ปรึกษาปัญหาสารพัดโรค ด้วยหลักการแพทย์แผนไทย / วิธีฝึกและใช้พลัง(ปราณยาม)ในการรักษาโรค

สวัดดีครับอาหมอครับ ถ้าว่าง ช่วยตอบ PM หน่อยนะครับ

โรคที่เป็นนะครับ

1. ผมล้านนิดๆครับ เป็นรังแคแล้วทำให้ผมร่วงครับแก้ไม่หายซักที
2. เป็นกากเกลื้อน บริเวรหลังครับ
3. ปวดหัวครับ
4. มีอาการลมตีขึ้นมาจากท้องบ้า้ง ท้องอืดบ้าง เป็นหลังจากบ่ายๆไปแล้วครับ
เหมือนอาหารไม่ย่อยหรอกรดใหลย้อนก็ไม่ทราบครับ

อันนี้กังวลที่สุดครับ

5. บริเวรเอวด้านหลัง มีก้อนเหมือนกับซีด อยู่ติดๆกับกระดูดสันหลัง
อยู่หลายก้อนมากเลยครับแต่ซีกซ๊ายจะมากกว่าขวา เป็นมาหลายปีแล้วครับ
เคยรู้สึกเสียวแถวสะเอวแป๊ปๆ นานแล้วครับ แต่ตอนนี้ปวดตั้งแต่
คอ บ่า หลัง สเอว แต่ 2-3 วันนี้ จะรู้สึกชาตามมือ ตามเท้า
ตอนตื่นอน มือ เท้า กำไม่ค่อยเต็มที่จะตึงๆครับ


ผม ชื่อพฤฒิศักดิ์ ครับ หนัก 100 กิโล สูง 168

อยากได้ยาลดความอ้วนด้วยนะครับ

ผม PM ไปหาอาหมอ แล้วนะครับ แต่พอดีมันชาๆมือกับเท้า
มันไม่เคยเป็นเลยกลัวๆ แล้วมาโพสในนี้อีกครั้งนะครับ

ขอบคุญครับอาหมอ

 

อาการอย่างนี้ ไม่ ควร ปล่อยทิ้งไว้ นาน ต้องรีบร้กษา
แค่ ความดันสุง อย่าง เดียว ยังไม่น่ากลัว
รักษา ก็ จะดี ขึ้น
ปล่อยไว้ จะ แย่ และ เสี่ยง กับ อีกหลายโรค

คนอ้วน ( อย่าโกรธกัน นะ )
ผม ก็ อ้วน สูง 180 น้ำหนัก 93 กก.
พอจะ สรุป เรื่อง อ้วน ได้ แบบ จริงๆ ที่ ไม่เกรงใจใคร ว่า

คน อ้วน มีสาเหต มาจาก
1. กรรมพันธ์
2. กิน เยอะ เกิน
3. ออกกำลัง น้อย มาก

ข้อหนึ่ง แก้ไข ยาก ต้อง รอ ไป เกินใหม่ ชาติหน้า
ข้อสอง ก็ กิน ให้ น้อยๆ หน่อย
พูดง่าย แต่ ทำยาก ต้อง หาวิธี เอาเอง บอกไป ก็ หากไม่ทำตาม มันก็ ไม่ได้ ผล เอาเป็นว่า
กิน เฉพาะ ม้ื้ออาหาร เท่านั้น วันละ สามมื้อ
ระหว่างมื้อ ห้ามกิน กินได้ แต่น้ำ เปล่า
น้ำหวาน ของหวาน ห้ามกินเด็ดขาด
หาก หยุด กิน ข้าว แป้ง และ น้ำตาล (คาร์โบไฮเดรท) ได้ เด็ดขาด ภายใน 7 วัน น้ำหนัก จาก 100 ก.ก. จะ ลดลงให้เห็น ได้ ไม่น้อยกว่า 4 - 5 ก.ก. จริงๆ

กำลังใจ สำคัญ ที่ สุด

ไป หากองเชี่ยร์ ไว้ด้วย

สมัย หนุ่มๆ ผม น.น. 92 ก.ก. คิดอยากจะ ลดน้ำหนัก สัก 10 ก.ก.
คิด สูตร นี้ ขึ้นมา ว่า หยุด กินพลังงาน น่าจะ ลดน้ำหนักได้

ก็ หยุด กิน แป้ง ข้าว และน้ำตาล ทุกกรณี
หยุดกิน คาร์โบไฮเดรท
ส่วน กับข้าว กินได้ ตามปกติ หมู เห็ด เป็ดไก่ ของอร่อยๆ กินได้ ไม่ห้าม แม้ ขาหมู มันๆ ถ้าอยากกิน ก็ กินไป ไม่ว่า

แล้ว ชั่งน้ำหนักตัว ทุก เช้า
เพียง วันที่ สอง น.น. ตัว ลดไป ครึ่ง ก.ก.
วันที่ สาม ลดไป อีก ครึ่ง ก.ก.
เป็นอย่างนี้ เพียง 7 วัน ลด นัำหนักไป ได้ สาม ถึง สี่ กิโล

เพียง สัปดาห์ ที่ สาม ก็ ลดไปได้ แล้ว 10 ก.ก.

แล้ว ให้ ทำอย่างนี้ต่อไป จน ชิน เป็น นิสัย ก็ คุม น้ำหนักตัวได้
มัน เปลือง เงิน หน่อย ตรง ที่ ต้อง ซื้อกาเกง ใหม่ ทั้งหมด
คือ ของเก่า ใส่ไม่ได้ เลย
ใส่ หลุด ใส่หลุด........55
เอว จาก 38 เหลือ 34 นิ้ว


สมัยนั้น ผม ไม่กินข้าว กินแต่ กับ อยุ่ สามปี
ก็ ไม่ มีปัญหา ใดๆ ยัง เล่น กีฬา ได้ ตามปกติ ทำงาน ได้ ปกติ

หลังจาก สามปี เผลอ ไป กิน มะหมี่ เข้าไป ชามหนึ่ง
โอ้ย ไม่ รู้ จะบอก อย่างไง

มัน อร่อย แสนวิเศษ เหลือ เกิน ( ความรู้ สึก ในตอนนั้น)
จึง เริ่ม กลับมากิน ข้าว ตามปกติ
อีก 6 ให้ หลัง มันก็ กลับมา หนัก เหมือนเดินอีก

เรื่อง ออกกำลังกาย จะว่าไป คงทำยาก
คนที่ ชอบออกกำลัง กาย เล่นกีฬา มัน คง ไม่ อ้วน มากนักหรอก

ที่อ้วน ก็ เพราะ ไม่อยากเล่น มากกว่า

เดิน ก็ ยังดี ผม เดิน วันหนึ่งๆ หลายกิโล
แค่ เดินในบ้าน ก็ ได้ สามสี่โล แล้ว แค่นี้ นน. มันไม่ลดหรอก อยากจะลด ต้องมากกว่านี้

เรื่องยา ไม่ต้อง รอ หมอมาตอบ หรอก

โทร ไปตาม สอบถาม เลย
หรือ ไป บุกถึงบ้าน หมอ เลย ก็ น่าจะดี

หากทิ้ง ไว้ อีก สัก ไม่เกินครึ่งเดือน น่าจะมี อาการ ให้ แล้ว
ความดันสุง
หลอดเลือด มัน มีโอกาส ไป กดทับ เส้นประสาท
อาการชา ( เบาเบา ) อาการ กระตุก อาการปวดหัว มึหัว ฯ
จะตามมา อีก เป็น ขบวน

แล้ว ไม่ตาย หรอก นะ แต่ อาจ ได้ นอน ยาว ตรงนี้ น่าเป็นห่วง

ผม พุด เหมือน เล่นๆ แต่ ห่วง จริงๆ นะ

 

ขอบคุญครับ คุณดาวทะเลทราย

 

ความประมาท เป็นทางสู่ความวิบัติ

น่าสงฉานไอ้หมอนิ มันอวดเก่งทำยารักษาโรคได้สารพัด
พอบอกโรคและอาการปั๊บ เดี๋ยวเดียวมันก็เนรมิตรยาออกมาได้โดยง่าย ไม่นานเกินรอ

แต่การทำยานะมันต้องมีตัวอย่างโรค มีเชื้อโรค(ไม่ว่าจะเชื้อรา แบคทีเรีย หรือไวรัส ก็ตาม) เอามาเป็นตัวอย่าง
แล้วก็หาสมุนไพรต่างๆ เอาฤทธิ์ของยามาเทียบเคียงกับไอ้ตัวเชื้อ และก็จะได้ยาออกมา

แต่งานนี้มันดีใจเกินเหตุ ที่สามารถหายาแก้ไอ้โรคมือเท้าปากได้แถมแก้ไอ้ไวรัสมรณะได้ด้วย ใช้เวลาเดีํยวเดียวเอง
พอได้ยาปั๊บ ทดสอบแน่ใจ ก็เอามาเล่าให้ชาวบ้านฟัง แล้วติดลม ลืมไปเลยว่าไอ้เจ้าเชื้อโรคไวรัสที่ไปเก็บเอามานะ มันยังอยู่ นะ
แถมยังไม่ได้เก็บปิดผนึกด้วย ทิ้งไว้อ้าซ่าซะอยางงั้น

ปกติ พอไปเก็บไอ้เชื้อพวกนี้มาแล้ว ต้องฟูมฟักมันให้เจริญงอกงามพอควร ในที่เพาะฟักที่มีฝาปิดมิดชิด แล้วจึงเอามาทดลอง
พอทดลองเสร็จนะ เขาก็จะใช้เตโชธาตุเผาทิ้ง
หรือหากต้องใช้ต่อก็ต้องใช้จิตผนึก ไม่ให้เล็ดรอดออกมาได้(แต่เสี่ยงไปหน่อยนิ)

ผ่านไปแค่วันกว่า ไอ้หมอก็ตะครั่นตะครอไปทั้งตัว
มันก็เสาะหาเหตุโรคที่เกิดกับมันว่า เกิดได้ไง มาจากใหน ใครใส่มาให้ มากับคนไข้หรือเปล่า ฯลฯ
มันเสาะหาเป็นวัน จนอ่อนใจ แต่ไข้ขึ้นซะแล๊ะ
ก็มันหาเหตุจากภายนอกที่มาโจมตีมัน หาจนมึนตึบก็หาไม่เจอ ได้แต่ทำตาปริบๆ และเริ่มนอนซม

พอสงบใจได้มันก็ค่อยๆย้อนเวลาไปช๊อตต่อช๊อต
อ้อ...มันนึกได้แล้ว ลืมผนึกไอ้เจ้าเชื้อไวรัสมรณะ เปิดทิ้งไว้ มันจึงฟุ้งกระจาย โจมตีจากภายในออกสู่ภายนอก
(มิน่าจึงหาเหตุไม่เจอ-ก็เล่นหาเหตุจากภายนอกนิ)

พอรู้เหตุ มันก็ได้เป็นหนูตะเภาทดลองยาที่มันทำ แค่มื้อเดียว ไข้ก็ลดแล้ว
กินต่ออีกวันมันก็ลุกขึ้นมาเต้นดิสโก้ได้

ฮิฮิ........โสน้าน่า. ความประมาทเป็นหนทางสู่ความตายโดยแท้

 

จากการที่ไอ้หมอได้เป็นหนูตะเภาเอง
จึงรู้ว่ายาที่มันทำนะเป็นยาที่เย็นค่อนข้างมาก แก้ไข้ได้ดี แก้ไวรัสที่เป็นต้นเหตุแห่งโรคได้ดี
แต่เมื่อ กินไปสัก ๒-๓ วัน ไข้ลดแล้ว อาการดีขึ้นแล้ว
ต้องเริ่มเฝ้าระวังไฟธาตุในตัวคนไข้ด้วย อย่าให้ลดต่ำจนน้อยเกิน

หลังจากกินยาที่ไอ้หมอไห้ไว้ได้สัก ๒-๔ วัน ก็ให้กินยาเพิ่มไฟธาตุด้วย(เพิ่มอย่างระมัดระวัง)

 

คุณสุวิคะ หนูทานมณี 35 + แก้วปัทมา มาอาทิตย์กว่าแล้วค่ะ
ไม่หายปวดหลัง/เอว 2 วันมานี้ปวดหนักกว่าเดิมอีกค่ะ

TT__TT

 

กินยาต่อไปเหมือนเดิน นะแหละ
อีกวันสองวันก็หายแล้ว

ว่าแล้วก็ up great ซะ

 

อ่า ทำยังไงคะ _/|\_

หนูเป็นแต่ down grade :'(

 

แม่ผมเป็น ไฟโบรมัยอัลเจีย อาการหมอบอกประมาณว่ากระดูกสันหลังเคลื่อนออกนอกจุดเดิมแล้วเดชะบุญมันเคลื่อนกลับเองได้ แต่ว่าความเสียหายทั้งหมดจะมาลงกับกล้ามเนื้อหลังของแม่ผมแทน ซึ่งตอนแรกไม่ทราบว่าเป็นอย่างนี้เพราะแม่ผมคิดว่าเป็นอาการผสมจากการเป็นวัยทองเลยไม่ได้สนใจมากนัก ไปหาหมอที่โรงพยาบาล หมอก็กดหลังแม่ผมอย่างแรงเลยทำให้อาการปวดหลังของแม่หนักมากขึ้นมากๆๆ จนแม่ผมร้องทนไม่ไหวแทบขาดใจจนหมอต้องฉีดมอร์ฟีนหลังจากนั้นแม่ผมก็นอนอยู่โรงพยาบาลรักษาตัว
9วัน และกายภาพบำบัดต่อมาเรื่อยๆ และพักหลังต้องพบจิตแพทย์ด้วย
โดยตลอดเวลาที่ผ่านมาถ้าเดินเยอะหรือหักโหมทำอะไรนิดหน่อยก็จะทรุด เข้าโรงพยาบาลไปเลย อยากทราบว่าอาการอย่างนี้ต้องดูแลยังไงเหรอครับถึงจะดีขึ้น

 

up grade ใช้คู่กับ down grade
หมายถึงการเปลี่ยนแปลงคุณภาพ เปลี่ยนแปลงเนื้อหาภายใน ฯลฯ
ให้สิ่งนั้นทำงานได้ดีขึ้นหรือเลวลง

แต่ up great
หมายถึงทำให้ยิ่งใหญ่ขึ้น เดิมมี...นิดเดียว ก็ทำให้มันใหญ่โตขึ้น มากขึ้น
ใครเห็นใครรู้ ก็ต่้องร้อง อูฮู้เฮะ ของเขาเจ๋งจริง ทุกคนต้องยอมแพ้หมด

ที่เล่านี่หมายถึงอำนาจยานะ อย่าคิดเป็นเรื่องอื่น
ยานี่ ผีเห็นผีก็กลัวนะ เดิมนะเป็นแค่ฝ่าเท้าเล็กๆ น่ารักนะ ผีโดนกระทืบนี่มันก็พอเจ็บๆ คันๆ ยังยิ้มได้
แต่พอ up great แล้วนี่ ฝ่าเท้าเท่าภูเขาเลากา พอผีเห็นนี่มันรีบโกยอ้าวเลย
เพราะถ้าถูกกระทืบนี่ คงหาเศษไม่เจอ

 

คนในเวปพลังจิต ต่างรู้กันว่า ในกึ่งพุทธกาล มีภัยภิบัติต่างเกิดขึ้นมาก
เหตุการณ์ที่เกิดแผ่นดินไหวภูเขาไฟระเบิดและภัยภิบัติต่างๆ ที่มากผิดปกติ เกิดจากมีพลังงานจำนวนมหาศาลจากจักวาลพุ่งผ่านโลกที่เราอาศัยอยู่
และพลังงานี้ ทำให้มิติที่ซับซ้อนกันอยู่ ปริแตกและเชื่อมถึงกัน
มีสัตว์ประหลาดจำนวนมากที่ไม่มีกายเนื้อ หรือมีกายเนื้อที่เล็กมากๆ จากต่างมิติ พลัดหลงเข้ามาในมิติของมนุษย์จำนวนมาก
ปกติของชีวิต ย่อมมี กิน ขี้ สืบพันธ์ นอน สัตว์ในมิติเหล่านี้ ก็ย่อมมีปกติเช่นนี้
ดังนั้นเขาจึงเห็น มนุษย์และสัตว์ต่างๆที่มีกายเนื้อ เป็นที่อยู่อาศัย เป็นแหล่งอาหาร กิน ขี่ สืบพันธ์และนอน ของพวกเขา

การกินอาหาร และการขี้ของพวกเขา(ทำให้กายเนื้อ เกิดการเสื่อมสภาพและเกิดพิษ ทำให้ร่างกานทำงานผิดปกติ) นี่ล้วนทำให้กายเนื้อของมนุษย์และสัตว์เจ็บป่วยทั้งสิ้น

ความจริงแล้ว ความเจ็บป่วยลักษณะที่เกิดจากการเบียดเบียนเช่นนี้ ก็มีมานานแล้วแต่ในอดีตดึกดำบรรณ
แต่ในปัจจุบันนี้ จากมิติที่ปริแตก สัตว์ประหลาดพวกนี้ จึงมีเพิ่มมากขึ้น ทั้งปริมาณ และหลากสายพันธ์
บ้างก็เป็นเหตุให้เกิดโรคโดยตรงกับมนุษย์
บ้างมาผสมประสานกับตัวประหลาดเดิมๆที่เคยมีอยู่ในโลกมนุษย์แล้ว ทำให้เกิดสายพันธ์ใหม่ขึ้น
สิ่งแปลกใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในมิติ และสายพันธ์ใหม่ที่พัฒนาขึ้น มนุษย์ไม่เคยรู้จักมาก่อน
โรคที่เกิดจากสิ่งแปลกใหม่เหล่านี้ ก็ยังไม่รู้วิธีรักษา ไม่มีหยูกยาในการรักษา

พวกตัวประหลาดที่หมอสุวิเรียกนี่ ความจริงแล้ว ก็พวก เชื้อโรคต่างๆ พวกไวรัส พวกเชื้อรา ที่พวกเรารู้จักนั่นเอง (แต่นี่เป็นสายพันธ์ใหม่)

เหตุที่เรียกตัวประหลาด เป็นเพราะหมอสุวิ เห็นรูปร่างหน้าตาในมิติ มันสุดประหลาดนะ เล่าไม่ถูก จึงเรีบกมันว่าตัวประหลาดนะมันง่ายดี

ในช่วงนี้ มีครูบาอาจารย์หลายท่านได้มาบอกยา บอกวิธีการ up grade และ up great ยาต่างๆที่ใช้ แทบทุกเดือน จนหัวโป่ง

ยาที่จะใช้รักษาโรคที่ถามมา ก็ไอ้ยาเดิมๆ นะแหละ แต่ต้อง up great ขึ้นอีก
ยาที่ใช้มี
แก้วปัทมา-วัชรธาตุ (+หมื่นมณี)
ปลาหมอมอง

 

ตอนนี้ผมได้ยารักษาคุณแล้ว จะตอบเรื่องยาให้ทาง PM นะ

ในช่วงนี้ ให้ลดปริมาณการกินอาหารลง(โโยเฉพาะพวก แป้ง และน้ำตาล) กินน้ำให้มากเข้าไว้
หมั่มต้ม น้ำผักบุ้งแดงที่ให้สูตรไว้กินบ่อยๆ

น้ำชาจีน + หญ้าหนวดแมว + น้ำมะนาว ก็ช่วยลดไขมันได้ดี

 

อ.สุวิครับตอนนี้ผมเพาะเจ้าตัวนี้ไว้มีเยอะเลยครับ

 

ครับผมจะพยายามครับเพื่อ สุขภาพของตัวเอง

 

อาจารย์สุวิคะ หนูมารายงานผลยาหอบหืดที่กำลังรักษาค่ะ หนูกินยาได้ครึ่งเดือนแล้วค่ะอาการก็ยังดูออกไม่มากค่ะยังมีเสียงหวีดในลำคอเล็กน้อยเวลากลางคืนที่นอนเท่านั้น ตอนกลางวันปกติค่ะ แล้วอ้วนขึ้นค่ะหนูกินอาหารปกตินะคะ แล้วหนูต้องทำไงค่ะเพราะมันจะเกินไปเพราะปกติน้ำหนักไม่เคยเยอะขนาดนี้ค่ะ

 

อาหมอครับ

น้ำผักบุ้งแดง

หาสูตรอาหมอไม่เจอครับ

ไปเจอ “สูตรน้ำผักบุ้งแดง” ของท่าน อ.สุทธิวัสส์

“สูตรน้ำผักบุ้งแดง” ของท่าน อ.สุทธิวัสส์ คำภา

 

ยาที่ว่านี่ หาได้จากที่ไหนบ้างครับ ขอบคุณครับ

 

เก็บมาทั้งต้นทั้งราก ล้างให้สะอาด
สับเป็นท่อนสั้นๆ ตากแดดให้แห้ง อาจหลายแดดหน่อย
แล้วเก็บใส่กระสอบไว้ ทำยา
ห้ามใช้กระสอบปุ๋ย(อาจมีสารพิษนะ) ให้ใช้กระสอบข้าสารดีที่สุด

ถ้ามีเหลือจะขายก็ได้นะ มีคนตามหาแยะ
ปีหนึ่งผมก็ใช้ประมาณ ๒๐ กิโล(ตากแห้ง)

 

หอบหืดที่หนูเป็น เป็นผลพวงจาก โลหิตประจำเดือนให้โทษ
ปัจจุบันที่รักษา หมอสุวิ เน้นเรื่องประจำเดือนก่อน
เมื่ออาการประจำเดือนให้โทษลดลงแล้ว
อาการหอบหืดหนักๆจะลดลง แล้วหมอจะมาเก็บรายละเอียดของเรื่องหอบหืดอีกครั้ง

 

เป็นสูตรนี้ครับ ให้ทำกินติดๆกันสักห้าวัน