พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันนี้ (15 มีนาคม 2549) ผมนำบทความอีกบทมาฝากกันครับ


    วิธีสังเกตอาการของมะเร็ง<O:p</O:p
    อาการของการเกิดมะเร็งในอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย<O:p</O:p
    1. มะเร็งปากมดลูก อาการ มีเลือดออกจากช่องคลอดทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เวลารอบเดือนปกติของคุณอาการเจ็บปวดและมีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ หากพบว่ามีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น การตรวจโดยขูด เนื้อเยื่อจากบริเวณดังกล่าวไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์จะรู้ได้<O:p</O:p
    2. มะเร็งในมดลูก อาการ มีเลือดออกหลังการมีเพศสัมพันธ์ หรือบางครั้งอาจมีความรู้สึกว่ามีก้อนเนื้อหรือมีอาการบวมในช่องท้อ<O:p</O:p
    3. มะเร็งรังไข่ อาการ ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอหรือการมีอาการเจ็บปวดหลังการมีเพศสัมพันธ์ มีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้อาการท้องอืดอาหารไม่ย่อย น้ำหนักลดและมีอาการปวดหลัง<O:p</O:p
    4. มะเร็งในเม็ดเลือด (ลูคีเมีย) อาการเหนื่อยง่ายและมีอาการซีดเซียวกว่าปกติมักเกิดอาการฟกช้ำดำเขียว หรือมีเลือดออกทางผิวหนังได้ง่ายโดยไม่ทราบสาเหตุและมักจะเกิดร่วมกับอาหารปวดตามข้อต่าง ๆ ทั่วร่างกายบางครั้งจะท้องอืดและเมื่อคลำดูจะพบว่ามีก้อนบวมที่ด้านซ้ายของช่องท้อง<O:p</O:p
    5. มะเร็งปอด อาการ มักมีอาการไอบ่อย ๆ มีเลือดออกและมีเสมหะปนมากับน้ำลายน้ำหนักลดอย่างฮวบฮาบ เจ็บ หน้าอกและหายใจลำบากหรืออาจมีอาการหอบปนอยู่ด้วยทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน<O:p</O:p
    6. มะเร็งตับ อาการ ปวดในช่องท้อง เบื่ออาหาร น้ำหนักลดตาและผิวเป็นสีออกเหลืองและเหลืองจัดจนเห็นได้ชัด<O:p</O:p
    7. มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ อาการ มีเลือดปนออกมากับปัสสาวะ<O:p</O:p
    8. มะเร็งสมอง อาการ ปวดศีรษะนาน ๆ และมักมีอาการอื่นร่วมด้วยเช่นอาเจียนหรือการผิดปกติของการมองเห็น ตาพร่า และเห็นแสงเขียว ๆ แดง ๆ ลอยไปมาเวลาปวดศีรษะ อ่อนเพลียไม่มีแรง หรือ การเป็นลมโดยกะทันหันอวัยวะบางส่วนของร่างกายหยุดทำงานเช่นมีอาการชาและเป็นอัมพาตชั่วคราวควรให้ความระวังเป็นพิเศษหากคุณเคยมีประวัติการปวดหัวที่มีอาการเหล่านี้ประกอบอยู่ด้วย<O:p</O:p
    9. มะเร็งในช่องปาก อาการ มีก้อนบวมอยู่ในปาก หรือทีลิ้นเป็นเวลานานมีแผลเปื่อยที่ปากที่ไม่ได้รับการรักษา หรือเป็นแผลเรื้อรังที่เหงือกเนื่องจากการกดทับของฟันปลอมที่ใส่ไว้ประจำหรือเป็นเวลานาน<O:p</O:p
    10. มะเร็งในลำคอ อาการ เสียงแหบพร่าไปทันที มีก้อนบวมในทันทีทำให้รู้สึกว่ากลืนอาหารได้ลำบาก หรือมีการขยายตัวของต่อมในลำคอที่โตขึ้นจนสามารถจับและรู้สึกได้<O:p</O:p
    11. มะเร็งในกระเพาะอาหาร อาการน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วอาเจียนออกมาเป็นเลือดท้องอืดหรืออาหารไม่ย่อยบ่อย รู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้องอกในช่องท้องหรือรู้สึกตื้อ แม้เพิ่งจะรับประทานอาหารไปได้ไม่กี่คำ<O:p</O:p
    12. มะเร็งทรวงอก อาการมีเลือดหรือของเหลวบางอย่างไหลออกมาจากหัวนมบวมหรือผิวเนื้อทรวงอกหนาขึ้นมีก้อนบวมจนจับได้เมื่อคลำบริเวณใต้รักแร้บางครั้งอาจมีตุ่มหรือสิวเกิดขึ้นที่เต้านมเป็นเวลานานควรระวังเพราะผู้หญิง 9 ใน 10 คนจะมีอาการบวมของก้อนเนื้อบริเวณทรวงอกโดยไม่ทราบสาเหตุเมื่อมีอายุมากขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนทำให้เกิดเป็นถุงน้ำใต้ผิวหนังที่เรียกว่าซีสต์ซึ่งควรต้องค้นหาสาเหตุของอาการบวมนั้นให้ชัดเจนเสียก่อนว่าคืออะไรกันแน่<O:p</O:p
    13. มะเร็งลำไส้ อาการ น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วมีอาการปวดท้องอย่างมากและระบบการย่อยผิดปกติ มีเลือดออกปนมากับอุจจาระ<O:p</O:p
    ****ซึ่งมีวิธีสังเกตของผู้ที่มีอาการเกี่ยวกับริดสีดวงทวารอยู่แล้วคือถ้าใช้กระดาษทิชชูซับแล้วเลือดมีสีแดงสดนั่นคืออาการของริดสีดวงทวารแต่ถ้าเลือดมีสีดำคล้ำนั่นคือ อาการของโรคมะเร็งในลำไส้<O:p</O:p
    14. มะเร็งต่อมน้ำเหลือง อาการมีก้อนบวมเกิดขึ้นที่ใต้รักแร้หรือใต้ขาหนีบโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่ได้เกิดอาการติดเชื้อในบาง ส่วนของร่างกายมะเร็งผิวหนัง อาการมีแผลหรือแผลเปื่อยพุพองที่ไม่ได้รับการรักษาอยู่เป็นเวลานานตลอดจนไฝหรือหูดที่โตขึ้นและมีการเปลี่ยนสีหรือรูปร่าง ขนาด นอกจากนี้อาการอันตรายอีกอย่างหนึ่งที่ เรียกว่าเมลาโนมา (Melanoma)คือเนื้องอกที่ประกอบด้วยเซลล์ที่มีเมลานินสะสมอยู่ เช่น กระจุดด่างหรือไฝถ้าคุณมีไฝมากกว่า 50 เม็ดทั่วร่างกายหรือมีคนในครอบครัวที่มีประวัติว่าเคยเป็นโรคนี้มาก่อนคุณจะมีอัตราเสี่ยงสูงกว่าคนอื่นๆ
    <O:p</O:p


    ***ตำรานี้ห้ามซื้อขาย หรือคิดเป็นเงินค่ารักษา<O:p</O:p

    และขออย่าได้เก็บไว้เป็นส่วนตัวโดยเด็ดขาด<O:p</O:p

    หากท่านผู้อื่นรับทราบด้วยใจศรัทธาและกุศลจิตของท่าน<O:p</O:p
    ท่านและครอบครัวจะประสบแต่ความสุข ความสมหวังทุกประการ<O:p</O:p

    <O:p</O:p
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ส่วนเรื่องนี้ ลองคิดดูกันเล่นๆนะครับ คนคิดเก่งจริงๆ

    > >"ลองเล่นดูนะ เก่งจัง ไม่รู้คิดได้งัย ?"
    > >
    > >1) คีย์ ตัวเลข 3 ตัวแรกของเบอร์มือถือคุณในเครื่องคิดเลข
    > >2) คูณ ด้วย 80
    > >3) บวก 1
    > >4) คูณ ด้วย 250
    > >5) บวก ด้วย ตัวเลข 4 ตัวที่เหลือของเบอร์มือถือ
    > >6) บวก ด้วย ตัวเลข 4 ตัวที่เหลือของเบอร์มือถืออีกครั้ง
    > >7) ลบ 250
    > >8) สุดท้าย หาร ด้วย 2
    > >
    > > ใช่เบอร์มือถือของคุณรึเปล่าเอ่ย<O:p</O:p
     
  3. Toni

    Toni เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +251
    สวัสดีครับ คุณสิทธิพงษ์
    ขอบคุณมากครับที่ UPdate เรื่องเกี่ยวกับเวปลป. เทพโลกอุดร
    รออ่านอยู่นะครับ

    ยังคงเป็นกำลังใจให้ครับ
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมได้รูปสวยๆพร้อมมีข้อความดีๆ จากเพื่อนผมคนหนึ่ง เลยนำมาฝากกันครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    แถมด้วยเกร็ดความรู้ O.K.
    เกร็ดความรู้ : O.K. มีที่มาอย่างไร? <O:p</O:p
    คนส่วนใหญ่ น้อยคนนักที่ไม่รู้จักคำว่า O.K. เรามักจะได้ยินคนพูดกันติดปาก ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ ไม่ ว่าวัยใดก็ตาม <O:p</O:p
    แต่ท่านทราบหรือไม่ว่า.. คำคำนี้มีที่มาอย่างไร ? <O:p</O:p
    คำว่า O.K. มาจากคำเต็มว่า Oll Korrect ซึ่งที่ถูกต้องคือ All Correct ( แปลว่า ถูกต้อง ) มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ จาก พ่อค้าชาวอเมริกันคนหนึ่ง มีฐานะ ตำแหน่งหน้าที่การงานสูง แต่การศึกษาน้อย ทุกครั้งที่เขาสั่งงานลงในใบสั่ง ถ้างานชิ้นใดถูกต้อง ตกลง <O:p</O:p
    และอนุมัติ เขาจะ เขียนคำว่า Oll Korrect ลงในใบสั่งใบนั้นเสมอๆ ต่อมากิจการของพ่อค้า คนนี้ มีความเจริญก้าวหน้ามาก
    งานที่ติดต่อมาก็มีมากขึ้น ใบสั่งงานก็มีมากมายล้นโต๊ะ การที่เขาจะต้องเขียนคำ Oll Korrect ลงในใบสั่งทุกใบทำให้ต้องใช้เวลามาก <O:p</O:p
    เขาจึงย่อเหลือเพียงสั้นๆ คำ O.K. ซึ่งมีผล และความหมายเหมือนกัน คำว่า "อนุมัติ" นั่นเอง และก็เลยมีการใช้กัน อย่างแพร่หลาย <O:p</O:p
    ทั้งภาษาพูด และภาษาเขียน มากันจนปัจจุบันทั่วโลกที เดียว. <O:p</O:p
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ซ้ำกับด้านบน ผมขอลบครับ

    ผมได้รูปสวยๆพร้อมมีข้อความดีๆ จากเพื่อนผมคนหนึ่ง เลยนำมาฝากกันครับ

    แถมด้วยเกร็ดความรู้ O.K.
    เกร็ดความรู้ : O.K. มีที่มาอย่างไร? <O:p</O:p
    คนส่วนใหญ่ น้อยคนนักที่ไม่รู้จักคำว่า O.K. เรามักจะได้ยินคนพูดกันติดปาก ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ ไม่ ว่าวัยใดก็ตาม <O:p</O:p
    แต่ท่านทราบหรือไม่ว่า.. คำคำนี้มีที่มาอย่างไร ? <O:p</O:p
    คำว่า O.K. มาจากคำเต็มว่า Oll Korrect ซึ่งที่ถูกต้องคือ All Correct ( แปลว่า ถูกต้อง ) มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ จาก พ่อค้าชาวอเมริกันคนหนึ่ง มีฐานะ ตำแหน่งหน้าที่การงานสูง แต่การศึกษาน้อย ทุกครั้งที่เขาสั่งงานลงในใบสั่ง ถ้างานชิ้นใดถูกต้อง ตกลง <O:p</O:p
    และอนุมัติ เขาจะ เขียนคำว่า Oll Korrect ลงในใบสั่งใบนั้นเสมอๆ ต่อมากิจการของพ่อค้า คนนี้ มีความเจริญก้าวหน้ามาก
    งานที่ติดต่อมาก็มีมากขึ้น ใบสั่งงานก็มีมากมายล้นโต๊ะ การที่เขาจะต้องเขียนคำ Oll Korrect ลงในใบสั่งทุกใบทำให้ต้องใช้เวลามาก <O:p</O:p
    เขาจึงย่อเหลือเพียงสั้นๆ คำ O.K. ซึ่งมีผล และความหมายเหมือนกัน คำว่า "อนุมัติ" นั่นเอง และก็เลยมีการใช้กัน อย่างแพร่หลาย <O:p</O:p
    ทั้งภาษาพูด และภาษาเขียน มากันจนปัจจุบันทั่วโลกที เดียว. <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มีนาคม 2006
  7. Chayaporn

    Chayaporn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +4,641
    ขอบคุณค่ะ..รบกวนคุณสิทธิ์พงษ์
    ช่วยลงแผนที่ บ้าน อ.ประถม
    บนเวป หรือแฟ็กซ์มาที่ 02-4554260 ค่ะ

    ฉัตรพร..
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมขอบคุณมากนะครับ สำหรับพระและตะกรุด ที่ส่งมาให้ผม
    ผมจะเก็บไว้เป็นพุทธานุสติและเป็นสิ่งเตือนใจผมในการทำความดีครับ

    ผมเองมอบพระให้กับผู้ที่ทำบุญ ผมเองไม่ต้องการสิ่งตอบแทนใดๆ เนื่องจากผมได้ลด ละ ความโลภ ความงก ในตัวผมเองแล้ว และผมได้เผื่อแผ่สิ่งที่เป็นมงคลให้กับผู้ที่นับถือหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ทั้ง 5 องค์และสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี อีกทั้งผู้รับจะได้มีพระพิมพ์ที่ดีไว้บูชาครับ(ผมไม่ได้มีเจตนาที่จะว่าใครทั้งสิ้นนะครับ เป็นความตั้งใจของผมเองที่จะแบ่งปันพระพิมพ์ แต่การที่จะให้ฟรีนั้น ผู้ที่รับจะไม่เห็นคุณค่า และบางครั้งอาจนำพระไปไว้ในที่ไม่เหมาะไม่ควรครับ)
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    วันนี้ (15 มีค.2549) ประมาณ 13.00 น. ผมได้ส่งพระไปให้คุณ roy04 แล้วนะครับ ถ้าได้รับพระแล้ว กรุณาช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วย ขอบคุณครับ
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันนี้ (16มีนาคม 2549) อีกบทความนะครับ

    บทความแด่ผู้ไม่พอใจในตนเองที่มีอยู่
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    คุณเคยรู้สึกไหม ว่าชีวิตช่างลำบาก คุณไม่อยากอยู่ในสภาพแวดล้อมอย่างที่เป็นอยู่ คุณรู้สึกว่าชีวิตนั้น เป็นทุกข์ อาชีพการงานไม่ได้ดั่งใจ อะไร ๆ ก็ผิดพลาดไปหมด ? เรื่องราวต่อไปนี้ อาจจะเปลี่ยนแปลงทัศนคติที่คุณมีต่อชีวิตคุณได้ ผมสนทนากับเพื่อนคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าเขาจะทำงานสองอย่าง รายได้แต่ละเดือนหักลบรายจ่ายแล้วยังเหลือแค่พันกว่า แต่เขาก็มีความสุขมากแล้ว ผมแปลกใจมากที่เขามีความสุขขนาดนั้นเพราะเขามีรายได้น้อย ต้องประหยัดมัธยัสถ์ จึงจะพอมีเหลือเลี้ยงดูคุณพ่อคุณแม่สูงอายุ พ่อตาแม่ยายภรรยาและลูกสาวอีกสองคน ไหนจะค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จุกจิกภายในครอบครัว <O:p</O:p
    เขาอธิบายให้ฟังว่า เป็นเพราะหลายปีก่อนเขาได้เห็นเหตุการณ์บางอย่างที่ประเทศอินเดีย ขณะนั้นเขาประสบปัญหาที่สาหัสมากสภาพจิตใจตกต่ำ จึงไปเที่ยวอินเดียเพื่อให้สบายใจขึ้น เขาได้เห็นกับตา ผู้หญิงชาวอินเดียคนหนึ่ง ถือมีดอีโต้ตัดแขนขวาของลูกตัวเอง สายตาที่หมดหวังของผู้หญิงคนนั้น และเสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดของเด็กอายุสี่ขวบ จนบัดนี้ยังวนเวียนอยู่ในใจเขามิรู้ลืม คุณอาจจะถามว่า ทำไมแม่คนนั้นจึงต้องทำเช่นนี้ ? เป็นเพราะลูกของเธอซุกซนเกินไปหรือเปล่า? หรือเป็นเพราะแขนของเด็กติดเชื้อ ? ไม่ใช่ที่แท้ทำไปเพื่อให้เด็กสามารถไปขอทานตามถนน! แม่ผู้สิ้นหวังคนนั้นจงใจทำให้ลูกตัวเองพิการ เพื่อเขาสามารถออกขอทานตามท้องถนนได้ เพื่อนของผมคนนี้ตกใจแทบช๊อก ขนมปังในมือของเขาที่เพิ่งกินได้ครึ่งก้อนตกหล่นลงพื้น ทันทีทันใดก็มีเด็ก ๆ ห้าหกคนกรูกันเข้ามา แย่งชิงขนมปังที่เลอะทรายบนพื้น เหมือนกับปฏิกิริยาอัตโนมัติเวลาผจญกับความหิวโหย <O:p</O:p
    เขาตกใจกับเหตุการณ์ดังกล่าว ไกด์ของเขาขับรถพาเขาไปยังร้านขนมปังที่ใกล้ที่สุด เขาเข้าไปในสองร้านของละแวกนั้น ขอซื้อขนมปังทั้งหมดในร้านเจ้าของร้านขนมปังแปลกใจมาก แต่ก็ยินดีขายขนมปังทั้งหมดให้เขา เขาใช้เงินทั้งหมดไม่ถึงหนึ่งร้อยเหรียญ ซื้อขนมปังมาประมาณสี่ร้อยกว่าก้อน (ตกก้อนละไม่ถึง 25 เซน) แล้วใช้อีกหนึ่งร้อยเหรียญซื้อของใช้ประจำวันและแล้ว เขาก็นั่งบนรถบรรทุกที่บรรทุกขนมปังไว้เต็มคันรถ ขับไปบนถนน ขณะที่เขาแจกจ่ายขนมปังและของใช้ประจำวันให้กับเด็ก ๆ ซึ่งพิการเป็นส่วนใหญ่นั้นพวกเขาล้วนโค้งคำนับให้ด้วยความดีใจนั่นเองเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาคิดได้ว่าทำไมคนเราจึงสามารถละทิ้งศักดิ์ศรีของตนเองเพียงเพื่อชิ้นขนมปังราคาไม่ถึง 25 เซน <O:p></O:p>
    เขาเริ่มบอกตนเองว่าตนเองนั้นโชคดีแค่ไหนเขามีร่างกายครบสามสิบสอง มีอาชีพการงานมีครอบครัว มีโอกาสบ่นว่าอาหารชิ้นไหนดี อาหารชิ้นไหนไม่อร่อย มีโอกาสสวมใส่เสื้อผ้า มีโอกาสครอบครองสิ่งของมากมายที่คนเหล่านี้ไม่มี ตอนนี้ ผมเริ่มคิดได้และตระหนักได้ว่า ชีวิตของผมมันย่ำแย่จริงหรือ? บางทีมันอาจไม่ได้ย่ำแย่ขนาดนั้นก็ได้ <O:p</O:p
    คุณละ?บางทีเมื่อครั้งหน้าคุณรู้สึกว่าชีวิตของตนกำลังย่ำแย่ ลองคิดถึงเด็กคนที่ต้องเสียแขนเพื่อเป็นขอทานคนนั้นดูสิ !!! "ความรู้สึกพอ" ไม่ใช่มาจากการเติมเต็มสิ่งที่คุณต้องการ แต่มาจากการตระหนักว่าคุณมีมากมายและเพียงพอเมื่อประตูแห่งความสุขปิดลง ประตูอีกบานหนึ่งก็จะเปิดออก แต่บ่อยครั้งเรามัวแต่จ้องบานประตูที่ปิดลงเท่านั้น ไม่ได้สังเกตเห็นประตูอีกบานหนึ่งที่เปิดออกเพื่อเรา จริงอยู่พวกเรามักจะรู้ว่าตนเองมี ก็ต่อเมื่อเราสูญเสียมัน แต่พวกเราก็ต้องคอยจนกว่าของสิ่งนั้นมาถึง จึงจะรู้ตัวว่าเราไม่มีมัน <O:p</O:p
    การมอบความรักทั้งหมดให้กับผู้อื่น มิได้หมายความว่าเราจะได้รับความรักตอบกลับมาอย่างเท่าเทียมกัน อย่าหวังว่ารักผู้อื่นแล้วผู้อื่นจะรักตอบ จงสนใจแค่ให้ความรักนั้นเติบโตขึ้นในใจพวกเขา แต่ถ้าไม่เติบโตขึ้นเลย ก็จงพอใจกับความรักที่เติบโตขึ้นในใจของคุณเอง หนึ่งนาทีจึงจะทำลายคน ๆ หนึ่งได้ หนึ่งชั่วโมงจึงจะชอบคน ๆ หนึ่งได้ หนึ่งวันจึงจะรักคน ๆ หนึ่งได้ แต่ต้องใช้เวลาตลอดชั่วชีวิต จึงจะลืมคน ๆ หนึ่งได้ จงอย่ามองเพียงรูปภายนอก เพราะสักวันมันจะหลอกคุณ <O:p</O:p
    จงอย่ามองแค่ความร่ำรวย ทรัพย์สมบัติ เพราะสักวันมันจะซีดจางลง หาใครสักคนที่ยิ้มให้คุณ เพราะเมื่อมีร้อยยิ้ม จะทำให้อารมณ์ของคุณดีขึ้น หาใครสักคนที่ทำให้คุณอมยิ้มได้จากใจจริง บางครั้งเมื่อคุณคิดถึงใครสักคน ความคิดถึงนั้นอาจถึงขั้นให้คุณคว้าตัวเขาออกมาจากความฝัน โอบกอดตัวเขาเอาไว้ ไล่ตามความฝันของคุณเอง ไปยังที่ ๆ คุณอยากไป เป็นอย่างคนที่คุณอยากเป็น เพราะคุณมีเพียงชีวิตเดียว ซึ่งหมายถึงมีเพียงโอกาสเดียว ในการทำสิ่งที่คุณอยากทำ <O:p</O:p
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอแจ้งอีกครั้งนะครับ เรื่องการทำบุญกับวัดบ่อเงินบ่อทอง หากท่านใดทำบุญ 1,000.-บาท จะมอบพระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่าให้ 1 องค์ (มีการลงรัก 3 แบบ คือ 1.รักสมุหรือรักพม่า สีน้ำเงิน 2.ชาดหรือรักจีน สีแดง 3.รักไทย สีดำ) โดยแจ้งความประสงค์ที่คุณนักเดินทางครับ
    [​IMG]



    หรือ
    เป็นพระพิมพ์อุ้มบาตรเล็กรวม5พระธรรมทูต ยังเหลืออีก 4 องค์ครับ โดยแจ้งความประสงค์กับผมนะครับ

    [​IMG]

    ให้แจ้งด้วยว่าต้องการพระพิมพ์ สีอะไร (ยกเว้นสีชมพู เพราะว่าไม่มีครับ)

    โดยแจ้งความประสงค์ว่า
    ขอบริจาคเงินทำบุญกับสำนักสงฆ์ บ่อเงินบ่อทอง จำนวนเงิน 1,000.-บาท โดยขอรับพระพิมพ์อุ้มบาตรเล็ก รวม 5 พระธรรมทูต (ที่หลวงปู่ทั้ง 5 องค์เสก)

    ให้แจ้งทั้งสองกระทู้นะครับ
    1.กระทู้ขอความเมตตาช่วยต่ออายุพระเณร (ที่อยู่ผู้รับพระให้แจ้งกับคุณนักเดินทาง ทางข้อความส่วนตัวก็ได้นะครัย) สำหรับขอรับพระสมเด็จเจ้ากรมคุณท่า

    ขอความเมตตาช่วยต่อชีวิตพระเณร<O:p</O:p
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=21733<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ขอมอบพระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่าคะแนนร้อยแก่ผู้ร่วมทำบุญ สนส บ่อเงินบ่อทอง<O:p</O:p
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=27127<O:p</O:p

    และ
    2.กระทู้พระวังหน้านะครับ ส่วนที่อยู่ให้แจ้งผ่านข้อความส่วนตัวมาให้ผมก็ได้ ถ้าไม่ต้องการแจ้งลงที่กระทู้ครับ สำหรับขอรับพระอุ้มบาตรเล็ก รวม 5 พระธรรมทูต
    พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....<O:p</O:p
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=22445<O:p</O:p


    ขออนุโมทนาในกุศลทุกท่านที่ได้ทำบุญกับวัดบ่อเงินบ่อทอง อีกครั้งครับ
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มีนาคม 2006
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ลองดูกันนะครับ สวยมาก

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++

    อีกบทความนะครับ

    ยามหัศจรรย์สำหรับคุณ ( your Miracle Medicine)
    <O:p</O:p
    ยีนคอนลินนักเทคนิคการแพทย์ได้รวบรวมสรรพคุณของพืชผักช่วยรักษาโรคพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ฮาร์เปอร์คอนลินนิวยอร์กกล่าวถึงสรรพคุณของพืขผักแต่ละชนิดว่ามีคุณประโยชน์ต่อการรักษาได้อย่างไรไว้ในหนังสือชื่อ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • fonte1.wmv
      ขนาดไฟล์:
      2.2 MB
      เปิดดู:
      59
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อีกสัก 3 บทความนะครับ สำหรับวันนี้ (16 มีค.49)


    วิธีสลัดเรื่องไร้สาระออกจากใจ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    บทความที่นำมาเสนอจากหนังสือเรื่อง Don't Sweat the Small Stuff แต่งโดย
    Richard Carlson
    ผู้แต่งเชื่อว่านิสัยเกิดจากการกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งครั้งแล้วครั้งเล่า
    นิสัยเหล่านี้จะเกิดขึ้นเองตามสภาวะธรรมชาติและเกิดขึ้นบ่อยครั้งเสียจนเราไม่รู้สึกว่าเป็นสิ่งผิดปกติหรือเป็นสิ่งที่ต้อง แก้ไข<O:p</O:p

    แต่หารู้ไม่ว่านิสัยที่ไม่ดีของเราเหล่านี้จะเป็นตัวบั่นทอนพลังชีวิต
    ทำให้เราหมดกำลังใจ และทำให้เราเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย ดังนั้น
    ผู้แต่งจึงชี้ให้เห็นถึงนิสัยที่ไม่ดีและมิจฉาทิฏฐิที่ควรแก้ไข ดังนี้ <O:p</O:p

    1. ความคิดที่ว่าเมื่อประสบปัญหาต้องรีบแก้ไขทันที
    ในช่วงที่ประสบปัญหาจิตใจจะวกวนสับสน เครียด อึดอัด มึนงง
    เศร้าสลดหดหู่ไม่ควรที่จะขบคิดแก้ไขปัญหาใด ๆ เพราะยิ่งคิดยิ่งมึนงง
    มองไม่เห็นทางออก หรือถ้าคิดออกความคิดที่ได้ก็ไม่เฉียบคม
    วิธีแก้ หยุดคิด ทำใจให้สบาย ๆ ปล่อยวาง เมื่อจิตใจสงบจึงค่อยเริ่มแก้ไขปัญหา
    แก้ไขปัญหาที่พอจะแก้ไขได้ก่อน
    ปัญหาที่รุนแรงและเรื้อรังยากที่จะแก้ไขได้โดยทันที ก็ให้ค่อย ๆ
    แก้ไขไปทีละเปลาะสองเปลาะ เมื่อปัญหาลดน้อยลงจะทำให้เรามีกำลังใจมากขึ้น
    ปัญหาที่ยากย่อมต้องใช้เวลา ความพยายาม ความอดทน และความต่อเนื่องเป็นธรรมดา <O:p</O:p

    จงยอมรับความเป็นจริงทั้งหมดที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าเรา
    คิดถึงเหตุการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดที่อาจจะเกิดขึ้น(Worst case scenario)
    แล้วทำใจยอมรับให้ได้ เมื่อนั้นจิตใจจะสงบ
    และในความเป็นจริงมันอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่เราคิดไว้ก็ได้
    จะทำให้เรายิ่งมีกำลังใจที่จะขบคิดแก้ไขปัญหาต่อไป <O:p</O:p

    2. หงุดหงิดรำคาญใจ ทุกสิ่งทุกอย่างขัดหูขัดตาไปหมด ไม่ได้ดั่งใจเอาเสียเลย
    บุคคลที่มีความคิดประเภทนี้จะมีจิตใจคับแคบ ไม่รู้จักให้อภัยผู้อื่น
    เอาตนเองเป็นที่ตั้ง ชี้ถูกชี้ผิดอยู่ตลอดเวลา
    นิดหนึ่งก็ไม่ได้นิดหนึ่งก็ไม่ยอม จิตใจร้อนรุ่ม หาความสุขไม่ได้
    ไม่มีใครอยากเข้าใกล้หรืออยากทำงานด้วย มีศัตรูเต็มไปหมด
    สุขภาพเสื่อมโทรมโรคภัยรุมเร้าเพราะมีความเครียดอยู่ตลอดเวลา
    วิธีแก้รู้จักปล่อยวางเสียบ้าง ในโลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ
    ไม่มีใครสามารถทำตามใจเราได้ทุกอย่าง
    ทำอะไรก็ตามให้อยู่ในระดับกลาง ๆ พอดี ๆ ไม่ต้องสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง
    พูดจาให้นุ่มนวลอ่อนหวาน สบาย ๆ ไม่ต้องเอาเป็นเอาตาย
    เอาจริงเอาจังไปเสียทุกเรื่อง <O:p</O:p

    3. บ้างาน คิดว่าตนเองมีงานล้นมือ
    ทุกอย่างมีแต่ความรีบเร่งจนไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง
    คนที่รีบเร่งทำงานหลาย ๆ อย่างแต่ทำไม่เสร็จซักอย่าง งานส่วนใหญ่มักจะไม่มีสาระ ไม่สำคัญ ไม่ได้ทำให้ชีวิตดีขึ้นเพราะการรีบเร่งทำงานอยู่ตลอดเวลาจิตจะไม่ว่าง กิริยาจะร้อนรน ขาดสติสัมปชัญญะ
    ขาดความระมัดระวังทำให้ไม่รู้ตัวว่าตนกำลังทำสิ่งที่ไร้สาระอยู่
    เมื่อพลังงานส่วนใหญ่สูญเสียไปกับการทำเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ
    งานที่ออกมาก็ไม่มีประสิทธิภาพ
    เมื่อโดนตำหนิก็เกิดความเครียดทำให้ต้องรีบสร้างผลงานมากขึ้นเพื่อชดเชยความผิด
    แต่ยิ่งรีบก็ยิ่งผิด วนเวียนเป็นวงจรอุบาทว์ไม่มีที่สิ้นสุด <O:p</O:p

    วิธีแก้เลือกทำในสิ่งที่สอดคล้องกับเป้าหมายในชีวิตถามตนเองว่าสิ่งที่กำลังทำ
    กำลังพูด และกำลังคิดอยู่นี้จะทำให้เรามีความสุขขึ้น เป็นคนดีมากขึ้น
    มีสติปัญญามากขึ้น และมีเงินทองมากขึ้นหรือไม่ ถ้าไม่ก็ให้ตัดทิ้งเสียเช่น
    การนินทาว่าร้ายเจ้านาย เป็นต้น ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เพราะสิ่งต่าง ๆ
    ที่ทำในปัจจุบันจะส่งผลไปยังอนาคตอย่างแน่นอน ให้บอกตนเองเสมอว่า
    ในโลกนี้มีงานต่าง ๆ อีกมากมายทำเท่าไรก็ทำไม่หมดหรอก
    ทำแต่สิ่งที่สำคัญเท่านั้นก็พอ ให้ตระหนักถึงสัจธรรมที่ว่า
    ถึงแม้ว่าเราจะจากโลกนี้ไป โลกมันก็ยังคงดำเนินต่อไปได้โดยไม่ต้องมีตัวเรา
    อย่าสำคัญตัวเองมากนัก หยุดทำงานทุกอย่าง นั่งสงบนิ่งดูลมหายใจ (อาณาปาณสติ)
    สัก 15 นาที เจริญมรณานุสติโดยการคิดว่าถ้าจะต้องตายในอีก 7 วันข้างหน้า
    เราอยากทำสิ่งใดมากที่สุด
    (แต่วิธีนี้ไม่เหมาะกับบุคคลที่เป็นโทสะจริตเพราะมีมรณานุสติเป็นอารมณ์อยู่แล้ว) <O:p</O:p

    4. คิดเอาตนเองเป็นใหญ่และคิดอาฆาตแค้นพยาบาทคนอยู่ตลอดเวลา
    ความคิดนี้เป็นความคิดในแง่ลบ (Negative thinking) ซึ่งเป็นตัวบั่นทอนพลังชีวิต
    ทำให้เราเป็นคนย้ำคิดย้ำทำและเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายโดยที่เราไม่รู้ตัว การกระทำ
    คำพูดและแววตาจะแสดงออกมาด้วยความก้าวร้าวรุนแรง
    วิธีแก้ให้ระมัดระวังความคิดในแง่ลบ
    เมื่อมีความคิดเหล่านี้โผล่ขึ้นมาเองไม่ต้องสนใจ ไม่ต้องคิดต่อ
    ให้เปลี่ยนเรื่องคิดทันที
    ให้หันมาคิดในแง่บวกแทนซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เกิดเองตามธรรมชาติจะต้องสร้างขึ้นมา ทำใจยอมรับว่ามนุษย์ทุกคนเกิดมาพร้อมกับความคิดที่เป็นอกุศลเช่น ความอิจฉาริษยา ความอาฆาตพยาบาท ความมีอัตตาตัวตน และความยึดมั่นถือมั่น เป็นต้น ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้รวมทั้งตัวเราเอง ทุกคนเท่าเทียมกันหมด
    เราจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะไปตัดสินผู้อื่นว่าถูกหรือผิด
    หากเรายอมรับความเป็นจริงในข้อนี้ได้
    เราจะรู้จักให้อภัยผู้อื่นและให้อภัยตัวเอง รู้จักสำรวมคำพูดและการกระทำมากขึ้น พยายามประคับประคองความคิดที่ดีให้อยู่นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ <O:p</O:p

    5. คิดดูถูกผู้อื่น และชี้ถูกชี้ผิดอยู่ตลอดเวลา
    ความคิดเหล่านี้จะทำให้เรามีจิตใจคับแคบ ไม่มีเมตตาต่อผู้อื่น
    มีความเครียดเป็นอาจิณ วิธีแก้เอาใจเขามาใส่ใจเรา เลิกเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง
    หัดเข้าใจความคิดและอารมณ์ของผู้อื่นว่าทำไมเขาถึงพูดหรือทำเช่นนั้น
    และถ้าเราอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเขา เราอาจจะทำแบบเดียวกับเขาก็ได้ เป็นต้น
    ยอมรับว่าในโลกนี้ไม่มีใครที่คิดเหมือนกับเรา ดังนั้น
    การมีความคิดที่ขัดแย้งกันย่อมเป็นเรื่องธรรมดา
    ไม่มีใครถูกใครผิดหัดฟังมากกว่าพูด สักแต่รู้สักแต่เห็น
    รับรู้ทุกอย่างแต่อย่าคิดต่อ
    ไม่ต้องหาเหตุหาผลไปซะทุกเรื่องพิจารณาอารมณ์ของตนเองว่าในขณะนี้เราสุข ทุกข์ หรือเฉย ๆ เพื่อหยุดความคิดซึ่งป็นบ่อเกิดแห่งอัตตาตัวกูของกู <O:p></O:p>

    6. คิดเอาชนะผู้อื่น
    การโต้เถียงเอาชนะผู้อื่นเพียงเพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่เราคิดนั้นถูกต้องเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานโดยใช้เหตุ
    และยังเป็นการสร้างศัตรูโดยที่เราไม่รู้ตัว <O:p</O:p

    วิธีแก้พูดเท่าที่จำเป็นพูดแต่สิ่งที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์
    รู้จักปล่อยวางเสียบ้าง หัดฟังมากกว่าพูด และเอาใจเขามาใส่ใจเรา
    พยายามประคับประคองจิตใจให้ผ่องใสอยู่เสมอ
    หลีกเลี่ยงการโต้เถียงให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ <O:p</O:p

    7. คิดทวงบุญคุณจากผู้อื่น
    การทวงบุญคุณจะทำให้จิตใจคับแคบ เต็มไปด้วยความอึดอัด ไม่พอใจ ลังเลสงสัย
    จิตใจสกปรกขุ่นมัวเพราะเป็นการทำดีเพื่อหวังผลตอบแทน
    วิธีแก้ ช่วยเหลือโดยไม่ต้องคำนึงถึงผู้ให้ในที่นี้คือตัวเรานั่นเอง
    ควรให้เพราะอยากช่วยเหลือไม่ต้องมีตัวเขาเราท่าน
    ช่วยเหลือโดยไม่ต้องคำนึงถึงผู้รับ
    คนไหนพอช่วยได้ให้ช่วยไปเลยไม่ต้องจำกัดว่าช่วยเพราะเป็นญาติเรา
    หรือช่วยเพราะเขาทำดีกับเรา เป็นต้น ช่วยแล้วหันหลังกลับ ไม่หวังผลตอบแทน <O:p</O:p

    8. คิดกังวลในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง
    การคิดวิตกกังวลในสิ่งที่ยังมาไม่ถึงจะทำให้จิตใจว้าวุ่น สับสน
    เต็มไปด้วยความหวาดกลัว จิตใจล่องลอยไม่อยู่กับปัจจุบัน
    วิธีแก้ รู้เนื้อรู้ตัวว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่ ทำแล้วเกิดผลอะไร
    ทำวันนี้ให้ดีที่สุด คิดโกรธเกลียดหมั่นไส้ผู้อื่น ความโกรธ เกลียด รำคาญ
    และไม่ชอบหน้าบุคคลที่เคยทำให้เราเจ็บช้ำน้ำใจเป็นนิสัยที่เกิดได้กับมนุษย์ทุกคน
    แต่เมื่อมีความคิดเหล่านี้ผุดขึ้นในจิตใจเราควรระมัดระวังไม่ให้แสดงออกมาทางสีหน้า
    แววตา น้ำเสียง และการกระทำ นอกจากนั้น เราควรมองบุคคลเหล่านั้นในแง่บวกเช่น
    คนที่ตำหนิติเตียนเรานั้นอาจจะกำลังสอนให้เรารู้จักทำงานให้เป็นระเบียบมากขึ้น
    หรือคนนินทาว่าร้ายเรานั้นอาจจะกำลังสอนให้เรารู้จักวางตัว พูดเท่าที่จำเป็น
    เพราะเขารู้เรื่องของเราหมดจึงเอาไปคุยกันจนสนุกปาก เป็นต้น <O:p</O:p

    9. คิดน้อยใจในโชคชะตาของตนเอง
    การคิดน้อยใจในชะตากรรมของตัวเองเช่น เกิดมายากจน รูปร่างไม่ดี หน้าตาไม่สวย
    เรียนหนังสือไม่เก่ง หรือทำอะไรก็สู้เขาไม่ได้ เป็นต้น
    การคิดเช่นนี้นอกจากจะเป็นการบั่นทอนกำลังใจตัวเองแล้วยังทำให้ชีวิตจมปลักไม่ก้าวหน้าไปไหน
    เพราะมัวแต่ย้ำคิดย้ำทำแต่สิ่งเดิม ๆ <O:p</O:p

    วิธีแก้ จงพอใจในสิ่งที่ตนมี และอย่าคิดเปรียบเทียบกับคนอื่น
    ระลึกและจดจำในสิ่งดี ๆ ที่เราได้รับจากคนรอบข้าง
    รู้จักและยอมรับตนเองทั้งจุดเด่นและจุดด้อย
    พัฒนาและใช้จุดเด่นของเราให้เป็นประโยชน์และปรับปรุงจุดด้อยหรือหาสิ่งอื่นมาทดแทน
    เรียนรู้จากประสบการณ์ต่าง ๆ ในชีวิต
    ลืมอดีตที่ขมขื่นเพื่อทำปัจจุบันให้ดีที่สุด คิดในแง่บวก
    และพยายามประคับประคองจิตใจให้ผ่องใสอยู่ตลอดเวลา <O:p</O:p

    10. นิสัยมองโลกในแง่ร้ายและคิดว่ามนุษย์ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัว
    การคิดเช่นนี้จะยิ่งเป็นการตอกย้ำความคิดในแง่ลบให้มากขึ้นเป็นทวีคูณ
    มองความจริงไม่ตรงตามความเป็นจริง ปัญหาเล็ก ๆ
    ก็ตีโพยตีพายจนกลายเป็นเรื่องใหญ่โต จิตใจคับแคบ
    หาความสุขไม่ได้เพราะจะคอยจับผิดผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา
    วิธีแก้คิดถึงประสบการณ์ดี ๆ ที่เราได้รับจากคนรอบข้างเช่น
    คิดถึงบุคคลที่มีบุญคุณหรือมีน้ำใจกับเรา เป็นต้นพยายามมองโลกในแง่บวก
    อย่าปล่อยให้จิตมันคิดเอง <O:p</O:p

    11. คิดว่าโลกนี้มีแต่ปัญหาเต็มไปหมด แก้เท่าไรก็ไม่หมดเสียที
    การคิดเช่นนี้นอกจากจะไม่ช่วยแก้ปัญหาแล้วรังแต่จะเป็นตัวบ่อนทำลายกำลังใจของเราเองเสียอีก
    วิธีแก้ ให้มองปัญหาเสมือนด่านทดสอบความอดทน ตัวฝึกฝนทักษะในการแก้ปัญหา และเป็นแหล่งปัญญาที่หาไม่ได้จากในหนังสือ
    มองปัญหาในแง่บวกว่ามันอาจจะเป็นสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้าก่อนที่ความหายนะจะเกิดขึ้นก็ได้
    ปัญหาทำให้เราเห็นข้อบกพร่องที่เราอาจจะมองข้ามไป
    มองปัญหาเป็นเรื่องธรรมชาติที่มนุษย์ทุกคนต้องประสบ อันไหนพอแก้ได้ก็ทำไปก่อน
    คิดในแง่บวกและตั้งจิตว่าจะประคับประคองจิตใจให้ผ่องใสอยู่ตลอดเวลา <O:p</O:p

    12. คิดว่าเราเก่งกว่าผู้อื่น ฉลาดกว่าผู้อื่น หรือร่ำรวยกว่าผู้อื่น
    ความคิดเช่นนี้จะส่งผลให้พฤติกรรมที่แสดงออกมาเต็มไปด้วยความหยิ่งยะโสโอหัง
    อวดดี ถือตัว มองผู้อื่นด้วยสายตาดูถูกดูแคลน วาจาจะรุนแรงและสามหาว
    บุคคลรอบข้างจะรังเกียจ หมั่นไส้ และอิจฉาริษยา
    ซึ่งเป็นการสร้างศัตรูโดยไม่รู้ตัว
    วิธีแก้ ระมัดระวังคำพูด ความคิด และการกระทำ
    ต้องมีสติรู้เนื้อรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา หัดมองตัวเอง เลิกเปรียบเทียบกับผู้อื่น
    อยากวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น <O:p</O:p

    13. การด่าทอ เหน็บแนม ประชดประชัน และวิพากษ์วิจารณ์
    เป็นอกุศลวาจาที่สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้กับผู้อื่น
    ซึ่งเป็นการสร้างศัตรูโดยไม่ได้ตั้งใจ นอกจากนั้น
    ความคิดเหล่านี้ยังเป็นที่มาของความโกรธ ความเกลียด
    และความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจมนุษย์อีกด้วย <O:p</O:p

    วิธีแก้ คิดก่อนพูดและไม่ต้องพูดทุกอย่างที่เราคิด
    ถ้าพูดแล้วไม่สร้างสรรค์นิ่งเสียจะดีกว่า เอาใจเขามาใส่ใจเรา
    ในโลกนี้ไม่มีใครชอบถูกวิพากษ์วิจารณ์แม้แต่ตัวเราเอง<O:p</O:p

    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p
    ++++++++++++++++++++++++++++++++++</O:p
    <O:p</O:p
    <O:pสิ่งที่ควรมีตลอดชีวิต <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    1. เอาใจเขามาใส่ใจเรา
    2. เชื่อมั่นตัวเอง
    3. อย่ามองคนที่หน้าตา
    4. กล้าคิด พูด และทำ
    5. เมื่อมีเรื่องจงหมั่นปรึกษาผู้อื่น
    6. และจงเป็นที่ปรึกษาให้ผู้อื่นด้วย
    7. อย่าโกหกกับเรื่องที่คุณคิดว่าผิด
    8. ไว้ใจบุคคลที่สมควรไว้ใจ
    9. เปิดใจให้กว้าง
    10. มองการณ์ไกล
    11. วางแผนอนาคต
    12. อย่าโทษตัวเอง
    13. มีความรับผิดชอบ
    14. ตอบแทนเมื่อได้รับ
    15. ให้ในสิ่งที่ผู้อื่นอยากได้หรือไม่มี
    16. อย่าใช้อารมณ์ แต่จงใช้ความคิด
    17. คิดถึงส่วนรวมให้มาก
    18. ดูแลตัวเองให้เป็น
    19. รู้ผิด ชอบ ชั่ว ดี
    20. อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเสียเปล่า
    21. อย่ารู้ค่าสิ่งที่อยู่กับเราต่อเมื่อเราสูญเสียมันไปแล้ว
    22. จงรู้ตัวอยู่เสมอว่าตอนนี้กำลังทำอะไร
    23. ที่ทำอยู่มีผลดี / เสีย มีประโยชน์ / ไร้ประโยชน์
    24. อย่าวัวหายแล้วล้อมคอก
    25. ให้อภัยแก่ตนเอง และ ผู้อื่น
    26. อย่าเก็บอดีตมาทำร้ายตัวเอง แต่จงหัดที่จะเรียนรู้จากมัน
    27. คนไม่ผิดคือคนที่ไม่เคยทำอะไร
    28. ได้หน้าอย่าลืมหลัง
    29. คุณไม่ใช่พระเจ้า อย่าคิดซ่อมความรู้สึกที่เสียไปแล้วแต่จงวางแผนที่จะดูแลไม่ให้มันเสีย
    30. อย่าอ่านข้อความที่มีประโยชน์ผ่านๆ
    31. อ่านแล้วคิด คิดแล้วทำ หมั่นพัฒนาตนเอง
    32. รู้จักแบ่งเวลาและหน้าที่
    33. ทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมบ้าง
    34. อย่าเห็นแก่ตัว
    35. อย่ารอคอยในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง
    36. อย่ากลัวในสิ่งที่ตนสามารถสู้ หรือ เปลี่ยนแปลงมันได้
    37. กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ หัดเติมให้คนอื่นแล้วเขาจะกลับมาเติมให้คุณเอง
    38. เพื่อนไม่จำเป็นต้องเจอหน้ากันก็คุยกันได้
    39. อย่าคิดว่าเขาไม่โทรมา ถ้าคุณก็ไม่เคยโทรหาเขาเช่นกัน
    40. จงเป็นฝ่ายให้มากกว่าฝ่ายรับ
    41. ดูแลบิดา มารดาให้ดี คุณมีโอกาสรีบทำซะก่อนจะไม่มี
    42. อย่าเสียใจกับสิ่งที่เลวร้ายหรือสูญเสียไปแล้วมันไม่กลับมาแต่คุณสามารถทำมันใหม่หรือเรียนรู้จากมันได้
    43. คำพูดเมื่อพูดออกไปแล้ว ไม่สามารถเรียกกลับได้ดังนั้นคิดก่อนพูด
    44. อย่าทุ่มเทกับสิ่งที่ไร้ประโยชน์
    45. คำพูดให้กำลังใจคนได้ ปลอบใจได้ ยุให้ทะเลาะกันได้ทำให้เสียความรู้สึกได้ จงรู้ที่จะพูด
    46. ชีวิตไม่ใช่เกม พลาดแล้วเริ่มใหม่หรือกดโหลดได้
    47. หาจุดหมายให้กับชีวิต
    48. เครียดได้ แต่เครียดให้เป็น
    49. ถ้างง เขียนหนังสือได้แต่เขียนให้เป็นภาษา
    50. วันๆหนึ่งคุณทำอะไรไปบ้างที่ไม่ใช่กิน นอน เล่น
    51. ไม่มีหมอคนไหนรอให้คนไข้จะตายแล้วค่อยช่วยหรอกนะ
    52. เพื่อนคุณก็เช่นกันอย่าปล่อยให้เขาเครียดจนจะตายแล้วถึงไปถามหรือดูแล
    53. ร่างกายไม่ใช่เครื่องจักร ให้มันพักผ่อนซะบ้าง
    54. คุณซื้อนาฬิกาได้แต่คุณซื้อเวลาไม่ได้
    55. ตอนนี้มีใครคอยคุณอยู่รึเปล่า ? ถ้ามีกลับไปหาซะ
    56. ตอนนี้คุณคอยใครอยู่รึเปล่า ? จะคอยอย่างนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ?ทำอะไรซะบ้าง
    57. อย่ากล่าวคำว่าขอโทษบ่อยมีอะไรดีๆตั้งหลายอย่างที่ทำแล้วไม่ต้องตามขอโทษ
    58. ตอนคุณลำบากคุณคิดถึงใคร ? คุณอยากให้ใครช่วยเหลือ ?
    59. ตอนนี้คุณสบายอยู่ ? แล้วคนที่คุณเคยขอความช่วยเหลือล่ะ ? หมดประโยชน์ ?
    60. ไม่ใช่ ? แล้วไง ?? ต้องให้บอกต่อมั้ย ???
    61. ทำอะไรก็ได้ให้ตัวเองมีความสุข แต่อย่าบนทุกข์ของผู้อื่น
    62. ตอนที่คุณกำลังอ่านประโยคนี้จงรู้ไว้ซะว่าคุณเป็นมนุษย์และยังมีชีวิตอยู่
    63. ใครเป็นคนทำให้คุณมีชีวิต ? ตอบแทนเขาบ้างหรือยัง ?
    64. ไม่ต้องรอให้ถึงวันพิเศษใดๆ แค่เข้าไปบอกว่ารักเขาก็เพียงพอแล้ว
    65. อย่ารอให้ถึงวันเกิดเพื่อน ถึงจะได้คุยกันหรือให้ของขวัญกัน
    66. ไม่มีกฎหมายใดห้ามให้ของขวัญในวันธรรมดา
    67. ถ้าเป็นคุณอยู่ดีๆมีเพื่อนเอาขนมมาให้ คุณจะรู้สึกดีไหม ?หรือว่าดูที่ราคาขนม ?
    68. เหล้าทำให้คุณลืมได้ตอนเมาแอ๋แต่เพื่อนแท้ทำให้คุณลืมเรื่องร้ายๆได้ตลอดชีวิต
    69. อย่าคิดว่าตนเองไม่มีเพื่อนหรือไม่มีใครอย่างน้อยๆถ้าคุณได้อ่านข้อความนี้จงรู้ไว้ว่าคุณยังมีผู้เขียนอีกคน
    70. อย่าคิดว่าตนเป็นคนที่โชคร้ายที่สุดและอย่าคิดว่าตนเองเป็นคนที่โชคดีที่สุด
    71. อย่าพูดคำว่าไม่มาเป็นเราไม่รู้หรอกถ้าคุณก็ไม่รู้เรื่องของเขาเช่นกัน
    72. เหนื่อยแล้วพักซะเถอะ อย่าฝืนอ่านต่อเลยคนเขียนดีใจมากแล้วที่คุณอ่านถึงตรงนี้
    73. อย่าคิดว่าคนดีไม่มีในสังคมเพราะคุณก็เป็นคนเพียงแต่คุณยังไม่ได้ทำอะไรบางอย่าง
    74. ปริศนาในเกมคุณแก้ได้ แล้วทำไมปริศนาในชีวิตคุณแก้ไม่ได้ในเมื่อบทสรุปก็อยู่ในตัวคุณ ?
    75. คุณมองเพชรมองที่ความงามภายใน หรือป้ายราคาข้างนอก?
    76. ถ้าคุณกินอาหารเหลือ ลองนึกถึงเด็กที่ไม่มีอันจะกิน
    77. มีเรื่องราวอีกมากมายที่ไม่ได้เขียนอยู่ในหนังสือลองค้นคว้าดูจะรู้
    78. ลูกธนูที่ถูกปล่อยออกจากหน้าไม้อันตรายน้อยกว่าหอกที่แทงมาจากข้างหลัง
    79. การถูกหักหลังเป็นสิ่งที่เจ็บปวด อย่าให้มันเกิด
    80. ทำยังไง ?? ต้องขโมยขึ้นบ้านก่อนถึงไปดูแลรั้วบ้านใช่มั้ย ??
    81. ทำใจกับสิ่งต่างๆล่วงหน้าไว้บ้างก็ดี
    82. จะยกตัวอย่างให้ สมมุติคนที่คุณรักจากไปตอนนี้คุณคิดว่าคุณทำอะไรให้เขาบ้างหรือยัง??
    83. อย่าตอบว่าทำยังไงก็ตอบแทนไม่หมด ขอถามว่าทำรึยัง?ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ?
    84. คุณทำใจได้แล้วหรือถ้ามันเกิดอะไรขึ้น? คุณไปร้องไห้ข้างโลงศพยังไงเขาก็ไม่ฟื้นหรือได้ยินหรอกนะ ?
    85. ตัวคุณมีคุณค่าอยู่แล้ว อยู่ที่คุณรู้จักดึงมันออกมาใช้ได้รึเปล่า??
    86. หัดคุยกับตัวเองซะบ้าง แล้วจะรู้ว่ามีอะไรอีกมากที่คุณไม่รู้?
    87. ร่างกายใช้มากี่ปีแล้ว เคยดูแลมันบ้างรึเปล่า?หรือเอาไว้เพื่อให้วิญญาณมีที่สิงสถิตย์
    88. การใส่เสื้อสวยๆ ไม่ช่วยให้ร่างกายดีขึ้นหรอกนะที่ดีขึ้นคือบุคลิกต่างหาก
    89. หาความสุขของตัวเองให้เจอ หัดมีความสุขซะบ้างอดีตเราลืมไม่ได้แต่เลิกคิดได้
    90. ลองทำอะไรบ้าๆดูบ้างก็ดี อย่ายึดติดกับอะไรนักเลย
    91. ผู้เขียนไม่ใช่คนรู้อะไรมากมาย ไม่ได้มาโชว์ว่าตัวเองอวดรู้แต่อยากให้คุณได้รู้อะไรไว้บ้างก็ดี
    92. สิ่งที่คุณปล่อยผ่านๆไปในชีวิต หรือเรื่องที่คุณเห็นว่าไม่สำคัญ กลับมาดูแลตรงนั้นบ้างก็ดี
    93. อย่าไว้ใจใครเกินไป ไม่ได้สอนให้ระแวงไม่ไว้ใจใคร แต่ระวังไว้บ้างก็ดี
    94. อย่าตามเพื่อนนัก กินเหล้ากิน เล่นไพ่เล่น เที่ยวหญิงเที่ยว
    95. ยาเสพย์ติดทุกชนิด อย่าคิดจะลองเด็ดขาด
    96. อย่าทำตามเพราะเพื่อนทำกันหมดร่างกายเขากะร่างกายเราคนละร่างกายกัน แน่นอนจิตใจก็เหมือนกัน
    97. ผู้ชายยังไงก็คือผู้ชาย ผู้หญิงก็คือผู้หญิง
    98. บางครั้งการอยู่คนเดียวก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป
    99. ไม่มีมิตรถาวร และ ศัตรูที่แท้จริง
    100. จงทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อตัวเราเอง คนที่เรารัก และคนที่อยู่รอบกายเรา

    <O:p</O:p

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    เป็นเรื่องคลายเครียดสักเรื่องนะครับ
    :+: วั น นี้ ยิ้ ม ห รื อ หั ว เ ร า ะ ห รื อ ยั ง :+: <O:p</O:p
    ช่วยเพื่อนสร่างเมา <O:p</O:p
    ตำรวจเดินตรวจตราบริเวณ RCA ตามนโยบายจัดระเบียบสังคม
    พบภาพพิศดารภาพหนึ่ง
    มีชายคนนึงยืนเอานิ้วแยงก้นชายอีกคนนึงอยู่ในความมืดแถวที่จอดรถ <O:p></O:p>
    \"คุณมาทำอนาจารอะไรแถวนี้\" ตำรวจถามนึ
    \"เปล่าอนาจารนะครับคุณตำรวจ\"
    ชายคนที่เอานิ้วแยงก้นเพื่อนแย้ง
    \"เพื่อนผมเมามาก ผมแค่จะช่วยให้ มันอ้วกจะได้สร่างเมาเร็ว ๆ
    \"พูดเป็นเล่นน่ะ\" ตำรวจไม่เห็นด้วย
    \"คุณเอานิ้วล้วงก้นยังงี้มันจะหายเมาได้ยังไง\"
    \"ใจเย็นสิคร้าบ\" เขายิ้มเผล่
    \"รอผมเอานิ้วมายัดปากมันก่อน ดูซิว่ามันจะอ้วกมั้ย\" <O:p</O:p
    - - - - <O:p</O:p
    ไม่ไว้ใจ <O:p</O:p
    \"หมอจะให้ยาสลบคุณแล้วนะครับ\" หมอบอก
    \"เดี๋ยวนะครับ\" คนไข้ล้วงกระเป๋านับเงิน
    \"ไม่ต้องจ่ายตอนนี้หรอกครับ\" หมอว่า
    \"รอให้ทำเสร็จก่อนก็ได้\"
    \"ผมไม่ได้จะจ่ายเงินหรอกครับ\" คนไข้บอก
    \"ผมจะนับไว้เทียบกับตอนฟื้นขึ้นมาน่ะ\" <O:p</O:p
    - - - - <O:p></O:p>
    ไส้ติ่งอักเสบ <O:p</O:p
    \"หมอครับ แฟนผมปวดท้องอย่างหนัก มีไข้ด้วย
    \"ผมว่าไส้ติ่งอักเสบแน่เลยครับ\" สมชายบอกหมอทาง โทรศัพท์
    \"เป็นไปไม่ได้หรอก\" หมอไม่เห็นด้วย
    \"ผมผ่าไส้ติ่งให้ภรรยาคุณไปเมื่อสองปีที่แล้วไง คนเราจะมีไส้ติ่งสองอัน ได้ยังไง\"
    \"ผมก็รู้อยู่ครับหมอว่าคนเรามีไส้ติ่งได้แค่อันเดียว\" สมชายรับ
    \"แต่คุณหมอครับ คนเราไม่จำเป็นต้องมีเมียคนเดียวเสมอไปหรอกนะ ครับ!!\" <O:p</O:p
    - - - - <O:p</O:p
    สติไม่ดี <O:p</O:p
    อาจารย์สอบถามหนุ่มนักศึกษาปี4
    คนนึงซึ่งกำลังจะเรียนจบในเทอมสุดท้ายพอดี <O:p</O:p
    \"จบแล้วเธอจะไปทำอะไรล่ะ\"
    \"ผมอยากเป็นอาจารย์ครับ\" ***หนุ่มตอบอย่างหนักแน่น
    \"เรอะ\" อาจารย์หัวเราะ \"อย่างเธอเนี่ยนะ เธอสติดีหรือเปล่า\"
    \"ทำไมหรือครับ\" ***หนุ่มหน้าเสีย
    \"จะเป็นอาจารย์ต้องสติไม่ดีด้วยหรือครับ\" <O:p</O:p
    - - - - <O:p</O:p
    ทำผิดซ้ำซาก <O:p</O:p
    ชายสองคนตายไปพร้อมกัน
    พวกเขาพบกับยมทูตที่รอพิจารณาอยู่หน้าประตูสวรรค์ <O:p</O:p
    \"เจ้าแต่งงานหรือยัง\" ยมทูตถามชายคนแรกต
    \"แต่งแล้วครับ\" เขาตอบ
    \"เจ้าเป็นชายที่น่าเห็นใจมาก
    เอาล่ะข้าอนุญาตให้เจ้าเข้ามาอยู่ในสวรรค์ได้\" ยมทูตว่า
    \"แล้วเจ้าล่ะ\" ยมทูตหันมาถามชายคนที่สองต่อ
    \"เจ้าแต่งงานหรือยัง\"
    \"แต่งแล้วครับ\" ชายคนที่สองตอบอย่างมั่นใจ
    \"สองครั้งแน่ะครับ\"
    \"งั้นไสหัวไปได้เลย\" ยมทูตไล่
    \"เราไม่มีที่ว่างให้พวกโง่ที่ทำผิดซ้ำซากหรอก!!!\" <O:p</O:p
    - - - - <O:p</O:p
    ทำคลอด <O:p</O:p
    หนุ่มนายหนึ่งไปตามหาหมอตำแยกลางดึกเพราะเมียปวดท้องจวนคลอด
    หมอตำแยก็ดีใจหาย รีบมาทันที มือนึงหิ้วกล่องเครื่องมือมาด้วย
    พลางไล่***หนุ่มไปต้มน้ำร้อนไว้ให้ <O:p</O:p
    \"หาค้อนให้ป้าหน่อยเถอะวะ\"
    หมอตำแยโผล่หน้าออกมาบอก***หนุ่ม <O:p</O:p
    ***หนุ่มก็ดีใจหาย วิ่งไปหาให้โดยไม่ถามซักคำ
    ห้านาทีผ่านไป หมอตำแยโผล่หน้ามาอีก <O:p></O:p>
    \"หนุ่มเอ๊ย..หนุ่ม หาสิ่วให้ป้าหน่อย\"
    ***หนุ่มออกวิ่งอีก แต่คราวนี้ชักตงิดๆขึ้นมาบ้าง<O:p</O:p
    \"ป้าจะเอาค้อนกับสิ่วไปทำอะไรกับเมียผมหรือ\"
    ***หนุ่มถามตอนยื่นสิ่วให้
    \"ไม่ได้เอาไปทำอะไรเมียเอ็งหรอก\" หมอตำแยว่า
    \"ป้าเปิดกล่องเครื่องมือไม่ออกน่ะ\" <O:p</O:p
    <O:p> </O:p>
    :+: ฤ ดู ใ บ ไ ม้ ร่ ว ง 5 5 ขำ ดี :+:
    สามีภรรยาคู่หนึ่งเข้าไปเยี่ยมชมงานแสดงศิลปะ
    เมื่อเดินชมมาถึงห้องๆ หนึ่ง ก็มีรูปปั้นตั้งแสดงอยู่กลางห้อง
    ที่สำคัญเป็นรูปปั้นของสาวเปลือยที่มีเพียงใบไม้ปิดของสงวนไว้หนึ่งใบ
    ภรรยาดูแล้วก็เดินผ่านไปแต่ฝ่ายสามียังคงยืนจ้องรูปปั้นอยู่
    จนภรรยาต้องกลับมากกระตุกแขน แล้วพูดว่า <O:p</O:p
    ภรรยา : จะอยู่รออะไรยะ
    สามี : รอฤดูใบไม้ร่วง <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    </O:p
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันนี้ มีแบบทดสอบ มาให้ลองทำดู แล้วจะเฉลยที่หลังนะครับ

    มาดูกันสิว่าคนอื่นๆเค้ามองคุณยังไง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    มาดูกันสิว่าคนอื่นๆ...
    >> > >>>>>>>>เค้ามองคุณยังไง
    >> > >>>>>>>>
    >> > >>>>>>>>แบบสำรวจตนเอง
    >> > >>>>>>>>โอปราวินซีย์(พิธีกรชื่อดังมากที่USA.)
    >> > >>>>>>>>ได้ทำแบบทดสอบอันนี้และเธอได้8คะแนน
    >> > >>>>>>>>
    >> > >>>>>>>>อ่านต่อไป
    >> > >>>>>>>>แบทดสอบอันนี้น่าสนใจมาก
    >> > >>>>>>>>แล้วอย่าคิดมากนะ
    >> > >>>>>>>>แบบทดสอบอันนี้ค่อนข้างแม่นยำและใช้เวลาทำเพียง2นาที
    >> > >>>>>>>>ทำซะแล้วส่งต่อให้เพื่อนๆ
    >> > >>>>>>>>รวมถึงคนที่ส่งนี่มาให้คุณ
    >> > >>>>>>>>บอกให้รู้ด้วยว่าคุณคือใคร
    >> >
    >> >>>>>>>>แล้วช่วยเขียนคะแนนที่ได้ในช่องSubjectเวลาส่งเมลกลับไปหาด้วย
    >> > >>>>>>>>แล้วก็ทำแบบเดียวกันนี้เมื่อส่งให้เพื่อนคนอื่นๆ
    >> > >>>>>>>>อย่าแค่มองผ่านๆ ช่วยตั้งใจทำเดี๋ยวนี้
    >> > >>>>>>>>คำตอบที่ได้จะบอกถึงสภาพของคุณในปัจจุบันว่าเป็นอย่างไร
    >> > >>>>>>>>เตรียมปากกาและดินสอให้พร้อม
    >> >
    >> >>>>>>>>นี่เป็นแบบทดสอบที่บริษัทหนึ่งทำขึ้นโดยทำให้กับสนง.ส่วนมาก
    >> > >>>>>>>>มันช่วยให้เขาเข้าใจพนักงานของเขามากขึ้น
    >> > >>>>>>>>มีเพียง10คำถาม พร้อมแล้วใช่ไหม
    >> > >>>>>>>>ติดตามเมลล์ของคุณด้วยเวลาคุณส่งว่าใครตอ บกลับบ้าง
    >> > >>>>>>>>ทำเสร็จแล้วต้องส่งต่อให้คนรู้จักด้วยนะ
    >> > >>>>>>>>รวมถึงคนที่ส่งมาให้
    >> > >>>>>>>>ต้องแน่ใจว่าบอกคะแนนไปด้วยนะ เริ่มกันเลย...
    >> > >>>>>>>>
    >> > >>>>>>>>1. เวลาช่วงไหนที่คุณรู้สึกดีที่สุด
    >> > >>>>>>>>a) ตอนเช้า
    >> > >>>>>>>>b) ตอนกลางวันและตอนเย็นๆค่ำๆ
    >> > >>>>>>>>c) ตอนดึกๆ
    >> > >>>>>>>>
    >> > >>>>>>>>2. ปกติคุณจะมีท่าทางการเดินแบบไหน
    >> > >>>>>>>>a) เดินเร็ว ก้าวยาวๆ
    >> > >>>>>>>>b) เดินเร็วแต่ก้าวสั้นๆ
    >> > >>>>>>>>c) เดินไม่ค่อยเร็ว หน้าตรง ตามองไปรอบๆ
    >> > >>>>>>>>d) เดินไม่ค่อยเร็ว ก้มหน้า
    >> > >>>>>>>>e) เดินค่อนข้างช้า
    >> > >>>>>>>>
    >> > >>>>>>>>3. เวลาคุยกับใครคุณทำท่า
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เฉลยแบบทดสอบนะครับ อย่าแอบดูก่อนนะ
    <O:p</O:p
    <O:p> </O:p><O:p> </O:p>
    >> > >>>>>>>>POINTS:
    >> > >>>>>>>>
    >> > >>>>>>>>1. (a) 2 (b) 4 (c) 6
    >> > >>>>>>>>2. (a) 6 (b) 4 (c) 7 (d) 2 (e) 1
    >> > >>>>>>>>3. (a) 4 (b) 2 (c) 5 (d) 7 (e) 6
    >> > >>>>>>>>4. (a) 4 (b) 6 (c) 2 (d) 1
    >> > >>>>>>>>5. (a) 6 (b) 4 (c) 3 (d) 5 (e) 2
    >> > >>>>>>>>6. (a) 6 (b) 4 (c) 2
    >> > >>>>>>>>7. (a) 6 (b) 2 (c) 4
    >> > >>>>>>>>8. (a) 6 (b) 7 (c) 5 (d) 4 (e) 3 (g) 1
    >> > >>>>>>>>9. (a) 7 (b) 6 (c) 4 (d) 2 (e) 1
    >> > >>>>>>>>10. (a) 4 (b) 2 (c) 3 (d) 5 (e)6 (g) 1
    >> > >>>>>>>>
    >> > >>>>>>>>Now add up the total number of points.
    >> > >>>>>>>>
    >> > >>>>>>>>
    >> > >>>>>>>>OVER 60 POINTS:
    >> > >>>>>>>>คนอื่นๆมองว่าการอยู่กับคุณ
    >> > >>>>>>>>เขาต้องระวังตัวเองอยู่เสมอ
    >> > >>>>>>>>เห็นว่าคุณเป็นที่มีทิฐิ เห็นแก่ตัว
    >> > >>>>>>>>แล้วก็แปลก แตกแยก เด่นออกมา เขาอาจจะชื่นชมคุณ
    >> > >>>>>>>>อยากเป็นเหมือนคุณแต่ไม่ทุกครั้งไปที่เขาจะไว้ใจคุณ
    >> > >>>>>>>>และลังเลใจที่จะเข้ามาเป็นเพื่อนกับคุณ
    >> > >>>>>>>>
    >> > >>>>>>>>51 TO 60 POINTS:
    >> > >>>>>>>>คนอื่นๆมองว่าคุณเป็นคนที่น่าตื่นเต้น
    >> > >>>>>>>>แต่อารมณ์แปรปรวน
    >> > >>>>>>>>และไม่ค่อยไตร่ตรองอะไร
    >> > >>>>>>>>เป็นผู้นำโดยธรรมชาติ
    >> > >>>>>>>>ตัดสินใจเร็วแต่มันไม่ถูกเสมอไป
    >> > >>>>>>>>เขาเห็นว่าคุณเป็นกล้าหาญ
    >> > >>>>>>>>คนที่ลองทำอะไรเพียงครั้งเดียว
    >> > >>>>>>>>คนที่กล้าเสี่ยงคว้าเอาโอกาสและสนุกกับการผจญภัย
    >> >
    >> >>>>>>>>เขารู้สึกสนุกที่ได้อยู่กับคุณเพราะความน่าตื่นเต้นที่คุณสื่อออกมา
    >> > >>>>>>>>
    >> > >>>>>>>>41 TO 50 POINTS:
    >> > >>>>>>>>คนอื่นๆมองว่าคุณเป็นคนร่าเริง
    >> > >>>>>>>>สดใส มีชีวิตชีวา มีเสน่ห์และน่าสนใจ
    >> > >>>>>>>>เป็นคนที่มักจะเป็นศูนย์กลางของความสนใจ
    >> > >>>>>>>>แต่มีความสมดุลรู้ว่าต้องทำตัวยังไง
    >> > >>>>>>>>และยังมองว่าคุณเป็นคนใจดี เกรงใจคน และมีความเข้าใจ
    >> > >>>>>>>>คนที่จะคอยให้กำลังใจและช่วยเหลือเขาตลอดเวลา
    >> > >>>>>>>>
    >> > >>>>>>>>31 TO 40 POINTS:
    >> > >>>>>>>>คนอื่นๆมองว่าคุณเป็นคนอ่อนไหว คิดมากและรอบคอบ
    >> > >>>>>>>>มองว่าคุณฉลาด มีพรสวรรค์ แต่เรียบง่าย ดูดี
    >> > >>>>>>>>ไม่ใช่คนที่จะมีเพื่อนได้ง่ายๆ
    >> > >>>>>>>>แต่จะเป็นคนที่ซื่อสัตย์ต่อเพื่อน
    >> > >>>>>>>>และคาดหวังว่าเพื่อนก็ต้องเป็นเช่นนั้นกับคุณ
    >> > >>>>>>>>คนที่รู้จักคุณจริงๆจะรู้ว่า
    >> > >>>>>>>>ใช้หลายต่อหลายสิ่งและนานมากกว่าคุณจะรับใครเป็นเพื่อน
    >> > >>>>>>>>แต่ในทางกลับกันมันก็จะใช้เวลานานมากๆ
    >> > >>>>>>>>ที่จะทำให้คุณลืมความสัมพันธ์นั้นๆถ้ามันล้มเหลว
    >> > >>>>>>>>
    >> > >>>>>>>>21 TO 30 POINTS:
    >> > >>>>>>>>เพื่อนๆมองว่าคุณเป็นคนที่มีความมานะบากบั่นและจุกจิก
    >> > >>>>>>>>มองว่าคุณค่อนข้างขี้ระแวงระมัดระวัง
    >> > >>>>>>>>เชื่องช้าและมีความพยายามมากๆ
    >> > >>>>>>>>มันจะทำให้เขาแปลกใจถ้าพบว่าคุณทำอะไรซักอย่าง
    >> > >>>>>>>>โดยขาดการยั้งคิด
    >> > >>>>>>>>หรือทำไปเพราะมีแรงกระตุ้นเพียงชั่วครู่
    >> >
    >> >>>>>>>>เขาจะคาดหวังว่าคุณต้องทดลองทุกอย่างในทุกๆแง่มุมของอะไรก็ตาม
    >> > >>>>>>>>แล้วจากนั้นโดยปกติก็จะไม่เห็นด้วยกับอะไรทั้งสิ้น
    >> >
    >> >>>>>>>>เขาคิดว่าที่เป็นอย่างนี้ก็มาจากส่วนหนึ่งจากความขี้ระแวงโดยธรรมชาติของคุณนั่นเอง
    >> > >>>>>>>>
    >> > >>>>>>>>UNDER 21 POINTS:
    >> > >>>>>>>>
    >> > >>>>>>>>คนอื่นๆมองว่าคุณขี้อาย ขี้กลัว และไม่กล้าตัดสินใจ
    >> > >>>>>>>>คนที่ต้องการการดูแล
    >> > >>>>>>>>คนที่ต้องการให้คนอื่นตัดสินใจแทน
    >> > >>>>>>>>และคนที่ไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับใครหรืออะไรทั้งนั้น
    >> > >>>>>>>>และยังรู้สึกว่าคุณเป็นคนที่เห็นปัญหาที่มันไม่เคยมี
    >> > >>>>>>>>บางคนถึงขนาดบอกว่าคุณน่าเบื่อ
    >> > >>>>>>>>มีแต่คนที่รู้จักคุณดีเท่านั้นจึงจะรู้ว่าคุณไม่ใช่<O:p></O:p>
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    คุณ roy04 ครับ ได้รับพระแล้ว ช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยว่าพระถึงมือคุณroy04 แล้ว จะได้ไม่ต้องกังวลใจว่าพระถึงมือแล้วหรือยังครับ

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    30 วิธี ถนอมสุขภาพ <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เพื่อสุขภาพดีกันถ้วนหน้า
    ==========================================================================
    เผยให้เห็น 30 วิธี ถนอมสุขภาพ ... กายและใจ
    ==========================================================================
    1. หายใจให้ทั่วท้อง
    2. นวดแผนโบราณเพื่อล้างพิษ
    3. ปิดมือถือ ในบางขณะ เพื่อเป็นอิสระ คิดอะไรได้เต็มที่
    4. โนบราซะ ( ผู้ชาย ก็โนอันเดอร์แวร์แทนละกัลล์ )
    5. กินอย่างมีสติ : ไม่กินจนฟุ้งเฟ้อ และกินจนเกินความจำเป็นไม่อื่มเกินและเคี้ยวช้า ๆ คำละ 50 ครั้ง
    6. ดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้ว ดื่มน้ำช่วงเช้าหลังตื่นนอนก่อนแปรงฟันจะมีประโยชน์น้ำที่ผสมน้ำลายในปากจะเป็น ตัวล้างลำไส้ได้ดีนัก <O:p></O:p>
    7. เตือนตัวเองให้ทานผลไม้วันละ 3 - 5 อย่าง หลากสี
    8. อดบ้างก็ได้ การอดอาหารในช่วงสั้น ๆ แม้เพียงวันละมื้อจะช่วยให้อวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการดูดซึมได้พักผ่ อน
    9. อาบน้ำคลายเครียด
    10. ขับถ่ายบอกสุขภาพ ปัสสาวะที่ดีต้องใส ไม่ขุ่น ไม่มีตะกอน ถ้าเข้มต้องดื่มน้ำเพิ่ม อุนจิ ต้องนิ่ม สีเหลือง ลอยน้ำได้ ไม่เหม็น หากแข็งต้องเพิ่มผัก ผลไม้ และน้ำ <O:p></O:p>
    11. หวีผมบรรเทาปวด ในวันที่เครียด / ปวดหัวตุบๆ ลองแปรงผมด้วยหวีที่มีปุ่มตรงซี่แปรง
    12. ยิ้มหน่อย ( ใครชอบเก็ก ไม่ยิ้ม ลองดูนะคะ)
    13. มาหัวเราะกันเถอะ ทั้งยิ้มและหัวเราะทำให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุข กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ลดระดับความเครียด เพิ่มภูมิคุ้มกัน <O:p></O:p>
    14. น้ำตาคลายเครียด และช่วยระบายความเครียดได้ (แอบร้องก็ได้ถ้าอาย แต่จริงแล้ว ร้องไห้เป็นเรื่องปกติมนุษย์)
    15. เซ็กซ์คือยาวิเศษ
    16.นอนหลับเพิ่มพลัง เพื่อซ่อมแซมฟื้นฟู ตอนนอนร่างกายจะหลั่งสารเมลาโทนิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และ ระบายท็อกซินออกจากสมอง <O:p></O:p>
    17. สักงีบหนึ่ง หลับกลางวัน สัก 15 นาที
    18. เดินเท้าเปล่ากันบ้าง ทำให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่างระบบประสานสัมผัสกล้ามเนื้อ กระดูก และสมอง เดินเท้าเปล่า รับน้ำค้างบริสุทธ์ สนามหญ้า ย่ำก้อน กรวดบ้าง <O:p</O:p
    19. กอด ยาวิเศษประจำบ้าน กอดคนที่คุณรักจะมีผลต่อระบบประสาทส่วนกลางช่วยปลดปล่อยความเครียด
    20. ช่างคุย กับเพื่อนสนิท คนรู้ใจ
    21. ร้องเพลง ขณะร้องร่างกายจะขับคาร์บอนไดออกไซด์ และสูดออกซิเจนได้มากขึ้น
    22. ไดอารี่ที่รัก เขียนบันทึกช่วยระบายความในใจ และ ได้ทบทวนชีวิต รู้จักและปรับปรุงตัวเองได้
    23. Out Door Please!! ออกใช้ชีวิตกลางแจ้งบ้าง
    24. ฝึกสมองทุกวัน อ่านหนังสือ เล่นเกมส์ ทำให้สมองทำงานมากกว่า 80 %ขณะที่ดูโทรทัศน์ใช้สมอง 20 % อย่าลืมอ่านหนังสืออย่างน้อยวันละ 15 นาที <O:p</O:p
    25. สงบใจไหว้พระ
    26. ชวนกันมาดูดาว
    27. ความสุขจากรูปเก่า ... เก่า ....
    28. ให้เพื่อได้รับเศษสตางค์ ลองหยอดตู้บริจาคแบ่งสิ่งของให้คนที่ยากจนกว่าเรา ฯลฯ ช่วยให้คุณเข้าใกล้ความสุข
    29. ชมคนอื่นเสียบ้าง
    30. พูดขอบคุณให้ติดปาก และขอบคุณจากใจจริงร่างกายจะหลั่งสารเอนดอร์ฟินทำให้มีความสุข
    ==========================================================================
    เมื่อทราบกันดังนี้แล้ว ก็ต้องหมั่นปฏิบัติให้ถูกต้องด้วย
    แต่ก็ไม่ควรใช้สมองมาก จนเครียดเกินไป
    เพราะจะทำให้เกิดโรคอื่นตามมาได้เช่นกัน ปัจจุบัน คนไทยเป็น
     
  18. roy04

    roy04 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +350

    ได้รับพระแล้วครับ ขอบคุณมาก
    ขอให้เจริญในธรรมนะครับ
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ห้องพระ

    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->http://www.homeloverthai.com/houng.php?action=22
    "คนรักบ้าน" ฉบับที่ 22 วันที่ 5 มิถุนายน 2547
    ห้องพระ

    [​IMG] การกำหนดตำแหน่งที่จะจัดตั้งเป็นห้องพระเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แฟน ๆ คนรักบ้านจะใช้หลักการและเหตุผลอย่างเดียวมาวิเคราะห์ไม่ได้เพราะเป็นเรื่องของจิตวิญญาณความเชื่อ ประเพณี วัฒนธรรมที่อธิบายยาก ตามหลักเคหะศาสตร์มีหลักเกณฑ์อยู่หลายประการ ดังนี้ครับ
    1. ห้องพระต้องอยู่ในทำเลที่สงบ หลีกเหลี่ยงตำแหน่งที่วุ่นวายเช่น ห้องดู ทีวี เครื่องเสียง ติดกับห้องครัวที่มีเสียงทำกับข้าวและมีกลิ่นรบกวนความสงบ ฉะนั้นการเลือกวางห้องพระไว้ชั้นบนจะหามุมสงบได้ง่ายกว่า เพราะการใช้งานในบ้านจะมีแค่ห้องนอนเป็นส่วนใหญ่
    2. ห้องพระชั้นบนดีกว่าชั้นล่าง ควรเลือกวางห้องพระไว้ชั้นบนสุดของบ้าน ไม่ว่าชั้นบนจะมีกี่ชั้นก็ตามเพราะพระเป็นของสูงเป็นที่สักการบูชา การวางห้องพระต่ำกว่าคนในบ้านย่อมดูไม่เป็นมงคล กรณีบ้านที่วางตำแหน่งห้องพระไว้ด้านล่าง ชั้นบนที่ตรงกับห้องพระต้องเป็นห้องที่ไม่มีคนอยู่ถึงจะใช้ได้
    3. ห้องพระติดกับห้องนอน ต้องระวังเรื่องการวางเตียงควรวางในลักษณะที่ขวางกับห้องพระ ห้ามหันปลายเตียงไปหาห้องพระเพราะคนจะหันเท้าไปทางห้องพระ เป็นลักษณะที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง
    4. ห้องพระห้ามติดกับห้องน้ำห้องส้วม ถ้าจำเป็นต้องวางติดกันก็ไม่ควรวางองค์พระติดผนังห้องน้ำ เอาตู้มาพิงด้านที่เป็นกำแพงห้องน้ำก็ถือว่าพอจะใช้ได้
    ดังนั้นกฎเกณฑ์การวางตำแหน่งห้องพระนอกจากดูความเหมาะสมแล้วยังมีเรื่องทิศทางและตำแหน่งควรจะให้ห้องพระหันไปทางทิศตะวันออกหรือทิศเหนือก็จะดี เพราะถือว่าเป็นทิศที่เป็นมงคลครับ แต่อะไรก็ไม่เท่าเรื่องของความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการเลือกวางตำแหน่งห้องพระที่ดีที่สุดแต่ทั้งนี้ท้งนั้นก็อยู่ในเหตุผลของความเชื่อประเพณีและวัฒนธรรมของแต่ละคนด้วยครับ


    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    การจัดตั้งโต๊ะหมู่บูชา
    หรือ หิ้งพระในบ้าน<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ทิศที่ ๑ ( ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ )<O:p</O:p
    ตั้งพระหันหน้าไปทางทิศอีสาน เป็นเศรษฐีทิศ จะคิดทำอะไรก็เจริญรุ่งเรืองมั่งคั่ง ฯ<O:p</O:p
    ทิศที่ ๒ ( ทิศตะวันออก )<O:p</O:p
    ตั้งพระหันหน้าไปทางทิศบูรพา ราชาทิศ รับราชการหรือทำงานใดๆ จะได้เป็นเจ้าคนนายคน ฯ<O:p</O:p
    ทิศที่ ๓ ( ทิศตะวันออกเฉียงใต้ )<O:p</O:p
    ตั้งพระหันหน้าไปทางทิศอาคเนย์ ทิศปฐม พอทำพอกินลาภผลได้บ้างไม่ได้บ้าง<O:p</O:p
    ทิศที่ ๔ ( ทิศใต้ )<O:p</O:p
    ตั้งพระหันหน้าไปทางทิศทักษิณ ทิศจัณฑาล หากินต้องเหนื่อยยาก ผลได้ไม่คุ้มค่า<O:p</O:p
    ทิศที่ ๕ ( ทิศตะวันตกเฉียงใต้ )<O:p</O:p
    ตั้งพระหันหน้าไปทางทิศหรดี ทิศวิปฏิสาร มักเดือดร้อน เกิดความยุ่งยากภายในครอบครัว และ เพื่อนบ้าน<O:p</O:p
    ทิศที่ ๖ ( ทิศตะวันตก )<O:p</O:p
    ตั้งพระหันหน้าไปทางทิศประจิม ทิศกาลกิณี ทำสิ่งใดมักมีแต่อุปสรรค์ ขัดข้องหาผลสำเร็จไม่ได้<O:p</O:p
    ทิศที่ ๗ ( ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ )<O:p</O:p
    ตั้งพระหันหน้าไปทางทิศพายัพ ทิศอุทัจจะ ทำงานใดมักรวนเรหาความแน่นอนไม่ได้ มักจะพบแต่คนไม่จริงใจ<O:p</O:p
    ทิศที่ ๘ ( ทิศเหนือ )<O:p</O:p
    ตั้งพระหันหน้าไปทางทิศอุดร ทิศมัชฌิมาปฏิปทา ไม่ดี
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมขอเรียนชี้แจง เรื่องเว็บไซด์ของหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ว่าทางกลุ่มลูกศิษย์ของท่านอาจารย์ประถม จะเปิดเว็บไซด์ไม่น่าจะเกินวันที่ 26 มีนาคม 2549 นี้ครับ

    ผมคงจะไม่ลงในรายละเอียดในเรื่องราวของหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรอีก ให้ท่านติดตามในเว็บไซด์จะละเอียดกว่าที่ผมเขียนนะครับ ยกเว้นไว้แต่จะมีผู้ถามในเรื่องพระพิมพ์ แต่ถ้าผมไม่ทราบในพระพิมพ์องค์ไหน จะไปถามท่านอาจารย์ประถมและกลุ่มลูกศิษย์ของท่าน มาตอบให้นะครับ

    ในช่วงต่อไป ผมจะนำบทความที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนามาลงให้ท่านได้อ่านกันนะครับ

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


    .....ความเพียร.....<O:p</O:p


    <O:p</O:p
    “ ..........ความเพียรที่ถูกต้องเป็นธรรมเและพึงประสงค์นั้นคือความเพียรที่จะกำจัดความเสื่อมให้หมดไปและระวังป้องกันมิให้เกิดใหม่อย่างหนึ่งกับความเพียรที่จะสร้างสรรค์ความดีความเจริญให้เกิดขึ้นและระวังรักษามิให้เสื่อมสิ้นไปอย่างหนึ่งความเพียรทั้งสองประการนี้เป็นอุปการะอย่างสำคัญแก่การปฏิบัติตนปฏิบัติงานถ้าทุกคนในชาติจะได้ตั้งตนตั้งใจอยู่ในความเพียรดังกล่าวประโยชน์และความสุขก็จะบังเกิดขึ้นพร้อมทั้งแก่ส่วนตัวและส่วนรวม..........”<O:p</O:p

    พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช<O:p></O:p>

    ( วันที่ ๙ มิถุนายน พุทธศักราช 2539 ณ พระที่นั่งกาญจนาภิเษก )<O:p</O:p



    <O:p</O:p

    .....การพิจารณา.....<O:p</O:p


    <O:p</O:p
    การพิจารณาเรื่องราวหรือกิจการงานใดๆนั้นควรอย่างยิ่งที่จะต้องกระทำโดยละเอียดรอบคอบและเที่ยงตรงถูกต้องจึงจะได้ผลที่เป็นประโยชน์แท้และยั่งยืนถาวรท่านผู้รู้แต่ก่อนได้วางหลักสั่งสอนกันสืบๆมาว่าเมื่อจะพิจารณาสิ่งใดเรื่องใดให้วางใจของตัวให้เป็นกลางคือปลดอคติความลำเอียงทุกๆประการออกจากใจให้หมดก่อนแล้วเข้าไปเพ่งพินิจดูสิ่งนั้นให้ถี่ถ้วนจึงจะมองเห็นได้ประจักษ์ทุกแง่ทุกมุมไม่ใช่เห็นแต่เพียงแง่ใดแง่หนึ่งตามความชอบใจหรือไม่ชอบใจที่มีอยู่เมื่อเห็นประจักษ์ทั่วด้วยใจที่เป็นกลางแล้วความรู้ที่ชัดเจนก็บังเกิดขึ้นและช่วยให้ลงความเห็นและปฏิบัติได้โดยถูกต้องเป็นธรรม ”<O:p</O:p

    พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช<O:p</O:p
     

แชร์หน้านี้

Loading...