ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. Nutthawut

    Nutthawut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +479
    ชูวิจัยสมุนไพรไทยสกัดการแพร่กระจาย "อาวุธชีวภาพ" <table width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" valign="baseline" align="left">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" valign="baseline" align="left">22 มีนาคม 2553 00:38 น.</td> </tr> </tbody></table> <table width="100%" border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td valign="middle" align="center">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td valign="middle" align="center">
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td valign="top" align="center"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td valign="bottom" width="1" align="right" height="1">[​IMG]</td> <td valign="bottom" align="center" background="/images/linedot_hori.gif" height="1">[​IMG]</td> <td valign="bottom" width="1" align="left" height="1">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td valign="middle" width="1" align="center" background="/images/linedot_vert.gif">[​IMG]</td> <td> <table width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="5"> <tbody><tr> <td valign="middle" align="center">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> </td> <td valign="middle" width="1" align="center" background="/images/linedot_vert.gif">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td valign="top" width="1" align="right" height="1">[​IMG]</td> <td valign="top" align="center" background="/images/linedot_hori.gif" height="1">[​IMG]</td> <td valign="top" width="1" align="left" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table width="100%" border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" valign="baseline" align="center">พลตรี มจ.เฉลิมศึก ยุคล ยกตัวอย่างการใช้เชื้อโรคแอนแทรกซ์เป็นอาวุธชีวภาพในการโจมตีของผู้ก่อการ ร้ายลัทธิโอมชินริเกียในญี่ปุ่นเมื่อหลายปีก่อน</td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> </tbody></table>
    </td> </tr> </tbody></table> <table width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr> <td valign="bottom" align="left" height="12">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td bgcolor="#cccccc"> <table width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="1"> <tbody><tr> <td valign="top" align="center" bgcolor="#ffffff"> <table width="100%" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td valign="top" width="160" align="center"> <table width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="4"> <tbody><tr> <td valign="top" align="center"> <table width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td valign="top" align="center"> <table width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" valign="baseline" align="center">คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาด ใหญ่ขึ้น</td> </tr> </tbody></table> <table width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td valign="middle" align="center">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td valign="baseline" align="center">นพ.ธีระ กลลดาเรืองไกร</td> </tr> </tbody></table>
    <table width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td valign="middle" align="center">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td valign="baseline" align="center">รศ.ดร.อ้อมบุญ วัลลิสุต</td> </tr> </tbody></table>
    <table width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td valign="middle" width="165" align="center" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> </tbody></table></td> <td width="4" background="/images/linedot_vert3.gif">[​IMG]</td> <td valign="top" align="center"> <table width="100%" border="0" cellspacing="7"> <tbody><tr> <td valign="top" align="center"> <table width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" valign="baseline" align="left"> ขึ้นชื่อว่า "อาวุธ" ย่อมทำอันตรายต่อมนุษย์ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาวุธชีวภาพ ที่จัดว่าเป็นอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงอย่างหนึ่ง ที่ก่อให้เกิดผลกระทบเป็นบริเวณกว้างได้ ภายในระยะเวลารวดเร็ว แต่นักวิจัยระบุอัตราความเสี่ยงของอาวุธชีวภาพ ยังน้อยกว่าอาวุธเคมี พร้อมชูการวิจัยตำรับยาสมุนไพรต้านเชื้อโรค รับมืออาวุธชีวภาพระบาด ลดนำเข้ายาต่างประเทศ

    พลตรี มจ.เฉลิมศึก ยุคล ที่ปรึกษากรมวิทยาศาสตร์ทหารบก บอกว่า อาวุธ ชีวภาพ จัดเป็นอาวุธที่มีอำนาจทำลายสูง ที่ประกอบไปด้วย อาวุธเคมี อาวุธชีวภาพ อาวุธรังสี และอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งในยุคสงครามเย็น มีภัยคุกคามจากอาวุธที่มีอำนาจทำลายสูงปรากฏอยู่ในแทบทุกภูมิภาคของโลก

    แต่เมื่อสงครามเย็นสิ้นสุดลง ความจำเป็นในการพัฒนาและสะสมอาวุธเหล่านี้จึงลดลงและเกือบจะหมดไป เว้นแต่อาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ของชาติมหาอำนาจ และอาวุธนิวเคลียร์ทางยุธวิธีของชาติ ที่มีความขัดแย้งในระภูมิภาคบางภูมิภาค

    ประเทศที่เคยมีการทดลองและผลิตอาวุธชีวภาพ เพื่อใช้ในการสงครามเมื่อในอดีต ปัจจุบันก็ได้ทำลายอาวุธชีวภาพไปหมดแล้ว ตามอนุสัญญาห้ามอาวุธเคมีและอาวุธชีวภาพ ซึ่งประเทศไทยเป็นสมาชิกอยู่ด้วย ทว่า ในความเป็นจริงภัยคุกคามจากอาวุธที่มีอำนาจทำลายสูงมิได้หมดไป ตามการสิ้นสุดของภาวะสงครามเย็นและการลดอาวุธตามอนุสัญญาดังกล่าว แต่ กลับเป็นภัยคุกคามจากอาวุธที่มาในรูปแบบของการก่อการร้ายแทนการทำสงครามใน สนามรบ

    ทั้งนี้ ตัวอย่างกรณีการโจมตีของผู้ก่อการร้ายด้วยอาวุธเคมีและชีวภาพที่เกิดขึ้น เมื่อไม่นานมานี้ คือการใช้เชื้อโรคแอนแทรกซ์ สารซาริน และสารวีเอ็กซ์ ในญี่ปุ่นโดยลัทธิโอมชินริเกียว และการส่งซองจดหมายบรรจุสปอร์ของเชื้อแอนแทรกซ์ในสหรัฐฯ ซึ่งอาวุธชีวภาพก็คือยุทธภัณฑ์อย่างหนึ่งที่ใช้ในการแพร่กระจายสารชีวภาพและ สัตว์พาหะออกไปโจมตีในบริเวณกว้าง และหมายรวมถึงสารพิษที่ผลิตขึ้นจากสิ่งมีชีวิตด้วย

    "ภัยคุกคามจากอาวุธชีวภาพสามารถเกิดขึ้นได้ในภาวะที่ไม่ปกติ คือภาวะสงคราม ซึ่งมีแนวโน้มว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้อย่างแน่นอน แต่ในภาวะปกติอาจเกิดขึ้นได้ในรูปแบบของการก่อการร้าย แต่สำหรับการ ก่อการร้ายในประเทศไทย ยังไม่ปรากฏว่ามีความพันธ์ หรือความช่วยเหลือจากกลุ่มผู้ก่อการร้ายนอกประเทศที่เข้าถึงอาวุธชีวภาพได้ และที่ผ่านมาก็ไม่พบว่าเคยมีอุบัติการของอาวุธชีวภาพในประเทศไทย มีแต่อุบัติการของโรคระบาดเท่านั้น เช่น โรคไข้หวัดนก และแอนแทรกซ์" พลตรี มจ.เฉลิมศึก กล่าว

    ที่ปรึกษากรมวิทยาศาสตร์ทหารบก ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เชื้อโรคที่มีอยู่ในธรรมชาติสามารถนำมาทำให้เป็นอาวุธชีวภาพได้ทั้งสิ้น แต่การแพร่ระบาดของโรคอาจไม่ได้เกิดจากอาวุธชีวภาพเสมอไป ซึ่งเมื่อ มีอุบัติการณ์ของโรคระบาดเกิดขึ้น จะต้องมีการสอบสวนหาสาเหตุของการระบาดว่าเกิดขึ้นอย่างไร เป็นอาวุธชีวภาพหรือไม่ เช่น การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่แพร่กระจายไปทั่วโลกนั้นเป็นการระบาดบริเวณกว้างใหญ่เกินกว่าที่จะเป็น อาวุธชีวภาพที่จะต้องเกิดขึ้นในบริเวณเฉพาะถิ่น นอกจากนั้นอาวุธชีวภาพยังอาจใช้เป็นเครื่องมือโจมตีพืชหรือสัตว์เศรษฐกิจได้ นอกเหนือจากใช้เพื่อโจมตีมนุษย์ด้วยกัน

    ด้าน นพ.ธีระ กลลดาเรืองไกร ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ศิริราช เปิดเผยว่า การรับมืออาวุธชีวภาพสามารถทำได้ โดยใช้มาตรการเดียวกับการรับมือและการควบคุมโรคระบาดทั่วไป ส่วนการรักษาผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อโรคหรือสารพิษจากอาวุธชีวภาพ สามารถให้การรักษาได้โดยใช้ยาปฏิชีวนะหรือยาต้านไวรัสที่ใช้ในการรักษาโรค ติดเชื้อทั่วไป แต่ปัญหาคือความสามารถในการรองรับผู้ป่วยจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบเมื่อเกิด การโจมตีด้วยอาวุธชีวภาพ

    "อาวุธชีวภาพอาจติดต่อเข้าสู่คนได้ผ่านทางการสูดดม การเข้าทางบาดแผลตามร่างกาย และถูกกัดโดยสัตว์พาหะ ซึ่งอาวุธชีวภาพ ที่น่ากังวลมากที่สุดคือ อาวุธชีวภาพที่ติดต่อผ่านระบบทางเดินหายใจ เพราะติดต่อจากคนสู่คนง่ายและควบคุมยากกว่าการติดต่อผ่านช่องทาง อื่น และอาวุธชีวภาพที่เป็นเชื้อไวรัสรักษายากกว่าเชื้อแบคทีเรีย" นพ.ธีระ เผย

    "แต่อาวุธชีวภาพไม่ใช่ว่าจะผลิตกันได้ง่ายๆ เพราะต้องนำเชื้อก่อโรคมาเพาะเลี้ยงเพิ่มจำนวนเชื้อ บางโรคต้องใช้สัตว์พาหะ และเชื้อโรคบางชนิดก็หายาก เช่น กาฬโรค อีกทั้งการผลิตอาวุธชีวภาพต้องลงทุนสุง เพราะต้องทำในห้องแล็บที่มีความปลอดภัยตั้งแต่ระดับ 3 ขึ้นไป และต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจายจนทำอันตรายต่อผู้ที่คิดผลิตอาวุธชีวภาพเอง ดังนั้นความเสี่ยงต่ออาวุธชีวภาพจึงมีน้อยกว่าอาวุธเคมี ที่สารเคมีสามารถหาซื้อได้ทั่วไป" นพ.ธีระ กล่าว

    ด้าน รศ.ดร.อ้อมบุญ วัลลิสุต หัวหน้าภาควิชาเภสัชวินิจฉัย คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการนำเชื้อไวรัสมาใช้เป็นอาวุธชีวภาพ ซึ่งยาแผนปัจจุบันอาจไม่ให้ผลในการรักษา การรักษาด้วยสมุนไพรจึงเป็นอีกทางหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะประเทศไทยมีความหลากหลายของสมุนไพรและมีภูมิปัญญาดั้งเดิมเป็นต้นทุน สามารถนำมาใช้เป็นจุดเริ่มต้นของการวิจัยได้

    "มีแนวคิดการใช้ตำรายาสมุนไพรค่อนข้างเยอะ แต่ยังไม่ค่อยมีการศึกษาวิจัยกันมากนัก ส่วนใหญ่มุ่งเน้นศึกษาสารออกฤทธิ์จากสมุนไพรเดี่ยว ซึ่งไม่ใช่ตำรับยาสมุนไพรแผนโบราณ ตำรับยาสมุนไพรแผนโบราณ จะต้องมีตัวยาอย่างน้อย 3 ตัวยาสมุนไพร คือ ตัวยาหัวหน้า ตัวยาช่วยฤทธิ์ และตัวยาคุมฤทธิ์ เพราะว่าตัวยาสมุนไพรส่วนมากจะมีอาการข้างเคียง ดังนั้นการใช้สมุนไพรเดี่ยวรักษาโรคจึงไม่ใช่การใช้สมุนไพรตามหลักแพทย์แผน ไทย ซึ่งตามหลักของแพทย์แผนตะวันออก เราต้องทำให้ร่างกายแข็งแรง กินอาหารที่มีประโยชน์ อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี ซึ่งจะทำให้มีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง สามารถป้องกันอาวุธชีวภาพได้ในระดับหนึ่ง" รศ.ดร.อ้อมบุญ กล่าว

    สำหรับสมุนไพรที่มีผลการวิจัยยืนยันฤทธิ์ยับยั้งเชื้อไวรัส ได้แก่ ประยงค์ มะรุม ขนุนป่า ผักกาดน้ำ ว่านหางจระเข้ บัวบก โกฐน้ำเต้า ส้ม องุ่น บัว กานพลู พืชในตระกูลสบู่เลือด และพืชในตระกูลบานไม่รู้โรย เป็นต้น

    รศ.ดร.อ้อมบุญ เสนอแนะว่า รัฐบาลควรปรับแนวคิดและนโยบายการให้การให้ความรู้เกี่ยวกับการแพทย์แผนไทย และส่งเสริมการศึกษาวิจัยตำรับยาสมุนไพรในเชิงลึกมากยิ่งขึ้น เพราะไทยเรามีภูมิปัญญาดั้งเดิมที่เป็นพื้นฐานที่จะทำให้การวิจัยประสบความ สำเร็จได้ไม่ยาก ซึ่งจะสามารถช่วยลดการนำเข้ายาแผนปัจจุบันจากต่างประเทศได้เป็นมูลค่ามหาศาล และแก้ปัญหาการรักษาที่ไม่ได้ผลจากการใช้ยาแผนปัจจุบันได้

    ทั้งนี้ เป็นการเปิดเผยระหว่างการประชุมวิชาการเรื่อง "อาวุธ ทำลายล้างสูง: ภัยจากอาวุธชีวภาพ" เมื่อวันที่ 19 มี.ค. 53 ณ อาคารเทพรัตน์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งมีสื่อมวลชนจำนวนมากรวมทั้งทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTVผู้จัดการออนไลน์ เข้าร่วมฟัง
    </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
     
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ศรีสะเกษ-ผวจ.ประกาศเขตภัยแล้งวิกฤติ 19 อำเภอ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    จ.ศรีสะเกษ ประกาศพื้นที่ 19 อำเภอ เป็นพื้นที่ประสบภัยฉุกเฉินจากภัยแล้ง ขณะที่อาสาสมัครฝนหลวงฯ ร้องขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินการจัดทำฝนหลวง เพื่อช่วยเหลือพื้นที่ปลูกข้าวนาปรังที่ขาดน้ำอย่างหนักในช่วงภัยแล้งนี้

    เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 23 มี.ค.53 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำตามลำห้วยต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม่น้ำมูลที่ไหลผ่านเขต จ.ศรีสะเกษ ได้แห้งขอดอยู่ในระดับวิกฤติ ทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากภาวะภัยแล้ง ซึ่ง จ.ศรีสะเกษ ได้ประกาศพื้นที่ประสบภัยฉุกเฉินจากภาวะภัยแล้งแล้ว จำนวน 19 อำเภอ 1,455 หมู่บ้าน โดยมีประชาชนกว่า 600,000 คน ที่ได้รับผลผกระทบจากการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคและน้ำเพื่อการเกษตร

    นายระพี ผ่องบุพกิจ ผวจ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ในส่วนของอาสาสมัครปฏิบัติการฝนหลวง จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นตัวแทนชาวบ้านจากพื้นที่ทุกอำเภอ ได้ประชุมหารือร่วมกันและเรียกร้องขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินการจัดทำฝนหลวง เพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร เนื่องจากในปีนี้ มีเกษตรกรปลูกข้าวนาปรังเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยจากภาวะภัยแล้ง ทำให้พื้นที่ปลูกข้าวนาปรังนอกเขตชลประทาน กำลังได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากปัญหาการขาดน้ำไปเลี้ยงต้นกล้า

    ส่วนการสูบน้ำจากบ่อบาดาล เริ่มมีปัญหาสูบน้ำไม่ได้ จากการที่ปริมาณน้ำใต้ดินลดน้อยลง จึงขอให้ จ.ศรีสะเกษ เร่งประสานงานกับหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง ที่ตั้งฐานปฏิบัติการย่อยที่กองบิน 21 อุบลราชธานี เพื่อจัดทำฝนหลวงช่วยเหลือในพื้นที่ปลูกข้าวนาปรัง ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการประสานงานอย่างเร่งด่วนต่อไปแล้ว

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันอังคาร ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2553

    ที่มา http://www.krobkruakao.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เชียงใหม่-สธ.คาดผู้ป่วยจากหมอกควันพิษเดือน มี.ค.พุ่งกว่าแสนคน

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ คาดมีผู้ป่วยจากปัญหาหมอกควัน และมลพิษ ในเดือน มี.ค.มากกว่า 1 แสนคน หลังพบว่าพื้นที่ภาคเหนือมีปัญหารุนแรงที่สุดในรอบหลายปี เตือนประชาชนงดทำกิจกรรมนอกอาคารในวันที่ปัญหามลพิษเกินค่ามาตรฐาน

    นายแพทย์วัฒนา กาญจนกามล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงปัญหาหมอกควันที่ปกคลุมตัวเมืองเชียงใหม่ขณะนี้ว่า แม้พื้นที่เชียงใหม่จะมีฝนตกลงมา ทำให้ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กลดลงมาบ้าง แต่ว่าจังหวัดรอบๆ เชียงใหม่ ยังมีปริมาณหมอกควันสูงอยู่ ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่เป็นพื้นที่ที่ต่ำกว่าทำให้ปริมาณฝุ่นละอองไหลเข้าสู่เชียงใหม่ อย่างไรก็ตามสาธารณสุขจังหวัดได้เตรียมมาตรการรองรับไว้แล้วหากเกิดวิกฤตปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กมีค่าเกินค่ามาตรฐานที่ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ​

    โดยเฉพาะหากค่ามลพิษเพิ่มสูงขึ้นเกิน 420 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือว่าเป็นระดับอันตรายนั้น จะเสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ประกาศให้หยุดงานโดยไม่ถือว่าเป็นวันหยุด เพราะสุขภาพอนามัยเป็นเรื่องสำคัญ และ ยังถือว่าฝุ่นละอองขนาดเล็กมองไม่เห็นแต่เป็นภัยเงียบทำลายสุขภาพ ​

    นายแพทย์วัฒนา เปิดเผยว่าตั้งแต่วันที่ 1-17 มีนาคมที่ผ่านมา มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาด้วยโรคระบบทางเดินหายใจแล้ว 32,380 คน คาดว่าตลอดทั้งเดือนมีนาคมจะมีผู้ป่วยเข้า รักษาเพิ่มขึ้นเป็น 100,000 คน ขณะที่ในเดือนกุมภาพันธ์มีผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจเข้ารับการรักษาถึง 50,000 คน ซึ่งในช่วงเวลา 1 เดือนมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 เท่าตัว ส่วนหน้ากากอนามัยที่ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ได้รับมาจำนวน 250,000 ชิ้น ขณะนี้แจกจ่ายไปให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยง สามารถรับได้ที่สถานีอนามัย โรงพยาบาลต่างๆ แล้ว 200,000 ชิ้น​

    จากข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษล่าสุดในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบว่ามี 4 จังหวัดภาคเหนือ ที่ค่ามลพิษเกินค่ามาตรฐาน คือที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย วัดได้ 182.9 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จังหวัดแม่ฮ่องสอนวัดได้ 140.7 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จังหวัดลำพูน 140.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และที่จังหวัดน่าน วัดได้ 129.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขณะที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย กลางเมืองเชียงใหม่วัดได้ 104.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ​

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันอังคาร ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2553

    ที่มา http://www.krobkruakao.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>วอนช่วยเฒ่าป่วยสะเก็ดงูทั่วตัวฐานะยากจน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ผู้สื่อข่าว จ.อุตรดิตถ์ รายงานว่า พบชายอายุวัยกว่า 60 ปี ป่วยเป็นโรคประหลาดลักษณะผิวหนังแห้งแตกลายเป็นเกล็ดทั้งตัวตั้งแต่ศีรษะ

    ใบหน้า ลำตัว แขนและขาจรดปลายเท้า รวมถึงอวัยวะเพศ คล้ายงูลอกคราบไม่เห็นผิวหนังปกติ จึงรุดไปที่บ้านเลขที่ 1/107 ม.4 บ้านม่อนนางแหลม ต.ฝายหลวง อ.ลับแล พบนายบุญ เชยสุวรรณ อายุ 62 ปี เล่าให้ฟังว่า อาการดังกล่าวเพิ่งเป็นเมื่อช่วงต้นเดือนมกราคม ได้ไปทอดแหหาปลากับเพื่อนที่สระน้ำท้ายหมู่บ้าน ลึกประมาณ 3 เมตร พบเห็นปลาช่อนจึงทอดลงไปในสระ ขณะดำน้ำลงไปได้ยินเสียงประหลาดดังขึ้นใต้น้ำว่า "ถ้ามึงฆ่ากู มึงก็ต้องตายด้วย" ด้วยความหวาดกลัว จึงรีบขึ้นจากสระน้ำนั้นทันทีโดยทิ้งแหไว้ เมื่อขึ้นมาถึงบนขอบสระแล้วรู้สึกหนาวเย็นเป็นอย่างมาก

    ต่อมาไม่กี่วันก็เกิดอาการคันตามผิวหนังทั่วตัวและมีผื่นแดงเป็นวงกลม และเป็นขุยคล้ายเกล็ดงูลอกคราบขึ้นตามลำตัว

    ผมที่ศีรษะร่วงจนล้าน ใบหน้าบวมแดงเป็นขุยและคัน จำใบหน้าเดิมของตนเองแทบไม่ได้ ต้องไปพบแพทย์และนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอำเภอลับแล ประมาณ 2 สัปดาห์ หมอแจ้งให้ทราบว่าเป็นโรคภูมิแพ้ตัวเองหรือเซลล์ร่างกายบกพร่อง จากนั้นไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ ระหว่างที่นอนพักรักษาตัวอยู่ ผิวหนังเกิดอาการคันเมื่อเกาจะลอกออกมาเป็นแผ่นใหญ่หนามาก และมีเลือดซึมไหลตลอด หมอให้ยาชนิดครีมทาผิวพร้อมยากินเพื่อบรรเทาอาการคัน ให้กลับมารักษาตัวอยู่ที่บ้านแต่ก็ไม่ทุเลา ทุกวันนี้อาการกำเริบมากขึ้นกว่าเดิมและได้รับความทุกข์ทรมานอย่างมาก


    นางสี อ้นนาค อายุ 60 ปี ภรรยา กล่าวว่า สงสารสามีที่ต้องทนทุกข์ทรมาน เวลาจะลุกไปเข้าห้องน้ำ เมื่อมีการขยับตัวออกก็เกิดเสียงแตกของผิวหนัง


    และการฉีกขาดระหว่างผิวหนังกับเนื้อทำให้เป็นแผลสด เกิดการอักเสบเจ็บและปวดที่บริเวณแผล บนที่นอนมีแต่เศษขุยของผิวหนัง แต่ไม่เคยรังเกียจสามี คอยอยู่ปรนนิบัติรับใช้ตลอด ทั้งหุงหาอาหารมาให้กินทุกมื้อและจะนั่งกินอยู่ร่วมกัน เวลาอาบน้ำก็ต้องอาบน้ำเย็น อาบน้ำร้อนอุ่นไม่ได้เพราะทำให้ผิวหนังอักเสบมีน้ำเหลืองไหลซึมออกมา ก่อนหน้านี้สามีเป็นเสาหลักของครอบครัวเมื่อป่วยโรคนี้ก็ไปทำงานไม่ได้ ตนต้องคอยอยู่รับใช้ เพื่อนบ้านที่ทราบข่าวที่มาเยี่ยมบางคนสงสารก็ให้เงินช่วยเหลือบ้างเป็นค่าใช้จ่าย

    จึงวอนขอผู้ใจบุญช่วยสนับสนุนเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลหรือช่วยหาหมอที่เก่งมารักษาให้
    สามารถติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 089-8826243 หรือติดต่อได้ที่ บ้านเลขที่ 1/107 หมู่ 4 บ้านม่อนนางแหลม ต.ฝายหลวง



    นายไพศาล ธัญญาวินิชกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า โรคที่พบกับผู้ป่วยรายนี้เรียกว่า โรคสะเก็ดเงิน เป็นโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังที่พบบ่อย


    เกิดจากยีนที่ผิดปกติหลายชนิดร่วมกับปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกร่างกายที่ไม่เหมาะสมมากระตุ้นให้โรคปรากฏขึ้นหรือเรียกว่าภูมิแพ้ตัวเอง ทำให้ผิวหนังอักเสบเป็นผื่นแดงลอกเป็นขุย ทั่วไปพบเป็นหย่อมหรือจุด สามารถเกิดกับเด็กและผู้ใหญ่แต่สามารถรักษาได้ โรคนี้ไม่สามารถติดต่อกันได้ แต่ผู้ป่วยรายนี้ถือว่าอยู่ในขั้นรุนแรงมาก ตั้งแต่ที่รับราชการชีวิตแพทย์มากว่า 30 ปี ไม่เคยพบเห็นเป็นแบบทั้งตัวเหมือนผู้ป่วยรายนี้โอกาสที่จะรักษาให้หายคงยาก เพราะอยู่ในระยะสุดท้าย ผู้ป่วยโรคนี้จะกระทบต่อการทำงานของข้อ กล้ามเนื้อหัวใจและหัวใจ ทั้งนี้จะจัดเตรียมคณะแพทย์ลงพื้นที่เพื่อให้การรักษาเป็นการด่วนต่อไป


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. บัวรองพุทธบาท

    บัวรองพุทธบาท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +745
    เห็นลุงเขาแล้วผมรู้สึกสงสารเขาเหมือนกันครับ ไม่รู้จะช่วยอย่างไร ไม่ค่อยมีสะตางค์ด้วย เอาเป็นว่าผมขอช่วยแนะนำตามความคิดของผม ไม่รู้ว่าจะแนะนำต่อไปให้ถึงลุงเขาได้อย่างไร เพราะผมโทรไปที่เบอร์ดังกล่าวแล้ว สายไม่ว่างเลย

    เคยได้ยินมาว่า โรคอย่างนี้เป็นโรคกรรมที่แต่ละคนกระทำขึ้นมาเอง ผมว่าทางแก้ที่ดีน่าจะให้ลุงเขาไปที่จุดที่เคยเป็นเหตุด้วยตนเอง เตรียมดอกไม้ธูปเทียน แล้วไปกล่าวขอขมาโทษด้วยความจริงๆใจ แล้วให้สัจจะว่า จะเว้นขาดเสียซึ่งการฆ่าสัตว์โดยเจตนาตลอดชีวิตแล้วทำให้ได้ ยึดเอาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ทำบุญทาน สมาทานศีล ได้ศีลแปดยิ่งดี เจริญภวานา อุทิศบุญให้เขาและเจ้ากรรมแต่ก่อนมา พร้อมขอขมาด้วยความจริงใจ ส่วนในการักษาข้างต้นไม่รู้ว่าจะใช้ได้หรือเปล่านะครับ เพราะรางเนื้อชอบรางยา ใช้ได้หรือไม่ได้ก็แล้วแต่วิบากแต่ละคน "น้ำมูตรเน่า" ปัสสาวะท่านเองแหละครับลองดู ชี่เช้าเอาสดๆ ช่วงกลางคือฉี่ทิงไปก่อนหน่อยแล้วตวงเอา ก่อนหยุดก็เอาทิ้งไป ดื่มสักส่วนหนึ่ง ที่เหลือเอามาลูบตามตัว จากนั้น ถ้าฉี่มาอีกก็เอามาอาบเลยครับ ทิ้งไว้ 5 นาที แล้วค่อยล้างก็ได้ อย่าลืมบอกเขาว่า สวดมนต์ก่อนนะครับน่าจะดี แล้วขอบารมีพระพุทธเจ้า เพราะน้ำมูตรเน่านี้ผมก็ใช้อยู่ด้วยว่าเป็นความรู้อันพระผู้มีพระภาคทรงประทานพระสงฆ์ท่านในหลัก นิสัย 4 เราเป็นชาวพุทธ ลองใช้ดู ผมใช้แล้ว (แก้โรคอื่น) เพราะผมบูชาพระรัตนตรัยหมดหัวใจ และจะไม่สงสัยให้ได้ เอาเป็นว่าลองทำดูก็แล้วกันนะครับ ผมคงแนะได้เพียงเท่านี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มีนาคม 2010
  6. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,611
    ไหนๆคุณ apichan เอ่ยถึงเรื่องนี้แล้ว
    ขออนุญาติพื้นที่สักนิดครับ
    เพื่อไม่ให้บางท่านเข้าใจผิดกันไปมากกว่านี้

    [​IMG]





     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 มีนาคม 2010
  7. Kongp

    Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909
    ยูเอ็นเผยคนตายจากน้ำไม่ปลอดภัยมากกว่าในสงคราม

    นายบัน คี-มูน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กล่าวเนื่องในวันน้ำโลกเมื่อวานนี้ว่า มีผู้คนเสียชีวิตอันเนื่องมาจากน้ำไม่ปลอดภัยมากกว่าผู้เสียชีวิตจากเหตุ รุนแรงทุกรูปแบบซึ่งรวมทั้งสงคราม
    เลขาธิการยูเอ็นกล่าวในที่ประชุมระดับสูงของสมัชชาใหญ่ ยูเอ็นที่หารือใน ประเด็นเกี่ยวกับน้ำว่า การเสียชีวิตจากน้ำไม่ปลอดภัยเป็นการดูหมิ่นความเป็นมนุษย์ ทั้งยังทำลายความพยายามในการพัฒนาของหลายประเทศ พร้อมเสริมว่า น้ำสะอาดเริ่มขาดแคลน และจะยิ่งขาดแคลนหนักขึ้นจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ นายบัน เรียกร้องให้ประเทศร่ำรวยตระหนักถึงความสำคัญของบทบาทประเทศเหล่านี้ที่มี ต่อเรื่องน้ำ ทั้งยังย้ำว่าโลกมีองค์ความรู้ในการแก้ปัญหานี้ และเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ จัดการทรัพยากรน้ำได้ดีขึ้น
    ด้านนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า สันติภาพโลกและความมั่นคงขึ้นอยู่กับการเข้าถึงน้ำ เพราะการเข้าถึงแหล่งน้ำสะอาดที่เชื่อถือได้มีผลต่อความมั่นคงของมนุษย์และ ความมั่นคงของชาติ

    องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) ระบุว่า ประชาชนกว่า 155 ล้านคน หรือร้อยละ 39 ของประชากรในแอฟริกาตะวันตกและแอฟริกากลางไม่สามารถเข้าถึงน้ำที่ใช้บริโภค ได้ นอกจากนี้ ยังมีเพียง 8 ประเทศจาก 24 ประเทศในภูมิภาคนี้ที่กำลังมุ่งไปสู่เป้าหมายการลดปัญหาความยากจนภายในปี 2558
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    คนไม่กล้าฉีดวัคซีนหวัด 2009 เหลือเพียบ

    [​IMG]

    กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แฉวัคซีนหวัดใหญ่ 2009 เหลือเพียบ คนไม่กล้าฉีด พบผู้ป่วยร้อยละ 60 – 70 ที่ไม่เข้ารับการรักษา......

    เมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขและสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต แถลงข่าว “แบบสำรวจช่วยบอกสถานการณ์และแนวโน้มการระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009”

    โดย นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ นายแพทย์ชำนาญการพิเศษกลุ่มวิจัยและพัฒนา สำนักระบาดวิทยา กรมควมคุมโรค เปิดเผยผลสำรวจผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 2009 ว่า ได้ร่วมกับสวนดุสิตโพลสำรวจความคิดเห็นของประชากรใน 4 จังหวัด จังหวัดละ 2 อำเภอ ที่พบการแพร่ระบาดของผู้ป่วยจำนวนมาก รวมทั้งสิ้น 2,400 ครอบครัว

    ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ นครศรีธรรมราช และนครราชศรีมา พร้อมทำการเจาะเลือด เพื่อยืนยันความแม่นยำ ตั้งแต่เดือน ก.ค. 52- มี.ค. 53 ใน 3 ช่วงเวลา ช่วงแรก ระหว่าง ก.ค. - ก.ย. 52 พบ ผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ร้อยละ 8.8 ของประชากร ซึ่งหากเทียบประชากรทั้งหมดของประเทศ 60 ล้านคนจะพบว่ามีผู้ป่วย 9 ล้านคนที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ซึ่งจากการเจาะเลือดพบว่ามีเพียงร้อยละ 50 เป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 ช่วงที่ 2 สำรวจตั้งแต่ พ.ย.52 - ม.ค. 53 ซึ่งอยู่ในช่วงฤดูหนาว พบผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ประมาณ 12 ล้านคน ซึ่งมีเพียงร้อยละ 14 - 15 ที่เป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 หรือจำนวน 1 - 2 ล้านคน ซึ่งถือว่าอัตราการติดไข้หวัดใหญ่ 2009 มีจำนวนลดลงอย่างมาก

    ทั้งนี้ พบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 60-70 ไม่ไปโรงพยาบาล เนื่องจากมีอาการไม่รุนแรง และไม่มารับการรักษาที่โรงพยาบาล ขณะที่หลายรายไม่ทราบว่าตัวเองเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 ถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงพอสมควร นอกจากนั้น ยังมีประชาชนอีกจำนวนมากที่ไม่มีภูมิคุ้มกันและมีโอกาติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ ได้อีก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจในช่วงที่ 3

    ด้านนพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยสถานการณ์การระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009 ล่าสุด ว่า ขณะนี้ มีผู้ป่วยตรวจพบเชื้อยืนยันตั้งแต่เดือนพ.ค. 52- มี.ค. 53 จำนวน 35,975 ราย ซึ่งถือเป็นผู้ป่วยจำนวนน้อย เนื่องจากไม่ได้เข้าเจาะเลือดทุกราย ส่วนผู้เสียชีวิตสะสม 219 ราย ถือว่ามีจำนวนลดลง

    สำหรับอัตราของผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ที่มีการตรวจพบเชื้อ มากที่สุด 5 จังหวัดแรก ระหว่างวันที่ 7 - 20 มี.ค.2553 ได้แก่ ระยอง มีอัตราป่วยต่อแสนประชากรคิดเป็น 1.84 กรุงเทพ มีอัตราป่วยต่อแสนประชากรคิดเป็น1.65 นนทบุรี มีอัตราป่วยต่อแสนประชากรคิดเป็น 1.62 พะเยา มีอัตราป่วยต่อแสนประชากรคิดเป็น 1.23 และ เชียงใหม่ มีอัตราป่วยต่อแสนประชากรคิดเป็น 0.90

    ขณะที่ นพ.นพพร ชื่นกลิ่น รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า อนาคตของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 คงเหมือนกับโรคทั่วไป อย่างไรก็ตามที่เป็นปัญหาขณะนี้วัคซีน ที่ประเทศไทยซื้อมา 2 ล้านโดส เพื่อป้องกันการระบาดขณะนี้ฉีดไปเพียง 5 แสนโดสและคาดว่าจะมีการใช้จริง 9 แสนโดสเท่านั้น เพราะไม่มีใครกล้าฉีดโดยเฉพาะผู้หญิงมีครรภ์ เนื่องจากเกรงจะเสียชีวิต

    ไทยรัฐออนไลน์ วันอังคารที่ 23 มีนาคม พ.ศ.2553

    ที่มา http://www.thairath.co.th/content/edu/72421
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    พายุฝนกระหน่ำออสเตรเลียหนักสุดในรอบ 39 ปี

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    เกิดพายุฝนฟ้าคะนองพัดชายฝั่งตะวันตกของออสเตรเลีย ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและลูกเห็บตก

    พายุฝนฟ้าคะนองที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันที่เมืองเพิร์ธ และตามบริเวณชานเมืองเมื่อค่ำวานนี้ ทำให้เกิดน้ำท่วมอย่างรวดเร็วตามถนนสายสำคัญในระหว่างชั่วโมงเร่งด่วน โดยปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาเพียง 2 ชั่วโมง มากกว่าปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยในแต่ละเดือนถึง 4 เท่า ซึ่งถือว่าเป็นพายุฝนที่เกิดขึ้นในเดือนมีนาคม ที่มีความรุนแรงมากที่สุดในรอบ 39 ปี

    นอกจากนี้ยังทำให้เกิดลมพัดแรงถึง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รวมทั้งมีลูกเห็บขนาดใหญ่ถึง 6 เซนติเมตรตก ทำให้บ้านเรือนเสียหายและผู้ขับขี่รถยนต์ไม่สามารถมองเห็นทาง แต่ที่แย่ไปกว่านั้นสัญญาญาณไฟจราจรทั้ง 150 ไม่สามารถใช้การได้ โรงเรียนบางแห่งที่ได้รับความเสียหายมากจึงต้องสั่งปิดถึงวันนี้ อีกทั้งเที่ยวบินต่างๆต้องหยุดชะงัก โรงพยาบาลหลายแห่งถูกน้ำท่วม โรงพยาบาลแห่งหนึ่งหลังคาได้พักลงมาแต่สามารถช่วยผู้เคราะร้ายกว่า 20 รายออกมาได้ทัน

    ยิ่งไปกว่านั้นยังเกิดโคลนถล่มขึ้นใกล้กับอาคารที่พักอาศัย ทำให้ผู้อยู่อาศัยในอาคารหลังดังกล่าวต้องอพยพหนีตายไปยังที่พักชั่วคราว พายุลมแรงพัดต้นไม้จำนวนมากโค่นทับบ้านเรือนและสายไฟ ทำให้กระแสไฟฟ้าถูกตัดขาด ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนกว่า 1 แสน 5 หมื่นหลังต้องตกอยู่ในความมืดมิด สำหรับมูลค่าความเสียหายอาจสุงถึงหลายร้อยล้านดอลล่าร์

    ส่วนสภาพอากาศในวันนี้ดีขึ้นกว่าเมื่อวาน แต่มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดพายุฝนและฟ้าร้องฟ้าแลบขึ้น ก่อนที่ท้องฟ้าจะแจ่มใส

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันอังคาร ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2553

    ที่มา http://www.krobkruakao.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. ragpon

    ragpon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    456
    ค่าพลัง:
    +954
    ผู้ที่ปูดข่าวและสนับสนุนข่าวที่แอบอ้าง ถึงผู้บริสุทธิ์ ยิ่งท่านผู้นั้นบริสุทธฺ์มากเพียงใดผลของกรรมนั้นย่อมมีผลมากยิ่งเป็นทวีคูณ ต่อไปจงเพ่งแต่กรรมดีหรือดีมากกว่าที่เพ่งอยู่กว่าปัจจุบัน เช่น การช่วยเหลือผู้อื่น จากคนที่ไม่รู้จัก ก็ดีอนุโมทนาแก่คนเหล่านั้นที่ช่วยเหลือผู้อื่นใครก็ได้ที่เขาไม่หวังผลตอบแทนค่อยๆขัดเกลาจิตที่ผ่านมา อาจช่วยได้ระดับนึง แนะนำให้แล้วนะครับ กรรมหนักจริงๆเวลานี้
     
  11. Kongp

    Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909
    ผมจำได้ว่า เคยดูรายการ ที่ ดร.สมิทธ ได้พูดถึง สึนามิฝั่งอ่าวไทย ให้จับตาแถวๆ ฟิลิปปินส์ ครับ ตอนนี้ เริ่มมีบ้างแล้ว ครับ

    Magnitude 5.9
    Date-Time [SIZE=-1]Tuesday, March 23, 2010 at 02:58:14 AM[/SIZE][SIZE=-1][/SIZE]<table id="parameters" summary="Earthquake Details"><tbody><tr><th>Location</th><td>18.454°N, 120.856°E</td></tr> <tr><th>Depth</th><td>42.6 km (26.5 miles)</td></tr> <tr><th>Region</th><td>LUZON, PHILIPPINES</td></tr> <tr><th>Distances</th><td>35 km (25 miles) NE of Laoag, Luzon, Philippines
    185 km (115 miles) NW of Ilagan, Luzon, Philippines
    425 km (265 miles) N of MANILA, Philippines
    735 km (460 miles) S of T'AI-PEI, Taiwan</td></tr></tbody></table>
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    คำเตือนครั้งสุดท้าย

    [​IMG]
    นายกิจจา ทวีกุลกิจ (หมอนิด)

    การชุมนุมของมวลชนคนเสื้อแดงในครั้งนี้ ยิ่งใหญ่กว่าการชุมนุมหลายครั้งที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าหลายคนทั้งในรัฐบาลและสื่อมวลชนบางแห่ง จะมองว่าการชุมนุมคงจะจบลงเมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมาก็ตาม นับว่าเป็นการคาดคะเนที่ผิดพลาดไปอย่างแรง เป็นการประเมินที่สบประมาทคู่ต่อสู้มากไป ผมกลับมองว่าตั้งแต่วันที่ 16 มีนาเป็นต้นไปจะเป็นวันเริ่มสตาร์ทเครื่องและพร้อมที่จะลุยให้ เละทั้งเมือง

    ถึงแม้ว่าแดดจะเผา พระอาทิตย์ทรงโกรธ อย่างไรก็ตามมวลชนคนเสื้อแดงก็ทนวิ่งกว่า สีทนได้ เป็นไหน “สงครามครั้งสุดท้าย” ครั้งนี้ไม่ธรรมดา การชุมนุมทางการเมืองเที่ยวนี้ ถ้าไม่เละกันไปข้างหนึ่งคงจะไม่จบลงง่ายๆ สงครามในครั้งนี้ประชาชนคือหญ้าแพรกคงต้องแหลกลาญ พ่อค้านักธุรกิจ ต้องระวังเศรษฐกิจภายในประเทศให้ดี สมาคมการท่องเที่ยวและโรงแรมควรจะปรับตัวเตรียมพร้อมไว้ด้วย

    คนที่เล่นหุ้นน่าจะพิจารณาให้ดีด้วย เพราะทุกอย่างใกล้ที่จะประทุขึ้นแล้ว มันกำลังเริ่มนับถอยหลังออเดอร์ชุดใหญ่กำลังจะเสริฟ เป็นอาหารรสจัดสำหรับรัฐบาล ที่ผ่านๆมามีทั้งระเบิดมือและ M67 M79 และจรวดอาร์พีจี ยังแค่เบาะๆเป็นอาหารว่างแก้ง่วงให้เจ้าหน้าที่มีงานทำไปวันๆเท่านั้น อีกไม่นานจะมีมาเป็นห่าใหญ่ สารพัดชนิดชอบแบบไหนมีทั้งนั้น เขาจัดให้ไม่เกี่ยงและไม่อั้นอีกทั้งไม่ยั้งด้วย
    <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    ถึงจะมีผู้มาชุมนุมกี่แสนคน ก็ไม่น่ากลัวเท่ากับผู้ที่กำลังทำงานใต้ดินอยู่ในขณะนี้ เพราะถ้าหากชุมนุมโดยสงบและไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น ต่อให้ชุมนุมอีกสิบปีก็ไม่สามารถที่จะขับไล่รัฐบาลได้ เพราะฉะนั้นมันจึงต้องเกิดเหตุรุนแรงแต่จะเกิดจากฝ่ายไหนเป็นผู้กระทำนั้นไม่สามารถระบุได้เท่านั้น สงสารก็พวกประชาชนที่มาร่วมชุมนุมเท่านั้น อาจจะเป็นศพให้นักการเมืองเหยียบขึ้นไปสู่อำนาจ “สงครามครั้งสุดท้าย” ของเขาคนนั้นเป็นทางเลือกสุดท้ายเช่นกัน บอกมาหลายครั้งแล้วว่าในปีนี้ดวงเมืองวิกฤติ รัฐบาลที่นำโดยท่านนายกอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ ยังขาดความเด็ดขาดไม่กล้าตัดสินใจหลายๆเรื่อง
    <O:p></O:p>
    คำเตือนครั้งสุดท้าย “มองหาคนรูปหล่อไม่เห็น”และยังจะมี “ผู้เป็นใหญ่จะเสียชีวิต” อีกทั้งมี “เสียงปืนดังไปทั่ว” ตามด้วย “ระเบิดเป็นแห่งๆ” แถมด้วย “เพลิงเผาหลายจุด” การเมืองปีนี้ร้อนระอุ คนจะตายเป็นเบือ โปรดระวังเสือดุ ทหารจะเสียดสีกันอย่างรุนแรงจนเกิดประกายไฟขึ้น ดวงเมืองวิกฤติ ดวงผู้นำไม่ดี ดวงคณะรัฐมนตรีหลายคนไม่ดี ดวงของผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไม่ดี “เละทั้งเมือง” ค่อนข้างจะแน่นอน ไม่ตัดไฟแต่ต้นลมก็จะลามไปทั่ว
    <O:p></O:p>
    ทหารใกล้ขยับแล้ว ยาแรงกำลังจะถูกนำมาใช้แต่ไม่รู้ว่าฝ่ายไหนจะรุกก่อน เที่ยวนี้ไม่ง่ายเหมือนก่อน ฝ่ายหนึ่งต้องการประเทศชาติ อีกฝ่ายหนึ่งต้องการป้องกันประเทศ คงต้องเละกันไปข้าง ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเมืองหรือบุคคล VIP จะบินออกนอกประเทศ หลายคนจะถูกจับดำเนินคดี บ้านเมืองจะร้อนเป็นไฟ ประชาชนแตกตื่นไปทั่ว หุ้นจะตกอย่างรุนแรง เร็วๆนี้เลือดจะนองอีกอย่างน่ากลัว โรงพยาบาลเตรียมพร้อม “ระวังทหารแตงโมให้มากมีอาวุธเพียบ”<O:p></O:p>

    อ้าว...ผมฝันร้ายไปเอง ขอโทษ และอย่าเชื่อผมเด็ดขาด
    <O:p></O:p>
    ด้วยความเคารพ<O:p></O:p>
    หมอนิด (กิจจา ทวีกุลกิจ)
    23 มี.ค 53

    ทหารแตงโม - สับปะรด

    ผมขอนำคำพูดของใครคนหนึ่งมาขยายความสักเล็กน้อย เพราะผมถูกใจกับคำพูดที่ว่า “ทหารแตงโมกับทหารสับปะรด” เพราะมันเป็นเรื่องจริงที่มี... ทหารแตงโมอยู่จำนวนหนึ่งและอาจจะมีจำนวนไม่น้อยที่เป็นทหารแตงโมอยู่ในขณะนี้... ทหารแตงโมนี้น่ากลัวมากจะประมาทไม่ได้เลย เพราะยังไม่แสดงตัวจำนวนไม่น้อย... ผมเคยบอกแล้วว่าทหารจะแตกเป็นสองฝ่าย... “สีเขียวเสียดสี” มาถึงวันนี้ทุกคนคงประจักษ์ชัดขึ้นมาบ้างแล้วว่ามีทหารส่วนหนึ่ง เป็นปรปักษ์อยู่เงียบๆ ก็มี เพื่อคอยจังหวะและโอกาสหันปากกระบอกปืนมาทาง “ผู้บังคับบัญชา” ก็เป็นไปได้สูง... ทหารแตงโมก็คือ ทหารที่สวมชุดสีเขียวอยู่แต่เนื้อในนั้นเป็น “สีแดง”

    หมอนิด (กิจจา ทวีกุลกิจ)
    1 ก.พ. 53

    ที่มา www.mornid.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มีนาคม 2010
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>น้ำเป็นกรดปลาตายลอยอืด เกลื่อนทะเลสาบกรุงฮานอย</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>23 มีนาคม 2553 19:20 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    มลภาวะวินาศ-- ราษฎรที่อาศัยอยู่รอบๆ นำเรือเล็กออกตักปลาตายในทะเลสาปจึกแบ๊ก (Truc Bach) ในกรุงฮานอย วันจันทร์ (22 มี.ค.) ที่ผ่านมา ปลาหลากชนิดและหลายขนาดนับเป็นตันๆ ตายลงเนื่องจากมลภาวะซึ่งทำให้น้ำกลายสภาพ มีกรดสูง แต่ 1 สัปดาห์ผ่านมาทางการท้องถิ่นก็ยังไม่ได้เอาใจใส่มากมายนัก สื่อของเวียดนามกล่าว

    ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- ปลานับเป็นตันๆ ลอยอืดเต็มทะเลสาบจึกแบ๊ก (Truc Bach) ที่มีชื่อเสียงในกรุงฮานอยกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับตอบสนองต่อเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างเชื่องช้า เจ้าหน้าที่ตรวจคุณภาพน้ำ และพบว่า มีความเป็นกรดสูง ทั้งนี้ เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋ (Tuoi Tre)

    ภาพที่สำนักข่าวรอยเตอร์นำออกเผยแพร่ในวันเดียวกัน แสดงให้เห็นปลาหลากหลายขนาดและชนิด ลอยอยู่บนผิวน้ำเป็นหย่อมๆ มองไม่เห็นสิ่งใด ราษฎรที่อาศัยอยู่รอบๆ นำเรือลงไปตักปลาตายขึ้นจากน้ำ ลดความเหม็น

    นายด่งแท็งห่า (Dong Thanh Ha) เจ้าหน้าที่สถาบันวิจัยประมงที่ 1 กล่าวว่า ได้ทดสอบน้ำในทะเลสาบเสร็จในช่วงบ่ายของวันจันทร์ (22 มี.ค.) ที่ผ่านมา แต่ผลที่ได้ไม่ปรากฏเหตุผิดปกติใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเข้มข้นของออกซิเจนในน้ำ

    แต่ปัจจัยค่าความเป็นกรดด่างของน้ำลดลงเล็กน้อย ต่ำกว่ามาตรฐาน 7.0 ซึ่งชี้ให้เห็นว่าน้ำในทะเลสาบมีความเป็นกรด ทำให้ต้องมีการทดสอบเพิ่มเติมและตรวจสอบเพื่อระบุหาสาเหตุของความเป็นกรดดังกล่าวเพิ่ม นายห่า กล่าว

    หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ยังไม่เริ่มเก็บปลาตายที่ได้ส่งกลิ่นเหม็น ทำให้นักท่องเที่ยวและลูกค้าตามร้านอาหารรอบทะเลสาบต่างหันหน้าหนี เตื่อยแจ๋ กล่าว

    ราษฎรในพื้นที่แจ้งว่า ปลาที่ตายอยู่ในทะเลสาบถูกพัดลอยไปตามน้ำ ผ่านท่อระบายน้ำ ทำให้ทะเลสาบอื่นๆ เริ่มเน่าเสียไปตามๆ กัน

    ที่มา http://www.manager.co.th/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    ผมเชื่อเต็มร้อยว่าคำทำนายของหมอดูนิดกิจจาเป็นแค่ในฝัน
    ผมเชื่อในกองทัพเทพเทวาที่คอยช่วยเหลือในหลวงของเรายังทำงานกันอย่างเต็มกำลัง
    และผมเชื่อว่าการก่อความรุนแรงจะถูกจับได้และถูกเผยออกสู่สาธารณะอีกไม่นานเกินรอ
    กรรมกำลังไลล่าผู้ที่วางแผนอันชั่วร้ายที่ทำให้ผู้คนต้องตายกันมากเพื่อประโยชน์ของตัวเองในต่างแดน ใครที่คิดร้ายและทำร้ายต่อแผ่นดินก็ย่อมไม่มีแผ่นดินอยู่เป็นกฏกติกาของธรรมชาติอยู่แล้ว กฏแห่งกรรมกำลังทำงานอย่างรวดเร็วเหมือนติดจรวดเลยครับตอนนี้
     
  15. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +5,398
    คำทำนายทายทักของหมอดู จะไปยึดถืออะไรได้ ไม่เคยเห็นถูกสักที
    ไม่ต้องกังวลอะไรมาก กีฬาสีที่เล่นกันไม่พัฒนาเป็นกีฬาประเภทอื่นหรอก เรื่องต่างๆมีหนทางที่จะคลี่คลายด้วยตัวมันเอง กีฬาสีจะยังคงอยู่ต่อไป แต่สังคมจะได้เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติระหว่างคนที่ขัดแย้งกัน และรู้จักหาทางออกที่ดีกว่าการเข่นฆ๋ากัน พวกที่ลุ้นว่านั้นฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ต้องชนะ หลงคิดว่าฝ่ายข้าพเจ้าเป็นฝ่ายธรรมะ มีเทพเทวาดูแลและเข้าข้าง ต้องบอกเลยว่าเทพเทวาไม่สนใจความขัดแย้งของมนุษย์ที่มากกิเลสแต่อย่างใด เทพเทวาสนใจแต่บุญกุศล สนใจแต่คนที่มีศีลมีธรรม คนที่ปฏิบัติเพื่อไร้กิเลสเท่านั้น
    เรื่องกีฬาสี นี่ก็แค่ดูกันสนุกๆ เดี๋ยวก็มีกีฬาอย่างอื่นที่น่าติดตามกว่าให้ลุ้นกัน
     
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เชียงใหม่-เผยภาพทะเลสาบดอยเต่าแห้งสุดในรอบ 3 ปี

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ทะเลสาบดอยเต่าซึ่งเป็นแหล่งต้นทุนของน้ำในเขื่อนภูมิพลแห้งลงอย่างรวดเร็ว และถือว่าวิกฤตหนักที่สุดในรอบกว่า 3 ปีที่ผ่านมา จนร่องน้ำแห้งลงไปไกลกว่า 3 กม. แพท่องเที่ยว และแพประมงของชาวบ้านต้องเกยตื้นเร็วกว่าทุกปีถึง 3 เดือน

    สถานการณ์ภัยแล้งของพื้นที่ภาคเหนือเริ่มเข้าขั้นวิกฤติ โดยเฉพาะข้อมูลล่าสุดของปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ปริมาณน้ำไม่เพียงพอสำหรับการเกษตรแล้ว แต่แหล่งน้ำต้นทุนของเขื่อนทั้ง 2 แห่งอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ ที่ไหลลงสู่เขื่อนทั้ง 2 แห่ง หนึ่งในแหล่งน้ำต้นทุนใหญ่ของเขื่อนภูมิพลอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และลำพูน โดยเฉพาะที่ทะเลสาบดอยเต่า อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ พบว่า ปีนี้สถานการณ์รุนแรงที่สุดในรอบกว่า 3 ปีที่ผ่านมา

    ปริมาณน้ำของทะเลสาบดอยเต่าปีนี้ลดระดับลงอย่างรวดเร็ว และเร็วกว่าทุกปี ตามปกติแล้วระดับน้ำจะเริ่มแห้งในช่วงฤดูแล้งประมาณเดือน เมษายนถึงเดือน พฤษภาคม แต่ปีนี้พบว่าระดับน้ำเริ่มแห้งลงเร็วกว่าปกติถึง 3 เดือน ตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ปริมาณน้ำเริ่มลดระดับลงอย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งเนื่องจากปริมาณน้ำกักเก็บของเขื่อนภูมิพลปีนี้น้อยกว่าทุกปี และการปล่อยน้ำของเขื่อนภูมิพลเพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรทางภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลาง ทำให้ระดับน้ำในทะเลสาบดอยเต่าลดลงไปด้วย

    ล่าสุดแพท่องเที่ยว แพร้านอาหาร และแพประมงของชาวบ้านในทะเลสาบดอยเต่า ต้องจอดเกยตื้นอยู่ริมทะเลสาบ ซึ่งช่วงปกติจะมีน้ำเต็มอ่าง แต่ขณะนี้ร่องน้ำที่แห้งลงไปทางตอนล่างห่างไปไกลกว่าริมทะเลสาบมากกว่า 3 กิโลเมตร ทำให้นักท่องเที่ยวหายไปทันที แพท่องเที่ยวขาดรายได้ไปเดือนละกว่า 100,000 บาท จากช่วงท่องเที่ยวจะมีรายได้เฉลี่ยต่อวัน 5,000-10,000 บาท แต่มาเดือนนี้แทบจะไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมา พื้นที่น้ำแห้งทำให้ดินแตกระแหง กลายเป็นทุ่งกว้าง ที่มีดินแตก บางจุดที่ยังพอมีต้นหญ้าขึ้นก็กลายเป็นทุ่งเลี้ยงวัว และควาย ไปแล้ว

    สำหรับพื้นที่ทะเลสาบดอยเต่าเกิดขึ้นหลังจากการสร้างเขื่อนภูมิพลเสร็จเรียบร้อยเมื่อปี พ.ศ.2507 จนทำให้เกิดเป็นทะเลสาบดอยเต่า ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และยาวประมาณ 140 กม.จาก อบต.ดอยเต่า ไปจนถึงเขื่อนภูมิพล อ.สามเงา จ.ตาก มีสภาพเป็นทะเลสาบซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่น้ำท่วมของ กฟผ.พื้นที่ประมาณ 58 ตารางกิโลเมตร หรือ 36,250 ไร่

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันพุธ ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2553

    ที่มา http://www.krobkruakao.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    นาคปรก แรงฝ่าม็อบ!! ทำรายได้อันดับหนึ่งทั่วประเทศ

    [​IMG]

    เข้าฉายให้คอหนังได้พิสูจน์ความ “แรงจริง” และ “ดีจริง” ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับภาพยนตร์ฉีกทุกความกล้าท้าทุกความแรง นาคปรก ของค่าย “ใบโพธิ์” สหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล

    ซึ่งถึงแม้ว่าช่วงที่หนังกำลังออกฉายนี้จะมาชนกับปัญหาบ้านเมืองที่กำลังร้อนระอุอยู่อย่างโชคร้าย แต่ด้วยเนื้อหา และความเป็นหนังไทยคุณภาพที่คอหนังทุกคนรอคอยก็ทำให้หนังเรื่องนี้ทำรายได้เป็นอันดับหนึ่งทั่วประเทศจากการเข้าฉาย 3 วันแรก และได้เสียงตอบรับอย่างล้นหลามโดยจำนวนคนเข้าชมเต็มโรงแทบทุกรอบ โดยนอกจากจะไร้ซึ่งกระแสในทางลบจากคนที่ได้ดูหนังแล้ว กลับกันกับได้รับเสียงชื่นชมจนถึงกับมีการปรบมือกันเกรียวกราวในบางโรงฉาย งานนี้ผู้กำกับคนเก่ง “ใหม่-ภวัต พนังคศิริ” ถึงกับเป่าปากด้วยความโล่งอกที่คนดูชอบหนังนาคปรก และหวังลึกๆ ว่าเมื่อปัญหาบ้านเมืองคลี่คลายลง บรรดาคอหนังอีกจำนวนหนึ่งที่ยังไม่ดูหนังเรื่องนี้ จะได้ออกมาพิสูจน์งานคุณภาพกันอย่างสบายใจเสียที โดย “ใหม่-ภวัติ” เผยความรู้สึกว่า

    “คือต้องขอบคุณหลายๆ คนที่ฝ่าม็อบไปดูกัน ซึ่งผลตอบรับดีมากครับ ดีเกินกว่าที่ตัวผมเองคาดไว้ คือผมเชื่อว่าหลายคนที่ไปดูหนังเรื่องนี้ คงตั้งคำถามให้กับหนังก่อนที่จะไปดู ทั้งเรื่องของการพูดถึงประเด็นศาสนา ทั้งความแรง ทำไมถึงหนังเรื่องนี้ต้องจัดเรท คือคนตั้งใจไปหาคำตอบกัน พอดูหนังจบทุกคนจะเข้าใจและรับในสิ่งที่หนังอยากจะบอก ผมก็โล่งใจแล้วก็ดีใจมาก ยิ่งมีทีมงานมาบอกว่าโรงที่เขาไปดูมีคนปรบมือกันทั้งโรง เราก็ยิ่งดีใจ

    อย่างโรงที่ผมไปดูก็มีน้องที่เขารู้ว่าผมเป็นผู้กำกับ พอดูหนังจบเขาก็เดินมาหาแล้วก็พูดว่าขอบคุณนะพี่ที่ทำหนังดีๆ ให้ดู ตรงนี้เป็นกำลังใจมาก คือหนังเรื่องนี้ต่อสู้กับอะไรหลายๆ อย่างมาเยอะ ถึงตอนนี้มันคุ้มค่ากับที่รอคอย แต่ก็เป็นห่วงเรื่องรายได้เหมือนกัน หวังว่านาคปรกจะยืนระยะอยู่ได้จนกว่าปัญหาบ้านเมืองจะคลี่คลายลง ยังไงก็ขอบคุณทุกคำชื่นชม ขอบคุณทีมงานและนักแสดงทุกคน ที่ช่วยกันทุ่มเททำหนังเรื่องนี้ครับ”

    งานนี้บอกได้คำเดียวว่าอย่าลืมไปให้กำลังใจหนังไทย “คุณภาพ” ที่ขอฉีกความซ้ำซากให้คอหนังไทยได้เปิดมิติใหม่กันในครั้งนี้ ไปพิสูจน์ นาคปรก เข้าฉายแล้ววันนี้ทุกโรงภาพยนตร์

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    เรื่องย่อหนัง นาคปรก

    ภาพยนตร์แอ็คชั่นดราม่าสุดเข้มข้นว่าด้วยเรื่องราวของสามโจร สิงห์ (เร แม็คโดแนลด์), ป่าน (สมชาย เข็มกลัด), ปอ (เต้ ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์) ที่รวมหัวกันวางแผนปล้นรถขนเงิน แต่เคราะห์กรรมทำให้ถูกไล่ตามจับ เมื่อจนมุมตัดสินใจนำเงินที่ปล้นมาได้แอบซ่อนไว้ในวัด และเมื่อย้อนกลับมาขุดหาเงินจึงรู้ว่า ที่ซ่อนเงินถูกโบสถ์ใหม่สร้างทับไปแล้ว ทางเดียวที่จะทำให้ได้เงินคืนมาคือการปลอมเป็นพระภิกษุในวัดนั้น สิงห์จึงทำการปล้นผ้าเหลืองด้วยการบังคับให้ หลวงตาชื่น (สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์) บวชให้ตนและป่าน เพื่อกลายสภาพเป็นพระธุดงค์ปลอมเข้ามาอยู่ในวัด มีเพียงปอเท่านั้นที่ยืนกรานที่จะไม่บวชเพราะเชื่อว่านี่คือสิ่งผิด จึงตัดสินใจเป็นแค่เด็กวัดเพื่อคอยติดตามพระปลอมทั้งสองเท่านั้น

    ถึงแม้ว่าการตัดสินใจในครั้งนี้ของแต่ละคนจะมีจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกัน ป่านและปอ สองพี่น้องตัดสินใจลงมือทำเพื่อต้องการนำเงินที่ได้ไปรักษาตาที่มืดบอดของแม่ (รัชนู บุญชูดวง) ส่วนสิงห์ทำลงไปด้วยความชั่วที่ฝั่งลึกอยู่ในสันดาน แต่ใช่ว่าพฤติกรรมที่แฝงเร้นเข้ามาในวัดของทั้งสาม จะรอดพ้นไปจากสายตา แห่งความเคลือบแคลงสงสัยของเหล่าพระและเด็กในวัดไม่ ในขณะเดียวกันผ้าเหลืองที่สองโจรห่มอยู่คล้ายดั่งเครื่องห้ามความชั่วที่อยู่ในตัวของเหล่ามารศาสนาลงไปได้บ้าง ส่วนปอเองกลับค่อยๆ เรียนรู้และซึมซับเอาหลักธรรมคำสอนแห่งความดีที่ได้จากหลวงตาขึ้นทีละน้อย

    จนกระทั่งเมื่อความจริงปรากฎขึ้น กิเลส ความเลว และความโลภ ที่ครอบงำถึงส่วนลึกในจิตใจได้ ถูกปลุกขึ้นอีกครั้ง “ปาฏิหาริย์แห่งศรัทธาจะเกิดขึ้นในห้วงสำนึกสุดท้ายของคนได้หรือไม่” “ศาสนาจะสามารถขัดเกลาให้คนเลวกลับกลายเป็นคนดีได้จริงหรือ” เตรียมพบกับบทสรุปของเหตุการณ์พลิกผันที่หลายคนไม่คาดคิด สู่แก่นแท้ของ “ความดี” และ “ความเลว” ที่สุดขั้วในใจคน

    ที่มา http://movie.sanook.com/movie/movie_16770.php
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 16770_005.jpg
      16770_005.jpg
      ขนาดไฟล์:
      44.9 KB
      เปิดดู:
      800
    • 16770_007.jpg
      16770_007.jpg
      ขนาดไฟล์:
      39 KB
      เปิดดู:
      796
    • 16770_010.jpg
      16770_010.jpg
      ขนาดไฟล์:
      29.2 KB
      เปิดดู:
      745
    • 16770_012.jpg
      16770_012.jpg
      ขนาดไฟล์:
      23.1 KB
      เปิดดู:
      749
    • 16770_013.jpg
      16770_013.jpg
      ขนาดไฟล์:
      42.4 KB
      เปิดดู:
      751
    • 16961_003.jpg
      16961_003.jpg
      ขนาดไฟล์:
      21.8 KB
      เปิดดู:
      808
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เศรษฐีน้ำมันจะทำนา กาตาร์เล็งแสนไร่ในเวียดนาม</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>23 มีนาคม 2553 22:39 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=650 border=0><TBODY><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพถ่ายวันที่ 27 พ.ย.2552 ถ่ายจากรถโดยสารขณะแล่นผ่านท้องที่ จ.ลองอาน ในเขตที่ราบปากแม่น้ำโขง ทางตอนใต้นครโฮจิมินห์ เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำกาตาร์กล่าวว่า เศรษฐีน้ำมันจากตะวันออกกลางประเทศนี้ มีโครงการจะเข้าลงทุนทำนาใน จ.จ่าวีง (Tra Vinh) ที่อยู่ถัดจากลองอานลงไปทางใต้อีกเล็กน้อย และ อาจจะใช้พื้นที่กว่า 150,000 ไร่ </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ประเทศกาตาร์วางแผนลงทุนโครงการปลูกข้าวบนพื้นที่ 25,000 เฮกตาร์ (ประมาณ 156,250 ไร่) ใน จ.จ่าวีง (Tra Vinh) เขตที่ราบปากแม่น้ำโขงของเวียดนาม เพื่อเป็นการประกันความมั่นคงทางด้านอาหารของประเทศ หนังสือพิมพ์แถ่งเนียนอ้างการเปิดเผยของนายฟุงเถลอง (Phung The Long) เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำกาตาร์

    กาตาร์ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญเดินทางไปเวียดนามเพื่อเจรจาในโครงการดังกล่าว นายกล่าว โดยยังไม่มีการเปิดเผยมูลค่าการลงทุนในโครงการปลูกข้าวนี้ รูปแบบการลงทุนและรายละเอียดอื่นๆ

    ก่อนหน้านี้ในปี 2551 กาตาร์ได้เซ็นสัญญาเช่าที่นาในกัมพูชา ซึ่งเป็นการลงทุนในรูปแบบสัมปทานด้วยจุดมุ่งหมายเดียวกันนี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกัมพูชาเคยเปิดเผยเรื่องนี้แต่ ไม่ยอมให้รายละเอียดอื่นใด นอกจากว่าฝ่ายกาตาร์จะลงทุนสร้างระบบชลประทานขึ้น มารวมทั้งตัดถนนหนทางเข้าสู่ท้องถิ่น

    ในปีเดียวกันรัฐบาคูเวตได้ให้เงินกู้แก่กัมพูชากว่า 600 ล้านดอลลาร์ นัยว่าเพื่อแลกกับสัญญาสัมปทานผืนนามหาศาล เพื่อปลูกข้าวสร้างหลักกระปันความมั่นคงด้านอาหารเช่นเดียวกับกาตาร์

    สำหรับเวียดนาม เอกอัครราชทูตฟุงเถลองอีกว่า ยังมีนักลงทุนหลายรายจากกาตาร์กำลังมองหาช่องทางและโอกาสเข้าลงทุนในด้านอสังหาริมทรัพย์ ธนาคาร และภาคการเงินในเวียดนามอีกด้วย

    มูลค่าทางการค้าระหว่างเวียดนามและกาตาร์ได้เพิ่มขึ้นอย่างเสมอต้นเสมอปลายในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จากเพียง 30 ล้านดอลลาร์ในปี 2550 เพิ่มขึ้นเป็น 120 ล้านดอลลาร์ในปี 2552

    เวียดนามส่งออกเหล็ก อาหารทะเล สายไฟและเฟอร์นิเจอร์ไปยังกาตาร์ และ นำเข้าก๊าซแอลพีจี ปุ๋ย และผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีจากประเทศตะวันออกกลางแห่งนี้ นายลองกล่าว

    ที่มา http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9530000040788
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ======================================

    24 มี.ค. 53


    คอนโดสูงกับบันไดหนีไฟ

    ให้ระวังเรื่องไฟไหม้

    รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม

    การที่เรายังสงสัยว่า พระมหาจักรพรรดิ์ที่ลงมาทำงานในโลกเป็นท่านใด?
    ขอให้สังเกตุจากสัญลักษณ์และราชพาหนะ พระองค์ที่หลายฝ่ายยังสงสัยอยู่
    พระองค์ท่านทรงสุบรรณ ทรงสุพรรณหงส์ ทรงนาคราช พระองค์มาจากฝ่าย
    ปกป้อง(ปกครอง)มิใช่มาจากฝ่ายปราบปรามตามที่เข้าใจกัน

    พระผู้สร้างมีพระนามอักษรนำคือ พอ
    พระผู้ปกป้องมีพระนามอักษณนำคือ นอ
    พระผู้ปราบปรามมีอักษรนำคือ ออ






    องค์อินทร์ - ๙๗
    ทำการแทน

    ======================================
    ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
    ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







    ---------------------------------------------------------------------
    หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น<STYLE>body{background-image:url("http://palungjit.org/attachments/a.758354/");}</STYLE>
     
  20. CASIO12

    CASIO12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    440
    ค่าพลัง:
    +1,133
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>วิกฤตหนัก!!ชาวจีนประสบปัญหาภัยแล้ง-ฝนไม่ตกกว่า 8 เดือนแล้ว</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>24 มีนาคม 2553 13:16 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> พื้นที่ทางการเกษตรและประมง ในมณฑลยูนนานทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากภาวะภัยแล้งขั้นรุนแรง แม่น้ำและอ่างเก็บน้ำหลายแห่งแห้งขอด เนื่องจากฝนไม่ตกมาแล้วกว่า 8 เดือน ทำให้ชาวประมงสูญเสียรายได้ และชาวจีนมากกว่า 2 ล้านคน ขาดแคลนน้ำดื่มสะอาด โดยคิดเป็นมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจมากกว่า 90,000 ล้านบาท
    ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่า สภาพอากาศที่เลวร้ายนี้ เกิดจากภาวะโลกร้อน

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>ช่วงที่ผ่านมา จีนสร้างเขื่อนเยอะมาก แต่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...