ผม...พระ...และ...สาระยุคก่อน

ผมอ่าน วนไปวนมา เป็นสิบๆรอบ ผมก็พยายามศึกษา อ่านมาก็เยอะ
พออ่านที่พี่เขียน มันพิเศษจริงๆ มันตอบสิ่งค้างคาใจผมได้เยอะจริงๆ
ขอบคุณครับ

นับถือครับพี่ นับถือจริงๆ

 

กราบสวัสดีพี่ Modpong และพี่น้องชาวกระทู้ ผม...พระ.. ทุกท่านครับ
ดีใจมากครับที่ได้เห็นบทความสาระ จากกระทู้ของพี่อีกครั้งหนึ่ง ขอเป็นกำลังใจให้พี่เสมอนะครับ เชื่อว่าพี่น้องชาวกระทู้ทุกท่านต้องรู้สึกยินดีเป็นที่สุดกับการกลับมาของพี่ในครั้งนี้ครับ จะรอติดตามกระทู้พี่เสมอครับ
รักษาสุขภาพด้วยครับ

 

...................................
...นี่มันแค่..จุดเริ่มต้นว่า...ทำไม..คนไทย..ตั้งแต่ยุคโบราณ..ถึงได้..ผูกพันกับ..เครื่องรางของขลัง..
..ที่มาก็เพราะ..ศาสนา..นั่นแหละ..อีกไกลน้อง..
กว่าจะถึงเรื่อง..วัสดุ..ที่ทำ..มันจะต้องแจงกันอีก..หลายเรื่อง..เพราะมีทั้งที่..คนเข้าใจผิด..และ..ไม่เข้าใจ..เขียนทั้งที..ก็ให้มันทะลุบ้องไปเลย...

 

สวัสดีครับ ยินดีที่คุณน้ากลับมาเขียนอีกทีนะครับ
รอรับฟังเรื่องวัสดุทำเครื่องรางของขลังด้ัวยคนครับ

 

อ่านมา นานตั้งแต่ หน้าแรก ๆ ไม่ผิดหวังครับ เปิดโลกทัศน์ มุมมองครับ ไม่เน้น นิยายปาฏิหารย์ผมชอบครับ เพราะเรื่องปาฏิหารย์ มันไม่แน่นอน อยากได้ สาระความรู้จริง ๆ ครับ

 

ีดีใจ น้ากลับมาเล่าเรื่องดีๆให้ฟังอีกครั้งครับ

 

เข้ามาแสดงตนครับพี่ Modpong แอบอ่านมานาน วันนี้เลยสมัครมาเพื่อแสดงตนให้เห็นครับ
ติดตามอ่านมาตลอดครับ ผมชอบที่พี่นำมาเขียนครับ ผมใช้เป็นแนวทางในการศึกษาวัตถุมงคลต่างๆ
อยากรู้ที่มาที่ไปเริ่มต้นมายังไง เป็นยังไงถึงมาเป็นแบบในปัจจุบัน สาระหมายเหตุเป็นยังไง

ติดตามอยู่นะครับ และขอขอบคุณสำหรับการแชร์ความรู้ครับพี่

 

..............................................
..ขอบคุณ..สำหรับ..คำชม..และ..ยินดีต้อนรับ..
...ผมรู้สึกดี..ที่น้องบอกว่า..ได้ใช้เป็นแนวทาง...
..มันสร้างกำลังใจ..แสดงว่า..มันมีประโยชน์..ไม่เสียหลาย..กับ..ความทุ่มเทในการเขียน...
...ขอบคุณจริงๆ...

 

เข้ามาแจ้งว่า ยินดีกับการกลับมาครับ
รอติดตามตอนต่อไปอย่างเงียบๆ

 

...................
..หวัดดี..น้องรุ่งศิษย์น้อง..April..เฉียวฟงหลานรัก..คนบ้านสะแก..Onigiri
kotaro...Teera...patikorn..และ..เด็กบ่อผุด
............
..........................................................
....ต่อจากตอนที่แล้ว.................
......................................................
........นั่นก็เลย..ทำให้ฝรั่งยุคก่อน..เปรียบศาสดาของพุทธ...เป็น.."นักปราชญ์"..ไปเท่ากับ
..ขงจื๊อ..เล่าจื๊อ..โน่น...ต่อหลัง..พอมันเริ่มเข้าใจมากขึ้น..ถึง..ยอมรับว่า..พุทธ..คือ..ศาสนา..และ
พระพุทธเจ้า..คือ..ศาสดา....ระดับเดียวกับ..โมเสส..และ..มูฮัมหมัด...(ทั้งๆที่..จริงแล้ว..เหนือ
กว่า..ศาสดาอื่นใด..ในโลกนี้...).....
.....ยังมีอีก ๒ ข้อสำคัญ...ที่ต่างกว่า..ศาสนาอื่น..........ก็คือ...
...ก. รูปแบบความเคร่งครัด..ของ..คนที่นับถือ..ศาสนา..
....ศาสนาอื่นนั้น...พวกนักบวช..ของแต่ละศาสนา..ไม่ต้องพูดถึง..เคร่งครัด..เพราะต้องมีหน้าที่
เผยแผ่ศาสนา..และต้องทำตัวเป็น..ตัวอย่าง...แต่ผู้ที่นับถือ..ต้องเคร่งครัดด้วย..เพราะถ้าผิดต่อ..
ศาสนา..จะต้องถูกขับออก..ทั้งศาสนา..ชุมชน..และ..ญาติพี่น้องของตัว....
....เว้นแต่..คริสต์ที่ดูจะเคร่งน้อยกว่าเขา...แต่ก็ต้องโดนเหยียดหยาม..
..ที่เคร่งมาก..ก็ได้แก่..ยิว(หรือ จูดาส์)...อิสลาม...ซิกข์.....
...พวกนี้..อย่างที่ทราบกัน..คู่ครอง..ถ้านับถือ..ศาสนาอื่น..ต้องเปลี่ยนมาเป็นตามพวกนี้..
..ไม่งั้นแต่ง..ไม่ได้..ถ้าขัดขืน..โดนขับ.....
................ส่วนของ..พุทธ..นักบวชของศาสนา(พระสงฆ์)...ก็แน่นนอน..ย่อมเคร่งครัด..แถมเสีย
เปรียบเขาอีก..คือ..มีเมียไม่ได้...เพราะของเราเน้นคนละอย่าง....
...พอมาถึง...พุทธสาสนิกชน...ไม่มีข้อห้ามที่เคร่งครัด...ใครไม่ปฏิบัติ..ตามก็ยังเป็น..พุทธเหมือน
เดิม..และก้มีแต่ลดจำนวน..เพราะ..ต่อให้ไปแต่ง..กับพวกอื่น..เปลี่ยนศาสนาแล้ว..ครอบครัว..
สังคม..ก็ยอมรับได้......
.....ข. นักบวชของศาสนาอื่น..ให้พร..ที่ได้รับมาจากพระเจ้า..แก่ผู้นับถือ..ศาสนานั้นๆได้...
เพราะถือว่า.งได้รับการอบรม..และ..สามารถติดต่อกับ..พระเจ้าได้ดีกว่า...แม้คนในศานานั้น..
ก็ขอพรได้..ก็ตาม...ดังนั้น..การเข้าโบสถ์..ของแต่ละศาสนา..จึงเป็นสิ่งจำเป็น..เพื่อไปได้รับพร
เพิ่มเติม...โดยสมัครใจ..เพราะมีแต่ได้.......
.............ส่วนพุทธ..ในยุคต้นนั้น..พระสงฆ์นั้นมีแต่ทำการสอนอบรมจิตใจ...ไม่มีการให้พร..ใดๆ
..แล้วแถม..พุทธสาสนิกชน..ก็ขอพร..ไม่ได้..เพราะไม่ใช่หลักศาสนา.....
....ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่า..ในพุทธศตวรรษแรกๆนั้น...คนที่จะมาเลื่อมใส..ใน..พุทธ..ส่วนใหญ่..ก็
จะเป็น..คนมีความรู้สมองดี..และ..มีฐานะในสังคม..ค่อนข้างดี...เพราะอะไร...
.......เพราะ...ต้องทำความเข้าใจกับคำสอนและให้ความสำคัญกับ..จิต..ว่ามันจะเป็นตัวนำ..ของ
ชีวิต...คนสามัญ..คนยากจน..ที่สมองไม่ค่อยดี..คนที่ปากกัดตีนถีบ..ต่อสู้กับความจน..ซึ่งมี
จำนวนเป็นส่วนมากในชมพูทวีป..มันจะมานั่งวิเคราะห์..อะไร..เวลามีทุกข์ก้คือ..จน..ไม่มีข้าวกิน
ถูกรังแก...สู้ไปขอพรพระเจ้า..ไม่ดีกว่ารึง่ายดี..ขอเองก็ได้..ไปหารูปปั้น..ไปหาพราหมณ์..ให้สวดให้
...แค่นี้..ก็สบายใจไปได้..หนึ่งอย่าง..ก็ค่อนยังชั่วขึ้น...
......มานั่งทำตามแบบพุทธ..ก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่..แถมต่อให้ทำได้..กว่าจะเห็นผล..ก็นาน..
..ใชความอดทน..ถูกรังแกต่อไป..เพราะไอ้คนที่มารังแกนอกจากคนละศาสนา..มันก็ยังไม่คิดเหมือน
ตัวเอง..ทั้งปล้น..ทั้ง..ทำร้าย.....
.....ดังนั้น..ส่วนใหญ่..คนที่มานับถือ..พุทธ..ก็คือ..คนที่ต้องมีจิตใจเดิมค่อนข้างดี..เป็นคนช่างคิด....
..ฐานะดี..ไม่ห่วงจน..ก็ใครละ..ก็คือ..พวกนักบวชทั่วไป..เศรษฐี..กษัตริย์..ราชวงศ์......
............ใครๆก็ทราบว่า..พระเจ้าอโศกมหาราช..ท่านนอกจากรบเก่ง..ยังมีความเฉลียวฉลาดเป็นเลิศ
..ทำให้เข้าใจในหลักสาสนาพุทธได้ดี..จึงทำให้..ศาสนาพุทธในยุคนั้น..รุ่งเรือง..และแผ่ไปไกล..
..ก็เพราะตัว..ท่าน...ทำให้กษัตริย์แว่นแคว้นต่างๆ..ที่อยู่ภายใต้..นับถือตาม....และ..ทำให้แพร่ไปได้
ถึง..ลังกา..(..แล้วศรีลังกา..ถึง..เป็นปราการของพุทธในยุคเสื่อมได้..ผมจะอธิบายภายหลัง..)
...............พอสิ้นพระเจ้าอโศก..ราชวงศ์เสื่อม..ไอ้พวกกษัตริย์อื่น..มันก็กลับไปนับถือ..อย่างเดิม
...เพราะ..พุทธ..มีข้อด้อยมากมาย..สำหรับ..คนในยุคนั้น..ในชมพูทวีป...
..........เป็นสาเหตุหนึ่ง..ที่ทำ..ให้พุทธต้องมีนิกาย..อย่างมหายาน..ที่แยกไป..และต้องให้..พระสงฆ์
..ต้องมาเปลี่ยนแนวทาง...มาให้พร..แก่..คนที่นับถือได้..ต่อมา
......การสังคายนาพระไตรปิฎก..จึง..มีมาเรื่อยๆ..ตั้งแต่..ยุคแรก..มาถึงพระเจ้าอโศก..และ..อีกหลาย
ครั้งในยุคหลัง..เพราะต้องมีการปรับความเหมาะสม..นั่นเอง..ลำพัง..พุทธวัจจนะ..ย่อมไม่มีทาง
เปลี่ยนได้..อยู่แล้ว..เพราะเป็นคำพูดของพระพุทธองค์..แต่พระไตรปิฎก..คำสวดมนต์..ต่างๆ
นั้นเกิด..จากพระสงฆ์........
.....และนี่อีกอย่าง..ที่แตกต่างจากศาสนาอื่น..คือ...ไม่ว่า..พราหมณ์..ยิว......ซิกข์..ไม่ต้องปรับอะไร
คงที่..เหมือนเดิม..อิสลาม..คริสต์..ก็มีแค่แยกนิกายออกไป...เท่านั้น....
...........มีแต่พุทธ..นี่แหละ..ที่นอกจากมีแยกนิกาย..แล้ว..ต้องมีการแก้ไข..พระไตรปิฎก..มากกว่า
จำนวนนิ้ว..ที่อยู่บนมือซะอีก....
..........................................................................
....ต่อตอนหน้า..............

 

รออ่านต่อครับ...

 

ติดตามตลอดครับพี่

ผมเองสะสมพระเครื่อง เครื่องราง มาสามสิบกว่าปี รักและผูกพันสุดๆ
การที่จะได้รู้ที่มาที่ไป การก่อกำเนิด ภาพรวมที่ใหญ่ ที่หาความรู้จากที่ไหนไม่ได้
คงจะได้เพิ่มความเข้าใจ ความสุข ที่ได้รู้ในสิ่งที่ผมทั้งรักและศรัทธา

ขอบคุณครับพี่

 

สวัสดีครับ พี่ modpong และเพื่อนสมาชิก
เรียกได้ว่า ผมนี่ตกขบวนไปหลายสถานีเลยครับ เริ่มอ่านตั้งแต่หน้าแรก จนถึง หน้า 40
ต้องมากระโดดอ่าน หน้าท้ายฯนี้ ถึงจะทันเหตุการณ์หน่อย
ต้องขอชื่นชมด้วยความจริงใจครับ ว่าพี่ให้ความรู้ และมุมมอง ประสบการณ์ ที่ดีมาก
เป็นคงตรงไปตรงมา และจริงใจดีครับ แบบนี้แหละ ที่เรียกว่านักเลงจริง (ไม่ได้หมายถึง
พวกเกเร อันธพาล นะครับ)คือชอบก็ชอบ ไม่ชอบก็อย่าชอบ ชอบอ่านก็อ่าน ไม่ชอบ
ก็ไม่ต้องเข้ามาอ่าน ใครดีมา ก็ดีตอบ ใครร้ายมา โดนสองเด้ง
ขอเป็นกำลังใจ และสนับสนุน ให้พี่ มาเขียนล่าประสบการณ์ และมอบความรู้
ให้เพื่อนฯ น้องฯ ได้นำไปใช้ หรือเป็นข้อคิด นะครับ
ขอบคุณมากครับ

 

.................................
...ขอบคุณสำหรับ..คำชม....
ความจริงผมว่า..น้องพยานาค..เริ่มอ่านต่อ..จากหน้า ๔๐..ไป..เรื่อยๆ..จะดีที่สุด..แต่แวะเข้ามาทักทายได้บ้าง..ก็ไม่เป็นไร......
...เรื่องของผม..มันจะค่อยๆเป็นไป..และ..มีความต่อเนื่อง..และมีพัฒนาการ..ในตัว..ขึ้นเรื่อยๆ..และ..เริ่มมีแนวทางที่ชัดเจน..อาศัยความรู้และ..ประสพการณ์..เหตุผล..เข้ามาแก้ไขปัญหา..เมื่อคุณค่อยๆอ่านไป..ทำความเข้าใจไป..คุณจะมีภูมิ..และ..ทัศนคติ..ที่กว้างไกล..ขึ้น..และ..ไม่ยึดติดกับ..ตำราเกินไป...เหตุ..และ..ผล..จะเชื่อ..อะไรต้องพิสูจน์ได้
..หาเหตุ..และ..ผล..มาแก้ข้อสงสัยในจิตใจ..ไม่ละเมอ..เพ้อพก..เพ้อเจ้อ..หูเบา..หนักแน่น..และ..เชื่อมั่นในตัวเอง.....
.....อย่าลืมน้อง..สติต้องอยู่กับตัวเสมอ..อย่าให้กิเลศ..ความโลภ..นำหน้า.....

 

.......
..สำหรับ..หลายท่านหน้าใหม่..ที่ไม่คุ้นกับสไตล์ผม...จะงง..ว่า..
...อ้าว..แล้วพี่แก..เลี้ยวไปไหน..นี่..เห็น..บอกว่า..ว่าเรื่องของขลัง...
..........ครับ..ไม่ได้เลี้ยวหรอก..เพียงแต่..ขุดราก..ที่มาที่ไป..ตามหัวเรื่องนั่นแหละ...
...ทุกส่วนที่เขียน..เป็นการโยงเรื่อง..เพื่อ..จะได้มีความเข้าใจว่า..
....คนไทย..สมัยโบราณ..ถึงได้..ผูกพัน..กับเครื่องราง....
......ทำไม..พระสงฆ์..ถึง..ไม่ได้แค่..อบรม..ศิลธรรม..และ..สอนใน
....พระไตรปิฎก...แต่อย่างเดียว..มาทำเครื่องรางของขลังทำไม....
.....................................
....เรื่องที่ผมเล่า..ต่อไป..มันก็ยังอยู่ในยุคต้น..พุทธศตวรรษ..อยู่ดี..
....ตั้งแต่รุ่งเรือง..จนถึง..เริ่มเสื่อม..ในดินแดนชมพูทวีป...สาเหตุแห่ง
.....ความล้มเหลวของการคงอยู่แห่ง..พุทธศาสนา..ในชมพูทวีป
.....ขนาด..พระถังซัมจั๋ง..มาถึงชมพูทวีป..ยังต้องช็อค....

 

ผมเป็นคนที่ไม่เชื่ออะไรง่ายฯอยู่แล้วครับ นอกจากจะเห็นเอง ได้ฟังมาเอง และพิสูจน์ด้วยตัวเอง......ยิ่งหนังสือพระเครื่องสมัยนี้ ไม่น่าเชื่อถือ บางครั้ง
ในเนทเองก็ใช่ย่อย ลอกกันมาทั้งนั้น
ผมดำเนินชีวิตด้วย พรหมวิหารสี่ครับ และรักษาศีลห้า มาตลอด

 

ขอบคุุณมากครับพี่สำหรับความรู้ดี ๆ ที่ไม่มีในที่อื่น

 

มาต้อนรับพี่ชายกลับบ้านอีกคนครับผม
นาน ๆ เข้ามาทีครับพลังจิต
แต่ช่วงนี้คงต้องเข้ามาบ่อย ๆ แล้วละ
เพราะพี่ชายที่แสนดีกลับมาแระ อิอิ

 

....หวัดดี....porpek..คนบ้านสะแก..พญานาค..กำธรน้องรัก..และ..พลศิริน้องรัก..
(..น้องรัก..ของพี่..มากันทั้งสองคน..ดีใจจริงๆ..ตามหลัง..หลานรัก..และ..ศิษย์รัก
กันมา..ต้อยๆ..รู้สึกอบอุ่นดีมาก)
.........................
...ต่อจากตอนที่แล้ว....
..............................
....ศาสนา..ที่เป็น..ศาสนาประจำชาติ..หรือ..เฉพาะกลุ่ม..อย่าง..ศาสนายิว..ก็เป็นศาสนาที่มีขึ้น
มาเพื่อ..ชาวยิว..หรือ..ชนชาติยิว.....
..ศาสนาซิกซ์...มีขึ้นมา..เพื่อ..ชนชาติอินเดียกลุ่มหนึ่ง..
..หรือ..แม้กระทั่ง..ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู..ก็มีขึ้นมา..พร้อมๆ..กับชนชาติในชมพูทวีป...
...เป็นลักษณะของศาสนา..ที่มีวัฒนธรรมของชนในชาตินั้น..แทรกปน..อยู่..ดังนั้น..จึง
..จึงไม่ได้เน้น..หรือ..ต้องการเผยแพร่..ไปไหน..มีความลงตัว..ของตัวเอง...
(..เมื่อ..คนเหล่านี้..อพยพ..จะไปอยู่ที่ไหน..ก็เอาศาสนานี้ไปด้วย..และ..ก็ไม่มีเจตนาไปเผยแพร่
...ให้คนชาติอื่น..มานับถือ...เว้นแต่..ในอินโดนีเซีย..ซึ่งเจ้าทางชมพูทวีปอพยพไปแบบยกเมือง
สร้างอำนาจครอบครองได้...มันก็เลยไปแพร่..ที่นั่น..แล้วก็..เลื้อยต่อมาถึง..แหลมทอง..)
........โดยเฉพาะอย่างยิ่ง..ในชมพูทวีป..ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู..นั้น..แทรกอยู่ในวัฒนธรรม..
ความเป็นอยู่..การดำรงชีพ..ตั้งแต่เกิด..จนตาย..สืบเนื่องมายาวนาน..ตั้งแต่ก่อนยุคพระพุทธเจ้า
..และ..ความพิเศษ..ของศาสนานี้..ก็..คือ..พิธีกรรม..และ..การบูชา..ที่มีมากมาย..หลายรูปแบบ
ฝังเข้าไปในราก..ของแขกอินเดีย....
...และสิ่งที่..เหนือกว่า..ศาสนาอื่นใดคือ...วิทยาการ..ที่สืบทอด..และ..พัฒนาต่อกันมา..ส่วนเอื้อ
อำนวยก็เพราะ..นักบวชของ..ศาสนานี้..เป็นตระกูล..สืบทอดทางสายเลือด..เป็นชนชั้น...
..ที่เขาวางกันเอง..ให้อยู่เหนือ..ชนชั้นกษัตริย์..ทั้งหลาย..แม้กษัตริย์..เจอ..พราหมณ์..ยังต้องให้ความ
เคารพ..ยกมือไหว้..ที่อินเดีย..เจริญมาก่อนใคร..และมีวิทยาการมากมาย..ก็..อาศัย..พราหมณ์นี่แหละ
.....คนตระกูล..พราหมณ์..ทุกคนต้องเรียนหนังสือ..วิทยาการ..อ่านออกเขียนได้...ขณะที่..ชนชั้น
อื่น..ที่ต่ำกว่า..ชนชั้นกษัตริย์..ก็ไม่ได้อ่านออกเขียนได้ทุกคน..ยิ่งจัณฑาล..ยิ่งเป็นศูนย์.......
......ไม่ว่า...การรบ..แผนการรบ..การต่อสู้....
...................งานช่าง..วิทยาศาสตร์..วิทยาการด้านต่างๆ...
.........อันนี้สำคัญมาก..คือ..โหราศาสตร์..ฤกษ์..ผา..นาที.....
......การประกอบพิธีกรรม..ทั้งที่เป็นมงคล..และไม่มงคล....คนอื่น..ไม่มีสิทธิทำ..ต้องพราหมณ์เท่านั้น
........อันนี้..ยิ่งสำคัญใหญ่...คือ..การแพทย์..(เรียกว่า..เป็นต้นตระกูลหมอแผนโบราณ..อย่างเป็น
..แบบแผน..แม้แต่ในไทย..ยุคขอมเรืองอำนาจ..ภาคตะวันออกของไทยก็ยังมีอโรคยาศาล..อยู่..หลายแห่ง..
..ผู้ที่ทำการรักษา..ให้ยา..ก็คือพวกพราหมณ์นี่แหละ..)...
.....และ..อีกหลายอย่าง...เป็นต้น......
........พวกพราหมณ์..ก็..เปิดสำนักวิทยาการ..สอนใน..บางอย่าง..อย่างเช่น..การต่อสู้...การรบ
....งานช่าง..และ...วิทยาการ..บางอย่าง..ที่ชนชั้นอื่น..มาเข้าเรียนได้(ยกเว้นจัณฑาล)...
..ที่ไม่สอน..สาสตร์อย่างอื่นเพราะ..จะมาแย่งงานของพราหมณ์เอง..โดยเฉพาะวิชาที่สงวนไว้
สำหรับ..พราหมณ์..เท่านั้น..(..อาชีพสงวน....ไม่เหมือนไทย...อาชีพยาม..เสือกเอาพม่า..เข้ามาทำ)
.............มันเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่..ก่อนพระพุทธเจ้าจะประสูติด้วยซ้ำ........
....เรียกว่า..แต่ละเมืองในชมพูทวีป..พวกพราหมณ์..จะต้องได้ทำงาน..ชั้นสูง...ของเจ้าผู้ครองแต่ละแคว้น
.....เป็นทั้งปุโรหิต(ที่ปรึกษา)....เป็นโหร..เป็นเจ้าพิธีกรรม...เป็นหมอ...เป็นครู......
จะเห็นได้ว่า...นักบวชของศาสนานี้..แทรกเข้าไปในสังคม..ทั้ง..ชั้นสูง..กลางและ..ชั้นต่ำ(..เป็นหมอ..
..เป็นโหร..และเจ้าพิธีกรรม)..
......นั่นแหละ..จึงทำให้ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู..จึงยั่งยืน..มาตลอด....
...........ส่วน..ศาสนาพุทธ..นั้น..อาศัยเข้าทาง..ผู้ทีมีสติปัญญา..และ..ไม่เดือดร้อนเรื่องปากท้อง...
ไม่ว่า..เศรษฐี..นักบวชหรือ..กษัตริย์..แต่ไม่สามารถ..ซึมซับเข้าใน..สังคม..ได้ครอบคลุม..อย่างพราหมณ์
..คนสมองไม่ค่อยดี..คนจน..หาเช้ากินค่ำ..พวกเหล่านี้..ก็สัมผัส..ไม่ถึง....
.....เพราะพุทธ..ให้ได้แต่..คำสอนอย่างเดียว..ไปปฏิบัติเอา...ถ้าเข้าไม่ถึง..ก็กลับไปขอพรเทวรูป
อย่างเดิมดีกว่า....คนรอบตัวเขาก็ทำแบบนี้กัน......
.....แต่เนื่องจาก..พุทธ..นั้นอาศัยผู้มีอำนาจ..ทั้งด้านการเงิน..และ..การปกครองสนับสนุน..จึงช่วย
ทำให้..ศาสนา..แพร่..ไปได้กว้างขวาง....
..........ตั้งแต่..พระเจ้าอชาตศัตรู..ตั้งแต่สมัยพุทธกาล..ที่มีอำนาจในอินเดียเหนือ..ทั้งหมด...ต่อเนื่อง
..มาถึง..ลูกหลาน..มีศาสนถาน..กระจายไปทั่ว..ทำให้ยุคหลังพุทธกาลใหม่ๆ..พุทธสามารถปักธง
..ในแดนอินเดียเหนือ..ได้มั่นคง...ต่อเนื่องมา..เจริญถึงขีดสุด..ที่พระเจ้าอโศกมหาราช..ทำให้..
..พุทธ..กระจายไปทั้ง..ชมพูทวีป..แต่ก็แค่เป็นหย่อมๆ..เพราะยังสู้..พราหมณ์-ฮินดู..ไม่ได้ดังเหตุผล
ที่ผม..กล่าวไปแล้ว...พุทธนั้น..กระจายข้าม..เขาหิมาลัย..ข้ามเขาฮินดูกูช..เข้าไปในอาฟกานิสถาน..
ปัจจุบัน..เข้าไปในส่วนของฑิเบต..และ..ต่อไปจีน..ขณะเดียวกัน..ก็..เริ่มเข้ามาที่..แหลมทองด้วย..
....แต่ที่ไหน..ก็ไม่สำคัญเท่า..ในตอนใต้สุด..ของชมพูทวีปเอง..นั่นคือ..ศรีลังกา..เป็นที่เดียวใน..
ชมพูทวีป..ที่ธงพุทธ..ปักได้..และ..ธงนี้ตระหง่านอย่างมั่นคง..และ..ไม่มีใครถอนออกได้...
...ทำไมรึ..มันมี..ที่มา..ที่ไป..อยากรู้ต้อง...

......................ต่อตอนหน้า.......................

 

****เร้าใจครับท่านพี่****
​