พระยอดธงหลวงพ่อหวล วัดพุทธไทสวรรค์ จ.อยุธยา หลวงพ่อปลุกเสกเดี่ยว ปี พ.ศ.2557 บูชาองค์ละ 99 บาท

<a href="http://www.mx7.com/view2/z5wcN7yn05iYscL0" target="_blank"><img border="0" src="http://www.mx7.com/i/589/m9yABe.jpg" /></a>

เนื้อเงิน

 

<a href="http://www.mx7.com/view2/z5wcMLzGIvY4h7Xm" target="_blank"><img border="0" src="http://www.mx7.com/i/a05/5nfbsE.jpg" /></a>

เนื้อชนวนผงตะไบพระพุทธโคดม

 

<a href="http://www.mx7.com/view2/z5wcN7yn06wkFE0k" target="_blank"><img border="0" src="http://www.mx7.com/i/d05/7BrGg4.jpg" /></a>

เนื้อชนวนตะกรุดเก้าปล้อง

 

‪#‎ออกให้บูชา‬ 10 พ.ค.เป็นต้นไป

หลวงปู่ปลุกเสกเสือรัตนมาลาแล้ว
เสือรุ่นนี้มีด้วยกัน3เนื้อ
1.เนื้อชนวนตะกรุดเก้าปล้อง สร้าง 500 ตัว ตัวละ 499 บาท
2.เนื้อชนวนผงตะไบพระพุทธโคดม สร้าง 1000 ตัว ตัวละ 399
3.ชุดกรรมการ ประกอบด้วเนื้อเงิน,ชนวนตะกรุดเก้าปล้องและชนวนผงตะไบฯ รวม3เนื้อ สร้าง 115 ชุด ชุดละ 1999 บาท

ทุกรายการมีโค๊ดและหมายเลขกำกับ

ต้องการบูชาแบบไหน จะลงจองไว้ก่อนก็ได้คะ

 

มาอ่านประวัติหลวงปู่แก่นกันบ้างนะคะ

ประวัติหลวงปู่แก่น วัดเขื่อนท่าทุ่งนาประชาสรรค์
ตอนที่ ๑
เพื่อนที่เป็นนายทหารอยู่จังหวัดกาญจนบุรีเคยเล่าให้ฟังว่าก่อนที่เขาจะถูกส่งไปปฏิบัติงานในสามจังหวัดชายแดนใต้ ได้ไปกราบหลวงปู่รูปหนึ่งที่วัดบริเวณเชิงเขาบ้านโป่งปัด ต. ช่องสะเดา อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เพื่อนเล่าว่าได้นำท่อนหวายไปให้หลวงปู่ท่านลงเป็นตะกรุดเพื่อนำติดตัวไปคุ้มครองระหว่างปฏิบัติงานที่ใต้ด้วย เพราะมีน้องๆมาเล่าว่าหลวงปู่รูปนี้ท่านมีอภิญญาสูง เคยมีคนไปกราบแล้วจับคำพูดและอากัปกิริยาท่านมาแทงหวย ปรากฏว่าถูกหวยกันไปหลายแสน ลูกศิษย์ที่มาบวชกับท่านมีธุรกิจอยู่ในประเทศลาวและมีภรรยาเป็นชาวลาว เคยถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ จนเกิดการต่อสู้กัน โดนทั้งระเบิดและอาวุธปืน แต่ไม่ระคายผิวก็เพราะมีวัตถุมงคลของท่านติดตัว เพื่อนฟังแล้วก็เลยเกิดศรัทธาจึงนำหวายไปให้ท่านลงอักขระเลขยันต์เสกเป่า ซึ่งก็เห็นผลเป็นไปตามคำร่ำลือจริงๆ เพราะตะกรุดหวายของท่านทำให้แคล้วคลาดปลอดภัยกลับมา ทั้งๆที่ถูกลอบยิงอยู่หลายครั้ง

 

3.ชุดกรรมการ ประกอบด้วเนื้อเงิน,ชนวนตะกรุดเก้าปล้องและชนวนผงตะไบฯ รว ม3เนื้อ สร้าง 115 ชุด ชุดละ 1999 บาท ขอจอง๑ชุดครับ....

 

ผู้เขียนได้ฟังเรื่องราวที่เพื่อนเล่าแล้ว ก็เลยสอบถามเส้นทางการเดินทางไปกราบนมัสการท่านกับเพื่อน เมื่อรู้เส้นทางแล้วก็หาโอกาสไปกราบท่านทันที พอไปถึงก็พบว่าวัดของท่านอยู่บนเขาลูกเตี้ยๆ มีแต่ต้นไม้ใหญ่ เงียบสงบเหมาะกับการปฏิบัติเป็นอย่างมาก ขณะที่เดินเข้าไปในศาลาหน้ากุฏิของหลวงปู่ พบว่าท่านออกมานั่งรอผู้เขียนอยู่ก่อนแล้ว ทันทีที่หลวงปู่เห็นหน้าผู้เขียน ท่านก็เอ่ยทักทายขึ้นมาก่อนว่า “ มาแล้วเรอะ นั่งรออยู่พอดี นี่ถ้าไม่แวะปั๊มนะ(ปั๊มน้ำมัน) ป่านนี้ก็ถึงวัดตั้งนานแล้ว ” วลีทักทายของท่านนี้ทำเอาผู้เขียนถึงกับสะดุ้ง เพราะแปลกใจว่าทำไมหลวงปู่จึงรู้ว่าผู้เขียนจะมากราบท่าน ทั้งๆที่ผู้เขียนยังไม่เคยรู้จักและได้ติดต่อนัดหมายท่านมาก่อน แถมยังรู้ด้วยว่าผู้เขียนแวะเข้าห้องน้ำทำธุระหนักที่ปั๊ม ปตท.ในเมืองกาญจนบุรีอยู่นาน หลังจากท่านกล่าววลีทักทายแล้ว ผู้เขียนก็ก้มลงกราบท่านก่อน พอก้มกราบเสร็จจนเงยหน้าขึ้นมาเพื่อจะเริ่มสนทนากับท่านเท่านั้นเอง ผู้เขียนก็ต้องสะดุ้งเป็นครั้งที่สองเมื่อสายตาของผู้เขียนปะทะกับแววตาของหลวงปู่เข้าให้อย่างจัง ผู้เขียนว่าไม่เฉพาะแต่ผู้เขียนหรอกครับที่สะดุ้ง เป็นใคร ใครก็ต้องสะดุ้งทั้งนั้นแหละครับ ในเมื่อแววตากล้าแข็งของหลวงปู่ส่องเป็นประกายวูบวาบออกมาราวกับในหนังอภินิหารอย่างไรอย่างนั้น แถมความนิ่งและดุดันกล้าแข็งของแววตาในการจ้องมองของท่านราวกับในตาของพยัคฆ์ผู้ทรงอำนาจแห่งป่า แววตาแบบนี้เองที่หลวงปู่ครูบาพรหม วัดพระพุทธบาทตากผ้า ท่านเคยสอนพวกเราว่า เป็นแววตาของผู้ผ่านกรรมฐานมาอย่างเอกอุ ทรงอภิญญาสูงในทุกๆด้าน ตายแล้วไม่เน่าอย่างแน่นอน

 

ยืนยันการจองคะ

 

เมื่อคลายจากอาการสะดุ้งแล้ว ผู้เขียนก็คิดจะเอ่ยปากถามชื่อของท่าน แต่ดูเหมือนหลวงปู่ท่านล่วงรู้ความคิดในสมองของเรา ท่านจึงตอบออกมาลอยๆว่า หลวงพ่อฤๅษีลิงดำท่านเรียกเราว่า “ แก่น ” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาใครๆก็เลยเรียกเราว่า “ แก่น ” ตลอดมาถึงปัจจุบัน เป็นอันว่าถึงตอนนี้ผู้เขียนรู้แล้วครับว่าหลวงปู่รูปนี้ท่านชื่อ หลวงปู่แก่น วัดเขื่อนท่าทุ่งนาประชาสรรค์ จากนั้นผู้เขียนจึงสอบถามประวัติของท่านโดยละเอียดจึงทราบว่า ท่านเป็นหลานเหลนเจ้าเมืองมอญท่ากระดาน ปัจจุบันหลวงปู่มีอายุ ๘๘ ปี ๖๘ พรรษา ท่านเป็นพระอภิญญาผู้ศึกษากรรมฐานและสืบทอดพุทธาคมมาจากพระเกจิอาจารย์สายดังแทบทั้งสิ้น โดยท่านสืบสายหลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก จังหวัดนครปฐม มาจากหลวงพ่อเกลี้ยง วัดเฉลิมอาสน์ (ศิษย์ผู้เปรียบเสมือนหลานของหลวงพ่อทา) สืบสายหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จังหวัดอยุธยา มาจากหลวงพ่อปานโดยตรง (เรื่องนี้ค่อนข้างอัศจรรย์ ขอเล่ารายละเอียดในตอนหลัง) และหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง สืบสายเจ้าคุณปู่อินทร์ วัดยาง จังหวัดเพชรบุรี มาจากเจ้าคุณปู่อินทร์ สืบสายวิชามอญ มาจากหลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม จังหวัดกาญจนบุรีและ หลวงพ่อเช็ง วัดคงคา จังหวัดราชบุรี (ศิษย์หลวงปู่กลิ่น ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์หลวงพ่อสง่า วัดบ้านหม้อ และ หลวงพ่อกุหลาบ วัดไทรอารีรักษ์)

 

พอทราบสายวิชาและครูบาอาจารย์ของหลวงปู่แล้ว ท่านผู้อ่านคิดเหมือนผู้เขียนหรือไม่ว่า หลวงปู่น่าจะโด่งดังออกมาตั้งนานแล้ว เพราะปัจจุบันมีพระหนุ่มๆซึ่งเป็นลูกศิษย์ (ยุคท้ายๆ)ของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำมาสร้างวัดอยู่ใกล้ๆกับวัดของหลวงปู่ ยังโด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั่ว แต่ทำไมลูกศิษย์หลวงพ่อปานและหลวงพ่อฤๅษีลิงดำยุคเก่าๆอย่างหลวงปู่กลับไม่มีใครทราบประวัติความเป็นมา ผู้เขียนจึงขออนุญาตเรียนถามท่านในประเด็นนี้ ท่านตอบว่า “ เราแก่แล้ว คงทำประโยชน์ให้พระศาสนาได้อีกไม่นาน ขืนเราไม่ปิดตัวเอง คนเขาก็ต้องมาหาแต่เรา พระรุ่นหนุ่มก็ไม่มีใครไปหาสิ การสร้างวัดสมัยนี้ยากนะ เราต้องสนับสนุนเขาให้ดังดีกว่า เพราะเขายังหนุ่ม จะอยู่ทำประโยชน์ให้พระศาสนาได้นานกว่าเราหลายสิบปี ส่วนเราก็นำเวลามาปฏิบัติภาวนาให้มากกว่าเดิม แต่ตอนนี้เห็นจะปิดตัวต่อไม่ได้อีก เพราะข้างบนเขาส่งเธอมาแล้ว เราถึงต้องมานั่งรอเธออยู่นี่ไงหละ ลิเกดี...ถ้าปี่กลองไม่เชิด จะลุกขึ้นมารำเองได้อย่างไร? ” พอสิ้นเสียงตอบคำถามของหลวงปู่แล้ว ผู้เขียนจึงได้เข้าใจในทันทีว่า ที่ผู้เขียนแปลกใจแต่แรกว่าหลวงปู่รู้ได้อย่างไรว่าผู้เขียนจะมา จึงมานั่งรอ ที่แท้ก็เป็นเพราะท่านมีอภิญญาสื่อสารกับเบื้องบนได้แบบนี้นี่เอง

 

ตอนที่ ๒
ประวัติหลวงปู่แก่น
หลวงปู่แก่น เกิดที่ตำบลคลองตาคต อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี เมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๐ ปีขาล ท่านมีนามเดิมว่าพล สกุลจีน เป็นบุตรของนายเผ้า และนางต่วน สกุลจีน มีโยมย่าเป็นลูกหลานเจ้าเมืองท่ากระดาน ส่วนโยมปู่เป็นคนจีน ครอบครัวมีอาชีพทำนา เมื่อเติบโตขึ้นได้ทำการอุปสมบท ณ อุโบสถวัดคงคาราม ในปีพ.ศ.๒๔๙๐ โดยมีพระโพธารามคณารักษ์ (หลวงปู่เกลี้ยง โสภิโต) วัดเฉลิมอาสน์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์เช็ง วัดคงคาราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์แป๊ะ วัดคงคาราม เป็นพระอนุสาวนาจารย์

 

เริ่มอ่านเรื่องราวของหลวงปู่แก่นที่ดาวลงไว้ได้ตั้งแต่หน้า 16 นะคะ
หลายๆท่านเพิ่งเข้ามาอ่าน

 

การศึกษาทางปริยัติธรรมและพุทธาคม
หลวงพ่อเกลี้ยง วัดเฉลิมอาสน์
เมื่อบวชแล้วได้เรียนปฏิบัติกับหลวงพ่อเกลี้ยงและหลวงพ่อเช็ง พร้อมทั้งเรียนนักธรรมที่สำนักวัดโพธารามจนสอบได้นักธรรมโท ใช้เวลาทั้งหมด ๒ พรรษา (หลวงพ่อเกลี้ยง วัดเฉลิมอาสน์นั้นเป็นศิษย์หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก ส่วนหลวงพ่อเช้งเป็นศิษย์ของหลวงปู่กลิ่น วัดคงคา และเป็นพระอนุสาวนาจาจารย์ของหลวงพ่อสง่า วัดบ้านหม้อ หลวงพ่อกุหลาบ วัดไทรอารีรักษ์ ด้วย)

 

เจ้าคุณปู่อินทร์ วัดยาง
ระหว่างที่สอบนักธรรมโทเสร็จแล้วนั้นมีพระธุดงค์จากวัดโคกและวัดยาง จังหวัดเพชรบุรีผ่านมาขอพักที่วัดคงคาราม และได้ชวนหลวงปู่ให้ไปเรียนปริยัติธรรม(เรียนบาลี) ที่วัดยาง หลวงปู่ฟังแล้วสนใจที่จะเรียน จึงจึงตัดสินใจย้ายไปอยู่วัดยาง จังหวัดเพชรบุรี โดยฝากตัวเป็นอันเตวาสิกของเจ้าคุณปู่อินทร์ (พระเทพวงศาจารย์) เจ้าคุณปู่อินทร์นี้ท่านเป็นศิษย์พุทธาคมของหลวงพ่อฉุย วัดคงคาราม หลวงพ่อกุน วัดพระนอน หลวงปู่แก่นใช้เวลาศึกษาหาความรู้ต่างๆในวัดยางเป็นเวลา ๒พรรษา

 

หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง
เมื่อใกล้เข้าพรรษา ๓ หลวงพ่อเช้ง วัดคงคารามผู้เป็นพระอาจารย์ก็ได้นำท่านไปเรียนปริยัติธรรมที่สำนักเรียนวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร จังหวัดกรุงเทพมหานคร ตัวท่านได้พำนักอยู่ที่วัดอรุณอัมรินทร์ อำเภอบางกอกน้อย จังหวัดธนบุรี (ในสมัยนั้น) แต่ท่านมีเพื่อนร่วมชั้นเรียนชื่อพระพัว พำนักอยู่วัดดาวดึงษาราม อำเภอบางพลัด จังหวัดธนบุรี และพระพัวเพื่อนของท่านรูปนี้ได้พาท่านไปรู้จักกับหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ซึ่งในขณะนั้นได้มาพำนักรักษาอาการวัณโรคอยู่ที่วัดดังกล่าว เนื่องจากพระครูพิศาลวุฒิธรรม (พระมหาเวก อักกวังโส) พระน้องชายของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำก็จำพรรษาอยู่ที่นี่ อีกทั้งวัดอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลทหารเรือมากนัก ในช่วงเวลานี้เองที่ทำให้หลวงปู่แก่นได้เรียนกรรมฐานกับหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ เรียกว่าในตอนนั้นหลวงปู่ได้เรียนทั้งปริยัติและปฏิบัติควบคู่กันไปเลยทีเดียว

 

หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค
พ.ศ.๒๕๐๐ หลังจากที่หลวงปู่สอบเปรียญธรรมประโยค ๓ เสร็จแล้ว พระพัวได้ชวนท่านไปนมัสการหลวงพ่อปาน ที่วัดบางนมโค จังหวัดอยุธยา ซึ่งขณะนั้นเรื่องราวของหลวงพ่อปานก็ยังไม่โด่งดังจนเป็นที่รู้จักกันไปทั่วเช่นในปัจจุบัน หลวงปู่ก็ไม่ได้ทราบเรื่องราวของหลวงพ่อปานเลย แต่เนื่องจากพระพัวสหธรรมิกชวนไปก็ไปกัน เมื่อทั้งสองเดินทางไปถึงวัดบางนมโคในเย็นวันหนึ่ง พระพัวก็พาหลวงปู่ขึ้นไปกราบนมัสการหลวงพ่อปานบนกุฏิของท่าน และทั้งหมดก็ได้สนทนากันโดยหลวงพ่อปานได้ถามที่ไปที่มาและสารทุกข์สุกดิบกับหลวงปู่แก่น และก็คุยกันไปในทุกๆเรื่องจนหลวงพ่อปานท่านรู้ว่าหลวงปู่ได้ศึกษากรรมฐานและวิชาต่างๆกับหลวงพ่อฤๅษีลิงดำมาบ้างแล้ว ท่านจึงบอกเล่ารายละเอียด ชี้แนะกลเม็ดเคล็ดลับของวิชาต่างๆให้กับหลวงปู่ เมื่อท่านบอกจนเสร็จหมดแล้ว ก็เรียกให้หลวงปู่เอาหัวเข้าไปใกล้ๆจากนั้นท่านก็ประสิทธิวิชาเป่าลงกระหม่อมให้มา ตอนที่หลวงพ่อปานเป่าประสิทธิวิชานี้ปรากฏว่าหลวงปู่ท่านเย็นวาบไปทั่วร่างกาย หลังจากนั้นไม่นาน หลวงปู่กับพระพัวต่างก็แยกย้ายกันไปตามวิถีของตน และไม่สามารถตามหากันได้อีกเลย จนกระทั่งในวันหนึ่งหลวงปู่แก่นได้มีโอกาสอ่านประวัติของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค แล้วท่านก็ต้องแปลกใจ เพราะหลวงพ่อปานท่านมรณภาพไปตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๘๑ ในขณะที่หลวงปู่แก่นท่านมีอายุเพียง ๑๑ ปีเท่านั้น แต่เหตุไฉนพระพัวจึงพาท่านไปพบกับหลวงพ่อปานได้? กระทั่งการปฏิบัติของหลวงปู่แก่นท่านก้าวหน้าไปมากแล้ว ท่านจึงเข้าใจเรื่องราวอภินิหารครั้งนั้นได้

 

หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังวิเวการาม
หลวงปู่แก่นเรียนพระปริยัติธรรมจนสอบได้เปรียญธรรม ๔ ประโยคแล้ว แต่ยังไม่ทันจะได้สอบประโยค ๕ ท่านก็ถูกส่งไปช่วยพระธรรมปิฎก (สนิธ เขม-จารี) เจ้าอาวาสวัดเพชรสมุทรวรวิหาร จังหวัดสมุทรสงคราม (ต่อมาได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระธีรญาณมุนี วัดปทุมคงคา)สอนนักธรรมตรีให้พระนวกะ ๑ พรรษา ระหว่างที่หลวงปู่แก่นสอนนักธรรมให้พระนวกะนั้น ทำให้ท่านมีเวลาปฏิบัติภาวนามากขึ้นจนรู้สึกอยากละทุกอย่างไปหาสถานที่สัปปายะเหมาะในการปฏิบัติกรรมฐาน เมื่อออกพรรษาแล้วก็มีโยมที่รู้จักมาชวนท่านลงไปดูสถานที่ปฏิบัติธรรมที่เขาเลี้ยว อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร แต่หลวงปู่ดูแล้วเห็นว่ายังไม่เหมาะ จากนั้นโยมน้าของท่านก็ขอให้ท่านมาปฏิบัติธรรม ณ สำนักสงฆ์ข้างๆคอกปศุสัตว์เขาใหญ่เมืองกาญจนบุรีที่โยมน้าทำงานอยู่ จะได้ส่งปิ่นโตถวายภัตตราหารได้ หลวงปู่พิจารณาแล้วว่าเหมาะก็เลยย้ายมาจำพรรษาที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ แต่มาอยู่ได้ไม่นานพระธรรมโกศาจารย์(ชอบ อนุจารี) จากวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร จังหวัดกรุงเทพมหานคร นำพระธรรมฑูต จาริกแสวงบุญมาถึงเมืองกาญจนบุรี แล้วพบว่าวัดในอำเภอติดเขตชายแดนมีเพียงไม่กี่วัดและเป็นวัดของพระกะเหรี่ยง พระมอญอยู่แทบทั้งนั้น ไม่มีวัดของพระไทยอยู่เลย ท่านจึงคิดที่จะหาพระไทยไปบุกเบิกสร้างวัดอยู่ในพื้นที่เหล่านี้

 

จองเพิ่มพระสมเด็จหลังอะฝังตะกรุดทองคำ ลป.แก่น 1 องค์ครับ

 

ยืนยันการจองคะ

 

พอดีท่านมาพบกับหลวงปู่แก่นซึ่งท่านรู้จักดีอยู่แล้วเมื่อคราวที่หลวงปู่ไปเรียนบาลีที่วีดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร ท่านจึงขอร้องให้หลวงปู่แก่นนำคณะพระธรรมทูตจำนวน ๖ รูป ไปสร้างสำนักสงฆ์และจำพรรษาที่เหมืองปิล๊อก อำเภอทองผาภูมิ ซึ่งเต็มไปด้วยกะเหรี่ยง แต่ในพรรษาถัดมา พระที่จำพรรษาอยู่ที่วัดสมเด็จ ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำกับวัดวังก์วิเวการาม อำเภอสังขละบุรี ของหลวงพ่ออุตตมะ เกิดหนีกลับมาหมด ให้พระไทยรูปไหนไปอยู่ก็อยู่ไม่ได้ เนื่องจากแถวนั้นมีแต่คนมอญ พระธรรมโกศาจารย์จึงขอให้หลวงปู่แก่นไปช่วยปกครองดูแลและพัฒนาวัดดังกล่าวด้วย เพราะท่านรู้ว่าหลวงปู่แก่นท่านเป็นพระไทยที่มีเชื้อสายมอญ สามารถพูดภาษามอญได้ แถมยังรู้จักคุ้นเคยกับหลวงพ่ออุตตมะมาตั้งแต่สมัยบวชใหม่ๆที่วัดคงคารามซึ่งก็เป็นหนึ่งในวัดมอญหลายๆวัดของจังหวัดราชบุรีที่หลวงพ่ออุตตมะไปมาหาสู่เป็นประจำ