ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    ข้อเท็จจริง ที่ควรรู้ เรื่อง โคราชน้ำท่วมใหญ่ในรอบ 50 ปี ซึ่งมีปริมาณน้ำฝนน้อยกว่าอดีตทำไมถึงท่วมหนักได้ หมวด » เรื่องนี้ต้องขยาย » เรื่องเด่นประเด็นดัง » ข้อเท็จจริง ที่ควรรู้ เรื่อง โคราชน้ำท่วมใหญ่ในรอบ 50 ปี ซึ่งมีปริมาณน้ำฝนน้อยกว่าอดีตทำไมถึงท่วมหนักได้

    สถิติฝนสูงสุด 1 วัน ทั่วประเทศ คัดมาเฉพาะที่เกิน 200 มม.
    ++++++++++++++++++++++++

    กลุ่มงานสารสนเทศและพยากรณ์น้ำสรุปรายงานข้อมูลปริมาณน้ำฝนรายวัน
    ส่วนอุทกวิทยา สำนักอุทกวิทยาและบริหารน้ำ
    กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
    ( รายงานใช้ข้อมูลกรมชลประทาน และกรมอุตุฯ เวลา 07.00 น. ของทุกวัน )หน่วยงาน รหัสสถานี สถานที่ตั้งสถานีสำรวจปริมาณน้ำฝน สถิติฝนสูงสุด 1 วัน (มม.)
    กรมอุตุฯ 16072 จ.ลำปาง อ.เถิน 310.0
    กรมอุตุฯ 40013 จ.แพร่ อ.เมือง 218.2
    กรมอุตุฯ 70013 จ.อุตรดิตถ์ อ.เมือง 206.4
    กรมอุตุฯ 63072 จ.ตาก เขื่อนภูมิพล อ.สามเงา 380.6
    กรมอุตุฯ 63032 จ.ตาก อ.แม่สอด 207.4
    กรมอุตุฯ 39013 จ.พิษณุโลก อ.เมือง 265.7
    กรมอุตุฯ 38092 จ.พิจิตร อากาศเกษตร อ.เมือง 220.7

    กรมอุตุฯ 30013 จ.หนองคาย อ.เมือง 226.6
    กรมอุตุฯ 68013 จ.อุดรธานี อ.เมือง 274.5
    กรมชลฯ 24130 จ.นครพนม ที่ทำการชลประทาน 377.7
    กรมอุตุฯ 24013 จ.นครพนม อ.เมือง 459.2
    กรมอุตุฯ 24042 จ.นครพนม สกษ. ต.ขามเฒ่า อ.เมือง 272.6
    กรมชลฯ 50330 จ.สกลนคร บ้านท่าห้วยหลัว(Kh.74) อ.บ้านม่วง 202.8
    กรมอุตุฯ 50013 จ.สกลนคร อ.เมือง 228.9
    กรมอุตุฯ 50122 จ.สกลนคร สกษ. ต.ห้วยยาง อ.เมือง 212.6
    กรมอุตุฯ 64013 จ.มุกดาหาร อ.เมือง 269.4
    กรมอุตุฯ 14092 จ.ขอนแก่น อากาศเกษตรท่าพระ 200.4
    กรมชลฯ 11221 จ.กาฬสินธุ์ บ้านแก่งยาว ( E.54 ) อ.กุฉินารายณ์ 205.3
    กรมชลฯ 49111 จ.ร้อยเอ็ด บ้านท่าไคร้ ( E.18 ) กิ่ง อ.ทุ่งเขาหลวง 237.7
    กรมชลฯ 05100 จ.ชัยภูมิ โครงการชลประทานชัยภูมิ อ.เมือง 205.5
    กรมอุตุฯ 67013 จ.อุบลราชธานี อ.เมือง 203.9
    กรมอุตุฯ 67093 จ.อุบลราชธานี สกษ.ต.ท่าช้าง อ.สว่างวีรวงศ์ 254.3
    กรมชลฯ 76060 จ.อำนาจเจริญ อ่างเก็บน้ำร่องน้ำซับ อ.เมือง 229.0
    กรมอุตุฯ 57202 จ.ศรีสะเกษ อากาศเกษตร ต.หญ้าปล้อง อ.เมือง 263.4

    กรมชลฯ 26311 จ.นครสวรรค์ สะพานบ้านเกยไชย ( N.67 ) อ.ชุมแสง 212.7
    กรมชลฯ 26281 จ.นครสวรรค์ บ้านหางราย ( Ct.7 ) อ.แม่เปิน 270.0
    กรมอุตุฯ 19013 จ.ลพบุรี อ.เมือง 203.4
    กรมชลฯ 13651 จ.กาญจนบุรี บ้านลินถิ่น ( K.54 ) อ.ทองผาภูมิ 219.4

    กรมชลฯ 44191 จ.ปราจีนบุรี บ้านแก่งดินสอ ( Kgt.15A ) อ.นาดี 232.5
    กรมชลฯ 03231 จ.ฉะเชิงเทรา บ้านท่ากลอย ( Kgt.18 ) อ.สนามชัยเขต 220.0

    กรมชลฯ 37550 จ.เพชรบุรี บ้านจาโปรง ( B.11 ) อ.หนองหญ้าปล้อง 215.5
    กรมชลฯ 37101 จ.เพชรบุรี เขื่อนแก่งกระจาน ( B.5 ) อ.แก่งกระจาน 260.3
    กรมอุตุฯ 37012 จ.เพชรบุรี อ.เมือง 248.3
    กรมชลฯ 45231 จ.ประจวบคีรีขันธ์ บ้านแกลง (Gt.9) อ.ทับสะแก 217.3
    กรมชลฯ 45221 จ.ประจวบคีรีขันธ์ บ้านบางสะพาน (Gt.7) อ.บางสะพาน 264.5
    กรมชลฯ 10191 จ.ชุมพร บ้านท่าแซะ ( X.64 ) อ.ท่าแซะ 279.0
    กรมชลฯ 10201 จ.ชุมพร บ้านหาดแตง ( X.46A ) อ.ท่าแซะ 278.8
    กรมชลฯ 10251 จ.ชุมพร อนามัยสลุย อ.ท่าแซะ 240.0
    กรมชลฯ 10261 จ.ชุมพร อนามัยธรรมเจริญ อ.ท่าแซะ 340.0
    กรมชลฯ 61341 จ.สุราษฎร์ธานี บ้านไชยา ( X.103 ) อ.ไชยา 309.4
    กรมอุตุฯ 61013 จ.สุราษฎร์ธานี อ.เมือง 457.1
    กรมชลฯ 27161 จ.นครศรีธรรมราช บ้านท่าใหญ่ ( X.55 ) อ.ลานสกา 252.4
    กรมชลฯ 27401 จ.นครศรีธรรมราช บ้านหัวนา ( X.149 ) อ.นบพิตำ 297.8
    กรมชลฯ 27371 จ.นครศรีธรรมราช ชป.ไม้เสียบ อ.ชะอวด 212.2
    กรมชลฯ 27481 จ.นครศรีธรรมราช บ้านคีรีวงศ์ อ.ลานสะกา 280.6
    กรมชลฯ 58421 จ.สงขลา บ้านบางศาลา ( X.90 ) อ.คลองหอยโข่ง 270.3
    กรมอุตุฯ 58022 จ.สงขลา อ.หาดใหญ่ 262.5
    กรมอุตุฯ 58112 จ.สงขลา สกษ.คอหงษ์ อ.หาดใหญ่ 315.7
    กรมชลฯ 29131 จ.นราธิวาส บ้านปาเสมัส ( X.119A ) อ.สุไหงโก-ลก 328.7

    กรมอุตุฯ 46013 จ.ระนอง อ.เมือง 510.7
    กรมชลฯ 34230 จ.พังงา บ้านหินดาน ( X.187 ) อ.ตะกั่วป่า 301.6
    กรมอุตุฯ 43033 จ.ภูเก็ต สถานีสนามบิน อ.ถลาง 303.1
    กรมชลฯ 65141 จ.ตรัง บ้านหินดาน ( X.139 ) อ.ปะเหลียน 221.5
    กรมอุตุฯ 65012 จ.ตรัง อ.เมือง 208.0
    กรมอุตุฯ 55012 จ.สตูล อ.เมือง 238.8

    หมายเหตุ :
    สถานีกรมชลประทานได้รับข้อมูล ณ เวลา 07.00 น. ของวันนี้ ( รวม 159 สถานี )
    สถานีกรมอุตุนิยมวิทยาได้รับข้อมูล ณ เวลา 07.00 น. ของวันนี้ ( รวม 119 สถานี )

    ที่มา http://water.rid.go.th/itcwater/rain.htm

    ---------------------------------------------------------------------------

    สถิติฝนสูงสุด 1 วัน ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา
    ที่กำลังเกิดน้ำท่วมใหญ่ในขณะนี้
    ++++++++++++++++++++++++
    หน่วยงาน รหัสสถานี สถานที่ตั้งสถานีสำรวจปริมาณน้ำฝน สถิติฝนสูงสุด 1 วัน (มม.)
    กรมชลฯ 25791 จ.นครราชสีมา ศูนย์อุทกวิทยาฯ อ.เมือง 170.8
    กรมอุตุฯ 25013 จ.นครราชสีมา อ.เมือง 136.0
    กรมอุตุฯ 25272 จ.นครราชสีมา อากาศเกษตรปากช่อง 116.4
    กรมอุตุฯ 25092 จ.นครราชสีมา อ.โชคชัย 172.6
    ที่มา http://water.rid.go.th/itcwater/rain.htm
    --------------------------------------------------------------------------สถิติฝนสูงสุด 1 วัน เฉพาะจังหวัดนครราชสีมาในช่วงเวลาก่อนเกิดน้ำท่วมใหญ่++++++++++++++++++++++++สรุปลักษณะอากาศรายวัน
    สถานีอุตุนิยมวิทยา อุณหภูมิ (°C) ลมสูงสุด ปริมาณฝน (มม.)
    . สูงสุด ต่ำสุด ทิศ ความเร็ว(กม./ชม.) เวลา
    24ชม. รวมตั้งแต่ต้นปี
    วันที่ 13 ตุลาคม 2553
    นครราชสีมา 31.6 24.4 E 27.80 13:29 1.4 1,172.0
    โชคชัย 31.0 24.2 ENE 18.53 11:30 0.21,221.2
    ปากช่อง สกษ. 28.3 22.8 E 18.53 13:34 10.2 1,129.8

    วันที่ 14 ตุลาคม 2553
    นครราชสีมา 29.7 24.9 ESE 22.24 09:45 25.5 1,197.5
    โชคชัย 30.4 25.0 ENE 14.83 10:40 30.6 1,251.8
    ปากช่อง สกษ. 28.0 22.4 W 14.83 17:01 14.1 1,143.9

    วันที่ 15 ตุลาคม 2553
    นครราชสีมา 26.1 24.0 NE 25.95 10:09 116.3 1,313.8
    โชคชัย 27.4 23.5 ENE 12.97 14:15 102.8 1,354.6
    ปากช่อง สกษ. 24.5 22.1 W 16.68 11:28 110.3 1,254.2

    วันที่ 16 ตุลาคม 2553
    นครราชสีมา 25.1 23.0 NNE 29.65 08:39 52.6 1,366.4
    โชคชัย 25.4 22.2 NNE 12.97 19:00 37.8 1,392.4
    ปากช่อง สกษ. 24.5 21.5 W 20.39 13:51 60.1 1,314.3

    วันที่ 17 ตุลาคม 2553
    นครราชสีมา 27.9 22.5 - ได้รับรายงานบางส่วน - 6.6 1,373.0
    โชคชัย 27.3 22.1 NNE 16.68 01:00 1.0 1,393.4
    ปากช่อง สกษ. 25.7 21.5 WSW 18.53 17:10 9.9 1,324.2

    วันที่ 18 ตุลาคม 2553
    นครราชสีมา 30.6 23.8 - ได้รับรายงานบางส่วน - 7.5 1,380.5
    โชคชัย 29.6 23.6 ESE 11.12 13:35 22.8 1,416.2
    ปากช่อง สกษ. 29.5 22.5 WSW 20.39 14:05 22.0 1,346.2

    วันที่ 19 ตุลาคม 2553
    นครราชสีมา 29.8 23.5 - ได้รับรายงานบางส่วน - 2.2 1,382.7
    โชคชัย 30.0 23.5 NNE 12.97 14:00 35.0 1,451.2
    ปากช่อง สกษ. 29.5 22.0 E 18.53 12:10 9.2 1,355.4

    วันที่ 20 ตุลาคม 2553
    นครราชสีมา 30.0 24.1 - ได้รับรายงานบางส่วน - ไม่มีฝน 1,382.7
    โชคชัย 30.2 23.4 E 14.83 12:30 ไม่มีฝน 1,451.2
    ปากช่อง สกษ. 29.2 22.5 E 27.80 14:10 ไม่มีฝน 1,355.4

    ที่มา http://www.tmd.go.th/climate/climat...---------------------------------------------
    การเมือง : คุณภาพชีวิตวันที่ 18 ตุลาคม 2553 15:38
    สถิติเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในประเทศไทย
    โดย : *Researchers & Rewriter*

    เหตุการณ์สำคัญเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ในประเทศไทยที่ผ่านมา ก่อนมาถึงครั้งล่าสุดท่วมจ.นครราชสิมาน้ำล้นคันกั้นน้ำเขื่อนลำพระเพลิง

    น้ำท่วมกรุงเทพฯ ครั้งใหญ่ ปี2526 และปี2538

    พ.ศ. 2526 เกิดเหตุการร์น้ำท่วมกรุงเทพอย่างหนัก สาเหตุจากมีพายุพัดผ่านภาคเหนือ-ภาคกลาง ประกอบกับพายุหลายลูกพัดผ่านกรุงเทพฯ ในช่วงเดือนตุลาคมนานกว่า 4 เดือน จึงส่งผลกระทบเกิดปัญหาวิกฤตน้ำท่วมในปี 2526 โดยเฉพาะปัญหาจราจรที่รถกับเรือใช้เส้นทางเดียวกัน

    ปี พ.ศ. 2538 เป็นอีกครั้งหนึ่งที่กรุงเทพฯ ประสบกับน้ำท่วม ในช่วงที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ยังเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร น้ำเหนือหลากท่วมอยุธยา ปทุมธานี หมู่บ้าน white house ตอนเหนือของกรุงเทพฯ น้ำท่วมร่วม 2 เดือน

    ส่วนปี พ.ศ.2549 นั้นเกิดอุทกภัยทางภาคเหนือ ทำให้น้ำเหนือไหลเข้าสู่แม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดที่โดนหนักๆ เช่น พิษณุโลก นครสวรรค์ อ่างทอง แต่สำหรับกรุงเทพฯ นั้นน้ำท่วมเฉพาะบางส่วนที่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งไม่รุนแรงเท่าปี พ.ศ.2538
    ภัยพิบัติกะทูน ปี 2531

    เวลาตีสองของวันที่ 22 พฤศจิกายน 2531 ชาวบ้าน ต.กะทูน อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช ต้องประสบชะตากรรมเลวร้ายที่สุดในชีวิต เมื่อจู่ ๆ น้ำป่าจากภูเขาเหนือหมู่บ้านได้ซัดเอาดินโคลน หินและท่อนซุงขนาดใหญ่เข้าถล่มบ้านเรือนจนราพณาสูร

    ชั่วข้ามคืน หมู่บ้านแห่งนี้กลายเป็นทะเลโคลน ซากปรักหักพังของบ้านเรือนนับพันหลังถูกทับถมอยู่ใต้ท่อนซุงกองมหึมา ชาวบ้านมากกว่า 700 ชีวิต ต้องสังเวยให้แก่ภัยพิบัติครั้งนี้

    น้ำท่วมอำเภอหาดใหญ่ ปี2543 ปี2548

    วันที่ 21-23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เกิดฝนตกหนัก 3 วัน 3 คืน ทำให้น้ำจากเขตเทือกเขาสันกาลาคีรี บริเวณพรมแดนระหว่างประเทศไทยกับมาเลเซีย ไหลบ่าเข้าท่วมตัวเมืองชั้นในซึ่งมีลักษณะเป็นแอ่งกะทะอย่างรวดเร็ว และถือเป้นเหตุการณ์น้ำท่วมมือครั้งที่เลวร้ายที่สุด สร้างความเสียหายเป็นมูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านบาท จำนวนผู้เสียชีวิตตามประกาศจากทางราชการ 35 คน แต่จำนวนผู้เสียชีวิตจริง ข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการ สูงถึง 233 คน ไม่รวมชาวต่างประเทศ

    เกิดอุทกภัยซ้ำอีกครั้งใน 16 อำเภอของจังหวัดสงขลา และเขตรอบนอกของตัวเมืองหาดใหญ่ ระหว่างวันที่ 13-20 ธันวาคม พ.ศ. 2548 ซึ่งผลไม่รุนแรงเท่าในปี พ.ศ. 2543 แต่มีผู้ประสบความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก

    น้ำป่าถล่ม อ.วังชิ้น แพร่ ปี 2544

    กลางดึกของวันที่ 4 พฤษภาคม 2544 น้ำป่าจากอุทยานแห่งชาติเวียงโกศัยไหลทะลักเข้าถล่มใส่หมู่บ้านหลายตำบลของ อ.วังชิ้น จ.แพร่ มีผู้เสียชีวิต 23 ราย สูญหาย 16 คน บาดเจ็บ 58 คน ถือเป็นเหตุการณ์น้ำท่วมรุนแรงที่สุดในรอบ 100 ปี ของจ.แพร่ จำได้จนขึ้นใจเลยว่า ฝนตกติดต่อกันถึง 3 วัน 3 คืนกระทั่งประมาณตีหนึ่งก็ไหลทะลักเข้ามาในพื้นที่อย่างรุนแรงจนถนน-สะพานถูกตัดขาด บ้านเรือนถูกน้ำพัดหายไป 45 หลังคาเรือน

    น้ำท่วม-ดินถล่มบ้านน้ำก้อ เพชรบูรณ์ ปี2544

    ขณะที่ฝนกำลังตกลงมาราวฟ้ารั่วในคืนวันที่ 11 สิงหาคม 2544 ณ บ้านน้ำก้อ ตำบลน้ำก้อ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ชาวบ้านกำลังหลับใหลอย่างมีความสุข โดยไม่มีใครรู้สึกตัวว่าน้ำป่าบนภูเขาสูงกำลังเคลื่อนตัว ถาโถมเข้าใส่หมู่บ้านที่อยู่ในรัศมีทางน้ำอย่างรวดเร็ว ด้วยความบ้าคลั่งของน้ำป่าที่หอบเอาทั้งดินโคลน และต้นไม้ ได้ซัดเอาบ้านเรือนหลายสิบหลังหายไปในพริบตาในกลางดึกของวันนั้น เช้าวันรุ่งขึ้นหลังสิ้นฤธิ์ของน้ำป่า บ้านน้ำก้อ เหลือแต่สิ่งปรักหักพัง และซากศพ เหตุการณ์ครั้งนี้ได้กลืนชีวิตคนหนุ่มสาว ไม่เว้นแม้เด็กและคนชราไปถึง 147 คน

    ซุง-โคลนถล่มจมแม่ระมาด-ตากปี 2547

    วันที่ 22 พฤษภาคม 2547 ฝนกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา น้ำป่าจากบนเขาได้พัดเอาโคลนและท่อนซุงที่มีคนลักลอบตัดไว้ ลงมาถล่มเขตเทศบาลแม่ระมาด จ.ตาก ผู้คนหายไปกับสายน้ำและจมอยู่ใต้ทะเลโคลนจำนวนมาก บ้านถูกพัดหายไปทั้งหลังนับร้อย เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิต 4 ราย และสูญหายอีกนับ 10 ชาวบ้าน 6,019 คน จาก 2,113 ครอบครัวได้รับความเดือดร้อน

    เชียงใหม่น้ำท่วมหนัก ปี 2548

    วันที่ 14 สิงหาคม 2548 ภายหลังฝนถล่มหนักในภาคเหนือตอนบน ทำให้หลายจังหวัดถูกน้ำท่วมจมบาดาล กระแสน้ำเหนือ ที่ไหลลงสู่แม่น้ำปิง ได้ทะลักเข้าท่วมตัวเมืองเชียงใหม่อย่างรวดเร็ว มีระดับสูงเป็นประวัติการณ์ในรอบ 50 ปี บ้านเรือนราษฎรในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่นับพันหลังถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหาย ตลาดวโรรส ตลาดลำไย ตลาดไนท์บาซาร์ระดับน้ำสูงร่วม 70 ซม. พื้นที่บางแห่งระดับน้ำสูงเกือบ 2 เมตร

    ฝนถล่ม-น้ำท่วมภาคใต้ ปี2548

    ข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทย รายงานสถานการณ์น้ำท่วมในภาคตั้งแต่วันที่ 14-24 ธ.ค.2548 มีพื้นที่ประสบภัยรวม 8 จังหวัด คือ สงขลา นครศรีธรรมราช ปัตตานี นราธิวาส พัทลุง ตรัง ยะลา และสตูล มีประชาชนได้รับความเดือดร้อน 1.6 ล้านคน มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 25 ราย แบ่งเป็น จ.สงขลา 13 ราย ตรัง 2 ราย ปัตตานี 1 ราย พัทลุง 3 ราย ยะลา 4 ราย นครศรีธรรมราชและสตูลจังหวัดละ 1 ราย และยังมีผู้สูญหายไปอีก 1 ราย ที่ จ.ยะลา มูลค่าความเสียหายประมาณ 600 ล้านบาท

    อุทกภัยและโคลนถล่ม 5 จังหวัดในเขตภาคเหนือตอนล่าง ปี 2549

    เหตุการณ์ที่ฝนตกผิดปกติในพื้นที่เป็นเวลาหลายวัน ในบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2549 ทำให้ดินบนภูเขาไม่สามารถอุ้มน้ำฝนที่ตกลงมาได้ ส่งผลให้เกิดภาวะน้ำท่วม และดินถล่มในช่วงกลางคืนของวันที่ 22 พฤษภาคม 2549ต่อเนื่องถึงเช้ามืดของวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 ก่อให้เกิดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดอุตรดิตถ์ ที่มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้มากที่สุด มีผู้เสียชีวิตถึง 75 คน จากจำนวนผู้เสียชีวิตและสูญหายทั้งหมด 116 ราย ใน 5 จังหวัดที่ประสบเหตุการณ์อุทกภัยและโคลนถล่มครั้งนี้

    "น่าน"วิกฤติ! น้ำท่วมหนักสุดในรอบ 43ปี

    อิทธิพลของมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลาง ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทยตอนบน ประกอบกับร่องความกดอากาศต่ำกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนบน ส่งผลให้บริเวณภาคเหนือตอนบนมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ จ.น่าน เกิดน้ำท่วมหนักจนสถานการณ์เข้าสู่ขั้นวิกฤติ

    น้ำในแม่น้ำน่านมีระดับเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ ริมตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ อ.ท่าวังผา ได้รับผลกระทบมากที่สุด จากการวัดปริมาณน้ำในแม่น้ำน่านที่จุด อ.ท่าวังผา เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2549 ที่ผ่านมา พบว่าปริมาณน้ำขึ้นสูงถึง 9.30 เมตร ซึ่งเลยจุดวิกฤติที่ 7 เมตร ทำให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมในพื้นที่ลุ่มและพื้นที่ริมฝั่ง 2 ตำบล รวม 6 หมู่บ้าน คือ ต.ป่าคา และ ต.ศรีภูมิ บ้านเรือนกว่า 3,000 หลังคาเรือนจมอยู่ใต้บาดาล ระดับน้ำสูงถึง 3 เมตร เรียกว่าท่วมเกือบมิดหลังคาบ้าน ชาวบ้านต้องอพยพหนีตายขึ้นไปอยู่บนที่สูง

    สำหรับเขตเทศบาลเมืองน่าน ระดับน้ำในแม่น้ำน่านได้ทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนที่อยู่ริมแม่น้ำน่าน อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ บ้านท่าลี บ้านพวงพยอม และบ้านดอนศรีเสริม ขณะที่ นายธาดา สุขปุณพันธ์ ผอ.ศูนย์อุทกวิทยาและระดับน้ำ ภาคเหนือตอนบน กรมชลประทาน เปิดเผยว่า ระดับน้ำที่วัดได้บริเวณสะพานผาขวาง อ.ท่าวังผา สูงถึง 13.50 ม. จากปกติ 6.50 เมตร และ น้ำท่วมครั้งนี้มีความรุนแรงเทียบเท่าเมื่อปี 2506 หรือ 43 ปีที่ผ่านมา

    ต่อมาปี 2553 ได้เกิดฝนตกหนักติดต่อกันสองวันสองคืน ตั้งวันที่ 17 ก.ค. จนถึงเช้าวันที่ 18 ก.ค. 2553 ทำให้เกิดน้ำหลากเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร และดินถล่มปิดทางเข้าหมู่บ้าน อ.ปัว และ อ.ท่าวังผา ซึ่งถือว่าเป็นเหตุการณ์น้ำท่วมหนักอีกครั้งหนึ่งในจ.น่าน

    ที่มา ʶԵ
     
  2. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,680
    ค่าพลัง:
    +51,926
    *** ใกล้เกิดศึกประลัยกัลป์ ****

    *** คิดเลข เรื่องศาสนา กับ ๕๐๐๐ ปี ****

    เมื่อ....
    กาลีศักราช ที่ ๒๔๑๑ ... เป็น อัญชันศักราช ที่ ๑
    พระพุทธเจ้าประสูติ...กาลีศักราช ที่ ๒๔๗๘....อัญชันศักราช ที่ ๖๘
    อีก ๓๕ ปี....กาลีศักราช ที่ ๒๕๐๓...อัญชันศักราช ที่๑๐๓ ....ตรัสรู้
    อีก ๔๕ ปี...กาลีศักราช ที่ ๒๕๕๘....อัญชันศักราช ที่๑๔๘ ....ปรินิพพาน...เป็นพุทธศักราช ที่ ๑

    ครบรอบ ๕๐๐๐ ปีตรง กาลีศักราช ที่ ๕๐๐๑....พุทธศักราช ที่ ๒๔๔๔
    ต่อไปอีก ๑๑๑ ปี กาลีศักราช ที่ ๕๑๑๒....พุทธศักราช ที่ ๒๕๕๕...คริสต์ศักราช ที่๒๐๑๒....จะตรงปฏิทินมายาโบราณสิ้นสุดพอดี

    จะอย่างไรก็ตาม ขอให้ทุกคนรักษาสัจจะไว้กับตน
    - " หนุมาน ผู้นำสาร "<!-- google_ad_section_end -->
    http://palungjit.org/threads/%E0%B8%9E-%E0%B8%A8-1-%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%87-%E0%B8%9E-%E0%B8%A8-5000-a.209434/<!-- google_ad_section_end -->



    *** คำนวณ ****

    กาลีศักราช ที่ ๕๐๕๙...ตรง พุทธศักราช ที่ ๒๕๐๒
    คือ ช่วงกึ่งพุทธกาล....
    ความหมายของ... หลักสัจจะธรรม กับ สัจจะปฏิบัติ
    ยังไม่ได้ศึกษากันเลย
    เมื่อไม่รับสัจจะ โลกก็เริ่มปรับตัวเข้ายุคพระศรีอารย์


    *** พ.ศ. ๒๕๕๕ ****

    คือ กาลีศักราช ครบ ๕๐๐๐ ปี + ๑๑๑ ปี
    --------------------------------
    = คริสต์ศักราช ๒๐๑๒

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "<!-- google_ad_section_end -->
     
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    Doomsday 2012

    [​IMG]

    คำพยากรณ์ของนอสตราดามุสเกี่ยวกับ Doomsday 2012

    นอสตราดามุสดูเหมือนได้ทำนายว่า สงครามนิวเคลียร์เกิดในยุคเรานี้ ประมาณช่วงเวลาระหว่างปี 1999 – 2012 “หน้าต่างเวลา”นี้เข้ากันได้กับคำพยากรณ์ในรหัสพระคัมภีร์ และเห็นพ้องกับกรอบเวลามาตรฐาน ที่ระบุในพระวรสารโดยมัทธิว 24 : 32 นิทานเปรียบเทียบเรื่องต้นมะเดื่อ​

    นอสตราดามุสทำนายว่า สหรัฐจะเข้าสู่สงครามในอาฟกานิสถานและอิรัก ล่าตัวบินลาเดน และสงครามนี้จะขยายตัว กลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3

    นอสตราดามุสได้ทำนายมากมายถึงดาวหางดวงหนึ่งหรือดาวพระเคราะห์ ดาวหางที่จะผ่านโลกอีกไม่นานหลังปี ค.ศ. 2000 และอาจก่อให้เกิดการทำลายโลกไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ทำนาย ปี 2012 ดาวพระเคราะห์น้อย (Asteroid) แบบดาวหางจะเป็นสาเหตุความพินาศของโลก

    นอสตราดามุสใช้ศิลปะเก่าแก่คือสีดำ เพื่อ”ปลุกเร้า” สัตวิญญาณที่ทำให้ตื่นกลัว และเป็นผู้ที่ใช้ภาพนิมิตในเรื่องอนาคต คำทำนาย “ ในปี 1999 และอีก 7 เดือน นั้น กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่น่าเกรงขามจะมาจากท้องฟ้า พระองค์จะฟื้นชีพให้กษัตริย์ของพวกมองโกล ก่อนนั้นและหลังจากนั้น มนุษย์จากดาวอื่น ( อาจเป็นจากดาวอังคาร )จะมาครองโลก

    ผู้ศึกษาเรื่องนอสตราดามุสพิเคราะห์ว่า กษัตริย์น่าเกรงขามผู้ยิ่งใหญ่จากท้องฟ้าน่าจะเป็นดาวพระเคราะห์น้อยหรือดาวหางดวงหนึ่ง ซึ่งไม่เคยโคจรมาใกล้โลกระหว่างปี ค.ศ. 1999 หรือ 2000

    มีผู้เชื่อว่า “ความน่าสะพรึงกลัวจากฟ้า”ที่อ้างว่ากำลังมานั้น อาจไม่ใช่ดาวดวงใดที่นอสตราดามุสอ้างถึง เป็นไปได้ว่า กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่น่าเกรงขามจากฟ้า คือการมาของ “แอนตี้ไครสต์” (Antichrist) .ใน”ยานอวกาศ” ซึ่งการมาของท่านผู้นี้ ( มีในหนังสือวิวรณ์ – Relavation ด้วย ) จะก่อให้เกิดการทำลายล้างแบบเดียวกับที่ดาวหางโลกาวินาศจะมาถึงโลก เพราะ Antichrist จะสถาปนาศาสนจักรปีศาจ “โดยอาศัยวาติกันและพระสันตะปาปาในอนาคต”

    นอสตราดามุสยังกล่าวถึง การมาถึงของครูของโลก หรือพระเมสซีอาสเทียมซึ่งอาจจะ”เหาะ”มาหรืออาศัยยานแบบใดแบบหนึ่ง นอกนั้นการทำนายถึงการที่ดาวดวงใหญ่ตกกระทบท้องทะเลนั้น ก็บังเอิญไปตรงกับบริบทในหนังสือวิวรณ์ 8 : 8-10

    เป็นที่น่าประหลาดมากที่จะเป็นความบังเอิญหรือไม่ไม่ทราบได้ ที่การทำนายของนอสตราดามุสหลายข้อ ตรงกับข้อความการทำนายวันสิ้นโลกในพระคัมภีร์ แต่ คำพยากรณ์และการทำนายของนอสตราดามุสที่ว่า ผลกระทบยิ่งใหญ่จากดาวหางระหว่างปี ค.ศ. 2010 ถึง 2012 นั้นไปตรงกับสาเหตุหลายประการที่นักวิทยาศาสตร์และนักดาราศาสตร์ปัจจุบันให้แนวความคิดและเป็นแนวความคิดของความเป็นไปได้ โดยอาศัยหลักเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ที่ว่า สาเหตุที่โลกจะถึงวาระแตกดับนั้น มีหลายประการจริง

    ดาวที่คาดว่าจะทำให้โลกถึงแก่ความพินาศ ในปี ค.ศ. 2012

    พระดำรัสชองพระเยซูเจ้าที่ว่ามนุษย์รุ่นนี้เป็นรุ่นสุดท้ายในโลก ทำให้หลายคนใจเสีย ก็..กลัวตายนะซีคุณ เราจะตายก่อนถึงเวลาแก่เฒ่าหรือตายด้วยโรคภัยไข้เจ็บหรือโดยอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิตไม่ว่ากัน แต่ตายด้วยสาเหตุที่คาดไม่ถึงว่าโลกจะระเบิดแตกดับ พวกเรามนุษย์จะสิ้นสูญไปจากโลกนี้นั้น ไม่อยากคิด! แต่..ไม่อยากคิดยังไงๆก็ต้องคิด เมื่อคิดแล้วก็อยากจะรู้ว่า อะไรคือสาเหตุที่โลกจะแตกดับ มนุษย์จะสิ้นไปจากโลก ก็คงต้องฟังนักวิทยาศาสตร์ที่พยายามอธิบายให้เราฟังเกี่ยวกับเรื่องนี้ คงจะดีกว่า

    มีดาวเคราะห์ดวงหนึ่งที่นักดาราศาสตร์ตั้งรหัสชื่อว่า Planet-X-NIBIRU ดาวดวงนี้มีเส้นวงโคจรเป็นรูปวงรีตัดกับวงโคจรของโลกตลอดและจะมีช่วงหนึ่งที่เข้ามาใกล้โลกมากห่างไม่เท่าไร พูดได้ว่าเฉียดโลกเลยทีเดียว ผ่านเข้ามาใกล้โลกทีไรก็ทำให้โลกเกิดกลียุคทุกที ดาวดวงนี้จะโคจรเข้ามาใกล้โลกทุกๆ 3,600 ปี เมื่อ 3,600 ปีที่แล้วผ่านมาครั้งหนึ่งแล้ว เป็นสาเหตุให้ทวีปแอตแลนติกจมหายลงไปทั้งทวีปกลายเป็นมหาสมุทรแอตแลนติก ตอนนั้นน้ำท่วมโลกสูงมาก (หลายคนคิดว่าเป็นยุคน้ำท่วมโลกสมัยโนอา โปรดอ่านรายละเอียดจากพระคัมภีร์พันธะสัญญาเดิม)

    เรื่องเกี่ยวกับโนอาและน้ำมหาวินาศแรกของโลกมนุษย์ทราบรายละเอียดจากพระคัมภีร์ และยังจำพระสัญญาของพระเป็นเจ้าที่บอกโนอาและลูกหลานว่า จะไม่มีน้ำท่วมโลกอีก หากเห็นรุ้งปรากฏบนท้องฟ้านั่นคือพระสัญญาของพระองค์ ตอนนี้มนุษย์งงจริงๆ เพราะที่จะเกิดกลียุคกับโลกเราและทำให้มนุษย์สูญสิ้นไปคือน้ำท่วมโลกครั้งใหม่ โดยผลกระทบจากดาวเคราะห์ที่มีรหัสชื่อว่า Planet-X-NIBIRU ! ดาวดวงนี้จะโคจรเข้ามาใกล้โลกในปี 2009 มองเห็นได้ทางซีกโลกใต้ด้วยกล้องดูดาวพลังสูง

    ปี 2011 โคจรใกล้เข้ามา มนุษย์จะมองเห็นดาวดวงนี้ด้วยตาเปล่า โตขนาดเท่าดวงจันทร์ของเรา แต่สีจะออกสีแดงๆ

    ปี 2012 โคจรเข้ามาใกล้มาก จากนั้น จะเริ่มเกิดปฏิกิริยาต่อมวลสภาพอากาศบนโลก เศษหินจำนวนมหาศาลที่มากับดาวดวงนี้ จะพุ่งตกลงกระทบผิวโลก เป็นเหมือนฝนดาวตก และเป็นอันตรายต่อมวลชีวิตบนโลกเรา เพราะบรรยากาศของโลกไม่สามารถเสียดทานเอาไว้ได้

    ปี 2012 วันที่ 21 ธันวาคม ดาว NIBIRU โคจรเข้ามาใกล้โลกที่สุด หายนะครั้งยิ่งใหญ่จะเกิดบนพื้นแผ่นดินโลก อย่างไม่มีใครคาดคิดมาก่อน

    ปี 2013 วันที่ 14 กุมภาพันธ์ วันนั้นเป็นวันที่โลก + นิบิรุ + ดวงอาทิตย์โคจรมาอยู่ในเส้นแนวเดียวกัน แกนแม่เหล็กโลกจะเปลี่ยนขั้วกลับกัน ขั้วเหนือเป็นขั้วใต้และขั้วใต้เป็นขั้วเหนือ โลกจะหยุดหมุนรอบตัวเอง 3 วัน ( คือส่วนใดสว่างก็จะสว่างนาน 3 วัน ส่วนใดมืดก็จะมืดนาน 3 วัน) แผ่นดินจะแยกตัวเป็นเสี่ยงๆ น้ำทะเลจะปั่นป่วนเป็นคลื่นมหาสึนามิ ถล่มเมืองชายทะเลทุกแห่งของโลก เมื่อแผ่นหินเปลือกโลกเคลื่อนไหวตัว ลาวาใต้โลกจะพุ่งทะลักขึ้นมา เกิดเป็นภูเขาไฟมากมายทั่วทุกทวีป ที่เคยอยู่ใต้ทะเลก็จะโผล่ขึ้นเหนือทะเล ที่เคยเป็นยอดเขายอดเกาะก็จะยุบตัวลงต่ำสู่พื้นล่าง แน่นอน มนุษย์และสัตว์หลายล้านชีวิตต้องสิ้นไป บ้านเมืองถล่มทะลายไม่เหลือหรอ

    เหตุการณ์เลวร้ายเกินกว่าจะบรรยายได้จะเกิดต่อไปจนถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2514 ดาวเคราะห์ NIBIRU จะโคจรห่างโลกออกไปเรื่อยๆ โลกจะเข้าสู่ภาวะสงบ แต่เมื่อถึงเวลานั้น จะเหลือชีวิตมนุษย์และสัตว์รอดจากหายนะหรือไม่ เท่าใด ไม่มีการทำนายไว้

    โดย: Petervich

    ที่มา http://forum.catholic.or.th/index.php?action=printpage;topic=296.0
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • nibiru.jpg
      nibiru.jpg
      ขนาดไฟล์:
      30.5 KB
      เปิดดู:
      10,765
  4. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,680
    ค่าพลัง:
    +51,926
    *** ศึกประลัยกัลป์ ****

    เมื่อ...ต้นปี พ.ศ.๒๕๔๙
    ศึก-ประ-ลัย-ยา-กัล ใกล้ตัว....เหลือเพียง ๑ คืบอรหันต์

    ๑ คืบ ของอรหันต์...เท่ากับ ๖ ปี
    เพราะฉะนั้น จะมาถึงตัว ในปี พ.ศ.๒๕๕๕
    ตอนนี้ จึงเหลือเวลาไม่มาก
    ผู้รอดพ้น...คือ ผู้มีสัจจะ

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เรือโนอาร์ กับ ปี 2012

    [​IMG]

    แผนสร้างยานอวกาศเพื่อใช้หลบหนีวันโลกาวินาศ

    ยังมีเรื่องเหลือร้าย คือมีข้อมูลทางธรณีวิทยาที่ชี้ว่า ปี 2012 คือปีที่ซูเปอร์ วอลเคโน( supervolcano ) หรือภูเขาไฟใต้มหาสมุทรครบรอบ 7.4 หมื่นปีที่จะระเบิดทำลายตัวเอง โดยสัญญาณเตือนภัยครั้งล่าสุดคือโศกนาฏกรรมคลื่นยักษ์สึนามิที่โถมเข้าถล่มบรรดาหมู่เกาะซามัวกลางมหาสมุทรแปซิฟิกเร็วๆนี้ จากการระเบิดของภูเขาไฟใต้น้ำที่อยู่ลึกลงไปใต้มหาสมุทรถึง 18 กิโลเมตร แน่นอน พื้นผิวโลกคงกำลังเตรียมเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่อีก และนั่นหมายถึงมหันตภัยยิ่งใหญ่ของโลกมนุษย์

    น่าสังเกตว่า ช่วงเวลาปัจจุบันนี้ เกิดเหตุแผ่นดินไหว ฝนตกหนักจากพายุและลมมรสุมรวมกับพายุใต้ฝุ่นที่นำฝนตกหนักหลายๆวันติดต่อกัน จนน้ำในแม่น้ำ ห้วยหนองคลองบึงและเขื่อนเก็บน้ำ มีน้ำสะสมสูงมากเกือบจะเกินกำลังรับของเขื่อนต่างๆ ซึ่งหากรับไม่ไหวก็จะทะลักลงมาท่วมหมู่บ้าน ถนนหนทาง ทำความลำบากแก่มนุษย์เป็นที่เวทนายิ่งนัก อุทกภัยดังกล่าวขณะนี้เกิดขึ้นทั่วโลก เป็นไปได้ว่าสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากโลกร้อนขึ้น เกิดการแปรปรวนของลมฟ้าอากาศ อีกสาเหตุหนึ่งนั้นนักธรณีวิทยาอธิบายว่า โครงสร้างของผิวโลกกำลังขยับและเปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยมนุษย์ไม่รู้ตัวและไม่ทันระวังตัว แม้อาจจะรู้ตัวก็คงเป็นบรรดานักวิทยาศาสตร์ไม่กี่คนที่ติดตามเรื่องนี้เท่านั้น

    ในประเทศไทยเอง มีคนบางกลุ่มที่เป็นนักวิทยาศาสตร์และศึกษาเรื่องเหล่านี้ ต่างรวมกลุ่มศึกษาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องวันโลกาวินาศเป็นครั้งคราว คนไทยที่สนใจและเอาใจใส่ในเรื่องดังกล่าวผู้หนึ่งคือ อาจารย์สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา นักวิทยาศาสตร์ไทยผู้นี้เคยทำงานกับองค์การ NASA ยืนยันว่าอีก 3 ปีข้างหน้า โลกจะเกิดหายนะขึ้นจากอุทกภัย(น้ำท่วมโลก ในปี 2012)แน่นอน คนในองค์การนาซ่า ทุกคนทราบเรื่องนี้มานานแล้ว ได้พยายามหางบประมาณสร้างยานอวกาศ(spacecraft) จำนวนมาก เพื่ออพยพผู้คน หลบหนีจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกครั้งใหญ่(ครั้งที่สอง) ค.ศ. 2012 คาดว่าคงใกล้จะเสร็จแล้ว เสียดายที่ท่านมิได้ระบุว่าสร้างกี่ลำ แต่ละลำบรรทุกคนได้จำนวนกี่คน แล้วจะพาบินไปไหน?

    นอกจากนั้น อาจารย์สุมิตรยังยืนยันว่า มนุษย์ต่างดาวหรือเอเลี่ยน( Alien ) นั้นมีจริง ปัจจุบันบางคน(มนุษย์ต่างดาว)มาทำงานกับองค์การนาซ่า โดยการสื่อสารทาง”โทรจิต” เพื่อถ่ายทอดความรู้ทางเทคโนโลยีชั้นก้าวหน้าแก่มนุษย์ อาจารย์เคยบอกให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสร้างยานอวกาศเพื่อเตรียมอพยพคนไทยหนีจากน้ำท่วมโลก ค.ศ. 2012 แต่ไม่มีใครสนใจ

    ความจริงคนที่กระทรวงวิทย์ฯอาจงงมากที่อยู่ๆก็มีคนเล่าเรื่องประหลาดให้ฟัง แถมชวนให้สร้างยานอวกาศ พวกเขาคงขำกลิ้งฮาตกขอบ เพราะคนไทยเรานั้นไม่ได้รับข้อมูลประเภทนี้เพียงพอที่จะนำมาทำความเข้าใจ หาเหตุผลและวางแผนปฏิบัติอย่างที่อาจารย์สุมิตรเสนอ พวกเขาคงนึกว่าเป็นฝันกลางวัน หรือฝันเฟื่องของผู้ที่อ้างตัวเป็นนักวิทยาศาสตร์ NASA ผมเองก็ออกจะงงๆเหมือนกัน เพราะนักวิทยาศาสตร์และนักทำนายทั้งหลายบอกว่า น้ำจะท่วมโลกน่าสะพรึงกลัว มนุษย์และสัตว์จะสิ้นไปจากโลก ฟังแล้วและคิดแล้วก็เกิดคำถามที่ว่า ตอนน้ำท่วมโลกสมัยโนอานั้น โนอาสร้างเรือสำเภายักษ์ลำมหึมา

    สามารถบรรทุกสัตว์จตุบาตรทวิบาตรทุกชนิดรวมทั้งมนุษย์อีกจำนวนหนึ่ง ลอยขึ้นเหนือน้ำและดำเนินชีวิตอยู่ได้นานสามสี่สิบวัน จนน้ำลด เราก้ทำแบบนั้นคงได้กระมัง คงไม่จำเป็นต้องสร้างยานอวกาศเพื่อนำคนออกจากโลกนี้ไป ค่าสร้างบานตะไทเอามาจากไหน ข้อสำคัญที่ควรจะทราบก่อนก็คือ แล้วจะพาเหาะไปไหนคุณพี่ หรือคิดว่าจะหาดาวสักดวงไปพักชั่วคราว ดาวดวงไหนครับท่าน ผมว่าอย่าลงทุนมากขนาดนั้นเลย เสียเวลาเปล่า สู้ทำแบบโนอาร์ไม่ดีหรือ ไหนว่าน้ำจะท่วมโลกอีก ก็คิดแบบโนอาร์ที่พระเป็นเจ้าแนะนำไง สร้างเรือซิครับ

    เอาลำใหญ่ๆแข็งแรง พอจะทนคลื่นถาโถมให้ได้ และคงไม่ต้องลำใหญ่ขนาดของโนอาร์ที่พยายามบรรทุกสัตว์นานาชนิดไปด้วย เอาลำใหญ่ขนาดเรือเดินสมุทรจะกี่ลำก็คำนวณเอาตามกำลังของประเทศต่างๆจะสะดวกกว่ากระมัง แต่ที่น่ากังวลก็คือ จะลอยลำได้นานเท่าใด เพราะดาวเคราะห์ NIBIRU นั้นอ้อยอิ่งอยู่ใกล้ๆโลกนานเสียด้วย ยังไงๆช่วยกันคิดตอนนี้ยังไม่สาย อีกตั้งปีสองปีคงทันการแน่นอน ถ้าเหคุการณ์ที่ว่านี้เกิดขึ้นจริง – ครับ

    โดย: Petervich

    ที่มา http://forum.catholic.or.th/index.php?action=printpage;topic=296.0
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ark7.jpg
      ark7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      41.7 KB
      เปิดดู:
      7,060
  6. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,680
    ค่าพลัง:
    +51,926
    *** ดาว ๙ ดวง เรียงตัวเป็นเส้นตรง ****

    ความรุนแรงของวิบัติบนโลก ที่จะเกิดต่อไปนี้
    ไม่ว่าพวกจะเกิดมากี่ชาติ ก็ไม่เคยพบไม่เคยเห็นมาก่อน

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  7. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,680
    ค่าพลัง:
    +51,926
    *** จารึกไทย บอกยุคน้ำท่วมโลก ****

    บอกวิธีแก้ปัญหา "น้ำท่วมโลก"


    ครั้นเมื่อขวบกาลอายุลดลงมาเหลือเพียง ๗ หมื่นปี
    ขุนสรวง และ ขุนแก้ว ได้มาบอกว่าอีก ๑๐ ปีจะมีฝนหนัก
    ทั้งน้ำแข็งก็ละลายเป็นน้ำล้นท่วมโลกหล้า ชาวชนและปวงสัตว์จะตายหมด
    พวกเจ้าขุนแถนหัวหน้า พร้อมกับหมู่คนชาวเมือง
    จงร่วมช่วยกันสร้างเรือใหญ่หลายลํา
    จงใช้แผ่นเหล็กปลอดตอกประสักขันเกลียว ตรึงให้แน่นแข็งแรงทุกลํา
    ทําทุ่นให้มากขนาบตลอด มัดให้ติดกันเป็นกลุ่มเรือพวง

    เอาเสาเท่าๆกัน วางขนาบบนกลาบและใต้ท้องเรือ
    เจาะรูใหญ่ให้ตลอดคานที่วางขนาบ ทั้งบนและล่างทุกตัว
    แล้วเอาท่อนประสักใส่ตรึงบนกับล่าง ใช้หัวเกลียวขันหรือผ่า
    แล้วตอกลิ่มประสักตรึงให้แน่นแข็งแรงก็ได้ ใช้กระดานแผ่นหนาปูบนเป็นพื้น
    เอายางรักประสมชันและปูนยาให้ทั่ว ทํากลาบนอกให้สูง
    พอเจาะรูพอให้น้ำไหลออกได้

    ทําห้องติดกลาบเรือนั้น มีหลังคาแค่กลาบนั้น ให้ตลอดทุกลํา จะได้พออยู่
    ตรงส่วนกลาง ทําเป็นพื้นดินปลูกไม้เล็กและผักหญ้า
    ทําคอก งัว, ควาย, ช้าง, ม้า, เก้ง, กวาง, ฬา, ฬ่อ อย่างละคู่ มากนักคงไม่พอ
    ทําให้เสร็จใน ๙ ปี อีก ๑ ปีให้จับสัตว์ต่างๆ มาขังฝึกหัด และปลูกต้นไม้ผักหญ้า
    เรือทุ่นที่ทําเสร็จแล้วให้คงที่ไว้บนคานนั้น ถึงคราวน้ำท่วมท้นขึ้นมาพอ ก็จะเคลื่อนลอยไปได้เอง


    ต้นกำเนิด "แม่ย่านางเรือ"

    และสั่งว่า พอน้ำท่วมท้นแล้ว
    "ขุนสรวง" และ "ขุนแก้ว" จะมาเป็น เจ้าพ่อทะเล
    "แม่สาง" และ "แม่แก้วขวัญฟ้า" จะเป็น แม่ย่านาง หรือเป็น จ้าวแม่ทะเล
    ช่วยกันประคับประคองเรือให้โต้คลื่นลมพายุได้
    ซึ่งจะประคับประคอง พร้อมกับจะคอยคุ้มครองป้องกันภัยอันตราย
    ให้กระทั่งปลอดภัยพิบัติเพราะน้ำท่วมโลกนั้น

    ถ้ายังเหลืออยู่อีก ก็บอกให้มารวมกันที่ใกล้เรือ
    ทั้งช้างม้าวัวควายเก้งกวางหมาแมว ก็นํามาอย่างละคู่
    เรือทุ่นกลุ่มนั้นใหญ่และสูง จึงทําสะพานบันไดทอดขึ้นลง
    พอฝนตกหนักเข้าก็ลงไม่ได้ ต่างก็หลบฝนอยู่ในห้องประทุนเรือนั้น
    และช่วยกันต้อนสัตว์ต่างๆ ขึ้นเรือทุ่นนั้น
    พวกช่างต่างตรวจดูเรือและเตรียมเครื่องมือวัตถุซ่อมแซมไว้พร้อมในภายในใต้ท้องเรือทุ่นนั้น
    ทุกอย่างจึงครบบริบูรณ์

    น้ำเริ่มสูงขึ้นได้ท้นท่วมที่ลุ่มราบหมด และเอ่อสูงขึ้นท่วมคาน แล้วหนุนเรือกลุ่มให้ลอยอยู่บนพื้นน้ำ
    คนสัตว์ที่เหลือต่างก็ปีนขึ้นต้นไม้ ขึ้นหลังคา ขึ้นดอน และปีนขึ้นภูเขา
    ครั้นท่วมท้นกระทั่งยอดมอและยอดไม้จมอยู่ใต้น้ำ
    แม้ยอดภูเขาเทือกย่อมก็จมน้ำ แม้ ยอดเขาอีโก้ ก็ปริ่มน้ำแล้ว ที่ยังเหลืออยู่ให้เห็นได้ ลมก็แรง

    [​IMG]

    บางคราวก็เป็นพายุ ฝนก็ตกกระหน่ำหนัก คลื่นก็ลูกใหญ่ซัดกระแทกตลอด
    ในกลางวันทั่วท้องฟ้าก็มืดมัวไม่มีแสงแดด กลางคืนก็ยิ่งมืดคลึ้มทึบตลอด
    ทั้งคนสัตว์ที่เหลืออยู่กับพื้น ก็ได้ว่ายน้ำหาที่พักอาศัย พอหมดแรงต่างก็จมน้ำตายหมด
    แม้คนทั้งหลายในเรือทุ่น ก็ไม่มีหวังรอดพ้นภัยนั้น

    คราวแรกเรือทุ่นกลุ่มนั้น
    ซึ่งได้ใช้พวนผูกตรึงโยงไว้กับต้นตอไม้ใหญ่ๆ นึกว่าพอจะอยู่ได้
    กระนั้นเมื่อลมคลื่นซัดพัดกระพือกระแทกบ่อยๆ ตลอดวันคืนไม่หยุดหย่อนผ่อนเบา
    แม้ ขุนสรวง ขุนแก้ว กับ แม่สาง แม่แก้วย่านาง จะมาควบคุมคุ้มครองอยู่ ณ หัวเรือและเสากระโดง
    พวนที่มัดล่ามโยงผูกตรึงไว้นั้นก็ขาดหมด
    เรือทุ่นกลุ่มนั้นก็เลื่อนลอยไปตามกระแสคลื่นลม

    หมู่คนสัตว์ที่เหลืออยู่ในเรือนี้ พอมีหวังว่าจะอยู่รอดได้
    กระนั้นเฉพาะหมู่คนก็อยู่ไปวันหนึ่งคืนหนึ่งเท่านั้น
    ที่มีโอกาสรู้และทําสร้างเรือนั้นมีอยู่หลายหมู่ แต่ก็ทําเรือได้ไม่ใหญ่โตและไม่มั่นคงแข็งแรงพอ
    ก็ถูกลมคลื่นซัด กระแทกแตกเสียหายจมน้ำตายไปเป็นส่วนมาก

    ยังมีที่เหลืออยู่ที่เรือไม่แตก หรือที่แตกแต่ไม่กระจาย
    และที่ทะลุก็ยังเป็นที่พยุงตัวอยู่ได้ ก็ถูกคลื่นลมซัดกระพือไปไม่จํากัดทิศทาง
    ไปถึงบริเวณน้ำแข็ง ณ ทะเลเหนือ ใกล้ขั้วโลกเหนือก็มี
    ไปถึงแผ่นดินอื่นคือ อมริกะ ก็มี
    ทั้งไปใต้ถึง โปลา และ ไนไตลนีก็มี

    เฉพาะ "แถนไทย"
    ด้วยอานุภาพ พ่อขุนสรวง และ พ่อขุนแก้ว กับ แม่นางสาง และ แม่แก้วขวัญฟ้า
    ซึ่งได้เป็น "จ้าวพ่อทะเล" และ "จ้าวแม่ทะเล" หรือ "แม่ย่านาง"
    ในกาลนั้น ได้รักษาคุ้มครองเรือทุ่นนั้น
    ให้เลื่อนลอยวนเวียนเป็นวงกว้างอยู่ ณ บริเวณนั้นเป็นแรมเดือน

    เมื่อน้ำลดลงเหลือครึ่งขุนเขานั้น
    เรือนั้นได้ถูกลมคลื่นพัดซัดกระหน่ำ ให้วิ่งไปในห้วงน้ำ เป็นวงกว้างนั้น
    แล้วก็ได้วนเข้ามา ณ บริเวณเดิมนั้น
    ก็ได้ถูกคลื่นลมพัดซัดกระแทกเรือทุ่นกลุ่มนั้น
    ให้หัวเรือพุ่งเข้าชนคอภูเขาลูกหนึ่ง กระทั่งคอเขานั้นทะลุ
    ภูเขานั้นจึงมีชื่อว่า "เขาทะลุ" ได้เรียกกันมาทุกวันนี้

    เรือนั้นได้กระดอนเซออกมา กระแทกกับคอภูเขาอีกลูกหนึ่ง
    กระทั่ง คอยอดบิ่นกระเด็นบินออกไป
    ภูเขานั้นจึงมีชื่อว่า "เขาบิ่น" และ "เขาบิน" เวลานี้เรียกกันว่า "เขาบิน" เป็นประจํา
    เรือนั้นจึงเฉียด ไม่กระแทกจนแตกแล้ว
    ได้ลมแรงกระพือพัดหนุนท้ายให้แล่นไปทางตะวันตกถึงห้วงบึงใหญ่
    ส่วนนั้นเป็นแถบถิ่นดินสูงและน้ำลดลงมากแล้ว
    ท้องฟ้าก็แจ้งแดดออกให้ความอบอุ่นบ้างแล้ว

    เรือได้เกยตอม่อหินใต้น้ำก็แตกกระจายออก
    ส่วนหัวได้พุ่งไปเกยตื้นเชิงเขาลูกหนึ่ง ทั้งคนและสัตว์ได้ขึ้นบกอยู่อาศัย ณ ภูเขานั้น
    ต่อมาจึงสร้างเมืองขึ้นรอบภูเขานั้น
    ภูเขานั้นจึงมีชื่อว่า "เขากลางเมือง" ใช้เป็นชื่อเรียกกันมาตลอดกาลนาน
    กระทั่ง พ.ศ.๒๔๓๘ พระบาทสมเด็จพระปิยมหาราช ได้เสด็จประพาส
    ได้พระราชทานชื่อใหม่ว่า "เขาถ้ำจอมพล" จึงเปลี่ยนเป็น "เขาถ้ำจอมพล" กระทั่งกาลบัดนี้

    และในถ้ำภูเขานี้ซึ่งเป็นถ้ำภูเขาหินปูน จึงมีหินงอกและหินย้อยทั้งถ้ำ
    ณ พื้นถ้ำซึ่งเป็นหินปูน โคลนเมื่อยังเป็นดินโคลนอยู่นั้น อย่างน้อยสุดก็มีอายุถึง ๒ แสนปี
    ซึ่งยืนยันว่ามีคนอยู่มาแล้ว จึงมีรอยเท้าหรือรอยตีนใหญ่ที่ชัดเจน
    ปรากฏอยู่ถึง ๕ รอย เป็นรอยใหญ่โตมาก ซึ่งยาวถึง ๓๖ นิ้วฟุต กว้าง ๑๘ นิ้วฟุต
    ที่ไม่ชัดเจนเช่นมีเพียงหนึ่ง กับรอยเล็กๆอีกเป็นจํานวนมาก
    ทั้งก้าวก็ปรากฏยาวกว่าคนสมัยนี้ เมื่อลองดูยังต้องกระโดดจึงถึง
    คงเป็นหลักฐาน ยุคสมัยขุนแถนไทย อันตรงกับกาล พระโคนาคมน์ ได้

    และก็ ส่วนกลางของเรือทุ่นกลุ่ม นั้น
    ซึ่งขาดออกกระดอนออกมา จมลงตรงกลางห้วงบึงน้ำใหญ่
    เสากระโดงยังคงตั้งอยู่ ฉะนี้ห้วงบึงใหญ่นี้ จึงมีชื่อว่า "บึงจมเรือ" หรือ "บึงเรือจม"
    ต่อมาจึงเปลี่ยนเป็นชื่อว่า "จอมบึง" ให้เหมือนชื่อพระราชทานว่า "ถ้ำจอมพล"
    ทุกวันนี้จึงเรียกกันเป็นประจําว่า "จอมบึง"
    ในกาลประมาณก่อน พ.ศ.๒๔๗๐ ยังมีผู้เห็นตอเสานี้โผล่อยู่กลางบึงนั้น
    ยังเล่ากันเสมอว่าไม่รู้ว่าใครปักไว้

    ส่วนท้ายเรือ
    ได้ลอยไปเกยอยู่กับพื้นตื้นเชิงเขาลูกหนึ่ง ผู้คนได้ขึ้นไปอยู่อาศัย ณ ภูเขานั้น
    เมื่อเจริญขึ้นทําผลได้แล้ว จึงนํามาเป็นสินค้าซื้อขายกัน
    ต่างได้ตั้งชื่อภูเขานี้ว่า "เขากลางตลาด"

    ก็กาลที่น้ำท่วมโลกนั้น ได้ท่วมท้นอยู่นาน
    พอลดลงมากแล้ว ณ ที่สูงๆ ซึ่งเปียกชื้นอยู่แล้ว ทั้งมีฝนตกมาบ้าง
    พืชพรรณผักหญ้ากับต้นและย่านพุ่มป่า ก็งอกงามเจริญขึ้นทั่วไป
    สัตว์ที่เหลืออยู่ครั้นเรือแตกแล้ว ต่างก็ขึ้นบก
    จึงได้อาศัยพืชพรรณผักหญ้าใบไม้นั้นๆ เป็นเครื่องเลี้ยงชีวิต

    คนที่ขึ้นจากเรือนั้น ก็ขึ้นอยู่อาศัยตามเพิงผาถ้ำภูเขา
    ที่ขึ้นอยู่ตามเนินโคก ก็เอาต้นไม้เป็นตอตายเพราะถูกน้ำท่วม เอามาทําเสาตั้งขึ้น
    แล้วเอาไม้ไผ่ ทําขื่อ แป อกไก่ ตง รอด
    ใช้ใบไม้และคา มุงโดยเกลี่ย
    ใช้ไม้ขนาบ ใช้เถาวัลย์ผูกมัด
    ใช้ไม้ไผ่ผ่าสับเป็นฟาก ปูเป็นพื้นอยู่อาศัยกัน

    พอน้ำแห้งตลอดพื้นที่ราบ ที่เป็นโคลนตม ก็แข็งแน่นแล้ว
    ต่างก็ออกมาจากถ้ำ ได้ช่วยกันปลูกสร้างเรือนบ้าน
    แบ่งที่ที่ใกล้หนอง, บึง, ห้วย, คลอง, แม่น้ำ, ทํานา สวน ไร่ ทุ่ง
    ทํานา ปลูกข้าว ทําสวนต้นไม้ จึงเป็นบ้านเมือง ตลาด สนาม ทุ่งเลี้ยงสัตว์ ฉะนี้

    ถิ่นแดนแถบนั้น
    จึงมีธรรมชาติ ซึ่งมีชื่อประจําเนิ่นนานมาแล้วจนชิน
    และรู้ตลอดไปแล้วว่า เขาทะลุ เขาบิ่น เขากลางเมือง เขากลางตลาด
    บึงจม,บึงจมเรือ หรือ บึงเรือจม (จอมบึง) ทุ่งหลวง ทุ่งหญ้า สนามหญ้า ฯลฯ ประจําอยู่แล้ว
    ชาวชนต่างได้ฟัง และรู้เรื่องกันมา
    จึงต่างได้กระทํากราบไหว้ บวงสรวง บําบวง ต้นผีสาง ไทยกันมา และกระทําเป็นประจํามา

    ครั้นกาลล่วงนานมา
    กระทั่งถึง ขุนแถน เทียนฟ้า
    กลุ่มหมู่เลาว๊ะ หรือ เราว๊ะ คือ เลาลวั๊ะ เราลวะ ลว้า ฉะนี้
    จึงมีชื่อ แถนเทียนฟ้า ลว้าไทยโท้ หรือ พ่อขุนไทยโท้ นั้น
    ก็ได้ฟังเรื่องน้ำท่วมโลก ซึ่ง พ่อขุนสรวง-นางสาง พ่อขุนแก้ว-แม่แก้วขวัญฟ้า ซึ่งได้มาบอกแจ้ง
    แล้วให้สร้างเรือทุ่นกลุ่มได้อาศัยอยู่ จึงรอดพ้นภัยน้ำท่วมนั้น
    และท่านต้นทั้ง ๔ นั้นจึงขึ้นเป็น "จ้าวพ่อทะเล" และ "จ้าวแม่ทะเล" หรือ "จ้าวแม่ย่านาง"

    �����¾�оط��ҷ - powered by XMB<!-- google_ad_section_end -->

    http://palungjit.org/threads/สมเด็จ...-กับ-ช่วงกึ่งพุทธกาลของพระโคดม.178195/page-62
     
  8. บัวรองพุทธบาท

    บัวรองพุทธบาท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +745
    พูดถึงเรื่องเรือนี้ ผมจำได้คราหนึ่ง แต่จำช่วงเวลาไม่ได้ แต่ไม่นานมานี้ ที่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดให้ปวงประชาได้เข้าเฝ้าถวายพระพรและมีพระราชดำรัสในช่วงวันที่ 4 ธันวา ของทุกๆ ปี ผมจำได้ว่าพระองค์เคยตรัสกับหน่วยงานทางทหาร ทรงตรัสเกี่ยวกับเรื่องการสร้างเครื่องบิน แต่ของไทยทรงโปรดที่จะให้สร้างเรือมากกว่า เพราะเครื่องบินใช้งบประมาณมาก แต่ถ้าเรือจะดี เพราะคนไทยเราก็ทำได้

    กำลังคิดขึ้นมาได้ครับว่า พระองค์ทรงมีนัยยะอันใดนะครับ ที่ถ้าทางท่านผู้หลักผู้ใหญกลับมานั่งคิดพิจารณาในพระราชดำรัสนั้น น่าจะสมควรยิ่งนะครับ
     
  9. Vatairat

    Vatairat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,294
    <DD></DD><DD>[​IMG]</DD>
    นักวิชาการสธ.คิดค้นเรือกู้ชีพสะเทินน้ำสะเทินบกสำเร็จ

    <DD><DD><DD><DD><DD><DD><DD><DD>ทีมนักวิชาการของศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคที่ 9 นำโดย นายกิตติ พุฒิกานนท์ รองผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและควบคุมโรคที่ 9 ได้รับงบประมาณจากกรมควบคุมโรค 300,000 บาท ในการคิดค้นเรือกู้ชีพเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่ประสบภัยน้ำท่วม และผู้ที่เดือดร้อนจากน้ำท่วมทั่วไปที่ต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งประสบความสำเร็จสามารถนำออกมาใช้ได้เป็นลำแรกของประเทศไทยแล้ว โดยที่เรือดังกล่าวนี้เรียกว่า ABC ที่ย่อมาจาก A คือ AirCraft หรือ เครื่องบิน เครื่องพาลามอเตอร์ B คือ boat หรือ เรือ C คือ car หรือ รถ

    <DD>นายกิตติ กล่าวว่าใช้เวลาคิดค้นนานกว่า 7 เดือน เรือดังกล่าวนี้มีคุณสมบัติ 3 ประการ คือฃมีล้อวิ่งได้บนบกเหมือนรถ ล่องน้ำได้เหมือนเรือ และบนกลางอากาศเพื่อสำรวจสภาพน้ำได้ โดยหลักการทำงานจะใช้ใบพัดของพารามอเตอร์เป็นหลักในการเคลื่อนที่ สามารถวิ่งบนถนนและถ้าล่องเรือด้วยความเร็วได้ 30-50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สาเหตุที่คิดค้นเรือดังกล่าวนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ต่างๆต้องเจอกับอุปสรรค์คือซากไม้และดินโคลน ทำให้เรือหางยาวเข้าไปไม่ถึง จึงทำให้คิดค้นเรือที่ใบพัดด้านหลัง ภายในเรือมีอุปกรณ์รักษาพยาบาลเบื้องต้น และเตียงผู้ป่วยกรณีผู้ป่วยไม่สามารถลุกนั่งหรือเดินได้อีก 2 เตียง ที่นั่งคนขับก็มีโถส้วมอีก 2 อัน เพื่อบริการให้ผู้ป่วยที่เกิดอาการท้องเสีย เรือลำนี้สามารถโดยสารผู้ป่วยหรือผู้ประสบภัยน้ำท่วมได้ถึง 12 คน และหลังจากสร้างเรือกู้ชีพ ABC นี้สำเร็จแล้ว ทางทีมงานได้ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมใน อ.บางระกำ และประสบผลสำเร็จได้เป็นอย่างดี

    <DD>สำหรับเรือกู้ชีพ ABC นี้จะอยู่ที่ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคที่ 9 ซึ่งเป็นศูนย์บริการให้ความช่วยเหลือในเขตภาคเหนือตอนล่าง และจะสั่งการผ่านทางวีดีโอคอนเฟอร์เร้น ทำให้ทราบว่าพื้นที่ใดจะเกิดเหตุการณ์บ้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะนำเรือกู้ชีพ ABC ไปช่วยเหลือ ขั้นตอนแรกจะใช้พารามอเตอร์บินสำรวจความเสียหาย จากนั้นนำเครื่องพารามอเตอร์มาประกอบเข้ากับตัวเรือเข้าไปช่วยเหลือผู้ป่วยหรือผู้ประสบเหตุ ถึงแม้คุณสมบัติของเรือกู้ชีพ ABC นี้จะมีมาก แต่ทางทีมงานกำลังจะพัฒนาให้ตัวเรือจากที่เป็นเหล็กให้เป็นไฟเบอร์ เพื่อให้น้ำหนักลดลง เรือสามารถวิ่งได้เร็วขึ้น

    <DD>นายกิตติ กล่าวอีกว่า ขณะนี้จังหวัดชัยภูมิและนครสวรรค์ได้ติดต่อมาให้เรือนี้เข้าไปช่วยเหลือแล้ว แต่เรือกู้ชีพ ABC มีเพียงลำเดียงเท่านั้น คาดว่าเร็วๆนี้ ทางทีมงานจะสร้างเพิ่มอีก 2-3 ลำเพื่อให้เพียงต่อการความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบเหตุได้ ขณะนี้หากผู้ใดสนใจต้องการให้เรือเข้าไปช่วยเหลือ หรือสอบถามรายละเอียด ก็สามารถติดต่อได้ที่ 08-1532-0709 เป็นประจำทุกวัน <DD>from http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=475788


    </DD>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2010
  10. Vatairat

    Vatairat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,294
    [​IMG]
     
  11. Vatairat

    Vatairat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,294
    [​IMG]
     
  12. nut_20036

    nut_20036 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    185
    ค่าพลัง:
    +1,776
    <TABLE border=1 cellSpacing=0 borderColor=blue cellPadding=5 width=600 bgColor=white><TBODY><TR><TD bgColor=blue align=middle>Tropical Storm CHABA (16W) # 13 : ประกาศเตือนภัย เรื่อง “พายุโซนร้อน CHABA(ชบา/16W) ” ฉบับที่ 13 </TD></TR><TR><TD>
    <TABLE border=0 width=590 align=center><TBODY><TR><TD>Tropical Storm CHABA (16W) # 13 : ประกาศเตือนภัย เรื่อง “พายุโซนร้อน CHABA(ชบา/16W) ” ฉบับที่ 13
    ประกาศศูนย์ร่วมการเตือนภัยไต้ฝุ่น ฮาวาย, สหรัฐฯ (Joint Typhoon Warning Center หรือ JTWC )
    สภาวะโดยทั่วไปของพายุหมุนเขตร้อนเมื่อเวลา 19.00น.
    ประจำวันที่ 24 ตุลาคม 2553 ออกประกาศเวลา 22.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

    ภาพถ่ายดาวเทียมบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิคด้านตะวันตกตอนเหนือ ทะเลจีนใต้ และอ่าวไทย วันที่ 24 ตุลาคม 2553 / 19.57 น. ปรากฎพายุหมุนเขตร้อน 1 ลูก / หย่อมความกดอากาศต่ำ 1 ลูก
    1)Tropical Storm CHABA (16W,15.9N 131.9E,35kts) : เมื่อเวลา 19.00น.วันนี้(24ต.ค.2553) ดีเปรสชันเขตร้อน 16W ซึ่งมีศูนย์กลางปกคลุมทะเลฟิลิปปินส์ ล่าสุดได้พัฒนาเป็น ดีพายุโซนร้อน CHABA (ชบา/16W) แล้ว อยู่ที่ละติจูด 15.9องศาเหนือ ลองจิจูด 131.9 องศาตะวันออก หรือมีศูนย์กลางอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้จากเมืองคาเดนา เกาะโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น ห่ างประมาณ 1279 กิโลเมตร. กำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือด้วยความเร็ว 5 นอต(9 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) เมื่อ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา . มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 35 นอต(65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ลมกระโชกแรงสูงสุดประมาณ 45นอต(83 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ความกดอากาศที่พื้นผิวน้ำทะเลประมาณ 996 มิลลิบาร์ คลื่นทะเลสูงสุดประมาณ 5 เมตรในช่วง 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา.... / คาด พายุโซนร้อน CHABA (ชบา/16W) จะมีทิศทางเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือต่อไปอีก 12-24 ชั่วโมงข้างหน้า คาดว่าจะทวีกำลังเป็นไต้ฝุ่นระดับ 1 ในอีก 48 ชั่วโมงข้างหน้าหรือช่วงประมาณ 19.00น.(26ต.ค.53) ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปทางเหนือในระยะต่อไปช่วง 72-120 ชั่วโมงข้างหน้า มีแนวโน้มเคลื่อนตัวเข้าใกล้ประเทศญี่ปุ่นทางตอนใต้ระยะต่อไป : ประกาศศูนย์ร่วมการเตือนภัยไต้ฝุ่น (Joint Typhoon Warning Center หรือ JTWC )

    2)Tropical Disturbance 17W (21.2N 155.0E,20kts): เมื่อเวลา 19.00น.วันนี้(24ต.ค.53) หย่อมความกดอากาศต่ำ 17W ที่อ่อนกำลังลงมาจาก ดีเปรสชัน มีศูนย์กลางปกคลุมทะเลแปซิฟิค อยู่ที่ละติจูด 21.2 องศาเหนือ ลองจิจูด 155.0 องศาตะวันออก หรือมีศูนย์กลางอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือจากเกาะมาเรียนา ห่ างประมาณ - กิโลเมตร. กำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันออกด้วยความเร็ว 3 นอต(66 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) เมื่อ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา . มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 20 นอต(37 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ลมกระโชกแรงสูงสุดประมาณ 30นอต(56กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ความกดอากาศที่พื้นผิวประมาณ 1007 มิลลิบาร์ คลื่นทะเลสูงสุดประมาณ - เมตรในช่วง 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา / คาดหย่อมความกดอากาศต่ำ 17W จะมีทิศทางการเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันออกและเกือบไม่เคลื่อนที่ต่อไปอีก 12-24 ชั่วโมงข้างหน้า ไม่มีแนวโน้มพัฒนาเป็นพายุหมุนเขตร้อนใน 24 ชั่วโมงนี้: ประกาศศูนย์ร่วมการเตือนภัยไต้ฝุ่น (Joint Typhoon Warning Center หรือ JTWC )

    <เพิ่มเติม/ความเห็น> พายุทั้งหมดไม่มีแนวโน้มเคลื่อนเข้าไทย …. / สำหรับวงสีเขียวคือบริเวณที่มีแนวโน้มพัฒนาเป็นพายุหมุนเขตร้อนในอนาคต (ถ้ามี)

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
     
  13. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <center>อ.ปราโมทย์ เผยเมืองชัยภูมิน้ำท่วมทุกปีขาดหน่วยงานเหลียวแลชี้ อ่างน้ำลำปะทาวแค่ปลายเหตุ

    </center>
    อ.ปราโมทย์ ชี้ อ่างเก็บน้ำลำปะทาวแค่ปลายเหตุ ชัยภูมิพบน้ำท่วมเมืองทุกปี สร้างเมืองไม่สนใจร่องน้ำขาดความเข้าใจเป็นปัญหาใหญ่แนะอย่าแค่เอาตัวรอดทำ ให้เกิดผลเสียแนะรัฐบาลตั้งหน่วยงานที่ชัดแจ้ง




    [MUSIC]http://www.paipibut.org/wmv/128785233012.00-13.00-23-10-53.wma[/MUSIC]​
    
     
  14. Nat_usp

    Nat_usp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    676
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,394
    [​IMG]
     
  15. Nat_usp

    Nat_usp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    676
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,394
    [​IMG]
     
  16. Nat_usp

    Nat_usp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    676
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,394
    [​IMG]
     
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    วิธีหาขนาดทุ่นรองรับแพกลางน้ำ

    [​IMG]
    น้ำหนักโครงสร้างบนแพประมาณ 3 Tons

    ก่อนอื่น ควรศึกษาข้อกำหนดของกรมเจ้าท่าก่อนนะเครับว่า โครงสร้างของเรา จะเป็นแพหรือโป๊ะนะครับ จะมีข้อกำหนดเบื้องต้นอยู่ เช่น แพ จะต้องจมเพียง 60 เปอร์เซ็นต์ (มีแรงลอยตัวสำรอง 40 เปอร์เซ็นต์) และจะต้องลอยเหนือผิวน้ำ ไม่น้อยกว่า 40 ซม. เป็นต้น (อ้นนี้ยกตัวอย่างนะครับ) อันนี้ปรึกษากับกรมเจ้าท่าดีที่สุดครับ เดี่ยวจะขออนุญาติไม่ผ่าน หัวใจหลักของการลอยตัว ก็คือ แรงลอยตัวนะเอง

    แรงลอยตัว = หน่วยน้ำหนักของน้ำ คูณด้วย ปริมาตรที่จมนั่นเอง (เช่นจะให้รับน้ำหนัก ได้ 1 ตัน ก็ต้องใช้ ปริมาตร 1 ลบ.ม ) ดูตัวอย่าง การคำนวณ ของ อ.สมศักดิ์ comment ที่ 1 ก็ได้ครับ คุณจะต้องออกแบบโครงสร้างด้านบนแล้ว คุณยังต้องออกแบบ ทุนและโครงสร้างยึดทุ่น และยังต้องตรวจสอบ เสถียรภาพ ของแพอีกด้วย เช่น

    สมมุติว่า มีแรงลมมากระทบ แพจะเอียงเท่าไร ระยะจมเท่าไร และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้ำหนักที่กระทำด้านบน ปัจจัยสำคัญคืน พฤติกรรมของคน ครับ เกิดวันดีคืนดี คนบนแพอยากจะถ่ายรูปหมู่ขี้นมาแล้ว ทั้งหมด ไปยืน ข้างใด ข้างหนึ่ง ขึ้นมา แพยังมีเสถียรภาพหรือเปล่า โดยเฉพาะหากคุณทำฝาเปิดเอาไว้ที่ทุ่นลอยแล้วดัวย อันนี้ต้องตรวจสอบอย่างดีเลยละครับ ต้องเผื่อ ระยะคลื่น เอาไว้ด้วย ไม่งั้นน้ำเข้าทุ่นลอย แล้วจะทำให้แรงลอยตัวลดไป (เพราะปริมาตรถูกแทนที่ด้วยน้ำ) อันนี้คือสาเหตุของการจมของโป๊ะ และ แพส่วนใหญ่

    และ หากเป็นไปได้ ออกแบบเป็น แทงค์รูป สี่เหลี่ยม จะดีกว่า แบบกลม นะครับ (คุณผ่านข้อกำหนดได้ง่าย)เพราะได้แบบกลมนะ ปริมาตรมันน้อยนะครับ แต่ได้เปรียบตรงที่มันรับแรงดันได้ดีกว่า ก็ลองคำนวณเอานะครับ

    By : jrc26085 Date/Time : 24/09/2550 12:07

    แพขนาด 6x6 เมตร น้ำหนักจร 300 kg/m^2 รวมน้ำหนัก 3000+6x6x300 = 13800 kg น้ำหนักทุ่นเองเผื่อ 10 %

    ได้น้ำหนัก = 1.1x13800 = 15180 kg ทำทุ่น 3 ทุ่น เฉลี่ยทุ่นละ =15180/3 = 5060 kg ปริมาตรทุ่น 5.06 m^3 ความ

    ยาวทุ่น 6 เมตร เรียวปลายจึงเดาว่ายาวสัก 5 เมตร หาเส้นผ่านศูนย์กลางทุ่น

    (3.1415926/4)x5*D^2 = 5.06

    D = 1.135 m

    ทำทุ่นด้วยเหล็กหนา 3.2 มม. เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.20 เมตร ยาวรวม 6 เมตร เรียวปลายทั้งสอง

    By : อ.สมศักดิ์ Date/Time : 21/09/2550 22:20

    ที่มา http://www.tumcivil.com/engfanatic/board/gen.php?topic_id=11061&hit=1
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 11-11061.jpg
      11-11061.jpg
      ขนาดไฟล์:
      33.6 KB
      เปิดดู:
      1,283
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2010
  18. Nat_usp

    Nat_usp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    676
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,394
  19. พลอยรุ้ง

    พลอยรุ้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +2,088
    ขอบคุณหลายๆท่าน ที่พยายามเสนอหนทางแก้ปัญหา เรื่องน้ำท่วม เช่น บ้านเรือนแพ หรือบ้านลอยน้ำ ใครที่มีความรู้ก็แนะนำกันบ้างค่ะ เป็นวิทยาทาน ไหนๆเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นแล้ว อนาคตก็ขึ้นอยู่กับเราทุกคนว่าจะป้องกันกันยังไงถ้ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอีก หรืออาจจะมีภัยพิบัติแบบอื่น ที่ยังไม่เคยเกิดร่วมด้วย อย่าประมาทว่า บ้านเราจะไม่มีแผ่นดินไหว ภูเขาไฟ เหมือนอย่างที่ไม่รู้จักซึนามิ ไม่มีอะไรแน่นอนค่ะ ใครพอมีงบ ลองสร้างบ้านลอยน้ำหลังเล็กๆไว้ข้างๆบ้าน (ถ้ามีที่ มีโอกาสค่ะ) ปกติก็เอาไว้เป็นห้องทำงานก็ได้ ถ้าเกิดเหตุการณ์วิกฤตขึ้นมา จะได้ขนของสำคัญไปไว้ได้ ลองเสนอไอเดียดูค่ะ ตัวเองก็อยากทำ ต้องดูเรื่องโครงสร้างและงบประมาณค่ะ เพราะกำลังจะเริ่มสร้างบ้านอยู่พอดี อาจจะแบ่งส่วนหนึ่งมาทำบ้านลอยน้ำก็ได้ (ไม่รู้จะมีช่างทำให้รึเปล่า) ก็ลองเสนอความเห็นดูค่ะ
    ถ้าในระดับภูมิภาคหรือระดับประเทศ หวังว่าประชาชนคงมีโอกาสได้แสดงความคิดเห็น หรือเราอาจจะเสนอความคิดเห็นไปถึงรัฐบาล ตามช่องทางต่างๆที่เปิดรับ หรือเราก็รวมตัวกันโหวต (เช่นเริ่มในเว๊บพลังจิตก่อน) สร้างเป็นแนวคิดป้องกันภัยพิบัติของประเทศ ร่วมกับศูนย์ป้องกันภัยพิบัติ ของท่าน ดร.อาจอง (ชื่อองค์กรผิด ขออภัย) เสนอส่งไปให้รัฐบาล บางทีความบริสุทธิ์ใจของเรา อาจทำให้มีนักการเมืองบางท่าน รับไว้พิจารณา เราก็ต้องพยายามค่ะ อย่าท้อแท้ ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ที่ทำอยู่แล้ว เช่น ดร.อาจอง ยังมีผู้ที่เห็นด้วยและให้กำลังใจท่านอยู่ ถ้ามีโอกาสจะไปร่วมด้วยค่ะ เสียดายความรู้น้อยไปหน่อย ไม่สามารถให้ความคิดเห็นได้
    อนุโมทนาค่ะ
     
  20. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    [​IMG]
    เผยภาพสุดมหัศจรรย์ ปรากฏการณ์รุ้งน้ำแข็ง icebow
    24 ต.ค. เว็บไซต์ข่าวเดลี่เมล์ รายงานว่า นาย ริยาซ ลีมาเลีย (Reyaz Limalia) สามารถถ่ายรูป ปรากฎการณ์มหัศจรรย์ ขณะที่ขับรถในเมือง Gloucestershire ประเทศอังกฤษ โดยเขาสังเกตเห็นแสงคล้ายรุ้งกินน้ำ ล้อมรอบดวงอาทิตย์ จึงได้ถ่ายรูปเก็บไว้
    ทั้งนี้ ปรากฏการณ์ดังกล่าวเรียกว่า ice rainbow ซึ่งในเชิงวิชาการ เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า ’22 degrees halo’เนื่องจากมีวงแหวนของแสง 22°ล้อมรอบดวงอาทิตย์
    “ผมแทบจะขับรถไปชนคันอื่นๆที่แล่นสวนมา เพราะเหลือบไปเห็นความมหัศจรรย์ของแสงอาทิตย์ ตอนแรกผมแค่สงสัยว่าทำไมรุ้งกินน้ำมีลักษณะเป็นวงกลม แล้วทำไมถึงไปล้อมรอบดวงอาทิตย์เช่นนั้น หลังจากนั้นจึงไปตรวจสอบข้อมูลก็พบว่า ภาพที่เห็นไม่ใช่รุ้งกินน้ำ แต่เกิดจากการรวมตัวของแสงอาทิตย์หักเหผ่านผลึกน้ำแข็งในก้อนเมฆ ตามข้อมูลที่ระบุไว้ว่ามันคือ รุ้งน้ำแข็ง “icebow”
    เรียบเรียงข่าวโดย Mthai news
    <LI class=news_src_item>[​IMG]<LI class=news_src_item><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>กรมชลงัด3มาตรการสกัดน้ำถล่มกรุง-ปริมณฑล </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>นายวีระ วงศ์แสงนาค รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่าขณะนี้ได้เชิญประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน

    เพื่อวางมาตรการชะลอความแรงของกระแสน้ำในช่วงน้ำทะเลหนุนสูง โดยกรมชลประทานเตรียมไว้ 3 มาตรการ เพื่อลดความแรงของน้ำจาก 4,000 ลบ.ม.ต่อวินาที ให้เหลือ 3,500 ลบ.ม.ต่อวินาทีในช่วงไหลผ่านกรุงเทพฯ ประกอบด้วย

    1.การหน่วงน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท โดยกดประตูน้ำลงเพื่อให้น้ำไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาได้ช้าลง ต้องประเมินว่าจะลดบานประตูลงเท่าไหร่เพราะต้องคำนึงพื้นที่รอบเขื่อนที่จะได้รับผลกระทบด้วย

    2.ลดการระบายน้ำออกจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ลง จากปัจจุบันระบายน้ำออกมาที่ปริมาณ 1,200 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งจะต้องประชุมอีกครั้งว่าต้องระบายออกระดับใดจึงจะเหมาะสม และแต่ละช่วงในการลดการระบายน้ำจากเขื่อนจะใช้ระยะเวลาเท่าใด เพราะต้องคำนึงถึงความมั่นคงของตัวเขื่อนด้วย เพราะสถานการณ์น้ำเปลี่ยนแปลงทุกวัน

    และ 3.แบ่งน้ำผลักดันออกไปตามคลองต่างๆของระบบชลประทานในฝั่งเจ้าพระยาตะวันตกและตะวันออก ซึ่งจะสามารถตัดยอดน้ำที่ไหลเข้าสู่แม่น้ำเจ้าพระยา จะสามารถดึงเวลาให้ช้าลงประมาณ 2 วัน ทำให้ผ่านช่วงวิกฤติน้ำทะเลหนุนสูงไปได้โดยไม่เกิดอุทกภัยในกรุงเทพฯและปริมณฑล

    รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวอีกว่าระดับน้ำที่ลพบุรีและอยุธยาเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่การเร่งระบายน้ำออกมีข้อจำกัดจากระดับน้ำทะเลหนุนสูง

    และน้ำทะเลยังจะหนุนขึ้นมาระลอกสอง ในช่วงวันที่ 8 พ.ย.นี้ แต่จะไม่หนักเท่าช่วงวันที่ 26-28 ต.ค.นี้ คาดว่าต้องใช้เวลาเดือนกว่าระดับน้ำที่ลพบุรีและอยุธยาจะลดลง ส่วนที่ชัยภูมิและนครราชสีมา ยังคงมีฝนตกอยู่ทุกวัน จึงเป็นไปไม่ได้ที่ระดับน้ำจะลดลงอย่างรวดเร็ว

    นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอุทักภัยด้านการแพทย์และสาธารณสุข

    กล่าวว่าขณะนี้มีพื้นที่ยังคงประสบอุทกภัย 27 จังหวัด 213 อำเภอ 1,659 ตำบาล 11,146 หมู่บ้าน มีผู้เสียชีวิต 38 ราย ทั้งนี้โรคที่พบมากที่สุดได้แก้น้ำกัดเท้า นอกจากสุขภาพกายแล้วทางกระทรวงได้ส่งทีมสุขภาพจิตลงไปในพื้นที่เพื่อเยียวยาจิตใจผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยให้บริการตรวจรักษาไปแล้ว 4,888 คน ตรวจพบปัญหาสุขภาพจิต 706 คน ส่งต่อเพื่อรักษาต่อหรือติดตามอาการต่อเนื่อง 78 คน

    ขณะที่นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าได้รับการติดต่อจากองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย ถามมาว่าต้องการความช่วยเหลือหรือไม่ เพราะองค์การอนามัยโลกมีหน่วยที่พร้อมจะดูแลช่วยเหลือประมาณ 10 หน่วย แต่ละหน่วยสามารถดูแลได้ 1,000 คน ขึ้นอยู่กับทางรัฐบาลจะรับความช่วยเหลือหรือไม่

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><LI class=news_src_item><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>"เครียด"โรคที่มากับน้ำท่วม</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top> คมชัดลึก :กว่า 1 สัปดาห์แล้วที่น้ำป่าได้ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน แม้ว่าสถานการณ์น้ำท่วมในบางพื้นที่จะคลี่คลายบ้างแล้ว แต่สถานการณ์ความเครียดเริ่มมารุมเร้าซ้ำเติมผู้ประสบภัย จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่จะเห็นภาพชาวบ้านเก็บกวาดคราบสกปรกจากโคลนดินที่เข้ามาพร้อมกับน้ำ ด้วยอากัปกิริยาที่ดูเหม่อลอย อาการซังกะตาย และหมดความหวัง ปรากฏอยู่ทุกซอกมุมในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมครั้งนี้




    “อรรถพล ไชยฤกษ์” หรือ “เอก” ชาวบ้าน ต.บ้านเกาะ อ.เมือง จ.นครราชสีมา

    หนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบน้ำท่วม ตลอดหนึ่งสัปดาห์ครอบครัวของเขาทั้ง 4 ชีวิต ต้องใช้ชีวิตอยู่บนชั้น 2 ของบ้าน เพื่อรอคอยข้าวสารอาหารแห้งที่เจ้าหน้าที่ทำมาแจก และตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่แต่บนชั้น 2 ของบ้าน เวลากลางคืนที่สมาชิกในครอบครัวนอนหลับพักผ่อน แต่ตัวเขาต้องตั้งนาฬิกาปลุกไว้ทุก 2 ชั่วโมง เพื่อตื่นมาคอยดูระดับน้ำว่าจะท่วมสูงมาถึงชั้น 2 หรือไม่ ขณะที่ทุกๆ วันก็ยังรู้สึกหวาดกลัวแม้กระทั่งเสียงน้ำไหล เพราะกลัวน้ำจะไหลเข้ามาท่วมถึงชั้น 2 อีก


    “วันนี้น้ำลดลงแล้ว แต่สุขภาพจิตผมตอนนี้ไม่ดีเท่าไหร่ เป็นห่วงแม่ที่อายุมากแล้ว กังวลทั้งเรื่องอาหารการกิน ความเป็นอยู่ บ้านที่ได้รับความเสียหาย และกลัวว่าน้ำป่าระลอก 2 จะเข้ามาอีก" อรรถพลระบายความทุกข์ใจ


    ไม่ต่างจาก “ดวงใจ ภูวนาถ” ผู้ประสบภัยน้ำท่วมจาก อ.ปักธงชัย ยอมรับว่า ตั้งแต่วันที่น้ำป่าไหลทะลักเข้าท่วมบ้าน ทำให้เธอและสามีมีอาการเครียด นอนไม่หลับ จนน้ำหนักลดไป 7 กิโลกรัมแล้ว

    “กลัวคนจะมาขโมยของที่บ้าน เพราะบ้านฉันเป็นอู่ซ่อมรถและขายอะไหล่ยนต์ พอน้ำท่วมสูงก็ต้องส่งลูกหลานไปอยู่ที่อื่น ส่วนฉันจะอาศัยนอนบนเก้าอี้ ที่ต้องหนีน้ำท่วมมาอยู่บนเกาะกลางถนน แล้วคอยเฝ้าบ้านที่ถูกน้ำท่วมมาหลายคืนแล้ว" ดวงใจเล่าด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ด้านกระทรวงสาธารณสุขที่ส่งทีมแพทย์และสาธารณสุขมา คอยตั้งเต็นท์ดูแลเยียวยาชาวบ้านผู้ประสบภัยน้ำท่วมในหลายพื้นที่

    พบว่ามีความเครียด วิตกกังวล นอนไม่หลับ 1,415 ราย ในจำนวนนี้ต้องดูแลต่อเนื่องเป็นพิเศษ 45 ราย ส่วนใหญ่เป็นรายที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมครั้งนี้ 42 ราย อีก 3 รายเป็นผู้ป่วยจิตเวชเก่า มีอาการเครียดรุนแรง อาจพัฒนาไปสู่อาการซึมเศร้า เสี่ยงฆ่าตัวตายได้

    สำหรับบรรยากาศในเต็นท์พยาบาลที่กระทรวงสาธารณสุขได้จัดมาเพื่อเยียวยาประชาชนในพื้นที่ จ.นครราชสีมา มีผู้ประสบภัยน้ำท่วม

    โดยเฉพาะคนชราเข้ามาต่อแถวรับบริการตลอดทั้งวัน โดยเจ้าหน้าที่จะประเมินอาการทางจิตว่ามีความเครียดอยู่ในระดับใด ก่อนที่จะให้คำปรึกษา ยาคลายเครียด ยาต้านเศร้า หรือส่งไปบำบัดสำหรับคนไข้ที่มีอาการอยู่ในระดับน่าเป็นห่วง


    "ผู้ที่เข้ามาขอรับคำปรึกษาจากคณะแพทย์ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุ ช่วง 3 วันแรกมักจะเครียด เพราะเกรงว่าน้ำป่าจะไหลเข้ามาอีกเ ป็นการห่วงกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของตัวเองหรือคนในครอบครัว แต่หลังจากนี้ พวกเขาก็จะมีความกังวลอีกครั้ง ในเรื่องความเสียหายของทรัพย์สิน ไร่นา ตลอดจนเป็นห่วงเรื่องหนี้สินที่จะติดตามมาหลังจากนี้" เจ้าหน้าที่รายหนึ่งระบุ


    "ทวี ตั้งเสรี" รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต แนะนำประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วมว่า อย่าพยายามอยู่คนเดียว

    อยากให้มีการพูดคุยกันระหว่างคนในครอบครัว หรือเพื่อนที่ประสบภัยเหมือนกัน เพื่อช่วยดูแลซึ่งกันและกัน และควรฝึกมองโลกในแง่บวก เพราะปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ ส่วนผู้ที่มีอาการนอนไม่หลับ ควรทำใจให้สบาย พยายามติดตามข่าวสารและอย่าตกใจมากจนเกินไป เพราะจะทำให้เข้าสู่ภาวะโรคเครียดได้ง่าย ทั้งนี้ หากผู้ประสบภัยมีปัญหาเครียด หรือซึมเศร้า สามารถโทรไปปรึกษาได้ที่ 1323 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

    "ตอนนี้เราส่งหน่วยปฏิบัติงานลงพื้นที่แล้ว เพื่อตรวจคัดกรองผู้ประสบภัยน้ำท่วมเบื้องต้น ที่มีปัญหาทางสุขภาพจิต มีภาวะเครียด เพราะเมื่อมีความเครียดจะนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า และอาจนำไปสู่การคิดฆ่าตัวตาย และพอหลังน้ำลดก็จะมีการเยียวยากันอีกที " รองอธิบดีกรมสุขภาพจิตระบุ


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...