ประสบการณ์ ธรรมะ พระเครื่อง หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก จ.อยุธยา

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย Specialized, 14 ตุลาคม 2009.

  1. นพคุณ

    นพคุณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    842
    ค่าพลัง:
    +3,815
    ขอบคุณมากครับ หลวงพ่อท่านคงเห็นความพยายาม
    เพราะช่วงหลังมานี่ไปถวายสังฆทานทุกเดือนเลย
    มีรุ่นก่อน สำริดโบราณ อะครับจะเห็นเกศาอยู่หลายองค์
    แต่บูชาแพงหน่อย องค์ละ ๒๐๐๐ บาท แต่ตอนนี้ก็หมดไปแล้ว
     
  2. nitikoon kongkhaw

    nitikoon kongkhaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,314
    ค่าพลัง:
    +53,506
    ผมถ้าไม่ติดงานจริงๆก็จะไปถวายสังฆทานเกือบทุกเดือนเหมือนกันครับ ผมต้องการให้มีอารมณ์ชินกับทำบุญน่ะครับ เพราะถ้าทำบ่อยๆก็จะคิดแต่สิ่งดีๆที่เราทำเป็นประจำครับ ตอนนี้วัดที่ผมไปทำบุญประจำบ่อยๆเวียนกันไปแทบจะทุกเดือนก็ว่าได้เช่นวัดสะแก วัดอัมพวัน วัดบ้านแค วัดท่าซุง วัดศาลาปูน วัดรางหมันและต้นเดือนทำบุญกับหลวงตาม้าที่เพชรเกษมครับ เมื่อก่อนหมดเงินไปกับการเที่ยวและซื้อเสื้อผ้าของใช้แพงๆ แต่ตอนนี้เอาเงินมาทำบุญมีความสุขมากกว่ากันเยอะเลยครับ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 กรกฎาคม 2012
  3. prom20

    prom20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    3,086
    ค่าพลัง:
    +8,975
    ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาทั้งหมดทั้งมวล...สาธุ

    ขอให้ผมได้มีโอกาศตอบแทนพี่ นิติคุณ...สาธุ
     
  4. bobbysoking

    bobbysoking เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2011
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +182
    ขออนุโมทนาการทำบุญของพี่ทุกท่านครับ ผมน้องใหม่ขอมาอยู่ตามคำสอนของหลวงปู่ดุ่อีกคนนะครับ ^^
     
  5. KIRATI_99

    KIRATI_99 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    1,035
    ค่าพลัง:
    +842
    รบกวนคุณ nitikoon29 สมเด็จองค์ปฐมองค์นี้บูชาเท่าไหร่ครับ
     
  6. prom20

    prom20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    3,086
    ค่าพลัง:
    +8,975
    ผมก็อ่านเเล้วขนลุกซู่ครับ ปิติ ครับ อนุโมทนาสาธุครับ
     
  7. prom20

    prom20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    3,086
    ค่าพลัง:
    +8,975
    อนุโมทนาครับ
     
  8. nitikoon kongkhaw

    nitikoon kongkhaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,314
    ค่าพลัง:
    +53,506
    ตามนี้ครับพี่นพคุณถ่ายไว้ครับ..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. Jopaa

    Jopaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    1,720
    ค่าพลัง:
    +4,867
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Specialized [​IMG]
    หลายคนก็สงสัยเหมือนกัน วันนี้จะคลายสงสัยกันล่ะนะครับ

    ปิดทองทำไม

    [​IMG]

    ในทุกปีเมื่อมาถึงวันคล้ายวันเกิดของหลวงพ่อ ทางคณะศิษย์จะทำการสรงน้ำเพื่อแสดงกตเวทิตาต่อองค์หลวงพ่อ รวมทั้งการเลี้ยงพระโดยนิมนต์มา 9 รูป เพื่อสวดพุทธมนต์ ถวายภัตตาหาร เมื่อสรงน้ำท่านเรียบร้อยแล้ว หลวงพ่อจะเปลี่ยนชุดจีวรใหม่ที่คณะศิษย์นำมาถวาย นอกจากนี้ท่านยังเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ปิดทองคำที่องค์ท่านเป็นกรณีพิเศษบางครั้งแม้ไม่ใช่พิธีการสรงน้ำ ท่านก็มีเมตตาให้ปิดทอง เพราะบางคนบอกว่าบนไว้ว่าเรื่องสำเร็จแล้วกลัวจะเสียสัจจะ ท่านจึงยอมอนุโลมตามโดยท่านยกตัวอย่างเรื่องของ ลพ.แช่ม วัดฉลอง จ.ภูเก็ต เป็นต้น

    ต่อมาในภายหลังหลวงพ่อท่านไม่อนุญาติให้ปิดทอง เพราะบางคนไม่รู้กาลเทศะ นึกจะปิดก็ปิด บางครั้งจะขอปิดตรงหน้าอก อ้างว่าจะได้มีจิตเหมือนหลวงพ่อ ในที่สุดท่านจึงถามขึ้นว่า

    "ก่อนที่แกจะปิด รู้ไหมว่าปิดทองทำไม แล้วได้อะไร หรือว่าปิดไปเรื่อย"

    บางคนตอบว่าปิดเพื่อให้ได้บุญ ท่านถามกลับไปว่าบุญอย่างไร ถ้าตอบได้จึงจะให้ปิด เลยนั่งเงียบ และท่านจึงบอกว่าอยากปิดทองก็ให้ไปปิดพระพุทธรูป ต่อไปนี้จะไม่อนุญาติให้ปิดทองอีกต่อไป เมื่ออยู่ตามลำพังผู้เขียนได้เรียนถามท่านว่า "จะขอออกความเห็นได้ไหมครับ" ท่านตอบว่า "ได้" ผู้เขียนตอบว่า

    "การปิดทองคำหลวงพ่อ ได้บุญเหมือนปิดพระทั้งหมดแสนโกฎิจักรวาล เพราะเวลาหลวงพ่อเสกของ ถวายของ หลวงพ่อเชิญพระมาหมด การปิดทองจึงมีอานิสงค์มาก หรือเวลาสรงน้ำก็เช่นกัน ใช่หรือไม่"

    ท่านตอบว่า "ถูกต้อง"

    ผู้เขียนเลยบอกไปว่า

    "ดังนั้นถ้าเป็นพระของหลวงพ่อ ปิดทองคำ ย่อมได้อานิสงค์แบบเดียวกันใช่ไหม"

    ท่านตอบว่า "ใช่แล้ว"

    ผู้เขียนนึกขึ้นได้ว่าในการสร้างลูกแก้วสารพัดนึก ท่านบอกว่าให้ผสมทองคำเปลวลงไปด้วยเก้าแผ่นในผงพุทธคุณ ภายหลังเมื่อได้ถามท่านผู้รู้ท่านตอบว่า

    "ธาตุทองแทนธาตุของนิพพาน เพราะมีความบริสุทธิ์สูงและมีคุณค่ามาก ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนี้"

    จึงเข้าใจถึงความหมายของหลวงพ่อที่ลึกซึ้งมาก





    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    เท่าที่เคยได้ยิน ได้ฟังจากศิษย์หลวงปู่ฯสายปฏิบัติที่ทันยุคท่านจริงๆ..ทราบว่าภาพถ่ายที่มีการปิดทองที่หน้าแข่งหลวงปู่นั้น เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่เคยทำ และได้ถ่ายภาพบันทึกไว้ เป็นการปิดทองที่หลวงปู่ท่านให้ทำได้อย่างไม่เต็มใจเป็นที่สุด เนื่องจากขัดศรัทธาจากสุภาพสตรีท่านหนึ่ง ที่ไปบ่นบานพิเรนๆไว้...

    หลวงปู่ท่านกล่าวห้าม เธอก็ยังไม่ยินยอม ดื้อดึงจะปิดเอาให้ได้ โดยอ้างเอาคำสัตย์สาบานที่ได้กล่าวออกไปแล้ว ที่สุดแล้วด้วยความเมตตา หลวงปู่ท่านจึงยินยอมอนุญาต (แบบไม่เต็มใจ) ตกลงว่าวันนั้นคนอื่นๆเห็นสุภาพสตรีท่านนั้นทำได้ ก็เลยเฮโลทำตามกันใหญ่..

    ที่สุดรุ่งขึ้น..หลวงปู่ท่านต้องเท้าบวม ทรมานสังขารท่านมาก..ศิษย์ที่เป็นศิษย์ท่านจริงๆ ทุกคนรู้ดีว่า โดนตัวหลวงปู่ โดนเท้าหลวงปู่ไม่ได้เลย..พราดพรั้งโดนตัวท่านเมื่อใด หลวงปู่เป็นต้องเจ็บปวดทรมานทุกครั้ง

    เรื่องราวอันเกี่ยวกับหลวงปู่ การได้ยินได้ฟังอะไร อนุชนรุ่นหลังควรต้องมีวิจารณาณให้ท่องแท้ เรื่องเล่าต่อๆมา บางครั้งก็ออกจะเกินเลย บางที่ผู้เล่าเล่าไม่รู้จักซึ่งกาละเทศะ เหมือนกับจะยกเอาหลวงปู่ขึ้นเกินเลยพระพุทธเจ้าไป ซึ่งเป็นการไม่เหมาะสม เป็นเรื่องที่หลวงปู่ท่านตำหนิติเตียนเป็นอย่างยิ่ง

    ข้อเขียนบางข้อเขียนที่ถูกเผยแพร่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะกับผู้ที่มาอ้างว่าเป็นศิษย์ก้นกุฏิท่าน ทั้งๆที่แต่ไหนแต่ไร ปฏิบัติไม่เอาไหน ชอบแต่ออกแนวอิทธิฤทธิ์ อภินิหาร เทพๆทรงๆ ด้วยนิสัยความชอบส่วนตัวเป็นฐาน จึงมาเขียนอะไรออกมาเพี้ยนๆ เกินเลยไปเรื่อย..จนศิษย์ที่ทันยุคท่านเช่นกัน เก่ากว่า ใกล้ชิดกว่า และอยู่รับใช้หลวงปู่ท่านตลอดเวลา นึกตำหนิความเวอร์มาโดยตลอด ข้อเขียนผิดๆ นั่งเทียนเขียน ที่สุดนานวันไป จากเรื่องเท็จก็กลายเป็นเรื่องจริง บางคราก็เกินเลยความเป็นซึ่ง "หลวงปู่ดู่ " องค์จริงท่านซะแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2012
  10. เปิดโลก

    เปิดโลก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2011
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +2,479
    .....ขอขอบคุณมากครับ คุณJopaaท่านเทพของผม มีข้อมูลเนื้อหาดีๆมาให้อ่านเตือนใจเตือนสติกันอยู่ตลอด ขออนุโมทนาด้วยครับ สมเป็นศิษย์หลวงปู่ดู่ของพวกเราอย่างแท้จริง ยอดเยี่ยมจริงๆครับ
     
  11. bobbysoking

    bobbysoking เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2011
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +182
    ขอบคุรพี่Specializedสำหรับเรื่องปิดทองทำไมด้วยครับ
     
  12. kenjiro001

    kenjiro001 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +89
    สอบถามผู้รุ้ครับ ผมเคยนั่งสมาธิภาวณา พุทโธ หายใจเข้าพุทธ หายใจออกโธ สมาธิจะกำหนดอยู่ที่ลมหายใจ ทำให้มีสมาธิมุ่งมั่นอยู่ที่ลมหายใจ ผมอยากทราบว่า นั่งสมาธิแล้วภาวนาตามแบบหลวงปู่ ต้องภาวนา
    พุทธัง สรณัง คัจฉามิ


    ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ

    สังฆัง สรณัง คัจฉามิ
    ภาวนาแบบนี้มีสัมพันธ์กับลมหายใจอย่างไรบ้างครับ คือผมภาวนาตามแบบหลวงปู่ ยังไม่มีสมาธิ รู้สึกสับสนคำภาวนา กับลมหายใจ ทำอย่างไรให้มีสมาธิ ขอรบกวนท่านผู้รู้ชี้แนะแนวทางด้วยครับ
     
  13. Jopaa

    Jopaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    1,720
    ค่าพลัง:
    +4,867
    พอดีแวะเข้ามาหน้าประสบการ์ณของคุณบอย เห็นถามเรื่องการปฏิบัติ ขออนุญาตคุณบอย เจ้าของกระทู้ ตอบตามที่ปัญญาอันน้อยนิดพึ่งทราบน่ะครับ

    หลวงปู่ท่านไม่เคยกำหนดกฏเกณฑ์เลยว่า ต้องภาวนาคำว่า พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สรณัง คัจฉามิ..เป็นกฏตายตัว มีแต่จะเน้นย้ำว่า เคยปฏิบัติอย่างไหนมา ถูกจริต ชำนาญแบบนั้นอยู่แล้ว ก็เอาแบบที่เคยเพียร เคยปฏิบัติมา

    นอกจากคนที่ไม่เคยปฏิบัติมาก่อน ท่านจึงเริ่มสอนด้วยบทไตรสรณคมณ์ พุทธัง ธัมมัง สังฆัง ฯ ทั้งนี้โดยความหมายก็เพื่อให้พึ่งระลึกถึงซึ่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะที่พึ่งอันประเสริฐ เชื่อมั่นในพระรัตนตรัยเป็นอารมณ์ เป็นที่พึ่ง ที่ระลึก ที่ปฏิบัติบูชาอันสูงสุด เหนือสิ่งอื่นใดทั้งหลายทั้งปวง

    การปฏิบัติตามแบบฉบับหลวงปู่ ท่านเอาเพียงคำภาวนาเป็นอารมณ์ จะไม่เอาซึ่งการกำหนดลมหายใจควบคู่ไปด้วย ด้วยคำยาวๆ กับลมหายใจเข้า-ออก ย่อมไม่สัมพันธ์กันเป็นปกติครับ

    อนึ่ง..เรื่องของพระกำนั่ง ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่หลวงปู่ท่านพาทำ โดยนัยก็เพื่อให้จิตผู้ปฏิบัติเกิดกำลังใจ ละจากความกลัวต่างๆ เช่น กลัวนั้นกลัวนี่..กลัวเห็นผี กลัวนั่งไปแล้วกลับมาที่เก่าไม่ได้ ตามความเชื่อเก่าๆของคนบางคนที่ไม่เคยปฏิบัติ ต่อเมื่อปฏิบัติพอได้พอเป็นแล้ว หลวงปู่ท่านก็ไม่เคยได้เน้นย้ำเรื่องพระกำนั่งเลย ท่านว่าไม่ให้ยึดติด มีก็ได้ไม่มีก็ได้ ถ้าแกทำได้แล้ว เชื่อในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์จริงๆแล้ว เป็นไม่ต้อง เอาพระในตัวนั่นแหละ หาพระเก่า พระแท้ในตัวให้เจอ

    สุดท้ายสิ่งที่ท่านเน้นย้ำมาโดยตลอดก็คือ..

    "สวดมนต์คือยาทา..ภาวนาก็คือยากิน "


    เอาแค่พอคร่าวๆน่ะครับ สำหรับหลักคำสอนหลวงปู่ตามแบบฉบับเดิม ที่ไม่ผิดเพี้ยนไปตามกาลเวลา..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2012
  14. bobbysoking

    bobbysoking เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2011
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +182
    อนุโมทนาด้วยครับ ขอบคุณมากครับเป็นประโยชน์จริงๆครับ
     
  15. bobbysoking

    bobbysoking เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2011
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +182
    ผมอยากทราบจากพี่ๆว่าการภาวนา เริ่มแรกสุดควรทำอย่างไรครับครับ นึกออะไรบ้าง กำหนดอะไรบ้างครับ พอดีผมเป็นเด็กอยู่ครับเลยไม่ค่อยทราบอะไรมากครับ
     
  16. Ov

    Ov เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2012
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +1,417
    กราบหลวงปู่ดู่อันเป็นที่สุดในวันพระครับ
     
  17. อิฐมอญ

    อิฐมอญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    1,385
    ค่าพลัง:
    +1,444
    ทำอะไรที่สบายๆนะครับ อย่าไปยึกกับกฏเกณฑ์มากจนเกินไป ครับ ทำใจเราให้นิ่งปล่อยไปตามลมหายใจ มองดูลมหายใจเข้า-ออก ให้สำนึกรู้ว่าเราทำอะไรอยู่ อย่าไปอยากเห็นโน่นเห็นนี่ บางครั้งสิ่งที่เราเห็นน่ะ เราเห็นจริงๆแต่สิ่งที่เห็นนั้นหาใช่ของจริงไม่
    เคยมีคำกล่าวที่ว่า อยากเห็นก็จะไม่ได้เห็น อยากเป็นก็จะไม่ได้เป็น อยากได้ก็จะไม่ได้ บ้างมั๊ยครับ นั่นละมันเป็นตัวกิเลส

    ค่อยๆทำ ค่อยๆนั่ง ดูจิตของเราไปครับ

    เอาเป็นข้อมูลจาก ความคิดเห็นเล็กๆบทนึงนะครับ

    ขออนุโมทนาด้วยนะครับ ยังเป็นเด็กน้อยแต่มีจิตใจใฝ่ในธรรมเช่นนี้ _/I\_
     
  18. prom20

    prom20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    3,086
    ค่าพลัง:
    +8,975
    ใช่ครับพี่อิฐมอญผมเห็นด้วยครับ อนุโมทนาด้วยครับ
     
  19. Jopaa

    Jopaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    1,720
    ค่าพลัง:
    +4,867
    อย่างที่พี่อิฐมอญพูดน่ะครับ..

    การปฏิบัติธรรมสมาธิ คือ ความนิ่ง.. ความเงียบสงบ.. อย่ายึดกฏเกณฑ์ใดมากจนเกินไป จนเกิดเป็นตัวทิฏฐิ ทำทุกอย่างให้เป็นไปตามธรรมชาติ..สบายๆ..

    ยกตัวอย่างเป็นรูปธรรมเช่น ปัจจุบันศิษย์หลวงปู่ฯ นิยมสวดมนต์ "บทบูชาพระ " หรือที่ปัจจุบันมาเปลี่ยนชื่อเรียกกันใหม่ว่า "บทสวดจักรพรรดิ์"

    ความจริงการสวดมนต์เป็นสิ่งดี ทำให้จิตใจเราซึ่งปกติว่องไว วอกแวก หาความสงบ หาความนิ่งไม่ได้ เมื่อจะเริ่มนั่งสมาธิใหม่ๆ บางท่านจึงใช้วิธีระงับอารมณ์ ระงับอาการแส่สร่ายเบื้องต้นด้วยการสวดมนต์เพื่อให้จิตรวม โดยสวดบทต่างๆของหลวงปู่ที่ท่านเคยพาทำ (มีเผยแพร่มากมาย )

    ต่อเมื่อสวดไปได้ระยะหนึ่งแล้ว จิตเริ่มนิ่งตัว.. เริ่มอยากหยุดอาการแห่งการท่อง การพูด การออกเสียงต่างๆ.. จิตอยากอยู่นิ่งๆ..เมื่อนั้นแล้วอย่าฝืน อย่ากำหนดกฏเกณฑ์ว่าต้องทำให้ได้เท่านั้นจบ เท่านี้จบ อันนั้นเป็นสิ่งผิดธรรมชาติ จิตเขาจะลงนิ่งหาความสงบอยู่แล้ว ก็ไปฝืนไปบังคับเขาปลุกเขาขึ้นมา ก็พอดีไม่เป็นอันได้นั่งสมาธิอันเป็นของจริงของแท้เสียที มั่วแต่ไปยึดติดกับกฏเกณฑ์ต่างๆมากจนเกินไป..

    แต่หากวันั้น จิดมันคะนอง แม้สวดไปแล้วหลายๆสิบรอบ จนถึง 108 จบ ถ้าจิตยังไม่เกิดอาการคลายตัว จิตยังไม่อยากสงบ จิตยังสนุกอยู่กับการสวดมนต์ จิตยังไม่เกิดทุกข์จากการสวดมากรอบมากจบจนเกินไป ดูที่จิตตนเอง ถ้าวันนั้นจิตเขาอยากสวดมากๆ ก็ปล่อยเขาสวดไป เอาทุกอย่างที่ความสบายๆแห่งจิต...

    สรุปอย่าฝืนธรรมชาติ.. สบายๆ..ตัวฝืนจะกลายเป็นตัวทุกข์ กลายเป็นตัวทิฏฐิเข้ามาแทนที่ ความสงบในจิตใจ หรือเรียกว่า หลักวิธีหาความสงบเบื้องต้นจากการสวดมนต์

    อนึ่ง..การบำเพ็ญเพียรสมาธิ จิตต้องตั้งมั่น กล้าหาญในธรรม เชื่อมั่นอยู่กับ "อัตตาหิ อัตตโน นาโถ " คือ " ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน " อันนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก ต้องท่องไว้ให้ขึ้นใจ เป็นปกติอารมณ์ เป็นทางสายหลักแห่งธรรมที่พระพุทธองค์ทรงเน้นย้ำ หลวงปู่ดู่ท่านไม่เคยสอนอะไรเกินกว่าธรรม เกินกว่าพระพุทธเจ้าทรงสอนเลย

    ปัจจุบันนักปฏิบัติสายหลวงปู่ฯ เริ่มออกนอกแนวกันอยู่บ้าง อะไรเล็กน้อยก็ขอให้หลวงปูช่วย. อะไรๆก็ขอๆๆๆ.. แม้แต่นักปฏิบัติบางท่าน...

    " ลัทธิการขอเป็นลัทธิของชาวฮินดู " การสวดมนต์อ้อนวอนต่างๆ ต่อเนื่องในระยะเวลายาวนานเป็นเดือน เป็นปี หลายๆปี ก็เพื่อให้เทพเจ้าเห็นใจ เห็นในความสัตย์ชื่อแห่งตนที่เพียรขอ ดลบันดาลให้เป็นไปตามที่ร้องขอ / ศาสนาพุทธมิได้เป็นเช่นนั้นเลย พระพุทธองค์ทรงเห็นความหลงผิดหลงเชื่อเช่นนั้น จึงละเสีย ศาสนาพุทธแตกต่างจากศาสนาอื่นก็ตรงนี้.. ตรงที่พระพุทธองค์ทรงสอนให้ละจากการขอ มาเป็นการพึ่งพาตนเองเป็นสำคัญ

    เมื่อจิตที่หวังแต่การขอพึ่งพิง การขอให้ช่วยเหลือ ให้ดลบันดาลเป็นไปต่างๆ โดยละเลยซึ่งการพึ่งพาตนเอง ขาดความกล้า ความห้าวหาญในธรรม เมื่อจิตอ่อนแอเช่นนั้น ความมุ่งมั่นที่จะต่อสู่กับตัวอาสวะกิเลสทั้งหลายทั้งปวงซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดก็หมดลง กลายเป็นจิตที่อ่อนแอ อ่อนพลัง ไปสู่เป้าหมายปลายทางมิได้..

    นักปฏิบัติหลายๆท่าน แม้ปฏิบัติมานานหลายสิบปี มั่วแต่หลงทาง ที่สุดก็ยังไม่ไปไหน ไม่ได้สัมผัสซึ่งอารมณ์แห่งความสงบที่แท้จริง เพราะจิตมั่วแต่ไปติดกับการขอๆๆๆๆ..ขาดความกล้า การช่วยเหลือตัวเอง เช่นนี้แล้ว..หลวงปู่ท่านไม่สนับสนุนผู้ขาดความกล้าในธรรม..เช่นนี้แล

    หลวงปู่ท่านมักพูดเสมอว่า.."เพราะพวกแกมันยังเชื่อไม่จริง " (เชื่อในคุณแห่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2012
  20. nakorn99

    nakorn99 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +27
    อนุโมทนาสาธุครับ

    คำกล่าวข้างต้นของคุณ Joppa ช่างโดนใจจริงๆ ( เชื่อว่า น่าจะโดนใจอีกหลายๆท่านเช่นกัน ) และถือเป็นทางสายกลางที่อธิบายได้อย่างสมเหตุสมผล และน่าจะสามารถคลายความสับสนของความแตกต่างในแนวทางการปฏิบัติของศิษย์หลวงปู่ ระหว่างการสวดมนต์ภาวนาอย่างเดียวเพื่อความสงบ ; การสวดมนต์เพื่อขอๆๆอย่างเดียว; การสวดมนต์และปฏิบัติสมาธิภาวนาควบคู่ไปด้วย

    เชื่อเหลือเกินว่า หากอ่านด้วยใจที่เป็นกลางไร้อคติ จะพบแนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้องตามคำสอนที่แท้จริงของหลวงปู่ดู่ได้โดยไม่ยาก

    ขอบคุณสำหรับข้อความดีๆเช่นนี้ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...