ประวัติ และอภินิหารย์หลวงปู่ตี๋ ฉันทธัมโม สุพรรณบุรี ศิษย์ 3 ต.

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย hellotawan, 10 กรกฎาคม 2012.

  1. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    มีคนสอบถามเข้ามาเรื่อยๆ เรื่องการเรียนวิชาในสายหลวงปู่ตี๋ ขอเล่าความเป็นมา และเรียนชี้แจงว่า

    ในช่วงที่หลวงปู่ตี๋เข้ามาพักรักษาตัวที่กรุงเทพใหม่ๆ ได้บอกแกอาจารย์ปฐวี ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมของท่านให้เปิดสอนเพื่อหาคนสืบทอดวิชาต่างๆ ของท่าน ด้วยศิษย์ท่านมีศิษย์เพียงแค่สองคนคือ พระอาจารย์บุญส่ง และอาจารย์ปฐวี บุตรบุญธรรมท่าน แต่ด้วยพระอาจารย์บุญส่งได้ถึงแก่การมรณะภาพไปแล้ว ทำให้เหลือเพียงอาจารย์ปฐวีเพียงท่านเดียว หลวงปู่ท่านก็ห่วงว่าวิชาจะไม่มีคนสืบต่อ แต่อาจารย์ปฐวีได้กล่าวกับหลวงปู่ว่า หลวงปู่ยังอยู่จะให้ตัวอาจารย์วึ่งเป็นทั้งศิษย์ และลูก ตั้งตนเป็นอาจารย์สอนลูกศิษย์ลูกหาได้อย่างไร ผิดธรรมเนียม เขาไม่ทำกัน และจะข้ามหัวหลวงปู่ผู้เป็นอาจารย์ ดังนั้นในระหว่างที่หลวงปู่ยังดำรงขันธ์ จึงไม่มีการรับศิษย์ใดๆ เข้ามาไม่ว่าจะพระ หรือฆราวาส จนในช่วงใกล้วาระสุดท้ายของหลวงปู่ ที่เมื่อท่านได้กำหนดวันมรณะภาพแล้ว ท่านได้เรียกอาจารย์ปฐวีเข้ามาพบ และบอกว่าท่านจะถอดวิชาทั้งหมดให้ไม่มีปิดบังอีกต่อไป จะได้ในทุกวิชาของหลวปู่ที่ร่ำเรียนมามากมายจากครูอาจารย์ต่างๆ แต่มีข้อแม้เพียงอย่างเดียวว่า ผู้ที่จะได้รับการถอดวิชาตำราทั้งหมดของตระกูลหลวงปู่อิ่ม จะต้องบวชเป็นพระไปตลอดชีวิต เรียกว่าแลกวิชากันด้วยผ้าเหลือง ตายในผ้าเหลืองเท่านั้น เมื่อได้ฟังเช่นนั้น อาจารย์ปฐวีจึงคิดและเห็นว่า ตอนนี้เหลือก็แต่เพียงท่านคนเดียวเท่านั้น จึงได้ตัดสินใจที่จะรับการถอดวิชาทั้งหมดในตำรา แลกกับการบวชตลอดชีวิต เพื่อไม่ให้สรรพวิชาเหล่านี้สูญหายไป เมื่อตัดสินใจแล้วหลวงปู่ก็เรียกลูกและภรรยาของอาจารย์ เข้ามาพบ และแจ้งเรื่องทั้งหมด พร้อมทั้งถามลูกเมียของอาจารย์ว่าจะยอมหรือไม่ ลูกเมียของอาจารย์ก็ไม่ขัดข้อง เห็นด้วยตามความประสงค์ของหลวงปู่ และการตัดสินใจของอาจารย์ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วอาจารย์ปฐวีจึงขอข้อแม้กับหลวงปู่ว่า ภายหน้าต่อไปจากนี้ ขอให้ลูกเรียนจบ เมียมีเงินทองสุขสบายมีคนดูแล หากสำเร็จตามนี้ ท่านจะออกบวชทันที และได้กำหนดปีที่บวชคือต้องไม่เกิน พ.ศ. 2559 หลวงปู่ก็รับคำขอของอาจารย์ หลวงปู่ได้กำชับว่า บวชอย่าให้เกินปี 59 เพราะรับการถอดวิชาแล้วจะต้องรีบบวช มิฉะนั้นอาจเกิดอาเพศถึงแก่ชีวิตได้

    หลังจากนั้นมาหลวงปู่ก็ได้เร่งสอนวิชา และเคี่ยวกรำอาจารย์ปฐวีในสรรพวิชาต่างๆ แม้อาจารย์จะเป็นวิชามาตั้งแต่สมัยเด็กที่อยู่กับหลวงปู่ แต่ก็ยังมีวิชาอีกมากที่ยังปิดบังเอาไว้ จะถ่ายทอดให้เฉพาะศิษย์ที่ได้รับการถอดตำราเท่านั้น และจะต้องแลกด้วยการบวชไม่สึก ถึงจะได้วิชาสำคัญเหล่านั้นไป หลวงปู่จึงต้องเร่งสอนวิชา และเคล็ดต่างๆ ในตำราให้หมดสิ้น ทั้งกลางวัน กลางคืน แม้หลับไปแล้ว หากถึงเวลาที่เหมาะสมหลวงปู่ท่านก็จะตื่นจากจำวัด และปลุกอาจารย์ปฐวีขึ้นมาหัดวิชา สวด เสกจนท่านมั่นใจในวิชาการต่างๆ อย่างเต็มที่ เมื่อหมดภาระหน้าที่ของท่านแล้ว หลวงปู่ก็จากพวกเราไปตาามที่ท่านได้กำหนดไว้แล้ว
     
  2. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    มาต่อเรื่องการถอดวิชาครับ

    จากเรื่องราวในกระทู้ด้านบนจึงเป็นมูลเหตุสองประการ คือ

    ๑. มีการดำเนินการสร้างอาศรม เพื่อให้อาจารย์ปฐวีได้มีที่อาศัยยามบวชแล้ว โดยอาศัยวิชา และวัตถุมงคลที่หลวงปู่ท่านได้ทิ้งไว้ให้ ได้มากบ้างน้อยบ้างก็ค่อยๆ สร้างกันไป

    ๒. มีการเปิดรับสอนวิชาให้แก่ศิษย์ผู้สนใจแบบไม่เลือกชั้น วรรณะ

    ในกรณีที่สองนี้ ถามว่าทำไมมีการสอนกันง่าย ไม่หวงของกันบ้างหรือ อาจารย์ปฐวีได้เคยบอกว่า ครูบาอาจารย์เราดี วิชาเราดี จะหวงไว้ทำไม ก็สอนเข้าไปสิ จะไปกลัวอะไร ศิษย์จะได้เก่งๆ คนก็จะได้มีวิชาติดตัวกัน ครูบาอาจารย์ทำได้ ศิษย์ก็ต้องทำได้ มัวแต่ไปหวงวิชา ตายไปก็หมดกัน อีกอย่างหลวงปู่ก็ไม่อยู่แล้ว ก็ถึงเวลาที่จะได้หาศิษย์สืบทอด ใครดีก็สอนมันให้เก่งๆ ใครไม่ได้ก็ไล่มันไป นี่จึงเป็นมูลเหตุให้มีการเปิดรับศิษย์อย่างเป็นทางการ และอาจารย์ได้ตั้งใจว่าจะรับสอนเพียงแค่ ๓ รุ่นเท่านั้น รุ่นแรกนั้นมาเรียนกันไม่มาก สุดท้ายก็ทนไม่ได้วิชาแรง ครูแรง ก็ต้องหายหน้าหายตาไปด้วยหลายๆ สาเหตุ ปัจจุบันเหลือเพียงไม่กี่คน จากนั้นก็ได้เปิดรุ่น ๒ เป็นรุ่นต่อมา รุ่นนี้มีเรียนกันมาก แต่ก็มีบ้างที่หายไป แต่ก็นับว่ามีเหลือมากกว่ารุ่นแรก และสุดท้ายรุ่น ๙ บทซึ่งเป็นรุ่นสุดท้ายจริงๆ ก็มีมาเรียนกันมาก รุ่นนี้ถือเป็นรุ่นทิ้งทวนก่อนอาจารย์จะไปบวช และก็คงจะมีเพียง ๓ รุ่นนี้เท่านั้น ถ้าจะเปิดอีกคงไม่ทัน อาจารย์ก็คงต้องบวชก่อน ในระหว่างน้ก็มีทั้งพระ และฆราวาสมากมายที่ขอเข้ามาเรียน แต่ว่าอาจารย์ได้ปิดรับคนเพิ่มแล้ว ได้ลั่นวาจาไว้แล้วจะผิดคำพูดก็ไม่ได้

    นี่ก็เป็นที่มาและมูลเหตุทั้งหมดในการเปิดสอนวิชา เพราะอาจารย์ และหลวงปู่มีความมั่นใจในสรรพวิชาที่จะสอนให้เก่งเหมือนอาจารย์ได้ ศิษย์ที่เรียนวิชาก็จะต้องผ่านพิธีกรรมต่างๆ ในแต่ละปี กว่าจะสำเร็จเป็นผู้ได้รับการถ่ายทอด ไม่ใช่ว่าจะมาครอบเศียรแล้วก็จบกัน ยังมีขั้นตอนพิธีกรรมในแต่ละปีที่เหล่าผู้เรียนต้องได้รับการประสิทธิ์จากอาจารย์อีกมาก

    วันหลังจะมาเล่าเรื่องการมรณะของหลวงปู่ว่าเป็นเช่นไร ให้ได้ฟังกันคับ
     
  3. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    ตะกรุดคอลิง

    [​IMG]

    ตะกรุดนี้เรียกได้ว่าเป็นตะกรุดประสบการณ์ สร้างชื่อให้หลวงปู่ตี๋ เป็นอย่างมาก เรียกว่าเป็นวัตถุมงคลหลักที่ศิษย์ต้องหากันมาไว้ครอบครอง และก็หายากพอสมควร คนมีก็ไม่ค่อยปล่อย หลวงปู่แย้มมีตะกรุดคอหมา หลวงปู่ตี๋มีตะกรุดคอลิง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อสมัยหลวงปู่ยังอยู่ที่วัดเขาเขียว ไปอ่านที่มาที่ไปเลยดีกว่า

    มีสามีภรรยาคู่หนึ่ง นำลิงมาเลี้ยงตั้งแต่เล็กจนโต เลี้ยงดูเป็นอย่างดี ฝ่ายภรรยาก็รักลิงตัวนั้นเหมือนลูก ลิงตัวนั้นก็เป็นมิตรไม่เคยทำร้ายหรือทำอันตรายใคร ว่านอนสอนง่ายด้วยความที่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กๆ แต่เรื่องราวไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น มีอยู่วันหนึ่งสามีภรรยาได้ออกไปทำงานนอกบ้าน จึงได้ฝากลูกไว้กับข้างบ้าน ในช่วงบ่ายของวันนั้น เด็กน้อยก็เดินเล่นตามประสา เมื่อเห็นลิงกำลังนั่นเล่นอยู่ ก็หยิบไม้เดินตรงเข้าไปหาเจ้าลิงตัวนั้น แล้วฟาดเข้าไปที่ลิง ด้วยความที่ลิงตกใจ และต้องป้องกันตัวตามสัญชาตญาณจึงได้กระโดเข้ากัดเข้าที่เด็กน้อยจนต้องเย็บถึง 30 เข็ม เมื่อแม่เด็กทราบข่าวก็รีบกลับมาดู โดยที่ยังไม่ได้บอกสามี ลิงก็รักเหมือนลูก ถ้าสามีรู้ลิงต้องโดนยิงตายแน่ๆ ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงนำลิงตนนั้นไปถวายให้หลวงปู่ตี๋ พร้อมทั้งเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง หลวงปู่จึงรับลิงตัวนั้นไว้เลี้ยง

    เมื่อรับลิงตนนั้นไว้แล้ว เหมือนหลวงปู่จะทราบถึงอันตรายที่จะเกิดกับลิง จึงได้นั่งจากรตะกรุดดอกเล็กๆ ไว้แล้วแขวนไว้ที่คอของลิง ตกเย็นพ่อของเด็กกลับมาจากทำงานทราบเรื่องที่เกิดขึ้นกับูกของตน ก็เกิดความโมโห เดินเข้ามาในวัดตรงมายังต้นไม้ที่ลิงเกาะอยู่ หยิบปืน .38 ขึ้นมากระหน่ำยิงไปที่ลิงตัวนั้นทันที หวังให้ตายแน่ๆ แต่ปรากฏว่า พอกระหน่ำยิงไปที่ลิง ปืนยิงไม่ออก ดัง แชะ แชะ แชะ หลวงปู่ตี๋ท่านก็ได้แต่ยืนมองดูทำอะไรไม่ถูก เมื่อยิงไปที่ลิงปืนไม่ออก พ่อเด็กก็หันปากกระบอกไปที่ท้องฟ้า ยิงออกไปดัง ปั๊ง! ปืนยิงออกตามปกติ เมื่อเป็นดังนั้นจึงหันปืนมาที่ลิงแล้วก็กระหน่ำยิงอีกครั้ง ปรากฏว่า ครั้งนี้ปืนก็ดัง แชะ แชะ เหมือนเดิม เมื่อเห็นว่ายิงไม่ออกจึงได้เดินกลับบ้านไปด้วยความโมโห และหัวเสีย รุ่งขึ้นอีกวันพ่อเด็กก็ยังแอบมาลอบยิงลิงตนนั้นอยู่ แต่ก็ยิงไม่ออกอีกเช่นเคย สุดท้ายก็ต้องล้มเลิกความตั้งใจไปในที่สุด เมื่อศิษย์บางคนรู้ก็ถึงกับว่าจ้างให้คนแอบปลดตะกรุดดอกนั้นมาให้ด้วยเงินหลายพันบาทในสมัยนั้นถือว่าสูงมาก แต่ศิษย์ผู้นั้นก็ไม่ได้ปลดออกมายังคงปล่อยไว้ที่คอลิงตามเดิม

    ลิงตนนั้นก็อยู่กับหลวงปู่มาโดยตลอด จนหลวงปู่ย้ายมาวัดท่ามะกรูดมันก็ยังตามมา และตายลงตามอายุไขของมัน หลวงปู่ผูกพันและรักลิงตัวนี้มาก ด้วยความที่มันฉลาด แสนรู้ และเชื่อฟังหลวงปู่ เมื่อมันตายหลวงปู่ก็ยังคงเก็บกระดูก และตะกรุดดอกนี้ไว้มาจนทุกวันนี้
     
  4. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    ตะกรุดคอลิง (ต่อ)

    [​IMG]
    Credit : อารามบอย

    เมื่อลูกศิษย์ทราบว่าตะกรุดที่คอลิงขลังนักถึงกับยิงไม่ออก อยากได้บ้างจึงรบเร้าหลวงปู่ให้สร้างออกมาให้ได้ใช้ป้องกันตัว หลวงปู่จึงได้จารตะกรุดนี้ออกมาอีกครั้ง แต่ตะกรุดนี้ไม่ได้ตั้งชื่อ ศิษย์จึงเรียกกันเองตามที่มาของความขลังว่า "ตะกรุดคอลิง" ลักษณณธของตะกรุดจะมีขนาดเล็กเหมือนตะกรุดโลกธาตุ หรือตะกรุดพิศมร จะมีสามเนื้อคือ เนื้อทองคำ เนื้อเงิน และเนื้อนวะ ตะกรุดชุดนี้สร้างขึ้นในปี 2551
    เนื้อทองคำ 3 ดอก
    เนื้อเงิน 227 ดอก
    เนื้อนวะ 599 ดอก
    ยันต์ที่จารด้านในจะต่างกับยันต์ที่จารให้ลิงเล็กน้อย เนื่องจากเป็นตะกรุดที่ให้คนไว้ใช้ และเนื้อนวะสร้างจากแผ่นนวะโลหะที่เหลือจากการทำตะกรุดหักด่านสามโลก ซึ่งแผ่นนวะโลหะนี้นำแผ่นตะกรุดเก่าของครูบาอาจารย์หลายๆ ท่านมาหลอมรีดเป็นแผ่นนวโลหะ เมื่อทำตะหรุกหักด่านสามโลกแล้ว ก็มีเศษโลหะเหลือจากการตัดตะกรุด ก็นำมาทำเป็นตะกรุดคอลิงให้ศิษย์ได้ใช้บูชากัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤษภาคม 2013
  5. puedpunon

    puedpunon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    7,130
    ค่าพลัง:
    +16,090
    สุดยอดตะกรุดครับ ปัจจุบันน่าจะหายากมากๆ :cool:
     
  6. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    ตะกรุดนี้หายากมากครับพี่ปื๊ด ขนาดอาจารย์ปฐวีเองยังต้องพยายามหาซื้อคืนมา เพราะทำแจกจ่ายไปในตอนนั้นไม่ได้มีราคาค่างวดมากมาย มาตอนนี้เป็นของหายาก มีคนมาถามหาบ่อย จนต้องพยายามซื้อกลับมาบ้าง

    ผมเองก็ได้แต่มอง ไม่มีกับเขาเหมือนกัน
     
  7. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    แจ้งข่าวนิดครับ

    พรุ่งนี้จะมีพิธีกวนสีผึ้งทิ้งทวน ก่อนอาจารย์บวช ซึ่งหากบวชเป็นพระแล้วจะไม่ทำการกวนสีผึ้งด้วยตนเองอีก เว้นเสียแต่จะมีลูกศิษย์ที่ร่ำเรียนวิชาทำมาให้ปลุกเสกเท่านั้น โดยทำการกวนเวลา 09.59. น. เริ่มพิธีกวนสีผึ้งด้วย อุเทจะยันจะขุมาเอกราชา และเวลา 19.09. น. ด้วย อะเบญจะยันจะขุมาเอกราชา ถ้าหากเป็นไปได้ก็อาจจะนำภาพมาใช้ชมได้บ้าง เพราะวิชากวนสีผึ้งเป็นวิชาดาบสองคมค่อนข้างหวงตำรา บางภาพอาจเปิดเผยไม่ได้ รวมทั้งเคล็ดบางอย่าง แต่ก็จะพยายามให้มากที่สุดครับ
     
  8. ชาวประมง

    ชาวประมง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    4,657
    ค่าพลัง:
    +22,538
    แล้วตะวันเรียนวิชาเอาไว้บ้างป่าวเนี้ย
     
  9. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    ครูพักลักจำไว้บ้างครับ ตามแต่โอกาส
     
  10. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    เดิมทีสีผึ้งนี้จะกวนในปี 2559 ก่อนที่อาจารย์จะบวช เพราะหากบวชเป็นพระแล้วทำสีผึ้งมันจะไม่ดี แต่วันพรุ่งนี้เป็นวันดีมาก เสียดายฤกษ์ดีๆ นานๆ ทีจะถึงฤกษ์แบบนี้ เลยตกลงว่าจะกวนเก็บเอาไว้สักหน่อย

    มวลสารที่ใช้กวนจะเป็นขี้ผึ้งแท้ทั้งหมด ในครั้งนี้จะใช้หุ่นเทียนที่อาจารย์ปั้นเป็นแม่แบบเพื่อหล่อย่ากวัก มาใช้กวนด้วย รวมน้ำหนักแล้วแล้วสี่กิโลเก้าขีด ประกอบใส่ไปด้วย นอกจากนั้นยังมีว่านสำคัญทางเสน่ห์อีก คือ ว่านดอกทอง ตัวผู้ (มีลักษณะเหมือนของผู้ชาย) ว่านดอกทองตังเมีย (มีลักษณะเหมือนของผู้หญิง) ไปหามาได้มาจากแถบประเทศลาว ว่านจูงนาง ว่าน 500 นาง เสน่ห์ จันทร์ขาว เสน่ห์จันทร์แดง ว่านช้างผสมโขลง สีผึ้งเทียนชัย ๙ วัด และว่านทางเสน่ห์อื่นๆ อีก 39 ชนิด นอกจากว่านแล้วยังมีเทียนปั้นเป็นรูปมงคล 19 อย่าง เทียนปั้นเป็นยันต์ 19 ยันต์ เทียนปั้นเป็นนาง 19 นาง เพื่อใส่จิตร เช่นจิตรอีนี่ จิตรอีนั้น จิตรอีสีทขัน จิตรอีนันทะโก จิตรนางเอื่อยอารีย์ จิตรนางอี้อาราม จิตรนางต่างๆ เป็นลำลับ จนถึงจิตรมนุษย์ ชาย-หญิง ลงไปในเทียนปั้นนั้น เมื่อได้วัคถุอาถรรพ์ตามตำราแล้ว ก็ทำการกวนตามฤกษ์ยามที่ได้กำหนดไว้

    สีผึ้งนี้ อาจารย์ได้เคยไปกวนให้วัดดังต่างๆ หลายวัด เป็นที่เลื่องลือมาก เพียงแต่ไม่ได้เปิดเผยออกไปว่าใครเป็นคนกวน แต่ในยุคหลังอาจารย์ไม่ได้ออกกวนสีผึ้งให้ที่อื่นอีก และวิชานี้เป็นวิชาเสน่ห์ที่ไม่ได้มีการเปิดเผยแต่ศิษย์ทั่วไป ถ้าเป้นไปได้จะนำภาพมาลงให้ชม
     
  11. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    มารายงานเรื่องสีผึ้งครับ

    เนื่องจากวันนี้เป็นวันที่มีฤกษ์ดี ไม่มีเสียเลยเป็น ราชาฤกษ์ ราชาโชค มหัสทโนฤกษ์ เทวีฤกษ์ เป็นวันที่ฤกษ์ดีมาก อาจารย์ปฐวีจึงได้ทำการกวนสีผึ้งขึ้นตามตำราหลวงปู่อิ่ม ที่ตกทอดมายังหลวงปู่ตี๋ และได้สาวพรหมจรรย์ที่ตรงตามตำรามาทำการกวนให้อีก นับว่าเป็นสีผึ้งทิ้งทวนที่สุดยอดมาก นอกจากขี้ผึ้งที่ปั้นเป็นรูปเรียกจิต เรียกนาม ลงอักขระยันต์ตามตำราแล้ว ยังมีน้ำมันว่านต่างๆ ทางเสน่ห์เมตตา ที่หายากใส่ลงไปด้วย และมีมวลสารสำคัญมากๆ ใส่ลงไปอีกจำนวนหนึ่ง ที่พอจำได้ และบอกได้คือ น้ำมันที่เกี่ยวกับทางเสน่ห์เมตตา ที่ทำพิธีหุงโดยหลวงปู่กวย เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2517 และได้มอบไว้ให้กับหลวงปู่ตี๋ ซึ่งท่านได้ทำการปลุกเสกต่อจากหลวงปู่กวยเรื่อยมาจนท่านละสังขาร ผงพุทธคุณพิเศษ และผงสำคัญอีกชนิดที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เรียกว่างานนี้ทิ้งทวนจริงๆ ก่อนลาบวช

    สีผึ้งนี้มีสอบถามขอเข้ามาหลังไมค์หลายท่านว่าอยากจะได้ไปใช้ จึงขอแจ้งว่า สีผึ้งชุดนี้ยังไม่ได้ทำการแจกจ่ายออกไปแต่อย่างใด ต้องทำการสวดเสกจนเป็นที่พอใจเสียก่อนจึงจะแจกจ่ายออกไป ส่วนเมื่อไหร่อย่างไรผมจะแจ้งให้ทราบหน้ากระทู้อีกที ถึงเวลานั้นก็สามารถเข้าไปขอรับได้ที่บ้านอาจารย์

    นอกจากพิธีกวนสีผึ้งแล้ว วันนี้มีศิษย์ที่ทราบข่าว และมาโดยบังเอิญมากมายแวะเวียนเข้ามาลงทอง สักยันต์สำคัญอีกหลายท่าน และวันนี้เป็นวันดีจึงได้ทำการหุงข้าวเหนียวดำตามตำราที่หลวงปู่ตี๋ได้ไปจดมาจากพระอาจารย์นำ วัดดอนศาลาอีกด้วย ซึ่งท่านที่จะกินข้าวเหนียวดำสามารถเข้าไปกินได้ที่บ้านอาจารย์ในวันเสาร์ อาทิตย์นี้ โดยในระหว่างนี้จะทำพิธีบวงสรวงบูชาครูอาจารย์ และทำการสวดเสกข้าวเหนียวดำไปก่อน

    ส่วนภาพคงรอสักสองสามวันครับ จะนำลงให้ชม ขอคัดในส่วนของภาพก่อนว่าส่วนใดเผยแพร่ทั่วไปได้บ้าง คนจ้องเก็บวิชาไปหากินมีเยอะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 พฤษภาคม 2013
  12. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    เมื่อสีผึ้งยังไม่ออก ก็ขอนำเคล็ดการใช้สีผึ้งตามตำราหลวงปู่ตี๋มาบอกกันก่อน

    จะไปหาหญิงให้ใช้นิ้วนาง จะไปหานายให้ใช้นิ้วชี้ จะไปหานายให้สีปากวนขวาไปซ้าย พร้อมกับเจิมหน้าเข้าไปหานาย ส่วนไปหาหญิงก็ให้สีปาก จากซ้ายไปขวา แล้วยิ้มให้กระจก พร้อมเจิมหน้าขอความเมตตาต่อครูบาอาจารย์ครับ ค้าขายก็ใช้สีผึ้งแตะของที่เราจะขาย

    หนุ่มๆ ไปหาสาวให้สีปาก แล้วทาคิ้วทั้งสองข้าง ส่วนสาวๆไปหาหนุ่ม ให้สีปาก จากขาวไปซ้าย ทาคิ้ว แล้วเจิมหน้า

    นี่เป็นเคล็ดในตำรา อ่านไม่เข้าใจอ่านใหม่ และพยายามตีความเอาครับ ตำราว่าไว้อย่างนี้
     
  13. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    ปลัดขิกหัวแดง อันลือชื่อ

    วันนี้ไปเจอน้องคนนึง เลยได้ถ่ายภาพปลัดหัวแดงรุ่นแรกของหลวงปู่มาให้ชม พร้อมทั้งลายมือหลวงปู่ให้ได้ศึกษากันครับ

    ปลัดนี้เป็นรุ่นแรกๆ ที่หลวงปู่ทำขึ้นมาจากด้ามตาลปัด และเป็นชุดเดียวกับที่ว่ายทวนน้ำที่เคยเล่าไปแล้ว ที่ปลายหัว กับขอบหยักหลวงปู่จะทาสีแดงเอาไว้ เลยเรียกตามลักษณะว่าปลัดหัวแดง ในตำราหลวงปู่ตี๋จะมีบทเสกปลัดอยู่ 7 บท ซึ่งว่ากันว่าสองสามบทในนี้สามารถเสกให้ปลัดตั้งได้ กระโดดได้

    ที่ตัวปลัดอาจจะเลอะหมึกบ้างเพราะรอยเหลื่อจากการใช้งานคับ

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  14. ปะจะขะ

    ปะจะขะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    647
    ค่าพลัง:
    +4,409
    เพิ่งเข้ามาเจอกระทู้หลวงปู่ตี๋ครับ ด้วยส่วนตัวแล้วผมเองก็มีความเคารพนับถือหลวงปู่ครับ เพราะได้อ่านประวัติหลวงปู่ ได้ตามเช่าพระหลวงปู่ และแล้วฝันก็เป็นจริงครับ พอมีเวลาว่างผมก็เลยขับรถไปทำบุญกราบหลวงปู่ถึงที่วัดเลยครับ แต่พอไปถึงวัดทางวัดแจ้งว่าหลวงปู่ได้ไปพักอยู่ที่บ้านญาติ ( ขออภัยถ้าผมจำผิด ) ซึ้งเป็นช่วงท้ายๆๆๆๆแล้วครับ ก็เลยขับรถไปที่บ้านที่หลวงปู่พักอยู่ แล้วจึงได้ทำบุญกับหลวงปู่สมความตั้งใจ แล้วก็ได้เช่าวัตถุมงคลที่บ้าน ที่หลวงปู่พักอยู่ แล้วได้ขอความเมตตาให้หลวงปู่ท่านเสกกำกับให้อีก 1 รอบครับ หลวงปู่ท่านเมตตาดีมากครับ ซึ่งก่อนกลับผมก็ขอโชคขอลาภจากหลวงปู่ หลวงปู่ท่านเอาปากกาเมจิกเขียนเลขให้ 59 แล้วท่าก็วงกลมครับ กลับมาเต็มที่เลยครับ 59 แต่พอหวยออก ออก 14 สุดยอดครับ ผมลืมนึกไปว่า 59 วงกลมรวมกันแล้ว เท่ากับ 14 ครับ ( ม่ายเป็นไรครับ ผมถือว่าหลวงปู่ท่านให้โชค แต่ผมไม่มีดวงเองครับ ) ซึ่งหลังจากนั้นอีกไม่เท่าไร ก็ได้ข่าวว่าหลวงปู่ท่านมรณะภาพครับ
    สาธุ ถ้าลูกได้ล่วงเกินต่อองค์หลวงปู่ไป ขอให้องค์หลวงปู่ยกโทษและอโหสิกรรมให้แก่ลูกด้วยเถอะ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  15. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    ถือว่าคุณปะจะขะโชคดีมากที่หลวงปู่ใบ้หวยให้ เพราะปกติท่านไม่ชอบทางนี้เท่าไหร่ แต่ก็ให้ไปจะถูกหรือไม่ก็ขึ้นกับเรา เมื่อก่อนเรื่องหวย ถ้าศิษย์หลวงพ่อกวย ต้องพระอาจารย์เตี๊ย วัดสามเอก

    บ้านญาติที่ว่า หลวงปู่ท่านจะไปพักอยู่สองที่ครับช่วงท้าย ที่แรกเป็นโยมอุปถากที่หลวงปู่เคยรักษาหาย และบ้านสุดท้ายที่อยู่นานที่สุดจนมรณะภาพคือ บ้านอาจารย์ปฐวี วาระสุดท้ายท่านเลือกที่จะตายบ้านอาจารย์ปฐวี
     
  16. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    ขอแจ้งข่าวว่า เนื่องจากวันพฤหัสที่ผ่านมามีการกวนสีผึ้งขึ้น และได้มีการกุงข้าวเหนียวดำด้วย ซึ่งเป็นไปตามตำราที่หลวงปู่ตี๋ขอจดมาจากพระอาจารย์นำวัดดอนศาลา วันเสาร์ และอาทิตย์จึงมีพิธีการกินข้าวเหนียวดำขึ้น ทุกคนที่ว่างสามารถมากินได้ตลอดทั้งวัน ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
     
  17. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    เมื่อก่อน อาจารย์ปฐวีจะไปกราบหลวงปู่ตี๋ทุกๆ สามเดือน โดยตอนนั้นยังไม่มีรถส่วนตัวก็จะเดินทางไปกับครอบครัวด้วยรถประจำทางเสมอ ไปครั้งใดก็จะทำการต้มขาหมู ไข่พะโล้ไปถวายหลวงปู่ทุกครั้งมิได้ขาด เนื่องจากว่า ในสมัยนั้นวัดห่างไกลผู้คน หากหลวงปู่เจ็บป่วยก็จะไม่ได้ออกไปบิณฑบาตร หลวงปู่จะได้เก็บขาหมู ไข่พะโล้ไว้ได้ฉัน อาจารย์ทำเช่นนี้อยู่หลายสิบปีไม่ได้ขาดเลย แม้ต้องหอบลูกเมียไปก็ไม่เคยบ่นเลย จนเมื่ออาจารย์กูเงินได้นิดหน่อยก็เอาไปซื้อบ้าน และรถไว้ขับไปหาหลวงปู่ได้สะดวก ครั้งใดก็ตามที่อาจารย์ตู่บอกจะมาหา มาเยี่ยม หลวงปู่ท่านจะตั้งหน้าตั้งตาคอยทุกครั้ง นั่งรออยู่ทั้งวันว่าเมื่อไหร่ลูกบุญธรรมคนนี้จะมาหา และถ้ายิ่งครั้งไหนจะรับไปนอนค้างที่บ้านปทุม ท่านจะเตรียมตัวเก็บของใส่ย่ามไว้รอตั้งแต่เช้า แล้วมานั่งรอพร้อมย่ามจนกว่าลูกคนนี้จะมาหา เป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่อาจารย์ปฐวีมาหาหลวงปู่ จนช่วงท้ายอาจารยืจึงตัดสินใจรับหลวงปู่มาดูแลที่บ้านจะได้ใกล้หมอดีๆ ในกรุงเทพฯ อาจารย์ปฐวี และหลานสาวอีกคนก็เลยตัดสินใจลาออกมาจากงานประจำ เพื่อดูแลหลวงปู่ได้อย่างเต็มที่ จะมีก็แต่ภรรยาท่านอาจารย์ปฐวี ที่ยังคงทำงานประจำอยู่เพียงคนเดียว ช่วงนั้นมีรถเป็นของตัวเองแล้วก็มักจะขับรถพาหลวงปู่ไปเที่ยวตามสสถานที่ต่างๆ วัดบ้าง ทะเลบ้าง หรือแม้แต่ที่ไกลๆ ก็พาไปทั้งพม่า ลาว เพื่อให้หลวงปู่ไได้พักผ่อนในวาระสุดท้าย ที่ท่านไม่เคยได้ไปไหน นอกจากวัด และเป็นสิ่งสุดท้ายที่ลูกบุญธรรมจะตอบแทนให้หลวงปู่ผู้เป็นเหมือนพ่อที่คอยป้อนข้าวป้อนน้ำแต่เล็กจะตอบแทนได้มากที่สุด และเมื่อหลวงปู่มาพักรักษาตัวที่ปทุมธานี หลวงปู่จึงตัดสินใจที่จะเปิดเผยตัวว่าท่านคือใคร และเริ่มมีการจัดสร้างวัตถุมงคลออกมาในช่วงท้ายๆ เพื่อหาเงินค่ารักษาพยาบาลท่าน ซึ่งค่อนข้างสูงมาก แม้จะไม่ทันกายสังขาร แต่จิตและดวงวิญญาณท่านยังสถิตอยู่กับผู้ที่เคารพนับถือ และในรูปหล่อสีทองที่ท่านรักมาก
     
  18. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    มาตามสัญญากับรูปครับ

    [​IMG]
    รูปหล่อสีทองที่ผมกล่าวถึงบ่อยๆ จะเห็น M150 เป็นของที่คนเอามาแก้บนตลอดเวลา เครื่องบวงสรวงก่อนทำพิธีง่ายๆ แค่ครบตามตำรา

    [​IMG]
    ขี้ผึ้งแท้บางส่วนที่ปั้นเรียกรูปเรียกนามแล้ว ก็นำมาปั้นเป็นแท่งไว้

    [​IMG]
    ขี้ผึ้งจารอักขระยันต์

    [​IMG]
    ย่ากวักหน้าตัก 5 นิ้วที่ปั้นมือด้วยขี้ผึ้งแท้

    [​IMG]
    ย่ากวักขนาด 9 นิ้ว ที่ปั้นด้วยมือเช่นกันเป็นขี้ผึ้งหลัก
     
  19. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    [​IMG]
    มือกวนสีผึ้ง ถูกต้องตรงตามตำรา

    [​IMG]
    น้ำมันเสน่ห์ น้ำมันว่านต่างๆ ที่เก็บรักษาไว้หลายสิบปี ก็ตามภาพครับ

    [​IMG]
    ผงวเศษอันประกอบด้วยชานหมาก ผงพุทธคุณ และผงสำคัญอีกชนิดครับ

    สีผึ้งนี้ต้องสวดเสกอีกสักระยะครับ สำหรับผู้ที่นใจก็รอไปก่อนนะครับ ยังไม่มีใครได้ไป

    [​IMG]
    นอกจากสีผึ้งแล้วก็มีการหุงข้าวเหนียวดำตามตำราของพระอาจารย์นำ วัดดอนศาลา
     
  20. hellotawan

    hellotawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,156
    ค่าพลัง:
    +5,233
    นอกจากนั้นยังมีการทช่วยกันำตะกรุดขุนพล ๔ ทัพด้วยครับ จำนวน 117 ดอก เอาภาพมาให้ชมกระบวนการทำ
    [​IMG]

    [​IMG]
    ม้วนทีละดอก

    [​IMG]
    ถักเชือกลายจระเข้ขบฟังทีละดอก

    [​IMG]
    ทารักดำ คลุกผงพุทธคุณ ผงอิธเจ และผงจักพรรดิ์ของหลวงปู่ตี๋ที่ท่านทำไว้ (ในขวดแบรนด์วางบนพาน)

    [​IMG]
    เสร็จเรียบร้อยพร้อมนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกตามตำรา
     

แชร์หน้านี้

Loading...