ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. k_isara

    k_isara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +119
    น้ำตาพญานาคหรือเพชรพญานาค

    ทางวิทยาศาสตร์ มีความเห็นว่า เป็นเพชรที่เกิดจากธรรมชาติ เรียกว่า รัตนชาติ มีลักษณะ กลมแบนมน คล้ายเม็ดยา เรียวมน คล้ายลูกสมอ หรือ กลมคล้ายลูกหิน

    มีสีหลายสี เช่น สีใส แดง เขียว เหลือง ชมพู ฯล ตัวเพชรจะถูกห่อหุ้มด้วยดินสีแดง เมื่อมีอายุหลายร้อยปี ดินที่ห่อหุ้มไว้จะแข็งตัวกลายเป็นหิน

    ทางโลกวิญญาณ ผมเคยเรียนถาม หลวงปู่เย็น วัดที่จะนำผู้คนไปหลบภัยในอนาคต ท่านเล่าให้ฟังว่า ฤาษีสมัยก่อน ท่านใช้พลังจิต เหลาเม็ดเพชรจนเป็นลักษณะต่างๆ ที่ได้เห็นกันในปัจจุบัน แล้วห่อหุ้มด้วยดินสีแดง ทิ้งไว้หลายร้อยปี จนกระทั่งคนในปัจจุบันไปพบเข้า

    คุณสมบัติ

    คนเราจะนำมาทำเป็นจี้เพชร หรือ หัวแหวน ใส่ไว้กับตัว สามารถป้องกันอันตรายได้ หรือใส่เพื่อเป็นสิริมงคล แทนพระเครื่องได้

    ผมได้มาสององค์ต่างเวลากัน องค์แรกสีใส องค์ที่สองสีกรักจีวรพระ ทั้งสององค์มีลักษณะกลมมนคล้ายเม็ดยา หลวงปู่ท่านให้เอง ตอนที่ผมขึ้นไปทอดกฐินนานหลายปีแล้ว

    ผู้ที่จะได้ จะได้สีไม่เหมือนกัน แล้วแต่วาสนาของแต่ละท่าน
     
  2. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
  3. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
  4. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    ได้ข่าวมาว่า ภูเขาที่พังงาถล่ม (เหมือนเกาะตาปู แต่ใหญ่กว่า) ที่อำเภอบ่อแสน พังงา ยังไม่ทราบสาเหตุ ตอนนี้ กำลังหาข่าวอยู่ ใครมีข่าวก็มาอัพเดทด้วยแระกัน
     
  5. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
  6. แม่นายมล

    แม่นายมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +6,258
    ช่วง3ทุ่มที่ผ่านมาเห็นดาวตกดวงใหญ่มากตกลงมาทางทะเลอันดามัน
    แต่ระเบิดก่อนถึงทะเล
    การระเบิดทำให้เกิดแสงสว่างมากทั้งระนอง
    มีคนหลายๆคนมากว่า10คนบอกว่าเห็นปรากฏการที่เห็นจิงๆ
    น่ากัวมากๆ
    มันสว่างมากๆยังกะมีระเบิดขนาดใหญ่มาลงมี่ระนอง
    ลองเช็คข่าวดาวตกดูนะว่าช่วงนี้มีพายุฝนดาวตกป่าว

    ย้ำๆๆๆสว่างมากจิงๆทั้งๆที่ไม่มีเมฆฝนเลยสักนิด
    <!-- / message --><!-- sig -->__________________
    โชคชะตาอันเลวร้าย ยังไม่ร้ายเท่าทำตัวเองตกต่ำ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    เมื่อวานมีทั้งรุ้งคู่ จันทรุปราคา และ ดาวตก[​IMG][/QUOTE]

    *****
    ก่อนแผ่นดินไหวที่อาเจะ ปี 47 ก็มีเหตุการณ์คล้ายกัน คือ มีลูกไฟขนาดตกลงกระแทกพื้น
    ที่อาเจะ ทั้งเสียงดังและมีแสงสว่างจ้ามากๆ ด้วย จะเป็นลางหรือนิมิตหมาย
    (ลาง = ไม่ดี, นิมิตหมาย= ดี)

    หมายเหตุ พบเห็นการเกิดรุ้งคู่กันบ่อย เป็นที่น่าสังเกตุอย่างมาก
    ติดตามกันต่อไปนะพี่น้อง....
    ...
     
  7. The Shadow

    The Shadow เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    557
    ค่าพลัง:
    +1,732
    เดาเอานะครับ จากที่วิชา30เขียนนี่ โพธิสัตว์ทั้ง2 น่าจะหมายถึง
    1.ในหลวง ร.9
    2.องค์ที
     
  8. wara99

    wara99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    379
    ค่าพลัง:
    +892
    ผมก็คิดเหมือนท่าน
     
  9. YUT_KOP

    YUT_KOP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,033
    พระองค์ที
    จะเป็น พระมหากษัตริย์ ที่ยิ่งใหญ่
    และจะนำ ชาติไทยเรานี้ ให้กลายเป็น ประเทศมหาอำนาจที่สุดในโลก (ที่ เต็มด้วย คุณธรรม และ เงินตรา)

    ที่จะเรียกว่า เรา ชาววิไล (ตามคำทำนาย)
     
  10. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,931
  11. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** เดินลงบันไดขั้นสุดท้าย ****

    สงครามในเมือง
    คงแอบปน
    ท่านลอยตัว
    อินทรีย์โฉบจับ
    เกิดความทุกข์ยาก
    เมื่อกลับมา
    จึงวิบัติ

    โลกุตตระ สัจจะเป็นที่พึ่ง
    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  12. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** ทบทวนคำสั่งสอน ****

    พระพุทธเจ้า...สอนให้พึ่งตนเอง
    คือ....ท่านต้องพึ่งตัวกระทำ
    คือ...พึ่งการกระทำเที่ยง ของตนเอง

    การกระทำเที่ยง
    คือ ...กาย วาจา ใจ ตรงกัน
    ขอให้เชื่อ ....สัจจะเป็นที่พึ่ง

    สัจจะ ...เป็นสัญญาใจตนเอง
    การกระทำจากสัจจะ ....ส่งผลให้เกิดการกระทำเที่ยง

    รีบทำความจริงให้กับตนเอง
    ทำได้จริงตามสัจจะที่ตนเองกำหนดขึ้นมา

    การรับสัจจะ
    คือ การให้โอกาสตนเองหลุดพ้นทุกข์

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  13. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** มองพิจารณาลึกซึ้ง ****

    ศีล ยังไม่ใช่ที่พึ่ง
    แต่ การกระทำที่ทำได้จริงตามหัวข้อศีลข้อนั้น คือ ที่พึ่ง

    ผลการกระทำ ที่ไม่สูญสลาย ติดตัวเราไป
    สมัยพุทธเจ้า เรียกว่า ตัวกระทำ

    ตัวกระทำมีจริง ตัวกระทำไม่ตาย ตัวกระทำมีผลตอบแทน
    นี่คือ หลักสัจจะธรรม

    สัจจะ คือ ผู้นำให้เกิดการกระทำใหม่
    ขอให้ทำความดีด้วยสัจจะ เป็นประจำทุกวัน วันละข้อ
    เหมือนพระในสมัยทุกพุทธกาล

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  14. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** บ้านเมืองศิวิไลซ์ ****

    กฎระเบียบทุกข้อ...ต้องไม่ขัดกับ หลักสัจจะธรรม
    การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตามกฎระเบียบ....จึงไม่ขัด หลักสัจจะธรรม
    การบงการตามความเห็น ตามอารมณ์ตน...บางครั้งพาให้ขัด หลักสัจจะธรรม
    จึงก่อให้เกิดกรรมได้ง่าย....ไม่ควรทำ
    ทำให้บ้านเมือง...ต้องรับกรรม

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  15. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** ภาคใต้ ****

    ระวังคลื่นยักษ์...ขนานชายฝั่งทางอ่าวไทย
    เตรียมหนทาง....ปีนป่ายขึ้นที่สูงเอาตัวรอด
    หาที่มั่นยึดตนเอง...อย่าให้ถูกกวาดลงทะเล

    ใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท
    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  16. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** ทั้งโบราณและทันสมัย ****

    สัจจะ คือ เรื่องราวหลุดพ้นทุกข์
    อยู่คู่โลกมานานแล้ว
    และคงอยู่ต่อไป

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  17. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,931
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    กรกฎา-สิงหานี้ ระวังสึนามิอ่าวไทย

    [​IMG]

    เพื่อนๆ ที่รัก

    <TABLE width="95%"><TBODY><TR><TD style="COLOR: black; TEXT-INDENT: 35px">คนแถวบ้านเขาเล่าว่า มีท่านผู้หนึ่งที่ปฏิบัติธรรมนั่งวิปัสสนา เขาทำนายว่าจะมีน้ำป่าไหลมาพัดชาวบ้านตายที่ตรัง และมันก็เกิดขึ้นจริงเมื่อวันที่ 13 เมษา ที่น้ำตกสายรุ้ง และเขายังได้ทำนายอีกว่า จะมีสึนามิที่อ่าวไทยเดือน กรกฏาคม - สิงหาคม ตั้งแต่สมุทรสาคร ลงมาถึงปัตตานี เขาก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่เหตุการณ์ที่น้ำตกสายรุ้งมันก็เกิดขึ้นแล้ว

    ขอให้เพื่อนๆ ที่มีคนรู้จัก ญาติ คนรัก อยู่ริมทะเล ทำงานใกล้ทะเล เช่น หัวหิน ชะอำ สมุย หรือวางแผนไปเที่ยวทะเลในช่วงกค.-สิงหา ระวังตัวด้วย อย่าชะล่าใจ เพราะระบบสัญญาณเตือนภัย ในแถบอ่าวไทยยังไม่สมบูรณ์ เขากลัวกันเฉพาะทางอันดามัน ช่วงต้นเมษา มีแผ่นดินไหวที่ทะเลญี่ปุ่น 6 ริกเตอร์ แต่ลึก 130 กม. ซึ่งลึกมาก และมีการไหวต่อเนื่องตลอด บอกข่าวนี้ต่อๆ กันไป ไม่ใช่ให้กลัว แต่ให้ระวังตัว ไม่ประมาท

    รักนะจึงบอกต่อ
    </TD></TR><TR><TD>โดย : ไม่ประมาท

    ที่มา http://www.cityvariety.com/index.php?cmd=webboard&mode=detail&id=24262

    หมายเหตุ

    ฟังหูไว้หูครับ ช่วงนี้มีคนออกมาเตือนเรื่องคลื่นยักษ์ในอ่าวไทยกันมาก จะเป็น สึนามิ หรือ สตอร์ม เซิร์จ มันก็ร้ายพอๆ กัน ต้องคอยฟังข่าวจากทางวิทยุและโทรทัศน์กันให้ดีครับ เตรียมตัวกันเอาไว้บ้างเพราะ เมื่อวันที่ 15 กับวันที่ 18 ส.ค.51 ได้เกิดแผ่นดินไหวที่ฟิลิปปินส์ขนาด 5.7 และ 5.3 ริกเตอร์

    <TABLE class=mxtable cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top height=120>หากเกิดแผ่นดินไหวทางใต้ของฟิลิปปินส์ อาจเกิดสึนามิในอ่าวไทยได้

    โดย ผู้จัดการออนไลน์ 17 พฤษภาคม 2549 15:24 น.

    นายสมิทธ ธรรมสาโรช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่อาจเกิดแผ่นดินไหวในบริเวณใกล้เกาะฟิลิปปินส์ เนื่องจากเคยเกิดภูเขาไฟระเบิดที่ หมู่เกาะทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ เมื่อประมาณ 80-90 ปี

    ซึ่งขณะนี้ครบรอบวัฏจักร ซึ่งอาจจะทำให้เกิดคลื่นสึนามิในอ่าวไทยได้ และในอดีตที่ผ่านมาเมื่อ 30 ปีก่อน ก็เคยเกิดขึ้นสูงขึ้นในอ่าวไทยมาแล้ว อย่างไรก็ตาม หากเกิดแผ่นดินไหวในบริเวณหมู่เกาะฟิลิปปินส์ขึ้นจริง อาจทำให้เกิดคลื่นสึนามิสูงประมาณ 15 เมตร เวียดนามได้รับผลกระทบจากคลื่นที่สูง 8 เมตร และไทยได้รับผลกระทบจากคลื่นที่ประมาณ 1 เมตร รวมกับระดับน้ำที่สูงอีกประมาณ 3 เมตร

    ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้กับถนนบริเวณชายฝั่ง และกระแสน้ำอาจไหลเข้าสู่แม่น้ำลำคลองต่างๆ เกิดภาวะน้ำท่วมขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลดังกล่าวเป็นการคาดการณ์จากนักวิชาการจากประเทศญี่ปุ่น ที่คาดการณ์เอาไว้

    คอลัมน์:เกาะติดสถานการณ์​
    </TD><TD width=18 rowSpan=3>
    </TD></TR><TR><TD align=right>
    ผู้จัดการออนไลน์
    </TD></TR><TR><TD align=right>
    17 พ.ค. 2549 <!--192.168.1.254-->

    </TD></TR></TBODY></TABLE>​

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา http://www.dmr.go.th/news_dmr/data/1077.html
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • tsunami1.JPG
      tsunami1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      58.6 KB
      เปิดดู:
      1,225
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2008
  19. ทามปายได้

    ทามปายได้ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    172
    ค่าพลัง:
    +56
    งงแหะ

    ขอราละเอียดหน่อยครับ เข้าเว็บพลังจิตมาหลายเดือนและ งงเลย

    พระองค์ที? นี่ใช่พระศรีอาริย์เมตไตย์ป่ะครับ หรือ ว่าคนล่ะองค์
    ที่จะมาต่อจากในหลวงเราใช่เปล่า ที่เกิดแล้ว มาพระจอมจักรพรรดิ์ ที่คุณเกษมบอกนี่แหล่ะ
    ขอบคุณล่วงหน้าครับ

    ตอนนี้อ่านการ์ตูน ต้องรอด อยู่ เข้ากับปัจจุบันมาก [ญี่ปุ่นจม]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2008
  20. YUT_KOP

    YUT_KOP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,033
    <center> อนาคตของประเทศชาติ โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน



    </center>
    <big> </big><center><big>เรื่อง : อนาคตของชาติ </big>

    (บรรยายเมื่อ วันพุธที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๑๘)
    </center>

    โดย.. พระมหาวีระ ถาวโร (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
    มัชฌิมา : คัดลอก

    <dd>เรื่องมีอยู่ว่า... ท่านพลตรียุทธศิลป์ เกสรศุกร์ ผู้บัญชาการกองพลที่ ๓ (ยศและตำแหน่งสมัยนั้น) ได้นิมนต์ หลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) พร้อมด้วยพระเถระรวม ๖ รูป เพื่อไปบำรุงขวัญของทหารในเขตกองทัพภาคที่ ๒ โดยนำผ้ายันต์พิชัยสงครามและเหรียญเอกราชไปแจกให้แก่ทหารตามฐานปฏิบัติการชายแดน ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๓ ธันวาคม ๒๕๑๘ และในวันสุดท้ายคือวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๑๘ ได้ทำการแจกให้แก่ทหาร ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา และก่อนทำการแจกได้แสดงธรรมิกถาพิเศษ เรื่อง “อนาคตของชาติ” ณ พุทธศาสนสถาน ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา

    มูลเหตุที่มาแจกวัตถุมงคล

    </dd><dd>“..เจริญสุข แก่บรรดาทหารของชาติทุกท่าน อาตมาได้ไปทำการจากจ่ายผ้ายันต์และเหรียญแก่ทหารทางภาคเหนือมาแล้ว ๓ ครั้ง ต่อมาได้ทราบจากข้าหลวงของสมเด็จพระบรมราชินีนาถว่า “...สมเด็จพระบรมราชินีนาถทรงปรารภว่า หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านไม่ห่วงทหารภาคอีสานหรืออย่างไร จึงไม่ไปแจกของแก่ทหารทางภาคอีสานบ้าง..”

    </dd><dd>ความจริงอาตมาห่วงทหารทางภาคอีสานเช่นเดียวกับทหารทางภาคเหนือ เมื่อท่านผู้บัญชาการกองพลที่ ๓ รับจะอำนวยความสะดวกในการเดินทางมาแจกจ่าย จึงได้นำสิ่งของมาแจกให้ครั้งนี้

    </dd><dd>ขั้นแรกอนุศาสนาจารย์ได้อาราธนาให้แสดงธรรม ต่อมาท่านผู้บัญชาการกองพลได้อาราธนาให้เล่าเรื่องของที่นำมาแจกจ่ายว่าทรงคุณค่าอย่างไรบ้าง ผู้ที่ได้รับแจกไปจะได้เกิดศรัทธาความเชื่อมั่น

    </dd><dd>เพื่อสนองเจตนาของอนุศาสนาจารย์และท่านผู้บังคับบัญชากองพลที่ ๓ ได้อาราธนาจึงขอพูดเรื่องธรรมะก่อนสักเล็กน้อย จากนั้นจึงจะพูดถึงเรื่องสิ่งของที่นำมาแจกจ่าย

    </dd><dd>เราทุกคนอยากมีความดีด้วยกันทั้งนั้น แม้บางคนนึกว่าตนเองอยากมั่งอยากมี อยากมียศมีอำนาจ แต่ความจริงแล้วก็คืออยากมีดีนั่นเอง

    </dd><dd>แม้เราจะมียศสูง แต่ถ้าใครมาว่าเราเป็นคนไม่ดี เราก็ไม่ชอบ เพราะฉะนั้นใครจะอยากอะไรก็ตามเถอะ แต่ที่สุดของความอยากนั้นก็คือความดีนั่นเอง

    รักษาศีล 5 ให้ได้

    </dd><dd>ความดีนั้นมีกฏเกณฑ์ที่เราจะต้องทำเป็นเบื้องต้น 5 ประการ คือ
    1. เราไม่อยากให้ใครมาฆ่า รังแก ข่มเหงเรา เราก็อย่าไปฆ่า ไปรังแก ไม่ข่มเหงเขา
    2. เราไม่อยากให้ใครมาลักของๆ เรา เราก็อย่าไปลักของๆ เขา
    3. เราไม่อยากให้ใครมาผิดลูกผิดเมียเรา เราก็อย่าไปผิดลูกผิดเมียเขา
    4. เราไม่อยากให้ใครมาโกหกเรา เราก็อย่าไปโกหกเขา
    5. เราไม่อยากเป็นคนบ้า ก็อย่าไปดื่มสุราเมรัย เพราะถ้าเราดื่มสุรามากๆ เราจะกลายเป็นคนบ้า

    เจริญพรหมวิหาร ๔ ไว้

    </dd><dd>ความดีที่สูงขึ้นไปอีกที่เราควรประพฤติเป็นหลักในการดำรงชีวิต เพื่อความสุขความเจริญแก่ตนเองคือ พรหมวิหาร มี ๔ ประการคือ
    1. เมตตา ความรัก เราต้องรักตัว รักครอบครัว รักญาติพี่น้องหมู่คณะ ตลอดจนถึงรักประเทศชาติ
    2. กรุณา ความสงสาร ที่มีต่อบุคคลที่ตกทุกข์ได้ยาก อยากให้เขาพ้นจากความทุกข์ทรมานที่เขารับอยู่
    3. มุทิตา ยินดีด้วยเมื่อบุคคลอื่นได้ดีมีความสุข ไม่ริษยาเขา เขาได้ดีก็ชื่นชมอนุโมทนาด้วย
    4. อุเบกขา วางเฉย เช่น เมื่อลูกของเรา ญาติพี่น้อง หรือพรรคพวกของเราไม่ทำผิด เราต้องวางตัวเป็นกลาง เมื่อเขาจะได้รับโทษก็ถือเป็นกรรมของเขา ไม่ช่วยเหลือเขาในทางที่ผิด

    เว้นจากความลำเอียงทั้ง ๔ ประการ

    </dd><dd>ผู้ที่จะมีคุณธรรมในข้อที่ ๔ นี้จำเป็นจะต้องมีคุณธรรมข้ออื่นสนับสนุน คือเราต้องเว้นจาก อคติ คือ
    ๑. ความลำเอียงเพราะความรัก
    ๒. ความลำเอียงเพราะความชัง
    ๓. ความลำเอียงเพราะความหลง
    ๔. ความลำเอียงเพราะความกลัว

    ทหารแปลว่าคนหนุ่ม

    </dd><dd>ทหารทุกคนต้องเป็นคนหนุ่ม แม้จะแก่อายุมากแล้วก็ต้องทำตัวเป็นคนหนุ่ม เพราะคำว่า ทหาร แปลว่า คนหนุ่ม

    </dd><dd>คนหนุ่มนั้นจะต้องเป็นคนแข็งแรงว่องไวกล้าหาญบึกบึน มีไหวพริบปฏิภาณดี มีความสามัคคีรักใคร่กัน ไม่ทอดทิ้งกันเมื่อมีภัย ตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท

    </dd><dd>และข้อสำคัญที่สุดนั้นต้องยอมตายเพื่อประเทศชาติบ้านเมืองเมื่อถึงคราวจำเป็น นี้พูดอย่างทหาร เพราะอาตมาเคยเป็นทหารเรือมาแล้ว ย่อมรู้จักชีวิตวิญญาณของทหารดี

    ทหารไปรบถือว่าทำเพื่อชาติบ้านเมือง

    </dd><dd>ทหารที่ไปราชการสงครามเพื่อป้องกันอริราชศัตรูนั้น หากไปฆ่าข้าศึกศัตรูก็ไม่ถือว่าเป็นความชั่ว แต่เป็นการทำดีต่างหาก เพราะเราทำหน้าที่ป้องกันสิ่งที่ดีงามเอาไว้
    </dd><dd>ความดีนั้นคือความอยู่รอดของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และความสงบสุขของปวงชนในผืนแผ่นดินไทยทุกคน

    </dd><dd>ความสงบสุขนั้นเป็นยอดของความดีทั้งมวล การที่เรายอมเสียสละเลือดเนื้อและชีวิตของเราเพื่อรักษาความดีทั้งหลายดังกล่าวมาแล้วนั้นไว้

    </dd><dd>จึงได้ชื่อว่าเราทุกคนได้ทำความดี สมศักดิ์ศรีของทหารไทย จึงไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นบาปกรรม

    ภูอันธพาล (ภูพาน)

    </dd><dd>อาตมาขึ้นเครื่องบินผ่านภูอันธพาล ไม่อยากเรียกว่า "ภูพาน" ดังที่เขาเรียกกัน เพราะภูนี้มีแต่พวกอันธพาลทั้งนั้น ได้พิจารณาถึงเหตุการณ์บ้านเมืองและการสู้รบของทหารเห็นว่า

    </dd><dd>เราทุกคนจะไม่แพ้ จะไม่ต้องตกเป็นทาสของใครๆ ดังที่พวกเราพากันวิตกกังวลกันอยู่ในขณะนี้
    แม้แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงปริวิตกและทรงมีความห่วงใยประเทศชาติบ้านเมืองเป็นอย่างยิ่ง
    ดังจะเห็นได้ว่า เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๑๘ พระองค์พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชินีนาถได้เสด็จไปยังวัดของอาตมา (วัดท่าซุง) และได้ตรัสถามความเป็นไปของบ้านเมืองในอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร

    อนาคตของชาติ

    </dd><dd>อาตมาได้ถวายพระพรพระองค์ว่า “ประเทศชาติบ้านเมืองของเราจะไม่ตกเป็นทาสของใคร อาตมาขอถวายชีวิตเป็นประกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ นับตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๒๐ เป็นต้นไป ประเทศไทยจะเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ความเยือกเย็นจะเริ่มปรากฏ ความมั่งคั่งสมบูรณ์จะมีขึ้นแก่ประเทศชาติและประชาชน แต่จะยังไม่ปรากฏชัดนัก แต่เราจะมองเห็นได้ชัดๆ ก็ต้องปี พ.ศ. ๒๕๒๔ เปรียบเหมือนอรุณได้ขึ้นดีแล้วและเริ่มฉายแสงให้เห็นความมืดหมดไป”

    </dd><dd>ที่อาตมากล้ายืนยันต่อพระองค์เช่นนั้น ก็เพราะเหตุผลหลายประการ คือ

    คำทำนายของพระพุทธโฆษาจารย์

    </dd><dd>ในประการแรก อาตมาได้พบและได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งเป็นสมุดข่อย ซึ่งพระอรหันต์ในอดีตนามว่า พระพุทธโฆษาจารย์ (ลำใย) เขียนไว้ ทำนายชะตาบ้านเมืองก่อนที่กรุงศรีอยุธยาจะแตกเสียอิสรภาพแก่พม่า ก่อนที่กรุงเทพฯ ยังไม่ปรากฏ

    </dd><dd>โดยท่านได้เขียนทำนายไว้ว่า
    </dd><dd>“กรุงศรีอยุธยาจะต้องถูกข้าศึกตีแตก แจ่จะเสียอิสรภาพไม่นานนัก จะมีคนดีของกรุงศรี
    อยุธยามากู้ชาติ แต่เมื่อกู้ชาติได้แล้วจะต้องไปตั้งเมืองหลวงอยู่ใหม่”

    </dd><dd>และเหตุการณ์ต่างๆ ของกรุงศรีอยุธยาก็ได้เป็นจริงตามคำทำนายทุกอย่าง

    ทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าทั้ง ๑๐ รัชกาล

    </dd><dd>ในสมุดข่อยเล่มเดียวกันนี้ พระพุทธโฆษาจารย์ได้กล่าวทำนายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแก่กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงใหม่ ในวันข้างหน้า ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแต่ละรัชกาลดังนี้

    รัชกาลที่ ๑. ทำนายว่า มหากาฬผ่านมหายักษ์
    รัชกาลที่ ๒. ทำนายว่า รู้จักธรรม
    รัชกาลที่ ๓. ทำนายว่า จำต้องคิด
    รัชกาลที่ ๔. ทำนายว่า สนิทธรรม
    รัชกาลที่ ๕. ทำนายว่า จำแขนขาด
    รัชกาลที่ ๖. ทำนายว่า ราษฎร์ราชาโจร
    รัชกาลที่ ๗. ทำนายว่า นั่งทนทุกข์
    รัชกาลที่ ๘. ทำนายว่า ยุคทมิฬ
    รัชกาลที่ ๙. ทำนายว่า ถิ่นกาขาว
    รัชกาลที่ ๑๐. ทำนายว่า ชาววิไล

    ความแม่นยำของคำทำนาย

    </dd><dd>เมื่อพิจารณาถึงคำทำนายและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ละรัชกาลก็จะเห็นได้ชัดว่า คำทำนายนั้นถูกต้องเพียงใด

    </dd><dd>รัชกาลที่ ๑. ผ่าน พระเจ้าตากสิน ขึ้นครองราชย์สมบัติ

    </dd><dd>รัชกาลที่ ๒. ท่านว่างจากศึกสงครามก็หันมาทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ให้พระสงฆ์ค้นคว้าพระธรรมวินัยรวบรวมกันเป็นการใหญ่

    </dd><dd>รัชกาลที่ ๓. ท่านมีหัวคิดริเริ่มหาเงินมาสร้างสรรค์บ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองปรากฏมาจนถึงทุกวันนี้

    </dd><dd>รัชกาลที่ ๔. ท่านสนิทธรรมก็เพราะพระราชาองค์นี้ทรงผนวชถึง ๒๗ พรรษา มีความคล่องตัวในพระธรรมวินัย ทรงไว้ซึ่งพระไตรปิฎกอย่างแตกฉาน และยังมีความสนิทสนมกับ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) อย่างยิ่ง เป็นคู่บารมีกัน

    </dd><dd>รัชกาลที่ ๕. จำแขนขาด เราเห็นได้ชัดมาก เพราะเราต้องเสียดินแดนไปหลายครั้งหลายหน โดยพระองค์ทรงยอมเสียแขนขาดีกว่าเสียตัวทั้งหมด คือยอมเสียผืนแผ่นดินบางส่วน เพื่อรักษาเอกราชของชาติไว้

    </dd><dd>รัชกาลที่ ๖. เป็นโจร เพราะทรงใช้จ่ายเงินในท้องพระคลังจนหมดสิ้น แต่อาตมาเห็นว่าพระองค์ทรงเป็นนักชาตินิยม มีพระปรีชาสามารถปลุกใจประชาชนให้รักชาติบ้านเมือง เช่นมีเพลงบทหนึ่งทรงพระนิพน์ไว้ว่า “ใครมาเป็นเจ้าเข้าครอง คงจะต้องบังคับขับไส เคี่ยวเข็ญเย็นค่ำร่ำไป ตามวิสัยเชิงเช่นผู้เป็นนาย” ทรงเป็นนักประชาธิปไตย จึงได้ทำทุกอย่างให้บุคคลอื่นเห็นว่า พระองค์ไม่ทรงถือพระองค์ เช่น แสดงมหรสพ เล่นโขนกับข้าราชบริพาร

    </dd><dd>ยิ่งกว่านั้นพระองค์ยังสามารถทำให้ประเทศไทยเป็นที่ปรากฏแก่ชาวโลก โดยส่งทหารไปช่วยสงครามโลกครั้งที่ ๑. จึงจำเป็นต้องใช้เงินมาก แม้จะใช้เงินมาก แต่ประโยชน์ก็เกิดแก่ประเทศชาติอย่างหนัก

    </dd><dd>รัชกาลที่ ๗. นั่งทนทุกข์ พระองค์เสวยราชสมบัติอยู่ในเกณฑ์ตกอับพอดี เงินในท้องพระคลังก็หมดมาแต่รัชกาลก่อน
    </dd><dd>พระองค์จึงทรงประทับอยู่บนกองทุกข์ต้องดุลข้าราชการออกเป็นจำนวนมาก เท่านั้นยังไม่พอ ต่อมาพระองค์ต้องจำพระทัยสละราชสมบัติ ไปนั่งทนทุกข์อยู่ต่างแดน จนสิ้นพระชนม์

    </dd><dd>รัชกาลที่ ๘. ยุคทมิฬ บ้านเมืองอยู่ในภาวะสงครามโลกครั้งที่ ๒. ประชาชนตกอยู่ในสภาพบ้านแตก อดอยากยากแค้นแสนสาหัส พระมหากษัตริย์ก็ถูกลอบปลงพระชนม์จนสวรรคต

    </dd><dd>รัชกาลที่ ๙. ทำนายว่า ถิ่นกาขาว เราก็เห็นแล้วว่าฝรั่งมาอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง ล้วนแต่คนผิวขาวทั้งนั้น

    </dd><dd>สำหรับรัชกาลต่อไป คือ รัชกาลที่ ๑๐. ทำนายว่า ชาววิไล หมายความว่า บ้านเมืองเราได้ผ่านยุคเข็ญมาแล้ว จะได้ประสบความเจริญรุ่งเรืองกันเสียที เราจะมั่งคั่งสมบูรณ์เหมือนนานาอารยะประเทศที่เจริญแล้วทั้งหลาย

    ราชวงศ์จักรีจะมีเพียง ๑๐ รัชกาลเท่านั้นรึ?

    </dd><dd>ปัญหาที่น่าคิดต่อไปก็คือว่า
    </dd><dd>ทำไมพระพุทธโฆษาจารย์จึงทำนายเหตุการณ์บ้านเมืองไว้เพียง ๑๐ รัชกาลเท่านั้น? กรุงเทพมหานครจะมีพระมหากษัตริย์เพียง ๑๐ พระองค์เท่านั้นหรือ?

    </dd><dd>เป็นเรื่องที่อาตมาสนใจเป็นพิเศษ
    </dd><dd>จึงได้สอบถามเรื่องนี้กับ หลวงพ่อปาน และพระอาจารย์ต่างๆ ซึ่งจิตของท่านเป็นสมาธิเข้าถึงขั้นอภิญญา สามารถที่จะรู้จริงในเรื่อง อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ซึ่งก็ยังมีอยู่หลายๆ องค์ในขณะนี้
    </dd><dd>ทุกๆ รูปที่อาตมาสอบถามจากท่าน ต่างก็ยืนยันตรงกันว่า

    </dd><dd>พระมหากษัตริย์จะยังคงมีอยู่คู่กับชาติไทยตลอดไปอีกนาน มิใช่เพียงแค่ ๑๐ พระองค์เท่านั้น แต่ที่พยากรณ์ไว้เพียงแค่นั้นก็เพราะว่าเริ่มตั้งแต่รัชกาลที่ ๑๐. เป็นต้นไป บ้านเมืองจะมั่งคั่งสมบูรณ์ ร่มเย็นผาสุก ประชาชนในชาติจะร่ำรวย ประเทศไทยจะเป็นประเทศมหาอำนาจประเทศหนึ่ง ซึ่งจะมีแต่ความเจริญตลอดไป ไม่ล้มลุกคลุกคลานดังที่แล้วมา จึงไม่จำเป็นจะต้องพยากรณ์ต่อไปอีก”

    พระพุทธทำนายเหตุการณ์ของโลก

    </dd><dd>ประการที่ ๒. ที่ยืนยันว่าประเทศไทยจักไม่ตกเป็นทาสของใครๆ นั้นคือ พระพุทธทำนายเหตุการณ์ของโลก พระพุทธทำนายนี้ก็มีปรากฏในสมุดข่อยของพระพุทธโฆษาจารย์เช่นเดียวกัน ซึ่งมีข้อความปรากฏโดยสังเขปดังนี้

    </dd><dd>“..อานันทะ ดูก่อน อานนท์ โลกต่อไปจะเต็มไปด้วยความเร่าร้อน ก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปี (ประมาณ พ.ศ.๒๔๘๕) จะมีฝนเหล็กตกจากอากาศ จะมีไฟลุกจากอากาศ เหล็กกล้าจะผุดจากน้ำมาทำลายมนุษย์ มนุษย์และสมณะชีพราหมณ์จะตายกันมาก

    </dd><dd>แต่ว่า.. อานนท์ ความเร่าร้อนก่อนกึ่งพุทธกาลนั้น ยังมีความเร่าร้อนน้อยกว่า ความเร่าร้อนหลังกึ่งพุทธกาล

    </dd><dd>หลังกึ่งพุทธกาลจะมีความร้ายแรงยิ่งไปกว่านั้น ยักษ์หินที่ถูกสาปจะลุกขึ้นมาอาละวาดสมณะชีพราหมณ์จะล้มตาย ยักษ์นอกพระพุทธศาสนาทั้งหลายจะฆ่าฟันกันและกัน จะตายกันไปคนละครึ่ง จึงจะหยุดยั้งเลิกรบกัน

    </dd><dd>แต่ทว่าประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาอย่างแน่นแฟ้น จะมีภัยเช่นนี้เหมือนกัน แต่ไม่มากนัก”

    ความแม่นยำของพุทธทำนาย

    </dd><dd>จากพระพุทธเจ้าทำนายนี้เราก็จะเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นความจริงทุกอย่าง ก่อนพุทธกาลได้เกิด สงครามโลกครั้งที่ ๒. ลูกระเบิดต่างๆ ซึ่งเป็นเหล็กเป็นไฟได้หลั่งไหลลงมาจากอากาศพิฆาตมนุษย์

    </dd><dd>หลังกึ่งพุทธกาลได้เกิดสงครามลัทธิคือพวกยักษ์นอกศาสนา เพิ่งจะเลิกรากันไป แต่เมืองไทย ก็ยังได้รับผลกระทบกระเทือนมาจนกระทั่งบัดนี้

    มีเพียงไทยที่นับถือพุทธอย่างมั่นคง

    </dd><dd>ตามพระพุทธทำนายนั้นได้บ่งชี้ชัดว่าประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาจะมีภัยบ้างแต่ไม่มากนัก หากเราพิจารณาให้ดีๆ ก็จะเห็นเด่นชัดว่า ประเทศไทย นี้เท่านั้นที่นับถือพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคง และเป็นประเทศสุดท้ายที่พระพุทธศาสนายังเหลืออยู่ในท้องถิ่นบริเวณนี้ ประเทศอื่นๆ รอบบ้านเราก็กลายเป็นพวกเดียรถีย์นอกศาสนาพุทธไปเกือบหมดแล้ว

    </dd><dd>เพราะฉะนั้น ประเทศไทยจึงเป็นเมืองสุดท้ายที่พระพุทธศาสนาจะสถิตสถาพรอยู่ได้ตลอดไป

    พระเจ้าอังครัฐตั้งจิตขอพบพระอรหันต์

    </dd><dd>ในพระพุทธทำนายซึ่งปรากฏในตำนานบางแห่งได้เล่าไว้ว่า

    </dd><dd>พระเจ้าอังครัฐ เจ้าเมืองอังครัฐ ซึ่งเป็นเมืองที่ประดิษฐาน พระธาตุจอมทอง อยู่ในขณะนี้ ได้ทรงตั้งจิตอธิษฐานขอให้พระองค์ได้พบพระอรหันต์ ขอให้พระอรหันต์เสด็จมาโปรด

    </dd><dd>พระพุทธองค์ทรงทราบวาระจิตของพระเจ้าอังครัฐ จึงทรงส่ง พระโมคคัลลาน์ พร้อมด้วยพระเถระรวม ๔ รูป เดินทางมาเผยแพร่พระพุทธศาสนาที่เมืองอังครัฐก่อน

    ศาสนาจะอยู่ในเมืองไทยครบ ๕,๐๐๐ ปี

    </dd><dd>ส่วนพระองค์ได้เสด็จมาภายหลัง เมื่อเสด็จมาถึงเมืองนั้น ได้ทรงพยากรณ์เกี่ยวกับความเป็นไปในอนาคตของพระพุทธศาสนาไว้ว่า
    <center>“พระพุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองตั้งมั่นอยู่ในท้องถิ่นนี้ถึง ๕,๐๐๐ ปี” </center>

    </dd><dd>เมื่อพระพุทธศาสนายังตั้งมั่นอยู่ได้ในผืนแผ่นดินไทยตามพระพุทธทำนาย ก็หมายความว่าเมืองไทยจะต้องไม่ตกเป็นทาสของใครๆ เพราะความมั่นคงของชาติและพระพุทธศาสนาเป็นของคู่กันมาแต่บรรพกาล เมืองไทยจะไม่ตกเป็นทาสของใคร

    </dd><dd>จากคำพยากรณ์ของพระพุทธโฆษาจารย์ก็ดี คำบอกเล่าของพระเถระผู้ได้ฌานสมาบัติก็ดี และจากพระพุทธทำนายก็ดี เป็นหลักชี้ชัดให้เรามั่นใจได้ว่า

    </dd><dd>“เมืองไทยเรานี้จะต้องเป็นปึกแผ่นมั่นคงตลอดไป ไม่ตกเป็นทาสของใครๆ พวกนอกศาสนาจะไม่สามารถย่ำยีเมืองไทยได้

    </dd><dd>แต่ข้อสำคัญนั้น เราทุกคนอย่าประมาท ต้องรักกัน สามัคคีกันไว้ ไม่แตกแยกกันและไม่ลุ่มหลงไปกับคำยุแหย่ของบุคคลผู้มุ่งร้ายต่อชาติบ้านเมือง”

    ดวงทหารคู่กับดวงเมือง

    </dd><dd>ขอให้ทหารทุกคนจงสำนึกตนเองว่า เราต้องมีความสามัคคี-เด็ดเดี่ยว-ไม่ประมาท-กล้าหาญ-และพร้อมที่จะยอมตายเพื่อชาติบ้านเมืองและพระบวรพุทธศาสนา เมื่อถึงคราวจำเป็น

    </dd><dd>เพราะบ้านเมืองจะอยู่รอดปลอดภัยก็เพราะทหารเท่านั้น ทั้งนี้เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑. เมื่อพระองค์จะเริ่มสร้างเมืองหลวงใหม่ ได้ทรงผูกดวงเมืองและวางลัคนาดวงเมืองไว้ให้คู่กับดวงทหาร โดยให้ทหารเป็นผู้ปกป้องคุ้มครองบ้านเมือง บ้านเมืองจึงจะอยู่รอด

    </dd><dd>ที่พูดนี้มิใช่จะมายุยงให้ท่านทั้งหลายกระด้างกระเดื่อง ทำการปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจจากใครๆ เพียงแต่...ขอให้เราทุกคนช่วยกันควบคุมสถานการณ์ไว้ให้บ้านเมืองสงบสุขเท่านี้ก็ได้ชื่อว่าทหารควบคุมรักษาเมืองแล้ว

    </dd><dd>ดวงชะตาของทหารนั้น เข้าเกณฑ์ราชาโชค ตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๑๘ แล้ว และจะโคจรเข้าควบคู่กับดวงเมืองตั้งแต่เดือยมกราคม ๒๕๑๙ เป็นต้นไป ซึ่งจะมีอิทธิพลให้ประเทศชาติบ้านเมืองค่อยคลี่คลายไปในทางดีขึ้น ขณะนี้บ้านเมืองของเราอยู่ในสภาพป่วยไข้ จำเป็นจะต้องได้รับการเยียวยารักษาหรืออาจจะต้องถึงกับผ่าตัดบ้าง อาการของบ้านเมืองจึงจะดีขึ้น

    เมืองไทยมีขุมทรัพย์มหาศาล

    </dd><dd>สภาพการณ์ของบ้านเมืองจะคลี่คลายไปในทางดี เริ่มแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๙ เป็นต้นไป และตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ ประเทศชาติและประชาชนจะเริ่มพบกับความสุขสบายขึ้นบ้าง แต่ก็ยังไม่มากนัก แต่จะปรากฏเด่นชัดว่าประเทศชาติและประชาชนจะร่ำรวยขึ้นมีความสุขสมบูรณ์ขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๔ เป็นต้นไป

    </dd><dd>เพราะเรามีทรัพยากรมากมายมหาศาลล้วนแต่เป็นของมีค่าทั้งสิ้น อาทิเช่น น้ำมัน แร่ทองคำ แร่ยูเรเนียม วัตถุธาตุต่างๆ เหล่านี้มีอยู่พร้อมในเมืองไทย และเราก็ได้พบแล้ว แต่เรายังไม่สามารถจะนำเอาออกมาใช้ได้ เพราะเรามีขีดความสามารถอันจำกัด

    ทรัพยากรน้ำมันในประเทศไทย

    </dd><dd>อย่าง น้ำมัน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นและมีค่าที่สุดของคนทั้งโลกนั้น ในเมืองไทยเรามีมากมาย น้ำมันที่ใช้อยู่ในโลกขณะนี้มีไม่ถึงหนึ่งในสามที่มีในเมืองไทยเรา

    </dd><dd>ที่อาตมาพูดเช่นนี้มิได้กล่าวเกินความจริง แต่เป็นการกล่าวที่เกิดจากประสบการณ์ที่พอเชื่อถือได้ กล่าวคือ

    </dd><dd>เมื่อต้นปี พ.ศ.๒๕๑๗ อาตมาพร้อมด้วย พล.อ.ต.มรว. เสริม สุขสวัสดิ์ เจ้ากรมการสื่อสารทหารอากาศ ได้เดินทางไปยังจังหวัดชุมพร พักอยู่ ณ บ้านพักหลังหนึ่ง หลังจากคุยกันประมาณห้าทุ่มเศษก็เข้านอน

    </dd><dd>พอไฟดับลงเท่านั้น ก็มองเห็นภาพคนดำใหญ่เดินเข้ามาในห้องโดยไม่เปิดประตู เขาเดินเข้าเดินออกโดยไม่ต้องเปิดประตู
    </dd><dd>จึงถามเขาไปว่า อยู่ที่ไหน
    </dd><dd>เขาบอกว่า อยาในห้องนี้แหละ
    </dd><dd>แล้วก็คุยกันด้วยเรื่องต่างๆ เจ้าเทวดาดำใหญ่ได้เล่าให้ฟังว่า

    </dd><dd>“เมืองไทยเรานี้มีน้ำมันมากมายมหาศาลเป็นลำธารกว้างขนาด ๑ กิโลเมตร และยาวหลายร้อยกิโลเมตร ไหลผ่านประเทศไทยไปลงทะเล

    เมื่อใดที่ผู้บริหารดีทรัพยากรจะปรากฏขึ้น

    </dd><dd>เขาบอกว่า
    </dd><dd>น้ำมันนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะขุดนำมาใช้เพราะฝ่ายบริหารยังไม่ดีพอ หากปรากฏขึ้นในขณะนี้ พวกทุจริตก็จะงุบงิบเอาไปเป็นผลประโยชน์ส่วนตนหมด

    </dd><dd>เมื่อใดผู้บริหารประเทศมีมือสะอาดซื่อสัตย์สุจริต เห็นแก่ประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ ขุมทรัพย์มหาศาลในเมืองไทย
    เช่น บ่อน้ำมัน ก็จะค่อยผุดขึ้นมาให้เห็นเรื่อยๆ ไป ซึ่งจะนำผลรายได้อันมหาศาลมาให้เมืองไทย ทำให้เมืองไทยกลายเป็นเศรษฐีมีชื่อเสียงระบือไปทั่วโลก และจะได้เป็นมหาอำนาจประเทศหนึ่งในเอเชีย”

    ไปพิสูจน์สถานที่มีน้ำมันอยู่

    </dd><dd>เจ้าเทวดาดำใหญ่ให้หลักฐานยืนยันคำพูดของตนว่า หากอยากข้อเท็จจริงเกี่ยวกับน้ำมัน ให้ไป ดูบ่อน้ำมันที่เมืองมะริด ในเขตพม่า ซึ่งเป็นบ่อน้ำมันสายเดียวกันอยู่ห่างจากผืนแผ่นดินไทยประมาณ ๓๐ กิโลเมตร

    </dd><dd>ณ. ที่นั้นจะมีหนองน้ำอยู่แห่งหนึ่ง มีน้ำมันลอยฟ่องเต็มไปหมด ถ้าอยากเห็นให้ไปดูด้วยตนเอง

    </dd><dd>อาตมาอยากพิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงได้เดินทางไปดูสถานที่แห่งนั้น เมื่อต้นปี พ.ศ. ๒๕๑๘ นี้เอง ปรากฏว่าเป็นความจริงทุกอย่าง

    </dd><dd>บริเวณนั้นมีหนองน้ำซึ่งมีน้ำมันลอยเต็มไปหมด ชาวบ้านนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงได้เป็นอย่างดี จึงมั่นใจได้ว่าเทวดาดำองค์นั้นไม่โกหก เมืองไทยเรามีน้ำมันแน่ๆ

    </dd><dd>ต่อเมื่อใดผู้บริหารใจซื่อมือสะอาดมาบริหารชาติบ้านเมือง ทรัพยากรเหล่านี้ก็จะปรากฏให้เห็น และนำมาใช้ให้บ้านเมืองเรามีความอุดมสมบูรณ์ดังกล่าวแล้ว

    ธงมหาพิชัยสงคราม

    </dd><dd>สำหรับ ผ้ายันต์ธงมหาพิชัยสงคราม ที่นำมาแจกจ่ายครั้งนี้ ได้ทำขึ้นครั้งแรก ๑๐๐,๐๐๐ ผืน นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๙๐,๐๐๐ ผืน มีเหลือนำมาแจกจ่ายคราวนี้เพียง ๑๐,๐๐๐ ผืน

    </dd><dd>การทำผ้ายันต์นี้ ก็ทำจากตำราของ หลวงพ่อปาน หลวงพ่อปานเคยทำเพื่อมอบให้เป็นธงนำทัพเข้าตีข้าศึก

    ได้ตำราทำยันต์พิชัยสงคราม

    </dd><dd>ตามตำราบอกว่า ใครอยากเรียนตำรานี้ไปทำต่อ ต้องนำดาบสองเล่มออกไปรำกลางแจ้ง หากเกิดฟ้าผ่าในขณะรำดาบจึงจะเรียนตำรานี้ได้

    </dd><dd>อาตมาเป็นพระไม่สามารถจะนำดาบออกไปรำได้ แต่ก็อยากเรียนตำรา จึงตั้งจิตอธิษฐานว่า

    </dd><dd>หากตนมีบุญบารมีที่จะเรียนตำรานี้ได้แล้ว เวลาถือดาบออกพ้นจากชายคาขอให้เกิดฟ้าผ่า

    </dd><dd>เมื่อตั้งจิตอธิษฐานแล้วก็ถือดาบ ๒ เล่ม ออกนอกชายคา พอพ้นจากชายคาเท่านั้นแหละฟ้าก็ผ่าขึ้น ๒-๓ ครั้ง

    </dd><dd>จึงมั่นใจได้ว่าครูได้อนุญาตให้เรียนตำรานี้ได้แล้ว จึงได้เรียนตำรามาทำผ้ายันต์มหาพิชัยสงครามขึ้น

    มีพระเถระทางเหนือช่วยปลุกเสกด้วย

    </dd><dd>และเมื่อทำด้วยตัวเองแล้ว ก็ได้อาราธนาพระเถระผู้ทรงวิทยาคมในภาคเหนือหลายรูปมาช่วยปลุกเสกให้เมื่อเดือนสิงหาคม จึงได้นำออกแจกจ่ายแก่ทหารทางภาคเหนือ ปรากฏว่าได้ผลดี

    </dd><dd>มีฐานปฏิบัติการบางแห่งที่ทหารรับผ้ายันต์ไปแล้ว ถูกถล่มด้วยปืน ค. และจรวดฐานแหลกหมด แต่ทหารในฐานปลอดภัยทุกคน ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

    </dd><dd>อย่างไรก็ตาม คนเราเมื่อถึงกำหนดจะต้องอสัญกรรมแล้วก็หนีความตายไม่พ้น แม้แต่ผู้บรรยายหรือผู้ทำผ้ายันต์นี้ก็ต้องตาย

    อานุภาพของผ้ายันต์

    </dd><dd>ผ้ายันต์นี้จะช่วยได้ก็เพียงแต่ว่า หากเรามีเคราะห์กรรมจากอดีต เช่น เคยทำปาณาติบาต แรงอุปฆาตกรรม จะมาตัดรอนชีวิตเราให้หมดไปในเวลาอันไม่สมควร หากเรามีเคราะห์ถึงฆาตอย่างนี้ ผ้ายันต์จะช่วยให้เคราะห์เบาบางลง เพียงแค่ให้เราบาดเจ็บไม่ถึงตาย

    </dd><dd>หากเคราะห์เราไม่ถึงฆาต เพียงแต่มีเคราะห์จะได้รับบาดเจ็บ ยันต์นี้จะช่วยไม่ให้เราบาดเจ็บเลย แม้แต่ถูกปืนหรือสะเก็ดระเบิดก็จะไม่ทำให้เราเสียเลือดแม้แต่หยดเดียว ลูกปืนที่มากระทบเราจะมีค่าเท่ากับแมลงตัวหนึ่งบินมาปะทะเท่านั้น

    </dd><dd>ขอให้ทุกท่านถือว่า ยันต์ธงมหาพิชัยสงคราม เป็นสิ่งสำคัญที่สุด สำคัญกว่าเหรียญเอกราชที่ได้รับแจกไป



    ถ้านำไปใช้ในทางที่ผิดจะไม่มีผล

    </dd><dd>และทั้งธงและเหรียญจะไม่มีผลในทางป้องกันตัวเลย หากเรานำไปใช้ในทางที่ผิดคิดมิชอบ หรือยิ่งคนที่คิดคดทรยศต่อชาติบ้านเมืองด้วยแล้ว อาตมาอยากให้เขามารับโดยเร็ว เพราะเหรียญและธงจะช่วยสนับสนุนให้เขาประสบความวิบัติเร็วเข้า

    </dd><dd>มีอยู่รายหนึ่งมาขอผ้ายันต์จากอาตมา อาตมาไม่ให้เพราะเกรงว่าเขาจะนำไปใช้ในทางที่ผิด จะทำให้ชีวิตเขาสั้นเข้า
    </dd><dd>แต่เขารับรองตนเองเช่นนั้น อาตมาก็มอบให้ไป และได้ทราบต่อมาภายหลังว่า เขานำผ้ายันต์ไปใช้ในทางที่ผิดตามที่อาตมาคาดการณ์ไว้ ผลที่สุดเขาก็ถูกยิงตาย

    </dd><dd>สุดท้ายนี้ ขอตั้งจิตอธิษฐาน ด้วยอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย จงดลบันดาลให้ทหารทุกคน จงมีความสุขความเจริญและปลอดภัย ชนะข้าศึกตลอดกาล.

    สวัสดี. </dd>

    ปล.ขออนุญาติ copy มาจาก ในห้องของหลวงพ่อฤาษีนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...