ผม...พระ...และ...สาระยุคก่อน

...............................
....อาว่า..ไม่ต้องเลือกหรอก..วัดเขาอ้อนะ..เก็บไปเถอะ..ของถูกมีคุณภาพ..รู้มั้ยว่า..หลวงพ่อทวด วัดศาลาบางปู..ที่ทีมเขาอ้อดำเนินการนะ..ดีมากๆประสพการณ์เยี่ยม..ตอนออกปีแรก..
ดังระเบิด..หลังๆราคาลดลงมา..ไล่เก็บองค์สวยๆ
ไว้ได้เลย.....

 

.........................
...หวัดดี..น้องสายน้ำเพชร..และ..หลานสวนพลู..และทุกคนในครอบครัวผม
......................
..ต่อจากตอนที่แล้ว...
.....................
......................................................
......คำตอบง่ายมาก..มันใหญ่เกิน...ก่อนจะไปว่าเรื่องขนาด..ผมจะว่า..เรื่องของหินที่ทำนี่ก่อน...
..หินที่ทำนี่เป็นทินเนื้อละเอียดพอควร..สม่ำเสมอ..เหมือนกัน..ทั้งแท่น..และ..ตัวบด....
................สีเขียว..ครับ....เท่าที่ศึกษามานาน..หินเขียวแบบนี้..ที่เอาแกะสลัก..และ..พบในไทยนั้น
..นักโบราณคดี..และ..นักธรณีวิทยาประเมินแล้วว่า...ไม่ได้มีที่มาจากเมืองไทยครับ...แต่จะพบได้
ในอินเดีย..และ..ใกล้เคียง...เหมือนที่..ประวัติ..หลวงพ่อศิลา วัดหน้าพระเมรุ..แบบนั้น..ที่ประวัติ
บอกมา..มาจาก..ศรีลังกา..แต่ว่า..หลวงพ่อศิลาเขียวแล้ว...แต่ก็..เขียวไม่เท่านี้...เป็นภาพที่ผมจำติดตา
...เขียวคล้ายๆ..พระพุทธรูปหยกองค์ใหญ่ที่วัดธรรมมงคล..ของ..พระอาจารย์วิริยังก์เลย..เพียงแต่นี่
..ไม่ใช่หยก..เท่านั้นเอง.....
...........ขนาดของมัน..สำหรับตัวแท่นนั้น..ความยาว..ผมกะด้วยสายตา..ร่วมๆ ๑ เมตรครึ่ง...
..ความกว้างร่วมๆ ๑ เมตร....ความหนาที่ริม..ส่วนที่หนาที่สุด..ประมาณ ๑๕ ซม. หรือ..
ประมาณ ๖ นิ้ว...ที่ขอบจะหนาสุด..และ..ค่อยๆบางลงมาหาช่วงกลาง..ก็คงเกิดจากการสึก
จากตัวแท่งบด..ที่คลีงไป-มา..หินก้กัดกันเอง..กร่อนลงไป..จนทำให้ช่วงกลาง..บางลงกว่า
ขอบเป็นนิ้ว.......เรียกว่า..คนสองคน..ยกไปไหนไม่ได้หรอกครับ..หนักมาก......
..........ส่วนแท่งบด..นี้..หินชนิดเดียวกัน..ขนาดเสันผ่าศูนย์กลาง..ผมว่า..ประมาณหมอนข้าง
ของเด็ก....น่าจะประมาณ ๗ นิ้ว ได้ครับ..ยาวมากประมาณ ผมว่าซัก ๑ เมตรครึ่งได้...
...และ..เช่นกัน..ที่ตรงกลางคอดลงมาหน่อย..แต่ไม่มากเท่า..แท่น....
......เท่าที่ชีวืตผ่านมานี่..ก็ไม่เคยเห็น..แท่น..และ..หินบดใหญ่ขนาดนี้มาก่อน...เห็นหินบดแล้ว
..ถ้าคนเดียว..ลำพังไม่ต้องบดอะไร..กลิ้งเปล่าๆบนแท่น..ผมว่าไปกลับ..ก็คงไดซัก ๒รอบ...
ก็หมดแรงแน่..ดูแล้วต้องใช้ ๒ คนครับ..แล้วทำไมต้องใหญ่ขนาดนี้......
....เหตุผล..ก็..คงง่าย..ผมคาดว่าที่นี่..ปริมาณคนไข้..คงเยอะนั่นเอง...ต้องเตรียมยาทั่วไปใน
ปริมาณค่อนข้างมาก...แต่ความใหญ่และ..หนักของมันนี่..ผมว่ามีข้อดีคือ..เศษเนื้อ..เปลือก
ราก..หรือ..แม้กระทั่งเมล็ด..ไม่ต้องออกแรงกดอะไรมาก..ผมว่าเจอไอ้หินบดนี่เข้าไป..ก็..แยก
ร่างแบน..หมด..ไถไปไถมาซักพัก..ก็ละเอียดไปเอง........
....................................
(..วัตถุโบราณ..ที่พบ..มีทั้งเทวรูปต่างๆ(แกะจากหิน)..และ..ศิวลึงก์(แกะจากหิน)..หลายขนาด..ท่านบอกว่า..อันใหญ่ก็ขนาดประมาณ ตัวท่าน..และก็..แท่นหินบดยา..ที่ผมกล่าวถึงไปนี่....ท่านเน้นว่า..ทั้งหมดนี่ จำนวนมาก..)
....เรามาว่า..เรื่องที่มาของความลับของเจ้าคุณสุข่ทานนั้น..มีเหตุผลครับ..เพราะพ่อผมก็ถามท่าน
ตอนนั้นเลย(ผมก็นั่งอยู่ข้างๆ)..ก็ทำนองว่า..ทำไมท่านไม่ไปแจ้ง..ที่กรมศิลป์..เพื่อจะได้มาสำรวจ
และ..รวบรวมวัตถุโบราณเหล่านี้...ท่านให้เหตุผลว่า..............
........ถ้าพวกกรมศิลป์มา..ก็เรื่องใหญ่เลย...เพราะท่านเห็นจากวัดในตัวเมือง..จะทำอะไร..ซ่อม
แซมอะไร..ก็ต้องขออนุญาต..ท่านกลัวว่า..ถ้ามีการขุดค้นเพิ่มเติม..ก็เรียกว่าทั้งเขาแน่..เพราะเขา
ตะเครานี่เล็ก..และวัตถุโบราณที่ได้พบที่แถวๆเชิงเขา..ก็มี..(น่าจะเป็น..แถวอโรคยาศาล)..จะพลอย
ประกาศเขตควบคุม..รวมเอาตัวโบสถ์หลวงพ่อทองไปด้วย..และ..ท่านชอบความสงบ..ถ้ามีการขุด
ต้นก็วุ่นวายไปหมด..ท่านเลยตัดบท...เป็นที่มาของความลับที่ว่าคือ....
...........เอาวัตถุโบราณทั้งหมด..ไปซ่อน...ไว้ในที่ลับ.........

....................

..ก็คงเป็นทำนองนี้..ภาพจากศาลาพระอิศวร..โบสถ์พราหมณ์เสาชิงช้า...
(ขอบคุณภาพจาก OKNATION.COM)
.......................ต่อตอนหน้า...................

 

.......................
.......................
...ความจริง..เรื่องนี้..น่าบอกให้รู้เฉพาะ..น้องผม ๒ คนคือ..น้องรุ่งศืษย์น้อง..
..และ..น้องสายน้ำเพชร..เพราะเรื่องมันเกี่ยวกับเมืองเพชร..กับ..พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง..ของเมืองเพชร..คือ..หลวงพ่อทอง...
...แต่บางท่านที่แม้ไม่ใช่คนเพชร..แต่เคารพนับถือ..หลวงพ่อทอง..อาจอยากรู้....
....เรื่องต่อไปนี้..พิสูจน์ได้ยาก..แต่ผมเชื่อว่า..เป็นเรื่องจริง..เพราะ..
..เจ้าคุณสุข..อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาตะเคราเล่าให้ฟัง..ท่านเป็นพระที่ปฏิบัติชอบ
และเป็นผู้พัฒนาวัดเขาตะเครา..มาตลอด..เรียกว่า..วัดเจริญขึ้นอย่างมากเพราะท่าน
...การเป็นพระสุปัตฎิปันโน..อย่างท่าน..ย่อมเคร่งในศีล..ดังนั้นสิ่งที่ท่านเล่า..
....ผมถือว่า..เป็นเรื่องจริง......สำหรับ..พวกเราที่ไม่เคยรู้จักท่าน..ก็แล้วแต่..
พิจารณากันเอาเอง....แต่ไอ้น้อง ๒ คนที่ผมเอ่ยมาข้างต้น..ก็อยากให้เชื่อพี่คนนี้ได้..
...จำเอาเอาไว้..เล่าให้ลูกหลาน..ที่มันเกิดมาเป็นคนเพชร..เหมือนกันรู้ไว้..
......เรื่องแรก..อาจมีบางท่าน..ที่มีฌานสูง..ถึงจะทราบ..และ..คนใกล้ชิด
ท่านเจ้าคุณจะทราบ..แต่คนทั่วไป..แม้แต่คนเพชรเอง..ก็คงไม่ทราบ..
...เรื่องนี้..มันก็ไม่ใช่เรื่องลับ..อะไร..แต่ใครละจะทราบ...
......เรื่องสอง..ถือว่า..ค่อนข้างลับ..แต่ถ้า..ผม..และ..พี่ชาย(คราวนี้..พ่อไม่เกี่ยว)..ตายไป..ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง..ก็จะไม่มีใครรู้เท่านั้นเอง..เป็นความลับ..พิสูจน์ได้..
แต่โอกาศจะพิสูจน์..ผมว่าแทบไม่มีทาง..และไม่มีใครยอมให้พิสูจน์ด้วย..
..แต่มันเป็นเรื่องจริง..ท่านเล่าให้พี่ชายผม..กับ..ผมที่นั่งอยู่ด้วยกัน...
...แถม..ตอนท่านเล่าเรียก..พี่กับผม..เขยิบเข้าไปใกล้ๆ..เพราะท่านไม่อยากให้..
..พระลูกวัดท่าน..หรือ..ใครคนอื่นทราบ..แถมบอกด้วยว่า..ไม่เคยเล่าให้ใครฟังเลย
..นี่ก่อนหน้า..ท่านจะเสียได้..ปี..หรือ..๒ ปีเท่านั้นเอง....
..หลังจากเสร็จทำบุญกระดูกแม่ประจำปี..ที่เจดีย์บรรจุกระดูกที่ตีนเขา
เสร็จแล้ว..ให้ฟัง..เรียกว่า..พอท่านเล่า..ทั้งผมและพี่ชาย..หันหน้ามามอง
กันเอง..พร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย..ตาพองด้วยความแปลกใจ...
...เอาละเขียนมาเยอะ..เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเล่า..รายละเอียดให้ฟัง..

 

รอฟังครับคุณอา ผมก็มีความลับคล้ายๆกันมาเล่าครับ คือ เมื่อประมาณ ปี 48 ญาติห่างๆผม เขาสร้างโรงแรมม่านรูด ที่ลพบุรี ตอนที่ขุดเพื่อจะทำบ่อพัก เจอท่อประปา เป็นดินเผา ผมดูความเก่าไม่ค่อยเป็นครับ แต่รู้สึกว่า สภาพสมบูรณ์มาก วางท่อต่อกัน เป็นแนวยาวๆ ขุดโดยรถแบ็คโฮ จึงทำให้แตกไปหลายช่วง เป็นท่อที่ยาวประมาณ 60-70 เซ็น ปลายอีกด้านจะเล็กลง อีกด้านจะเป็นตัวกระบอก ธรรมดา เส้นผ่านศูนย์กลาง น่าจะประมาณ 40 เซ็นได้ครับ ผมคาดว่า น่าจะเป็นระบบชลประทานสมัยสมเด็จพระนารายณ์ครับ ตอนเขาขุดเจอ ผมก็ถามเขาว่า ธรรมไมไม่แจ้ง กรมศิลป์ เขาก็บอกว่า เดี๋ยวมันมา ก็ยึดที่เสียหมด จะทำอะไรก็ไม่ได้ทำกัน เดี๋ยวถ้าไปวัดที่เขาเอาไปถวายเก็บไว้ จะถ่ายรูปท่อมาให้ชมกันครับ ส่วนใหญ่ เจอแบ็คโฮ แตกบิ่นหมด บางทีก็ทุบทิ้งคาไว้นั่นแหละครับ เสียดายประวัติศาสตร์จริงๆครับคุณอา

 

รอติดตามครับผม

 

....................................................
..ที่นี่..ไม่ชำรุดเสียหาย..และ..ไม่ไปไหน..ก็อยู่ในเขตวัดนี่แหละ..อีกอย่างเราคิดดูว่า..ถ้ากรมศิลป์เข้ามา..ของทั้งหมด..ก็ไปอยู่กรุงเทพแน่..เพราะเป็นของสำคัญ...วัดก็ไม่ได้ดีอะไรขึ้นมา..เรื่องจะบูรณะเทวสถานอยู่ข้างบนที่เดิม..เป็นไปไม่ได้..เพราะหลวงพ่อทอง..อยู่ข้างล่าง..ทั้งชาวบ้าน..ทั้งวัด..ไม่ยอมแน่...สรุปคือ..ไม่ได้อะไร..ถ้าศักดิ์สิทธิ์โชคชะตากำหนดจริง..ก็คงออกมาให้เห็นเอง.....
.......................................
..อย่างเรื่องท่อนี่..ความจริงที่ลพบุรี..เจอเยอะ..เขาอาจไม่เก็บไปด้วยซ้ำ..ในพิพิธภัณฑ์นารายณ์ก็มีโชว์ไว้..แนวท่อพร้อมกับท่อที่วางอยู่บางส่วนในพระราชวัง..ก็มีโชว์ให้เห็นตามสภาพเดิม..ก็แตกไปบ้างไม่เป็นไรหรอก..แต่ถูกแล้วเพราะมันยุ่งยากแน่นอน..อยู่ดีๆ..ที่ดินเป็นของเรา..ต้องมาถูกคนอื่นจัดการ.......
...........................
..อย่าว่า..แต่แบบนี้เลย...ชุมชนโบราณขนาดเมืองย่อมๆ..มีวัฒนธรรมอายุน่าจะ ๗๐๐-๘๐๐ ปี..พร้อม
เครื่องใช้ต่างๆ..รวมทั้งกระดูก..ยังจมน้ำไปทั้งหมด
โดยไม่มีการขุดค้นอะไรเลย..แถวเชียงใหม่..นี่แหละ
..เท่าที่รู้หลายเมือง...แต่เมืองนึงแน่ๆนี่..เพื่อนอาเป็นนายช่างโครงการ..มาเล่าให้ฟังเอง..แถมมันยังเอา..เศษถ้วยชามยุคต้นเตาเวียงกาหลง..มาให้ตั้งหลายใบ..เพราะมันรู้ว่าอาชอบ..มันบอกถ้ากรมศิลป์รู้
อ่างนี้ไม่ได้สร้างแน่..เพราะเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก..มันบอก..กระดูกคนเพียบเลย..ก็จัดการกลบ..
หลักฐานทั้งหมด...ปัจจุบันสามสิบกว่าปีมาแล้ว..ก็เลยได้อยู่ที่เดิม..แถมเย็นกว่าเดิม..เพราะอยู่ใต้อ่างเก็บน้ำ

 

...................................................
เรื่องของหลวงพ่อทอง..ตอนที่๑
..................................
....ก่อนอื่นจะอธิบาย..ให้ว่า..ทำไมผมเอาเรื่องนี้มาเล่า...เพราะผมเองมาคิดเอา..เมื่อถึงตอนนี้..
..ผมอายุ ๖๐ ไม่ใช่วัยกลางคน..ก็เข้าสู่คนชรา..ดังนั้นความตาย..มันพร้อมมาหาได้ทุกเมื่อ...
..ผมไม่เคยประมาทต่อ..ความตาย..และพร้อมรับทุกเมื่อ..แถมวางแผนไว้เรียบร้อยว่า..ถ้ามี
เหตุการณ์บางอย่างมาถึง..ก็พร้อมที่จะทำให้ทุกคนที่อยู่เบื้องหลังไม่ต้องมาทนทุกข์กับตัวของ
ตัวเอง..และ..ยุ่งยาก....
...เช่นกันความรู้..ประสพการณ์ต่างๆ..ในด้านที่ผมทำงาน..ผมก็ไม่เป็นรองใคร...แต่ประสพการณ์
..และความรู้ในสิ่งที่ผมชอบยิ่งเยอะกว่า..อย่างหนึ่งที่รักมาก..และ..สะสมมาแต่เด็ก..คือ..พระเครื่อง
ผมก็ทยอยถ่ายทอด..ไปเรื่อยๆ..ถึงแม้ไม่หมดซะที..ก็ยังคิดว่า..เออไอ้อินเตอร์เน็ต..มันก็ดี..ทำให้
ความรู้ประสพการณ์..ของตัวเอง..ไม่ต้องตายตามตัวเองไปด้วย...หมดยากอยู่ที่ผมจะทยอยออกมา
ได้แค่ไหน..๔๖-๔๗ ปีที่ได้เกี่ยวข้องกับวงการพระ..แม้๑๐ ปีหลัง..จะไม่ค่อยรู้ความเคลื่อนไหวเท่า
ไหร่..แค่พอรู้บ้าง..ผมก็ว่า..มันเยอะเมื่อเทียบกับคนอื่น...นี่คือสิ่งที่ผมมอบให้กับ..สังคมนี้..ผมไม่
เรียกว่า..”คืน”...ผม”มอบ”..ให้คนที่จะรักจะอยู่กับ..สังคมนี้ต่อไปอย่างคนที่ไม่โง่..รอบคอบ..และ
รู้เท่าทัน..รวมถึง..ลึก..กว่าคนอื่น....
..........แต่ในเมื่อ..ผมเตรียมพร้อมเรื่องอื่นไปแล้ว..ผมก็มาคิดได้ว่า..บางอย่างที่เราทราบ..และคนส่วน
ใหญ่..ไม่ทราบ..ก็ไม่น่าจะเก็บไว้ให้ตายไปกับตัว...เพราะยังคิดเลยว่า..ประวัติศาสตร์ชาติไทยสมัย
โบราณที่มันขาดหายไป..เพราะคนรู้หลายคนไม่ยอมเล่าให้ลูกหลาน..หรือ..บันทึกไว้นั่นเอง..
..และ..มันจะไม่เกิดกับ..คนอย่างผม....
........ก่อนอื่น..ผมจะเล่าถึง..พื้นฐานที่มาของเจ้าของเรื่องซะก่อน..เพราะคนทั่วไปก็คงไม่รู้จักท่าน..
.........................เจ้าคุณสุข อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาตะเครา..เพชรบุรี.......
...ท่านเป็น..คนบางตะบูน..อำเภอบ้านแหลม..เรียกว่า..อยู่ไม่ห่างวัดไปเท่าไหร่....ท่านบอกกับผม
ว่า..ท่านเองก็เป็นวิชาไสยเวท..มาตั้งแต่เด็ก..เพราะพ่อท่านเก่งด้านนี้..มีตำราไว้มาก..ดังนั้นท่านเอง
จึงไม่ได้ต้องดั้นด้นไปหา..อาจารย์ที่ไหน..เมื่อบวช..แล้วก็อยู่ที่นี่มาตลอด..ท่านเห็นหลวงพ่อทอง
ตั้งแต่จำความได้..คนกลายเป็นพระ..ก็..กราบหลวงพ่อทองทุกวัน...ท่านทำหน้าที่เหมือนเจ้าอาวาส
กลายๆมาตั้งแต่..หลังสงครามโลกสงบแล้ว..แล้วมาเป็นรองเจ้าอาวาส..ก็..ทำหน้าที่จัดการมาตลอด
...ดังนั้น..ความคุ้นเคย..กับหลวงพ่อทองจึงมีมาก..
..หลวงพ่อทอง..จึงสัมผัส..กับท่านมาตลอด.....
.....ในยุคท่านตั้งแต่..เป็นเจ้าอาวาส..การสร้างพระ..(ยกเว้นงานประจำปี)..แต่ละครั้ง..หรือ..เรื่องที่จะ
ต้องตัดสินใจเป็นพิเศษ...ตัวท่าน..ไม่ได้เป็นผู้กำหนด..แต่ผู้กำหนดคือ..หลวงพ่อทอง...
..............ต่อตอนหน้า...............

 

ขอบพระคุณครับคุณอา..รอติดตามอ่านประวัติหลวงพ่อทองครับ

 

สวัสดีครับคุณครู _/\_
มาติดตามรออ่านตอนต่อไปครับ สาระ+สนุก ครบรสทุกตอนจริงๆครับ ^__^

 

...............
...เรื่องหลวงพ่อทอง..นี่เป็นเรื่องแทรกๆสั้นๆ..แต่สำคัญ..ไม่กี่ตอนก็จบ..
..ก็จะลงไปด้วยกัน..กับ..นารายณ์ทรงครุฑ..นั่นแหละ....
...กลัวจะไม่ได้เล่า..เดี๋ยวเกิดวันดีคืนดีตายไปซะก่อน..เดี๋ยวจะผิด
ความตั้งใจ....

 

...................
..หวัดดี..หลานสวนพลู..Orkarรุ่น๑..เฉียวฟงหลานรัก และ..mastertestศิษย์ครู..
รวมทั้ง..ทุกคนในครอบครัวผม...
..................
..ต่อจากตอนที่แล้ว..
...................
.......................................................
...ซึ่งอาศัยทั้งพระและชาวบ้านลูกศิษย์ที่เชื่อใจได้จริงๆ..ไม่กี่คน..โดยทยอยขนลง..มาจากเขา..
เอาไปเข้าที่ซ่อน..ในตอนกลางคืน..ดึกๆ..เอาเรียกว่า..ชาวบ้านและ..พระทั่วไปจำวัดแล้ว...
....ตอนที่ผมไปที่วัด..และ..ทราบเรื่องนี้..นั้น สี่สิบกว่าปีมาแล้วครับ..ถึงตอนนั้น..ก็ยังขนไม่หมด
ดี..เพราะเยอะ..บางส่วน..ก็เลยนำมาซ่อนไว้ที่กุฏิก่อน..แต่คนทั่วไปจะไม่เห็น..ตอนที่ท่านพาไปดูนั้น
ก็ไม่มี..พระ..หรือ..ใครอยู่..บริเวณใกล้เคียง..ในกุฏิท่าน..โดยเฉพาะ..แท่นบดยา..กับ..หินบดยาชุดนี้
..ไว้รอทยอย.งเอาเข้าไปที่เซ่อนถาวรอีกที.........ท่านเล่ารายละเอียดให้ผมกับพ่อฟัง..และ..กำชับให้
สัญญากับท่าน...ว่า..ห้ามเอาเรื่องตำแหน่งที่ซ่อนถาวรไปบอกใครเด็ดขาด.....ท่านบอกว่า..นอกจาก
ท่าน..กับ..พระอีก ๒-๓ รูปที่ช่วยขน..ไม่มีพระองค์ไหนทราบเรื่องทั้งสิ้น.......
..........ถามว่า..ทำไม..ท่านจึงไว้วางใจ..พ่อ..ทั้งๆที่ไม่ใช่คนเมืองเพชร..จริงแล้ว..พ่อผมสนิทกับท่าน
ตั้งแต่..มาอยู่เมืองเพชรช่วงแรก..แล้วก็ย้ายกลับมาอยู่อีกครั้ง...ถ้าได้อ่านตอนต้นๆของผมพระ..จะทราบ
รายละเอียดดี...พ่อผม..เป็นผู้พันทั้งสองครั้งที่มาอยู่..ครั้งแรก..อยู่กองพันบน..ครั้งที่สองอยู่กองพันล่าง
และควบตำแหน่งผู้บังคับการจังหวัดทหารบกเพชรบุรีด้วย..ดังนั้น..ในยุคที่แถวบางตะบูน..ยังเถื่อน..
มีแต่ถนนเล็กๆไป..ถนนก็ไม่ถึงวัด..มีแค่ทางเล็กๆ..จะไปวัดเขาก็ต้องใช้ทางเรือเป็นหลัก..ท่านก็ได้อาศัย
กำลังพลทหารที่เป็นลูกน้องพ่อผม..เป็นหลัก..พ่อผมก็ยินดีช่วยเหลือทางวัดอย่างเต็มใจ....มาตลอดที่อยู่
ที่นั่น..ไม่ใช่แต่พ่ออย่างเดียว..แม่ก็สนิทกับท่าน..เพราะแม่ผมเป็นอุปนายกกาชาดเพชรบุรี..พาแม่บ้าน
ที่ช่วยทำงานกาชาดด้วยกัน..ออกพื้นที่แถวบางตะบูน..บ้านแหลมประจำ..ขนาดตายตอนนี้ก็ยังอยู่ที่วัด
เลย..(เจดีย์บรรจุกระดูกแม่ผม..อยู่ที่เชิงเขาตะเครา..ครับ)...............

............ซึ่งบอกตรงๆ..ถ้าไม่เกิดมีเหตุการณ์ผิดปกติอะไร..ความลับนี้..จะเป็นความลับตลอดกาล..แน่นอน
เพราะ..ผมสัญญากับตัวเอง..ไว้ว่า..จะเก็บไว้กับตัว...จนตายครับ..........
และอย่าไปเข้าใจท่านเจ้าคุณสุขผิดนะครับ..ท่านไม่ได้เอาไปไหน..หรือเอาไปนอกวัด..แต่อย่างใดครับ...
...แต่บอกไว้เลยว่า..หายังไง..ก็ไม่เจอหรอกครับ..เพราะท่านหลักแหลมมาก....
...........................................
....ก็ไปอยู่ที่เมืองเพชรนานพอควรแล้ว...ได้เวลาจะจากซะที........ผมนำเรื่องนี้มาเพื่อให้พวกเราได้เข้าใจ
ว่า..พวกพราหมณ์จากอินเดียนั้น..ได้กระจายไปทั่วๆที่เป็น..อาณาจักร..หรือ..เมืองต่างๆ..และก็กลมกลืนไป
กับสังคมวัฒนธรรมได้เป็นอย่างดี..เพราะพราหมณ์อินเดียที่..เข้ามาในประเทศในยุคแรกๆนั้น..มาจาก..
ที่ผมบอกไปแล้ว..ก็คือ..พราหมณ์ในยุคพระเจ้าอโศกมหาราช..ที่ท่านส่งมาพร้อมกับ..พระโสณะ..และ..
พระอุตตระ..ซึ่งในยุคนั้น..พราหมณ์..ก็ยอมรับวิถีพุทธ..เนื่องจากกษัตริย์เป็นชาวพุทธ...พราหมณ์ในไทย
ในยุคนั้น..จึงปรับวิถี..รูปแบบที่กลมกลืนกับพุทธ..และ..วัฒนธรรมสังคม..ในสุวรรณภูมินี้ไปด้วย...
...แม้เบื้องต้น..จะมีแต่พิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับกษัตริย์..เกี่ยวกับเมือง...พอนานๆไป..ก็ปรับพิธีกรรมที่ใช้
กับรูปแบบชาวบ้านไปด้วย...ก็ดูเอาแล้วกัน.....ตั้งเสาเอก...ตั้งศาลพระภูมิ..รดน้ำสังข์แต่งงาน..งี้.....
.......นี่มาจาก..พราหมณ์ทั้งนั้น..ครับ...........

................

พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อพุทธศักราช ๒๔๙๓ โดยมีพระมหาราชครูพิธีเป็นผู้ที่ประกอบพิธีพราหมณ์.........
........นี่คือพิธีของพราหมณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด..และ..อยู่คู่เมืองไทย..มาตั้งยุคสุโขทัย..
ถึง..รัตนโกสินทร์...และ..ตลอดไป..
(ขอบคุณภาพจาก kanchanapisek.or.th)

.......................ต่อตอนหน้า.....................

 

***สวัสดีครับ ศิษย์พี่ และทุกๆท่าน ครับ
มารออ่าน ....ตอนต่อไปขอรับ***

 

มีหลวงพ่อทองอยู่องค์นึง พี่โจ๊ะ(กำธร)ใจดีเช่ามาฝากจากวัดครับ ยังไม่เคยไปกราบที่วัดเลยครับ ถ้ามีรถมีรากับเขา ก็ว่าจะไปซักครั้งนึง แต่ที่ไปกราบแล้วดวงดีประจำ ก็เห็นจะเป็น หลวงพ่อวัดบ้านแหลม ไปทีไร ได้ลาภนิดหน่อยทุกทีครับคุณอา

 

สวัสดีครับคุณอาmodpong.และพี่ๆเพื่อนสมาชิกเวปทุกท่านด้วยครับ
ติดตามไปเที่ยวเพชรบุรีด้วยคนครับคุณอา..

 

...เรื่องของหลวงพ่อทอง..ตอนที่๒.
..ท่านเล่าว่า..มันเริ่มมาตั้งแต่เริ่มทำหน้าที่จัดการความเป็นไป..ของวัดแล้ว...เนื่องจาก
มีหลวงพ่อเป็นที่พึ่ง..ทางจิตใจ..และเคารพในองค์หลวงพ่อ..เมื่อเริ่มต้องทำหน้าที่ในการ
บริหารวัด..ก็จะมีเรื่องเป็นกังวลค้างคา..พอดึกๆ..ท่านนอนไม่หลับ..ก็เลย..ขึ้นไปไหว้ท่าน
ตอนนั้น..ท่านไม่ได้มาอยู่ข้างล่าง..อย่างปัจจุบัน(..เดี๋ยวต่อไปภายหน้าว่า..ทำไมท่านไม่อยู่
ที่เขาอย่างเดิม)...ท่านบอกว่า..เหมือนกับระบายความในใจ..และ..ระบายความเครียด..ให้
หลวงพ่อฟัง..ทั้งนี้ทั้งนั้น..ท่านไปองค์เดียวครับ..พระอื่นจำวัดกันหมดแล้ว...พอได้ไหว้ท่าน
ระบายอะไรออกไปบ้างท่านก็สบายใจขึ้น..ก็กลับมาจำวัด..และจำวัด..แล้วหลวงพ่อทอง..
ก็เข้ามาในนิมิต..ท่านเป็นครั้งแรก..และก้เป็นจุดเปลี่ยนใน..ชีวิตท่านตลอดกาล....
..........ท่านเล่าว่า...หลวงพ่อนั้น...มาในรูปของคนชรา..ผมขาวยาว..หนวดเครายาว..สีขาว
แม้แต่เครื่องนุ่งห่ม..ก็เป็นสีขาว..แต่คนๆนี้..มีแววตาที่ดุ..ทีแรกท่านก็ไม่ทราบก็เลยถามไป
ว่า..เป็นใคร..ปรากฎว่า..โดนดุ..แล้วก็ว่า..เห็นมาบ่น..อยากให้ช่วยเหลือ..ก็เลยมาช่วย...
............ท่านจึง..นึกออก...ว่านี่แหละ..คือ..วิญญานศักดิ์สิทธิ์..ที่อยู่ในองค์หลวงพ่อนั่นเอง...
(..และ..อาจเป็น..ที่มาของชื่อ..ที่เคยมีการเล่าขานกัน...ว่า..ชื่อเขา..เดิมคือ..เขาตาเครา....
..แต่ออกกันหลายแนวครับ...บ้างก็ว่าเป็นคนจีนไว้เคราบ้าง..แต่ท่านไม่ได้บอกผม..ว่า
เป็นคนจีน..ซึ่ง..ไม่น่าจะใช่..เพราะการแต่งกายต้องบอกแต่แรก........
.....ผมจึงคิดว่า...เดิมทีเดียว..เขานี้อาจมีชื่ออื่นอยู่...แต่ที่บอกว่า..หลวงพ่อมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่
สมัยอยุธยา...วิญญานศักดิ์สิทธิ์นี้..คงปรากฏกาย..ให้ผู้คนที่มากราบไหว้..บ้างพอสมควร
ในยุคนั้น...ก็สอดคล้องกับเหตุการณ์..ที่ตอนหลัง..คนจีนที่นับถือ..มาสร้างศาลเจ้าอยู่บน
เขา...ก็คงเพื่อกราบไหว้วิญญานศักดิ์สิทธิ์นี่เอง(..ขณะที่ผมพิมพ์อยู่นี่..ขนยังลุกไม่หยุดเลย)
..แล้วตั้งแต่นั้น..ชื่อเขา..ก็คงเปลี่ยนเป็น..เขาตาเครา..นั่นเอง..และมาจบที่..เขาตะเครา)
..และทุกครั้งที่เข้ามาในนิมิตท่าน..หลวงพ่อจะมาในรูปเดิม..ไม่เปลี่ยนแปลงตลอด
เวลากว่า ๕๐ ปี......
......ตั้งแต่นั้นมา..ท่านก็เลยเหมือนมีที่ปรึกษา..ส่วนตัว..เวลาตัดสินใจเรื่องอะไรใหญ่ๆ...
เกี่ยวกับวัด....แต่ครั้งแรกๆ..นั้น..เจ้าคุณสุขก็คิดจะสร้างพระ..เพื่อให้จำหน่ายหาเงินเข้าวัด
ก็เป็นปกติ..เพราะ..วัดเขาก็สร้างเหรียญสร้างพระ..มาตั้งแต่..ไหนแต่ไรแล้ว..พอมาถึงยุคท่าน
ท่านจะสร้างบ้าง..พอเริ่มก็มีปัญหาเลย..แล้วหลวงพ่อก็เข้ามาในนิมิต..ท่านอีกดุว่า..จะทำทำไม
ไม่บอก...ต่อไปนี้..จะสร้างเมื่อไหร่..หลวงพ่อจะบอกเอง..........
.....................................................................................................................................................
...และนั่นคือที่มา....ว่า...การกำหนดว่าจะสร้างพระเมื่อไหร่...ไม่ใช่ท่านเจ้าคุณเป็นคนกำหนด..
...หลวงพ่อทอง..จะมาบอกท่านเอง..ยกเว้นกรณีพิเศษ..ที่ท่านเจ้าคุณขอเอง..(ผมว่าตัวอย่างๆ...คือ
รุ่นเจ้าฟ้าชาย ปี๒๕๑๖ มั้งครับ..จำไม่ค่อยได้)...ไม่งั้นสร้างไม่ได้......แล้วทราบหรือไม่ว่า...ไมว่า
พวกเราจะอ่านมาจากคำบอกเล่าไหน..แต่นี่เป็นคำบอกเล่าที่ผมรับทราบจากปากของผู้สร้างโดย
ตรงก็คือเจ้าคุณสุข..พระสมเด็จสะดุ้งกลับที่โด่งดัง..นั้นสาเหตุที่ทำให้กลับข้างนี่ก็เป็น..คำสั่งของ
หลวงพ่อเอง..ในนิมิตของท่านเจ้าคุณ..ไม่งั้นงั้นไม่มีใครกล้าสร้างแบบนี้หรอกครับ..เพราะหลวง
พ่อทอง..ท่านดุ....
................ท่านเจ้าคุณสุข..บอกว่า..หลวงพ่อท่านเป็นคนดุ..ท่านไม่ใจดี..แบบหลวงพ่อวัดบ้านแหลม
หรือ..หลวงพ่อโสธร...โดยเฉพาะ..พวกที่แก้บน..ไม่ได้แก้ตามที่บนไว้..ถ้าเรื่องเล็กๆน้อยๆท่านก็ไม่
ว่าอะไร..แต่ถ้าเรื่องใหญ่..และ..สำคัญ..โดนท่านเล่นงานแน่..จนกว่าจะทำถูกต้องตามที่บน...ที่ชึ้นชื่อ
มากคือ..เรื่องสำคัญ..ที่ต้องการให้ผลชงัด..ต้องบนด้วยการบวช..และ..ต้องบวชที่นี่..บวชที่อื่นไม่ได้
..บวชเสร็จ..วันเดียวขอไปอยู่ที่วัดแถวบ้าน..ก็ไม่ได้..ขอกันยังไง..ท่านก็ไม่ยอม..ขืนดิ้อ..ก็เห็นผล..
ทันที..บางครั้ง..จะเห็นคนหามพระป่วย..เข้ามาที่วัดเขาตะเครา..ก็ด้วยสาเหตุนี้ละครับ....
.....คือ..ถ้าตรงไปตรงมา..หรือ..มีเหตุจำเป็นด้านอื่น..หลวงพ่อท่านก็ทราบได้อยู่แล้ว..แต่ไอ้พวกจะเอา
สบาย..หรือเล่นเล่ห์เลี่ยม..นี่โดนหนัก.....
.......เรื่องที่เอาไปเขียนกันเยอะ..เรื่องปาฏิหารย์..หลวงพ่อระเบิดทองออกจากตัวท่านเองนั้น...
ฟังผมเล่าดีกว่า..เพราะท่านเล่าออกจากปากให้กับผม..และ..พ่อฟังเองเลย..รับรองข้อมูลไม่เพี้ยน...

.......................

.........ให้สังเกตให้ดี...หลวงพ่อท่านเป็นพระพุทธรูปนั่งปางมารวิชัย....
..................ที่ไม่มีฐาน ......................
....(ขอบคุณภาพจาก dhammajak.net)

.................

....พระมงคลวชิราจารย์(สุข สังฆโสภโณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาตะเครา

........................ต่อตอนหน้า.................

 

กำลังมันส์เลยครับคุณอา ตามต่อครับ

 

รอติดตามหลวงพ่อทองระเบิดทองออกจากตัวด้วยครับคุณอา

 

เป็นข้อมูลที่ไม่เคยรู้เลยครับ ผมก็เคยไปอยู่เพชรบุรีเหมือนกันครับ แต่ยังไม่เคยไปกราบหลวงพ่อทองเลย

 

สวัสดีครับอาจารย์ ผมตามอ่านเรื่องยางรักอยู่หลายรอบ
ยังงงอยู่เพราะมีพระลงรักแท้ๆอยู่ 2 องค์ ดำสนิท 1 องค์
อีกองค์บอกไม่ถูกครับจะดำสนิทก็ไม่ใช้แต่ตรงส่วนนูนของพระนั้น
รักทาบางมากออกน้ำตาล ส่วนเว้าลึกรักหนา(สีดำ)แบบที่อาจารย์บอกเลยครับ
ได้ความรู้เยอะเลยครับ การที่จะดูธรรมชาติพระเครื่องเป็น
ใกล้เข้ามาอีกนิดแล้วครับ พออ่านมาถึงการทำพระปลอมก็เป็นง่อยเลย
ปลอมระดับป.ตรี,โท,เอก เซียนใหญ่ยังโดนแล้วผมจะไปเหลืออะไร:'(
สุดท้ายขอสอบถามหน่อยครับ
คือผมอยากรู้ข้อมูลเรื่องล็อกเก็ตในหลวงทรงผนวชปีพ.ศ2508 วัดบวรนิเวศ
ครับอยากรู้มวลสารที่ใช้สร้างและพิธีการไม่ทราบเป็นของจริงที่มีการจัดสร้าง
และขออนุณาตถูกต้องหรือเปล่าครับผมหาข้อมูลในเน็ตไม่ได้เลยครับ
ขอบคุณครับผม
และขออภัยครับที่Post ครั้งที่2ก็รบกวนอาจารย์เลย

 

...................
..หวัดดี..หลานสวนพลู..เฉียวฟงหลานรัก..และ..หลานApril
"..........................
..ต่อจากตอนที่แล้ว....
..........................
..............................................................
....ฮินดู-พราหมณ์นั้น..มีอิธิพลเข้ามาจริงๆจังๆ..โดยเฉพาะอิสาน..และ..กลาง..นั้น..เกิดจาก..การแผ่
อิทธิพล..เข้ามาของ..อาณาจักรขอมยุคต้น..ที่นับถือ..ฮินดู-พราหมณ์..ซึ่งก็ตกทอดคตินิยมมาจาก
อาณาจักรเจนละ..อีกที..ตามที่เคยเล่าไปแล้ว...ความจริงนั้น..การนับถือจริงจังๆนั้น..ได้กับคนระดับ
ปกครองซะเป้นส่วนใหญ่..ชาวบ้านทั่วไปนั้น..ก็คงไม่เคร่งอะไร..ไม่เหมือนในอินเดีย..ที่ผมว่าไว้
คือ..วัฒนธรรมดั้งเดิมมันต่างกัน....พราหมณ์..นั้น..ก็ทราบดี..เมื่อแพร่จากทางข้างล่างไม่ได้...ก็เอา
จากข้างบน..ลงไปล่าง..ค่อยๆเอาวัฒนธรรมของตัว..มาให้ชนระดับนี้..ซึมซับไปทีละน้อย..ตั้ง
แต่..ให้กษัตริย์..สร้างเทวสถาน..กระจายไปทั่วๆ..อย่างน้อยเวลาชาวบ้านไม่มีที่พึ่งอะไร..ก็มีที่
ไว้ให้ขอโน่น..ขอนี่ได้...และ..เมื่ออำนาจเข้ามา..ในเมืองไทย..ก็มาสร้างกระจายไว้..จนทั่ว...
..แล้วก็อาจ..จะส่ง..พราหมณ์..มาประจำปราสาทที่ตัวสร้างไว้มั่ง...บังคับ..ให้..เจ้าเมืองที่อยู่ใน
ปกครอง..อย่างในลพบุรี..หรือ..ละโว้..ยอมรับในวิถี..ความเชื่อ...รับวัฒนธรรมฮินดู-พราหมณ์
เข้าไปไว้ด้วย...ซึ่งคนไทยนั้น..รับแต่วิทยาการ..กับเรื่องบันเทิงเท่านั้น...สังเกตง่ายว่า..พออาณาจักร
ขอมล่มสลาย..อาณาจักรย่อยละโว้ล่มสลาย..ปั๊บ...ถาวรวัตถุ..ของพราหมณ์-ฮินดู..ก็ไม่ได้รับการ
เหลียวแลอีกเลย...พอผู้มีอำนาจใหม่ที่เป็นคนพื้นถิ่นขึ้น..เขาไม่ได้นับถืออยู่แล้ว..ก็เรียบร้อย..
...จะเห็นได้ว่า..การที่ทำให้คนทุกระดับ..นับถืออย่างเดียวกับตัวเองไม่ได้..มันก็ไม่ยั่งยืน..
แม้เขมรเอง..ก่อนหน้านั้น..ค่อยเปลี่ยนมาเป็นพุทธแบบมหายาน..แต่ยังคงลัทธิไศวะนิกาย..ไว้
ด้วยนั้น...ชาวบ้านทั่วไป..ก็ไม่ได้เออออไปด้วย...แม้ในเขมร..พออาณาจักรล่ม..พุทธมหายาน
ก็หายไปด้วย.........
.........แต่ที่บอกมาข้างต้น..เรื่องวิทยาการ..บันเทิง..นี่..คนไทยเข้าถึงครับ....แพทย์แผนโบราณ..
พระเวท..โหราศาสตร์..ศิลปะ..ตำนานเรื่องเล่า..อย่างนี้ไม่ขัด..แต่อย่างไงก็ตาม..ความเชื่อบาง
ส่วน..ก็ยังมีอิทธิพลต่อชนชั้นปกรอง..ไม่ว่า..กษัตริย์..หรือ..เจ้า..ไหนๆ..เพราะยังนับถือ...
บรรดาเหล่าพราหมณ์อยู่..ก็เพราะพราหมณ์..เหล่านี้..ยกย่อง..และมีประโยชน์ในหลายด้านอยู่..
...ที่สำคัญทำให้..คนชั้นล่างลงไป..นับถือ..และยกย่องกษัตริย์..ให้เหนือกว่า..คนสามัญทั่วไป..
..ไม่ใช่แค่..หัวหน้ากลุ่ม..หรือ..ผู้ปกครองเฉยๆ...........และ..เพราะอะไร..ต้องตามต่อไป..

.......สิ่งที่พราหมณ์...นำมาให้กับ..คนไทย..อีกทางก็คือ..ความเชื่อ..วิถี..และ..วัฒนธรรม...ในความเชื่อ
นั้น..ได้เปรียบ..ศาสนาพุทธอย่างนึง..คือ..เป็นเรื่องราว..อิทธิปาฏิหารย์..ของเทพเคารพของเขา...ซึ่ง..
ทำให้ตำนานต่างๆ..มันน่าสนใจและสนุก..เทพใหญ่..เทพรอง..แต่ละองค์..มีตำนานของตนเอง..ยังมี
ทั้งเมีย..ทั้งลูก..รวมเข้าไปอีก..ก็สนุกกันใหญ่..ส่วนทางพุทธ..คนพุทธเองยังจำไม่ค่อยได้เลย..ไม่โลดโผน
ไม่สนุก..แต่ตำนานของเขา..เรื่องไหน..ก็ไม่สนุกเท่า..”รามายณะ”...ที่คนไทยเราเรียกว่า..”รามเกียรติ”...
สนุกสนาน..จนเกิด..ศิลปการละเล่น..ที่คนไทยดัดแปลง..นำมาประกอบ..เรื่องกัน..หลายรูปแบบ...
โดยเฉพาะที่เกิดแรกๆ..นั้น..ก็เป็นภาพแกะสลัก..และ..ภาพเขียนก่อน..ตัวละครก็มีรูปแบบของตัวเอง
กันไป....แต่ในเรื่องตัวนำ..หรือ..ตัวเดินเรื่องจริงๆ.......ก็ไม่พ้น..พระราม...ซึ่งก็คือ...๑ ใน ๓ เทพสูงสุด
ที่อวตารลงมา..กลายเป็นมนุษย์..เพื่อปราบ..ยักษ์..(แต่จริงๆ..ตามท้องเรื่องข้างต้นนั้น..มันดูออกไป..
ทำนองว่า..เป็น..ผลพลอยได้มากกว่า..เพราะจุดมุ่งหมายจริงๆ..ก็คือ..รับคำท้า..ของ..นนทุก..นั่นเอง..)
....ซึ่งก็คือ..พระวิษณุ..หรือ..พระนารายณ์..นั่นเอง........
....นอกเหนือจากนั้น..ด้วยลักษณะ..หน้าที่..ก็ดูจะเป็นเรื่องเป็นราว..กว่า อีก ๒ เทพ..คือ..การเป็นเทพ
ผู้รักษานั้น..มันต้องเหนื่อยแรง..กว่าอีก ๒ องค์..(พระพรหม..ผู้สร้าง...คิดอะไรได้ก็สร้างขึ้นมา..ผล
หลังจากนั้น..จะเป็นไงไม่รู้.ก็จบกัน....พระศิวะ..เทพผู้ทำลาย..รวมทั้งเป็นเทพแห่งการให้...ใครขออะไร
ถูกใจ..ก็ให้หมด..หลังจากนั้นจะบวก..จะลบ..ก็ไม่รู้แล้ว..แถมถอนสิ่งที่ตัวเองให้ไปก็ไม่ได้..)..เพราะ
ต้องตามแก้ไขปัญหาเรื่องราวต่างๆทั่วไป..ให้เข้ารูปเข้ารอย..จนทำให้เกิดเป็น..”นารายณ์สิบปาง”..ที่
ต้องทั้งอวตาร..ทั้ง..แปลงร่าง..สารพัด..เพื่อกำจัดทุกเข็ญ..ปกป้องผู้อ่อนแอ..กำจัดมาร..เพื่อความสงบสุข
ทั้ง..โลกมนุษย์..และ..สวรรค์...
.........ผมเขียนมาถึงนี่...นึกออกรึยังว่า..หน้าที่ๆพระนารายณ์ทำ..เปรียบได้กับ..ใคร..........
..........นั่นก็คือ..หน้าที่ของ..กษัตริย์..นั่นเอง....

.........................

...พระเจ้าชัยวรมันที่๒ แห่งอาณาจักรเขมร..ที่นำระบอบการปกครองแบบ"เทวราช"มาจากราชวงศ์ไศเลนทร์ในชวา(เนื่องจากพระองค์เคยประทับอยู่ที่ชวามาก่อน)..เข้ามาใน
เขมรอย่างจริงจังเป็นพระองค์แรก..โดยที่เปรียบตัวท่านคือ.."องค์อวตารของพระศิวะ"..
..เมื่อไปปราบที่ใด..ก็ไปสร้างปราสาทไว้..แล้วก็ติดตั้งรูปพระศิวะ..เป้นประธานในปราสาท..ซึ่งก็ทำกันสืบทอดต่อมาเรื่อยๆ..........

...........ต่อตอนหน้า....................