ปัญหาการมีอยู่จริงของพระผู้เป็นเจ้าในศาสนาฮินดู

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย Sirius Galaxy, 19 มิถุนายน 2013.

  1. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,611
    ค่าพลัง:
    +2,882
    ขอแทรกมาตอบ จขกท. นิดนะ

    อยู่แถวๆชั้นพรหม แต่ท่านจะไปที่ไหนก็ได้ไปได้ทุกที่

    ตอบเสร็จแล้วขอตัวนะตีกันต่อเลย ;k04
     
  2. โฮดี้โจนส์

    โฮดี้โจนส์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,152
    ค่าพลัง:
    +1,487
    ผมว่ามีหนังสือมากมายนะ ที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นหนังสือเรียนพวกภาควิชาปรัชญาและศาสนาที่สอนกันตามระบบมหาวิทยาลัยเสียด้วยซ้ำไป มันขึ้นอยู่กับว่าคุณจะอ่านหรือเปล่า ถ้าผมแนะนำผมก็เชื่อว่าคุณไม่อ่านอยู่แล้วแล้วผมจะเสียเวลาทำไมครับ.........ถ้าคุณจะอ่านคุณอ่านไปนานแล้ว ไม่รอจนถึงตอนนี้หรอก มีหลักฐานอ้างอิง พูดแล้วผมก็หัวเราะ คุณว่าผมกำลังตอบกระทู้หรือทำรายงาน วิทยานิพนธ์อยู่ครับ ถ้าคุณอยากจะได้คุณคงลองหาดูไปนานแล้วว่าเป็นจริงอย่างที่ผมพูดหรือเปล่า แต่นี่คุณไม่ได้หาก่อนเลย ก็แสดงว่าไม่ได้สนใจจะรู้จริง แล้วผมจะเสือกเสียเวลาไปหาทำไมครับ .......จริงๆๆผมว่าหาง่ายนะข้อมูลเยอะดี มั่วบ้างถูกบ้าง ก็ต้องดูเยอะๆๆหน่อย


    ผมมองว่าคุณก็พูดไปอย่างงั้น.........ผมไม่เสียเวลามานั่งหาครับ จะหาไปทำไมในเมื่อคุณไม่ได้สนใจจะรู้ สนใจแต่จะอวดรู้(แต่ไม่มีให้อวด)เสียมากกว่า ล้อเล่นครับ5555 ถ้าคุณพออ่านพอศึกษามาบ้างก็น่าหามาเถียงมายืนยันนะครับคงสนุกดี แต่กรณีนี้เอามาก็เท่านั้น......เหนื่อยเปล่าในการหา

    ผมพูดมาจากความจำเท่าที่นึกออก แต่รับรองว่ามันเป็นข้อมูลทางวิชาการแน่นอน ไม่ใช่เมกเอา...ข้อมูลสามารถค้นได้ครับ จะให้ผมพูดจักรวาลแนวพุทธก็ได้รับรองเป๊ะ แบบสวรรค์มีกี่ชั้นชั้นแรกชื่ออะไรว่าไง ชั้นพรหมมีกี่ชั้น
    นรกมีกี่ขุมแต่ละขุมว่าไง พวกอภิปรัชญาเหล่านี้ที่อยู่ตามอภิธรรมเป็นส่วนใหญ่ผมก็พูดได้ ถ้าสนใจ

    ให้พูดแบบฮินดูตำนานเทพองค์นั้นองค์นี้ ก็พูดได้ พอดีไม่คับแคบครับ ถ้าจะมองก็ต้องมองมันทุกมุมและเอามาวิเคราะห์เอามาคิด มาเชื่อมโยงกัน
    แต่เอ....กระทู้ว่าด้วยความคิดระหว่างพุทธกะฮินดูและการแลกเปลี่ยนกันทางความเชื่อ วัฒนธรรม ปรัชญา อะไรทำนองนั้นนี่ มันก็ต้องพูดแบบนี้ .....ผมว่ามันเป็นกระทู้แบบนี้ไปแล้วนะ มันไม่ใช่กระทู้อภิปรัชญาเชิงพุทธ จักรวาทวิทยาเชิงพุทธนี่

    อ้ออีกอย่างอยากเสริม

    ความเชื่อเรื่องอวตาร รวมถึงเรื่องทำนอง เรื่อง พระศรี พระเมสิอานี่ซะรอยศาสนาอินเดียทั้งหลายจะได้มาจากศาสนาโซโรอัสเตอร์ ถ้าไปดูกัลกิยาวตาร ของวิษณุเทพเทียบกับพระศรี พระเมสิอาห์ของยิวนี่ชัด ว่าได้มาจากศาสนาโซโรอัสเตอร์ ส่วนลัทธิศักตินี่มีมาก5000-9000ปีเป็นอย่างต่ำ....วันหลังถ้าสนใจจะพ่นให้ฟัง


    ผมพูดตามที่เขาศึกษาจนยอมรับกันอย่างน้อยก็คนส่วนใหญ่ที่เขาว่าเป็นนักวิชาการก็แล้วกัน ไม่มีนะครับข้อมูลแบบอ้างว่ารู้ด้วยญาณบ้างล่ะ ถอดจิตถอดหัวไปรู้บ้างล่ะ ......ไม่มีครับ...พวกนั้น


    และที่ผมพูดนี่ผมอ่านมาจากหลายเล่มทั้งไทยทั้งต่างประเทศนะครับ ถึงจะเอามายำรวมกันได้...และคนที่เขาเรียนเขาสนใจเขาก็รู้กันหมด ไม่ใช่ความรู้ที่วิเศษวิโสอะไร

    ส่วนเรื่อง ศังกราจารย์และเรื่องศาสนาพุทธ ถ้าคุณอ่านหนังสือไทย คุณก็จะเห็นว่าศังกราจารย์โดนด่า เพราะคนเขียนมันเป็นคนพุทธ แต่ถ้าคุณอ่านคนเขียนที่ไม่ใช่พุทธเขียนซึ่งเป็นฮินดูก็จะว่าไปอีกแบบหนึ่ง หรือพวกที่เขียนแบบไม่นับถือศาสนาอะไรเลย แต่สนใจเพียงในง่ประวัติศาสตร์ก็จะอีกแบบหนึ่งพวกนี้จะเขียนกลางๆๆ

    เรื่องศังกราจารย์ ก็มีข้อมูลมากมายคุณก็หาดูตามอินเตอร์เน็ตก็ได้ แต่แนะนำว่าให้หาภาษาอังกฤษนะครับ ภาษาไทยมันซ้ำซาก....และมันไม่พูดเหมือนที่ผมพูดในบางตอนด้วย เช่นเรื่องนี้มันจะด่าศังกราจารย์ ในฐานะคนขโมยปรัชญาพุทธเสียมาก มากกว่าที่จะมองด้วยใจที่เป็นกลางว่าบางครั้งมันก็มีการแลกเปลี่ยนทางความคิดทางวัฒนธรรมกันได้

    อีกอย่างหนึ่งนะ ศังกราจารย์ไม่ได้มีเป้าหมายจะกลืนพุทธศาสนา นะครับ แต่มีเป้าหมายที่จะทำให้ลัทธิของตัวเอง คืออไทวตะ เวทานตะ
    เป็นสำนักที่ถูกต้องที่สุดในการเป็นมาตรฐานของความจริง เขาจึ่งโจมตีทุกลัทธินิกายในยุคนั้น โดยการหักล้างทางปรัชญา เขาแต่งตำราเขียนวิพากษ์มันทุกลัทธินิกาย

    ศังกราจารย์ เป็นฮินดู ไศวะ หรือฮินดูที่นิยมบูชาพระอิศวร ต่างกันนะครับ เพราะ พวกบูชาพระวิษณุต่างหากที่จับพระพุทธเจ้าไปทำอวตารที่ต้องการที่จะกลืนพุทธ ก้ในเมื่อสู้กันทางปรัชญาแล้วไม่ชนะ ก็ต้องใช้วิธีกลืนหรือสวมกอดแบบมิตรภาพ(แต่ซ่อนมีดไว้ข้างหลัง) ผมว่าพวกพุทธมหายานก็ทำกะฮินดูเหมือนกันนะเพียงแต่แพ้เขา เขาทำสำเร็จ พวกนี้เรียกว่า ไพษณะ ก็เกิดเป็นคัมภีร์ที่แต่งยกย่องพระวิษณุขึ้นมาชื่อวิษณุปุราณะ(ของสาตตวิกนิกาย) เป็นหนึ่งในคัมภีร์ปุราณะ๑๘ คัมภีร์ ซึ่งแต่ละคัมภีร์ก็แต่งยกย่องพระเจ้าทั้งสามองค์ใดองค์หนึ่งโจมตีองค์อื่นรวมถึงศาสนาอื่นด้วย แบ่งกันไปคนละหกคัมภีร์(หกสามสิบแปด) แต่ที่เก่าที่สุดคือเล่มนี้มีทั้งสิ้น 23,000 โศลก และ เล่มนี้เป็นเล่มแรกที่จับพระพุทธเจ้าทำอวตาร ตำนานว่าพระปุลัสตยมุนีรับคำสอนในวิษณุปุราณะ มาจากพระพรหม แล้วมาบอกเล่าให้ศิษย์ชื่อปราศร และปราศรบอกให้แก่ศิษย์ชื่อไมเตรยะอีกชั้นหนึ่งซึ่งเป็นคัมภีร์ที่แต่งในช่วง พ.ศ.๙๔๓-๑๐๔๓ หรือ คริสต์ศตวรรษที่ ๔ และคัมภีร์นี้เล่มที่เกิดในยุคหลังๆๆในสมัยคุปตะ ดูเหมือนจะผสานความเชื่อเรื่อง ศักติเข้าไปด้วยนะ (สนใจขอให้อ่านอภิธานศกุนตลา พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 6 หรืออ่านรายละเอียดในหนังสือ บ่อเกิดรามเกียรติ์ และ ศกุนตลา)



    ที่นี้พวกลูกศิษย์ศังกราจารย์เขาว่าไง เขาว่าอ.เขานี่เป็นพระอิศวรอวตาร เขาว่าแบบนี้ ตัวอ.จะอ้างเองหรือเปล่าไม่รู้ แต่เท่าที่ดูน่าจะเป็นสาวกอ้างเพื่อยกอ.ตัวเอง ก็เหมือนสาวกปตัญชลีว่า อ.แกเป็นพญาอนันตนาคราชอวตารลงมาเหมื่อนที่พลรามพี่ชายศรีกฤษณะ คนอารยันเขาก็ว่าเป็นอวตารพญาอนันตนาคราช สาวกที่ใกล้ชิดกะพระเจ้าที่สุด(แต่ผมแปลกใจอยู่นิดตรงที่พวกโยคะส่วนใหญ่แกดูเหมือนจะบูชาพระอิศวรมากกว่าพระวิษณุนะ ทั้งๆๆที่จับเจ้าลัทธิไปทำเป็นพญาอนันตนาคราช ในขณะที่สางขยะที่เป็นภาคทฤษฏีดูจะบูชาพระวิษณุมากกว่า)

    อินตระเดียนี่ ถ้าอ.คนไหนดังในภายหลังก็จะเป็นอวตารของเทพหมดแหละครับ ก็เหมือนทางธิเบตว่าพระรูปไหนเก่งก็เป็นอวตารพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ไป นี่มันเป็นวิธีคิดที่เลียนแบบกันจะๆๆ

    มาที่สาวกศังกราจารย์ พวกนี้เขานับถือพระศิวะ มีคนถามว่าใครสร้างใครคือสามเทพใหญ่ของฮินดูนี่ ถ้าไปดูตำนานจะรู้ว่างงมาก พวกนับถืออิศวรก็ว่าอิศวรสร้างมันทุกอย่างแม้แต่พรหมแม้แต่วิษณุ อย่างเช่น"ครั้งนั้น“พระปรเมศวร” (พระศิวะ) มีพระประสงค์จะสร้างสวรรค์และโลก ซึ่งถือว่าเป็นงานใหญ่ จึงได้ทรงต้องการผู้ช่วย โดยการนำหัตถ์ซ้ายมาลูบหัตถ์ขวา จึงบังเกิดเป็นเทพชื่อ “พระวิษณุ” หรือ “พระนารายณ์” บลา...."
    ในทางกลับกันใครนับถืออะไรมันก็ว่าที่มันนับถือนั้นสร้างเช่นนับถือพระวิษณุก็ว่า"เมื่อยามที่พระวิษณุผู้เป็นใหญ่แห่งจักรวาลมีประสงค์จะสร้างโลกทั้ง 3 นั้น ท่านได้เห็นว่าการสร้างโลกทั้ง 3 นี้ เป็นงานที่หนักสำหรับคนเพียงคนเดียว ท่านจึงได้สร้างเทพขึ้นมาอีกสองจากชิ้นส่วนของพระองค์ โดยแขนซ้ายเป็นพระพรหม แขนขวาเป็นพระศิวะ" และความเชื่อนี้แหละ ที่ต่อมาก็ขยายเป็นว่ามีคนเพียงคนเดียวซึ่งเรียกว่า ตรีมูรติ โดยที่เนื่องจากแขนซ้ายเป็นพระพรหม แขนขวาเป็นพระศิวะ ตรงกลางก็คือพระวิษณุ เทวรูปตรีมูรติจึ่ง มักจะสร้างแบบนี้คือมีวิษณุอยู่กลาง มีพรหมและศิวะเทพขนาบซ้ายขาว ไปดูได้
    อันนี้ก็มาตอนที่เขาสมานฉันท์แล้ว วึ่งก็คือความคิดว่าองค์เดียวกันแต่แสดงคนละบทบาท เรียกลัทธิตรีบูรณ์ ชะรอยจะได้ความคิดมาจากเอกยานของมหายานที่พยายามประสานความคิดว่าไม่มีหินยาน ปัจเจกพุทธยาน มหายาน มีแต่เอกยาน ยานที่ต่างกันเป้นรเพียงผลจากจริตที่ต่างกันของสัตว์เท่านั้น จริงๆๆเล่าข้ามไปนิดอันที่จริงพระวิษณุนี้ดุเหมือนจะเป็นเทพเจ้าดั่งเดิมของพวกทราวิฑคนพื้นเมืองเดิมของอินเดียก่อนที่พวกอารยันจะเข้ามา และดุเหมือนพระองค์จะสาปสูญไปจากระบบความเชื่อเรื่องเทพของอินเดีย และเริ่มปรากฏขึ้นมาอีกครั้งในกลุ่มอารยันในยุคหลังและมีบทบาทมากกว่าเดิมที่เป็นแค่เทพเจ้าแห่งความอุดมสมบูรณ์ทางการเกษตรอย่างพิสดาร

    ที่นี้ยุคนั้นเขายังเถียงกันอยู่ว่าพระเจ้าของกูของมึงใครใหญ่กว่ากัน พรหมหมดบทบาทไปแล้วนะครับ พรหมกลับมาอีกครั้ง หนึ่งหลังจากเงียบๆๆไปเพราะถูกพวกนาสติกะ อย่างพุทธอย่างไชนะ รวมทั้งฮินดูด้วยกันแต่ไม่นับถือพระพรหม เล่นงาน เมื่อเกิดคนที่ชื่อว่ารามานุชะในสังคมฮินดู รามานุชะ สร้างปรัชญาที่ชื่อว่า วิศิษทไวตะ เวทานตะ
    ขึ้นมาเพื่อโจมตี ลัทธิของศังกราจารย์ และยกพรหมขึ้นมาเหนือศิวะ และ วิษณุ แต่นั้นมันก็หลังจากนั้นอีก
    มาที่ยุคของสาวกศังกราจารย์ดีกว่า เราเห็นแล้วว่าพระพุทธเจ้าถูกจับไปทำเป็นเป็นพุทธาวตารแล้วต่อเนื่องมาจากที่ฮีโร่คนสำคัญของอารยันโดนจับทำไปแล้ว เพราะยุคนี้เป็นยุคที่สืบต่อมาจากยุคอิติหาสนั้นเอง ที่นี้สาวกของศังกราจารย์ก็ว่า พระพุทธเจ้าคืออวตารของพระวิษณุถูกแล้ว ข้อความนี้ในวิษณุปุราณะ "พวกอสูร มีประหลาทะ เป็นหัวหน้า ได้ขโมยเครื่องบูชายัญของเทพยดาทั้งหลายไป แต่เหล่าอสูรเก่งกล้าเทพยดาปราบไม่ได้ พระวิษณุเจ้า จึงทรงนิรมิตบุรุษแห่งมายา (เพื่อพาเหล่าอสูรออกไปให้พ้นจากทางแห่งพระเวทบุรุษแห่งมายานั้นนุ่งห่มผ้าสีแดง และสอนเหล่าอสูรว่า การบูชายัญเป็นบาป..... ทำให้พวกอสูรชักพาให้หมู่ชนอื่น ๆ ออกนอกศาสนา พากันละทิ้งพระเวท ติเตียนเทพยดาและพราหมณ์ทั้งหลาย สลัดทิ้งสัทธรรมที่เป็นเกราะป้องกันตัว เทพยดาทั้งหลายจึงเข้าโจมตีและฆ่าอสูรเหล่านั้นได้" (คัมภีร์ปุราณะบางเล่มตลกกว่านี้ตรงที่พระพุทธเจ้ามาเกิดเป็นโอรสของราชาอัญชนะ ซึ่งที่จริงเป็นพระอัยกาของพุทธเจ้า นี้ก็แสดงว่าคนยุคนั้นความรู้ทางประวัติศาสตร์เขาก็ไม่ได้ดีอะไรต้องขอบใจพวกฝรั่งที่ขุดคุ้ยขึ้นมาให้เราได้เรียนได้รู้กัน)

    ที่นี้พวกไศวะก็ว่าที่ว่ามานี้ก็ถูกอีก
    แต่ยังมีต่อว่า (ว่าตามคัมภีร์ศังกรทิควิชยะ)
    แต่ทว่านานวันเข้าพวกเทวดาและมนุษย์บางคน เกิดไม่เข้าใจความจริงข้อนี้ เลยไปถือเอาว่าคำสอนเหล่านี้คือคำสอนของพุทธศาสนาเป็นจริงเป็นสัจจะ วิถีธรรมของแท้หรือพระเวทจึ่งถูกทำลาย เทวดาบางตนที่รู้ทันจึ่งต้องร้องเรียกให้พระศิวะมาบังเกิดเพื่อคืนวิธีธรรมที่แท้พื้นฟูกลับมาอีกครั้ง และนั้นแหละ คือกำเนิด ศังกราจารย์ ตามคำสาวกศังกราจารย์ เด๊ะๆๆ และศังกราจารย์ จากสอนให้บูชาศิวะก็กลายเป็นศิวะเทพไป
    ข้อความมีว่า"เทพยดาทั้งหลาย ได้มาร้องทุกข์แด่องค์พระศิวะว่า พระวิษณุได้อวตารเป็นสมณโล้นและด้วยกลอันนี้ บัดนี้ เหล่าชนผู้คนหลงลืมสิ้นซึ่งจุดมุ่งหมายของพระองค์ เกลียดชังพระเวท ดูหมิ่นพราหมณ์ และธรรมแห่งวรรณะและอาศรมธรรมไม่มีบุคคลใดประกอบยัญพิธี ทำให้สมดุลแห่งธรรมะสูญเสียไป ถึงเวลาแล้วที่องค์พระศิวะเป็นเจ้า จะเสด็จอวตารลงมาเป็นศังกราจารย์ เพื่อกู้คำสอนแห่งพระเวท ในฟื้นคืนกลับมา เพื่อให้สากลโลกมีความสุขและทำลายความประพฤติชั่วให้หมดสิ้นไป"


    เอ....ผมเห็นคุณไปลอกข้อมูลเรื่องนี้มาลงนี่ รู้ไหมว่าเขาเอามาจากหนังสือจาริกบุญจาริกธรรมะนะ ของพระพรหมคุณากรณ์นะท่อนนั้นนะ
    ศังกราจารย์อายุแค่สามสิบสองปีก็ตายเท่านั้น แต่กลับสร้างผลงานได้ยิ่งใหญ่กว่านักคิดฮินดูเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ทุกวันนี้ก็มีตำแหน่งนี้ นะศังกราจารย์นี่แหละ สืบต่อกันมาเป็นรุ่นๆๆถือว่าเป็นผู้นำสูงสุดของศาสนาฮินดูของกลุ่มที่เรียกว่าสวามี คล้ายโป๊บนั้นแหละ

    นี้ว่าตามสำนักไศวะแต่ต้นตำหรับสำนักไพษณะเขาว่าต่อจากนี้ว่า เมื่อพระวิษณุอวตารเป็นพระพุทธเจ้ามาหลอกอสูรและพวกให้หลงผิดออกไปจากศาสนาฮินดูเรียบร้อยแล้วต่อไป เมื่อสิ้นกลียุคแล้ว พระองค์ก็จะอวตารลงมาอีกครั้งหนึ่ง เป็นอวตารที่ ชื่อกัลกี (กัลกยาวตาร) เพื่อกวาดล้างเหล่าอสูรนั้นให้หมดสิ้น ต่อแต่นั้น โลกก็จะกลับเข้าสู่ยุคทอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กรกฎาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...