ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ

.. ตอนแรก พระอาจารย์ผู้สอนให้เห็นผี..

​

วิหารอุรวดี ม.แม่โจ้ ปัจจุบัน​

ย้อนไปประมาณปีพ.ศ. ๒๕๓๕ –๒๕๓๖ ครั้งนั้นยังศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้พบพระธุดงค์รูปหนึ่ง ญาติโยมเรียกท่านว่า หลวงพ่อย้ง​

หลวงพ่อย้ง ท่านเป็นชาวไทยเชื้อสายจีนที่ไปอยู่ประเทศอเมริกาเป็นเวลาหลายปี ตั้งแต่ท่านอายุได้ ๑๗ ปี เมื่อพบท่านคราวนั้นท่านมีอายุได้เกือบ ๔๐ ปีแล้ว เพิ่งบวชได้ ๓ พรรษา ท่านเล่าให้ฟังว่า เหตุที่ออกบวชนั้น เกิดความเบื่อหน่ายทางโลก เนื่องจากเป็นคนมีฐานะใช้เงินสมัยนั้นคิดเป็นเงินไทย เป็นเงินนับแสนบาท กินเที่ยวไปเรื่อย ๆ แบบลูกเศรษฐี บิดามารดาท่านก็เป็นเศรษฐีอยู่แล้ว ยังมีบิดาบุญธรรมเป็นชาวอเมริกัน จึงใช้ชีวิตค่อนข้างประมาท จุดเปลี่ยนของชีวิต เกิดความเบื่อหน่ายจึงหันมาปฏิบัติธรรม และรักษาศีล ๘ จนกระทั่งได้พบหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท หลวงปู่ศุขได้สอนกรรมฐานหลายอย่าง และถึงเวลาให้สั่งให้มาบวชที่เมืองไทย​

ปกติในตระกูลของท่านจะต้องบวชที่วัดสระเกศ กรุงเทพฯ แต่คราวนั้นท่านได้ไปบวชที่วัดสิงห์ จ.ชัยนาท และได้ออกธุดงค์ไปเรื่อย ๆ หลวงพ่อย้งท่านชอบอยู่ป่า และป่าช้าเป็นอย่างมาก จนกระทั่งท่านมาธุระที่ม.แม่โจ้ ท่านได้พักในวิหารอุรวดี จึงได้มีโอกาสได้กราบท่าน
ขณะที่ศึกษาที่แม่โจ้นั้น ดิฉันเป็นเด็กต่างจังหวัดได้พักหอในมหาลัย เป็นหอหญิง หรือสมัยนั้นเรียกว่า หอ ๓ ที่นั่นเป็นเหตุให้เห็นผีอยู่บ่อย ๆ คือ ประมาณ ๔ ทุ่มของทุกคืน จะเห็นเป็นเงาของผู้ชาย มาแกล้งดึงขาบ้าง มาสะกิดบ้าง คล้าย ๆ อยากให้เล่นด้วย ดิฉันไม่ได้รู้สึกกลัวแต่อย่างใด แต่ก็รู้สึกรำคาญมากกว่า ได้แต่ขู่ว่า ถ้ามากวนจะไม่ทำบุญให้ ก็หายไปหลายวัน แล้วก็มาอีก เป็นอย่างนั้นอยู่บ่อยครั้ง

เมื่อพบหลวงพ่อย้ง หลังจากได้ไปถวายภัตตาหารแก่ท่านที่วิหารอุรวดี (สมัยนั้นยังไม่มีภาพวาดเหมือนปัจจุบัน) จึงได้สอบถามท่าน เรื่องเห็นเงาคนทุกคืนที่หอพัก หลวงพ่อนั่งนิ่ง (แต่ไม่ได้หลับตา) กล่าวว่า..

“ไม่มีอะไรหรอกโยม เขามาขอส่วนบุญ เขาเป็นรุ่นพี่ที่อยู่ที่หอพักนั่นแหละ โยมเห็นเขา ๆ เลยอย่างให้อุทิศบุญให้ วันหลังนำสังฆทานมาถวายหลวงพ่อ ๆ จะอุทิศบุญให้เขา”

วันต่อมา ได้คุยกับรุ่นน้องในหอพัก ทราบว่า มีน้องห้องข้าง ๆ กันได้พบเหตุการณ์เดียวกัน จึงทราบว่า เงาผู้ชายคนนั้นที่หายไป ก็ไปเล่นกับรุ่นน้องอีกท่านหนึ่งนั่นเองจึงชวนกันมาทำสังฆทาน

หลังจากทำสังฆทานแล้ว คืนนั้นเอง ดิฉันก็พบกับเงาผู้ชายคนเดิม และอีกหลาย ๆ คนเดินผ่านพร้อมได้ยินเสียงแผ่วเบาว่า ขอบใจนะ มีคุณยายแก่ ๆ ด้วย สุดท้ายก็เงาที่เห็นเป็นผู้ชาย คือ ชายหนุ่มแต่งชุดนักศึกษา มาจับที่แก้ม บอกว่า “น้อง พี่ขอบใจมาก พี่ไปแล้วนะ”

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ก็ไม่เคยเห็นผีในหอพักอีกเลย ทำให้ดิฉันศรัทธาในหลวงพ่อย้งมาก และได้ติดตามท่านไปปฏิบัติธรรม พร้อมเพื่อน ๆ หลายครั้ง

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ
Numsai

ขอขอบพระคุณ ผศ.ธนิต มะลิสุวรรณ แม่โจ้ รุ่น ๒๐ สำหรับภาพประกอบ มา ณ.ที่นี้ด้วยค่ะ

 

"นี่พวกเธอ ผีอยู่ส่วนผี คนอยู่ส่วนคน ถ้ามาหลอกฉันจะไม่ทำบุญไปให้นะ"

คาถาของพี่น้ำใสง่ายๆดี อิอิว่าแล้วนำไปใช้ดีกว่า ช่วงนี้ชักจะเห็นด้วยตาเนื้อแล้วละสิ
ไม่ได้กลัวนะคะ แต่ไม่อยากเห็น ชอบมาช่วงนั่งสมาธิตกใจหมดเลยแผ่เมตตาไม่ทันอิอิ

ขออนุโมทนาบุญ พี่ตาล และ พี่น้ำใสด้วยคะหนูดีรออ่านเรื่องผีเขมรของพี่น้ำใสอยู่ด้วยคะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ
ความทุกกลัวรอยยิ้ม หนูดี

 

..ตอนที่ ๒ บทเรียนแรก “ผีตายทั้งกลม”..

ขออนุโมทนาบุญกับน้องหนูดีด้วยค่ะ ขอเว้นเรื่องผีเขมรไปก่อน หากฝึกจิตให้ทรงฌาณได้ ก็สามารถเห็นได้เป็นปกติค่ะ เพียงแต่ควรจะอธิษฐานไว้ว่า ..หากไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติธรรม ขอให้ครูบาอาจารย์ช่วยปิดจิต เพราะการเห็นตลอดเวลา อาจจะไม่ใช่เรื่องดีค่ะ จิตจะไม่ได้พักค่ะ

พี่ขอเว้นเรื่องผีเขมรไปก่อน จะเล่าเรื่องผีตายทั้งกลมให้อ่านก่อนค่ะ เรื่องนี้อาจจะเป็นธรรมทานให้หลาย ๆ ท่านในการปฏิบัติธรรม

******************​

หลังจากที่ได้กราบหลวงพ่อย้ง ท่านก็ไม่ได้สอนอะไรมากนัก เพียงแต่บอกว่า..<O</O
“ให้ภาวนาพุท-โธ เรื่อย ๆ หากจิตฟุ้งซ่านเอาไม่อยู่ ก็ภาวนาอิติปิโส ให้จิตสงบแล้วค่อยกลับไปภาวนาพุท-โธใหม่ หลวงพ่อไม่มีคาถาเหมือนพระรูปอื่นนะ มีบทเดียวแหละโยม อิติปิโส ฯ ช่วยให้พ้นภัยได้”

หลวงพ่อจะให้ต่างคนต่างปฏิบัติ ไม่ให้อยู่รวมกัน ไม่ให้พูดจากัน ยกเว้นช่วงเย็น หลังสวดมนต์แล้ว จึงจะได้สอบถามเรื่องการปฏิบัติ บางครั้งหลวงพ่อก็เข้าสมาบัติไม่ออกมาเลย ๗ วัน ๗ คืน
ลูกศิษย์ต่างคนก็ต่างปฏิบัติไปอย่างเงียบ ๆ สำหรับดิฉัน การปฏิบัติค่อย ๆ พัฒนาไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งวันหนึ่งได้เห็นพระภิกษุในนิมิตรูปหนึ่ง ลักษณะมือใหญ่ เท้าใหญ่ ผมขาวโพลน เป็นครั้งแรกที่รู้กลัวเกรง จึงถอยออกจากสมาธิ และเย็นวันนั้น ได้กราบนมัสการถามหลวงพ่อย้งว่า..
“หลวงพ่อเจ้าค่ะ หนูเห็นพระภิกษุรูปหนึ่งคล้ายนั่งอยู่ในถ้ำ มือใหญ่เท้าใหญ่ ผมหงอกด้วยเจ้าค่ะ” ลวงพ่อให้ไปดูรูปภาพในกุฏิของท่าน แต่ไม่พบภาพตามที่เห็นในนิมิต (ขณะนั้นไม่อนุญาตให้ไปปฏิบัติในถ้ำ) หากศีลยังไม่บริสุทธิ์พอ หรือการปฏิบัติยังไม่ก้าวหน้า หลวงพ่อไม่อนุญาตให้เข้าไป เนื่องจากภายในถ้ำมีหลายภพภูมิ ทั้งเทวดาและอมนุษย์ที่มีสัมมาทิฐิ และมิจฉาทิฐิ หลวงพ่อไม่อนุญาตให้เข้าไป

วันต่อมาหลวงพ่อย้งให้เข้าไปทำความสะอาดในถ้ำ ได้พบภาพหนึ่งทำให้รู้สึกว่า ตัวชาไปหมด คล้ายกับภาพนั้นสะกดให้อยู่นิ่ง ๆ เมื่อรู้สึกตัว เสร็จจากทำความสะอาดแล้ว วันนั้นหลวงพ่อมีแขก เมื่อแขกกลับแล้ง จึงให้ไปกราบเรียนหลวงพ่อว่า..
“หลวงพ่อเจ้าคะ โยมเห็นภาพพระที่อยู่ในนิมิตแล้วเจ้าค่ะ” หลวงพ่อบอกว่า.“ไหนพาหลวงพ่อไปดูซิ” เมื่อหลวงพ่อเห็นภาพก็กล่าวว่า ..““กราบท่านซะนะ ท่านคือ หลวงปู่เทพโลกอุดร บรมครู ใครเห็นท่านแม้ในนิมิตก็เป็นบุญแล้ว” ดิฉันเองขณะนั้นไม่เคยรู้จักหลวงปู่เทพโลกอุดรเลย จึงพยายามหาข้อมูลจากหนังสือต่าง ๆ ก็พอได้คร่าว ๆ เพียงทราบว่า ท่านเป็นพระที่เจริญอิทธิบาท ๔ หากปฏิบัติดีก็มีโอกาสได้พบท่าน จึงปฏิบัติธรรมไปเรื่อย ๆ

อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่ภาวนาพุท-โธตามปกติ เมื่อเสร็จแล้วก็อาบน้ำเตรียมเข้านอน ระหว่างนั้น ได้เห็นผู้หญิงผมยาว ใส่ชุดคลุมท้องยืนอยู่ทางเดินไปห้องน้ำ จึงไม่ได้สนใจ ปรากฏว่า ผู้หญิงคนนั้นเดินตามมา ภาพหายไปสักพัก เวลานอนก็เห็นผู้หญิงมีท้องคนนั้นมานอนข้าง ๆ พยายามสลัดไม่ให้เห็นภาพ แต่ก็ยังเห็นอยู่ลืมตาก็เห็นหลับตาก็เห็น จึงได้สวดมนต์อิติปิโสไปเรื่อย ๆ ภาพนั้นก็ยังอยู่(ตอนนั้นไม่ได้ใส่วัตถุมงคลใด ๆ ทั้งสิ้น) ใหม่ ๆ ก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย เวลานอนผู้หญิงคนนั้นก็ล้มตัวนอนเช่นกัน จึงตั้งจิตอุทิศบุญให้เธอ แต่ก็ไม่หาย

ดิฉันพยายามภาวนาพุท-โธจนหลับไป รุ่งเช้า แรกก็ไม่เห็น พอตกเย็นใกล้เวลาปฏิบัติก็เห็นภาพผู้หญิงคนนี้มาอีก คราวนี้เธอแสยะยิ้มใส่ เดินไปไหนเธอก็เดินตาม จึงได้กราบเรียนถามหลวงพ่อ ๆ บอกว่า..
“จะเห็นภาพอะไรก็ตาม ไม่ต้องสนใจ หากเห็นภาพเดิม ๆ ซ้ำ ๆ มากกว่า ๔ ครั้งขึ้นไป ถือว่า นั่นคือของจริง หรือให้พิจารณากฎไตรลักษณ์ทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ”<O</O
จึงคิดว่า ภาพนั้นคือมายา ไม่สนใจ แม้ไม่สนใจ และพิจารณาตามที่หลวงพ่อสอน แต่ก็ยังเห็นผู้หญิงคนนั้นอยู่เดินตามตลอดเวลา จึงอธิษฐาน..

“ฉันถือว่า เธอเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของฉันนะ อยากทำอะไรก็ตามใจฉันไม่กลัวเธอแล้ว ร่างกายของฉันสักวันก็คงเหมือนเธอ”

ปรากฏว่า คืนนั้น ขณะที่นั่งสมาธิได้เห็นภาพผู้หญิงท้อง นอนอยู่ จากนั้น ร่างของเธอค่อย ๆ ขึ้นอืด เวลานั้นไม่มีความกลัวแต่อย่างใด กลับนั่งพิจารณา กายของเราก็คงไม่ต่างจากเธอผู้นี้
และเห็นร่างของเธอค่อย ๆ บวม มีน้ำเหลือง น้ำหนองไหล มีหนอนชอนไช ในใจก็คิดว่า หากเราตายก็คงมีหนอนขึ้นอย่างนี้เหมือนกัน จากนั้นร่างของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำบูดเบี้ยว จนภาพนั้นสลายไป จิตที่เห็นกลับโปร่งโล่งสบาย และนอนหลับเป็นสุข
วันต่อมา ขณะที่นั่งสมาธิเวลากลางวัน ก็เห็นภาพซ้อนกายในกายของตน และร่างกายครึ่งหนึ่งเริ่มเปลี่ยนไป คล้ายคนประสบอุบัติเหตุ ครึ่งซีก ร่างกายเริ่มปริออกเลือดไหล เปรียบเทียบกันอีกครึ่งหนึ่ง เห็นว่า ร่างกายที่เห็นสวยงาม แท้ที่จริงแล้ว มันสกปรกมีแต่น้ำเลือด น้ำเหลือง เต็มไปหมด จากนั้นก็เห็นภาพเนื้อค่อยๆ หลุดออกจากร่างกายทั้งตัว จนเห็นกายตนเอง เป็นกระดูก จากนั้น กระดูกค่อย ๆ สลายกลายเป็นดินในที่สุด เมื่อกลายเป็นดินแล้ว ร่างกายก็เริ่มกลับสู่สภาพเดิม จากนั้นก็ค่อย ๆ เละ เลือดไหล เป็นกระดูก และกลายเป็นผุยผง
เวลานั้นไม่ค่อยเข้าใจความหมายนัก ก็นั่งดูไปเหมือนดูหนังดูละคร เมื่อถึงเย็นสวดมนต์ทำวัตรเสร็จก็สอบถามหลวงพ่อ ๆ บอกสั้น ๆ ว่า..

“ดูไป พิจารณาไปตามกฎไตรลักษณ์ ทุกอย่างเกิดขึ้นตั้งอยู่ และดับไป”

จากนั้นหลวงพ่อได้สอนเรื่องการแยกร่างกายออกเป็น ส่วน ๆ คือ ก้อนเนื้อและกระดูก ๑ กอง น้ำเลือดน้ำเหลือง ๑ ลมในกาย ๑ และความร้อนในกายหนึ่ง ท่านบอกให้ฝึกแยกให้ชำนาญ เวลานั้นทำไปตามที่ท่านสอน อย่างแรกที่รู้สึกว่าตัวเองก้าวหน้า คือการเริ่มระลึกชาติได้

หลังจากนั้น หลวงพ่อย้งให้ธุดงค์ไปที่อื่น ส่วนตัวดิฉัน จบจากแม่โจ้ ได้ไปทำงานประเทศสหราชอาณาจักรกัมพูชาถึงกว่า ๑๐ ปี (จากมกราคม ๑๙๙๔-กันยายน ๒๐๐๔)
จากนั้นดิฉันก็ได้ไปฝึกมหาสติปัฏฐานที่วัดอัมพวัน เป็นเวลาเกือบ ๑๐ ปี ช่วงที่อยู่กัมพูชา จนกระทั่งผ่านมาหลายปี กลับมาเมืองไทย ได้ศึกษามโนมยิทธิ และกรรมฐาน ๔๐ ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง จึงทราบว่า ภาพผีตายทั้งกลม และภาพที่เห็นตัวเองเป็นกระดูก เรียกว่า อสุภกรรมฐาน นั่นเอง
ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ
Numsai

 

ครับผม อนุโมทนาสาธุ และขอบคุณมากครับ

อืม....งั้นรบกวนขอเพิ่มอีกอย่างหนึ่ง คืออยากทราบเกี่ยวกับว่าพระที่สร้าง ชื่ออะไร อยู่วัดและจังหวัดอะไรครับ (หากมีในกระทู้แล้ว บอกแค่หน้าผมมาก็ได้เดี่ยวผมเข้าไปอ่านเองครับ)

ขอบคุณครับ

 

..ประมูลแก้วจันทรกาล ชุด ๒ สีน้ำเงิน แดง ฟ้า เหลือง..ค่ะ ..

​

เปิดประมูลแก้วจันทรกาล ๔ สี ชุดที่ ๒ คือ สีน้ำเงิน สีฟ้า สีแดง และสีเหลือง อัญเชิญจากถ้ำแกลบในเทือกเขาภูพาน ก่อนเข้าพรรษาปี ๒๕๕๕

เริ่มประมูลที่..

- สีน้ำเงิน ฟ้า และแดง = ๒,๕๑๙ บาท

- สีเหลือง เริ่มที่ ๒,๒๑๙ บาทค่ะ

กติกาในการประมูล

๑. เริ่มวันที่๑๐-๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ ภายใน๑๓.๓๐น. ตามมหัทธโนฤกษ์ ตรงกับแรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะโรง

๒. ไม่ระบุการประมูลขั้นต่ำ ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้ประมูล


๓. หากที่มีผู้ประมูลสูงสุดเท่ากัน ๒ ท่าน จะตัดสินด้วยเวลาที่ปรากฏในเว็บพลังจิต
</PRE>๔. หลังจากปิดการประมูล ภายใน ๒ วัน หากเกิน ๒ วันจะมอบสิทธิ์แก่ผู้ที่ประมูลราคาสูงสุดต่อไปค่ะ
๕. จะทำการส่งมอบดวงแก้วภายใน ๗ วันเป็นอย่างช้า นับวันทำการไปรษณีย์

กรุณาโอนปัจจัยไปที่......

ชื่อบัญชี พุทธารา โรจนฤทธิกร
เลขที่ 080-252647-2
ธนาคาร ไทยพาณิชย์
สาขา ถนนศรีนครินทร์ (กรุงเทพ – กรีฑา)
ประเภท ออมทรัพย์-แบบสะสมทรัพย์

ปัจจัยส่วนหนึ่งนำไปร่วมบุญดังนี้...

๑. ๑๐% หลังหักค่าใช้จ่าย นำไปร่วมสร้างทางเข้าวัดพระพุทธบาทหริกุญไชย (ห้วยทรายขาว) จ.ลำพูน เพื่อรองรับงานกฐิน

<O๒. ๑๐ % เข้ากองบุญแก้วบรมจักรพรรดิ ดังนี้ค่ะ

http://palungjit.org/f242/ขอเชิญร่วมกองบุญแก้วบรมจักรพรรดิค่ะ-283863-99.html

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ
Numsai

 

..รายละเอียดแก้วมณีนาคราชสีน้ำเงิน สีแดง สีฟ้า และสีเหลือง...

ประวัติของแก้วมณีนาคราชนั้น มีความเกี่ยวเนื่องกับประวัติพระขรรค์ชุดที่ ๒ มีเป็นดวงแก้วมณีประจำกายของพญานาค ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของพระอัศดงฤาษี ค่ะ ความจริงชุดนี้ ขึ้นมาทั้งหมด ๖ ลูก มีสีน้ำเงิน สีฟ้า สีแดง สีเหลือง สีเขียว และสีขาวค่ะ สำหรับสีเขียว(คุณ kanus เป็นเจ้าของ) และสีขาว (ของคุณศักดา เป็นเจ้าของ) ไม่ได้นำมาประมูลในครั้งนี้ค่ะ ​

<O ​

๑. ดวงแก้วสีน้ำเงิน เป็นดวงแก้วประจำกาย พญาสุตตศีลนาคราช กษัตริย์แห่งเมืองจามปุนคร ตระกูลสีทอง ในสมัยก่อนสมเด็จพระพุทธวิปัสสี ปัจจุบันมีกายสิทธิ์ ๕๘๐,๐๐๐ องค์ โดยมีท้าววัณฑุพล เป็นผู้ดูแล (หรือพญานสุตตศีลในอดีตนั่นเอง) ปัจจุบันท่านอยู่สวรรค์ชั้นนิมมานรดี (ชั้น ๕) ​

​

๒. แก้วมณีนาคราชสีแดง เป็นดวงแก้วประจำกายของสิทธิมังตราเสนานาค เมื่อครั้งยังไม่ได้เป็นเจ้าเมืองสัตตวิริยนคร เดิมมีกายสิทธิ์ ๓๘๙๐๐๐ องค์ ปัจจุบันมีกายสิทธิ์ ๕๓๓,๒๐๐ องค์ โดยมีพระสัตตปุญญนาทโพธิสัตว์ เป็นผู้​

​

๓. แก้วมณีนาคราชสีฟ้าเป็นดวงแก้วประจำกายของพญาสุทธศรนาคราช ภายหลังได้ครองเมืองแทนพญาสุตตศีลนาคราช ซึ่งได้จุติบนสวรรค์ชั้นนิมมานรดีในกาลต่อมา​

ปัจจุบันมีกายสิทธิ์ ๕๙๘๐๐๐ องค์ โดยมีพระสุทธศรโพธิสัตว์ เป็นผู้ดูแล ปัจจุบันอยู่สวรรค์ชั้นดุสิตค่ะ ​

​

๔. แก้วมณีนาคราช สีเหลืองทอง เป็นแก้วประจำกายของพญาสหบดินทร์นาคราช พระโอรสองค์ที่ ๒ ของพญาสุตตศีลนาคราช เนื่องจากพระโอรสองค์นี้ได้จุติก่อนพระโอรส-ธิดาองค์อื่น ๆ ​

แก้วมณีนาคราชนี้ มีกายสิทธิ์ ๓๘๕,๔๐๐ องค์ โดยมีพระสิทธิบดินทร์เทพบุตร เป็นผู้ดูแล ปัจจุบันอยู่สวรรค์ชั้นนิมมานรดี (ชั้น ๕)​

สำหรับดวงแก้วอีก ๒ สีจะนำเสนอตอนต่อไปค่ะ​

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ
Numsai

 

ขออนุโมทนาบุญกับคุณต้นอีกครั้งค่ะ สำหรับพระนามของสมเด็จองค์ปฐม ทรงเครื่องจักรพรรดินี้ มีพระนามว่า.. "สมเด็จพระพุทธอัมรินทร์รัตนบพิตร" ค่ะ

ประดิษฐานในศาลาที่กำลังจะสร้าง ณ. วัดพระพุทธบาทหริภุญไชย (ห้วยทรายขาว) อ.เมือง จ.ลำพูนค่ะ กรุณาติดตามได้ที่...


http://palungjit.org/threads/มหากฐิน-ไตรประทานสมเด็จพระสังฆราช-รับบริจาคเพชรพญานาค.354938/page-9

ขออนุโมทนาบุญกับคุณต้นด้วยค่ะ

Numsai

 

เฮ...... ไม่ค่อยเงียบแย้ว ท่านเจ้าเมือง และน้องต่านต๊าน มาเล่าเรื่องชวน ขนลุก มาให้อ่าน เพื่อเป็นธรรมทาน

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ

พอดีช่วงนี้ กำลังปั่น.....เร่งพิมพ์รายชื่อ และ พิมพ์ซอง งานบุญกฐิน...เพื่อที่จะได้จัดส่ง
ไปให้ตามสายบุญแต่ละสาย ที่ส่งรายชื่อมาจ้า

จันทรกาล

 

แก้วจันทรกาล ๔ สี ชุดที่ ๒ คือ สีน้ำเงิน สีฟ้า สีแดง และสีเหลือง
อืม... สีแดง แรงฤทธิ์ ไม่ควรพลาดเลยค่ะ

 

ฮู้ย..... เริ่มคึกคักอีกแนะเลย มีการประมูลแก้วจันทรกาล สวยๆทั้งนั้นเลย

ขอเปิดประมูลก่อนละกันนะค่ะ อิอิ

สีน้ำเงิน,ฟ้า,และแดง ที่ องค์ละ 2599
และสีเหลือง = 2299


จันทรกาล

 

ความจริงแก้วสีแดงนี้ มานานแล้วค่ะ แต่ตัดใจไม่ขาด ไม่เคยออกประมูล ครั้งนี้คงถึงวาระ พอดูประวัติทราบว่า เพราะท่านรออีก ๕ สีนั่นเองค่ะ

ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

Numsai

 

ขออนุโมทนาบุญกับน้องจันทรกาลด้วยค่ะ แหม..คราวนี้ทุ่มสุดตัวเลยน๊า ขอให้สมความปรารถนาค่ะ

เด๋วเรื่องผี ๆ จะนำมาเล่าต่อนะคะ เอาประวัติแก้วมณีนาคราช หรือแก้วจันทรกาลก่อนนะจ๊ะ


บุญรักษาค่ะ

Numsai

 

ลูกแก้วสวยๆ ทั้งนั้น

เชิญสมาชิกทุกท่าน มาร่วมบุญกฐินกันนะครับ​

 

ร่วมบุญกฐินสร้างศาลาและสร้างสมเด็จองค์ปฐม​

สีน้ำเงิน ฟ้า และแดง = ๒,๖๑๖ บาท

สีเหลือง ๒,๓๑๖ บาท


แหย่รังแตน ในเบื้องต้นก่อน แต่แห้วตอนสุดท้ายทุกที ฮิฮิฮิ

 

..ประวัติมณีนาคราช สีเขียว ของคุณ kanus ค่ะ..

​

ภาพนี้แทนดวงแก้วของคุณ kanus เนื่องจากไม่ได้ถ่ายเก็บไว้ค่ะ​

๕. แก้วมณีนาคราชสีเขียวเป็นของพระนางสิริมานาเทวี มีกายสิทธิ์ ๔๓๕,๐๐๐ องค์ โดยมีพระสิทธิธาดาโพธิสัตว์ เป็นผู้ดูแล ปัจจุบันอยู่ชั้นดุสิต

พระนางสิริมานาเทวีนั้น เป็นพระมเหสีของพญาสุทธศรนาคราช แห่งเมืองจามปุนคร ภายหลังที่พญาสุตตศีลนาคราชได้จุติไปแล้วพญาสุทธศรนาคราชครองราชย์ต่อ ก็มีพระมเหสี จุติบนแท่นบรรทม นามว่า พระนางสิริมานาเทวี พระนางจุติก่อนสมัยพุทธกาลแห่งพระสมณโคดม เพียง ๕๐๐ ปี
ภายหลังเมื่อสมเด็จพระพุทธสมณโคดมได้ตรัสรู้ ๕ พรรษา พญาโภคนาคราชดำรงตำแหน่งเป็นขุนคลังแก้วแห่งนาคพิภพ ได้รับคำบัญชาจากพญาสุนันโทนาคราช ให้ไปอาราธนาพระพุทธเจ้า พร้อมพระสาวก ๕๐๐ องค์ เพื่อรับภัตตาหาร ณ.นาคพิภพ
พญาโภคนาคราชได้ไปพร้อมกับพญาอัคคีตาปะ พระโอรสองค์โต ได้ทูลอาราธนากับสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อรับภัตตาหารเสร็จแล้ว พระองค์ได้ตรัสถึงเรื่องราวในอดีตสมัยสมเด็จพระพุทธวิปัสสีว่า..

“กึ่งพุทธกาล หลังจากเราปรินิพพานไปแล้ว ผู้ที่เคยรับการพยากรณ์ในสมัยพุทธกาลแห่งสมเด็จพระพุทธวิปัสสีจะลงมาจุติจากพรหม และสวรรค์ เพื่อทะนุบำรุงพระศาสนา ขอท่านจงไปติดตามผู้ที่เคยปวารณาตนที่จะทำนุบำรุงพระศาสนาของเรา ผู้ที่เคยตั้งมโนปณิธานว่า จะช่วยเรา ศาสนาของเรานั้นจะดำรงอยู่ ๕๐๐๐ ปีมนุษย์

แต่ก่อนจะถึง ๕๐๐๐ ปี ศาสนาจะไม่ดำรงอยู่ในสถานที่เกิดพระพุทธศาสนา ผู้คนจะเสื่อมศรัทธา แต่ศาสนานี้จะมาดำรงในดินแดนใกล้นาคพิภพของท่าน และจะอยู่จนครบ ๕๐๐๐ ปี

ในยุคนั้น ผู้คนจะไม่เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม สังคมจะเสื่อมทราม แต่มีส่วนหนึ่งที่ได้ดำเนินตามคำสอนของพุทธสาวกส่วนหนึ่ง ทำให้ผู้คนเชื่อเรื่องนรก สวรรค์ และพระนิพพาน คราวนั้นจะมีผู้ที่จุติจากชาตินี้ไปเกิดเป็นมนุษย์ ผู้ที่ได้พรจากท้าวสักกเทวราช หรือมเหสักข์เทพ (เทพชั้นผู้ใหญ่) จะมีทิพยจักขุญาณ สามารถติดต่อพวกท่านได้ และจะรวมตัวกัน สืบต่อพระศาสนาของเรา

ผู้ใดปรารถนาจะเข้าพระนิพพานในสมัยของเรา ขอให้เร่งรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ท่านก็จะจุติไปเป็นมนุษย์ สามารถบรรลุธรรมได้

ส่วนผู้ใด ปรารถนาจะดำรงตนในนาคพิภพตามหน้าที่ขอให้ท่านทั้งหลายเปี่ยมด้วยฤทธานุภาพต่าง ๆ สามารถรักษาทรัพย์ เพื่อพระพุทธศาสนาต่อไป.. เราขอโมทนาสาธุการ กับท่านทั้งหลาย”

ครั้งนั้น สมเด็จพระพุทธสมณโคดม มิได้ให้คำพยากรณ์แต่อย่างใด วันนั้น มีพญานาคนับแสนจุติในภพภูมิต่าง ๆ รวมทั้งโลกมนุษย์ และเวียนว่ายตายเกิดตามบุญของตน

ส่วนพระนางสิริมานาเทวี และพญาสุทธศรนาคราชไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

จากนั้นได้พญาสุทธศรนาคราชจุติในโลกมนุษย์ในสมัยพุทธกาลของพระพุทธสมณโคดม ในตระกูลพราหมณ์ ได้ทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา หมดอายุขัยไปเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต

ส่วนพระนางสิริมานาเทวีนั้น หลังจากเกิดเป็นนางพราหมณี ภรรยาของพราหมณ์หนุ่มแล้ว เนื่องจากนางทำเพียงให้ทาน และรักษาศีล ไม่เคยเจริญภาวนา ทำให้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ตามเดิม จนมาชาตินี้ได้เกิดเป็นมนุษย์

จบเรื่องแก้วมณีนาคราชสีเขียวเพียงเท่านี้ค่ะ
ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆท่านด้วยค่ะ
Numsai

 

งานนี้ก็ไม่แน่นะเจ้าคะ อ่านประวัติแล้วอยู่ในวงศ์ของพญาสุตตศีลนาคราช ส่วนใหญ่ค่ะ ท่านว่า ชาตินี้มีพระธิดามาเกิดองค์เดียว ที่เหลือน่าจะเป็นไม่ลูกเขยก็ ลูกสะไภ้.. อิอิ

ขออนุโมทนาบุญกับท่าน widya ด้วยค่ะ

Numsai

 

ขอทราบขนาดของดวงแก้วแต่ละสี โดยประมาณครับผม ขอบคุณครับ

 

สาธุขอโมทนากับท่านวิทยาเจ้าค่ะ
เหลียวซ้ายแลขวา เอ๊ะ ใครเป็นแตน? ฮิฮิฮิ

ขอให้ได้ขอให้โดนนะเจ้าคะ ...

 

โมทนาด้วยเจ้าค่ะ พี่จันคนงาม
ถ้ามีอะไรให้ช่วยส่งมาได้เน้อ...คิดราคาไม่แพง ฮิฮิฮิ

 

ว๊ะว๊าววว...ประมูลลูกแก้วมาแล้ว เร่เข้ามา เร่เข้ามา ชะเอิ้งเอิงเอย...
ปิดประมูลพรุ่งนี้บ่ายนะคะ ...

ครั้งนี้ตามสบายน้า ต่านต๊านกระเป๋าแฟ่บแล้วอ่ะ
ได้แต่เชียร์อย่างเดียวเจ้าค่ะ ขอโมทนากับทุก ๆ ท่านล่วงหน้าเน้อ สาธุจ้า