหมือนม้า ส่วนหัวเป็นสิงฆืที่มีลักษณะสง่า ชื่อ “ดุรงค์ไกรสร” มาจากคำบาลีโบราณ ๒ คำคือ “ดุรงค์” ซึ่งคือสายพันธุ์หนึ่งของม้า และคำว่า “ไกรสร” ซึ่งก็คือสิงห็นั่นเอง .

    ดุรงค์ไกรสรเป็นสัตว์กินเนื้อเป็นอาหาร อาหารที่กิน ก็คือสัตว์นานาชนิดในป่าหิมพานต์ ไม่ว่าจะเป็นกวาง หรือวัวควาย ลักษณะเด่นของดุรงค์ไกรสรคือ สามารถวิ่งได้เร็วดุจม้าและ มีความแข็งแรงอย่างสิงห์

    ดุรงค์ปักษิณ
    ตามตำราดุรงค์ปักษิณคือม้าที่มีปีกและหางเหมือนนก มีกายสีขาวบริสุทธิ์ ส่วนขนคอ กีบและหางมีสีดำสนิท คำว่าดุรงค์ไกรสรมาจากคำ ๒ คำคือ ดุรงค์ ซึ่งคือหนึ่งในสี่สายพันธุ์ม้าและ ปักษิณ ที่แปลว่านก

    สัตว์หิมพานต์อีกชนิดที่เหมือนสัตว์ชนิดนี้คือ ม้าปีก ทั้งคู่คล้ายกันมากจะต่างก็เพียงแต่ม้าปีก มีหางดุจดั่งม้าทั่วไป หาใช่หางแบบนกไม่

    ค้านตะวันตกเองก็มีม้าติดปีกในตำนานเช่นกัน ที่รู้จักกันดีก็คือ เปกาซัส ม้าแห่งตำนานเทพของกรีก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...