ปัจจุบันธรรมหรือธรรมโม

ตาด้วย รูปด้วย จึงเกิดจักษุวิญญาณ การประจวบแห่งธรรม3ประการนี้คือ ผัสสะ


ถูกแล้ว ถูกแล้ว อานนท์! ตามที่สารีบุตรเมื่อตอบปัญหาในลักษณะ นั้นเช่นนั้น, ชื่อว่าได้ตอบโดยชอบ : อานนท์! ความทุกข์นั้น เรากล่าวว่า เป็นสิ่งที่อาศัยปัจจัยอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วเกิดขึ้น (เรียกว่าปฏิจจสมุปปันนธรรม). ความทุกข์นั้นอาศัยปัจจัยอะไรเล่า? ความทุกข์นั้น อาศัยปัจจัยคือ ผัสสะ, ผู้กล่าวอย่างนี้แล ชื่อว่า กล่าวตรงตามที่เรากล่าว ไม่เป็นการกล่าวตู่เราด้วยคำ ไม่จริง; แต่เป็นการกล่าวโดยถูกต้อง และสหธรรมิกบางคนที่กล่าวตาม ก็จะ ไม่พลอยกลายเป็นผู้ควรถูกติไป ด้วย. อานนท์! ในบรรดาสมณ พราหมณ์ ที่กล่าวสอนเรื่องกรรมทั้งสี่ พวกนั้น : สมณพราหมณ์ ที่กล่าวสอนเรื่องกรรมพวกใด ย่อมบัญญัติความ ทุกข์ ว่าเป็นสิ่งที่ตนทำเอาด้วยตนเอง, แม้ความทุกข์ที่พวกเขาบัญญัตินั้น ก็ยังต้องอาศัยผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดได้; สมณพราหมณ์ที่กล่าวสอนเรื่องกรรม พวกใด ย่อมบัญญัติความทุกข์ ว่าเป็นสิ่งที่ผู้อื่นทำให้, แม้ความทุกข์ที่พวกเขา บัญญัตินั้น ก็ยังต้องอาศัยผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดมีได้; สมณพราหมณ์ที่กล่าว สอนเรื่องกรรมพวกใด ย่อมบัญญัติความทุกข์ ว่าเป็นสิ่งที่ตนทำเอาด้วยตนเอง ด้วย ผู้อื่นทำให้ด้วย แม้ความทุกข์ที่พวกเขาบัญญัตินั้น ก็ยังต้องอาศัยผัสสะ เป็นปัจจัย จึงเกิดมีได้; ถึงแม้สมณ พราหมณ์ ที่กล่าวสอนเรื่องกรรมพวกใด ย่อมบัญญัติความทุกข์ ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ใช่ทำเองหรือใครทำให้ก็เกิดขึ้นได้ ก็ตาม. แม้ความทุกข์ที่พวกเขาบัญญัตินั้น ก็ยังต้องอาศัยผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดมีได้ อยู่นั่นเอง.

 

เมื่อเรามองอะไรให้เป็นไตรลักษณ์จริงๆนะ เราต้องได้ปัญญาว่า สิ่งที่เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปเนี่ย มันไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา
ผู้ศึกษาตามอาจารย์บ้าง อะไรบ้าง ก็ยังไม่รู้อะไรเอาซะเลย เคยได้ยินเเล้ว เเต่เข้าใจ ไม่ทั่งหมด
นี้เเละคือปัญหา ถึงเป็น ความอันตรธาน ของคำที่ผิดเพี้ยนไป
ในพุทธวจนะ เมื่อพระองค์ตรัสเรื่อง ไตรลักษณ์ ท่านก็จะตรัสต่อ ว่าสิ่งนั่น มันไม่ใช่เรา
บางคนไม่เคยได้ยินคำนี้เลย ก็ไปยึดว่าไตรลักษณ์เป็นเรื่องธรรมดาไป กลายไปเป็นตัวตน ว่านั่นเป็นของเราจนได้ เป็นสิ่งที่มีอยู่ เป็นของเรา การเกิดดับเป็นเรื่องธรรมดาไป ทั่งๆที่ สิ่งที่เกิดขึ้นเนี่ย เราไม่ควรยึดมั่นถือมั่นเลย ตามที่พระองค์ตรัสถึงจะถูกต้อง
ไม่ใช่ว่าเห็นว่าเห็นกรรมเป็นกฏไตรลักษณ์ เเล้วก็ยึดว่าเป็นของเราไปอีก

 

คุณน้องรู้แต่ว่าที่ทำกุศลทุกวันนี้ก็เพื่อเป็นพลวปัจจัย
ให้ถึงโลกุตรธรรม9 ด้วยเหตุผลนี้เท่านั้นแหล่ะค่ะ

ขุนทรายเค้าจะมาหรือไม่มา ไม่เกี่ยวกับคุณน้องนะคะ
ขอบอกค่า

 

พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรสาติ ได้ยินว่า เธอมีทิฏฐิอันลามกเห็นปานนี้เกิดขึ้นว่า
เราย่อมรู้ทั่วถึงธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงว่า วิญญาณนี้นั่นแหละ ย่อมท่องเที่ยว แล่นไป
ไม่ใช่อื่น ดังนี้ จริงหรือ?
สาติภิกษุทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ย่อมรู้ทั่วถึงธรรมตามที่พระผู้มีพระภาค
ทรงแสดงว่า วิญญาณนี้แหละ ย่อมท่องเที่ยว แล่นไป ไม่ใช่อื่น ดังนี้ จริง.
พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรสาติ วิญญาณนั้นเป็นอย่างไร?
สาติภิกษุทูลว่า สภาวะที่พูดได้ รับรู้ได้ ย่อมเสวยวิบากของกรรมทั้งหลาย ทั้งส่วนดี
ทั้งส่วนชั่วในที่นั้นๆ นั่นเป็นวิญญาณ.
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรโมฆบุรุษ เธอรู้ธรรมอย่างนี้ที่เราแสดงแก่ใครเล่า ดูกรโมฆ
บุรุษ วิญญาณอาศัยปัจจัยประชุมกันเกิดขึ้น เรากล่าวแล้วโดยปริยายเป็นอเนกมิใช่หรือ ความ
เกิดแห่งวิญญาณ เว้นจากปัจจัย มิได้มี ดูกรโมฆบุรุษ ก็เมื่อเป็นดังนั้น เธอกล่าวตู่เราด้วย
ขุดตนเสียด้วย จะประสพบาปมิใช่บุญมากด้วย เพราะทิฏฐิที่ตนถือชั่วแล้ว ดูกรโมฆบุรุษ
ก็ความเห็นนั้นของเธอ จักเป็นไปเพื่อโทษไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์ตลอดกาลนาน.

พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๒
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๔ มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์
หน้าที่ ๓๓๒/๔๓๐

 

^
^
เห้อ!!!

ดีแต่ตีฝีปาก ร้อยลิ้นกะลาวน

ก็ตอบมาชัดๆสิ

ใช่เพราะอะไร? ไม่ใช่เพราะอะไร?

อย่าดีแต่วางมาด อวดสาวๆอยู่เลย55+

เจริญในธรรมทุกท่าน

 

ู^
^
อย่าเอาแต่บนคนเดียวอยู่เลย พวกนอกรีต

ว่าเป็นเรื่องไปๆสิ

เอาเรื่องแสงก่อน เมื่อบอกว่า แสงคือกิเลส

เกิดจากเหตุปัจจัย ใช่หรือไม่?

คุณเปรียบเทียบไว้เองนะ

แล้วถามไปว่า ทำไมกิเลสต้องเปรียบเทียบเป็นแสง

แล้วที่ว่าเกิดจากเหตุปัจจัยหนะ จากเหตุปัจจัยอะไร?

ตอบมาก่อนตามคิว ถามไปหลายครั้งแล้ว

อย่าเพิ่งพล่ามไปมากกว่านี้

พอไม่ตอบ ก็หันมากล่าวหาว่าร้ายว่า "อาการของจิตคือขันธ์๕"

มั่วได้เนียนจริงๆ ขอหลักฐานด้วย

ที่พูดประจำคือ อาการของจิต เวทนา สัญญา สังขารวิญญาณ

การยกตนข่มท่านนั้น ก็บอกชัดอยู่แล้วนะว่า มีแต่เปลือกเท่านั้น

อย่าดีแต่อวดสาวอยู่อีกเลย บาปกรรมมีจริงนะ

เจริญในธรรมทุกท่าน

 

ู^
^
55+ เห็นเก็บอาการมาตั้งนาน

โดนขี้ปาหน้าเข้า่หน่อยออกอาการทันที่เลยนะ

ก็มีแต่คนโง่ยังคุณ ที่ยืนรอให้คนเอาขี้มาปาหน้า

แถมยังยินดีรับอีกด้วย เพราะไม่ยึด ก็ไม่ต้องเป็นกรรมกัน

ที่ยังงี้ทำรู้ดีว่า ท่านพระอาจารย์องค์คุลีมานเคยเกิดเป็นควายป่าถูกรุมฆ่า

อ้าวแล้วที่เคยพูดไว้เองว่า

กรรมเป็นของไม่เที่ยง อย่าไปยึดมันเท่านั้น ก็ไม่ต้องใช้กรรมนั้นแล้ว

ดูพวกนอกรีต ที่ชอบเล่นลิ้นกะลาวนให้งงเล่นซะงั้น

จะสนทนาอะไรเอาเป็นเรื่องไป

อย่าพยายามพล่ามเพื่อโชว์สาวๆอยู่เลย

เจริญในธรรมทุกท่าน

 

*
*
*อ้าว!!!
พูดเองเออเองก็ได้
ก็พูดไว้เองไม่ใช่หรือว่า
เมื่อไม่ยึดกรรมนั้นเพราะไม่เที่ยง ก็ไม่ต้องชดใช่กรรมนั้นที่ทำไว้

อย่ามั่วออกนอกเรื่อง แบบนี้มั่วเพื่อเอาตัวรอดเท่านั้น
ถามโง่ๆเข้าไปได้ "คุณคิดว่าหมดเเล้วหรือ"
ถ้ากรรมเก่าหมดแล้ว จะกลับเกิดให้โง่ทำไมหละจ๊ะ?
เจริญในธรรมทุกท่าน

 

*
*
อ้าวพูดเองเออเองก็ได้

ผมไม่อยากยึด แล้วเสือกยึดไปทำไม

แล้วมาพล่ามเรื่องนรก สวรรค์ นางฟ้า หาวิมานอะไร?

ก็ไม่เชื่ออยู่แล้วว่า กรรมนั้นเป็นสิ่งเที่ยงตรงที่ต้องชดใช้และให้ผล

คนอะไรกลืนน้ำลายตัวเองก็ได้55+

เจริญในธรรมทุกท่าน

 

ู^
^
เอา อย่าพยายามนอกเรื่องไปไกล

เป็นธรรมดาของคนที่มีจิตใจเลวทรามต่ำช้าเท่านั้น

ที่ชอบคิดว่าคนอื่นมีความคิดเหมือนตนเอง

มีโอกาสไปถามคนเก่าๆที่เคยไปมีสติ้งกันมาแล้วหลายครั้งดูสิ

ถ้าอยากโชว์ๆไปนานแล้ว เพราะรู้ว่าโชว์ไปแล้วได้อะไร?

มรรค ผล นิพพานหรือ ก็ไม่ใช่ มีแต่เปลืองตัวเปล่าๆ

อย่าเอาความคิดต่ำของคุณ มายัดเยียดให้คนอื่นเลย

พวกนอกรีต มักมีวาจากลับกลอกหาความจริงไม่ได้

เมื่อโชว์มาแล้วถามไปไม่เคยตอบเลย อย่าแถอีกหละ

ถามว่าชัดๆนะ เราในที่นี้หนะใครหรืออะไร?

แล้วธรรมธาตุหละมาจากไหน?

''ในโลกนี้ มีสิ่งใดๆบ้างมั้ยหนอเมื่อเรายึดถือเเล้วจะหาโทษมิได้''



เจริญในธรรมทุกท่าน

 

^
^
ดีแล้ว ไม่ได้เสียหายตรงไหน

การทำกุศลธรรมทุกเพื่อให้จอตผ่องใส ก็ดีในส่วนนั้น

แต่กุศลรรมที่ทำเพื่อให้เป็นพลปัจจัยให้ถึงโลกุตตรได้นั้น

"ทางนี้ทางเดียวเท่านั้น เพื่อความบริสุทธิ์หมดจดของสัตว์ทั้งหลาย"

"สัตว์" ในพระสูตรคือ จิตที่ติดข้องในอารมณ์

ส่วนขุนทรายนั้น ถ้ายังเป็นคนที่รู้รับผิดชอบควรแสดงตน

เจริญในธรรมทุกๆท่าน

 

ู^
^
ถามตรงๆเหอะ รู้จักไตรลักษณ์ดีแล้วหรือ?

พระพุทธพจน์ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่า

มันไม่ใช่ของเรา ไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา

เราที่รู้สิ่งที่พูดมา มีอยู่ใช่หรือไม่?

เพราะโง่เขลา จึงไปยึดขันธ์๕นั่นว่า

เป็นเรา นั่นของเรา นั่นเป็นตนของเรา

เพราะเข้าใจผิดไปใช่หรือไม่?

เมื่อเรามีปัญญาเข้าใจถูกแล้ว

แล้วเรายังจะโง่เขลา หันกลับมายึดเราเข้าไปอีกหรือ?ก็หายโง่แล้ว

คนอะไรกระล่อนเป็นบ้า

ปกติยัดเยียดให้กรรม เป็นสิ่งไม่เที่ยง ตกอยู่ในกฏไตรลัษณ์

มาตอนนี้ปฏิเสธหน้าตาเฉยเสียแล้ว55+

ด้านจริงๆ นี่แหละพิษของการชอบอวดรู้เกินพระพุทธองค์

"ไม่ใช่ว่าเห็นว่าเห็นกรรมเป็นกฏไตรลักษณ์"

อย่ามาอ้างพระพุทะองค์เลย เมื่อตอบไม่ได้ เวรกรรมจริงๆ พวกนอกรีต

ถ้ากรรมไม่ใช่ตกอยู่ในกกไตรลักษณ์ ให้กรรมเป็นอะไร?

อย่าถ่มน้ำลาย แล้วแอบกลืนเข้าไปเองแบบที่ทำอยู่นะ

เอาอย่างงี้ดีกว่าไปขึ้นกระทู้ มาว่ากันเป็นเรื่องๆ

มาว่ากัน เฉพาะเราสองคน มีเราอีกแล้ว55+

เจริญในธรรมทุกท่า่น

 

เห้ออ !!!! เอาเป็นว่า...
ผมจะสรุปให้เหลือกระทู้นี้เเละนะ เพื่อจะให้คุณไปปฏิบัติธรรมได้สะดวก จะได้ไม่ต้องระเเวงผมอยู่ ผมเห็นใจคุณ จะโชวสาวที่ไหนก็ตามสบาย
ยิ่งอ่านของคุณก็ยิ่งไปกันใหญ่ คุณมีความรู้อะไรไหม นอกจากเรื่อง ผู้หญิง นิ
ผมจะตอบปัญหาคำถามที่คุณสงสัยมากที่สุดให้ละกัน!เรื่องท่านองอาจารย์คุลีมา ของคุณ ปัญหาที่ถามผม
คุณก็บอกเองว่าเมื่อมีคนมาตัดนิ้ว ก็จะปล่อยไป เเล้วกลับบ้านไปนอนตายในรัง
เหมือนคุณจะชินว่า มาทำให้อยากเเล้วก็จากไปเรื่อยๆรึไงนิ ไม่คิดบ้าง นั่นคือนิ้ว ไม่ใช่อารมกามของคุณ
สับสนเเล้วรึไง หึ เอาเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้มารวมกับ อารมที่มันเกิดดับ
ผมถึงบอกว่า มีใครบ้างหล่ะที่เมื่อโดนตัดนิ้วจะอยู่เชยๆ กลับไปตายรัง? ไม่มี! เเต่ถ้าเป็นอารมเนี่ย ถึงจะถูกต้อง ถูกมั่ยคุณธรรมภูต
ปุถุชนที่ไม่ได้สดับ เค้าก็ต้องลุกขึ้นสู้อยู่เเล้ว สู้กันให้ตายกันไปข้าง1ไม่มีใครยอมหรอก ไม่ก็ต้องหาไม้มาตีกันเลอะเเละ สู้กันจนตาย ถูกมั้ย?
ส่วนกรรมเป็นของไม่เทียง ผมก็พูดถูก! เเต่ที่คุณพูดเเบบนี้ ไปตีความหมายผิด รวมกับว่าที่คุณพูดนั่น เป็นกลุ่มพวก บูชา กรรม เป็นพระเจ้ารึยังไง
ผมไม่เข้าใจว่า มันก็เห็นๆอยู่เเล้วว่า กรรมมันไม่เที่ยง คุณยังจะบอกว่าเที่ยงอยู่อีก เอาพระสูตรมาก็เเล้ว เเบบนี้คุณก็บอกสิ! ร่างกายคุณนั่นเที่ยง คุณจะบอกว่าไม่เที่ยงได้ยังไงหล่ะ? มันมีอยู่ไม่ใช่หรือ?
อย่าเอาเเต่ความคิดตัวเองเป็นใหญ่อยู่เลย อย่าหลอกตัวเอง ต้องมองให้กว้างๆ ให้เป็นอกาลิโก ให้ถูกต้องตลอดสิ ไม่ใช่ครึ่งๆกลางๆ
ทำตนอย่าให้เค้ามองว่า นอกรีต นอกกรอบ นอกโลก นอกคอก อะไรๆก็ต้องมีเหตุผล ให้เหมือนที่ได้ชื่อว่า เป็นลูกของพ่อ
คุณเข้าใจอะไรบ้างมั้ยนิ เรื่องทั่งหมดที่ผมเล่าเนี่ย อะไรก็สักเเต่ถาม ข่างๆ ขูๆ ไม่อยู่กับร่องรอย
ผมอยากจะบอกว่า คุณนั่น ไม่รู้เรื่องอะไรเอาสะเลยจริงๆ เลอะอะ
เเล้วคุณชอบไปหาเสี่ยมคนอื่นว่า สอนธรรม อวดธรรม โชวสาวๆ เห้ออ คุณจะทำสิ่งนั่นก็ว่ามาเลย ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆ เปิดเผยมาเลยว่าเป้าหมายของคุณคืออะไร? หยุดสร้างภาพเป็นนักขาว เเต่หาไล่ติคนอื่น กะว่าจะเอาสาวอยู่มือ! เห้อออ
จิตใจของคุณยังไม่ทำให้ผ่องเเผ้วเลย คุณพูดว่าอย่าอวดรู้ อวดธรรม ไม่ได้ ส่วนผมบอกต้องบอกว่าก็ยังเเต่ให้อยู่ในกรอบศิลธรรม เเละผมไม่ได้จับผิดอะไรคุณหรอกนะ อย่าเข้าใจผิด ผม หล่ะกัน
เเต่ดูจากคำตอบเเละ คำถามต่างๆ ที่ส่งมาเเล้ว ท่าทางว่าคุณจะเถียงให้หัวชนฝานั่นเเละไม่มีอะไรเลย เกินไปกว่านี้ ผมวิเคราะเเล้ว
เอาเป็นว่าถ้าคุณไม่รู้เรื่อง ไม่มีปัญหาอะไรเเล้ว ก็เชิญปฏิบัติไปเรื่อยๆ ผมไม่ได้ว่าอะไรคุณ เพราะคุณทำถูกต้องอยู่ ! ผมเเค่คิดว่ารากเสียๆ ของคุณยังอยู่ต้องชำระไปเรื่อยๆ เเล้วจิตใจจะได้ผ่องใส ทุกคนก็มี เเต่ต้องพยายามนะ สู้ต่อไป ต่างคนต่างมีปัญหาของตน
ผมจะให้คำคมไว้ว่า ลุยป่าไม่ต้องตัดไม้ให้หมดทั่งป่า เลือกเฉพาะทางที่ต้องการจะไป เพราะจุดหมายปลายทาง ก็ที่เดียวกัน คุณไม่ผิดอะไรหรอกนะ ไม่ต้องดิ้นรนที่จะหนีเข้าป่าอะไร เเต่ต้องสู้ในใจของตนเองก็พอ คือกิเลส เเล้วก็ จับตัวลิง ที่เกิดดับ ให้จงได้

 

ู^
^
เฮ้อ!!!
คนอะไร"ลื่นเหลือล้น หน้าทนเหลือหลาย"
พูดเองเออเอง เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่นก็ได้
พอถูกจับเท็จได้ ว่าที่พูดมั่วๆมานั้น แล้วยกตนเองว่าพูดถูกต้องแล้ว
ไม่รู้สึกอาย ที่ใช้สันดานผู้หญิงที่ชอบทำกัน
คือด่าๆกล่าวหาไปก่อน จริงเท็จไม่สน เพราะสีทนได้ ด้านจริงๆ
ใจเย็นๆจะชี้ความกระล่อนปลิ้นปล้อนเป็นประจำให้เห็น
แถมยังชอบกล่าวหาว่าร้าย พระพุทธพจน์และพ่อแม่ครูบาอาจารย์เสียอีก55+
ไม่ต้องกลัวธรรมภูตจะระแวงหรอก
ถ้าระแวงจริง คงไม่ชวนให้ไปขึ้นกระทู้เพื่อถกกันให้รู้ดำรู้แดงหรอก
ไม่ต้องห่วงถ้าคิดหนีธรรมภูตๆจะขึ้นกระทู้ให้เอง(เย็นไว้)
อย่าเอาสันดานเลวๆมาใช่สิ
กล่าวหากันได้
ธรรมภูตพูดว่า กรรมเที่ยงตรงที่ต้องชดใช้
ก็เล่นตัดเหลือแค่ คุณยังจะบอกว่าเที่ยงอยู่
คนอะไรนเลวได้ใจจริงๆ
หลักฐานที่ธรรมภูตพูดไว้
เมื่อทำกรรมเช่นใดไว้ ต้องไดัรับการชดใช่กรรมนั้นแน่นอน

ปล. ใครที่ใช้ล๊อกอิน"ขุนทราย"
อย่าทำตัวเป็นอีแอบอยู่เลย ทำแบบนี้ไม่อายกระเทยบ้างหรือ?
เจริญในธรรมทุกท่าน

 

*
*
ใครที่เอารูปแมวน่ารักๆมาลง เพื่อหลอกล่วงสาวๆอยู่หละ?
ที่พูดมานั้น ถูกใจก็เรื่องนี้แหล่ะ
ใช่ธรรมภูตรู้ดีจริงๆ เรื่องผู้หญิง
ชีวีจึงมีสุข อยู่รอดปลอดภัย สบายกายสบายใจอยู่อย่างทุกวันนี้
เพราะอะไร? ผู้หญิงเป็นข้าศึกต่อพรหมจรรย์
ไม่จำเป็นจริงๆก็อย่าเข้าใกล้ ต้องระวังไว้ให้มาก
แม้พระพุทธองค์เอง ก็ยังบัญญัติกฏเกณฑ์
เพื่อให้ภิกษุณีหมดไปในอนาคตใช่หรือไม่?

เจริญในธรรมทุกท่าน

 

*
*
เอาล่ะมาว่ากันต่อเอาเรื่องใกล้ตัวก่อน
มาดูความกระล่อนกัน

หน้าที่๔ได้พูดไว้ในคคห.ว่า จิตที่มันเกิดดับ
พอมาตอนนี้ กลับกลายเป็นอารมณ์ที่มันเกิดดับ
หึ เอาเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้มารวมกับ อารมที่มันเกิดดับ
คนอะไรนอกรีตได้ใจไปจริงๆ
นี่ขนาดจับได้ไล่ทันนะ
มันอย่างเลี่ยงอย่างด้านๆ
เฮ้อ!!! เจริญในธรรมก็เจริญในธรรมหว่ะ

 

*
*
เรื่องต่อมายิ่งชัดเจนในความนอกรีต
คงเห็นชัดที่ระบายสีไว้
ธรรมภูตพูดชัดๆว่า"กรรมนั่นเที่ยงตรงที่ทุกคนต้องกลับมารับ"
ชัดๆนะว่าใช่คำว่าเที่ยงตรง ไม่ใช่เที่ยงแท้ถาวร

ส่วนพวกนอกรีตตอนแรกยืนยันอย่าหนักแน่ว่า
กรรมไม่เที่ยงนั่นเเละที่ถูกต้อง เมื่อเราไม่ยึดสิ่งที่ไม่เที่ยง เเล้วเราจะกลับมารับกรรมอีกได้หรือ
พอโดนซักไซไล่เลียงไปมา ตอบไม่ได้กลายพันธุ์ทันที
โดยแอบอ้างพระพุทธองค์ได้ทรงกล่าวว่า
ตามที่พระองค์ตรัสถึงจะถูกต้อง
ไม่ใช่ว่าเห็นว่าเห็นกรรมเป็นกฏไตรลักษณ์ เเล้วก็ยึดว่าเป็นของเราไปอีก

นี่แหล่ะหนา คิดแต่จะพูดในสิ่งที่อยากโชว์ อวดรู้เพียงอย่างเดียว
ไม่เคยคำนึงถึงความเสียหายและเวรกรรมที่จะเกิดขึ้น
เพราะอคติธรรมนำมา เพื่อต้องการเอาชนะแค่น้ำคำเท่านั้น

นอกรีตเอ๋ย กลับใจมาเจริญในธรรมเถิดยังทัน

 

*
ต่อมายิ่งมันเรื่องพระอาจารย์องคุลีมาน
ไม่หาหลักฐานแล้วนะ เพราะมีในหน้าผ่านๆมา

พวกนอกรีตยืนยันหนักแน่นว่า ท่านพระอาจารย์ฆ่าไป๙๐๐ศพ
เหตุเพราะคนเหล่านั้น เคยฆ่า ท่านพระอาจารย์ไว้
ในสมัยที่ท่านเกิดเป็นควายป่า

ถามตรงๆเหอะ มันสมเหตุสมผลมั้ย?
ใช้คนตั้ง๙๐๐คน ไปฆ่าควายป่าเพียงตัวเดียว
คิดไปได้ แค่๕คนก็เหลือล้นแล้ว

นี่หละหนา คิดแต่จะเอาชนะจนลืมเหตุผลตามความเป็นจริง
พูดมาได้เหมือนสู่รู้เองว่า ใครจะยอมให้ตัดนิ้วง่ายๆ
ก็แสดงว่าคนกลัวตายไม่มีในโลกสิ

ท่านพระอาจารย์องคุลีนามนั้น
ท่านถูกหลอกให้หานิ้วมือ ไม่ใช่ให้ไปฆ่าคนเอาหัวมา
ท่านเป็นปัญญาชนคนใกล้จะบรรลุ ถึงหน้ามืดไปบ้าง เพราะอยากได้วิชา
คงไม่บ้าถึงขนาด ไปฆ่ามันลูกเดียว ได้นิ้วแล้วละเว้นได้ ท่านคงละเว้น

แต่พวกนอกรีตบางคน พยายามยัดเยียดว่าท่านต้องฆ่ามันดะไม่เว้นแม้สักคน
ไอ้ความคิดแบบนี้ ก็มีแต่พวกอวดดีไม่กลัวบาปเท่านั้นที่คิดเข้าไปได้

สนทนาธรรมสมควรแก่ธรรม

 

*
เอามาดูความกระล่อนต่อมาอีก
นี่ขนาดเว้นๆ อ่านแบบผ่านๆไม่จริงจังอะไร
ยังเจอขนาดนี้ จึงได้ท้าให้ไปขึ้นกระทู้
เพื่อดวลเดียวไมค์โคโฟน ก็ยังพยายามเลี่ยงอยู่นี้

เป็นคนพูดเองชัดๆว่าที่ตนเองอธิบายไปนั้นถูกต้องแล้ว
เรื่องอะไร ก็เรื่องกิเลสคือแสง
*

^
^
พูดเองเออเองเหมือนรู้หมด
ก็เลยถามไปว่า
ทำไมกิเลสจึงต้องเป็นแสง?
แล้วแสงเกิดจากเหตุปัจจัยอะไร?
ทำไมแสงที่กระทบใน อุปมาคือดวงตา?

แบ๊ะ แบ๊ะ ตอบแค่ว่า ที่พูดไปนั้นถูกต้องแล้ว
อย่างนี้ก็มีด้วย ไม่ตอบแต่ถูกต้องได้
แบบนี้ชาวบ้านเรียก ไม่บ้าก็เทมาน้ำตาลแล้ว

เห็นแล้วท่าจะเจริญในธรรมไม่ไหว

 

เฮ้อ!!!
เหนื่อยใจจริงๆกับคนพวกนี้
ทำตัวเก่งเกินจอมศาสดา
มีพระสูตรและพระวินีัยไว้ให้สอบสวน เทียบเคียง
กลับละเว้นเพราะหลงไปว่าตนเองเก่งจนบรรลุแล้ว

แค่หลักธรรมพื้นฐานที่ใกล้ตัว เรื่อง"จิต"
ก็ยังไม่อาจเข้าถึงธรรมที่แท้จริงของจิตได้เลย
แต่กลับอวดเข้าใส่ซะงั้น โดยไม่นำพาในเหตุผล
พร้อมมีหางเครื่อง คอยชงเรื่องกดไม่เห็นด้วย

แต่ไม่เคยเห็นคคห.ที่แสดงเลยสักครั้งว่า
ไม่เห็นด้วยเพราะอะไร
ขนาดมีพระพุทธพจน์และคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์อยู่ในนั้น
มันยังด้านพอที่จะกดไม่เห็นด้วย โดยไม่ชี้แจงใดๆ
พวกนอกรีตที่เข้ามาปะปนก็ทำได้ทุกอย่้างที่อยากทำ

เจริญในธรรมทุกท่าน