พระยอดกตัญญูเลี้ยงแม่อัมพฤกษ์

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย no123, 4 กุมภาพันธ์ 2006.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,489
    ทึ่งพระยอดกตัญญู เลี้ยงพ่อแม่อัมพฤกษ์น้ำใจชาวพุทธหลั่งไหล

    คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

    ศิริเกษ หมายสุข ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ เรื่อง/ภาพ

    อิ่มบุญไปตามๆ กันกับธารน้ำใจที่หลั่งไหลช่วยเหลือพระอภิรักษ์ อภิญญาโณ อายุ 41 ปี พระลูกวัดบ้านสังกัน ต.สำโรงพลัน อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ พระกตัญญูที่เลี้ยงดูนางตู๊จ ศรีสัจจา อายุ 74 ปี โยมแม่ที่ล้มป่วยด้วยโรคอัมพฤกษ์มานานกว่า 9 ปี

    โดยพระอภิรักษ์ ต้องคอยเช็ดอุจจาระ ปัสสาวะของแม่ ที่ถ่ายเรี่ยราดไปทั่วบ้านอย่างไม่รังเกียจ ทุกวันจะต้องเดินไป-กลับจากวัดมาบ้าน เป็นระยะทางกว่า 5 ก.ม. เพื่อนำข้าวมาให้โยมแม่ คอยปรนนิบัติพัดวี เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้โดยไม่แคร์ถึงการกระทำผิดวินัยสงฆ์ ห้ามพระถูกเนื้อต้องตัวผู้หญิง

    เนื่องจากพระอภิรักษ์ระลึกอยู่เสมอว่า "แม่" คือพระอรหันต์ของลูก แม้จะตอบแทนอย่างไรก็ไม่สามารถทดแทนพระคุณแม่ได้

    ผลแห่งความกตัญญูรู้คุณจึงเป็นที่ยกย่องเชิดชูในหมู่ชาวบ้าน กลายเป็นพลังสนับสนุนในการทำความดีของพระสงฆ์รูปนี้อย่างกว้างขวาง

    ธารน้ำใจหลั่งไหลสู่ครอบครัวพระอภิรักษ์อย่างพรั่งพรู



    เรื่องราวของพระอภิรักษ์ได้นำเสนอผ่านทางหน้า 1 หนังสือพิมพ์ข่าวสด ฉบับวันที่ 4 ก.พ. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่วัดบ้านสังกัน ในตอนเช้าวันที่ 3 ก.พ. พบพระอภิรักษ์ อภิญญาโณ อายุ 41 ปี กำลังจัดเตรียมอาหารเอาไปให้โยมแม่ เดินเท้าเปล่าจากวัดไปถึงบ้าน

    พอไปถึงก็จัดแจงใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวโยมแม่ ก่อนจะป้อนข้าวป้อนน้ำให้ หลังจากนั้นจึงเข้าครัวไปทำกับข้าวมื้อต่อไป เสร็จแล้วจึงลงมือซักผ้าถุง ซักเสื้อผ้าให้แม่ นำออกตากแดด โดยไม่คำนึงว่าจะผิดหลักศาสนาแต่อย่างใด

    ภาพพระสงฆ์ปรนนิบัติรับใช้มารดา เป็นภาพสะกดอารมณ์ต่อผู้พบเห็นยิ่งนัก ทุกคนพากันชื่นชมในความกตัญญูรู้คุณของพระอภิรักษ์ ที่สะท้อนให้เห็นถึงความผูกพันระหว่างแม่กับลูกได้อย่างชัดเจน

    แม้จะอยู่ในสมณเพศก็ไม่ใช่อุปสรรคในการทดแทนคุณ!??

    พระอภิรักษ์เปิดใจว่า ปรนนิบัติกับโยมแม่แบบนี้มานานกว่า 3 ปีแล้ว เพราะเรามีกันแค่ 2 คนแม่ลูก ไม่มีใครอีกแล้ว อาตมาบวชเป็นสามเณรตั้งแต่อายุ 12 และบวชเป็นพระเมื่ออายุครบ ครองสมณเพศมานานกว่า 20 ปี กระทั่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสอยู่นานถึง 9 ปี แต่สุดท้ายก็ต้องสละตำแหน่งเจ้าอาวาสมาเป็นพระลูกวัดธรรมดา เพื่อจะได้มีเวลามาปรนนิบัติโยมแม่ที่หกล้มจนเป็นอัมพฤกษ์



    ส่วนเรื่องการถูกเนื้อต้องตัวโยมแม่นั้น พระอภิรักษ์ให้เหตุผลว่า รู้ว่าเป็นเรื่องผิดวินัยสงฆ์ แต่เมื่อมาวิเคราะห์ในเรื่องที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า "คนเราเกิดมาจะต้องรู้คุณคน และแม่คือพระอรหันต์ของลูก" จึงคิดว่าเป็นพุทธบุตร ได้ปฏิบัติต่อแม่ซึ่งเปรียบเสมือนพระอรหันต์

    พระอภิรักษ์อธิบายว่า ที่ไม่สึกไปดูแลโยมแม่ เพราะต้องการให้แม่เห็นชายผ้าเหลืองจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต แทนที่จะเป็นเพียงแค่บวชหน้าไฟที่คนตายก็คงไม่ได้เห็น ซึ่งเรื่องนี้อาตมาก็ได้ขออนุญาตพระผู้ใหญ่ฝ่ายปกครอง ก็เข้าใจและให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี เนื่องจากเราตั้งใจทำเพื่อโยมแม่ อีกทั้งเรื่องความยากจนทำให้ไม่มีเงินรักษาโยมแม่ เพราะอยู่วัดบ้านนอก มีเพียงท่านเจ้าอาวาสที่ให้ปัจจัยไปรักษาแม่

    "อาตมาเคยเครียดขนาดซื้อยาพิษมาจะกินให้ตายไปพร้อมกับโยมแม่ แต่กลัวว่าจะเป็นบาป จึงล้มเลิกความคิดนี้ เลยหันไปเอาที่ดินที่มีอยู่เพียงน้อยนิดในอ.ไพรบึง ไปจำนองไว้ได้เงินมา 3 หมื่นบาท เพื่อนำมารักษาโยมแม่ และได้รับความเมตตาจากเจ้าของบ้านที่ไม่ไล่โยมแม่ออกจากบ้าน เพราะไม่มีเงินจ่ายเขามานานกว่า 3 ปีแล้ว ถึงแม้อาการของโยมแม่จะยังไม่ดีขึ้น แต่ก็จะพยายามรักษากันต่อไป" พระอภิรักษ์กล่าว

    และย้ำว่า จะทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาโยมแม่ถึงที่สุด!?!



    หลังเรื่องราวความกตัญญูของพระอภิรักษ์ ถูกเผยแพร่เป็นข่าวออกไป มีหน่วยงานราชการ พ่อค้า ประชาชน ยื่นมือให้ความช่วยเหลือพระสงฆ์รูปนี้จำนวนมาก

    เริ่มจากในท้องถิ่น น.พ.ประวิ อ่ำพันธุ์ สสจ.ศรีสะเกษ น.พ.สุขเกษม เรืองนุช ผอ.ร.พ.ไพรบึง นางชนิศา จันทกรณ์ ปลัดอำเภอไพรบึง นายสุวัจชัย สังคพัฒน์ นายอำเภอไพรบึง และนายรัศมี พุฒิประภาส นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลไพรบึง เดินทางเข้าให้ความช่วยเหลือนางตู๊จถึงบ้าน

    โดยคณะแพทย์ได้นำอุปกรณ์อำนวยความสะดวก อาทิ รถเข็น กระโถนสำหรับอุจจาระ ปัสสาวะมอบให้นางตู๊จ พร้อมตรวจรักษาอาการป่วยของนางตู๊จ เจาะเลือดไปวินิจฉัยเพื่อนำไปสู่การรักษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ และนับจากนี้ต่อไป จะมีแพทย์พยาบาลเวียนมารักษาอาการป่วยนางตู๊จถึงบ้าน เพื่อช่วยลดภาระของพระอภิรักษ์อีกทางหนึ่ง

    ส่วนความช่วยเหลือทางด้านอื่น พระอภิรักษ์ได้รับการติดต่อจากคนไทยในต่างแดนที่แสดงความมีจิตเมตตาช่วยเหลืออีกหลายทาง โดยได้รับการติดต่อจากโยมซึ่งเป็นคนไทยในต่างแดน ทั้งจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส แคนาดา และสหรัฐอเมริกา ได้โทรศัพท์มาหาพระอภิรักษ์เพื่อให้กำลังใจและร่วมบริจาคเงินผ่านเข้ามาทางบัญชีธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาอำเภอกันทรารมย์ เลขที่บัญชี 487-0-30708-1 เพื่อช่วยไถ่ถอนที่ดินที่นำไปจำนองไว้กลับคืนมา โดยเจ้าของเงินกู้ก็ใจดี ยอมลดดอกเบี้ยตลอด 3 ปี ที่เป็นเงินสูงเท่าตัวให้พระอภิรักษ์เหลือเพียงแค่ 4 หมื่นบาท

    ปัจจุบันนี้มียอดเงินในบัญชีพระอภิรักษ์ ที่ได้จากการบริจาคกว่า 1 แสนบาท หักส่วนไถ่ถอนที่ดินแล้วเหลือประมาณ 8 หมื่นบาท

    พระอภิรักษ์ยืนยันว่าเงินทุกบาทจะถูกนำไปใช้รักษาโยมแม่ตามความประสงค์ของผู้บริจาค!??



    นอกเหนือจากกรณีของพระอภิรักษ์แล้ว "ข่าวสด" ยังนำเสนอเรื่องราวพระกตัญญูอีกราย คือ พระบุญเรือง อตตสิโน อายุ 29 ปี พระลูกวัดบ้านงิ้ว ต.งิ้ว อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ที่ดูแลนายหล่อ ศูนย์ตะขบ อายุ 59 ปี บิดาที่ป่วยเป็นโรคอัมพฤกษ์มานานกว่า 3 ปีเช่นกัน

    โดยพระบุญเรือง ต้องป้อนข้าวป้อนน้ำ เช็ดอุจจาระ ปัสสาวะ ดูแลความเป็นอยู่ทุกอย่างภายในบ้าน เนื่องจากมีฐานะยากจนจึงไม่มีใครสนใจ ในแต่ละวันพระบุญเรืองต้องเดินเท้าจากวัดมาป้อนข้าวโยมพ่อ เป็นระยะทาง 6-7 ก.ม. ป้อนข้าวเสร็จก็ต้องใช้เสียมตักอุจจาระใต้ถุนบ้านไปทิ้งเพื่อไม่ให้สกปรก

    ชาวบ้านย่านใกล้เคียงทำได้เพียงช่วยบริจาคข้าวสารอาหารแห้งให้กับพระบุญเรือง นำไปหุงหาให้โยมพ่อกินประทังหิว

    เมื่อมีกรณีของพระอภิรักษ์ ชาวบ้านจึงอยากให้สังคมช่วยเหลือครอบครัวพระบุญเรืองบ้าง เพราะได้ชื่อว่าเป็นพระกตัญญูที่น่ายกย่องเช่นกัน ผู้ใจบุญสอบถามรายละเอียดได้ที่ 0-7243-9725

    คนไทยไม่แล้งน้ำใจอยู่แล้ว



    ที่มา : matichon.co.th
     
  2. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,173
    ทึ่งพระยอดกตัญญู เลี้ยงพ่อแม่อัมพฤกษ์น้ำใจชาวพุทธหลั่งไหล

    คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

    ศิริเกษ หมายสุข ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ เรื่อง/ภาพ

    อิ่มบุญไปตามๆ กันกับธารน้ำใจที่หลั่งไหลช่วยเหลือพระอภิรักษ์ อภิญญาโณ อายุ 41 ปี พระลูกวัดบ้านสังกัน ต.สำโรงพลัน อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ พระกตัญญูที่เลี้ยงดูนางตู๊จ ศรีสัจจา อายุ 74 ปี โยมแม่ที่ล้มป่วยด้วยโรคอัมพฤกษ์มานานกว่า 9 ปี

    โดยพระอภิรักษ์ ต้องคอยเช็ดอุจจาระ ปัสสาวะของแม่ ที่ถ่ายเรี่ยราดไปทั่วบ้านอย่างไม่รังเกียจ ทุกวันจะต้องเดินไป-กลับจากวัดมาบ้าน เป็นระยะทางกว่า 5 ก.ม. เพื่อนำข้าวมาให้โยมแม่ คอยปรนนิบัติพัดวี เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้โดยไม่แคร์ถึงการกระทำผิดวินัยสงฆ์ ห้ามพระถูกเนื้อต้องตัวผู้หญิง

    เนื่องจากพระอภิรักษ์ระลึกอยู่เสมอว่า "แม่" คือพระอรหันต์ของลูก แม้จะตอบแทนอย่างไรก็ไม่สามารถทดแทนพระคุณแม่ได้

    ผลแห่งความกตัญญูรู้คุณจึงเป็นที่ยกย่องเชิดชูในหมู่ชาวบ้าน กลายเป็นพลังสนับสนุนในการทำความดีของพระสงฆ์รูปนี้อย่างกว้างขวาง

    ธารน้ำใจหลั่งไหลสู่ครอบครัวพระอภิรักษ์อย่างพรั่งพรู



    เรื่องราวของพระอภิรักษ์ได้นำเสนอผ่านทางหน้า 1 หนังสือพิมพ์ข่าวสด ฉบับวันที่ 4 ก.พ. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่วัดบ้านสังกัน ในตอนเช้าวันที่ 3 ก.พ. พบพระอภิรักษ์ อภิญญาโณ อายุ 41 ปี กำลังจัดเตรียมอาหารเอาไปให้โยมแม่ เดินเท้าเปล่าจากวัดไปถึงบ้าน

    พอไปถึงก็จัดแจงใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวโยมแม่ ก่อนจะป้อนข้าวป้อนน้ำให้ หลังจากนั้นจึงเข้าครัวไปทำกับข้าวมื้อต่อไป เสร็จแล้วจึงลงมือซักผ้าถุง ซักเสื้อผ้าให้แม่ นำออกตากแดด โดยไม่คำนึงว่าจะผิดหลักศาสนาแต่อย่างใด

    ภาพพระสงฆ์ปรนนิบัติรับใช้มารดา เป็นภาพสะกดอารมณ์ต่อผู้พบเห็นยิ่งนัก ทุกคนพากันชื่นชมในความกตัญญูรู้คุณของพระอภิรักษ์ ที่สะท้อนให้เห็นถึงความผูกพันระหว่างแม่กับลูกได้อย่างชัดเจน

    แม้จะอยู่ในสมณเพศก็ไม่ใช่อุปสรรคในการทดแทนคุณ!??

    พระอภิรักษ์เปิดใจว่า ปรนนิบัติกับโยมแม่แบบนี้มานานกว่า 3 ปีแล้ว เพราะเรามีกันแค่ 2 คนแม่ลูก ไม่มีใครอีกแล้ว อาตมาบวชเป็นสามเณรตั้งแต่อายุ 12 และบวชเป็นพระเมื่ออายุครบ ครองสมณเพศมานานกว่า 20 ปี กระทั่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสอยู่นานถึง 9 ปี แต่สุดท้ายก็ต้องสละตำแหน่งเจ้าอาวาสมาเป็นพระลูกวัดธรรมดา เพื่อจะได้มีเวลามาปรนนิบัติโยมแม่ที่หกล้มจนเป็นอัมพฤกษ์



    ส่วนเรื่องการถูกเนื้อต้องตัวโยมแม่นั้น พระอภิรักษ์ให้เหตุผลว่า รู้ว่าเป็นเรื่องผิดวินัยสงฆ์ แต่เมื่อมาวิเคราะห์ในเรื่องที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า "คนเราเกิดมาจะต้องรู้คุณคน และแม่คือพระอรหันต์ของลูก" จึงคิดว่าเป็นพุทธบุตร ได้ปฏิบัติต่อแม่ซึ่งเปรียบเสมือนพระอรหันต์

    พระอภิรักษ์อธิบายว่า ที่ไม่สึกไปดูแลโยมแม่ เพราะต้องการให้แม่เห็นชายผ้าเหลืองจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต แทนที่จะเป็นเพียงแค่บวชหน้าไฟที่คนตายก็คงไม่ได้เห็น ซึ่งเรื่องนี้อาตมาก็ได้ขออนุญาตพระผู้ใหญ่ฝ่ายปกครอง ก็เข้าใจและให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี เนื่องจากเราตั้งใจทำเพื่อโยมแม่ อีกทั้งเรื่องความยากจนทำให้ไม่มีเงินรักษาโยมแม่ เพราะอยู่วัดบ้านนอก มีเพียงท่านเจ้าอาวาสที่ให้ปัจจัยไปรักษาแม่

    "อาตมาเคยเครียดขนาดซื้อยาพิษมาจะกินให้ตายไปพร้อมกับโยมแม่ แต่กลัวว่าจะเป็นบาป จึงล้มเลิกความคิดนี้ เลยหันไปเอาที่ดินที่มีอยู่เพียงน้อยนิดในอ.ไพรบึง ไปจำนองไว้ได้เงินมา 3 หมื่นบาท เพื่อนำมารักษาโยมแม่ และได้รับความเมตตาจากเจ้าของบ้านที่ไม่ไล่โยมแม่ออกจากบ้าน เพราะไม่มีเงินจ่ายเขามานานกว่า 3 ปีแล้ว ถึงแม้อาการของโยมแม่จะยังไม่ดีขึ้น แต่ก็จะพยายามรักษากันต่อไป" พระอภิรักษ์กล่าว

    และย้ำว่า จะทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาโยมแม่ถึงที่สุด!?!



    หลังเรื่องราวความกตัญญูของพระอภิรักษ์ ถูกเผยแพร่เป็นข่าวออกไป มีหน่วยงานราชการ พ่อค้า ประชาชน ยื่นมือให้ความช่วยเหลือพระสงฆ์รูปนี้จำนวนมาก

    เริ่มจากในท้องถิ่น น.พ.ประวิ อ่ำพันธุ์ สสจ.ศรีสะเกษ น.พ.สุขเกษม เรืองนุช ผอ.ร.พ.ไพรบึง นางชนิศา จันทกรณ์ ปลัดอำเภอไพรบึง นายสุวัจชัย สังคพัฒน์ นายอำเภอไพรบึง และนายรัศมี พุฒิประภาส นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลไพรบึง เดินทางเข้าให้ความช่วยเหลือนางตู๊จถึงบ้าน

    โดยคณะแพทย์ได้นำอุปกรณ์อำนวยความสะดวก อาทิ รถเข็น กระโถนสำหรับอุจจาระ ปัสสาวะมอบให้นางตู๊จ พร้อมตรวจรักษาอาการป่วยของนางตู๊จ เจาะเลือดไปวินิจฉัยเพื่อนำไปสู่การรักษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ และนับจากนี้ต่อไป จะมีแพทย์พยาบาลเวียนมารักษาอาการป่วยนางตู๊จถึงบ้าน เพื่อช่วยลดภาระของพระอภิรักษ์อีกทางหนึ่ง

    ส่วนความช่วยเหลือทางด้านอื่น พระอภิรักษ์ได้รับการติดต่อจากคนไทยในต่างแดนที่แสดงความมีจิตเมตตาช่วยเหลืออีกหลายทาง โดยได้รับการติดต่อจากโยมซึ่งเป็นคนไทยในต่างแดน ทั้งจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส แคนาดา และสหรัฐอเมริกา ได้โทรศัพท์มาหาพระอภิรักษ์เพื่อให้กำลังใจและร่วมบริจาคเงินผ่านเข้ามาทางบัญชีธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาอำเภอกันทรารมย์ เลขที่บัญชี 487-0-30708-1 เพื่อช่วยไถ่ถอนที่ดินที่นำไปจำนองไว้กลับคืนมา โดยเจ้าของเงินกู้ก็ใจดี ยอมลดดอกเบี้ยตลอด 3 ปี ที่เป็นเงินสูงเท่าตัวให้พระอภิรักษ์เหลือเพียงแค่ 4 หมื่นบาท

    ปัจจุบันนี้มียอดเงินในบัญชีพระอภิรักษ์ ที่ได้จากการบริจาคกว่า 1 แสนบาท หักส่วนไถ่ถอนที่ดินแล้วเหลือประมาณ 8 หมื่นบาท

    พระอภิรักษ์ยืนยันว่าเงินทุกบาทจะถูกนำไปใช้รักษาโยมแม่ตามความประสงค์ของผู้บริจาค!??



    นอกเหนือจากกรณีของพระอภิรักษ์แล้ว "ข่าวสด" ยังนำเสนอเรื่องราวพระกตัญญูอีกราย คือ พระบุญเรือง อตตสิโน อายุ 29 ปี พระลูกวัดบ้านงิ้ว ต.งิ้ว อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ที่ดูแลนายหล่อ ศูนย์ตะขบ อายุ 59 ปี บิดาที่ป่วยเป็นโรคอัมพฤกษ์มานานกว่า 3 ปีเช่นกัน

    โดยพระบุญเรือง ต้องป้อนข้าวป้อนน้ำ เช็ดอุจจาระ ปัสสาวะ ดูแลความเป็นอยู่ทุกอย่างภายในบ้าน เนื่องจากมีฐานะยากจนจึงไม่มีใครสนใจ ในแต่ละวันพระบุญเรืองต้องเดินเท้าจากวัดมาป้อนข้าวโยมพ่อ เป็นระยะทาง 6-7 ก.ม. ป้อนข้าวเสร็จก็ต้องใช้เสียมตักอุจจาระใต้ถุนบ้านไปทิ้งเพื่อไม่ให้สกปรก

    ชาวบ้านย่านใกล้เคียงทำได้เพียงช่วยบริจาคข้าวสารอาหารแห้งให้กับพระบุญเรือง นำไปหุงหาให้โยมพ่อกินประทังหิว

    เมื่อมีกรณีของพระอภิรักษ์ ชาวบ้านจึงอยากให้สังคมช่วยเหลือครอบครัวพระบุญเรืองบ้าง เพราะได้ชื่อว่าเป็นพระกตัญญูที่น่ายกย่องเช่นกัน ผู้ใจบุญสอบถามรายละเอียดได้ที่ 0-7243-9725

    คนไทยไม่แล้งน้ำใจอยู่แล้ว
     
  3. นายศุขเล็ก

    นายศุขเล็ก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2006
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +101
    พ่อและแม่ไม่เคยปฏิเสธเรา...
    ฉะนั้นเราก้ออย่าได้ปฏิเสธท่านนะครับ...
    .
    .
    ขอร่วมสรรเสริญในคุณความดีของท่านด้วย
    สาธุ สาธุ สาธุ...
     
  4. anko

    anko เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    972
    ค่าพลัง:
    +8,252
    ใช่ๆ พระองค์นี้แหละค่ะที่ดูข่าวไป อนุโมทนากับความกตัญญูของท่านด้วยค่ะ
    และก็อนุโมทนากับทุกคนที่ร่วมกันช่วยเหลือและบริจาคกับพระอภิรักษ์ด้วยนะคะ
     
  5. PalmPlamnaraks

    PalmPlamnaraks เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2005
    โพสต์:
    764
    ค่าพลัง:
    +5,790
    เพราะความไม่รู้ของคนบางคนที่ติเตียนผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มาติว่าพระมาดูแลแม่แบบนี้ไม่ได้นะผิดวินัย แต่ที่จริงตัวเองไม่รู้เสียมากกว่า พระพุทธเจ้าพระองค์ทรงอนุญาตและทรงยกย่องด้วยซ้ำการมีความกตัญญูต่อบุพการี

    และแถมๆๆๆๆมีบางคนเชื่อผิดๆว่า เด็กชายชาวเนปาลอายุ16ปีที่ไปนั่งสมาธิเพื่อสันติใต้ต้นไม้หนะเป็นพระพุทธเจ้ากลับชาติมาเกิด เฮ้อๆๆๆ คิดไปได้งัย พระพุทธองค์ทรงปรินิพพานไปแล้ว................

    นี่แหละคือช่องโหว่ของความไม่รู้ แม้แต่ชาวพุทธเอง เมื่อศึกษาพระพุทธศาสนาอย่างไม่รู้ไม่ใส่ใจ ไม่จริงจัง ไม่ถ่องแท้ ก็เลยผิดผลาดไปใหญ่ .....
     
  6. thank you

    thank you เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    227
    ค่าพลัง:
    +1,747
    การที่พระช่วยมารดาที่เป็นหญิงถือเป็นพระอรหันต์ของบุตรนั้นไม่ผิดคะแต่ถ้าทอดทั้งนี้ซิบาปหนักมากๆ ที่อำเภอบ้านดิฉันท่านเป็นถึงเจ้าอาวาดแม่มีลูกหลายคนแต่ไม่มีใครเอาท่านเป็นพระจึงเอาแม่มาอยู่ในวัดเลยละคอยดูเเลอาหารซักผ้า(แม่ท่านเดินไม่ได้แล้ว)จนแม่ท่านเสียจัดงานให้อย่างดี(ดิฉันกับคุณแม่ก็ไปงานศพด้วย)ชาวบ้านสรรเสริญยกย่องท่านนัก ที่บ้านดิฉันด้วยดีจริงๆ ฝากไว้นิดคะช่วยไปที่หัวข้อมาช่วยสงฆ์อาพาธกันเถอะค่ะ คลิกเข้าไปหน่อยนะค่ะ วันที่4มีนาคม นี้จะหมดเขตแล้ว ช่วยๆหน่อยนะค่ะ
    ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับผู้เข้าชมคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...