พระกราบแม่ ถ้าพระรูปใดทำอย่างนั้นแปลว่าส่งแม่ลงอเวจีไปเรียบร้อยแล้ว

..........ถ้า จำมาผิดก็ควรแก้ไขให้ถูกเสีย...
พระพุทธเจ้าไม่กราบใครๆหรอกครับ ..
หากท่านยังเป็นพระโพธิสัตว์ นั่นก็คนละเรื่องกันนะครับ..

 

อ่านดูดีๆครับ

ว่าจะเชื่อคำพระพุทธเจ้า หรือว่า เชื่อตามความเห็นทางโลกๆ ของคนอื่น ของตัวเอง

เพราะฉะนั้น.ใช้สติและปัญญาในการพิจารณา


บุคคลที่ไม่ควรไหว้ ๑๐ จำพวก
[๒๖๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๑๐ จำพวกนี้ อันภิกษุไม่ควรไหว้
คืออันภิกษุผู้อุปสมบทก่อนไม่ควรไหว้ภิกษุผู้อุปสมบทภายหลัง ๑ ไม่ควรไหว้
อนุปสัมบัน ๑ ไม่ควรไหว้ภิกษุนานาสังวาสผู้แก่กว่า แต่ไม่ใช่ธรรมวาที ๑ ไม่ควร
ไหว้มาตุคาม ๑ ไม่ควรไหว้บัณเฑาะก์ ๑ ไม่ควรไหว้ภิกษุผู้อยู่ปริวาส ๑ ไม่ควรไหว้
ภิกษุผู้ควรชักเข้าหาอาบัติเดิม ๑ ไม่ควรไหว้ภิกษุผู้ควรมานัต ๑ ไม่ควรไหว้ภิกษุผู้
ประพฤติมานัต ๑ ไม่ควรไหว้ภิกษุผู้ควรอัพภาน ๑
บุคคล ๑๐ จำพวกนี้แล อันภิกษุไม่ควรไหว้ ฯ
----------------

เกิดมาพึ่งเคยรู้ ว่าแต่ไปเอามาจากไหน เข้าใจผิดๆแบบนี้

 

ถ้าท่านคิดเองตีความเอง ก็จะออกมาแบบนี้..
ท่านจะคิดเองทำไมเล่าในเมื่อพระศาสดาท่านคิดให้แล้ว เพียงน้อมมาใส่ใจก็พอ ..

ท่านคิดว่า หากพระพุทธเจ้าจะบัญญัติว่า "พระห้ามกราบไหว้ฆราวาส(ยกเว้นมารดาบิดาพระไหว้กราบได้)" จะเป็นเรื่องยากใหมครับ?
แต่ไม่ทรงทำเพราะไม่รู้หรือครับ?..

หรือท่านVERAJAKรู้ดีกว่าพระพุทธเจ้าจึงกล้ามาเสนอไอเดียให้พระกราบมารดาบิดาได้ในที่นี้? สิ่งใดที่ควร พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่าควร ที่ไม่ควรก็ทรงห้ามเพราะท่านเห็นโทษหรือประโยชน์ ในการนั้น..

พระปัญญาของพระพุทธเจ้านั้น ระดับสัพพัญญุตญาน ท่านVERAJAKเล่า ระดับใหนครับจึงกล้ากล่าวสิ่งที่ พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสสอนไว้?

การมีศรัทธาในพระพุทธเจ้าเป็นสิ่งดีที่เราควรมี เมื่อมีศรัทธาแล้ว ย่อมเคารพในธรรมะที่พระองค์แสดงไว้ ..ไม่กล่าวอะไรๆที่สวนทางกับพระพุทธเจ้า ..ในที่ทุกสถานในกาลทุกเมื่อ..

ปล. ที่กล่าวว่า..

ท่านได้มาจากแหล่งใดหรือขอรับ?

 

ท่านกราบพระพุทธบิดา จริง เมื่อทรงตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณแล้วท่านทรงโปรดพระพุทธบิดาลองอ่านพระไตรปิฏกดูนะครับ มิใช่ท่านตรัสรู้แล้วค่อยกราบนะครับท่านเข้าใจผิดรึผมพิมพ์ไม่กระจ่าง. พระพุทธเจ้ายังกราบพระบิดา ผิดตรงไหนครับรึไม่กระจ่างครับ.
ส่วนท่านจะยึดรึยังไงไปอ่านดูแล้วกันครับผมมีคำถามใครจะตอบยังไงแบบไหนก็แล้วแต่ เรื่องโลกๆนั้นเราอยู่ในโลกถ้าไม่ยอมรับก็ต้องอยู่นอกโลกคือดาวดวงอื่น พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนมนุษย์ให้ยอมรับโลกคือธรรมชาติ ครับลองทำความเข้าใจอีกทีนะครับธรรมชาติมันเป็นยังไงมันกํเป็นยังงั้นนั้นคือโลกคือธรรมชาติใครก็เปลี่ยนแปลงแก้ไขไม่ได้ครับ 5555

ปลท่านลองไปงานศพที่บิดามารดามีบุตรที่บวชเป็นพระดูนะครับก่อนบรรจุศพใส่โลงเค้าให้ลูกมากราบขุอขมาครั้งสุดท้ายรึเปล่าแล้วพระสมมุติสงฆ์กราบรึเปล่า แล้วพระผู้ใหญ่มาปลงอาบัตให้รึเปล่า ลองไปดูนะว่าเค้าทำกันรึเปล่านะ?

 

การคิดแทนพระพุทธเจ้านั้นท่านเป็นคนพูดเองนะครับ มีประฉโยคไหนที่ผมคิดแทนครับ. อ่านแล้วเข้าใจรึเปล่าครับ คำว่าพระสงฆ์มีศีล227ข้อถ้าท่านรักษาครบคือพระอริยสงฆ์เจ้า ถ้าไม่ครบแม้แต่ศีล5จะต่างอะไรกับสามัญชนแค่นุ่งเหลืองห่มเหลืองใช่ไหม?ที่ผมถาม. แล้วพระทุกองค์ย่อมรู้แก่จิตตนดีว่าตนมีศีลครบไหม?ใช่ไหมครับ แล้วการไหว้คือไหว้ศีลที่มีมากกว่ากันใช่ไหมครับ?ผมถามแค่นี้มีประโยคไหนคิดแแทนพระพุทธเจ้าครับ? แล้วบิดามารดามีพระคุณต่อบุตรจนล้นจริงใหมครับ แล้วตรงไหนที่บอกย่าคิดแทนพระพุทธเจ้าครับ. จะกล่าวหาควรพิจารณาก่อนนะครับว่าเค้าสื่ออะไร. ไม่ใช่อ่านแล้วไม่ตรงจริตตนก็กล่าวหาทันที
พระสงดฆ์ควรถามจิตตนว่าตนมีศีลครบ227ข้อรึเปล่าส่วนคนอื่นนั้นมิต้องรู้ก็ได้ แต่ตนต้องรู้ตนและเมื่อตนรู้ตนแล้วย่อมรู้ว่าตนสมควรกราบบิดามารดารึไม่? เมื่อคนนุ่งเหลืองห่มเหลืองแล้วมิใช่เทวดาครับเป็นแค่สมมุติสงฆ์เท่านั้นต้องเร่งทำทุกข์ให้แจ้งเพื่อนำตนให้พ้นจากหลุ่มที่ตกอยู่ตามทางพระศาสดาเมื่อทำได้แล้วจึงสามารถโปรดสัตว์จรรเริญพระศาสนาให้ยืนยาวต่อไปครับ
แต่ถ้าทำไม่ได้แม้แต่จะรักษาศีล227ข้อท่านว่าควรเรียกว่าอะไรครับ

 

..ท่านVERAJAK..งานเขียนของท่านนี้ แม้ข้าพเจ้าเกิดและเรียนในไทย แต่เข้าใจอรรถได้แบบมีส่วนเหลือ ..คือ เข้าใจแต่ละคำแต่พอรวมประโยคแล้ว มันสับสน ..เอาอย่างนี้นะครับ..

ข้อความนี้ ถ้าท่านVERAJAKกล่าวว่า พระโพธิสัตว์ยังยังกราบพระบิดา..อย่างนี้ก็เข้าใจถูกตรงกัน แต่บอกว่า พระพุทธเจ้ายังกราบพระบิดา ก็ต้องคัดค้านครับ เพราะพระพุทธเจ้าไม่กราบใครๆแล้ว

พระโพธิสัตว์นั้นยังเป็นปุถุชน เป็นฆราวาส แต่พระพุทธเจ้านั้นเป็นพระอรหันต์ครับ..

ส่วนเรื่องพระกราบศพพ่อแม่นั้น ไม่เคยเห็นทั้งไม่ถือเอาว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกเพราะ ไม่ได้มีท่านที่ทำอย่างนั้นเป็นสรณะ...มีแต่พระพุทธ พระธรรมและพระอริยสงฆ์(ที่แท้)เป็นสรณะ

พ ระที่เป็นสมมุติสงฆ์นั้นย่อมทำสิ่งไม่ถูกตามพุทธบัญญัติเพราะไม่ได้ศึกษาธรรมะและคิดนึกเอาเองด้วยฆราวาสสัญญาว่าตนควรทำการเคารพ่อแม่เยี่ยงฆราวาสทั้งหลาย..

การทำอะไรเพราะไม่รู้นั้นไม่ใข่สิ่งที่น่าเอาอย่าง โดยเฉพาะในเพศภิกษุผู้อาศัยชาวบ้านอุปการะ...โทษนั้นมีมากกว่าชาวบ้านที่ทำไปเพราะไม่รู้มากนัก..

พระพุทธเจ้านั้น ทรงรู้ทุกสิ่งไม่ขัดข้อง แม้จะทรงตรัสสอนเรื่องกตัญญูต่อมารดาบิดา ก็ไม่เคยทรงบัญญัติว่าลูกในเพศบรรพชาควรกราบไหว้พ่อแม่...เมื่อพิจารณาให้ดี จะเห็นว่า กิริยากราบไหว้นั้น ไม่ใช่สิ่งแสดงความกตัญญูที่แท้เลย แต่การมีความ
ขัดเกลากิเลส หมดความหลง(โมหะ) ต่างหากเป็นการกตัญญูต่อพ่อแม่ที่สุด..เพราะผู้มีกิเลสเบาบางหรือหมดกิเลสแล้วย่อมสามารถยังกุศลหาประมาณมิได้มาให้พ่อแม่ แม้นพ่อแม่ตาย ท่านเหล่านี้ก็ยังสามารถอาจเกื้อกูลกุศลแก่พ่อแมได้อีกตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจ..ในเมื่อท่านทำกิจแห่งความเป็นพระที่บริบูรณ์ ย่อมมีกุศลที่มีกำลัง สามารถอุทิศให้พ่อแม่ได้เสมอ..จริงใหมครับ?

 

ตรงใหนที่ข้าพเจ้าเขียนว่าท่านคิดแทนพระพุทธเจ้าขอรับ ช่วยยกมาให้ด้วย?..

แต่คงหาไม่เจอหรอกเพราะข้าพเจ้าไม่ได้กล่าวอย่างนั้นเลย ..

ไม่ทราบว่าจะสื่ออะไรหรือครับ..
ตรงใหนที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนมนุษย์ให้ยอมรับโลกคือธรรมชาติ?..ยกตัวอย่างมาให้ดูครับ..
ถ ้าไม่มีตัวอย่าง จะเข้าใจสาระที่ท่านต้องการสื่อไม่ได้ ..
เผื่อข้าพเจ้าจะได้ความรู้เพิ่มเติมขึ้น ข้าพเจ้าเป็นนักศึกษา ชอบเรียนรู้ครับ..
และอย่าให้ข้าพเจ้าไปค้นในตำราเลยข้าพเจ้าสนใจตัวอย่างจากท่านโดยตรงมากกว่า?..
นึกว่าสงเคราะห์กันนะครับ
ขอบคุณครับ

 

งั้นก็ต้องเปลี่ยนใหม่อีกครั้งว่าเจ้าชายยังกราบบิดาก็แล้วกันจะได้เข้าใจตรงกันนะครับ. โลกคือธรรมชาติ การเกิดย่อมมีแก่ เจ็บ ตาย นั้นคือธรรมชาตินรึเปล่าครับไม่ว่าสรรสัตว์ทั้งหลายย่อมเป็นเช่นนั้นจริงใหมครับ? รึไม่ใช่ครับ ธรรมชาติเมื่อเกิด ความแก่ย่อมตามมาความเจ็บความตายย่อมตามเป็นเงาตามตัว ใครจะหนีพ้นครับ แต่คนไม่ยอมรับมันเมื่อแก่ก็ทำทุกอย่างให้ตนไม่แก่เมื่อเจ็บก็ทำทุกอย่างให้ตนไม่ต้องเจ็บ เมื่อจะตายก็ดิ้นรนไม่ยอมตายจริงไหมครัย? นี่คือโลกคือธรรมชาติของโลกโลกนี้มีแค่ธาติทั้ง4และมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ชั่วคราวเท่านั้น ธรรมชาติเป็นเช่นไรมันก็เป็นเช่นนั้น ต่อให้มนุษย์สรรสร้างสิ่งใดขึ้นมามากมายสุดท้ายมันก็จะเหลือแค่ธาติทั้ง4อยู่ดีจริงใหมครับ?และมันจะหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาไม่เที่ยงมีเช้ามีบ่ายมีเย็นมีค่ำมีดึกแต่คนต้องการให้มันเที่ยงเท่านั้นจริงใหมครับ. นี่แหละโลกคือธรรมชาติ ครับ

 

เจ้าชายยังกราบบิดา เอามาจากไหนของพระไตรปิฏก ครับ

ผมอ่านมาไม่เคยเจอ ช่วยเอาหลักฐานมาลงให้ดูหน่อยนะ อยากจะอ่านบ้าง

 

สั้นๆ อ่านแล้ว พิจารณาตามภูมิธรรมของตัวเองดูครับ ว่าจะสามารถเข้าใจได้ไหม

ธรรมมะ เหนือ ธรรมชาติ เพราะธรรมชาติ คือ วัฏฏะ


ถ้าอ้างว่า ธรรมมะ คือ ธรรมชาติ ก็ลองถามพิจารณาดูตัวเอง ง่ายๆ

เช่น การผสมพันธ์ุของคน ของสัตว์ มันจะเป็นธรรมะ ไปได้อย่างไรกัน ^^


ถ้าไม่รู้ว่าใครหนีพ้น การเกิด การแก่ การเจ็บ การตาย

พระอรหันต์ที่ นิพพาน อนุปาทิเสสนิพพาน ครับ

.
.

.

 

ตรงนี้รับได้และไม่แปลกเลยถ้าเจ้าชายจะกราบพระบิดา
ตามธรรมเนียมลูกที่ดี แม้ท่านจะกราบพี่ป้าน้าอาลุงหรือ
ญาติผู้ใหญ่ก็ไม่แปลกอีกเช่นกัน..เพราะท่านไม่ใช่พระอริยะแต่เป็นปุถุชนอยู่


...ส่วนเรื่องโลกที่บรรยายมาก็เข้าใจได้ครับ มาติดก็ตรงที่ท่านVERAJAKเเสดงความเห็นเหมือนจะให้พระกราบพ่อแม่ได้อันเป็นเรื่องขัดพระวินัยที่ทรงบัญญัติไว้เท่านั้น ..ซึ่งไม่ว่าท่านจะมีเหตุผลใดรองรับก็ไม่น่าจะถูกตามพระพุทธประสงค์..ที่ทรงวางหลักวินัยไว้นะครับ ข้าพเจ้าอ่านข้อความของท่านแล้วเข้าในตามนี้จริงๆจึงท้วงมา..
นะครับ ..

 

ท่านลองอ่านแล้วพิจารณาดูนะครับว่ามีตรงไหนที่กล่าวว่าพระกราบแม่ได้ มีแต่การยกพระสงฆ์เทียบว่าท่านย่อมรู้ดีว่าศีลท่านมากกว่ารึน้อยกว่าปุถุชนครับ. เน้นที่ตัวบุคคลและมิได้กล่าวหาใครครับ ลองอ่านดูนะครับ
ท่านท้วงย่อมเป็นสิ่งที่ดีครับ. มิใช่ใครกล่าวอะไรก็เชื่อโดยขาดการพิจารณา ครับ. เจตนาผมที่โพสกับที่พิมพ์ลงไปอาจอ่านแล้วก่อให้เข้าใจผิดได้ด้วยการเรียงคำที่ไม่ถูกต้องก็ได้ครับ

 

ธรรมะคือธรรมชาติ ของโลกที่เป็นไป ใครก็ขวางหรือคัดค้านไม่ได้ ท่านต้องทำความเข้าใจเองใครก็ช่วยไม่ได้ ส่วนกามเป็นของสัตว์ที่อาศัยโลกนี้ชั่วคราวลองศึกษาดูนะว่าโลกมีส่วนประกอบอะไรบ้างนะอย่านำมาผสมปนเปกันจนแยกไม่ออกจะพิจารณามิได้ ส่วนเจ้าชายกราบบิดาลองหาอ่านดูนะ อย่ายึดในสิ่งที่รู้ว่าครูบาอาจารณ์สอนมานั้นถูกต้องใครเถียงไม่ได้ และอย่าละเลยในสิ่งที่ครูบาอาจารณ์สอนมาว่าไม่ถูกไม่ควร ทางสายกลางรู้จักไหมครับ ใครเห็นตรงตามจริตฉันและที่ฉันคิดนั้นดี ใครไม่เห็นด้วยเค้าต้องตอบคำถามให้ตรงคำตอบที่ฉันตั้งไว้55555

 

แปลกดี คนทำคนนึง คนรับกรรมเป็นอีกคนนึง ทั้งที่คำสอนว่า ใครทำคนนั้นได้ ใครกินคนนั้นอิ่ม จากกรณีที่คุณ จขกท ยกมา ผมว่าไม่น่าใช่ เป็นเพียงเรื่องความเชื่อ เกี่ยวกับความศรัทธาในความเป็นพระมากกว่า หลายๆคนยกผู้ห่มเหลืองไว้สูงเหนือความเป็นคนไม่สามารถแตะต้องได้ จริงๆแล้วผมกลับมองว่า พระก็คือคนทั่วไป ที่อยากพ้นทุกข์ เลือกออกไปใช้ชีวิตสมถะ ปฏิบัติวิเวกเพื่อลดอัตตา มิใช่บวชแล้วเพิ่มอัตตาคิดว่าตนเองสูงกว่าพ่อแม่หรือคนอื่นๆ

 

สงสัยจะลืม อนุโมทนา แปลกดี คนทำคนนึง อีกคนไม่ได้ทำ แต่ได้รับกรรม ^^



เพศ ศีลไม่เสมอกัน คงพิจารณาด้วยตัวเองได้นะ

พระสงฆ์คือ เพศบรรพชิต ครับ สูงกว่า เพศคฤหัสถ์ คงไม่มีใครคิดว่า เสมอภาคกันหรอกนะ

.


.

 

...เป็นอันว่าไม่อ่านแล้วดีกว่า เพราะอาจมีส่วนเหลือมากขึ้นอีก !

...ข้าพเจ้าไม่คัดค้านการกล่าวธรรมตามธรรมะและวินัยที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ดีแล้ว ไม่ต้องตัดหรือเพิ่ม ..นี้เท่านั้นคือเจตนา -- ไม่ได้เป็นศัตรูกับบุคคล ไม่ว่าใครๆในที่นี้ที่กล่าวผิด เพราะไม่รู้จัก ..

 

ขอแหล่งข่าวด้วยเหมือนกัน เพราะพระพุทธเจ้าไม่กราบใครแล้ว

 

คารวสูตร

 

เวรัญชสูตร

 

... คนนอกศาสนา ..ย่อมไม่รู้จักว่าพระพุทธเจ้าคือใครและมีคุณเช่นไร ..เพราะไม่มีศรัทธาในพระองค์..นี้เป็นเรื่องปรกติโดยแท้...