ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    คนในประเทศไทยมีภัยในอารมณ์
    ขณะนี้ทับถมมากขึ้น ถูกกดดันจากสภาพแวดล้อม ระบบเศรษฐกิจและสังคมที่ไม่เอื้อเจ้าของประเทศ

    หลวงปู่เคราบอกว่า "ถ้าไม่เบียดเบียนตัวเดียว มันก็หมดสิ้น" หมายถึงไม่เบียดเบียนตน ไม่เบียดเบียนผู้อื่น

    ถ้าหลับตานิ่งสักวันละ ๕-๑๐ นาที ภาวนาพุทโธก็ได้
    ๕-๑๐ นาทีนี้ไม่เบียดเบียนใคร ไม่เบียดเบียนตัวเองด้วย
    เป็นการลดโลกร้อน จากภัยทางอารมณ์
    ลองดูดีไหมคะ
     
  2. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,860

    อนุโมทนา.....สาธุ ครับ อาจารย์[​IMG]

    เรื่องแบบนี้พูดกันง่าย แต่คนส่วนใหญ่ไม่มีใครทำกันหรอก ครับ
    เพราะถ้าปฏิบัติกันได้จริงๆ บ้านเมืองคงไม่วุ่นวายขนาดนี้หรอกครับ

    วันนี้ใครรู้ว่าสิ่งนี้ดี ภาวนาแล้วดี ก็ทำไปเถอะครับ เอาเรื่องดีๆใส่ตัวก็ควรทำกันทุกเรื่องนั่นแหละ[​IMG]

     
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    แค่วจีกรรมเพียงครั้งเดียว......

    [​IMG]

    ถาม - พระพุทธองค์ทรมานร่างกายถึง 6 ปีพระองค์ทำกรรมอะไรครับ?

    ตอบ - ด้วยเหตุที่ว่า สมัยที่พระองค์เกิดในตระกูลพราหมณ์ชื่อ โชติปาละ ได้กล่าวกับพระกัสสปสุคตเจ้าว่า การตรัสรู้ของสมณะโล้นจักมีมาแต่ไหน การตรัสรู้เป็นของได้ยากยิ่ง เป็นวจีกรรมของพระองค์ ด้วยวิบากกรรมนี้จึงทำให้ต้องบำเพ็ญทุกรกิริยาเป็นเวลาถึง 6 ปีครับ แค่วจีกรรมเพียงครั้งเดียวชั่วแป๊ปเดียว ถึงกับส่งผลให้ต้องมาเสวยทุกรกิริยาถึง 6 ปี น่ากลัวมากๆ ครับ

    อ้างอิงจาก พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม 8 ภาค 1

    " ก็ในกาลนั้น เราได้เป็นพราหมณ์ชื่อ โชติปาละ ได้กล่าวกับพระกัสสปสุคตเจ้าว่า การตรัสรู้ของสมณะโล้นจักมีมาแต่ ไหน การตรัสรู้เป็นของได้ยากยิ่ง เพราะวิบากของกรรมนั้น เราจึงต้องทำทุกรกิริยามากมาย อยู่ที่ตำบลอุรุเวลาถึง ๖ ปี<!--sizec--><!--/sizec--> <!--colorc--><!--/colorc-->จากนั้น จึงได้บรรลุพระโพธิญาณ เราไม่ได้บรรลุพระโพธิญาณอันสูงสุดโดยหนทางนั้น เราถูกกรรมเก่าห้ามไว้ จึงได้แสวงหาโดยทางผิด "

    ที่มา http://www.dmc.tv/forum/index.php?showtopic=6981<!--QuoteEnd-->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ทอร์นาโดถล่มสหรัฐ

    [​IMG]

    สหรัฐ 11 เม.ย. - พายุทอร์นาโดพัดถล่มหลายพื้นที่ของรัฐเทกซัส อาร์คันซอ และโอคลาโฮมา ของสหรัฐ ทำให้บ้านเรือนและรถยนต์จำนวนมากได้รับความเสียหาย

    พายุทอร์นาโดที่มีความเร็วลมกว่า 112 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พัดถล่มเมืองซานอังเจโล ของรัฐเทกซัส เมื่อคืนที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น ทำให้หลังคาบ้านเรือนหลายหลังถูกพัดกระจัดกระจาย รถยนต์หลายคันได้รับความเสียหาย ต้นไม้ใหญ่หักโค่น ที่เมืองอบิลีนก็ได้รับความเสียหายจากพายุทอร์นาโดเช่นกัน โดยเฉพาะจากลูกเห็บขนาดเท่าลูกเบสบอลที่ตกลงมาจำนวนมาก ส่วนที่รัฐโอคลาโฮมาและอาร์คันซอ มีรายงานฝนตกหนัก พายุลูกเห็บ และพายุรุนแรง ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน มีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 คน เนื่องจากรถยนต์พลิกคว่ำ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหลายคน. -สำนักข่าวไทย

    2008-04-11 04:15:53

    จีนว่ารัฐบาลต่างชาติไม่ควรก้าวก่ายเรื่องทิเบต

    [​IMG]

    ปักกิ่ง 10 เม.ย.
     
  5. หล่อลุยไฟ

    หล่อลุยไฟ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2008
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +9
    จะว่าไปแล้ว กระทู้นี้ก็สนุกดี ไม่ต้องไปอ่านที่เวปอื่น

    แต่เสียอย่างเดียวว่า ให้อยู่ในหัวข้อกระทู้จะได้มั๊ย?

    สัจจะ ก็เป็นหนึ่งในบารมีสิบ ถ้าจะให้ดีทำให้ครบทั้งสิบบารมีจะได้มั๊ย?

    สวัสดีคุณหนุมาน ผมแค่แซวนิดๆหน่อยๆ ทำไมไม่มาโพสท์เรื่องซ้ำๆซากๆ อีกหล่ะท่าน
     
  6. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    <TABLE class=tborder id=post cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>chdhorn<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 12:16 AM
    วันที่สมัคร: Oct 2007
    ข้อความ: 378 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 2,011 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 6,628 ครั้ง ใน 370 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 398 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_ style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ ทุกๆ คน...

    ขออาราธนาบารมีพระรัตนตรัย ขอให้อำนวยพรให้ทุกๆ คนและครอบครัว มีความสุขกาย สุขใจ ไร้ซึ่งทุกข์ โศก โรค ภัย ทั้งหลายทั้งปวง... หวังสิ่งใดที่ไม่เกินกรรม และเป็นสัมมาทิฐิ ขอให้สมปรารถนา...

    สิ่งใดที่พลั้งพลาดล่วงเกินกันไปด้วยกายกรรมก็ดี วจีกรรมก็ดี มโนกรรมก็ดี ด้วยเจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี หรือทำไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี... ธรกราบขออภัยทุกๆ คนมาตรงนี้ด้วยค่ะ... และอยากให้ทุกๆ คน ให้อภัยซึ่งกันและกันในสิ่งที่คนอื่นๆ อาจจะทำให้เราไม่พอใจกันบ้าง... มากบ้าง น้อยบ้าง... อโหสิกรรมให้แก่กันและกันนะคะ... แล้วเรามาเริ่มต้นสิ่งดีๆ กันใหม่ ด้วยดวงจิตที่ใสขึ้น สว่าง กระจ่าง เป็นประกายพรึกมากขึ้น...

    ขอให้ทุกๆ คนมีดวงตาเห็นธรรม เจริญในธรรม และเข้าถึงที่สุดแห่งธรรม มีพระนิพพานเป็นหลักชัยกันทุกคนนะคะ...

    (f) (f) สวัสดีปีใหม่ค่ะ(f) (f)
    <!-- / message --><!-- sig -->
    ____________________________________________________________
    "บุญกุศลและความดีทั้งหลายที่ข้าพเจ้าและสมาชิกพลังจิตพิชิตภัยพิบัติได้สร้างได้บำเพ็ญมานับแต่อดีต ปัจจุบัน และจะบำเพ็ญต่อไปในอนาคต

    ข้าพเจ้าทั้งหลายขอน้อมถวายแทบพระบาทองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผู้ทรงเป็นพระมหาธรรมมิกราชามหาโพธิสัตว์ผู้ทรงเปี่ยมล้นไปด้วยพระคุณอันประเสริฐ อีกทั้งองค์สมเด็จพระสังฆราช ผู้ทรงเป็นองค์พระประมุขแห่งพุทธศาสนจักร

    ขออำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนไตรและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วสากลจักรวาล ได้โปรดอภิบาลทั้งสองพระองค์ท่านให้ทรงพระเกษมสำราญมีพระพลานามัยที่แข็งแรง ทรงพระชนมายุยิ่งยืนนาน แผ่พระบารมีปกเกล้าชาวไทยตลอดไปด้วยเทอญ

    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ"
    <!-- / sig --></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    โทษของวจีกรรม
    (การใช้คำพูดทำให้ผู้อื่นต้องเสียใจ)

    [​IMG]

    เด็กหน้าแก่

    เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
    เพื่อความเหมาะสม จำเป็นต้องของสงวนนามของบุคคล หรือสถานที่ไว้

    เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ถูกเรียกว่า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 เมษายน 2008
  8. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>อุตุฯ พยากรณ์อากาศสงกรานต์ ทุกภาค
     
  9. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    มนุษย์ ประกอบด้วย เซลล์ทั้งหมด กว่า 60 ล้านล้านเซลล์
    แต่ละเซลล์ ผลิตพลังงาน โดย ไมโตรคอนเดรีย เสมอ เพื่อไม่ตาย
    คิด ใช้เซลล์สมอง กว่า 10 ล้านล้านเซลล์ ย่อมมีพลังงาน เรียกว่า มโนกรรม
    พูด ใช้เซลล์สมองและปาก กว่า 20 ล้านล้านเซลล์ ย่อมมีพลังงาน เรียกว่า วจีกรรม
    ทำ ใช้เซลล์สมองและร่างกาย กว่า 60 ล้านล้านเซลล์ ย่อมมีพลังงาน เรียกว่า กายกรรม

    กรรม = พลังงาน
    กฎแห่งกรรม = กฎแห่งพลังงาน....ไม่มีวันสูญหาย
    สุดท้าย...มนุษย์...จิตวิญญาณ...ต้องรับกรรม...ทุกชนิด

    จะสลายกรรมอย่างไร????....ไปคิดเอา
    [Embarrass [Embarrass [Embarrass [Embarrass [Embarrass [Embarrass [Embarrass [Embarrass [Embarrass
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 เมษายน 2008
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ฟิลิปปินส์เรียกร้องเอเชียเปิดประชุมเรื่องข้าว

    [​IMG]

    มะนิลา 11 เม.ย.-ฟิลิปปินส์เรียกร้องในวันนี้ ระหว่างการประชุมสถาบันวิจัยข้าวระหว่างประเทศ หรืออีร์รีให้ประเทศเอเชียเปิดประชุมเรื่องข้าวเป็นการด่วน ท่ามกลางความวิตกกังวลต่อความมั่นคงด้านอาหาร

    นายอาเธอร์ แยป รัฐมนตรีเกษตรฟิลิปปินส์ กล่าวว่า จำเป็นที่จะต้องมีการประชุมระดับรัฐมนตรีระหว่างประเทศในเอเชีย เพื่อหารือแนวทางในการเพิ่มผลผลิตอาหารและความช่วยเหลือด้านอาหาร ขณะที่ปัญหากำลังลุกลามไปทั่วภูมิภาคและส่งผลให้เกิดเหตุการณ์ไม่สงบในบางประเทศแล้ว

    ฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งในบรรดาประเทศที่ได้รับความเดือดร้อนจากราคาข้าวแพงขึ้นและเป็นผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ของโลก ราคาข้าวขยับขึ้นกว่า 2 เท่านับแต่ต้นปีนี้ ขณะที่บางประเทศที่เป็นผู้ส่งออกรายใหญ่เริ่มควบคุมปริมาณการส่งออก ก่อให้เกิดความวิตกว่าจะเกิดการขาดแคลนในประเทศที่นำเข้า.-สำนักข่าวไทย

    2008-04-11 18:47:04

    ยูเอ็นหารือฟิลิปปินส์ ชี้โลกกำลังเดือดร้อนจากวิกฤติอาหาร

    [​IMG]

    มะนิลา 11 เม.ย.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เตือนระวังพิษแมงกะพรุนไฟ ทำให้เกิดแผลเรื้อรัง-แผลเป็นตลอดชีวิต</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>12 เมษายน 2551 07:45 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    แพทย์เผยอันตรายจากแมงกะพรุนไฟ ช่วงหน้าร้อนคนนิยมว่ายน้ำทะเล มีโอกาสถูกแมงกะพรุนไฟ เกิดเป็นแผลเรื้อรังและแผลเป็นตลอดชีวิต อาจถึงขั้นติดเชื้อในกระแสเลือดทำให้เสียชีวิตได้ แนะหน่วยงานท้องถิ่นทำป้ายเตือน

    นายแพทย์ประวิตร พิศาลบุตร แพทย์อเมริกันบอร์ดสาข่าโรคผิวหนัง บรรณาธิการตำราโรคผิวหนังในเวชปฏิบัติปัจจุบัน เปิดเผยถึงปัญหาพิษแมงกะพรุนว่า ขณะนี้พบผู้ป่วยที่โดนแมงกะพรุนยไปจำนวนมาก ซึ่งเมื่อถูกจะทำให้เป็นแผลปวดแสบ ปวดร้อน และเกิดแผลเรื้อรังตามมา ซึ่งแผลที่โดนแมงกะพรุนไฟหายยากมาก บางคนเป็นเรื้อรังกว่า 10 ปี แผลแมงกะพรุนไฟอาจกลายเป็นแผลเป็นคีลอยด์ทำให้เสียโฉม นอกจากนั้น เมื่อโดนแมงกะพรุนบางรายอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดหัว หมดสติ และทำให้จมน้ำตายได้

    เพื่อป้องกันการโดนแมงกะพรุนไฟต้องหลีกเลี่ยงการว่ายน้ำตามหาดที่มีแมงกะพรุนไฟชุกชุม โดยอาจสอบถามจากชาวบ้านระแวกนั้นก่อน หรือไม่ควรลงเล่นน้ำทะเลหลังช่วงที่มีพายุ ฝนตก หรือช่วงที่มีลมแรง หากต้องการดำน้ำควรสวมใส่เสื้อผ้าที่มิดชิด และสวมถุงมือ หน่วยงานท้องถิ่นควรปักป้ายเตือนนักท่องเที่ยว ให้ระวังภัยจากแมงกะพรุน หากไม่แน่ใจควรว่ายน้ำในสระริมทะเลแทนการว่ายน้ำในทะเลโดยตรง หากโดนแมงกะพรุนควรรีบขึ้นจากน้ำ ไม่เคลื่อนไหวส่วนที่ถูกพิษเพราะพิษจะยิ่งกระจาย จากนั้นให้รีบพบแพทย์โดยเร็วที่สุด

    นพ.ประวิตร กล่าวต่อว่า สำหรับแนวทางการรักษาพิษจากแมงกะพรุนไฟนั้นประกอบด้วยการทำลายกระเปาะพิษ ลดความเจ็บปวด รักษาบาดแผล และลดอาการแทรกซ้อนต่างๆ ควรล้างแผลด้วยน้ำเกลือเพื่อป้องกันไม่ให้กระเปาะพิษแตก ห้ามใช้น้ำจืดเพราะกระเปาะพิษจะยิ่งแตกออกตามหลักออสโมซิส ทำให้พิษยิ่งลุกลาม อาจล้างประคบด้วยน้ำส้มสายชู 15-30 นาที หรือใช้แอลกอฮอล์ หรือผงเนื้อนุ่ม และไม่ควรใช้น้ำทะเลล้างแผลเพราะอาจติดเชื้อได้ หลังจากนั้นใช้คีมคีบกระเปาะพิษออก

    ทายาชาลดความเจ็บปวด อาจประคบด้วยความเย็นแต่ห้ามใช้น้ำแข็งประคบเพราะน้ำจืดจะยิ่งทำให้กระเปาะพิษยิ่งแตก แพทย์อาจให้ยาแก้แพ้ และกินยาทาสเตียรอยด์ ฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยักและให้ยาปฏิชีวนะถ้ามีอาการของการติดเชื้อ ซึ่งเชื้ออาจเป็นเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดฝีหนองธรรมดา(staphylococci และ streptococci) หรืออาจเป็นเชื้อรุนแรงบางตัวที่อยู่ในน้ำทะเล (เช่น vibrio vulnificus, vibrio parahaemolycitus,aeromonas hydrophilia) ที่ทำให้เกิดแผลเนื้อเน่าตายอย่างรุนแรงทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสโลหิต และมีอัตราการตายสูงถึงร้อยละ 20-50

    ที่มา http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9510000043358
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 เมษายน 2008
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ลูกศิษย์หลวงปู่ดู่ วัดสะแก ท่องเมืองลับแล
    โดยคุณ เปิ้ล19

    [​IMG]

    บริเวณชายแดนเหนือสุดขอบสยามเป็นสถานที่ที่พระอริยสงฆ์เจ้า หลายต่อหลายรูปได้เดินทางจาริกแสวงหาสัจธรรม เป็นแหล่งที่ครั้งหนึ่งเป็นศูนย์กลางแห่งความเจริญสูงสุดของอารยธรรม และเป็นดินแดนที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการธุดงค์วัตร ซึ่งเป็นภาคสำคัญของพระสงฆ์สายปฏิบัติหรือที่หมู่สาธุชนให้ชื่อว่าพระป่า ซึ่งในช่วงการอยู่ใต้ร่มกาสาวพัตรช่วงหนึ่งจะทำการเพื่อหลีกเร้นปลีกวิเวกมาอยู่ท่ามกลางป่าเขาธรรมชาติ แมกไม้ ลำธาร ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของสายน้ำต่าง ๆ

    มีแนวเขาสลับซับซ้อน หมู่ถ้ำ ภูเขาน้อยใหญ่ มีทุ่งลานหินและป่าโปร่งทั้งป่าดิบสลับกันไปเหมาะแก่การแสวงหาสถานที่ในการบำเพ็ญตน ถือศีลปฏิบัติธรรมสำหรับผุ้มีศีลหรือคณะสงฆ์สายปฏิบัติหรือพระป่า รวมทั้งเหล่าฆราวาส ทายาทธรรมทั้งหลายเป็นอย่างมากและเป็นดินแดนที่ถูกกล่าวถึงในสมัยพุทธกาลไว้ว่าพุทธสมัยที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเสด็จออกเผยแพร่ประกาศพระศาสนามาทางปัจจันต์ประเทศ (ประเทศแถบสยามในยุคสมัยทวาราวดี) และทรงกล่าวเป็นพุทธทำนายไว้เป็นหลักฐานทางพระไตรปิฎกไว้ว่า

    ในกาลล่วงสองพันห้าร้อยปีขึ้นพุทธศาสนาจัก เจริญยิ่งในดินแดนปัจจันต์ประเทศแห่งนี้ และยังทรงประทับรอยพระบาทไว้ เพื่อเป็นหลักฐานแห่งความเจริญซึ่งจุดศูนย์กลางแห่งนี้ในกาลข้างหน้า ณ เทือกเขา เวภาพบรรพต ที่ได้ชื่อว่า พระพุทธบาทสี่รอย ในปัจจุบัน บริเวณแห่งนี้เองที่จะเป็นศูนย์กลางแห่งดินแดนของพระศรีอาริยเมตไตรยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในกาลข้างหน้า

    ข้าพเจ้าก็ได้หลีกเร้นมาถือศีลปฏิบัติธรรม ในดินแดนที่กล่าวถึงข้างต้นนานนับเกินเดือนและเลยปีผ่านไป ได้พบครูบาอาจารย์ โดยบังเอิญท่ามกลางภูเขาและป่าไม้ห่างไกลจากความเจริญยิ่งนัก และทำให้ข้าพเจ้าเกิดติดกับธรรมชาติ ไม่อยากหวนคืนสู่สังคมมนุษย์ที่เป็นคนเมือง แต่เป็นเพราะกรรมและวาระผูกพัน ทำให้ข้าพเจ้าต้องไป ๆ มา ๆ และได้เก็บความรู้ประสบการณ์เขียนบันทึกเรื่องราวไว้มากมาย หลายเรื่อง ดังจะยกมาให้อ่านเป็นตอน ๆ ไป เมืองลับแล...

    ข้าพเจ้ากำหนดจิตทำสมาธิภาวนาคาถา ตามที่ครูบาอาจารย์ได้อบรมสั่งสอนมาเพื่อสำรวมจิตให้เป็นหนึ่ง เมื่อจิตดิ่งเข้าสู่สมาธิ ข้าพเจ้าก็ได้ตั้งจิตอธิษฐาน เพื่อที่จะได้เข้าสู่แดนที่จะไป เป็นการกำหนดจิตเพื่อดูให้รู้ว่า บริเวณแห่งใดเป็นแดนที่ใกล้ประตูเข้าออกของแดนที่เรียกว่า เมืองลับแล

    เพียงครู่เดียวข้าพเจ้าก็เข้าสู่มิติอีกมิติหนึ่ง ซึ่งเป็นมิติที่ทับซ้อนกับโลกมนุษย์เราหรืออีกนัยหนึ่งตามหลักพุทธศาสนาเรียกว่า การทับซ้อนของภพภูมิ และนี่ก็เป็นอีกภพภูมิหนึ่งซึ่งมีความผิดแผกต่างจากโลกมนุษย์ แต่ก็หาสิ้นเชิงไม่ เป็นดินแดนที่หลายต่อหลายคนกล่าวถึง และก็มีมากมายหลายคนที่ได้สัมผัส กล่าวขานกันไปต่าง ๆ นา ๆ แต่ก็ยากนักที่ผู้ใดจะอรรถาธิบาย ให้ข้าพเจ้าฟังและเข้าใจได้ดีพอจนทำให้ข้าพเจ้าสนใจที่จะทำการศึกษาค้นคว้า ให้เกิดความข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งด้วยตนเอง ซึ่งต้องมีผู้กำหนดเส้นทางชี้นำ การประพฤติปฏิบัติแนวทางวิธีการอย่างเป็นขั้นตอนซึ่งต้องใช้เวลา และความบริสุทธิ์แห่งการรักษาศีล ถือเนกขัมมะ ประพฤติพรหมจรรย์ปฏิบัติแต่สิ่งที่ชอบ ทั้งทางกาย วาจาใจ และการที่จะผ่านแดนลี้ลับต่าง ๆ ขั้นต้นต้องมีพื้นฐานด้านการรักษาศีลก่อนทั้งสิ้น

    การที่จะเข้าไปสัมผัสถึงภพภูมิต่าง ๆ นั้นจะต้องผ่านขั้นตอนการฝึกความอดทนสร้างเสริมบารมี ทั้งทางกายและทางจิต เช่นเดียวกับการบวชทีเดียว หรืออีกนัยหนึ่งคือการสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์ คือฝึกหรือสร้างบารมี 10 ทัศ เมื่อผ่านการฝึกฝนโดยมีครูอาจารย์เป็นผู้กำกับแล้ว ยังต้องอาศัยบุญหรือกรรมเป็นด่านสุดท้าย ข้าพเจ้าจึงใคร่ขอต่อโพธิสัตว์ซึ่งบารมีสูง โปรดจงช่วยรวมบุญบารมีของข้าพเจ้าทั้งหมดทั้งมวลแผ่ไปให้กับภพภูมิต่าง ๆ และข้อตั้งสัจจะอธิษฐานขอนำเรื่องราวต่าง ๆ มาเปิดเผย

    เพื่อเป็นแรงศรัทธา เครื่องชี้นำให้สำหรับผู้อื่น ผู้ไฝ่รู้เร่งขวนขวาย ในการรักษาศีลปฏิบัติธรรม เพียรทำบุญกุศลเพื่อกาลข้างหน้าเพื่อมุ่งสู่ภพภูมิที่สูงยิ่งขึ้น ในการเวียนว่ายตายเกิด ขอความรู้ที่เกิดจากการอ่านเรื่องราวเหล่านี้จงเป็นพื้นฐาน สำหรับการดำเนินชีวิตสู่ ความสุข สงบ ถึงนิพพานในการต่อไป

    ก่อนที่โลกของเรา จะล่มสลายด้วยการแก่งแย่งอำนาจ รบราฆ่าฟันกันจนกลายเป็นสงครามล้างเผ่าพันธุ์ หรือสงครามล้างโลกและสงครามศาสนาที่กำลังอุบัติขึ้นในกาลปัจจุบัน

    เมื่อข้าพเจ้าได้เข้าสู่เมืองลับแล หรือมิติมหัศจรรย์ที่หลายคนกล่าวถึง ในครั้งแรกก็เกิดความ มึนงงสงสัย ไม่รู้ว่ามันคือสถานที่ใดกันแน่จึงถอนตัวกลับออกมาอยู่บ่อย ๆ จนจิตเคยชินกับความรู้สึก แปลก ๆ แล้วจึงได้มีความตั้งใจอย่างเด็ดขาดเพื่อให้เกิดความรู้ในสิ่งที่เราสัมผัสได้ การได้สัมผัสในครั้งต่อ ๆ มา ก็ยังความรู้สึกที่แปลกไปอยู่ดี ข้าพเจ้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นไอต่าง ๆ ที่เข้ามาปะทะโสตประสาทของข้าพเจ้า

    มันช่างเป็นสัมผัสอะไรกับสิ่งที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนจากที่ใด ๆ ทั้งสิ้น และสามารถอธิบายของความบริสุทธิ์ สะอาด ความเยบสงบ ความอบอุ่น ความสบาย ความเป็นสุขอย่างบอกไม่ถูก ไร้สิ่งที่เป็นมลพิษทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ อย่างสิ้นเชิง ความรู้สึกรับรู้ได้ถึงว่านี่คือเมือง เมืองหนึ่ง และสถานที่นี้คือหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีบ้านคนมีผู้คนอาศัยอยู่ ไม่มียวดยานพาหนะใด ๆ ไม่มีถนนที่สร้างเป็นอย่างถาวร ไม่วัตถุใด ๆ แอบแฝงหรือปะปนท้องฟ้าดูรู้สึกเย็นตา ดูท้องฟ้าอยู่ไม่ไกลนัก

    เมฆลอยต่ำจนเกือบจะสัมผัสได้ถึงไอน้ำเลยเชียวแต่ก็ไม่ต่ำนัก ทำให้รู้สึกว่าเหมือนหมู่บ้านชาวเขาที่อยู่ยอดดอยที่ใดที่หนึ่งปานนั้น แต่ดูพื้นที่ก็เป็นที่ราบ มีภูเขาบ้างก็เท่านั้น มีป่าไม้ชายเขา แต่ไม่มีสิ่งก่อสร้างที่บ่งบอกถึงความเจริญในยุคนี้เลย แม้ตัวข้าพเจ้าเองก็อาศัยขุนเขาและป่าไม้เป็นปกติอยู่ แต่สถานที่แห่งนี้เป็นอีกชั้นบรรยากาศหนึ่งหรืออย่างไร และมีความรู้สึกว่าดินแดนแห่งนี้มิใช่ดินแดนแห่งความสับสนวุ่นวาย ไร้การแก่งแย่งชิงดี แย่งกันกินแย่งกันอยู่ สิ่งปลูกสร้างที่เป็นที่พักอาศัย

    เป็นการปลูกสร้างโดยหลักธรรมชาติล้วน ๆ หรือที่เราเรียกว่าเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านโดยล้วน ไม่มีวัตถุปรุงแต่งแม้แต่ชิ้นเดียว ดูความเรียบร้อยของการปลูกสร้าง บ้านแต่ละหลังคงไว้ซึ่งความใหม่และความสะอาด ฝุ่นละอองแม้เพียงนิด ก็ไม่มี ความสกปรกของขยะมูลฝอย สักชิ้นก็หามีไม่ บ้านเรือนแต่ละหลังคงสภาพเหมือนกันหมดไม่มีความเหลื่อมล้ำทางอายุการใช้งาน เหมือนการปลูกสร้างในเวลาเดียวกันและนี่เองที่ควรเรียกสิ่งเหล่านี้ว่าเป็นสิ่งเนรมิต พื้นดินที่มีการเหยียบย่างของผู้คน เป็นพื้นดินที่ราบเรียบละเอียดอ่อน เมื่อเดินผ่านไปแล้วก็ไม่มีรอยใด ๆ เกิดขึ้น

    ต้นไม้ที่ปลูกใกล้กับบ้านคนก็ไม่มีใบที่ล่วงหล่นสักใบ หรือเขาเก็บไปทิ้งหรืออย่างไร บ้านเรือนแต่ละหลังมีลักษณะบ้านไม้กึ่งไม้ไผ่ ส่วนใหญ่เป็นเรือนไทยแบบชาวบ้านปลูกอย่างง่ายมีนอกชานยื่นมาเล็กน้อย เรือนแต่ละหลังไม่ใหญ่มากนัก เหมาะสำหรับอยู่อาศัย 3-5 คนโดยประมาณพอดี ใต้ถุนบ้านสะอาดตาไม่มีสิ่งใด ๆ ที่มองแล้วสะดุดตาหรือไม่มีสิ่งใด ๆ ที่ทำให้มองแล้วรกรุงรังสักชิ้น เมื่อเข้าไปใกล้ ๆ หมู่บ้าน ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ 6 โมงเช้า และเป็นวันพระ 15 ค่ำ พอดีโดยมิได้กะเกณฑ์ จะเป็นสาเหตุใดก็ไม่รู้แน่ชัดว่าทำไมไม่มีใครใส่ใจข้าพเจ้าเลย ทุกคนมุ่งที่จะทำกิจกรรมใด ๆ อยู่สักอย่าง จะมีก็เพียงกลิ่นไอ ความหอมกรุ่นของอาหารบางอย่าง ซึ่งก็มิใช่กลิ่นของอาหารในโลกมนุษย์เรา

    ยังไม่จบนะ เดี๋ยวค่อยมาเล่าให้ฟังต่อค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 เมษายน 2008
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ท่องเมืองลับแล (ต่อ)

    ข้าพเจ้าเข้าไปใกล้เขตของหมู่บ้านมากขึ้นทุกที และมิได้หันหลังมาดูทิศทางที่ข้าพเจ้ามาแต่มีความรู้สึกว่า มีป่าไม้และภูเขาอยู่เบื้องหลังก็เท่านั้นเพราะเวลานี้ข้าพเจ้าสนใจแต่ภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า และสิ่งที่ข้าพเจ้าสัมผัสได้อยู่ในปัจจุบันเท่านั้น ข้าพเจ้าเพียงนึกถึงคนที่จะพูดคุยด้วยเท่านั้น ก็มีสิ่งปรากฏเป็นอัศจรรย์นัก คล้าย ๆ กับการมาปรากฏโดยฤทธิ์ คือการมาโดยไม่ทำให้เราตกใจจะเป็นไปในลักษณะของการปรากฏแสงเรือง ๆ และสว่างขึ้นพร้อมทั้งมีบุคคลปรากฏขึ้นพร้อมกับแสงนั้นหายไป การปรากฏตัวของชาวเมืองลับแลกับคนแปลกหน้าเช่นข้าพเจ้าไปนำพาซึ่งความต้องการของเขาทั้งหลาย แต่ก็ยากนักเมื่อเราหลุดรอดเข้าไปแล้ว ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ครั้งแรก ๆ ข้าพเจ้าก็พบลัษณะแบบนี้ และเคยพูดคุยกันเพียงไม่กี่ประโยค แล้วก็จบการพูดคุยกันไป แต่ครั้งนี้วัตถุประสงค์ข้าพเจ้าต้องการสำรวจ ต้องการรู้สิ่งที่ยังคลางแคลงใจอยู่อย่างมาก

    ผู้ที่มาปรากฏและต้อนรับข้าพเจ้า เป็นหญิงอายุสัก 20-25 ปี โดยประมาณ เปิดรับไมตรีจากข้าพเจ้าเป็นอย่างดี มีความสงบเสงี่ยมด้วยคำพูด วาจา ใบหน้าที่อิ่มเอิบความจริงใจ ข้าพเจ้าสำรวจรูปพรรณสัณฐานการแต่งกายกริยามารยาทของหญิงชาวเมืองลับแลผู้นี้ เป็นผู้หญิงที่ไม่เหมือนชาวบ้านของมนุษย์ทั่วไป การแต่งกายด้วยเสื้อแบบโบราณลายลูกไม้กับผ้าซิ่น แลดูคล้าย ๆ กับการแต่งกาย ของลูกท่านหลานเธอในยุคโบราณของไทยเรา ผิวพรรณหน้าตาไม่จัดว่าขี้เหล่ ถ้าได้รับการแต่งแต้มสีสันบนใบหน้าคงเข้าขั้นประกวดได้คนหนึ่ง ทรงผมไว้แบบธรรมชาติ ยาวพองามสีดำสลวย การแต่งเนื้อแต่งตัวตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้าเป็นไปในลักษณะของธรรมชาติทั้งสิ้น แต่ดูสะอาดสะอ้านเกินชาวบ้าน เนื้อตัวไม่มีรอยตำนิเท่าแมวข่วนก็หามีไม่ สีผิวของผู้หญิงชาวเมืองลับแลดูแล้วสีคล้ายกันหมดคือค่อนข้างขาว และมีความสะอาดหมดจดเหมือนกัน เธอแจ้งเพียงว่าหัวหน้าหมู่บ้านให้มาต้อนรับ ตามความประสงค์ของข้าพเจ้า

    ในการมาและทำการเชื้อเชิญให้ข้าพเจ้าเดินทางไปบ้านหัวหน้าหมู่บ้าน ข้าพเจ้าตามหญิงผู้นั้นไป และสังเกตุสองข้างทางที่ผ่านไป ทุกครัวเรือนมีผู้คนอยู่ บางบ้านก็ให้ความสนใจกับข้าพเจ้าพอสมควร แต่ก็ไม่มีใครซักถามหรือพูดคุยกันให้ได้ยินบ้างเลย ขนาดของหมู่บ้านเป็นหมูบ้านตามชนบท มีบ้านเรือนสัก 20-30 หลังคา บ้านเรือนแต่ละหลังมีขนาดเท่า ๆ กันหมด ไม่พบสัตว์เลี้ยงใด ๆ ทั้งสิ้น ช่วงกลางทางข้าพเจ้าได้ไต่ถามชื่อของหญิงสาวผู้นำทางและเรื่องอื่น ๆ ตลอดทาง คือ เธอชื่อ มะลิ เป็นบุตรสาวของเจ้าบ้าน หรือหัวหน้าหมู่บ้าน วันนี้เป็นวันพระชาวบ้านเตรียมตัวกันไปวัด จึงไม่มีใครสนใจเรื่องอื่น ๆ ชั่วครู่เดียวก็มาถึงกลางหมู่บ้าน หญิงชื่อมะลิก็พาข้าพเจ้ามาสู่เรือนหลังหนึ่ง ซึ่งมีขนาดของการปลูกสร้างที่ใหญ่กว่าเรือนหลังอื่น ๆ สักหนึ่งเท่าตัว แต่ข้าพเจ้าไม่ได้รับอนุญาติเข้าไปข้างใน

    รับรู้ด้วยจิตเพียงว่า ด้านในเรือนเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับมนุษย์ เรือนที่ข้าพเจ้าถูกเชิญขึ้นมาสู่นอกชาน ดูพอเหมาะในการต้อนรับแขกไปในตัว หญิงสาวขอตัวเข้าบ้าน โดยปรากฏชายวัยกลางคนรูปร่างสูงโปร่งผิวขาว ดูมีสง่าราศี ส่วนสูงประมาณ 170 ซ.ม. อายุประมาณ 50 เศษ ดูแข็งแรง ลักษณะใบหน้าได้รูปสมส่วนกับวัย แลดูเป็นผู้ใหญ่มีเมตตา แต่งกายดูภูมิฐานแบบคนชนบทอัธยาศัยไมตรี มีความเป็นกันเองเชื้อเชิญให้ข้าพเจ้าตามสบาย แนะนำตัวเองว่าเป็นหัวหน้าหมู่บ้านแห่งนี้ และอธิบายสิ่งที่ข้าพเจ้าอยากรู้มากมาย บางอย่างข้าพเจ้า เพียงนึกในใจคำตอบก็ถูกป้อนออกมาจากหัวหน้าหมู่บ้านเกือบทั้งหมด

    การเกิดของชาวเมืองลับแล เมืองลับแลเป็นดินแดนที่มีความเป็นอยู่คล้ายมนุษย์แต่ก็มีความเป็นอยู่และดำรงไว้ในลักษณะของเทวดา คือกึ่งมนุษย์กึ่งเทวดา อาหารสิ่งของเครื่องใช้บางอย่างก็ทำขึ้นเอง บางอย่างก็ถูกเนรมิตขึ้นมา เป็นสถานที่อยู่ในลักษณะกึ่งทิพย์ มนุษย์ สัตว์เดรัจฉาน ไม่สามารถอาศัยอยู่ได้(เป็นเพียงความคิดเห็นของคนเล่าเรื่องนี้ แต่มนุษย์ทีมีศีลธรรมดีพอ อาจเข้าไปอาศัยอยู่ได้เมื่อยามเกิดภัยพิบัติ) เพราะมีความคงอยู่ในสภาพของจิตหรือมีกายอยู่ในลักษณะกายละเอียดหรือกายทิพย์ ยังมีการกินการอยู่คล้ายมนุษย์ แต่ไม่เหมือนมนุษย์ไปเสียทั้งหมด การเกิดเมืองลับแลเป็นลักษณะของหมู่บ้านมีทั่วไป ตามภูเขาและป่าไม้ เพราะต้องอาศัยสถานที่ ที่จะทำการซ้อนของภูมิอย่างสงบละเว้นจากความวุ่นวาย คือภูมิของเมืองลับแลต้องซ่อนอยู่กับป่าไม้และภูเขาเท่านั้นและมีกระจัดกระจายทั่วไปแต่ก็ไม่มากนัก

    ฉะนั้นในเมืองไทยก็มีเมืองลับแลทับซ้อนอยู่หลายแห่ง แต่ละแห่งก็จะมีผู้ดูแล ตามแต่ละจุดคือหัวหน้าหมู่บ้าน สภาพความเป็นอยู่ก็คล้าย ๆ กัน ต่างกันก็มีบ้างเพียงเล็กน้อย หรือมากน้อยตามภูมิเดิมที่ก่อนจะมาเกิดเป็นคนเมืองลับแล เช่นถ้าเคยเกิดเป็นครุฑ นาค มนุษย์ ยักษ์ หรือสัตว์ต่าง ๆ ก็มักไม่รวมกันเป็นกลุ่มแต่จะแยกไปอยู่ตามสังคมของตน แต่ส่วนมากชาวเมืองลับแลเกิดจากภูมิของเทวดา เป็นเทวดาผู้มีบุญน้อย เทวดาเมื่อทำบุญมาน้อยจะทำให้จิตหรือใจถูกกระทบได้ง่าย การเป็นเทวดาแล้วมักหลงติดกับความสุขในการเสพอย่างเพลิดเพลิน ในสิ่งที่เป็นทิพย์เมื่อจิตใจไม่เข้มแข็งพอ ทำให้เกินเลยขอบเขตของเทวดาไปได้เช่นความต้องการต่างๆ จนผู้อื่นได้รับผลกระทบหรือกระทำอันใด ๆ ซึ่งมีผลกระทบกับผู้อื่นทำให้ผู้อื่นไม่รู้สึกยินดี หรือกลั่นแกล้งผู้อื่น จาบจ้วงผู้อื่น กระทำสิ่งที่ไม่เหมาะสมในลักษณะที่ไม่ใช่เทวดาทำ สาเหตุต่าง ๆ เหล่านี้ ทำให้การเรียกว่าผิดกฏสวรรค์ มีอันทำให้เกิดการจุติหรือเกิด ตามความผิดที่พึงกระทำ การวินิฉัยเป็นไปโดยอัตโนมัติ ผลที่ได้รับอาจต้องตกนรกหรือไปเกิดเป็นมนุษย์หรือสัตว์ หรืออย่างเบาได้ลดชั้นการเป็นเทวดาโดยให้ไปเกิดยังเมืองลับแล

    เมืองลับแลจึงได้ชื่อว่า เป็นสวรรค์ชั้นโลกมนุษย์แยกกันอยู่เป็นเมือง เป็นหมู่บ้าน มีความเป็นอยู่แบบกึ่งทิพย์ บ้างก็มีความอยากที่จะทำนาเพาะปลูก มีความสุขกับการประกอบอาชีพเพาะปลูก เพราะว่าไม่รู้จะทำอะไรดี เรียกว่าเป็นงานอดิเรก หรือ การหาของป่า การปลูกพืชสมุนไพร การรักษาศีลเป็นหลักสำคัญ การดำเนินชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน คืออยู่ที่ความชอบแตกต่างกันหรือการติดจากอดีตชาติเคยเกิดเป็นมนุษย์ แล้วชอบอย่างไรก็จะปฏิบัติตัวอย่างนั้น บางคนอาจมีครอบครัวหรือไม่มีครอบครัวก็ได้ แล้วแต่ความสมัครใจของทุกฝ่ายหรือจะอยู่รวมกันอย่างพี่น้องก็มี การกินอาหารก็เหมือนกันแล้วแต่ไม่จำกัด เพราะเป็นไปในลักษณะของการกินทิพย์ อาหารที่ทำขึ้นมักเป็นการทำในลักษณะโบราณคือ การกวนข้าวทิพย์ กินเพื่อความเป็นศิริมงคลหรือทำเพื่อการบูชา เทพ พรหม หรือบูชาพระ เพราะคนเมืองลับแลไม่ต้องกินข้าวก็อยู่ได้ หรือเก็บใบไม้มาเสกเป็นข้าวและกับข้าวก็ได้ เป็นกรณีไปแล้วแต่ใครชอบทำอย่างไร แต่ต้องอยู่ในกฎเกณฑ์ของหมู่บ้าน ซึ่งมีเจ้าบ้านหรือหัวหน้าหมู่บ้านเป็นผู้ดูแล

    การลงมาของเทวดาที่จะมาเกิดยังเมืองลับแล จะลงมาในลักษณะของแดนสวรรค์ คือ เมื่อผิดกฎสวรรค์ก็ตกวืดลงมาเลยไม่ต้องสอบสวนคดีความ เป็นไปในลักษณะอัตโนมัติ เมื่อตกมายังหมู่บ้านใดก็ต้องเข้าไปรายงานตัวกับหัวหน้าหมู่บ้าน หัวหน้าหมู่บ้านจะพิจารณาว่า บุคคลนี้มีความสัมพันธ์ใด ๆ กับคนในหมู่บ้านนี้หรือไม่ ก็จะส่งไปตามสถานะความผูกพันธ์กับคนที่อยู่ก่อนแล้ว เช่นอาจเป็นญาติกันมาก่อนก็ไปอยู่กับญาตินั้น ๆ ถ้าไม่มีญาติก็ไปอยู่เดี่ยว แต่ส่วนใหญ่จะถูกส่งไปตามพื้นเพเก่าตามกรรมที่เคยทำในสมัยที่เป็นมนุษย์ เช่นครั้งหนึ่งเคยเกิดมาเป็นมนุษย์แถวภาคกลาง ตายลงด้วยบุญที่ทำไปเกิดเป็นเทวดาแต่ทำผิดกฎสวรรค์ก็ตกสวรรค์ ไปเกิดที่เมืองลับแลในสภาพของมนุษย์ ตอนที่ตาย จะเป็นหญิงหรือชายรูปพรรณสัณฐานเช่นไร ก็จะกลับไปเป็นแบบนั้น และจะลงมาอยู่เมืองลับแลแถวภาคกลางคือเป็นพื้นเพเดิม ส่วนเทวดาชั้นสูง ๆ ที่ตกลงมาสู่เมืองลับแล ก็จะได้ยกเป็นเจ้าเมืองบ้างหรือหัวหน้าหมู่บ้านบ้างหรือเศรษฐีผู้มีบริวารบ้างแล้วแต่บุญเก่า

    ส่วนหัวหน้าหมู่บ้านที่ข้าพเจ้าได้พบ ได้ลงมาจากสวรรค์ชั้นที่ 3 คือชั้นยามา สาเหตุที่ลงมาเกิดเมืองลับแลเนื่องจากเกิดความวิตก เป็นห่วงกังวลถึงครอบครัว หาทางช่วยครอบครัวของท่าน หาทางแก้แค้นต่อผู้ประสงค์ร้ายกับครอบครัวท่าน เป็นเหตุให้ต้องลงมาเกิดอยู่ที่เมืองลับแล เพราะเมื่อเป็นเทวดาก็ต้องอยู่ในกรอบของเทวดา คือการทรงไว้ซึ่งหิริโอตัปปะความเกรงกลัวต่อบาป หวังที่จะเอาบุญอย่างเดียว ไม่ยุ่งกับสรรพสัตว์ให้เป็นไปตามบุญหรือกรรม เพราะเหตุที่จะเกิดกับมนุษย์หรือสัตว์นั้น จะต้องมีสาเหตุจากการกระทำหรือเรียกว่าเหตุเกิดจากกรรม เทวดาไม่มีหน้าที่ไปแก้ไขเหตุการณ์ มีแต่ช่วยสงเคราะห์บุญได้ให้เกิดบุญทำได้ เทวดาส่วนใหญ่ที่ลงมาเกิดเมืองลับแล มักเป็นเทวดาที่อยู่ชั้นแรก ๆ ของสวรรค์คือทำบุญมาน้อยทำให้จิตไม่แข็งพอ มักผิดพลาดได้ง่าย สำหรับเรื่องของอายุของคนเมืองลับแลนั้นถูกกำหนดด้วยกรรมที่เกิดเป็นรายบุคคล ซึ่งมีอายุกรรมไม่เท่ากัน แล้วแต่เป็นกรณีไปขั้นต่ำสุดคือ 10 ปีมนุษย์ถึง 100 ปีและ 500 ปีก็มี

    โดยนับเวลาตามสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาซึ่งเป็นสวรรค์ชั้นที่ 1 ของภูมิเทวดา ฉะนั้นเวลาของเมืองลับแล ต่างกับเวลาของในเมืองมนุษย์เทียบได้กับเวลา 1 วันของเมืองลับแลเท่ากับ 50 วันของมนุษย์ ตัวอย่างการกระทำความผิดของเทวดา ผู้มีฤทธิ์ไปดลใจมนุษย์ให้มนุษย์ทำผิดศีล ก็โดนค่อนข้างหนักตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขั้นต่ำ 100 ปีมนุษย์ หรือเทวดาดลใจมนุษย์แล้วไปก่อเหตุร้ายแรงจะเจตนาหรือไม่ก็ตาม ถ้ามีความวุ่นวายเกิดขึ้นในหมู่มนุษย์อาจโดน 300-500 ปีมนุษย์ ถ้ามีการตายเกิดขึ้นโดยสาเหตุจากเทวดาก็จะต้องลงไปเกิดทันที โดยลงมาโลกมนุษย์หรือไปตามกรรมชั่วเก่าที่ทำมาก่อนบุญนั้นเก็บไว้ก่อนหรือถ้าบุญมากก็ไปเกิดเป็นมารหรือยักษ์ พญานาค ในป่าหิมพานต์

    สถาณะสภาพของชาวเมืองลับแล ดังได้กล่าวแล้วว่าเมื่อจะมาเกิดยังเมืองลับแลจะกลับสภาพร่างกายเหมือนตอนเป็นมนุษย์ก่อนเป็นเทวดา ดังนั้นถ้าตายตอนวัยไหน อายุเท่าไร เมื่อมาเป็นคนเมืองลับแลก็จะกลับไปสู่วัยนั้น และจะคงอยู่อย่างนั้นตลอดอายุของการอยู่ในเมืองลับแล ถ้าตายตอนเด็กก็เกิดเป็นเด็ก ตายตอนแก่ก็เกิดมาเป็นคนแก่ ตอนทารกไม่มีเพราะการเกิดเป็นทารก ยังไม่ได้ทำกรรมอะไรเลยฉะนั้นไม่มีทารกในเมืองลับแล

    ความเป็นคนเมืองลับแล คล้ายกับการอยู่กรรมของพระหรือการอยู่กรรมของผู้ปฏิบัติธรรมแต่ยังดีที่ความเป็นอยู่นั้นอยู่อย่างเป็นทิพย์ มีกายเป็นทิพย์จึงไม่ต้องเปลี่ยนสภาพร่างกาย บางคนไม่ต้องกินก็ได้ ไม่ต้องอาบน้ำก็ได้ แต่จะมีความรู้สึกคล้ายมนุษย์ ชอบสังคม ชอบมีการดำรงชีวิต ชอบทำอย่างมนุษย์ แต่ก็มีธรรมเนียมหรือกฎของเมืองลับแลอยู่ ซึ่งชาวเมืองลับแลจะรู้ได้โดยอัตโนมัติ คือรู้ได้ด้วยจิตถึงสิ่งที่พึงห้ามกระทำ คือ

    1. การรักษาศีลห้าอย่างเคร่งครัด
    2. ห้ามออกนอกเขตเมืองลับแลโดยมิได้รับอนุญาติ
    3. ห้ามประพฤติปฏิบัติตัวเลินเล่อต่อสาธารณชน
    4. ห้ามเสพเยี่ยงมนุษย์


    กฎระเบียบทั้งหมดจะควบคุมโดยอัตโนมัติ หากใครทำผิดกฎจะถูกต้องโทษโดยการขยายเวลาอายุกรรมในเมืองลับแลต่อไปอีกแล้วแต่กรณี ถ้ามีความผิดร้ายแรงจะต้องไปเกิดโดยทันที ดังนั้นการอยู่ในเมืองลับแล เป็นการได้แก้ตัวให้ประพฤติชอบ อยู่ในกรอบของศีลธรรมอยู่ในสภาวะของกายทิพย์ อยู่ในสภาพแวดล้อมที่บริสุทธิ์ อยู่ในพื้นที่ที่จำกัด และมีโอกาสสร้างบุญบารมีเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังมีโอกาสผิดพลาดได้เพราะเมืองลับแลอยู่ใกล้กับโลกมนุษย์ แต่ใครล่ะจะชอบความลำบากยากเข็นในเมืองมนุษย์ ฉะนั้นชาวเมืองลับแลจึงไม่ค่อยจะเข้าใกล้มนุษย์สักเท่าไร เพราะมนุษย์จะมีความไม่ดีติดตัวมาเยอะมาก อาจทำให้ชาวเมืองลับแลพลอยเสื่อมถอยจากศีลธรรมได้ง่าย แต่เมื่อคราวถึงวันพระชาวเมืองลับแลจะมีโอกาสได้เข้าวัด ทำบุญ ฟังเทศน์ ถือศีล สวดมนต์ภาวนา

    คนเมืองลับแลจึงมักชอบพระมาก โอกาสสัมผัสเมืองลับแลกับพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจึงเกิดขึ้นบ่อย ยิ่งเมื่อถึงวันพระ จิตใจของมนุษย์ หรือกิจกรรมในเมืองมนุษย์จักอบอวลไปด้วยบุญทานที่เกิดขึ้น ทำให้จิตมนุษย์กับจิตคนเมืองลับแลสื่อกันได้ง่าย เพราะมนุษย์ก็มักรักษาศีลอุโบสถกันทุก ๆ วันพระ นี่ก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่การสื่อสารของข้าพเจ้าและชาวเมืองลับแลดูติดต่อกันได้ง่ายในวันพระเป็นเรื่องที่ข้าพเจ้าก็มิได้ตั้งใจไว้ก่อน พิธีกรรมที่เกิดขึ้นในวันพระของชาวเมืองลับแลนั้น เป็นเพราะว่าสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ได้เปิดให้ชาวเมืองลับแลได้ขึ้นไปทำบุญประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ เช่น การเวียนเทียนในวันสำคัญทางศาสนา เพราะสวรรค์บนชั้นดาวดึงค์นั้นมีวัดอยู่ และทางเบื้องบนยังเล็งเห็นว่าชาวเมืองลับแลนั้นยังมีสถานะความเป็นเทวดาอยู่จึงสมควรได้รับความอนุเคราะห์ตรงส่วนนี้ เพราะในเมืองลับแลนั้นไม่มีวัดไม่มีพระ การขึ้นไปสู่วัดนั้นข้าพเจ้าได้ตามดูเห็นชาวเมืองเดินกันไปสู่ภูเขาลูกหนึ่ง ที่เชิงเขามีบันไดเวียนไปทางขวาเพื่อขึ้นเขา บันไดนั้นเป็นบันไดแก้วเลื่อมพรายระยับตา ดังสวรรค์เนรมิตความกว้าง ยาว ของขั้นบันไดเดินขึ้นได้พอดี ความสูงประมาณตามขึ้นไม่ต่ำกว่าร้อย

    การเดินเวียนขวาไปเรื่อย ๆ ข้าพเจ้าต้องขออนุญาติเทพพรหมทั้งหลายเพื่อขอให้วัตถุประสงค์ของข้าพเจ้าสำเร็จตามที่ได้อธิษฐานไว้แต่ต้น ให้สำเร็จลุล่วง เพราะกลัวว่าการข้ามเขตเลย จากที่ขอไว้แต่ต้นของเมืองลับแลตอนนี้จะก้าวล่วงถึงสวรรค์จะเป็นการล่วงที่สูง แต่ก็หาเป็นเช่นนั้นไม่ สาเหตุที่ขึ้นไปได้นั้นข้าพเจ้ารู้ดีแต่ขอละไว้ที่นี่ เพื่อสานเรื่องเมืองลับแลให้จบ บันไดที่ใช้ขึ้นสู่วัดแห่งนี้ช่างวิจิตรตระการตายิ่ง เป็นลักษณะแก้วผลึกใส สีรุ้งเจิดจรัส เงาระยับเช่นเดียวกับประกายของเลื่อมเพชรประดับฉันนั้น เมื่อขึ้นสู่ยอดเขามีก้อนเมฆขาวลอยวน บางส่วนก็กระจายเกลื่อนบนพื้นที่เดินอยู่ ชาวเมืองลับแลแต่งกายงามล้ำกว่าปกติทุกวัน นุ่งใส่เสื้อผ้าใหม่ ๆ สีสันงดงามตาเครื่องประดับก็พอมีบ้างพองดงามตามวิสัยชาวบ้าน บริเวณวัดสุดเจริญหูเจริญตา ไม่มีที่ใดเหมือน

    โบสถ์หรือวิหารสุดตระการตา องค์พระปฏิมาเป็นทองคำทั้งองค์ ซุ้มประตูต่าง ๆ ประดับประดาด้วยเพชรนิลจินดาต่างๆ หรือที่เรียกว่า แก้วนพรัตน์ ยากที่จะมีสิ่งใดเปรียบเทียบได้ คนเมืองลับแลต่างมีสิ่งของมาสักการะเป็นดอกไม้และอาหารทิพย์เพียงเล็กน้อย ไม่มีข้าวของรุงรังเหมือนเมืองมนุษย์เรา แต่ทุกคนมีความสุขเต็มเปี่ยม มีความยิ้มแย้มแจ่มใสดี และกลับมีความงามดั่งนางฟ้ารวมทั้งผู้ชายก็ดูมีสง่าราศีดังเทพบุตร หรือเขาเหล่านั้นเปลี่ยนสภาพจิตเป็นเทวดาในวันพระหรือกระไร

    การดับของชาวเมืองลับแล ก็เป็นเช่นเดียวกับการเกิด คือ จิตเปลี่ยนสถานเฉย ๆ ด้วยบุญ การมาก็มาด้วยบุญ การกลับก็กลับด้วยบุญ เมื่อถึงวาระแห่งการหมดกรรมจะรู้ได้ด้วยตนเอง คือปิติจะเกิดกับผู้ที่หมดกรรมหรือหมดวาระจากเมืองลับแล และเขาเหล่านั้นจะได้สู่ภพภูมิที่ตัวเองมา คือไปเป็นเทวดาเพื่อเสวยบุญต่อ ณ จุดที่ลงมา คือลงมาจากจุดไหนก็ขึ้นไปสู่จุดนั้น ในเรื่องของทรัพย์สมบัติของชาวเมืองลับแลนั้นเป็นด้วยฤทธิ์ ที่ติดตัวมาจากการเป็นเทวดาจะเกิดด้วยการเนรมิตอย่างหนึ่ง จะเกิดด้วยการรู้ที่ซ่อนขุมสมบัติอย่างหนึ่ง เพียงสองอย่างนี้

    ถ้ารู้ว่าควรให้ใครได้ก็สามารถให้ได้ เมื่อรู้ว่ามีทรัพย์อยู่ เช่น โจรได้ปล้นเศรษฐีนำทรัพย์สมบัติไปซ่อนไว้ในถ้ำ ชาวเมืองลับแลรู้ที่ซ่อน เมื่อเศรษฐีนั้นเกิดที่ใด ทรัพย์สมบัตินั้นก็ยังเป็นสิทธิ์ของเศรษฐีคนเดิมได้อย่างสุจริต เทวดาใด ๆ ก็สามารถมอบสมบัตินั้นคือเจ้าของหรือชาวเมืองลับแล ย้ายไปไม่ให้คนชั่วหรือคนทั่วไปพบก็มีสิทธิ์ทำได้ แต่การที่จะทำอะไรสักอย่าง ต้องมีเหตุให้พึงกระทำตามความเหมาะสม หรือทำให้เกิดความสมเหตุสมผลมิใช่การเบียดบังทรัพย์เพื่อตน อาจทำได้เพื่อเกิดประโยชน์ส่วนรวม แต่ยังไม่พบเหตุการณ์ที่ต้องกระทำเช่นนั้น แต่ทรัพย์สมบัติของชาวเมืองลับแล มีแน่นอน

    แต่การมีไว้ซึ่ง เพื่อเอาไว้บูชาพระถวายเป็นของส่วนรวม เก็บไว้เมื่อถึงคราวจำเป็นในการช่วยสร้างชาติ สร้างศาสนา ให้เกิดความสงบร่มเย็น แต่ต้องรอวาระเวลาที่ภพภูมิ เปิดติดต่อไปมาหาสู่กัน โดยมีผู้บริสุทธิ์ เช่นพระสงฆ์ผู้มีญาณสมาธิแก่กล้า หรือพระธุดงค์ผู้มีฌานสมาบัติสูง หรือผู้มีจิตบริสุทธิ์เยี่ยงพระอรหันต์ หรือจะเป็นผู้มีบุญฤทธิ์ และโพธิสัตว์ผู้มีบารมีเปี่ยมล้นสามารถผ่านเข้าไปสู่ดินแดนแห่งนี้ได้ โดยที่จะไม่ถูกบดบังด้วยประการทั้งปวง อันตัวข้าพเจ้าตั้งสัจจะไว้เพียงขอนำข้อมูลแห่งความจริง ลืมนึกถึงสมบัติทรัพย์ทั้งหลายเลยได้แต่เพียงรู้ แม้นถ้าใครผ่านแดนลี้ลับแห่งนี้ได้ ก็จะได้รับการต้อนรับอย่างดีและมีไมตรีจิตจากชาวเมืองลับแล เพราะบุคคลที่ถูกปล่อยให้ล่วงล้ำเข้าไปในสถานที่ต้องห้ามนี้นั้น เป็นบุคคลผู้ผ่านการกลั่นกรอง ทางกายและทางใจแล้วทั้งสิ้น

    บุคคลดังกล่าวเมื่อผ่านดินแดนแห่งนี้แล้ว จะไม่ทำให้แดนลับแลแปดเปื้อนมีมลทิลแต่ประการใด และดินแดนแห่งนี้มิใช่มีแต่สถานที่แห่งหนึ่งแห่งใดในประเทศไทย แดนแห่งเมืองลับแลนี้ มีทับซ้อนซ่อนอยู่ทั่วไปในดินแดนที่สงบสงัด ปราศจากความว้าวุ่นแห่งโลกของโลกียะ กิเลสที่พอกหนาของมนุษย์ ข้าพเจ้าใคร่ขอวิงวอนแด่องค์พระศรีสยามเทวาธิราชเจ้าทุก ๆ พระองค์ ด้วยบารมีแห่งสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ราชาเจ้าทุก ๆ พระองค์ บุญกุศลใด ๆ ที่เกิดจากข้อเขียนข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลทั้งหมดทั้งมวลให้กับชาวเมืองลับแลทั้งหลาย ขอกุศลบุญที่เกิดจงบันดาลให้ท่านทั้งหลายได้สู่ภพภูมิที่สูงยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยเทอญ สาธุ

    ที่มา: หนังสือนะโภคทรัพย์ โดย กบจำศีล

    http://www.watthummuangna.com/board/showthread.php?t=550
    <!-- / message -->
    <!-- / message -->
     
  14. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    <TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>วันแรกของ'7วันอันตราย' เสียชีวิต18คนเจ็บร่วมพัน </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (11 เม.ย.) เป็นวันแรกของ 7 วันอันตราย ช่วงเทศกาลสงกรานต์

    มีผู้สังเวยชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนแล้ว 18 ราย โดยสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ หรือศูนย์นเรนทร รายงานจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต จากอุบัติเหตุทางถนนเทศกาลสงกรานต์ ปี 2551
    ในช่วง 7 วันอันตรายระหว่างวันที่ 11-17 เม.ย. ณ.เวลา 20.00 น. มีผู้เสียชีวิตแล้ว 18 คน บาดเจ็บ 926 คน แยกเป็นชาย 585 คน หญิง 341 คน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเกิดอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์มากสุด 708 ครั้ง ตามด้วยรถกระบะ ในจำนวนนี้ พบว่าเมาแล้วขับ จำนวน 216 ราย ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่สวมหมากนิรภัย 664 ราย


    สำหรับจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตมากสุด คือ นครสวรรค์ และเพชรบูรณ์ จำนวน 3 คน รองลงมา คือ นครราชสีมา บุรีรัมย์ และลพบุรี จังหวัดละ 2 คน


    ล่าสุด ที่ จ.พิษณุโลก น.ส.มณีนุช ปานบัว อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 244/1 หมู่ 1 ต.ปลักแรด อ.บางระกำ ประสบอุบัติเหตุถูกรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ทอง ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน พุ่งชนขณะขี่รถจักรยานยนต์ หมายเลขทะเบียน ขคพ-977 พิษณุโลก ไปบนถนนสายพิษณุโลก-บางระกำ ต.ท่าโพธิ์ อ.เมือง ทำให้ น.ส.มณีนุช เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ขณะที่คนขับรถยนต์ปิกอัพอาศัยช่วงชุลมุน ขับรถหลบหนีไป

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ผู้ว่าฯ กทม.ชวนประชาชนเล่นน้ำสงกรานต์แบบไทย

    [​IMG]


    กทม. 12 เม.ย.-ผู้ว่าฯ กทม.ชวนประชาชนเล่นน้ำสงกรานต์แบบไทย ด้วยการอนุรักษ์ประเพณีอันดีงาม พร้อมวอนอย่าดื่มสุราขับขี่ยานพาหนะเพื่อความปลอดภัย ส่วนการทำความสะอาดถนนที่มีการเล่นน้ำสงกรานต์จะมีขึ้นและแล้วเสร็จก่อนเช้าวันที่ 17 เม.ย. เพื่อความสะอาดและสวยงาม

    นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวภายหลังอันเชิญพระพุทธสิหิงค์ ประดิษฐาน ณ ลานคนเมือง ศาลาว่าการ กทม. โดยมีประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมสรงน้ำพระ เพื่อความเป็นสิริมงคลรับเทศกาลปีใหม่ไทย ว่า สำหรับกิจกรรมเทศกาลสงกรานต์ ทางสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต จัดกิจกรรมมากมายในระหว่างวันที่ 12-15 เม.ย.นี้ จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมเฉลิมฉลองในเทศกาลดังกล่าวด้วย และขอให้เล่นน้ำสงกรานต์แบบไทย เพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม

    นายอภิรักษ์ กล่าวว่า ในการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่นี้ขอให้ประชาชนระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนน และอย่าดื่มสุราขณะขับขี่ยานพาหนะเพื่อความปลอดภัย สำหรับการทำความสะอาดถนนและสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ในจุดที่มีการเล่นน้ำสงกรานต์นั้น สั่งการให้ทุกเขตระดมทำความสะอาดในทุกพื้นที่ให้เรียบร้อย หลังมีการเล่นน้ำสงกรานต์เพื่อความสะอาดและสวยงามก่อนเช้าวันที่ 17 เม.ย. ซึ่งเป็นวันทำงานตามปกติ

    ส่วนบรรยากาศที่ลานคนเมือง มีประชาชนจำนวนมากนำน้ำอบ ดอกไม้ อาทิ มะลิ ดาวเรือง เข้าสรงน้ำพระพุทธสิหิงค์ เพื่อความเป็นสิริมงคล แม้สภาพอากาศจะร้อนอบอ้าว และในวันพรุ่งนี้ (13 เม.ย)กทม.จัดพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 226 รูป ตามอายุของ กทม.เพื่อความเป็นสิริมงคลรับเทศกาลปีใหม่ และมีกิจกรรมรดน้ำขอพรผู้สูงอายุ.-สำนักข่าวไทย

    2008-04-12 17:22:29

    ที่มา http://news.mcot.net/social/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ลมมรสุมฤดูร้อน จะพัดพาฝนจากทะเลเข้าสู่แผ่นดินจีน ระหว่างเดือนพฤษภาคม-กันยายน ของทุกปี

    [​IMG]

    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณหนุมานผู้นำสาร

    ************
    แม่น้ำโขง

    **********

    ภาคเหนือ...แม่น้ำโขงจะสร้างอันตรายและภัยพิบัติ
    ถ้ามีฝนตกหนักทางตะวันตกของจีน
    แม่น้ำที่จะรองรับน้ำได้ หนึ่งในนั้นคือแม่น้ำโขง
    น้ำปริมาณมากจะไหลลงมาตามลำน้ำโขง

    บริเวณเหนือสุดที่ติดกับแม่โขง บริเวณเชียงแสนเชียงของ
    จะมีน้ำทะลักเข้าแผ่นดินไทย เกิดน้ำวนขนาดใหญ่...
    ดินหินภูเขาจะหลุดทะลาย ไปตามกระแสน้ำ
    ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกขุดรากถอนโคน ไปตามกระแสน้ำ
    น้ำจะไหลผ่านจังหวัดต่างๆ ตั้งแต่เหนือจนถึงอ่าวไทย
    จังหวัดที่น่าจะเสี่ยงและควร หาทางเตรียมหนีขึ้นเขาสูง
    เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน พะเยา แพร่ ลำปาง ตาก กำแพงเพชร
    และจังหวัดที่อยู่ใต้ จนลงมาถึงกรุงเทพฯ

    ขอให้ประชาชนหมั่นติดตามฟังข่าว....
    หากฝนตกหนักมากทางตะวันตกของจีน
    ระดับแม่น้ำโขงสูงขึ้นเร็ว
    ต้องรีบเตรียมอพยพ หัดอ่านแผนที่หาที่หนีภัยใกล้ตัว...ไว้ล่วงหน้า
    เพราะเหตุการณ์นี้....จะรุนแรงมหันต์
    จำเป็นต้องช่วยตัวเองให้ได้ก่อน

    พระไตรปิฎก...ได้ส่งมอบ "สัจจะ"
    เป็นหนทางปฏิบัติของมนุษย์แล้ว
    อยู่ที่จะ"เชื่อ" หรือ"ไม่เชื่อ"

    - " หนุมานผู้นำสาร"
    09-04-2008, 02:35 PM


    [​IMG]
    ****************************
    วิธีสังเกตุพื้นที่ปลอดภัย

    **********************

    หาก....พื้นผิวขุดไปมีแต่ดินสีส้ม หรือสีแบบลูกรังลักษณะร่วน
    ไม่มีดินเหนียวไม่มีหินปนอยู่ ใกล้เส้นทางน้ำไหลและมีภูเขาลาดชัน
    ให้ระวัง...เมื่อฝนตกหนักติดต่อกัน น้ำป่าท่วมพัดภูเขาถล่ม ดินเลื่อนไหลลงมาทับเส้นทางที่ขวางทางน้ำ หรือมีท่อน้ำรอดข้างใต้ จะถูกกัดเซาะพังทลาย ถนนจะขาด สะพานบริเวณนั้นจะพังง่าย

    หาก....อยู่ใกล้ภูเขาที่ทั้งลูกเป็นหิน เป็นแท่งสีเทาดำที่เป็นลาวาแข็งตัว แต่อาจมีต้นไม้ปกคลุมจนมองได้ยาก แสดงว่าภูเขาลูกนี้เกิดจากแผ่นดินปริแยก มีหินละลายลาวาใต้เปลือกโลกทะลักออกมา ให้ระวัง...เมื่อเกิดแผ่นดินไหว อย่าอยู่ใกล้เปลือกโลก บริเวณนั้นจะขยับเคลื่อนตัว เกิดเป็นลาวาไฟใต้โลกพ่นออกมาควรหนีออกไปยังที่เป็นที่ราบ ที่สูงกว่าอย่าหนีไปที่ต่ำลาวาจะไหลไปถึง

    หาก...อยู่พื้นที่ใกล้ชายทะเล ที่มีลักษณะเป็นที่ราบเรียบกว้าง ไม่ค่อยมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นทำนาเกลือได้ง่าย หรือมีเพียงป่าโกงกางกั้นบริเวณริมทะเล ให้เข้าใจว่าบริเวณนี้เคยเป็นท้องทะเล เมื่อมีข่าว...เกี่ยวกับฝนตกหนัก ข่าวพายุเกิดบ่อยไปทั่วโลก ข่าวน้ำแข็งขั้วโลกละลายมากขึ้น ให้ระวัง....อีกไม่นานนักบริเวณพื้นที่นี้จะถูกน้ำทะเลท่วม กลับสภาพเหมือนเดิมในอดีต เพราะน้ำทะเลจะสูงขึ้นจากปริมาณฝนที่เพิ่มมากขึ้น

    หาก...อยู่พื้นที่ราบใกล้แม่น้ำโขง เมื่อประเทศจีนมีพายุและฝนตกปริมาณมากติดต่อกัน ได้ข่าวมีน้ำท่วมในจีนมากรุนแรง และบ่อยครั้งแสดงว่าปริมาณน้ำบนผิวโลก ที่ประเทศจีนมีจำนวนมหาศาล หากมีข่าวเขื่อนที่จีนพัง หรือปล่อยน้ำมาก ให้ระวัง....ระดับแม่น้ำโขงจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ความเร็วของน้ำรุนแรงเชี่ยวมาก ต้องรีบหนีไปยังพื้นที่สูง เตรียมอาหารเสื้อผ้ายารักษาโรคให้พร้อมอย่า....ประมาทจะหนีไม่ทัน น้ำจะทะลักท่วมพื้นที่หลายจังหวัดกว้างมาก

    หาก....อยู่ใกล้พื้นที่ราบที่ยกตัวสูงขึ้น มองเห็นหน้าผาชันเป็นแนวยาว ให้เข้าใจว่าเป็นการยกตัวของเปลือกโลกในอดีต เมื่อเริ่มรู้สึกว่ามีแผ่นดินไหวเบาๆ มีแรงสั่นใต้พื้นโลกเบาๆ บ่อยครั้งถี่ขึ้น ให้ระวัง...ผิวโลกแนวภูเขาบริเวณนั้นจะเกิดการขยับตัวรุนแรง อาจมีแผ่นดินแยก มีไฟมีก๊าซมีลาวาใต้โลกไหลทะลักออกมา อย่าหนีไปที่ต่ำในเส้นทางลาวาหินละลายไหล

    - " หนุมานผู้นำสาร"
    09-04-2008, 02:25 PM

    [​IMG]

    **********************************
    สิ่งที่น่าติดตามเพื่อรอดพ้นภัย

    ***************************
    คือ...ข้อมูลข่าวสาร

    - การขยับของเปลือกโลกในแปซิฟิค แสดงออกใกล้ ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ แล้วไล่ลงไปทางทิศใต้

    - การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศน้ำแข็ง บนเทือกเขาหิมาลัย

    - ปริมาณฝนและระดับน้ำ ในแม่น้ำ เขื่อน อ่างเก็บน้ำ ในประเทศจีน

    - " หนุมานผู้นำสาร"
    ๒๙กันยายนพ..๒๕๕๐

    --------------------------------------------------------------------------

    [​IMG]

    สภาพภูมิอากาศของประเทศจีน

    ด้วยอาณาบริเวณที่กว้างใหญ่ ครอบคลุมสภาพภูมิประเทศแบบภูเขา 35% ที่ราบสูง 27% ที่ราบลุ่ม 17% เนินสูงต่ำ 8% และที่ราบ 13% จีนจึงมีสภาวะอากาศและอุณหภูมิที่ต่างกันมากในแต่ละท้องที่ จากเหนือจรดใต้ประกอบกับลักษณะพื้นที่ที่เป็นแบบขั้นบันได ลาดลงจากที่ราบสูงทางตะวันตกไปสู่ที่ราบลุ่มทางตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ก็มีอิทธิพลสำคัญ แต่สาเหตุสำคัญที่สุดคือที่ตั้งของประเทศ ที่อยู่ชายขอบทวีปเอเชียบนฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกอันกว้างใหญ่ ในฤดูหนาวความกดอากาศสูงที่ก่อตัวขึ้นจากตอนเหนือของทวีปเคลื่อนตัวลงมาทางใต้ พาเอาอากาศหนาวและแห้งแล้ว และฝุ่นจากทะเลทรายโกบีเข้ามาด้วย ในฤดูร้อนมีลมมรสุมพัดพาฝนจากมหาสมุทรเข้าสู่ฝั่ง

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและตอนเหนือของมองโกเลีย มีฤดูร้อนไม่นานนักและไม่ร้อนจัด ส่วนฤดูหนาวค่อนข้างยาวและหนาวจัด ทำการเพาะปลูกพืชผลได้เพียง 3-4 เดือน

    ภาคตะวันตก เป็นเขตทะเลทรายมองโกเลียตอนในและมณฑลชินเจียงฤดูร้อนอากาศร้อนและแห้งแล้ง มีลมพัดแรงเป็นครั้งคราว ฤดูหนาวเย็นและแห้งแล้ง

    ภาคกลาง ฤดูร้อนอากาศร้อนและมีฝนตกมาก โดยเฉพาะที่ราบดินเหลืองทางเหนือของแม่น้ำแยงซีระหว่างเดือนกรกฎาคม- กันยายน ทางตอนล่างของแม่น้ำมีอากาศรุนแรงน้อยกว่า สามารถทำการเพาะปลูกได้นานปีละ 8 เดือนขึ้นไป

    ภาคใต้ มีลักษณะภูมิอากาศแบบชายฝั่งที่ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมฤดูร้อน พัดพาฝนจากทะเลเข้าสู่แผ่นดิน ระหว่างเดือน พฤษภาคม -กันยายน ของทุกปี

    ฤดูกาลแบ่งออกเป็น ฤดูใบไม้ผลิ ประมาณเดือนมีนาคม-พฤษภาคม อุณหภูมิ 10-22 องศาเซลเซียส

    ฤดูร้อน ประมาณเดือน พฤษภาคม-สิงหาคม ของทุกปี อุณหภูมิ 22 องศาเซลเซียสและมากกว่า (จีนร้อนมาก เหงื่อออกมาก หิมะละลาย)

    ฤดูใบไม้ร่วง ประมาณเดือนกันยายน-ตุลาคม อุณหภูมิ 10-22 องศาเซลเซียส

    ฤดูหนาว ประมาณเดือนพฤศจิกายน-กลางมีนาคม อุณหภูมิ 10 องศาเซลเซียลและต่ำกว่า

    นำข้อมูลมาจากหนังสือคู่มือนักเดินทางจีน ​

    <!-- / message -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • china-relief-map.JPG
      china-relief-map.JPG
      ขนาดไฟล์:
      72.6 KB
      เปิดดู:
      5,558
    • china_map02.jpg
      china_map02.jpg
      ขนาดไฟล์:
      318.3 KB
      เปิดดู:
      47
    • 100_4.jpg
      100_4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.9 KB
      เปิดดู:
      6,669
    • dn7922-1_500.jpg
      dn7922-1_500.jpg
      ขนาดไฟล์:
      26.2 KB
      เปิดดู:
      5,834
    • map2.jpg
      map2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      32 KB
      เปิดดู:
      5,382
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 เมษายน 2008
  17. k_isara

    k_isara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +119
    เมื่อวานนี้ที่ 12 เม.ย. 51 ผมได้ไปซื้อของในห้างโลตัส ได้ไปเห็นถุงเท้าผ้าสำหรับกัน ปลิง แมลงหรือยุง ความยาว 76 ซ.ม. กว้าง 30 ซ.ม. ราคาคู่ละ 180 บาท เหมาะสำหรับท่านที่จะไปอาศัยวัดป่าหรือป่า แต่ราคาค่อนข้างจะแพงไปหน่อย ผมได้ซื้อมาเป็นตัวอย่าง 1 คู่ คิดว่าจะซื้อผ้ามาแล้วจะทำเองหรือจ้างเขาตัด เพราะดูแล้วไม่น่าจะทำยาก<O:p</O:p
    วิธีทำ นำผ้าสีออกโทนขาว ครีม เหลืองอ่อนหรือสีอะไรที่ชอบแต่ขอให้สีอ่อนเข้าไว้(ที่ต้องการให้ออกสีอ่อนเพราะว่าจะได้สังเกตุเห็นตัวสัตว์ที่มาเกาะได้ชัดเจน ) นำมาประกบกันแล้วนำแบบขนาดถุงเท้าที่เขียนใส่ในกระดาษแข็งที่ตัดเป็นรูปถุงเท้าขนาดใหญ่ ทาบลงบนผ้า ใช้ดินสอวาดตามกระดาษแข็ง จากนั้นใช้กรรไกรตัดตามรอยดินสอที่วาดเป็นรูปถุงเท้า เมื่อตัดเสร็จเรียบร้อยก็ใช้จักรเย็บผ้าเดินตามรอยรูปถุงเท้าให้เปิดช่องบนที่จะไว้สวมใส่ แล้วพลิกด้านนอกเข้าด้านใน รอยเย็บจะถูกซ่อน อยู่ข้างใน แล้วนำเศษผ้ามาเย็บทำเป็นเชือกผูกถุงเท้าข้างละ 2 เส้น เส้นแรกความยาวให้โอบเหนือตาตุ่ม 10 ซ.ม. เผื่อให้เชือกยาวพอผูกเข้าหากัน เส้นที่สอง ความยาวให้อยู่เหนือเข่า 10 ซ.ม. เผื่อความยาวเชือกเหมือนกับเส้นแรก นำเชือกทั้งสองเส้นมาเย็บติดไว้ด้านหลังของขาของตำแหน่งความยาว เมื่อเย็บเสร็จทั้งสองข้างลองสวมใส่ดู ผ้าที่ใช้ ความบางปานกลางเผื่อกันขาดและให้ระบายลมได้ด้วย ส่วนขนาดของถุงเท้าขอให้เหมาะกับผู้ใส่และให้หลวมไว้มากๆจะกันแมลงไม่ให้กัดเข้าไปถึงขาของผู้ใส่เอง <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
     
  18. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,877
    <TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>นับศพสงกรานต์ 2 วัน แตะ 104 ศพเจ็บกว่า 1 พัน </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>วันนี้ (13 เม.ย.) ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายชัยสวัสดิ์ กิตติพรไพบูลย์ ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน แถลงสถิติผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2551 ประจำวันที่ 12 เม.ย. 2551 ว่า มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 743 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 59 ราย บาดเจ็บ 854 ราย มากกว่าปี 2550

    ทั้งนี้ ที่ จ.เชียงใหม่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด
    38 ครั้ง และมีสถิติมีผู้บาดเจ็บมากที่สุด 59 ราย ส่วนจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด คือ กรุงเทพฯ และนครราชสีมาจังหวัดละ 5 ราย

    สำหรับสถิติผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บสะสม 2 วัน

    ระหว่างวันที่ 11-12 เม.ย. 2551 กรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน กล่าวว่า เกิดอุบัติเหตุทั้งสิ้น 1,220 ครั้ง รวมผู้เสียชีวิต 104 ราย บาดเจ็บ 1,411 ราย โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมมากที่สุด คือ เชียงใหม่และยังมีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุดถึง 81 ราย

    ส่วนจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด คือ ประจวบคีรีขันธ์ โดยมี
    28 จังหวัด ที่ยังไม่มีผู้เสียชีวิต อย่างไรก็ตาม สาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุยังคงมาจากการเมาแล้วขับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    วิเคราะห์วิจารณ์...ความเคลื่อนไหวกองทัพพม่า
    ตอน การจัดซื้อ SAM รถถัง MIG ฯลฯ

    [​IMG]

    <!-- Main -->[SIZE=-1]ก่อนที่จะอ่านบทความนี้ ขอเชิญทุกท่านอ่านข่าวที่ท่านสมาชิก Wing21 นำมาโพสกันที่นี่และที่นี่ก่อนครับ เราจะมาว่ากันตามเนื้อข่าวนั้น[/SIZE]

    [SIZE=-1]ดังที่ได้เคยเขียนข้อมูลของกองทัพอากาศและกองทัพเรือพม่าไปแล้ว (ส่วนกองทัพบกจะนำมาเสนอต่อไป) ประกอบกับข่าวที่ปรากฏออกมาก็จะเห็นได้ชัดถึงการกำหนดยุทธศาสตร์และภัยคุกคามที่รัฐบาลทหารพม่ามองเห็นชัดเจนที่สุดคือ ภัยคุกคามจากชนกลุ่มน้อยและภัยคุกคามจากมหาอำนาจหรือก็คือสหรัฐนั่นเอง[/SIZE]


    [SIZE=-1]<CENTER>การอุดช่องว่างด้วยอาวุธเชิงรับ</CENTER>
    การจัดซื้อจรวดต่อสู้อากาศยานทั้ง 5 แบบคือ HN2 HN5 Tor-M1 Buk-M1 Igla-1E ล้วนตอบโจทย์ของรัฐบาลทหารพม่าที่ต้องการสร้างโครงข่ายป้องกันภัยทางอากาศในประเทศเพื่อหยุดหยั้งและป้องปรามการบุกรุกจากภายนอก ที่ยุทธวิธีสมัยใหม่นั้นจะใช้กำลังทางอากาศเข้าครองอากาศก่อน อาวุธเหล่านี้ล้วนเป็นอาวุธประสิทธิภาพสูงทั้งสิ้น และถ้าใช้มันอย่างถูกวิธีแล้วล่ะก็ ฝ่ายรุกก็ต้องคิดให้หนักมากขึ้นอีกเป็น 2 -3 เท่า ทั้งยังเพิ่มอำนาจการยิ่งของฝ่ายพม่าเองให้สูงขึ้นมาก ด้วยแต่ลำระบบนั้นเป็นระบบที่ติดตั้งบนยานยนต์ และบางระบบเป็น MANPAD ซึ่งใช้คนเพียงคนเดียวในการยิง ทำให้ความอ่อนตัวมีสูงมาก


    <CENTER>ภัยคุกคามใหม่กับอาวุธเชิงรุก</CENTER>
    ในเว็บไซต์ต่างประเทศนั้นได้มีการเขียนเกี่ยวกับเหตุการณ์การปะทะกันระหว่างกองทัพไทยกับกองทัพพม่าเมื่อปี 43 - 44 (ซึ่งจะนำมาลงในโอกาสหน้า) ไว้ว่ากองทัพไทยครองความเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัดในการสู้รบ และยุทธโปกรณ์ของพม่าก็ไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมสมบูรณ์ที่จะทำการสู้รบ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนตามที่เว็บไซต์นั้นบอกมาก็คือกองทัพอากาศพม่าไม่มีปฏิบัติการตามแนวชายแดนเลยตลอดช่วงเวลาที่ปะทะกัน (ข้อมูลไม่ยืนยัน ฝรั่งก็อาจจะมั่วได้ครับ)

    ซึ่งเค้าก็ให้ทรรศนะว่าเป็นเพราะเครื่องบินขาดการบำรุงรักษาและส่วนใหญ่ต้องกราวน์ ซึ่งหลังจากเหตุการนี้ทำให้พม่าเริ่มขยับตัวในการจัดหาเครื่องบินที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าที่ประจำการอยู่นั่นก็คือ MiG-29 B ซึ่งเป็นเครื่องบินเหลือเก็บของรัสเซียจำนวน 10 เครื่อง เป็นจำนวน 130 ล้านดอลล่าห์ พร้อมกันนั้นตามข่าวก็บอกว่าพม่านั้นจะจัดซื้อเพิ่มเติมอีกภายในเวลาอันใกล้นี้ พร้อมกันนั้นพม่ายังได้เสริมประสิทธิภาพปืนใหญ่ในประจำการเพิ่มขึ้น รถถัง T-72 อีก 50 คัน พร้อม APC อีกกว่า 1000 คัน


    <CENTER>ใครบ้างที่ช่วยเหลือพม่า</CENTER>
    จีน อินเดีย อิสราเอล สิงคโปร์ ฯลฯ เหล่านั้นคือผู้ที่ให้ความช่วยเหลือพม่า แต่ที่เด่นชัดที่สุดคงหนีไม่พ้นจีน ที่ให้ความช่วยเหลือพม่าอย่างมหาศาล (มหาศาลจริง ๆ) อาวุธในกองทัพพม่าส่วนใหญ่ก็มาจากจีนทั้งสิ้น ซึ่งจีนก็สามารถใช้พม่าเป็น "สนามทดสอบในสภาพการรบจริง" ของอาวุธใหม่ ๆ ของจีน ในสงครามกับชนกลุ่มน้อยของพม่า ซึ่งไม่น่าแปลกใจ ถ้าในอนาคต เราจะเห็นเรือรบรุ่นใหม่ของพม่าต่อจากจีน หรือพม่าซื้อเครื่อง FC-1 (JF-17) เข้าประจำการ

    สิ่งที่จีนได้จากพม่าอีกอย่างหนึ่งก็คือ จีนนั้นได้เข้ามาตั้งฐานทัพเรือในพม่าเพื่อที่จีนจะได้มีทางออกทางมหาสมุทรอินเดียโดยตรง อินเดียเองก็มีความสัมพันธ์อันดีต่อพม่าเช่นกันตามนโยบายมองตะวันออกจากอินเดีย โดยกองทัพเรือของอินเดียได้เข้ามาช่วยเหลือกองทัพเรือพม่า ทั้งยังเคยเสนอขายเรือรบมือสองให้พม่าด้วย (รายละเอียดทั้งหมดของประเทศที่ช่วยเหลือพม่าขอยกยอดไปบทความหน้า)

    แล้วใครล่ะคือภัยคุกคามพม่าตัวจริง

    พม่าต้องเห็นและวิเคราะห์สถาณการณ์เอาไว้แล้วว่าในอนาคตมีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกสหรัฐโจมตีโดยใช้ไทยเป็นฐานสำคัญ เมื่อพม่าอ่านเกมส์ออกได้ดังนี้ ก็ไม่น่าแปลกใจที่กองทัพพม่าจะให้ความสำคัญกับชายแดนที่ติดกับไทยและทะเลอันดามันตอนล่าง ​

    แล้วผู้รุกรานอย่างอเมริกาล่ะ??? ในปัจจุบันอเมริกาก็ยุ่งพอแล้วกับการรุกรานอัฟกานิสถาน อิรัก และในอนาคตก็ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นอิหร่านกับเกาหลีเหนือ ซึ่งเชื่อว่าในช่วงนี้อเมริกาจะยังไม่ใช้นโยบายทางการกับพม่าแน่นอน​

    แต่ถ้าใช้จริง ๆ ล่ะ???? เมื่อนั้นแหละครับไทยก็จะถูกถามว่า "ยูจะช่วยไอเหมือนที่ยูช่วยในเวียดนามไหม" ไทยจะตอบว่าอย่างไร ก็จนปัญญาที่ผมจะคาดเดา​

    มองดู...ประสิทธิภาพของอาวุธใหม่ ๆ ของพม่า

    HN-5 (SA-7) MANPAD SAM

    MANPAD ย่อมาจาก MAN-Portable Air Defence Missile ครับ เป็นจรวด SAM ประทับบ่า รุ่นพี่ของมันคือ SA-7 เจ้านี่เคยสอยเครื่องบินไทยมาแล้วครับ ยิงได้ที่ระยะสูง 500 เมตรถึง 2.3 กม. ระยะยิงไกล 500 เมตรถึง 4.5 กม.​


    <CENTER>[​IMG]
    HN-5</CENTER>
    Tor-M1 (SA-15) SAM

    Tor-M1 ถือเป็น SAM ประสิธิภาพสูง ติดตั้งบนรถครับ เคลื่อที่สะดวก รถวิ่งได้เร็ว 65 กม./ชม. บนถนน จรวดมีระยะยิง 100 เมตรถึง 12 กม. ที่ความสูง 100 เมตร - 6 กม.


    <CENTER>[​IMG]
    Tor-M1</CENTER>
    Buk-M1 (SA-17) SAM

    เป็น SAM ชั้นดีอีกชนิดนึ่งครับ สามารถต่อตีเป้าหมายได้ 6 เป้าติด ๆ กันที่ความสูงและระยะทางต่างกัน


    <CENTER>[​IMG]
    Buk-M1 (SA-17)</CENTER>
    Igla-1E (SA-16) SAM

    ถือเป็น SAM ระยะใกล้ที่ประสิทธิภาพดีครับ แม้แต่สิงคโปร์ซึ่งใช้อาวุธนาโต้ก็ยังจัดหาไปใช้ ตัวจรวดวิ่งที่ 2 มัค โจมตีเป้าหมายในระยะ 500 เมตรถึง 5 กม.ที่ความสูง 3,500 เมตร


    <CENTER>[​IMG]
    Igla (SA-16)</CENTER>
    BTR-3U Armoured Personnel Carrier

    คุณ AAG_Th แห่ง Wing21 วิเคราะห์ว่าเป็นรุ่นนี้ครับ โดยอ้างอิงจากข่าวปีที่แล้ว รถรุ่นนี้ขนคนไปได้ 9 คน สามารถติดป้อมปืนขนาด 30 mm ได้พร้อมปืนกล 7.62 mm และ ระบบ SAM


    <CENTER>[​IMG]
    BTR-3U</CENTER>
    T-72 Medium Tank

    เป็นรถถังขนาดกลางหนัก 41 ตัน ติดปืน 125 mm วิ่งได้เร็ว 75 กม./ชม. บนถนน วิ่งได้ไกล 450 กม.


    <CENTER>[​IMG]
    T-72
    </CENTER>
    <HR>
    ที่มา http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=skyman&month=16-05-2006&group=3&blog=1[/SIZE]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 เมษายน 2008
  20. OLDMAN AND A CAR

    OLDMAN AND A CAR เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    824
    ค่าพลัง:
    +2,752
    เรียน คุณเกษม,

    หวังว่าท่านคงจะต่อภาพจิ๊กซอว์ ได้แล้วนะครับว่า หลังจากกรุงเทพมีปัญหา...เมืองไทยจะเกิดอะไรขึ้น....
     

แชร์หน้านี้

Loading...