ประสบการณ์การมองเห็นผ่านตาที่สาม

ลูกแก้วของคุณ midias อาจารย์บอกว่าเก็บไว้ที่บูท ซอยละลายทรัพย์
เวลาผมไปหาอาจารย์วันอาทิตย์ ผมจะไปที่จตุจักร
อาจารย์บอกว่าลูกแก้ว ดีมาก เสียดายที่ไม่ได้นำมาไว้ที่จตุจักร
ผมบอกอาจารย์ไปแล้ว ถ้าอาจารย์ไม่ลืม คงได้นำมาให้ผมได้มีโอกาสสัมผัสและชื่นชม
เพิ่มเสริมพลัง
ขอบคุณครับ

 

<TABLE class=tborder id=post338036 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 width=175>chakrawut<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_338036", true); </SCRIPT>
สมาชิก

เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: 11-10-2006 08:08 PM
วันที่สมัคร: Feb 2005
อายุ: 36
ข้อความ: 2 <!-- Start Post Thank You Hack -->
Thanks: 0
Thanked 10 Times in 4 Posts <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 0


</TD><TD class=alt1 id=td_post_338036><!-- message -->ขออนุโมทนากับทุกท่านครับ
ถ้าได้ตาที่สามกันมาก ๆ ก็ดีครับ เห็นเทวดากันมาก ๆ คนสมัยใหม่จะได้เชื่อซะทีว่า โลกอื่นมีจริง ไม่มีแต่โลกแห่งวัตถุที่มัวแต่หลงกันอยู่ครับ
</TD></TR></TBODY></TABLE>
ผมก็อยากให้ทุกคนสามารถฝึก เปิดตาที่สาม ให้ได้
เหมือนที่คุณ chakrawut ต้องการ
ช่วงยุคพลังงานใหม่นี้ แถบเอเชีย
จะได้รับพลังจากเบื้องบนมาก
อยากให้ทุกคน หมั่นทำจิตให้สงบ
ตั้งมั่นอยู่ที่จุดกึ่งกลางระหว่างคิ้ว
ไม่คิดฟุ้งไปในอดีตที่ผ่านพ้นไปแล้ว
และ อนาคตที่ยังมาไม่ถึง
ให้อยู่กับปัจจุบัน ทำให้ชำนาญ(วสี)นะครับ
เมื่อเราเปิดตาที่สามได้ ส่งจิตสื่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ครูบาอาจารย์ได้ นั่นแหละครับ
ท่านก็จะเข้าสู่ กีฬาทางจิต ซึ่งเหล่าพระอริยสงฆ์
ท่าน ใช้ กีฬาทางจิต นี้เหมือนกัน

ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จ
อย่าลืมนะครับว่า ความกลัว คืออุปสรรค ขัดขวางความสำเร็จ

 

การทำสมาธิ ทำเพื่อให้จิตสงบ หลีกเร้นจากความฟุ้งซ่าน และเป็นการเตรียมพลัง เหมือนเราชาร์ตแบตตอรี่ในเวลากลางคืนแล้ว พอตอนเช้าก็เอาไปใส่โทรศัพท์มือถือ ทำให้ใช้งานได้ไปตลอดวัน

การทำสมาธิ ไม่ได้นั่งเพื่อจะเห็นอะไร ไม่ได้นั่งเพื่อถอดจิตไปไหน แต่นั่งเพื่อให้ใจสงบ ให้สติกินข้าว สติจะได้มีแรง

หลวงพ่อชาบอกว่า “ นั่งสมาธิครึ่งชั่วโมง จะเย็นไปได้ 3 วัน “ เพราะฉะนั้น ถ้าเรานั่งทุกวันติดต่อกัน ก็จะเย็นไปเป็นปี ถ้าใครนั่งไม่ได้ ก็นั่ง 10 นาที จะเย็นไปได้ 1 วัน

ตอนนั่งสมาธิ เราจะรู้สึกว่ามีเรื่องหลายเรื่องมากกว่าตอนไม่ได้นั่ง เรื่องอะไรไม่รู้เข้ามาตีกันเต็มในหัว แต่แม้กระนั้นก็ให้ลองสังเกตดูว่า ในท่ามกลางความยุ่งเหยิงในสมองเป็นเวลา 10 นาทีนั้น ถ้าทำทุกวัน ยังจะปรากฏความเย็นได้ 1 วัน นอกเวลานั่งสมาธิได้ คือ มันยังให้ผลอยู่ได้เหมือนกัน ก็แปลกดี แต่จริง

ทำสมาธิโดยการนั่งสมาธิ

การนั่งสมาธิ มี 2 จุดประสงค์

1. นั่งสมาธิเพื่อให้จิตสงบ ได้พักจิตใจ นั่งโดยการดูลมหายใจ ตั้งจิตอยู่ที่รูจมูก สังเกตลมที่กระทบตอนเข้าและออก บางคนบริกรรมด้วย เมื่อจิตสงบ บางทีคำบริกรรมจะหายไป ก็ให้หายไป บางทีสงบจนลมหายใจละเอียดแผ่วเบา เหมือนไม่ได้หายใจ

การนั่งให้จิตสงบอย่างนี้ เรียกสมถะ ภาวนา

2. วิปัสสนา เป็นการดูจิตเพื่อเจริญปัญญา จิตจะเจริญของเขาเอง แล้วแต่เขาจะหยิบยกธรรมใดขึ้นมาพิจารณา โดยก่อนหน้านั้นผู้ปฏิบัติเพียงแต่เจริญสติสัมปชัญญะเท่านั้น แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องศึกษาถึงวิธีปฏิบัติที่ละเอียดมาก จึงจะถึงขั้นนี้ได้ หลักการดูจิตขอแนะนำให้ท่านผู้อ่าน ศึกษาจากหนังสือของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล หลักของท่านว่า “ อย่าส่งจิตออกนอก “

มักมีผู้เล่าให้ฟังว่า คนนั้นนั่งสมาธิแล้วเห็นอะไรต่ออะไร บางทีก็เล่าด้วยความชื่นชม บางคนเลยไปถึงว่าบรรลุแล้ว ความจริงการได้เห็นไม่ใช่จุดประสงค์ของสมถะภาวนา เพราะสมถะภาวนาต้องการความสงบ และไม่ใช่จุดประสงค์ของวิปัสสนา เพราะวิปัสสนาต้องการรู้ไตรลักษณ์ เพื่อให้จิตหลุดพ้น แต่การเห็นอะไร ๆ นั้น เป็นเพียงสิ่งที่ได้มาตามทาง





เหมือนกับเราจะเรียนทำกับข้าว กว่าจะไปถึงเคล็ดลับการปรุงอันเป็นสูตรสุดยอด ก็ต้องผ่านการเป็นลูกมือ รู้ว่าหั่นหัวหอมยังไงไม่ให้น้ำตาไหล คั้นกะทิเป็น คือได้ความรู้ตามเส้นทางที่ผ่านติดตัวมาบ้าง การปฏิบัติธรรมก็เหมือนกัน

สิ่งที่จะได้ติดไม้ติดมือไปก่อนจะถึงจิตขั้นสูงก็มี เช่น รู้วาระจิตของคนอื่นได้ เป็นต้น แต่การเห็นอะไรที่ตื่นเต้นกันนั้น กลับเป็นตัวหลอกให้หยุดการเดินทาง ให้มัวเพลินอยู่กับมัน เหมือนกับจะไปดอนเมืองขึ้นเครื่องบิน พอผ่านแดนเนรมิตก็แวะดูปราสาทเจ้าหญิงนิทราเพลิน เลยเลิกเดินทางไปดอนเมืองเสียแล้ว เป็นตัว หลอกให้หลงเอาไว้เพื่อไม่ให้เราไปต่อ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล สอนว่า

“ เออ นิมิตบางอย่างมันก็สนุกดี น่าเพลิดเพลินอยู่หรอก แต่ถ้าติดอยู่แค่นั้นมันก็เสียเวลาเปล่า วิธีละได้ง่าย ๆ ก็คือ อย่าไปดูสิ่งที่ถูกเห็นเหล่านั้น ให้ดูผู้เห็น แล้วสิ่งที่ไม่อยากเห็นนั้นก็จะหายไปเอง “ ที่เห็นนั้น เขาเห็นจริง แต่สิ่งที่ถูกเห็น ไม่จริง “

ฉะนั้น ใครที่อยากเห็นอะไร หรือเห็นแล้วดีใจเข้าไปเห็นอยู่เรื่อย ก็ควรรู้ว่ามันไม่ประโยชน์แก่ตัวเรา เพราะการเห็นนั้น ไม่ได้พาตัวเราพ้นทุกข์ไปไหนเลย



ขอสรุปช่วงนี้ ด้วยคำสอนของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล ดังนี้

“ เวลาภาวนา อย่าส่งจิตออกนอก ความรู้อะไรทั้งหลายทั้งปวงอย่าไปยึด ความรู้ที่เราเรียนกับตำรับตำรา อย่าเอามายุ่งเลย ให้ตัดอารมณ์ออกให้หมด แล้วก็เวลาภาวนาไปให้มันรู้ รู้จากจิตของเรานั่นแหละ จิตของเราสงบ เราจะรู้เอง ต้องภาวนาให้มาก ๆ เข้าเวลามันจะเป็น จะเป็นของมันเอง ความรู้อะไร ๆ ให้มันออกจากจิตของเรา

ความรู้ที่ออกจากจิตที่สงบนั่นแหละ เป็นความรู้ที่ลึกซึ้งถึงที่สุด ให้มันรู้ออกจากจิตเองนั่นแหละดี คือ จิตมันสงบ

ทำจิตให้เกิดอารมณ์อันเดียว อย่าส่งจิตออกนอก ให้จิตอยู่ในจิต แล้วให้จิตภาวนาเอาเอง ให้จิตเป็นผู้บริกรรมพุทโธ พุทโธอยู่นั่นแหละ แล้วพุทโธนั่นแหละจะผุดขึ้นในจิตของเรา เราจะได้รู้จักว่า พุทโธนั้นเป็นอย่างไร แล้วรู้เอง……..เท่านั้นแหละไม่มีอะไรมากมาย “





คัดลอกมาจากเวบธรรมจักรครับ

 

คำอุทิศบุญ

ด้วยอานิสงส์ที่ข้าได้ทำขึ้นในบัดนี้
ข้าพเจ้าขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลให้บุญนี้ จงถึงแก่ภูติ ผี ปีศาจ เปรต อสุรกาย ยักษ์ กุมภัณฑ์ คนธรรพณ์ นาค ครุฑ เทวดา มาร พรหม ยมฑูต ยมบาล และภพอื่นๆทุกภพทุกภูมิ ที่เป็นบิดา มารดา ครูบาอาจารย์ ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงของข้าที่มาถึงข้าแล้ว และที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรของข้าที่มาถึงข้าแล้ว และที่เป็นผู้ที่คอยดูแลรักษาตัวข้าและผู้ที่คอยดูแลรักษาบ้านเรือน ทรัพย์สิน รถราของข้า ตลอดจนถึงเจ้ากรรมนายเวรและเชื้อโรคที่อยู่ในร่างกายของข้า ขอให้ได้รับบุญนี้ทุกๆกระแสบุญ ทุกตัวทุกตน ทุกรูปทุกนาม ทุกภพทุกภูมิด้วยเถิด หากเป็นเจ้ากรรมนายเวรและเชื้อโรคที่อยู่ในร่างกายของข้า ขอให้กระแสบุญนี้จงแปรสภาพไปเป็นกระแสพลัง ส่งให้ออกจากร่างกายของข้าแล้วไปเกิดในภพภูมิที่สูงขึ้นเถิด หากเป็นผู้อื่นผู้ใด ภพอื่นภพใด ปรารถนาสิ่งอื่นสิ่งใด ก็ขอให้บุญนี้ จงแปรสภาพไปเป็นสิ่งนั้น ให้แก่ผู้ที่ต้องการนั้นด้วยเถิด หากผู้ใดไม่ว่าจะเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องกับข้าก็ตาม ที่เห็นบุญของข้า และสามารถอธิษฐานเอาบุญจากข้าได้ ก็ขอให้อธิษฐานเอาบุญจากข้าได้ตลอดเวลาทุกๆกระแสบุญที่เกิดขึ้นด้วยเถิด โดยไม่ต้องเกรงใจ เพราะข้าได้อุทิศเปิดไว้ให้แล้ว สาธุ”

 

ได้ไปพบอาจารย์มาเหมือนกันครับ แต่ยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไร แต่จะไปอีกครังครับ แล้วจะมาบอกว่าผมรู้สึกยังไง

 

เอ่อ คุณเม้าตาอินครับ ผมขอคุยกับคุณเป็นการส่วนตัวไดด้ไมครับ

 

ยินดีครับ pm มาคุยกันได้เลยนะครับ

 

<CENTER></CENTER>
[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed,Tahoma]คนเราบางคนชอบที่จะให้คนใกล้ชิด และบอกถึงความรู้สึกดีดีที่มีต่อกันบ่อยๆ และเมื่อประสบความไม่ตรงใจก็เกิดหวั่นไหวไปตามพายุใจนั้น

ที่จริงการกระทำนั้นสำคัญกว่าคำพูดมากมายนัก ไม่ต้องผูกมัด แต่เป็นความผูกพัน

ด้วยความผูกพันนี้เองจะสามารถถ่ายทอดเมล็ดพันธุ์ที่อุดมค่าให้มีเกิดขึ้นต่อๆไปได้อย่างไร้ข้อจำกัด

ลองเปลี่ยนมุมมองของใจตนเอง และหมั่นรดน้ำดวงใจด้วยศรัทธา มุ่งมั่นสรรหาอิสระภาพให้เกิดขึ้นด้วยสติปัญญา เมื่อนั้นความเจริญเติบโตของจิตใจก็จะเกิดขึ้นอย่างสวยงามและมีค่ายิ่ง[/FONT]

โดย พี่ดอกแก้ว

 

อยากเรียนถามคุณ Mountain อ่ะคับ พอดีสนใจ
งาน วิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติประจำปี 2549
8-9-10-11 ธค. 2549 ที่ วิทยาลัย จักรพงษ์ภูวนาถ

ช่วยพูดคร่าวๆว่าในงานมีอะไรมั่งและจะเดินทางไปได้อย่างไรด้วยได้ไหนครับ
เพราะช่วงงานเป็นช่วงเปิดเทอมผมจึงอยากทราบข้อมูลเผื่อตอนเลิกเรียนจะได้ไปได้

ขอบคุนล่วงหน้าครับ

 

เนื่องจากกำหนดการ และรายละเอียดของงาน มหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติ ครั้งที่ 11 8-11 ธ.ค.49 ยังไม่คลอด
ดังนั้นผมจะนำรายการ ของปี 2548 มาให้ได้ทราบ พอเป็นแนวทางว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งหลักใหญ่ๆ ก็ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง


เริ่มจาก ทำบุญพระกรรมฐาน 79 รูป จากทั่วประเทศ(ปีนี้คงเป็น 80 รูป ถวายพระราชกุศลแด่ในหลวงของเรา)

-มีการสวดมนต์ระงับภัยพิบัติ ร่วมกับพระธุดงค์ กว่า 200 รูป

-ร่วมทดลอง ปฏิบัติกับศาสตร์ทางจิตทั้งหลาย พร้อมเครื่องมือประกอบในห้องปฏิบัติการหลายห้อง การโปรแกรมจิต การลดความเครียด การเพิ่มพลังจิต การฝึกสมาธิ การสร้างเสริมสุขภาพ ดนตรีบำบัด คลื่นเสียงบำบัด ทดลองนั่งกระดานตะปู ฯลฯ

-พบกับ บูธนิทรรศการทางจิตแนววิทยาศาสตร์ เว็บไซด์ทางจิตของต่างประเทศ พลังพีระมิด เครื่องฝึกกสิณไฟ กสิณสี แว่นตาฝึกสมาธิ
เครื่องฝึกกสิณเสียง เครื่องวัดพลัง แผ่นวัดความเครียด ไขควงวัดพลัง พลังแม่เหล็ก เครื่องเติมพลัง กว่า 70 บูธ

-ทดสอบ เกมฝึกจิต กราบและชมพระอรหันตธาตุต่างๆมากมาย ของชมรมรักษ์พระบรมธาตุ แห่งประเทศไทย มีมุมสงบให้นั่งสมาธิ

-ชม นิทรรศการและภาพถ่ายยูเอฟโอ มนุษย์ต่างดาว ของต่างประเทศทั่วโลก และที่สามารถถ่ายได้ในประเทศไทย

-ถ่ายภาพ ออร่า ด้วยกล้องออร่า หรือตรวจออร่าด้วยตาที่สาม ตรวจพระเครื่อง อัญมณี และวัตถุที่มีพลังต่างๆ

-นักพลังจิต เช่น อ.ประกายเพชร(บำบัดรักษาด้วยญาณสัมผัส เจ้ากรรมนายเวร) อ.วีระยุทธ โกยทา(พลังสมเด็จโต) อ.ธีระศักดิ์ วัณนาวิบูล(พลังชี่กง)

-ซื้อหนังสือ พลังจิต หนังสือมหัศจรรย์ หนังสือธรรมะแนวอิทธิปาฏิหาริย์ หนังสือสุขภาพการแพทย์ทางเลือก ฯลฯ

-ชมการแสดง กำลังภายในวูซู มหาวิทยาลัยทางจิต คนมีพลังจิต และฤาษี

-นวด นวดฝ่าเท้า นวดแผนไทย นวดรักษาโรค นวดเท้าด้วยเครื่องนวด

-ปรึกษา พยากรณ์ปรึกษาปัญหาชีวิตกับนักพยากรณ์ทางในที่มีญาณมีฌาน มีความแม่นยำ ระดมกันมาในงานนี้เกือบ 30 ท่าน เช่น
อาจารย์ทิพย์ อ.รังษีญาณ อ.แห้ว(หมอดูเทวดา) อ.รัตนา ประเศรษฐสุต อ.ช่อแก้ว ช่วยบำรุง อ.รัฐนันท์ นักพลังจิตจากรัสเซีย ฯลฯ

เมื่อกำหนดการปี 2549 เสร็จแล้ว จะแจ้งให้ทราบต่อไป ครับ

 

<TABLE class=tborder id=post356827 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>Water Lily<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_356827", true); </SCRIPT>

สมาชิก







เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: เมื่อวานนี้ 11:56 PM


วันที่สมัคร: Apr 2006


ข้อความ: 23 <!-- Start Post Thank You Hack -->


Thanks: 61


Thanked 195 Times in 18 Posts <!-- End Post Thank You Hack -->


พลังการให้คะแนน: 0 ​

</TD><TD class=alt1 id=td_post_356827 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title --> รายละเอียดงานวิทยาศาสตร์ทางจิตครั้งที่ 11 วันที่ 8-11 ธ.ค. 49

<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->

ขอเชิญร่วมงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติ ครั้งที่ 11​

“พลังจิตเพื่อชีวิตที่พอเพียง”




วันที่ 8-11 ธันวาคม 2549 เวลา 10.00-17.00 น.
ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก
วิทยาเขตจักรพงษภูวนารถ ถ.วิภาวดีรังสิต ดินแดง ก.ท.ม.


ร่วมทำบุญพระกรรมฐาน 89 รูป จากทั่วประเทศ ในวันเสาร์ที่ 9 ธ.ค. เวลา 6.30-10.00

สวดอิติปิโส 108 จบ กับพระธุดงค์ 108 รูป ถวายแด่พ่อหลวง เวลา 17.00 น. ทุกวัน

<O
รวมพลคนสนใจพลังจิตและพบกับวิธีการทำให้ชีวิตเป็นสุขมีสุขภาพดีในแบบชีวิตที่พอเพียง

รวมหนังสือพลังจิต และหนังสือธรรมะ และหนังสือเพื่อสุขภาพ
<O
ฟังการบรรยายทางจิตกว่า 50 เรื่อง และการสาธิตพร้อมให้ทดลองบำบัด และทดสอบพลังจิตด้วยคริสตัลโบว์ล (พลังสะท้านจักรวาล) ชมบูธนิทรรศการ ถ่ายภาพออร่า นั่งสมาธิ และพยากรณ์ดวงชะตา ปรึกษาปัญหาชีวิต


<O
หัวข้อบรรยาย​

• วิธีทำสมาธิติดต่อกับมนุษย์ต่างดาว ต่างมิติ – ศ.ดร.นพ.เทพนม เมืองแมน
• โปรแกรมจิตเพื่อสร้างสรรค์งานศิลปะ – นพ.ชินโอสถ หัศบำเรอ
• การพิเคราะห์โรคด้วยจิต – นายสัตวแพทย์ ม.ล.อัคนี นวรัตน์
• พลังจิตทำชีวิตและธุรกิจรุ่งเรือง – อ.อำนวย สุวรรณคีรี
• พลังจักรวาลเพื่อสุขภาพ – พล.อ. เกษม นภาสวัสดิ์
• พลังอำนาจของการจินตนาการ – ดร.บุญเลิศ สายสนิท
• การสั่งจิตบำบัดมีประโยชน์อย่างไร – อ.จอห์น ครูเคาสกี้
• พลังจิตเพื่อชีวิตและจิตวิญญาณหลังความตาย – อ.อภิลักษณ์ ไตรสรลักษณ์
• ชามคริสตัลรักษาโรค – ม.ล.อัคนี นวรัตน
• วิตามินโปรตีนทางจิต – อ.อำนวย สุวรรณคีรี
• ความเชื่อและปรากฎการณ์ของพญานาค – ดร.บุณย์ นิลเกษ
• พุทธศาสนาและฟิสิกส์สมัยใหม่ – รศ.จุฑาทิพย์ อุมะวิชนี
• การใช้ประโยชน์จากพลังความว่างของจิตในชีวิตประจำวัน – รศ.ดร.ศิวะศิษย์ ช่ำชอง
• พลังจิตจากการศึกษาและปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนา – นพ.เอกชัย จุละจาริตต์
• วิธีทำชีวิตให้เป็นสุข – พอ.(พิเศษ) ปิยภูมิ อจล พล
• การใช้พลังจิตในชีวิตประจำวัน – อ.กัลยา จงประดิษฐ์นันท์
• บริหารสมองเพื่อป้องกันโรคสมอง – ดร.ประภาศรี จงประดิษฐ์นันท์
• การกำเนิดโลกและจักรวาล – อ.สืบวงศ์ สัจจอริยเมตไตรย
• การกำเนิดของพระนารายณ์ พระพรหม และพระศิวะ – อ.กฤษณะ สังคีตทาน
• หลวงปู่เทพโลกอุดร – พระศิวพล วชิโร (พ.ธรรมรังสี)

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>





<TABLE class=tborder id=post356848 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>Water Lily<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_356848", true); </SCRIPT>
สมาชิก



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: เมื่อวานนี้ 11:56 PM
วันที่สมัคร: Apr 2006
ข้อความ: 23 <!-- Start Post Thank You Hack -->
Thanks: 61
Thanked 195 Times in 18 Posts <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 0



</TD><TD class=alt1 id=td_post_356848 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->

• 100 วันทะลุเสี่ยวโจวเทียน (วิชาโคจรจักรวาลน้อย) – อ.หยาง เผยเซิน
• วิชาธรรมจักร – อ.มนัส อุปถัมภากุล
• วิธีตรวจสอบพุทธคุณของวัตถุมงคล – อ.ธีระศักดิ์ วัฒนาวิบูล
• อนาคตและอดีตชาติ พิสูจน์ทราบด้วยการสะกดจิต – อ.ชนาธิป ศิริปัญญาวงศ์
• ฮวงจุ้ยกับชีวิตประจำวัน – อ.กิตติพงษ์ ปังศรีวินิจ
• ลีลาแห่งเทพกับการพัฒนาพลังจิต – อ.พงศ์พันธ์ พุ่มพวง (สมาธิเคลื่อนไหวพุทโต – ชินโต)
• ระฆังเทพกันการเปิดจักระพัฒนาจิตวิญญาณ – อ.กิมเหรียญ ด่านวานิชสกุล
• คทาเทพกับการทะลวงจุดเปิดขุมพลัง – อ.พัชนี จันทร์เจริญ
• พลังสมาธิดวงตาสวรรค์ – อ.สุมาลย์ สมิทธิสมานฉันท์
• ฝึก “พลังลมปราณ” เพื่อฟื้นฟูสุขภาพ – อ.ศุภกิจ นิมมานนรเทพ
• พลังจิต สุขภาพดีในวิถีชีวิตที่พอเพียง – รศ.ดร.อาภรณ์ เชื้อประไพศิลป์
• อภิจิตบำบัด – อ.สถิตฐ์ธรรม เพ็ญสุขษ์
• คริสตัลโบว์ สะท้านจักรวาล – อ.ณรงค์ชัย เกตุทวี
• รักษาไมเกรนด้วยพลังจิต - อ.ชูเกียรติ ชัยลือกิจ
• การสั่งจิตใต้สำนักเพื่อสมาธิ – อ. โขมพัสตร์ อรรถยา
• Farang’s Psychic journey in ffice:smarttags" />lace>Thailand</ST1lace> –Karen Jones
• โหราศาสตร์สั่งจิต – รศ.รตอ.สรพล สุขทรรศนีย์
• สติจุดเริ่มต้นของพลังจิต – ผศ.ดร.บรรจบ บรรณรุจิ
• การสั่งจิตใต้สำนึกสร้างผลึกน้ำเพื่อเปลี่ยนแปลงเส้นทางชีวิต – ดร.ศิวาพร นวลตา
• เก็บ “เงินที่ถูกลืม” ด้วยจิตใต้สำนึก – อ.อาณัส อรุณรัศมีเรือง

</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=tborder id=post356873 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>Water Lily<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_356873", true); </SCRIPT>
สมาชิก



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: เมื่อวานนี้ 11:56 PM
วันที่สมัคร: Apr 2006
ข้อความ: 23 <!-- Start Post Thank You Hack -->
Thanks: 61
Thanked 195 Times in 18 Posts <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 0



</TD><TD class=alt1 id=td_post_356873 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->

• ชี่กง จักรวาล – อ.สินธุ์ ภิรมย์ภักดี
• ผสานพลังแห่งจิตสู่การทำนายด้วยไพ่ทาโรห์ – อ.เจษดิลก กังวานมงคล
• ศิลปะลายเส้นสายสร้างพลังแห่งจิตใต้สำนึก – อ.ไพรวัลย์ ชัยรัตน์
• เสริมจริยธรรมองค์การด้วยพลังจิตใต้สำนึก – อ.วนิดา สุริยากุลพาณิช
• การพัฒนาความคิด เพื่อพิชิตความเครียด – นาวาตรีหญิง อ. กันทิมา ชะระภิญโญ
• การฝึกฝ่าหลุนกงเป็นประโยชน์อย่างคาดไม่ถึง – ทต.พ. ไพฑูรย์ สุริยะวงศ์ไพศาล
• กรรมเวรและการเจ็บป่วย – นพ. สอ้าน สังขวาสี
• การปลุกพลังอำนาจสเต็มเซลล์ เพื่อการบำบัดโรค – อ.ศาสดา อาริยไมตรี
• รำหนุมานถวายดอกบัวพระนารายณ์ พลังหนุมานพิชิตผองภัยทั่วโลกและจักรวาล
• Parapsycology บนเส้นทางแห่งการพึ่งตนเอง ภาค 2 - อ.ศรันย์ ชุมแสง ณ อยุธยา
• รหัสลับปรับสมดุล อ.เจไดล (เวโรจน์ ปริวิทธ์หิรัญกุล)
• การสื่อสารทางจิตกับผู้ป่วยระยะสุดท้าย – ดร.วิลเลียม วิมุกตายน
• คลื่นเสียงการฝึกจิตสมาธิและการรักษา – อ.ปรารภ สินมา
• เครื่องมือของมนุษย์ต่างดาว – อ.สุดใจ ชื่นสำนวน กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย (เขากะลา)
• พลังจิตเพื่อสุขภาพ – หลวงพ่อโพธินันทะ
• พอใจ-พอเพียง – บี เค สไบทิพย์ ศิริรัตน์ธำรงค์
• Guicing Health and Therapy – Dr.Elizabeth Singholka
• ออร่าพลังธรรมชาติกับชีวิตประจำวัน และการทำสมาธิกุหลาล – อ.ฉาดฉาน บุนนาค อ.สมภพ กุลเขษม อ.นันทนา คุ้มวงศ์
• การเยียวยาผู้ป่วยสมองตายด้วย “พุทโธโลยี”– ภ.ญ.ดวงกมล จันทรางศุ
• การชำระล้างและป้องกันบ้านเรือนเคหะสถาน จากพลังไม่พึงประสงค์ – อ.อรรถวุฒิ เวชชบูล
• พื้นฐานการฝึกพลังจิต ตามแนวสุริยศาสตร์ – อ.วิไล วิทย์ประเสริฐกุล
• พลังรังษีธรรม-พลังดุริยมนตรา – พระอาจารย์ ดร.สิงห์ทน นราสโภ
• รู้อะไรก็มีสู้..รู้เรื่องธาตุเจ้าเรือน – อ.สาวิตรี ศิริวุฒิ
• เครื่องประดับสุคนธบำบัดสิริมงคล – อ.สาวิตรี ศิริวุฒิ

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

แผนที่สถานที่จัดงาน มหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติ ครั้งที่ 11
(f)
<!-- / message --><!-- attachments --><FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>
</FIELDSET>

 

มารๆๆ

 

ชาวเว็บพลังจิตท่านใดที่ไปงานวิทยาศาสตร์ทางจิต
แวะไปพบปะกันที่บูธของ อาจารย์ตาที่สาม นะครับ
จะได้ทำความรู้จักกัน



พบอาจารย์ตาที่สาม ได้ในงาน
มหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติ
8-11 ธันวาคม 2549
ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก
วิทยาเขตจักรพงษภูวนารถ
ถนนวิภาวดีรังสิต เขตดินแดง กทม.
<!-- / message --><!-- sig -->__________________

 

<TABLE class=tborder id=post160360 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> 07-12-2005, 05:37 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #31 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>mead<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_160360", true); </SCRIPT>
สมาชิก GOLD
สมาชิกยอดฮิต



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: เมื่อวานนี้ 10:50 PM
วันที่สมัคร: Apr 2005
ข้อความ: 1,489 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 3,081 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 4,081 ครั้ง ใน 863 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 638


</TD><TD class=alt1 id=td_post_160360 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->"สำหรับคนธรรมดา ตำแหน่งตาที่สามที่เป็นศูนย์กลางนี้ จะมีลักษณะเป็นหน่ออ่อนๆของดอกไม้ ส่วนคนที่ฝึกจนรุดหน้าในวิชานี้แล้ว จะมีวิวัฒนาการที่สูงขึ้นไปอีกขั้น ตำแหน่งที่เป็นศูนย์กลางนี้ จะบานออกเหมือนดอกไม้แรกแย้ม และทำงานแทนตำแหน่งที่เป็นศูนย์กลางของจิตสำนึกเดิมได้ในที่สุด"

ประสบการณ์ทางจิตของผู้ที่ฝึกฝนจนเปิดตาที่สามได้เอง
โดยการช่วยเหลือจากคุรุ สัตยา ไสบาบา...

"ดร.โกแอล (เกิดปี ค.ศ.1935) ได้บันทึกประสบการณ์ ระหวางวันที่ 14 มีนาคม -10 พฤษภาคม ปีค.ศ.1975 ที่เขาเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับดวงตาที่สามไว้อย่างละเอียดว่า ขณะที่เขานั่งสมาธิอยู่เบี้องหน้า รูปของไสบาบา เขาได้เห็นนิมิต ในขณะที่ตาทั้งสองข้างเขายังปิดว่า...

"มีแถบสีแดงหนาเป็นรูปวงรีตั้งฉากกับพื้นปรากฎขึ้นบริเวณหว่างคิ้วของเขา ปรากฎขึ้นในวันที่ 22 มีนาคม.. ต่อมาในตอนเช้าของวันที่ 24 มีนาคม เขารู้สึกว่ามีแรงดันจากข้างในศรีษะ บริเวณเส้นประสาทในสมอง ขณะที่นั่งสมาธิอยู่ แล้วทันใดนั้นก็มีแสงสว่างปรากฎออกมาจากบริเวณใกล้กลางกระหม่อม พอเขาตั้งจิตภาวนาอฐิษฐานถึงไสบาบา ให้ช่วยตัวเขา โดยเพ่งจิตไปที่หว่างคิ้ว เขาก็ได้เห็นแถบสีแดงในแนวตั้งที่เคยเห็นเมื่อสามวันก่อนปรากฎขึ้นมาอีก แถบสีแดงนี้ค่อยๆขยายกว้าง จนกลายเป็นเหมือน "ดวงตา"อันที่สามนี้ เขามองเห็น สัตยา ไสบาบา ยืนอยู่ตรงกลางใส่ชุดสีส้ม เขาเชื่อทันทีในขณะนั้นว่า คุรุเทพที่เขาบูชา ได้เปิด"ดวงตาที่สาม"หรือ"ศิวะเนตร"ให้เขาแล้ว

ในวันที่ 27 มีนาคม เขาเห็นดวงตาที่สามของเขาเปิดอีก รวมทั้งเห็นตัวเองในวัยเด็กที่ถูกท่านไสบาบา โอบกอดอยู่ และบอกกับเขาว่า ท่านจะปกป้องเขาเอง...หลังจากนั้นเขาเริ่มทำสมาธิอีก คราวนี้แลเห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเป็นสิ่งที่มีรูปร่างคล้ายงู กำลังเลี้อยขึ้นมาจากก้นกบของเขา ซึ่งเขาก็ตระหนักได้ทันทีว่า สิ่งนั้นคือ "กุณฑาลินี" อย่างแน่นอน....

วันที่ 13 เมษายน ดวงตาที่สามของเขาเปิดอีก คราวนี้แลเห็นพระกฤษณะปรากฎในดวงตาที่สาม กำลังเป่าขลุ่ย อยู่ต่อหน้าศิวะลึงค์ขนาดมหึมาสีดำ และเกิดบทสนทนาทางจิต ระหว่างเขากับไสบาบา บทสนทนาทางจิตนี้เกิดขึ้นระหว่างคุรุเทพผู้นั่งอยู่ตรงตาที่สาม กับตัวเขาซึ่งเป็น "ชีวา" หรือ "ปัจเจกวิญญาณ" ซึ่งยังติดอยู่ในโลกของอัตตาอยู่ ...(มีใจความเกี่ยวกับคำถาม คำตอบ หลายประโยค...เช่นก้าวต่อไปควรจะเป็นอย่างไรต่อไป?....)

ดังนั้นเขาจึงต้องนั่งที่กึ่งกลางระหว่างคิ้วใกล้ชิด กับพระบิดาของเขา เพื่อแสวงหาความสงบ โดยเขาคิดว่าจะไม่มีทางที่ ชีวิตนี้ของเส้นประสาท และใจจะเป็นตัวแทนของตัวเขาได้อีกต่อไปแล้ว และสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดจะค่อยๆ เสื่อมพลังในการผูกมัดตัวเขาทีละน้อยๆ จนกระทั่งไม่มีผลต่อตัวเขาอีกในวันข้างหน้า และเมื่อนั้นแหละที่ตัวเขาจะบรรลุการปลดปล่อยอย่างสิ้นเชิง และสามารถรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งเป็นเป้าหมายของเขาได้....

และเขาก็ยังคงนั่งสมาธิเพ่งจิตไปที่หว่างคิ้ว ดวงตาที่สามของเขาก็เปิดขึ้นอีก คราวนี้เห็นนิมิตของพระเยซู ปรากฎอยู่ตรงกึ่งกลางดวงตาที่สาม มีรังสีออร่าสีขาวกระจ่างปรากฎออกมาโดยรอบศรีษะของพระเยซู เขาจึงตระหนักได้ทันทีเลยว่า "ดวงตาที่สาม" เป็นตำแหน่งที่คนเราสามารถเห็นพระเจ้าในรูปทรงต่างๆได้ ถ้าท่านประสงค์จะให้คนๆนั้นแลเห็น..."

อันที่จริงรายละเอียดต่างๆในการที่เราได้แลเห็นนั้น ถ้าหากเรามีคุรุเป็นพระอรหันต์ และพระพุทธเจ้า สิ่งที่เราจะได้เห็นก็คงเป็นสิ่งที่เรานับถือและศรัทธาเช่นกัน จะเห็นว่าประสบการณ์ทางวิญญาณเหล่านี้ ไม่ว่าจะมาจากส่วนใดๆ ของโลกล้วนเป็นเรื่องสากล ที่มนุษย์เราทั้งโลกสามารถเข้าถึงได้ เราจึงไม่มีเหตุผลที่จะไปแบ่งแยกใดๆ เพราะความยึดติดส่วนตัวของเราเท่านั้น...เพราะความเป็นหนึ่งเดียวกันนี่แหละ ที่จะทำให้เรากลับคืนสู่ธรรมชาติที่แท้จริงของเราได้..เหมือนเราเป็นละลอกคลื่นเล็กๆ ที่กำลังจะเข้าไปรวมกับมหาสมุทรขนาดใหญ่นะครับ..
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE class=tborder id=post162784 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"><!-- status icon and date --> 12-12-2005, 09:07 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #34 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>singkaew_k<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_162784", true); </SCRIPT>
สมาชิก

เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: เมื่อวานนี้ 09:17 PM
วันที่สมัคร: Nov 2005
ข้อความ: 35 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 44 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 47 ครั้ง ใน 21 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 0


</TD><TD class=alt1 id=td_post_162784 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ตาที่สามมีจริง เราใช้วิธีนี้มาตั้งแต่เด็กโดยไมรู้ตัว เรานั่งสมาธิภาวนา ดูลมหายใจเข้า ออกบริเวณจมูกยามเมื่อจิตเศร้าหมอง เหมือนการเติมพลังแก่ตนเอง เมื่อถึงขณะหนึ่ง จะเกิดแสงสว่างจ้าบริเวณระหว่างคิ้ว เราก็ภาวนาดูลมเรื่อยไป จนสว่างจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ เกิดปีติสุข สดใส จะรู้ด้วยตัวเองว่า จิตสดชื่นมีพลัง เรานำจิตนั้นมาคิดทบทวนการเรียน จัดลำดับงานที่จะทำในอนาคต และนำมาใช้คิดวิธีรักษาคนไข้ที่มีปัญหา คิดในขณะทำสมาธิ และใช้เพ่งเวลาคนไข้บอกอาการขณะตรวจโรค คนไข้มักจะชอบมาตรวจที่เราและหายอย่างไม่น่าเชื่อ คนไข้บอกเราจัดยารักษาได้ถูกโรค แต่เราก็ไม่หลงคิดว่าเกิดจากวิธีการใช้ตาที่สามร่วมด้วย เรารักษาโรคตามหลักการแพทย์ที่เรียนมาอย่างเที่ยงตรง เพียงแต่ใช้วิธีนี้ร่วมด้วย เราเตือนตนเองว่า จงระวังอย่าหลงระเริงแล้ว ความสามารถการรักษาจะเสื่อมได้ หลงทางได้ ขึ้นชื่อว่าโลกียะ มีได้ทั้งเจริญและเสื่อม รักษาศีลให้ดี แผ่เมตตา ปรารถดีต่อคนไข้ ภาวนาอย่าได้ขาด จะรักษาของดีไว้ได้ นี่คือประสบการณ์ของข้าพเจ้าเกี่ยวกับการใช้ตาที่สามโดยไม่รู้ตัว ยังต้องศึกษาต่อไป
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->
ขอทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน เป็นมิ่งขวัญของปวงพสกนิกรชาวไทย
ตราบนานเท่านาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
<!-- / message --><!-- sig -->

____________________________________________________________

 

สื่อกระแสคลื่นความคิดต่างมิติแนะวิธีลัดการฝึกจิตให้มีพลัง

เมื่อวานซืน ขณะกำลังนั่งสมาธิ
ได้รับสื่อบางอย่าง บอกให้ทำสมาธิเพื่อเพิ่มพลังจิต
ด้วยวิธีลัด เพราะที่ทำอยู่มักจะได้ผลช้า และจิตจะ
ไม่เกาะนิ่ง มักจะฟุ้งไปไหนต่อไหน เสียเวลา
ไม่เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่สมดุลกับ
คลื่นพลังที่ส่งมา

โดยเฉพาะผู้ที่มีพลังแฝงภายใน แต่ยังหาทางออกไม่ได้
ให้ใช้วิธีนี้ครับ

หาชามโลหะพิเศษ(ชามทิเบต) ชามนี้จะมีอักขระยันต์ทางทิเบต
จารึกอยู่ ทั้งภายในและภายนอก เมื่อเคาะเสียงจะดังกังวานอยู่นาน
สามารถกระตุ้นจักระ ในร่างกายมนุษย์ โดยเฉพาะจักระที่ 6
คือตาที่สาม

การปฏิบัติ เริ่มหายใจเข้าช้าๆยาวๆ เต็มปอด เคาะ 1 ครั้ง
เสียงกังวานจะหยุดตรงสุดลมหายใจ
หายใจออกช้าๆ เคาะ 1 ครั้ง เสียงกังวานจะสุดที่ลมหายใจพอดี
เสียงกังวานจากชามโลหะอักขระยันต์ทิเบต จะไปช่วยกระตุ้น
จุดเข้าออกของพลังในร่างกาย ให้เปิดรับ สื่อพลังจากเบื้องบน
แล้วเมื่อนั้นสื่อพลังจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบน
ก็จะสามารถติดต่อสื่อจิตกับมนุษย์ได้
โดยเฉพาะช่วงวิกฤติภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ผู้สื่อได้ ก็สามารถร่วมช่วยเหลือมนุษยชาติ
ร่วมกับ กลุ่ม พลังจิต พิชิตภัยพิบัติ
(อุปกรณ์ชามโลหะอักขระยันต์ทิเบต หาซื้อได้ที่ ตลาดนัดสวนจตุจักร)
<O
หากไม่สามารถหาอุปกรณ์ดังกล่าวได้
ให้ใช้วิธี กำหนดลมหายใจพร้อมๆไปกับ นิ้วกลาง กับนิ้วโป้ง
เริ่มจาก นิ้วกลางจรดนิ้วโป้ง
หายใจเข้าช้าๆเต็มปอด นิ้วกลาง กับนิ้วโป้ง ค่อยๆเคลื่อนห่างจากกัน
สุดลมหายใจ นิ้วทั้งสองยืดตึง
หายใจออก ช้าๆ สุดลมหายใจ นิ้วทั้งสองค่อยๆดึงชิดติดกัน
จิตจะถูกกำหนดในอยู่ในสภาวะรับรู้อาการ และลมหายใจ
จะไม่ซัดส่าย หันเห ฟุ้งออกไปนอกตัว
และสมาธิจะเกิดได้เร็วมาก ผู้ที่มีฐานพลังภายในกาย
จะรับรู้และกำหนดสมาธิได้เร็วมาก

 

ความรู้สึกปวดตึงที่กลางหน้าผากผมได้มาตั้งแต่เริ่มจำความได้..
แต่ตอนนั้นยังเป็นเด็กเลยไม่รู้จักว่าอะไรเป็นอะไร..
เคยบอกเพื่อน..แต่ก็ไม่มีใครทำได้
บางคนที่ทำได้ก็ใช้เวลานานมาก...จึงมีคำถามอยู่ในใจมานานว่าทำไม..ทำไม
เมื่อศึกษามากขึ้นถึงได้รู้ว่านี่คือจดที่เรียกว่าตาที่สาม...
ปัจจุบันนี้..นึกได้ทุกครั้งที่อยากจะนึก
( ให้เกิดอาการเสียว ปวดตึงที่กลางหน้าผาก )
ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที ยิ่งหากเวลาที่ทรงกรรมฐานจะเกิดง่ายมาก
แต่ก็ยังไม่เคยถอดจิต หรือเห็นอะไรโดยตาที่สามซะที
ขอคำแนะนำจากผู้รู้ด้วยครับ....

 

ยามเข้าสู่สมาธิ เมื่อสงบดีแล้ว จงนำจิตวางไว้ที่ จักระ 6 เถิด จักเห็นผลในเร็ววัน