ปฏิบัติมานาน ไม่ถึงไหนสักที

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย noppornl, 10 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. อินทรี

    อินทรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    418
    ค่าพลัง:
    +562
    ที่พูดมาเป็นเพียงผลพลอยได้จากการปฏิบัติสมาธิ ถ้าทำแล้วมันตรงกันข้าม
    คือ "ไม่สงบ ไม่เยน ไม่สบายเลย" ก้ให้เอา3 สิ่งมาพิจารณาหรือกำหนดจิตรู้ตามไปด้วยครับ ของดีหรือแก้วที่เจียระไนแล้ว มักจะซ้อนอยู่ในความทุกข์หรือ
    ความยากลำบาก เมื่อปัญญาเราถึงจิตถึงก้ย่อมจะมองเหนได้เองครับ... ไม่ง่ายแต่ก้ไม่ใช่ยากจนทำไม่ได้

    พุทโธ ธัมโม สังโฆ ที่จับมาเปนคำภาวนา ทำได้จนถึง"อุปจาระสมาธิ"เลยทีเดียวมีประโยชน์มาก การภาวนาที่ดีนั้นจะต้องไม่คาดหวังอะไรเลยก่อนจะนั่ง
    และภาวนาเพื่อลดความอยาก และทิฏฐิ ยิ่งนั่งแล้วความอยากในตัวเองลดลง
    ความยึดมั่นในตัวลดลงก้ถือว่าใช้ได้แล้ว นั่งเพื่อเอาชนะความอยากทั้งหลาย
    และความหงุดหงิดเมือ่จิตมันไม่สงบ ถ้าเอาชนะความอยากได้ ยังไงมันก้ได้
    บุญทั้งนั้น และได้บุญมากด้วย:boo:
    หลวงพ่อมิสซูโอะ ท่านเคยกล่าวไว้ว่า ถึงภาวนาแล้วจิตยังว้าวุ่นไม่สงบ ก้จัดว่า
    เปนภาวนาอย่างหนึ่งเช่นกัน คือถึงจิตไม่สงบเราก้ไม่ทอดทิ้งมั่นยังคงมั่นคงใน
    การภาวนา ไม่ทิ้งธุระตัวเองปล่อยไปกับอารมณ์นั้นๆ แล้วให้รู้ตัวด้วยว่าตอนนี้
    เรากำลังทำอะไรอยู่ ผู้ที่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังทำอะไรในขณะนั้นจัดเป็นผู้มีสติที่ดี

    ส่วนหลวงพ่อจรัญท่านกล่าวไว้ว่า สมาธิบางครั้งนั่งดีเหลือเกิน อีกวันหนึ่งนั่งไม่ได้เรื่องเลยยิ่งนั่งก้เหมือนไม่ได้อะไร "นั่งแล้วตื้อๆ"แต่จริงๆมันก้เปนสภาวะธรรมอย่างหนึ่งเช่นกัน มีตึง มันก้มีหย่อน เมื่อหย่อนไปสักพัก มันก้จะกลับมาตึงอีกครั้ง แต่ขอให้ภาวนาต่อไป อย่าไปสนใจว่าจิตไม่สงบแล้วหลงผิดคิดว่าจิตไม่ก้าวหน้าไม่งั้นจะกลายเป้นมองไม่เหน"ปัจจุบันธรรม" กลายเปนละเลยส่วนที่สำคัญที่สุดตรงนี้ไป แล้วก้ลืมกำหนดไปด้วยทำให้เสียโอกาสทอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กุมภาพันธ์ 2011
  2. สปาต้า

    สปาต้า Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +46
    ประเภท ได้สมาบัติแปด มาจากชาติก่อน แต่ที่ทำอยู่ได้แค่ ขณิกสมาธิ จึงยังไม่เกิดอาการใดๆ
    ให้ไปส่องกระจกดู แล้วลองเอาจิตตัวที่ดูไปอยู่ที่เงาเราในกระจก แล้วมองย้อนมาดูที่ตัวเรา
     
  3. badjoize

    badjoize เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    293
    ค่าพลัง:
    +293
    อย่าเพิ่งท้อครับ...เริ่มจากรักษาศีลให้จริงจัง มองทุกอย่างรอบตัวเป็นตามพระธรรมคำสอน

    สวดมนต์ให้ประจำ และกระทำสมาธิอย่าได้ขาด แล้วผมเชื่อว่าคุณจะเกิดปัญญาในไม่ช้านี้...
     
  4. 5314786

    5314786 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,800
    ทำกายให้ผ่อนคลาย ทำใจให้อ่อนโยนและเบิกบาน

    ดื่มด่ำกับลมหายใจ ดื่มด่ำกับสรรพสิ่งรอบกาย

    ลิ้มรส ของลมหายใจให้ได้ ลิ้มรสของธรรมชาติรอบกายให้ได้

    ลืมทุกสิ่ง ทิ้งทุกอย่าง
     
  5. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ขอเวลาไม่นานไม่ถึงชั่วโมง ต้องบรรลุธรรม
    เพียงระยะเวลาหนึ่งวันเต็มที่อย่างช้าต้องบรรลุธรรม
     
  6. เงาเทวดา

    เงาเทวดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +314
    สวัสดีครับ
    ผมมีปัญหากับการปฏิบัติธรรมมากๆ เริ่มทำมาตั้งแต่ยังเด็กๆ ทำมาเรื่อยๆ หยุดบ้าง ทำบ้าง จนผ่านมา 30 กว่าปี ก็ยังไม่พบวิธีการที่จะปฏิบัติแล้วสงบ นิ่ง เย็นสบาย แค่นี้แบบที่ยังไม่เกิดปิตินี่ ผมก็ยังไม่เคยพบเลย เคยนั่งทำอยู่นานที่สุดก็ 1 ชั่วโมง ขาเป็นเหน็บชา แต่จิตไม่รับรู้ถึงความสงบจากการปฏิบัติธรรมเป็นเช่นไร

    ตรงนี้ปรกติดีจ้า...วันไหนรู้จักแยกตัวรู้ออกจากอารมณ์ได้ ก็จะนั่งได้สบายไม่มีเหน็บชาจ้า...

    ผมทดลองมาก็มากมายหลายวิธี ทั้ง ภาวนา พุทโธ, พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สรณัง คัจฉามิ, จับลมหายใจเข้าออก, ยุบหนอพองหนอ, วิชาธรรมกาย ยังไม่เจอแนวที่ใช่สักที แบบที่ว่าทำแล้ว สงบ เย็น สบาย อย่างที่ได้ทราบๆมา

    ตรงนี้ให้เหลือแค่อย่างเดียวก็พอ จะเป็นพุทโธ อรหัง หรือถ้าคิดว่าตนเองมีความเมตตาสูงๆ ก็ใช้ยุบหนอพองหนอ ให้เหลืออย่างเดียวเหลือเฟือแล้วจ้า

    ปัญหาของผมอีกอย่างคือว่า จิตผมมันจะเร็วมากในการวิ่งไปหาสิ่งอื่น นอกเหนือจากการภาวนา ตัวอย่างเช่น ภาวนาอยู่ คำภาวนาก็อยู่ในหัวไม่ขาดเลย แต่จิตกลับแยกไปคิดเรื่องอื่น ทั้งๆที่คำภาวนายังอยู่ในหัว

    เอ้าถ้างั้นเปลี่ยนเป็น ภาวนาแล้วเอาจิตตามลมหายใจ สักแป็ปเดียว เดี๋ยวก็ลอยไปกับเรื่องอื่นอีกแล้ว ทั้งที่การภาวนา และการจับลมหายใจก็ยังอยู่ ต้องพยายามดูอยู่ตลอดไม่ให้หลุดออกไป ราวกับจิตตัวเองแบ่งภาคได้

    ตรงนี้ ไม่ควรนั่งนานเกินไป เอาแค่นาที สองนาทีก็พอจ้า...ตราบใดที่จิตยังไม่ถูกพระธรรมขัดเกลา ถ้านั่งนานๆ จะฟุ้งซ่าน หมายความว่า น้ำหนึ่งหยดที่ใสสะอาด(นั่งสักนาทีเดียว) ย่อมดีกว่าน้ำทั้งโอ่งที่เน่าเสีย ใช้การไม่ได้ (นั่งนานแต่ฟุ้ง) สรุปให้จิตฟุ้งซ่านทั้งลืมตาดีกว่า ฟุ้งขณะทำสมาธิเพราะอารมณ์จะฝังตัวแน่นกว่าลืมตาฟุ้งซ่าน ต่อเมื่อรู้จักองฌาณ วิตก (คิดวิเศษ คิดดีๆ คิดแต่เรื่องที่เป็นกุศล... วิจารณ์ (เที่ยวไปในความคิดวิเศษนั้น หรือประพฤติวิเศษ) จึงควรนั่งนาน แล้ว ปิติ สุข เอกคตา จะตามมาจากคิดวิเศษได้เองจ้า...

    ผมรู้สึกเหนื่อยกับการปฏิบัติมากๆ ที่ตัวเองไม่ไปถึงไหนสักที ยังไม่พบไม่เจอครูบาอาจารย์ที่แนะให้ แก้ไขปัญหานี้ได้เลย แต่ก็ยังไม่ท้อนะครับ ทำมันต่อ แม้จะไม่ได้พบเจอความสงบ แต่ก็อยากทำ

    ตรงนี้ดีจ้า...ถ้าจะให้ดีขึ้นไปอีก ก็ฝึกปลุกศรัทธาในพระรัตนตรัยให้แรงกล้ามากๆ หน่อย เพราะศรัทธาสามารถข่มนิวรณ์ธรรม (เครื่องกั้นจิต ไม่ให้บรรลุความดี)ทุกตัวได้จ้า...

    คำถามครับ
    1. การภาวนาของผมที่ทำมา มันเกิดบุญกุศลบ้างไหมครับ เพราะจิตไม่สงบ

    เกิดแน่นอน

    2. ถ้าผมแค่นั่งเฉยๆ แบบเอาจิตคอยสำรวจดูว่า แขน อยู่ตรงนี้ ขาอยู่ตรงนี้ ตอนนี้กำลังนั่งอยู่ สำรวจไปทั่วร่างกาย เพื่อหางานให้จิตทำ ผมจะได้บุญไหมครับ

    ได้บุญแน่นอน ถ้าประกาศตัวเป็นพุทธบริษัทแล้ว

    3. การนั่งนิ่งๆ แล้วไม่คิดอะไรเลย(ถ้าทำได้) เป็นบุญกุศลไหมครับ

    เป็น

    4. ยินดีรับคำแนะนำถึงแนวทางที่น่าจะเหมาะสมหับผมนะครับ

    กรรมฐานเลือกหนึ่งเดียวพอ ฟุ้งก็สวดมนต์มากๆ หน่อยจ้า...

    ขอบคุณครับ[/QUOTE]
     
  7. beverzone

    beverzone เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    589
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +2,174
    ผมมีบทความนึงของหลวงพี่เล็กมาให้อ่านครับ




    ถาม : ควรจะทำกรรมฐานวันละเท่าไร ถึงจะได้สมาธิขั้นที่ต้องการ ?

    ตอบ : อย่างน้อยต้องทำสมาธิเช้าเย็นให้อารมณ์ทรงตัว แล้วพยายามรักษาอารมณ์นั้นไว้ ถ้าคุณถามว่าวันละเท่าไร ? ๒๔ ชั่วโมงก็ไม่พอหรอก..!

    สำคัญตรงที่ว่า ทำแล้วรักษาอารมณ์ให้อยู่กับเราไว้ได้ ส่วนใหญ่อารมณ์ของเรามักจะอยู่เฉพาะตอนที่นั่ง พอลุกขึ้นไปทำอย่างอื่นก็หลุดหมด

    ถาม : ใช่ครับ

    ตอบ : หาวิธีประคองเอาไว้ ใช้สมาธิจดจ่ออยู่กับอารมณ์นั้น รักษาไว้ให้อยู่กับเราให้ได้ พอซ้อมไปมีความคล่องตัว ก็จะอยู่กับเราได้นานขึ้น ถ้าอยู่ได้เป็นวัน เป็นเดือน เป็นปีเมื่อไรจะมีความสุขมาก ตอนนั้นจะมีปัญญาเห็นช่องทางอีกมาก ว่าจะทำอย่างไรกับการปฏิบัติให้ตัวเองก้าวหน้า

    ถาม : ช่วงนี้ผมไม่ค่อยมีกำลังใจ เจอมารผจญ ทำอย่างไรดี ?

    ตอบ : ใครๆ ก็โดนกันทั้งนั้นแหละ จำเอาไว้เลยว่า ไม่มีอะไรเกินตาย ถ้าไม่กลัวตายเสียอย่าง ไม่มีใครทำอะไรเราได้หรอก..!

    ถาม : ถ้าผมอยากจะประสพความสำเร็จในเรื่องที่ประสพความสำเร็จได้ยาก

    ตอบ : ทุ่มเทสิวะ ไม่ทุ่มเทแล้วจะได้เรอะ..! ถ้ายิ่งยากกว่าคนปกติ ก็ต้องทุ่มเทมากกว่าคนอื่นหลายเท่า

    ถาม : อย่างนั้นหรือครับ เรื่องนี้ผมสองจิตสองใจอยู่ครับ

    ตอบ : แค่นี้ก็ต้องกลัวด้วยหรือ ? ก็แค่เกิดนานกว่าเขาเท่านั้น ไปเถอะ..ทำก็ทำ อย่าไปถามคนอื่นเขา เอากำลังใจของเราเป็นหลัก มัวแต่ไปถามคนอื่นแล้วค่อยตัดสินใจได้ นั่นไม่ใช่ตัวตนและกำลังใจที่แท้จริงของเรา


    สนทนากับพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนมกราคม ๒๕๕๔


    ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard...?t=2399&page=2
     

แชร์หน้านี้

Loading...