" ปอบ " คืออะไร ? อาถรรพ์ ความเชื่อ เรื่องผี!!

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย กาลีนะ, 27 เมษายน 2013.

  1. *ธรรมดา*

    *ธรรมดา* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +924
    มาติดตามท่านจอมยุทธ์ป๋ามิงค์ และท่านจอมยุทธ์ป๋านพ ครับ อิอิ
     
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    พวกเรื่องการเห็นได้หรือไม่เห็น ความจริงไม่ใช่ประเด็นสำคัญครับ...
    เพราะว่าหากยังเห็นได้.ยังไงก็ยังจะต้องมีสัญญาไม่ว่าทางใดหนึ่งอยู่ครับ
    แต่ก็จำเป็นเพื่อความจำได้ เพื่อความเข้าใจอะไรบางอย่าง ฯลฯ.
    หากว่าเมื่อวันหนึ่งมีการตั้งปลายทางเพื่อประโยชน์ทางธรรมอะไรซักอย่าง
    ก็จะสามารถเกิดขึ้นได้เอง ตามแนวทางการปฏิบัติของเราครับ...

    ส่วนเรื่องรายละเอียดของขันธ์ ส่วนตัวไม่ทราบเหมือนกันครับ..ฟังๆแต่
    ไม่ได้สนใจรายละเอียด...แต่กลุ่มที่เป็นคนทรง
    หรือมีความรู้ทางด้านนี้จะทราบดีครับ..และบางกรณี
    ก็ต้องให้กลุ่มนี้ทำครับ..เพื่อให้เกิดผลที่ดีที่สุดทั้งฝ่ายที่สืบเชื้อและต้นเชื้อครับ...
    เหมือนเราจะขุดหลุมซักหลุม ก็ต้องดูสภาพดินออกและก็ต้องรู้จักเครื่องมือที่เหมาะ
    สมในการขุดนั่นหละครับ...โดยส่วนตัวมองว่าถ้ารู้ได้ ทำได้เอาไว้ประดับความรู้
    ก็คงจะดีเหมือนกันครับ..ไม่ใช่เอะอ๊ะ ซัด อัด ดูด ดึง ตัด อย่างเดียว ๕๕๕๕..

    และประเภทที่ถูกเจาะเข้าทางกระโหลกท้ายทอย..แล้วไประเบิดต่อมไพเนียลแกน
    และตามด้วยการถูกควบคุมจิต..ไม่สามารถถ่ายทอดแบบสืบเชื้อได้ครับ..เพราะถ้า
    จบชีวิตลงจิตดวงนั้นก็จะกลายไปเป็นกลุ่มนั้นต่อเลย..และก็จะใช้วิธีการหาบุคคลอื่นๆ
    ไปเรื่อยๆครับ..โดยเฉพาะบุคคลที่ถูกโน้มน้าวได้ง่าย ว่าจะมีสัมผัสโน้นสัมผัสนี่ เป็นโน้น
    เป็นนี่ได้ เป็นบุคคลพิเศษโน้นพิเศษนี้ และทำสำคัญคือไม่ฝึกเจริญสติไม่ฝึกสมาธิ
    มาก่อนเนี่ย..เป็นกลุ่มเป้าหมายเลยครับ.ให้สังเกตุง่ายๆกลุ่มนี้มักใช้
    เรื่องความรักเป็นเครื่องโน้มให้จิตระลึกถึงสัญญา
    และพอจิตอ่อนแรงก็แอบเจาะช่วงนี้นั่นหละครับ...
    .และขอบอกว่าแก้ไขค่อนข้างยากด้วยครับ ถ้าโดนเจาะแล้วนะครับ..
    ที่ทำงานอยู่ด้วยกันก็มีคนหนึ่งครับ..คือด้วยเครื่องรู้และสัมผัสทางด้านเส้นสาย
    และพลังงานที่ไวมากของเค้า.
    มันทำให้เค้ามั่นใจมากในเรื่องความสามารถพิเศษที่เค้ามีเพิ่มแบบพรวดพลาดครับ..
    ตัวผมเอง..พูดเกริ่นๆบ้าง ยังโดนด่าเลยครับ ๕๕๕๕ และเค้าก็จะไม่ชอบลักษณะ
    แบบเราๆครับ..บางทีเอาวัตถุที่เป็นมงคลบางอย่าง.มาอยู่ใกล้ๆเค้าก็จะอึดอัดครับ..

    มีช่วงหนึ่งประมาณ ๒ เดือนหลังจากที่เค้าพอจะสกิดใจออกมาได้..
    เลยทำเป็นหูทวนลม ไม่รู้เรื่อง ปล่อยให้หนาวๆ
    สั่นๆทุกวันโกนวันพระไปก่อนซัก ๒ เดือนจะได้เข็ดแล้วถึงค่อยไปดูครับ..
    แต่ก็สามารถแก้ไขได้ แต่ต้องอาศัยระยะเวลาหนึ่งเช่นกันครับ..สังเกตุง่ายๆ
    ว่าอารมย์เค้าจะแปปรวนหงุดหงิดง่าย และเน้นแก้ปัญหาอะไรด้วยความรุนแรงเป็นทุน..
    พอเค้ามาฝึกสมาธิเพิ่ม มาสวดมนต์สายบารมีเพิ่ม..มาฝึกสติเพิ่ม..ปัญหาก็จะเริ่มเกิด
    คือในวันโกน และวันพระเค้าจะโดนพลังงานพวกนี้รบกวน.จนกระทั่งตัวหนาวสั่น.
    อยู่ลำบาก.แม้กระทั่งโดนภพภูมิมาแกล้งถึงที่ด้วยครับ...ก็ต้องใช้เวลาซํกพัก
    จนกว่าเค้าจะสร้างความดีขึ้นเอง เคลียร์กับส่วนทีเหลือเอง และกระทั่งตัดสัญญา
    ความจำได้จากจิตในเรื่องเกี่ยวกับพวกนี้เองก็จะหายครับ...

    แต่ข้อเสียก็คือ แม้อายุไม่มาก เค้าจะไม่เห็นฐานของจิต ไม่เห็นกิริยาของจิต
    ไม่เห็นกิริยาความคิด ตลอดจนกิริยาของขันธ์ ๕ ส่วนนามธรรมครับ..
    โอกาสที่จะเข้าใจไปเองว่าตนเองหลุดพ้น เพราะเข้าใจว่าจิตตนว่างจะสูงครับ...
    คือเค้าจะประมาณว่าดูมันดับแบบไม่สนใจ..แต่ไม่ได้ดับที่ต้นตอจริงๆครับ
    อย่างเราฝึกเดินปัญญาจะดับขันธ์ ๕ นามธรรมได้แต่ละเรื่อง
    กว่าจิตจะว่างจากการเกิดได้ซักวินาที
    ก็ลากเลือดแล้วครับ..๕๕๕๕ แต่เค้าจะว่างจากดูมันดับและไม่สนใจ
    ด้วยหาอุบายในการผลักออกไปนั่นเองครับ...
    จึงพบว่ากลุ่มบุคคลเหล่านี้บางคนมีความสามารถเรียกได้ว่าจะเป็น
    ยอดมนุษย์อยู่แล้ว แต่กลับมักจะแก้ปัญหาของตัวเองไม่ค่อยได้นั่นเองครับ..
    เนื่องจากข้อเสียที่ไม่เห็นสิ่งต่างๆอย่างที่เล่ามานั้นหละครับ.....
    และพวกที่ป๋ามิงค์ว่า ทวารเปิดนั้น กลุ่มที่โดนเจาะทางท้ายทอยก็จะเปิดเหมือนกันครับ.
    ทั้งสองกลุ่มนี้จะมีความสามารถอย่างหนึ่งในการสัมผัสกลุ่มที่ต้องการบุญได้ครับ
    แต่เป็นกลุ่มที่จะโผล่ขึ้นมาให้เห็นแค่ครึ่งตัวจากพื้นดิน..หรือกลุ่มที่ดวงจิตยังอยู่ข้างล่าง
    นั่นเองครับ..จะไม่เหมือนเราๆหรือคนทั่วๆไป ที่จะมาปรากฏให้เห็นตอนที่เรานอน
    หรือตามที่เค้าเล่าๆมาครับ...

    การสัมผัสได้ของทั้ง ๒ กลุ่มนี้ก็จะเหมือนๆกันหากเจอกลุ่มดวงจิตใช้คำว่ากลุ่ม
    ดวงจิต ดีกว่า เพราะเค้าจะมี แต่ดวงจิต + สัญญาและเวทนา เท่านั้น..แต่จะมี
    กระแสพลังงานที่จะเกาะที่ร่างกายบริเวณขาช่วงล่างครับ..และถ้ามากขึ้นเรื่อยๆ
    ก็จะมากระจุกที่บริเวณท้องครับ...

    อย่างทั่วไป เค้าจะขนลุก ได้ยินเสียงทางหูซ้าย มาให้เห็นเป็นรูปร่างไม่สวยงาม
    ประมาณนี้ครับ...
    วิธีการสำหรับทั้ง ๒ กลุ่มนี้ก็คือเรื่องการฝึกเจริญสติเพื่อสร้างสติทางธรรมขึ้นมาครับ
    สติทางธรรมตรงนี้ จะเป็นเสมือนตัวที่จะคอยควบคุมจิต
    คล้ายๆมีฝ่ามือคอยควบคุมดวงจิตอีกที..เป็นเกราะป้องกันพลังงาน
    จากภายนอกที่ไม่ดีต่างๆให้เค้ามาได้ครับ..และก็ฝึกสะสมสมาธิอย่างสม่ำเสมอเพื่อ
    ให้จิตมีความเข็มแข็งร่วมด้วย..บวกกับการรุ้จักการทำบุญอุทิศส่วนกุศล ฝึกเมตตา
    เพื่อให้มีกระแสเย็นออกจากตัวจิตไปข้างนอก เพื่อไปต้านกระแสพลังงานต่ำแต่ออก
    ลักษณะร้อนกลุ่มนั้นครับ..
    ปัญหาจะอยู่ตรงที่ว่า..การที่จะทำให้เค้าฝึกเจริญสติฝึกสมาธิมันจะค่อนข้างยากครับ..
    เพราะว่า.เค้าจะมัวหลงยึดกับในสัมผัส ในสิ่งที่ตนรู้เหนือบุคคลอื่นๆอยู่นั่นนะซิครับ...
    ต้องต้องมีความอดทน มีศิลปในการถ่ายทอดตรงนี้ และรู้วาระเวลาที่ควรจะสอนร่วมด้วยครับ
    และในช่วงระหว่างนี้ก็ต้องให้สร้างทานบารมี ๑๐ ร่วมด้วยครับ ไม่ต้องทำทีเดียว
    แต่ทำให้ครบทั้งหมด..เพื่อให้มีกำลังบุญพอที่จะส่งเสริมให้ตัวจิตไปรอหนุน
    การส่งเสริมเรื่องความเห็นชอบต่อไปภายหลังครับ...อีกทั้งก็ยังต้องสร้างบารมี
    ด้วยการอุทิศส่วนกุศลให้ทางภพภูมิให้มากด้วยครับ..หรือแม้ว่ามีวัตถุมงคล
    พิเศษอะไรก็ตาม..ก็จะต้องสร้างตัวจิตตัวเองให้อยู่เทียบเท่ากับที่ดูแลวัตถุ
    นั้นด้วยครับ..หรือจนกระทั่งที่ดูแลวัตถุพิเศษเค้านับเป็นเพื่อน จนคอยที่จะ
    มาพันธมิตรร่วมเดินทางไปกับดวงจิตดวงนั้นๆครับ...

    ถ้าทำได้ตรงนี้..จะมีเครื่องป้องกันผลที่จะกระทบกับร่างกายได้ภายหลัง..
    จะมีกำลังบุญที่เป็นกระแสเย็นเพียงพอที่จะกลบกระแสร้อนพลังงานไม่สูง
    เหล่านั้นได้..และก็(..........) ขอโทษครับโดดถอดปลั๊กพูดไม่ได้ครับ.....

    ปละ.ประมาณนี้ครับ..
     
  3. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    ๕๕๕ เมื่อวานกลับจากงานรู้สึกคันหัวยิกๆ คิดว่าเห็บขึ้นหัวซะแว้ว...อุตส่าห์นัดช่างเอาไว้ว่าวันนี้จองคิวแรก แต่ทนไม่ไหว สระผมไปแล้วค่ะ....ที่แท้เหตุเพราะคุณนพกล่าวถึงนี่เอง....

    อ่านเรื่องภพภูมิต่างๆแล้วก็เสียวสันหลังวาบๆ...อย่ามาใกล้ครูติงเลยนะคะทูนเกล้าทูนหัว ครูติงกลัวเจ้าค่า...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มกราคม 2015
  4. aeziss

    aeziss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    377
    ค่าพลัง:
    +1,294
    เป็นกระทู้ที่สนุกมาก ได้ความรู้เยอะเลย แอบเข้ามาอ่านตลอด..เลย.อิอิ
     
  5. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    คารวะ ท่าน นพกานต์ ค่ะ

    ขอบพระคุณ ที่ท่าน เมตตา มาเยือน ยังหลุม นี้นะคะ (รู็สึกอบอุ่นใจ ๕๕๕๕)

    จากข้อความ ข้างบน ที่ว่า (หรือแม้ว่ามีวัตถุมงคล
    พิเศษอะไรก็ตาม..ก็จะต้องสร้างตัวจิตตัวเองให้อยู่เทียบเท่ากับที่ดูแลวัตถุ
    นั้นด้วยครับ..หรือจนกระทั่งที่ดูแลวัตถุพิเศษเค้านับเป็นเพื่อน จนคอยที่จะ
    มาพันธมิตรร่วมเดินทางไปกับดวงจิตดวงนั้นๆครับ...)
    ข้าน้อยจึง คลายความสงสัย

    ว่าทำไม เวลาแขวนพระที่คอแล้ว เราคิดชั่ว ขึ้นมา พระจึ่งได้ปราสนาการหายไปจากคอ เหลือแต่สร้อย ร่องแร่ง บ้าง หายไปทั้ง กอง บ้างเป็นเช่นนี้เองนะคะ




     
  6. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    คุณนพฯ เคยเห็นวิชา เรียกวิญญาณเข้าร่างคนปกติธรรมดา บ้างไหมครับ?
    คนที่เรียกคนนี้เป็นคนจีน เป็นร่างทรง แต่สามารถเรียกวิญญาณคนที่ตายไปแล้ว ไปเข้าผู้หญิงอีกคนเพื่อสอบถามได้...ระหว่างที่วิญญาณนั้นๆ เข้าร่าง รูปร่างผู้หญิงคนนี้ก็เปลี่ยนไป อ้วนได้ผอมได้ เสียงก็เปลี่ยนไป ทั้งๆที่ผู้หญิงคนนี้ ไม่ใช่ร่างทรง และไม่เคยรู้เรื่องเหล่านี้มาก่อนเลย...

    บางคนเชื่อว่าเป็นวิชาเหมาซาน....
    สมัยนั้นผมยังป.5 ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไร ได้แต่นั่งดูไปก็อึ้งๆไป มันเป็นไปได้ยังไง...
    การพูดคุยก็ห้ามเรียกชื่อจริง และเวลาที่พูดคุยได้คือ ชั่วหนึ่งก้านธูป...
    ยังสงสัยอยู่ครับว่า วิชาแบบนี้ ทุกวันนี้ยังมีอยู่หรือเปล่า ...
     
  7. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    "วิชา เรียกวิญญาณเข้าร่างคนปกติธรรมดา"
    น่าสนใจจริงๆค่ะ
    มาๆ ติงยินดีเป็นหมูทดลองให้...แต่ว่าเข้าแล้วต้องออกด้วยนะคะ


    โพสต์เสร็จก็ได้คิดค่ะ ชักไม่มั่นใจว่าตนเองเป็นคนปกติ
    ส่วนคนธรรมดานั้นใช่เลยครับท่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มกราคม 2015
  8. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    อืมๆๆครับ
    ขอบคุณครับที่ถาม พอดีผมอยากจะโม้พอเลยครับ..
    เคยเห็นการกระทำแบบนี้ครับ รู้จักท่านที่ทำได้เป็นอย่างดีครับ.
    เพราะลูกชายท่านนี้เป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนผมด้วยครับ เรียกว่ารู้จักทั้งบ้านเลยครับ.
    ตอนนั้นน่าจะกำลังสิวขึ้นหน้าครับ ๕๕๕
    วิชานี้มันจะต้องดูด้วยครับว่าเรียกวิญญานที่พึ่งเสียชีวิตหรือเสียชีวิตไปนานแล้ว
    และก็ดูกำลังจิตของวิญญานนั้นๆด้วยครับ..
    ไม่ค่อยสนใจสมาธิอะไรหรอกครับ แต่ชอบไปหาห่มเหลืองเก่งๆ
    และก็ทำบุญสัปดาห์ละ ๒ วันต่อเนื่องด้วยครับ

    .และก็ไม่รู้เคยรู้มาก่อนเลยครับ..ว่าเค้าเรียกว่าวิชาเค้าร่างครับ..
    พึ่งมารู้จาก ป๋า มิงค์ นี่หละครับ..ส่วน ครูติง ไม่ต้องทดลอง
    หรอกครับ..เด่วผมบอกมีอะไรให้ไปหาครู ติง ในฝันก็ได้ครับ..๕๕๕
    แต่ที่เหมือนกันก็คือระยะเวลา หนึ่งก้านธูปเช่นกันครับ..
    เพราะควันที่ออกจากก้านธูปจะเป็นเสมือนไฟส่องสว่างนำทาง
    ให้ดวงวิญญานที่พึ่งเสียชีวิตมาหาเราได้ครับ..
    ยกเว้นพวกที่เสียชีวิตไปนานแล้วนะครับ.
    บางทียังไม่ต้องเรียกหรอกครับ แค่คิดก็มาแล้ว ๕๕๕

    ขอโม้หน่อยครับ..กับอาจารย์ท่านนี้
    ..มีครูบาร์อาจารย์เป็นพระมหาฤาษีมีชื่อ
    ๔ ท่านครับ(ถามเอานะครับ)..ท่านนี้นี่หละครับ
    .ที่เคยถามผมว่าเชื่อว่ามนุษย์ต่างดาว
    มีจริงไหม..ผมก็บอกไม่รู้ครับ ท่านบอกว่ามีจริงนะ.
    .ให้ลองนั่งสมาธิดูถ้าอยากเจอนะ...ตอนนั้นยังขำๆ.
    .จะเอาอะไรไปนั่งสมาธิจะทำได้ไง ๕๕๕

    ..ส่วนวิชานี้จะเรียกอีกอย่างว่าอะไรก็ไม่ทราบนะครับ..เพราะว่า
    สาวหวานอภิญญาจิตภายในสูง ที่จะโทรมาหาเฉพาะตอนที่จะให้
    ไปช่วยในเรื่องภพภูมิ ๕๕๕๕ ที่ส่วนตัวรู้จักทำเรื่องแบบนี้ได้ง่ายมากๆ
    เลยครับเหมือนเป็นเรื่องปกติเลยครับ..บางทีคุยๆกันอยู่แกล้งลองๆถามดู
    ฝากถามดูก็พอสรุปได้ว่า เค้าชำนาญทางด้านนี้จริงๆ คนนี้ละเอียดแซะ
    ไปถึงเจ้ากรรมนายเวรที่เป็นแมลงตัวเล็กๆก็ยังได้นะครับ..

    ตอนนั้นที่เห็นอาจารย์ท่านนี้ทำก็คือ..เข้าห้องพระสวดมนต์ไหว้พระก่อน
    แล้วก็นั่งสมาธิซักพัก เข้าใจว่าสื่อกับครูบาร์อาจารย์ก่อน อ่อๆ ปกติท่านนี้
    ยกเว้นวันพระ จะนั่งรอช่วยคนที่มาถามเรื่องต่างๆ ในช่วงเย็นครับ.
    แต่ตอนนี้ไม่ได้ไปหาแล้วครับ ท่านบอกว่าให้ไปถามห่มเหลืองที่สอนผมแทน
    ถ้าเรื่องปฏบัตินะครับ.และก็เห็นอีกคนหนึ่งที่มารอ ก็มีกิริยาเปลี่ยนไป.
    แบบที่ป๋า มิงค์เล่าให้ฟังนั่นหละครับ แต่บอกตรงว่าตอนนั้นเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งครับ
    ท่านก็ถามให้ ตอบให้ แทนญาติๆเค้าที่มานั่งรอนั่นหละครับ..แต่ถ้าจำไม่ผิด
    ท่านจะเป็นคนถามย้ำแม้ว่า ญาติเค้าจะถามไปแล้วก็ตามครับ..
    จริงๆผมว่า ป๋า มิงค์ ทำได้ไม่ยากน๊าาาครับ..ขอให้จับกระแสจิตดวงนั้นเจอ..แล้วก็เชื่อมซะ.
    อุทิศส่วนกุศลนำไปก่อนเพื่อให้เป็นกำลังในการมาปรากฏได้
    และเพื่อเป็นกำลังในการสื่อสารได้ครับ....
    แต่ถ้าเป็นดวงจิตที่พึ่งเสียชีวิตใหม่ๆ.ที่ยังวนเวียนอยู่กับที่เสียชีวิต
    และยังไม่คุ้นเคยกับการอยู่ในรูปแบบดวงจิต.
    กับยังวนเวียนกับสถานที่ๆตอนมีห่วงต้องจุดธูปเพื่อเป็นแสงนำทางรวมทั้งวิญญาน
    ที่กำลังจิตยังอ่อนทั้งหลายครับ..
    และการตามด้วยการนึกคำถามในใจ.
    .และก็ตีความภาษาปากที่ขยับของวิญญาน
    หรือตีความท่าทางที่แสดงออก
    หรือตีความจากเหตุการณ์ในภาพที่ปรากฏอย่างใดอย่างหนึ่งตามแต่จริตเราจะถนัดครับ
    ..คล้ายๆเราตีสัญญานตอนที่สัตว์ตัวเล็กๆเค้าเอา
    ร่างกายสัมผัสกันแล้วแปรออกมาเป็นคำพูดได้อัตโนมัตินั่นหละครับ.
    .

    คือสาวอภิญญาจิตภายในสูงนะ เคยฝึกให้ผมทำเรื่องแบบนี้ครับ..
    แต่ว่าผมมันห่วยครับ ป๋า มิงค์ในเรื่องนี้ ๕๕๕
    เพราะว่าเค้านะช่วยคนอื่นๆได้ แต่ว่าเทวดาประจำตัวของเค้าๆสื่อกันไม่ได้
    ก็เลยมีความหวังว่า ผมคงจะช่วยพูดคุยได้
    .ผมก็นั่งๆมองดูเทวดาประจำเค้าไป
    พยายามถามไป..ทางนั้นก็แสดงกิริยาไปต่างๆนาๆ.
    ผมก็พยายามตีความจากกิริยาที่ท่านสื่อให้ดู สรุปว่า.ตีความไม่ออกครับ..
    หล่อนก็เลยปวดเศียรเวียนเกล้ากับผมมาก.๕๕๕
    แต่คิดเอาเองว่าถ้าทำบ่อยๆไม่น่าจะยากครับ
    .แต่ส่วนตัวตอนนี้ท่านๆยังไม่ให้เน้นเรื่องนี้ครับ.
    ก็เลยพอรู้หลักอยู่บ้างครับ..
    แต่มันจะทำได้เองในกรณีที่มีประโยชน์จริงๆกับ
    ญาติของบุคคลนั้นๆที่ยังอาศัยอยู่บนโลกครับ..โดยความรวมก็คือ
    ความสามารถทางด้านนี้ของผมมันยังห่วยครับ.๕๕๕๕..
    ก็เลยได้แต่โม้ให้ฟังเฉยๆครับ..

    ปล.ประมาณนี้ครับ...

    .
     
  9. aoirata

    aoirata Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +91
    กระทู้นี้ให้ความรู้ดีมากเลยค่ะ ที่ท่านนพกานต์ เล่าเรื่องการถูกเจาะท้ายทอย
    สงสัยว่าตัวเองจะอยู่ในกลุ่มนั้นเสียแล้วหล่ะค่ะ ขอเวลาเรียบเรียงเรื่องราว
    แล้วจะเข้ามาขอความกรุณาใหม่นะคะ ขอบพระคุณค่ะ
     
  10. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ผมว่าคนที่จะเรียกวิญญาณมาเข้าคนธรรมดาๆได้ ต้องมีผู้มีฤทธิ์สนับสนุนมากพอสมควร
    ซึ่งถ้าเป็นฆารวาสแล้ว ก็พึ่งเคยเห็นคุณนพฯ เป็นคนแรก ที่เหมือนจะมีฤาษีระดับปรมาจารย์ 5 ตน ยืนคุมหลังไว้ มีบางเวลาที่จะเหลือ 3 แต่ก็ไม่ต่ำกว่านี้ ห่างๆออกไป แต่อยู่สูงกว่า เป็นท่านที่คุณนพฯเรียกว่า ห่มเหลือง อายุประมาณ 50กว่าๆ60ต้นๆ ยืนอยู่อีกหนึ่งรูป ที่คอยดูแลสนับสนุนทางธรรม....
    ปกติจะมีอย่างนี้ได้ต้องเป็นระดับเกจิ แล้วต้องเป็นเกจิสายฤทธิ์ ที่สามารถแสดงฤทธิ์ให้คนเห็นด้วยตาเปล่าได้...

    กำลังหนุนระดับนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีในฆารวาสได้...ดังนั้นถ้าจะบอกว่าคุณนพฯแสดงฤทธิ์ให้คนเห็นได้ มันก็ไม่น่าแปลกใจ ถ้ามีโรคประจำตัวอยู่ มันก็จะไม่กำเริบร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิตหรือทำให้พิการได้ ด้วยกำลังของท่านเหล่านี้คุมอยู่ ส่วนที่ว่าฝึกแล้วฌาณไม่เสื่อมนั้น ก็เพราะมีการเชื่อมกำลังฌาณถึงกันกับท่านเหล่านี้ ...
    ลองดื่มเบียร์เย็นๆสักเหยือกดูสิครับ...ฌาณก็ไม่เสื่อม การเชื่อมต่อก็ยังทำได้อยู่ ถึงแม้ว่าโดยหลักการแล้ว ต้องถือว่าผิดศีล...แต่กรณีของคุณนพฯ ฌาณจะไม่เสื่อม...

    คุณนพฯทราบไหมครับว่า วัตถุประสงค์ที่ท่านเหล่านี้มายืนคุมให้เพื่ออะไร? เบื้องหลังของวัตถุประสงค์เหล่านี้คืออะไร? เพราะท่านทั้งหลายเหล่านี้อยู่มากนานมาก แต่ไม่เข้านิพพาน ทำไม?...

    คุณนพฯเคยสงสัยไหมครับว่า เวลาเดินกำลังสติ เพื่อเข้าสู่ภูมิวิปัสสนา ให้เกิดปัญญานั้น กลับไม่สามารถทำให้เกิดความแตกฉานในองค์ธรรมได้ เหมือนอย่างที่ได้รู้อย่างแตกฉานในองค์ฌาณของสมาธิ...
    นี่ก็เกิดเนื่องจากกำลังสมาธินำหน้าสติ และการเชื่อมต่อกับท่านเหล่านั้น เพราะในจุดแข็งก็มีจุดอ่อนอยู่ด้วย...
    ลองไล่ไปดูจนถึงรูปราคะ อรูปราคะ ถึงมานะ อาการมันจะเหมือนกับวิ่งชนหน้าผา...
    จนทำให้เวลาจะอธิบายในส่วนของปัญญาแล้ว ไม่อาจย่อ ขยายความให้คนทั่วๆไปเข้าใจได้ ด้วยเพราะไม่สามารถเข้าถึงภูมิปัญญาในระดับนั้นได้ครับ...

    ยังมีเวลาอีกหลายสิบปีครับ ลองไปเรื่อยๆก่อนก็ยังได้ เพราะบางเรื่องถึงรู้ก็พูดไม่ได้ ไม่ได้กลัวนะครับ แต่ก็เกรงอยู่ ยังไงซะ ท่านเหล่านั้นก็ไม่ใช่ธรรมดา ส่วนผมนี่มันยังธรรมดาเสียยิ่งกว่าธรรมดาเสียอีก...
    ผมยังต้องฝึกอีกมาก ยังต้องเรียนรู้อีกมาก มีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังไม่รู้ ไม่เข้าใจ...
    พูดไปเดี๋ยวใครจะเข้าใจผิดว่าผมเก่งซะงั้น...จริงๆแล้วผมยังคงต้องฝึกอยู่ครับ ยังฝึกอยู่มาก จะกินข้าวแต่ละคำยังต้องทรงกำลังสมาธิกำลังสติไว้ให้เสมอกัน มากก็ไม่ได้น้อยก็ไม่ได้ ช้าก็ไม่ได้เร็วหรือก็ไม่ได้ ลำบากเหมือนกันนะครับ...
    แต่ถึงจะลำบากยังไงก็คงต้องฝึกอยู่ดี...มันไม่มีทางอื่น ...
    ตายเมื่อไหร่ก็เป็นอันเลิกกันนิ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2015
  11. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    วันนี้มีการพูดกันถึง ธรรมคู่
    มีบุญ ก็มีบาป
    มีดี ก็มีชั่ว
    มีขาว ก็มีดำ
    มีนรก ก็มีสวรรค์
    มีพรหม ก็มี....????
    มีเพียงนิพพานเท่านั้นที่เป็นหนึ่ง...เป็นปริสุทโธ คือบริสุทธิ์อย่างยิ่ง...

    จึงมีการพูดกันถึงภพภูมิที่ไตรภูมิพระร่วงไม่ได้กล่าวถึง...????
    ครูบาอาจารย์ท่านก็ทราบดี เพราะฝึกๆไปก็ต้องได้รู้ได้เห็น เพียงแต่ว่าอันตรายสำหรับผู้ที่กำลังยังไม่พอ เนื่องจากหลงเข้าไปแล้ว อาจกลับออกมาไม่ได้...
    ภพภูมิต่างๆที่อยู่นอกตำราไตรภูมิพระร่วง มีอะไรบ้างนั้น...
    รอฟังคุณนพฯมาเล่าดีกว่า....
     
  12. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
    มิตรดี = เป็นศรี
    ความรู้ดี = เป็นศรี
    อารมณ์ดี = เป็นศรี
    ความสามารถมี = เป็นศรี
    ฯลฯ
    ส่วนดิฉันคงเป็น " สีทนได้...." กระมัง! ╮(╯_╰)╭555
     
  13. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ก็ใช่ครับ..เมื่อก่อนก็เคยฟิตๆครับ..ไปถามท่าน..ก็เลยโดนท่านแซะมา
    ซะหงายเงิบเลย.๕๕๕๕ ท่านว่า.ยังอยุ่ในระดับที่หยาบอยู่.จะไปหวัง
    ว่าในระหว่างวัน จิตมันจะว่างได้ตลอดในขณะลืมตามันเป็นไปไมได้
    ไหนจะเรื่องทางสมมุติที่ถือว่าเป็นวิบากกรรมของเราตรงนี้อีก
    ท่านว่าเอาแค่นิวรณ์ ๕ ก็ให้มันทันเหอะ ๕๕๕...แต่ท่านบอก
    เวลาว่าอีกประมาณ ๔ ถึง ๕ ปีนี่หละครับ.
    ก็จะตรงกับที่ห่มเหลืองจิตไวท่านบอกๆไว้เช่นกันครับ
    แต่บอกตามตรงนะครับ.ว่าตอนนี้ยังนึกอะไรไม่ออกเลยครับ
    ว่าจะเป็นแบบที่ท่านห่มเหลืองจิตไว้ท่านพยากรณ์ไว้ได้อย่างไร..
    อ่อๆ แต่ดีอย่างว่าอยุ่ในแบบฆารวาสนะครับ ๕๕๕๕๕
    ไม่งั้นหละปวดกะบาลแน่เลยครับ
    ถ้านิสัยแบบนี้ไปอยู่ในแบบห่มเหลืองนะครับ๕๕๕
    และตอนนี้ส่วนตัวก็ยังคงจะต้อง
    ฝึกเจริญสติเหมือนเดิมครับ ๕๕๕ ส่วนกรรมฐานกองที่จะไปปลายทาง
    ของวิชาเดินธาตุให้ได้ก็ต้องฝึกควบคู่กันไป.พวกสมาธินี่แปลกอย่างครับ
    ถ้าฝึกได้แล้ว ใช้ได้แล้วมันก็จบเลยครับ ไม่ต้องมีลีลาอะไรมากมาย
    .แต่อย่างว่าหละครับ เรื่องสำคัญก็คือเรื่อง ปัญญาทางธรรมนี่หละครับ.
    ที่ก็คงยังจะต้องต่อสูกันไปนึกแล้วเพลียยยยย...
    เรื่องทางสมมุติ.ก็ยังจะต้องเพิ่มความเพียร เพิ่มความรับผิดชอบอยู่..
    ยิงนึกก็ถึงขั้นหลับเลยครับ คือเพลียยิ่งกว่าอีก ๕๕๕๕
    เอาง่ายๆก็คือ มันก็ยังไม่สำเร็จซักเรื่อง ณ เวลานี้นั่นหละครับ. ๕๕๕๕
    เพราะฉนั้นก็ค่อยๆเป็นค่อยๆไปตามเหตุและปัจจัยแล้วกันครับ
    ..เน้นฮาๆ แซวคน
    แกล้ง ครู ติง เหน็บคนอื่นๆไปพลางๆ ก่อน สนุกดีครับ ๕๕๕
    ปล.ว่าแต่เรื่องไตรภูมิพระร่วงกล่าวถึงอะไรบ้าง
    ส่วนตัวมีข้อมูลตรงนี้น้อยมากเลยครับ.
    และส่วนตัวก็ไม่ทราบว่าที่รู้แบบหยาบๆตอนนี้.
    จะมีส่วนไหนที่ไม่มีในไตรภูมิพระร่วงบ้างเหมือนกันครับ
    ยังไง ป๋า มิงค์ก็ลองนำร่องปล่อยหมัดแย๊บนำทางมาก่อนก็ได้ครับ เพื่อนึกออกบ้างครับ.
    .
     
  14. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    เรื่องไตรภูมิพระร่วง เดี๋ยวเรารอ นู๋พายุ มาเล่าให้ฟังดีกว่าครับ ...
    เนื่องด้วย นู๋พายุ เป็นเด็กฉลาด อ่านมาเยอะ...
    เรื่องพระไตรปิฎก ก็รู้ดี เรื่องไตรภูมิ ก็รู้ดี ยิ่งเรื่องพระร่วง นี่ชำนาญมาก เพราะร่วงบ่อยๆ จนเหลือแต่หลวงพ่อสร้อย...

    ครูติงไม่ค่อยจะถนัดเรื่องไตรภูมิสักเท่าไร? แต่ถ้าไตเจ็บ สามารถเล่าได้เป็นฉากๆ...


    ..........................................

    ใครได้รู้ความสามารถที่คุณนพฯทำได้ ก็คงนึกอิจฉาบ้าง มันก็ไม่แปลก
    เรื่องของบุญวาสนา ทำกันมา มันก็ของใครของมัน และเหตุที่ต้องทำได้ หรือ รู้ได้นั้น มันมีเหตุปัจจัยของมันอยู่ครับ เนื่องเพราะต้องมีภาระกิจที่ได้รับมอบหมายมาให้กระทำเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ... ซึ่งถ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแล้ว ผมรับรองว่า จะไม่ต้องไปรู้ไปเห็น อะไรใดๆทั้งสิ้น...

    มีบางเรื่องหรือจะว่าไปก็หลายเรื่อง ที่ผมไม่เข้าใจ ...
    ท่านผู้มีฤทธิ์เหล่านั้น และเหล่าอื่น ที่สอนคุณนพฯ หรือสอนผู้อื่น ทุกๆท่านจะเมินหน้าหนีผมหมด...ประมาณว่า เอ็งอย่ามายุ่งกะข้าฯ...
    และไม่ว่าจะห่มอะไรก็ตาม เห็นผมแล้วเหมือนจะรังเกียจ ไม่อยากให้อยู่ใกล้ ไม่อยากสอนอะไรใดๆให้เลย...
    ไปเซ้าซี้เข้าก็โดนด่าโดนตะเพิดออกมา...

    ทำไมผมถึงเป็นบุคคลน่ารังเกียจซะขนาดนี้ก็ไม่รู้ คือไม่มีใครเขาอยากจะยุ่งด้วย...
    การไม่มีท่านเหล่านี้เป็นกำลังหนุนนั้น ฝึก 10 ก็ได้ 10 เช่นคนทั่วๆไป แต่ถ้ามีกำลังหนุนอย่างคุณนพฯนี่ได้เปรียบกว่า คือฝึก 10 จะได้ 100 ส่วนตัวผม ฝึก 100 จะได้ 1 เรียกว่าเลวกว่าปุถุชน คนทั่วไปมาก...

    ขนาดท่านที่ใส่ชุดแดง ชุดขาว ของแม่กาลีนะ ก็ไม่อยากยุ่งด้วย เพียงแต่ว่าเวลาผมจะเล่าอะไรที่พาดพิงถึง ก็จะมาขอกันว่า อย่าเล่าได้ไหม...คือขอกันดีๆ ก็เกรงใจแล้วครับ ไม่เล่าก็ได้...เช่นเรื่องว่า คนก่อนๆหน้านี้แบบแม่กาลีนะ ที่ได้รับการเลือกแล้วนั้น บัดนี้ไปอยู่ที่ไหน ท่านทำอะไรหรือช่วยอะไรเขาบ้างไหม? จุดจบคนเหล่านั้นเป็นอย่างไร? เรื่องแบบนี้แหละครับ ที่ท่านขอไว้ไม่ให้เล่า....ไม่เล่าก็ไม่เล่า พระพะยอมบอกว่า "ให้เล่า=แช่ง" จบกัน...

    จะว่าไปเรื่องทางฤทธิ์ คนที่อธิบายให้ผมฟังอย่างละเอียด แบบไม่รังเกียจ ก็มีคุณนพฯนี่แหละครับ บางอย่างก็เคยทำมาก่อน แต่ไม่รู้ว่ามันคือฤทธิ์ และก็ไม่รู้วิธีใช้ สุดท้ายคือทำได้ก็ไม่รู้ว่าทำได้ก็มี...ทำได้ครึ่งๆกลางๆก็มี...สรุปก็คือ ยังไม่เอาไหน ยังคงต้องฝึกต่อไป....งมไปเรื่อยๆครับ...นึกๆแล้วก็สมเพชตัวเองเหมือนกันนะ...
    รูปไม่หล่อ พ่อไม่รวย สังคมรังเกียจ ผีสางยังไม่อยากเข้าใกล้อีก...ทำไมนะ...:'(


    ปล. อันนี้ไม่ได้โม้นะครับ...คือจริงๆผมยังต้องฝึกอีกเยอะ..ยังไม่ถึงไหนหรอกครับ...อันนี้รู้ตัวเองครับ ไม่ได้ตั้งใจจะถ่อมตนหรอก..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มกราคม 2015
  15. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ส่วนตัวมีข้อมูลตรงนี้น้อยมากเลยครับ.
    และส่วนตัวก็ไม่ทราบว่าที่รู้แบบหยาบๆตอนนี้.
    จะมีส่วนไหนที่ไม่มีในไตรภูมิพระร่วงบ้างเหมือนกันครับ
    ยังไง ป๋า มิงค์ก็ลองนำร่องปล่อยหมัดแย๊บนำทางมาก่อนก็ได้ครับ เพื่อนึกออกบ้างครับ..


    ภพภูมิของพวกแม่มด หมอผี ทางฝั่งยุโรป...
    พวกนี้ตายไปแล้วจะไปอยู่ในที่ไหน?
     
  16. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    บ้านเรานะครับ..ดวงจิตที่เกิดมาเรามักจะพบในลักษณะ
    ของดวงจิตที่มีสัมผัสภายในพิเศษแบบต่างๆ.
    ก็พัฒนาทางด้านกำลังจิตด้วยการบริกรรมด้วยสมาธิอะไรก็แล้ว
    แต่และบวกกับลักษณะนิสัยเดิมทางจิต ก็จะกลายเป็นหมอผี
    หมอธรรม หรืออะไรก็แล้วแต่สุดจะเรียกครับ.ซึ่งก็ใช้กำลังจิต
    ตรงนี้ในการบังคับภพภูมิระดับกำลังจิตน้อยกว่า.และทำอะไร
    ก็ตามไปในเชิงอกุศล ไม่ว่า เรือ่งรัก โลภ โกรธ หลง อย่างใดอย่างหนึ่ง.
    ส่วนพวกที่โดนเจาะก็จะพัฒนาทางสัมผัสพิเศษมากกว่าปกติ
    แต่ไม่ได้มาจากตัวเอง และไม่สนเรื่องเดินปัญญาเรื่องสร้างสติ
    เพราะตัวจิตจะโดนกดไว้จากภพภูมิภายนอกที่เข้ามาเจาะ
    จะสนแต่เรื่องในการรับรู้พิเศษต่างๆไปเรื่อย และแม้ว่าจะสัมผัส
    ได้ดี แต่จะขาดในเรื่องของกำลังจิตที่เกิดจากตัวเองเพราะโดน
    จิตอื่นๆกดไว้นั่นเอง ความสามารถก็จะตามระดับที่มาเจาะเข้าจากท้ายทอย
    พอตายร้อยทั้งร้อย ก็จะกลายเป็นภูมิภูตหากกำลังตัวเองต่ำกว่าพวกที่ตน
    เคยทำเค้าไว้หรือพวกที่เจาะเข้ามา
    และกลายเป็นภูมิอสูรกายดูคล้ายมนุษย์ที่ผิวหนังเหี่ยวๆเป็นร่องลึก
    หากว่าตนเองมีความมั่นใจว่าตนเอง
    เก่งและพื้นฐานนิสัยที่ชอบแก้ปัญหาด้วยความรุนแรงมาก่อน

    มีถิ่นอาศัยอยู่ระดับเดียวกันกับโลกเรานี่หละครับ.ถ้าใครสร้างอกุศลไว้มาก
    ก็จะลงข้างล่างกลายเป็นครึ่งสัตว์ครึ่งมนุษย์ไป..

    ทางบ้านเค้ากลุ่มแรกดวงจิตที่เกิดมาจะเป็นแบบที่มีสัมผัสภายในพิเศษแต่เทียบ
    กับบ้านเราคือน้อย พวกนี้โดยมากมักจะอิงภาคตำราซะส่วนใหญ่ แล้วก็โน้ม
    จิตโน้มใจไปทางผู้เป็นใหญ่ฝั่งนั้น.แต่จิตขาดการสร้างบารมีที่จะหนุนให้สูง
    ขึ้นไปอยู่ชั้นเดียวกับผู้เป็นใหญ่เข้าได้ โดยมากก็จะอยู่ภูมิเทวดาชั้นแรก.
    ที่วิมานของเค้าจะเหมือนโบสถ์ที่หลังคาแบบสามเหลี่ยมลงมาเกือบถึงพื้น
    ที่เค้ามักเข้าใจว่าเป็นที่อยู่ของผู้เป็นใหญ่เค้าและไม่ต้องกลับมาเกิดนั่นหละครับ..

    กลุ่มที่ ๒ พวกนี้เกิดมาพร้อมกับสัมผัสพิเศษบวกกับ
    ความสามารถในการเข้าถึงด้านพลังงานอัตโนมัติครับ..
    คือพวกนี้ จะมีกระแสพลังงานแบบแปลกๆอย่างหนึ่งก็คือ
    จะมีกระแสพิเศษอยู่เส้นหนึ่งเป็นคล้ายๆท่อ ที่จะเชื่อม
    กระแสสัมผัสพิเศษภายในด้านหน้ากับกระแสทางด้านพลัง
    งานด้านหลังที่แนวกระดูกสันหลังแบบอัตโนมัติครับ ป๋า มิงค์
    กระแสตรงนี้จะอยู่ต่ำกว่าช่วงลิ้นปี่ลงมาประมาณนิ้วสองนิ้วครับ
    ปกติกระแสแบบนี้ถ้าบ้านเราถ้าใครมีนะครับ..
    เพียงแค่เอามือไปแตะๆคนเฉยๆนะครับ
    โรคที่เป็นอยู่เนี่ย สามารถหายได้เลยนะครับ..แต่ส่วนตัวก็ยังไม่เคยพบนะครับ
    เพราะลักษณะกระแสแบบนี้จะมีใน ผู้ที่ได้ชื่อว่า
    เป็นหมอประจำตัวผู้เป็นเลิศทั้ง ๓ ภพ
    นั่นหละครับ ป๋า มิงค์....แต่แม้ว่าทางนั้นเค้าจะมีกระแสพิเศษแบบนี้นะครับ
    กลับพบว่า ดวงจิตประเภทที่ ๒ นั้นกลับไม่มีกระแส
    ที่ขึ้นไปเชื่อมกับข้างบนครับ..เป็นที่มาของกระแสพื้นฐานของ พวกพ่อมด
    แม่มด พ่อมด หมอผีของทางฝั่งนั้นๆหละครับ..

    และเนื่องด้วยกระแสแบบนี้..เป็นกระแสที่ถ้าหากดวงจิตออกจากร่างกายแล้ว
    ยังไงๆก็จะอยู่ในภูมิที่ระดับความสูงเดียวกับโลกของเรานี่หละครับ..
    และด้วยกระแสพื้นฐานอย่างนี้ เค้าถึงมีความสามารถในการปรุงยา ทำยา แต่
    จะใช้ประโยชน์ในด้านใดๆก็สุดแล้วแต่่ มีความสามารถในเรื่องพลังงานต่างๆ
    ที่จะออกแนวแรงๆเนื่องด้วยไม่มีกระแสเชื่อมข้างบน...
    และบางพวกเค้าก็จะยินดีรับกระแสพวกที่เจาะเข้ามาทางท้ายทอยอย่างเต็มใจ
    ด้วยครับสังเกตุได้จาก การที่กระแสภายนอกจากกระโหลกท้ายทอยเค้าที่เจาะ
    เข้ามานั้นจะเป็นหนึ่งเดียวกันกับกระแสความคิดที่มาจากสมองครับ...
    แต่ถ้าบ้านเราคนที่ถูกเจาะเข้ามา เค้าจะมีกระแสความคิดจากสมอง
    แยกๆกับกระแสที่เจาะเข้ามาพวกนี้ บางครั้งคนที่ถูกเจาะถึงรู้ตัวบ้าง ไม่รู้
    ตัวบ้างนั้นหละครับคุณ ป๋า มิงค์..

    ซึ่งทางนั้นจะต่างจากบ้านเราก็คือ จะปฏิเสธผู้เป็นใหญ่และเลือกอยู่คนละข้าง
    อย่างชัดเจน ไม่แอบเนียนแบบบ้านเราที่ชอบอ้างคำสอน อ้างท่าน
    แต่การปฏิบัติไม่ใช่ครับ..
    เพราะฉนั้นพวกที่เปลี่ยนภพภูมิเค้าจะมีที่ไปอยู่ ๒ ที่ชัดเจนครับ..พวกที่ปฏิเสธ
    เลือกข้างแบบตั้งตนเป็นคนละขั้ว ก็จะลงข้างล่างทันทีครับ..แต่พวกที่มารับเค้า
    จะใส่ฮูดนะครับ ตามสัญญาในจิตของถิ่นที่อยู่อาศัยครับ..อีกพวกที่สร้างทั้งความดี
    ความไม่ดีพอๆกัน..ก็จะกลายเป็นภูมิอสูรกายมีถิ่นอาศัยอยู่ระดับเดียวกันกับโลก
    เรานี่หละครับ..หน้าตาก็จะแหลมๆ ดูดุๆ เหี่ยวๆ ประมาณนี้ตามสัญญาของเค้าครับ..
    เป็นที่มาของความเฮี้ยนบวกกับส่งผลกับคนที่ลองดี เพราะเค้ามีฐานด้านพลังงาน
    มาก่อนนั้นเอง..ส่วนที่เฮี้ยนๆแบบแค่ปรากฏให้เห็นนั่นอยู่เพราะกำลังจากสัญญา
    ความจำได้สุดท้าย เช่น รัก หวง หึง โกรธ ฯลฯ ประมาณนี้ครับ...
    แต่ก็จะมีแบบที่มีสัมผัสพิเศษ มีความสามารถเรื่องพลังงาน.ที่ชอบช่วยคนปนอยู่ด้วย
    ก็มีครับ..พวกนี้จะช่วยคนอย่างเดียว โดยที่ไม่คิดว่าจะส่งผลอะไรกับตัวเอง.
    แต่ก็จะช่วยคนเพราะเค้าเป็นของเค้าอย่างนั้น..กลุ่มนี้ถ้าได้พบพระพุทธศาสนา
    จะดีมากครับ..เพียงแต่ว่ามีน้อยครับ..และกลุ่มที่เค้ารู้ตัวว่ามีความสามารถ
    มีเรื่องพลังงานบางกลุ่มจะพัฒนาตนเองมาเป็นนักสะกดจิต นักพลังจิตก็มีครับ.
    พวกนี้โดยมาจะมีสมองที่ค่อนข้างดีกว่ามนุษย์ปกติครับ.
    เพราะเค้าจะมีการเชื่อมพลังงานจากตัวเองออกไปยังองค์ความรู้พิศดาร
    ต่างๆภายนอกได้แบบอัตโนมัตินั่นหละครับ.ส่วนมากคนจะมองว่าพวกนี้เพี้ยนๆ..
    .ไม่เหมือนพวกที่เกิดมาอัจฉริยะที่เป็นนักวิชาการเลยนะครับ

    พวกนี้เชื่อมกับครูบาร์อาจารย์ข้างบนแบบนิ่งๆสม่ำเสมออัตโนมัติ
    ..แต่เค้าไม่รู้ตัวเองครับ..สังเกตุง่ายๆจะมีความรับผิดชอบชีวิตดีกว่าปกติ
    และเนื่องด้วยกระแสพลังงานที่แปลกที่เชื่อมระหว่างอภิญญาจิตภายใน
    กับกระแสพลังงานด้านหลัง จึงเป็นเหตุให้พวกนี้.เพียงแค่สร้างจินตนาการ
    ก็จะสามารถทำอะไรให้เกิดผลได้ตามจินตนาการที่เค้าสร้างขึ้นมานั่นเองครับ...
    บ้านเราถ้าไม่มีกะแสตรงนี้ แล้วไปจินตนาการแบบเค้า
    โอกาสเข้าศรีธัญญาสูงครับ ๕๕๕๕
    แม้ว่ามันจะพอฝึกให้เกิดได้เป็นบางครั้งก็ตาม
    แต่ก็จะไม่สามารถรักษาให้คงอยู่
    ได้ตลอดเวลาในชีวิตปกตินั้นหละครับ คุณ ป๋า มิงค์
    .
    ปล.ประมาณนี้ครับ..
     
  17. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    เราได้ เก้าอี้สวดมนต์ ใหม่เอียม

    จาก ท่านระมิงค์

    ผู้มีเจโตปริยญาน หยั่งทราบว่า
    มีคน ที่ ขี้เกียจสวดมนต์

    ควรจะได้สวดมนต์ (อาจขอหวยด้วยก็ได้)

    แต่เมื่อพิจารณาแล้ว เก้าอี้ สวดมนต์ นี้

    ยังเหมาะ กับ มนุษย์ ที่ต้อง การเล่นเกมส์ บนโต๊ะเตี้ยๆ อยู่ที่บ้าน

    ตลอดจนอาม่าอาอึ๊ม อากง ฯลฯ

    เพื่อ การ ตีรัมมี่ ป๊อกเด้ง เก้าเก

    (เดียรถีย์ ชีเปลือย เหล่าอื่น ก็สามารถใช้ได้ด้วยเช่นกัน)

    ขอบพระคุณมากๆค่า นั่งสบายมากจริงด้วย
    ไม่ต้องกังวลว่า การนั่งนานๆตาตุ่มจะด้าน เป็นตาปลา เป็นปุ่มปม แข็งอีกต่อไป เยี่ยมเลยค่า


    ปล.แบบว่าพักนี้ นางแบบอ้วนจนแก้มดึงจมูกบาน เวลานั่งแล้ว พุงพุ่งออกมาสง่าผ่าเผย เลยต้องพักพุง ไว้ก่อนค่า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มกราคม 2015
  18. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ถ้าจะเข้าถึงพลังงานในระดับกำลังสมาธิไม่มาก
    และเน้นสงบได้เร็ว เหมาะสำหรับคนไม่ชอบนั่งนาน
    ให้นั่งท่าขัดเพชรนะครับ และหงายมือวางไว้ที่เข่า
    พลังงานจะออกจากกลางฝ่าเท้า จากฝ่ามือและวิ่งตรงขึ้นบน
    ถ้านั่งปกติ พลังงานจะมาดันที่ต้นขาและวิ่งวนชนกัน
    มันจะวิ่งมาชนที่หน้าเราได้ครับ แต่ถ้านั่งนานได้และไม่มีเรื่องพลังงาน
    ท่าไหนก็นั่งได้ครับ
     
  19. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    ตั้งแต่พี่ระมิงค์อนุเคราะห์เก้าอี้สวดมนต์ให้มวลสมาชิก
    ก็รู้สึกสบายมากขึ้น มีเวลาคุยมากขึ้น เนื่องด้วยไม่ต้องสวดมนต์เองแล้ว
    ขอบคุณมากนะคะ
     
  20. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    พี่ระมิงค์บอกให้ชวนพายุมาให้คุณนพเจาะท้ายทอย...
    แต่ดูเหมือนพายุจะติดภารกิจในการวิจัยเก้าอี้สวดมนต์ไม่มีเวลาว่างเลย
    แถมพักนี้ดูจะมีพฤติกรรมแปลกๆไปแล้ว....
     

แชร์หน้านี้

Loading...