พระเครื่องบ้านๆ ราคาเบาๆครับ ภาค 3 ส่งฟรีทุกรายการ (สารบัญพระอยู่หน้าแรกนะครับ)

รายการจัดส่งพระวันนี้ครับ
06/03/2565

- คุณ ปิยะ 2KTU024 (Kerry express)
ขอบคุณครับผม

 

รายการที่ 1,237 (คุณ sunmk บูชาแล้วครับ)
เหรียญท้าวเวสสุวรรณ จาตุมหาราชิกา พิมพ์ปรกมะขาม + ผ้ายันต์ท้าวเวสสุวรรณ
เนื้อทองแดงรมดำสอดใส้อัลปาก้า หมายเลข 2689
หลวงปู่ครูบาจันทร์ โชติโก วัดน้ำแป้ง จ.พะเยา





พิธีพุทธาภิเษกเบื้องหน้า พระเจ้าเก้าตื้อพระพุทธรูปที่ได้รับการสรรเสริญว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีเทวดารักษามาแต่ ๕๑๕ ปี เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒

พิธีมหาเทวามังคลาภิเษก ในเมตตาจากพระมหาเถราจารย์ ณ อุโบสถวัดป่าตัน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ๔ - ๖ มิถุนายน ๒๕๖๒ รายนามพระมหาเถราจารย์พุทธาภิเษก ปรกใบมะขามท้าวเวสสุวรรณ ภคลวดีมณฑป ม่อนกุเวร

วันอังคารที่ ๔ มิถนายน ๒๕๖๒
วาระที่ ๑ (รอบเช้า)
พระครูมงคลจันทโชติ หลวงปู่ครูบาจันทร์ โชติโก วัดน้ำแป้งวนาราม อ.ปง จ.พะเยา
วาระที่ ๒ (รอบค่ำ)
หลวงปู่บัวเกตุ ปทุมสิโร วัดป่าปางกื๊ดกิตติธรรม อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่

วันพุธที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๒
วาระที่ ๓ (รอบเช้า)
หลวงปู่ครูบาดวงจันทร์ เขมรโต วัดมะกับตอง อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่
วาระที่ ๔ (รอบบ่าย) ครูบากฤษดา สุเมโธ วัดสันพระเจ้าแดง อ.บ้านธิ จ.ลำพูน
วาระที่ ๕ (รอบค่ำ) พระครุปลัดปฏิภรฑ์ ญาณโสภโณ (ตุ๊พรรณ) เจริญพระคาถาบรรจุหัวใจธาตุทั้งสี่

วันพฤหัสบดีที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๒
วาระที่ ๖ (รอบเช้า) พระครูขันติคุณาธาร (ครูบาดวงจันทร์ ขนฺติธโร) วัดแม่สาบเหนือ ศิษย์เอกสายเหนียว ครูบาสม โอภาโส
วาระที่ ๗ (รอบเย็น) เมตตาอธิษฐานจิตปิดท้ายพิธีพุทธาภิเษก ๓ วัน ๓ คืน พระครูมงคลจันทโชติ หลวงปู่ครูบาจันทร์ โชติโก วัดน้ำแป้งวนาราม อ.ปง จ.พะเยา




ท้าวเวสสุวรรณ เทพแห่งความร่ำรวย มั่งคั่ง เจ้าแห่ง ผี ยักษ์ และ อสูร คุ้มครองป้องกันคุณไสย คุณคน ลมเพลมพัด ท้าวกุเวร มีอีกพระนามหนึ่งที่รู้จักกันดีคือ ท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวเวสสุวัณ) เป็นอธิบดีแห่งอสูร หรือยักษ์ หรือเป็นเจ้าแห่งผี เป็นหนึ่งในบรรดาท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ ผู้คุ้มครองและดูแลโลกมนุษย์ สถิตอยู่บนสวรรค์ชั้นจาตุทรงอิทธิฤทธิ์อานุภาพมากประทับ ณ โลกบาลทิศเหนือ มียักษ์เป็นบริวาร ในสมัยโบราณคนไทยนิยมนำผ้ายันต์รูปยักษ์ผูกไว้ที่หัวเตียงเด็กเพื่อป้องกันวิญญาณชั่วร้ายไม่ให้มารังควานแก่เด็ก ท้าวกุเวรองค์นี้มีกล่าวถึงในอาฏานาฏิยปริตว่า นำเทวดาในสวรรค์ชั้นจตุมหาราชิกา มาเฝ้าพระพุทธเจ้า และได้ถวายสัตย์ที่จะดูแลพระพุทธเจ้าและเหล่าสาวก ไม่ให้ยักษ์หรือบริวารอื่นๆ ของท้าวจตุโลกบาลไปรังควาน ท้าวเวสสุวรรณ เป็นเทพแห่งขุมทรัพย์ เป็นมหาเทพแห่งความร่ำรวย มั่งคั่ง รักษาสมบัติของเทวโลก ทั้งเป็นเจ้านายปกครองดูแลพวกยักษ์ ภูตผีปีศาจทั้งปวง โดยในคัมภีร์เทวภูมิ กล่าวไว้ว่า ท้าวเวสสุวรรณได้บำเพ็ญบารมี มาหลายพันปี รับพรจาก พระอิศวร พระพรหม ให้เป็นเทพแห่งความร่ำรวย

เรียกได้ว่ารวมสุดยอดเกจิอาจารย์ล้านนาเข้าร่วมพิธีปลุกเสก ท้าวเวสสุวรรณปรกใบมะขามองค์นี้เลยครับ รุ่นแรกของหลวงปู่หลายพันล่ะครับใครก็รู้กันดีว่าท้าวเวสสุวรรณเมืองเหนือต้องหลวงปู่จันทร์ครับ

แบ่งบูชา 199 บาท
ส่งฟรีแบบลงทะเบียนครับ

 

รายการที่ 1,238 (ปิดรายการ)
พระอุปัทเทยยะ เนื้อผงพุทธคุณ ลงทอง พ.ศ.2562 (องค์ที่ 5)
หลวงพ่อหนุน วัดพุทธโมกข์ จ.สกลนคร




''พระอุปัทเทยยะ ''
ตำนานพระพุทธรูปลึกลับดำดินและยันต์อุปัทเทยยะ อันลือลั่น.! แห่งวัดพุทธโมกฯ
(พระพุทธรูป-ยันต์ คู่บารมีหลวงพ่อหนุน)

เมื่อสิบกว่าปีก่อนหลวงพ่อหนุน สุวิชโยท่านได้เดินธุดงค์ไปทั่วประเทศ จนไปถึงเมืองลำปาง มีนิมิตว่าเทวดามาบอกให้เข้าไปเอาพระในหุบเขา มีถ้ำลึกลับที่มีสมบัติมีพระพุทธรูปโบราณอยู่ ฝันติดต่อกันอยู่หลายครั้ง จึงได้เดินค้นหาจนไปถึงถ้ำในป่าลึกตามนิมิต แต่ไม่พบองค์พระมีแต่ชิ้นหนังที่รองฐานพระมีอักขระอุปปัทเทยยะ อยู่ ท่านดูเสร็จแล้วเก็บไว้ที่เดิมไม่ได้เอากลับมา
.
หลายปีผ่านไปหลวงพ่อได้มาสร้างวัดพุทธโมกข์ วันหนึ่งในตอนค่ำพระหนุ่มในวัดมีอาการแปลกคล้ายถูกเจ้าเข้า ไปบอกหลวงพ่อให้ไปเอาพระองค์ที่ตามหาอยู่หลายปีเสด็จมาอยู่ที่วัดแล้ว หลวงพ่อและคณะจึงไปตรงสถานที่ที่พระหนุ่มบอก ซึ่งปัจจุบันคือบริเวณก่อนถึงโบสถ์ที่กำลังสร้าง หลวงพ่อได้เตรียมขุดพระซึ่งโผล่มาแต่ยอดเกศ ท่านลองเอามือเขี่ยและโกยดินบริเวณนั้น พระหลุดจากพื้นมาง่ายดาย พระองค์นี้มียันต์อุปัทเทยยะอยู่บริเวณใต้ฐานองค์พระ ซึ่งเคยเห็นในแผ่นหนังและตามนิมิต ท่านจึงนำมาเก็บรักษาไว้จนถึงทุกวันนี้



พระพุทธรูปลึกลับดำดิน.O
....ดึกสงัด..หลังจากทำวัตรเสร็จ4ทุ่ม ในคืนเดือนหงายของช่วงฤดูหนาวที่ผ่านพ้น ราวๆปี2524-2525 (จำพ.ศ.ไม่ได้) ณ ภายในวิหารสวดมนต์วัดพุทธโมกฯ (หลังที่ว่านี้ อยู่ด้านหน้าโบสถ์หิน สมัยนั้นมุงด้วยหญ้าคา)
"ตอนนี้พระพุทธรูปองค์นั้นได้เสด็จมาถึงวัดพระคุณเจ้าแล้ว"
เสียงพูดของเด็กวัดรุ่นใหญ่วัยหนุ่มดังขึ้น ซึ่งเขากำลังคุยอยู่กับหลวงพ่อหนุนนั่นเอง ทั้งสองหันหน้าเข้าหากันในระยะห่างพอประมาณ แต่จะคุยกันด้วยเรื่องอะไรนั้น ผู้เขียนซึ่งนอนเล่นอยู่ใกล้ๆในระยะห่างประมาณ2วา(อยู่ไกลไม่ได้กลัวผี555) ก็ไม่ได้สนใจอะไรตามประสาเด็กๆ (ตอนนั้นผู้เขียนอายุได้ประมาณ9-10ขวบ) แต่พอได้ยินประโยคที่ว่า "ตอนนี้พระพุทธรูปองค์นั้นได้เสด็จมาถึงวัดพระคุณเจ้าแล้ว" ประโยคนี้แหละที่กระตุ้นเร่งเร้าให้ผู้เขียนหันมาสนใจในบุคคลทั้ง2ว่า เอ๊ะ..ผู้ใหญ่2คนนี้กำลังคุยเรื่องอะไรกัน? และสิ่งที่ชวนให้เกิดความพิศวง ชวนสงสัยอีกอย่างก็คือ..ตาเด็กวัดรุ่นพี่แข็ง..ไม่กะพริบ.!!?? (มาเข้าใจในภายหลังว่า อาการแบบนั้นเป็นอาการของพวกพรหมเขาลงมาประสานจิต หรือใช้กำลังฤทธิ์ควบคุมนั่นเอง แต่คนไทยเรานิยมเรียกว่า สิง หรือ เข้าสิง)

สักพักก็เห็นผู้ใหญ่ทั้ง2หยุดคุยกัน แล้วก็จัดแจงแต่งดอกไม้5คู่ เทียนเบี้ย5คู่ใส่จาน แล้วพากันลุกเดินออกไปข้างนอก โดยมุ่งหน้าไปด้านทิศใต้บริเวณลานธรรมปริวาสฯ ซึ่งแต่ก่อนข้างๆลานธรรมนี้จะมีคลองน้ำธรรมชาติ อันเกิดจากการไหลเซาะของน้ำ หากเป็นช่วงหน้าแล้งคลองที่ว่าจะแห้ง และมีหาดหินลูกรังก้อนเล็กๆน่านังเล่นมาก ตอนนี้ผู้เขียนจึงอดไม่ได้ที่จะต้องลุกเดินตามไปดูด้วยความอยากรู้ โดยมีเด็กวัดรุ่นพี่เป็นผู้เดินนำทาง ตามด้วยหลวงพ่อหนุนถือขันธ์ดอกไม้เดินอยู่กลาง แล้วก็ผู้เขียนเดินรั้งท้าย(อย่างกระชันชิดพระกลัวผี) สักพักก็มาถึงคลองน้ำ (ในปัจจุบัน จะเป็นบริเวณด้านขวามือหลังพระประธานลานธรรมปริวาสฯ) พอลงมาไปถึงคลองก็เลี้ยวขวา เดินเลาะไปตามหาดหินลูกรัง เดินไปสักพักประมาณ30วา เด็กวัดรุ่นพี่ก็นิ่ง ซึ่งมีความหมายว่า "ถึงแล้ว" จากนั้นหลวงพ่อหนุน ก็นั่งลงด้วยอาการสำรวมระวังตั้งใจ วางขันดอกไม้ลง จากนั้นท่านก็ใช้มือทั้งสองข้าง คุ้ยหินลูกรังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนนี้ผู้เขียนพยายามเพ่งสายตาฝ่าแสงจันทร์ในคืนเดือนหงายเพื่อที่จะเห็นให้ได้ว่า พระอาจารย์ท่านคุ้ยหาอะไรกัน.!? บรรยากาศตอนนั้น ดู สงบ..เงียบงัน..คุ้ยลึกลงไปไม่ถึงศอก ทันใดก็ปรากฎว่ามีวัตถุลักษณะกลมๆ มียอดแหลมๆ โผล่ปรากฎแก่สายตา. แม้ว่าแสงจันทร์คืนนั้นอาจจะให้ความสว่างได้ไม่มากนักก็ตาม แต่ลักษณะของสิ่งที่เห็นนั้น ทำให้ผู้เขียนมั่นใจร้อยเปอร์เซนว่า สิ่งนั้นคือ เศียรพระพุทธรูป.!! ผู้เขียนอุทานในใจ อ๋อ ที่แท้พวกผู้ใหญ่พากันมาเอาพระพุทธรูปนี่เอง



แล้วหลวงพ่อหนุนก็ใช้สองมือช้อนพระพุทธรูปองค์นั้นขึ้นมาด้วยอาการเคารพและระมัดระวังมาก ต่อจากนั้นจึงได้อุ้มองค์พระเข้าปะดิษฐานในวิหารเพื่อสักการะบูชา โดยมีเด็กวัดรุ่นใหญ่และผู้เขียนเดินตามมาติดๆ พอวันต่อมาหลวงพ่อหนุนจึงสังเกตุดูเนื้อหรือลักษณะขององค์พระพุทธรูปว่ามีลักษณะอย่างไร จึงพอสรุปได้ว่าเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่โบราณเนื้อดินเผา ฐานขององค์พระกว้างประมาณคืบ และพอพลิกใต้ฐานองค์พระขึ้นมาดู จึงได้เห็นอักขระโบราณประมาณ5-6ตัว(ดูในภาพนะ)ซึ่งหลวงพ่อหนุนท่านเองก็อ่านไม่ออก จากนั้นหลวงพ่อหนุนจึงได้นำองค์พระไปให้หลวงปู่เกตุ หรือท่านพระครูพิศาลสิกขยุต อดีตเจ้าอาวาสวัดยอดลำธารบ้านนาแก้ว ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ในละแวกรูปหนึ่งที่หลวงพ่อหนุนนับถือท่านอย่างมากได้ดู หลวงปู่เกตุ ท่านได้เมตตาอ่านและถอดใจความของอักขระนั้นว่า เป็นภาษาโบราณ แปลเป็นภาษาบาลีอ่านว่า อุปัทเทยยะ แปลจากบาลีมาเป็นภาษาไทยว่า ปราศจากอุปัทวันตรายต่างๆ(แนวๆนี้แหละ) หลายๆวันต่อมา..ในทุกๆวันพระหรือวันธรรมดาที่มีพระ-เณร-โยม ไปวัดตอนกลางวันหรือไปฝึกพระกรรมฐานตอนกลางคืน หลวงพ่อหนุนท่านจึงมักจะนำเล่าที่มาของพระพุทธรูปลึกลับองค์นี้ให้บรรดาพระ-เณร-โยม ได้ฟังกันตามที่เวลาและโอกาศจะเอื้ออำนวย ว่าพระพุทธรุปองค์นี้มีที่มายังไง เหตุใดถึงได้ดำดินมาโผล่ที่วัดพุทธโมกฯ และอาศัยที่ผู้เขียนอยู่กับท่านประจำ(เฉพาะช่วงวัยเด็ก)พอได้ยินท่านเล่าบ่อยครั้งเข้า จึงทำให้ผู้เขียนพอจะลำดับเรื่องราวได้ดังต่อไปนี้...

หลวงพ่อได้กล่าวว่า "พระที่แจกไปหน่ะ เก็บไว้ให้ดี ตอนนี้ เหมือนไม่มีค่าอะไร แต่ อีกหน่อย จะตามหากัน... ไม่ถึง 10 ปีหรอก 2 ปี นี่แหละ" (ผ่าน 1 ปี ไปแล้ว) "นิวเคลียร์ รังสี ไม่ต้องไปป้องกันมัน ให้มันทำงานของมันไป แต่ ป้องกันชีวิตของเราได้... มันทำอะไรเราไม่ได้ ก็พอ" "ที่คุ้มครองเราได้ ก็ฤทธิ์ของ เทพ พรหม เทวดา ที่รักษาองค์พระ แต่.. ก็ต้องไม่ประมาท" หลวงพ่อหนุน สุวิชโย วัดพุทธโมกพลาราม อ.โพนนาแก้ว จ.สกลนคร หลวงพ่อหนุนฯ เสกพระฯ "เรากราบอาราธนา พระพุทธเจ้า ทุกๆพระองค์ ทรงเสด็จมาเป็นประธาน ในพิธีพุทธาภิเษก ทุกๆครั้ง แล้วจะไม่มีผลได้อย่างไร ให้มันรู้กันไปซิ"

แบ่งบูชา 199 บาท
ส่งฟรีแบบลงทะเบียนครับ

 

ปิด 2 รายการนี้ครับ ขอบคุณหลังไมค์คร้าบ

 

ขอบคุณที่แจ้งให้ทราบพี่

 

ปิดรายการนี้ให้หลังไมค์อีกหนึ่ง ขอบคุณครับบ

 

รายการจัดส่งพระวันนี้ครับ
08/03/2565

- คุณ ณัฐกร 2KTU004 (Kerry Express)
- คุณ สิริ ED275188693TH
- คุณ สลี RL259378274TH

ขอบคุณครับผม

 

รายการที่ 1,239 (ุคุณ romegat บูชาแล้วครับ)
หนุมานแกะจากไม้พยุง พ.ศ.2539 (ตนที่ 2)
หลวงพ่อแล วัดพระทรง จ.เพชรบุรี




หลวงพ่อแล วัดพระทรง จ.เพชรบุรี "พระดีมีวิชา ศิษย์ 15 คณาจารย์ดัง" ท่านเป็นศิษย์สายหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง และหลวงพ่อเพลิน วัดหนองไม้เหลือง อดีต ๒ พระเกจิชื่อดังแห่งเมืองเพชร เป็นเกจิอาจารย์แห่งเพชรบุรีที่มีชื่อเสียงโด่งดัง โดยเฉพาะในเรื่องของการสักยันต์ที่เลืองลือมานาน ยันต์หนุมานตัวที่ 1- ตัว 9 ที่มีความเข้มขลังอย่างมาก มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ซึ่งต่างก็เชื่อมั่นในความขลังของอักขณะเลขยันต์จึงมีคนมาสักยันต์กันเป็นจำนวนมาก

พร้อมกันนั้นท่านยังสร้างและปลุกเสกวัตถุมงคลครื่องรางของขลัง พุทธคุณดีในทางแคล้วคลาด เมตตามหานิยม ทำมาค้าขายกำไร นับเป็นสิ่งมงคลที่ทรงคุณค่า ครบเครื่องเรื่องพุทธคุณไว้เป็นที่พี่ง เพื่อปกป้องคุ้มกันภยันอันตรายต่างๆ



วันที่ 10 มี.ค.2551 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระครูธรรมธรแล ทิตตโพ หรือหลวงพ่อแล อดีตเจ้าอาวาสวัดพระทรง ต.ท่าราบ อ.เมืองเพชรบุรี ซึ่งเป็นพระเกจิชื่อดังของเพชรบุรีได้มรณะภาพอย่างสงบที่โรงพยาบาลเพชรรัตช์ หลังจากอาพาธเพราะมีอาการติดเชื้อทางกระแสโลหิต ต้องเข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตั้งวันที่ 16 พ.ย. 50 จนกระทั่งมรณภาพลง สิริอายุได้ 92 ปี

ยันต์หนุมานต่างๆของ หลวงพ่อแล วัดพระทรง เพชรบุรี เป็นยันต์ที่ได้รับความนิยมในการสักสูงที่สุด ค่าครูในการสักสูงที่สุด ประสบการณ์เพียบ เสน่ห์ เมตตา แคล้วคลาด คงกระพัน ไม่ได้สักยันต์กับท่านพกหนุมานของท่านก็พอคุ้มตัวอยู่แน่นอนครับ



องค์นี้สูงประมาณ 3.8 ซม ใต้ฐานจาร อุ ซองเดิมจากวัด
แบ่งบูชา 549 บาท
ส่งฟรีแบบลงทะเบียนครับ

 

รายการที่ 1,240 (คุณ sunmk บูชาแล้วครับ)
เหรียญรุ่นแรกเนื้อทองฝาบาตร พ.ศ.2548
หลวงปู่ครูบาตั๋น ปัญโญ สำนักสงฆ์ม่อนปู่อิ่น จ.เชียงใหม่





รายละเอียดการจัดสร้างเหรียญรุ่นแรกนี้จัดสร้างเพื่อสมทบทุนทอดป่าผ้า สร้างทางลาดยางขึ้นม่อนปู่อิ่น เนื้อเงิน กับ นวะ ได้แจกจ่ายแก่หัวหน้าคณะผ้าป่า เนื้อทองแดงปั๊มเนื้อสุดท้ายไม่สวยจึงเก็บเอาไว้แต่แจกจ่ายไปในสมัยนั้นประมาณ 2-3 เหรียญ ที่เหลือได้รับมอบคืนจากคณะจัดสร้างในภาย 197 เหรียญ ทางวัดนำมาตอกโค๊ทและได้ออกให้บูชาในปี 52 เหรียญละ 2000 บาท และก็ได้หมดไปอย่างรวดเร็วในเวลาต่อมา ส่วนเหรียญทองฝาบาตรสร้างจำนวน 3000 เหรียญ แจกพร้อมซองผ้าป่า 1 ซอง ใส่ปัจจัยกี่บาทก็ได้ไม่กำหนดราคาได้ 1 เหรียญ ที่เหลือจากการทอดผ้าป่าแล้วหลวงปู่ท่านแจกญาติโยมที่มาทำบุญกับท่านส่วนใหญ่สมัยนั้นได้ที่ละเป็นกำ (กำมือ) ใครมาท่านก็แจกอย่างเดียวจนหมด ปัจจุบันไม่เหลือตกค้างที่วัดเลย เหรียญรุ่นนี้นับได้ว่าเป็นเหรียญรุ่นแรกของท่าน ท่านอธิฐานจิตเดี่ยวในกุฐิท่านทุกวัน กราบไหว้พระเช้าเย็น นานอยู่หลายเดือน ก่อนออกนำมาแจกจ่ายให้ญาติโยม

ประวัติการจัดสร้างจากคุณ เนาว์ นรญาณ

หนึ่งใน "ความยาก" ที่ "หนูทำได้" จนสำเร็จงดงามมาแล้วอีกชุดหนึ่งก็คือ
"เหรียญรุ่นแรก ครูบาตั๋น สำนักสงฆ์ม่อนปู่อิ่น กิ่งอ.ดอยหล่อ เชียงใหม่" นั่นเอง
จำได้ว่า ครั้งแรกที่มีวาสนาไปกราบครูบาตั๋นนั้น เกิดจากหลังเสร็จพิธีทำบุญอายุครบ 99 ของครูบาอิน วัดฟ้าหลั่ง เชียงใหม่
ที่ในเวลานั้น ครูบาอินได้ย้ายมาพำนักที่วัดคันธาวาส (ทุ่งปุย) เรียบร้อยแล้ว
ผมก็ได้ติดตาม "ครูบาบุญปั๋น วัดร้องขุ้ม เชียงใหม่" ที่จะไปเยี่ยม "ครูบาตั๋น สำนักสงฆ์ม่อนปู่อิ่น"
ซึ่งอยู่ใน "ซอย" เดียวกันกับวัดทุ่งปุย
เมื่อได้กราบครูบาตั๋นเสร็จ พระอาจารย์สิทธิพงศ์ สิทธิปัญโญ พระอุปัฏฐากครูบาบุญปั๋นก็ได้หันมาบอกกับผมว่า
"ครูบาตั๋นท่านไม่นิยมสร้างวัตถุมงคล โดยเฉพาะเหรียญนี้ไม่เคยมีมาก่อนเลย......."
และ
"ถ้าอย่างไร โยมพี่เนาว์ลองขอครูบาท่านทำดูสิ"
เมื่อได้ฟัง ผมก็ได้แต่ยิ้มๆ และยังมิได้ตอบรับว่ากระไร
เพราะ "เพิ่งจะรู้จัก" และ "เห็นหน้า" ครูบาตั๋นครั้งแรกเอง
ยังไม่ทราบ "กิตติศัพท์" และ "คุณธรรมเบื้องลึก" ว่าเป็นเช่นไรเลย
เอาไว้ "ศึกษา" จน "รู้แจ้ง" ก่อน แล้วค่อยคิดสร้าง ก็คงยังไม่สายไปเป็นแน่
ประกอบกับตอนนั้น ส่วนตัวของผมมี "ครูบาอิน" เป็น "นัมเบอร์วัน" ในใจอยู่แล้ว
จึงยากจะ "แบ่งใจ" ไปทำอะไรที่ไหนโดย"ไม่รู้หรือไม่มีเหตุถึงขนาด" หาได้ไม่
แต่หลังจากนั้น หลังจากที่ไปกราบครูบาอิน ที่วัดทุ่งปุยแล้ว ผมและคณะก็จะเลยไปกราบครูบาตั๋น ที่ม่อนปู่อิ่นเสมอๆ
และวันหนึ่ง หลังจากที่ได้ทราบ "คุณธรรม" และ "เกียรติคุณ" แห่งครูบาม่อนปู่อิ่นจนเป็นที่ "ลงใจ" แล้ว
จึงเห็นควรว่า หากเราจะสร้างเหรียญถวายครูบาตั๋นสักรุ่นหนึ่ง ก็ควรแท้
แต่ท่านจะอนุญาตหรือไม่ ก็ไม่อาจจะรู้ได้
เพราะ "กิตติศัพท์" ที่ได้ยินจากพระอุปัฏฐากครูบาบุญปั๋นยังก้องอยู่ในหูมิรู้หายว่า
"ครูบาตั๋นท่านสร้างของยาก เหรียญนี้ไม่เคยอนุญาตให้ใครทำเลย"
แต่แม้กระนั้น ผมก็ได้แต่ "กลั้นใจ" เสี่ยงกราบเรียนถามครูบาตั๋นไปในทันใดว่า
"ครูบาขอรับ ถ้าผมจะขออนุญาตสร้างเหรียญครูบาสักรุ่นหนึ่ง ครูบาจะเมตตาอนุญาตไหมขอรับ...??????????????????????????"
พร้อมกันนั้น ผมก็เตรียม"ทำใจ"ไว้เรียบร้อยแล้วว่า
"ไหนๆ ก็ไหนๆละ"
และ
"ถ้าครูบาตั๋นไม่อนุญาต เราก็มีครูบาอินอยู่ทั้งองค์อยู่แล้ว จะสร้างจะเสกอย่างไรก็ได้นิ"
แต่.................................
การณ์กลับ "ตาละปัตร" อย่างคาดไม่ถึง
เมื่อครูบาตั๋น สำนักสงฆ์ม่อนปู่อิ่น ตอบกลับมาสั้นๆในทันใดว่า
"ได้....!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"
แถมครูบาตั๋นยังได้เขียน
"ชื่อ,ฉายา,วัด"
และ
"คาถาเมตตา"
สำหรับใส่ในเหรียญทั้ง "ตั๋วเมือง" และ "ตัวไทย" อย่างพร้อมสรรพ
ต่อหน้าเพื่อนๆและผู้คนหลายคน
อีกด้วย
และนี่ ก็คือปฐมกำเนิดแห่ง
"เหรียญรุ่นแรก ครูบาตั๋น ปัญโญ สำนักสงฆ์ม่อนปู่อิ่น เชียงใหม่"
พ.ศ.2545
อีกหนึ่งในเหรียญสวย เหรียญดี เหรียญดัง
ยุคเดียวกับเหรียญ "ไจยะเบงชร ครูบาอิน"
ที่โด่งดังทะลุฟ้าไปเรียบร้อยแล้ว
(เช่นเดียวกับครูบาตั๋น ที่เมื่อครั้งไปกราบขออนุญาตสร้างพระ "ไจยะเบงชร" สั้นๆเพียงคำสองคำ ครูบาอินก็ร้อง "อื้อ" อนุญาตมาให้ในทันที (ดีนะ ที่ครูบาไม่ร้อง "อ้าว" เพราะอาจจะ "งานเข้า" ข้าพเจ้าได้ง่ายๆเลยทีเดียวเจียวนะเจ้า^^)พร้อมกับเซ็นหนังสืออนุญาตให้เสร็จสรรพอีกด้วย)
เอวํ ก็มีด้วยประการฉะนี้แหละจ้าว



จดหมายเหตุ เหรียญครูบาตั๋น สำนักสงฆ์ม่อนปู่อิ่น อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ รุ่นแรก
(ก๊อปจากข้อมูลเก่าที่เขียนในเฟซบุ๊คเมื่อ 6 ปีที่แล้ว)
***********************************************************************
เรื่องของเรื่องที่ผมจะได้ไปช่วยออกแบบ,สร้างเหรียญครูบาตั๋น สำนักสงฆ์ม่อนปู่อิ่น เชียงใหม่ ก็เกิดจากการที่ได้ตามครูบาบุญปั๋น วัดร้องขุ้มกลับจากงานสืบชะตาวันเกิดครูบาอินที่วัดทุ่งปุย ขากลับ ครูบาบุญปั๋นได้แวะเยี่ยมครูบาตั๋น ทำให้ผมได้รู้จักกับครูบาตั๋นเป็นคราวแรกๆ
ตอนนั้น ศิษย์ครูบาบุญปั๋นบอกให้ทราบมาก่อนว่า ครูบาตั๋นไม่นิยมสร้างวัตถุมงคลใดๆ
พร้อมกับยุให้ผมลองขอสร้างดูสิ
ตอนนั้น ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะยังอินกับครูบาอินเป็นนัมเบอร์วันอยู่
แต่ พอผมลองออกปากขอครูบาตั๋นสร้างเหรียญตามแรงยุ ท่านกลับอนุญาตให้สร้างได้ในทันที ท่ามกลางความตื่นตะลึงและฮือฮาแก่ศิษย์ครูบาบุญปั๋นและทุกๆคนที่อยู่ในเหตุการณ์เป็นอย่างยิ่ง
พร้อมนี้ ผมยังได้กราบขอให้ครูบาตั๋นเขียนชื่อและอักขระคาถาที่จะมาใส่ในเหรียญให้พร้อมสรรพอีกด้วย ซึ่งครูบาตั๋นก็เมตตาเขียนให้ตามที่ร้องขอทุกประการ
เกือบลืมบอกไป รูปที่นำมาเป็นต้นแบบให้ช่างแกะเหรียญครูบาตั๋น รุ่นแรกอันลือลั่นนี้ ผมเป็นคนถ่ายเอง และเป็นภาพตัดต่อด้วย เพราะรูปถ่ายเดิมจริงๆไม่เต็มศีรษะท่าน ด้วยอุบัติเหตุบังเอิญบางประการ แต่เป็นรูปที่ท่านยิ้มน่ารักที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา เลยนำมาให้ช่างแกะใบหน้าท่าน ส่วนศรีษะที่ตกเฟรมให้ช่างแกะจินตนาการจากภาพอื่นที่ถ่ายเต็มๆแทน ไม่ใช่รูปที่คนนำไปลงหนังสือแล้วว่าเป็นรูปต้นแบบเหรียญใดๆ
เหรียญครูบาตั๋นนี้ ว่าไป เป็นลายมือของครูบาทั้งหน้าและหลังทั้งหมด ยกเว้นแต่ พ.ศ. เท่านั้น เพื่อยังความเป็นตัวตนของครูบาให้บังเกิดขึ้นอย่างบริบูรณ์
เพราะเหตุที่เพิ่งรู้จักครูบาตั๋นใหม่ๆ และยังไม่ได้อินอะไรกับท่านมากอย่างที่ว่า (ก็บอกแล้วว่า ตอนนั้นกำลังอินกับครูบาอินแบบสุดๆอยู่) เพื่อส่งงานให้ช่างแล้ว ก็ไม่ได้ไปตามงานอะไรเลย จนกระทั่งช่างแกะบล็อคเสร็จ ก็ให้โรงปั๊มรับไปปั๊มต่อ และให้ช่วยให้ส่งทางรสพไปเชียงใหม่โดยที่ไม่ได้ไปตรวจงานไปเฝ้าไปติชมอะไรแม้สักครั้ง แต่เหรียญก็ออกมาสวยงามน่าอัศจรรย์ นับเป็นบุญบารมีของครูบาตั๋นโดยเฉพาะโดยแท้
จนกระทั่งขึ้นไปเชียงใหม่และเห็นเหรียญของจริงเข้า ก็แทบซู๊ดปากว่า "ช่างสวยและน่ารักอะไรเช่นนี้..????" ว่าแล้ว ก็คัดเหรียญเงินสวยกริ๊บๆไว้ 2 เหรียญ และเนื้อนวะอีก 2 -3 เหรียญไว้เป็นที่ระลึก โดยไม่ได้นึกเลยว่า ต่อมาเหรียญนี้จะกลายเป็นเหรียญดัง สูงค่า ราคาแพงของภาคเหนือไล่ๆกับเหรียญไจยะเบงชร ครูบาอิน วัดฟ้าหลั่งที่ผมก็เป็นขออนุญาติสร้าง,ออกแบบเช่นกันในทุกวันนี้เลยแม้สักน้อย....
จำได้ว่า เหรียญครูบาตั๋น รุ่นแรก เนื้อเงินซึ่งสร้างเพียง 9 เหรียญจะตกอยู่กับคณะผู้สร้าง ได้แก่ผม(คนขออนุญาต,ออกแบบ),คุณนก (ผู้ออกทุนสร้าง),คุณโอ๋ ลำพูน (คนนำเหรียญไปให้ครูบาเสก),คุณตุ๋ย ฮานาโกะ และประธานสร้างทางขึ้นม่อนปู่อิ่นในปีเดียวกันนั้น คือคุณดวงใจ หทัยกาญจน์ ดาราอาวุโสชื่อดัง จึงยากนักยากหนาที่จะหลุดไปถึงมือคนนอกได้......
เหรียญรุ่นแรกนี้ จำได้อีกเช่นกันว่า ครูบาตั๋นเอาไว้ใต้โต๊ะหมู่ในกุฏิ แล้วเสกนานนับเดือนกว่าจะนำออกมาแจกในงานทอดผ้าป่าสร้างถนนขึ้นสำนักม่อนปู่อิ่น เมื่อไปตรวจพุทธคุณแล้ว ก็พบด้วยความตื่นใจว่า พลังจิตท่านวิจิตรพิศดารมาก แถมยังมีวิชชาอาคมแฝงอยู่อีกด้วย ซึ่งเป็นอันตรงกันข้ามกับที่คิดว่า ครูบาเป็นพระปฏิบัติอย่างเดียว ไม่รู้ไม่ได้เรียนอาคมใดๆไปไกลลิบเลย..!



แบ่งบูชา 999 บาท
ส่งฟรีแบบลงทะเบียนครับ

 

รับทราบการจองทั้งสองรายการ (1237 + 1240 ใช่ไหมครับ)
ขอบคุณครับผม

 

รายการที่ 1,241 (คุณ วิจิตร กณะโกมล จองแล้วครับ)
พระอุปัทเทยยะ เนื้อผงพุทธคุณ ลงทอง พ.ศ.2562 (องค์ที่ 6)
หลวงพ่อหนุน วัดพุทธโมกข์ จ.สกลนคร




''พระอุปัทเทยยะ ''
ตำนานพระพุทธรูปลึกลับดำดินและยันต์อุปัทเทยยะ อันลือลั่น.! แห่งวัดพุทธโมกฯ
(พระพุทธรูป-ยันต์ คู่บารมีหลวงพ่อหนุน)

เมื่อสิบกว่าปีก่อนหลวงพ่อหนุน สุวิชโยท่านได้เดินธุดงค์ไปทั่วประเทศ จนไปถึงเมืองลำปาง มีนิมิตว่าเทวดามาบอกให้เข้าไปเอาพระในหุบเขา มีถ้ำลึกลับที่มีสมบัติมีพระพุทธรูปโบราณอยู่ ฝันติดต่อกันอยู่หลายครั้ง จึงได้เดินค้นหาจนไปถึงถ้ำในป่าลึกตามนิมิต แต่ไม่พบองค์พระมีแต่ชิ้นหนังที่รองฐานพระมีอักขระอุปปัทเทยยะ อยู่ ท่านดูเสร็จแล้วเก็บไว้ที่เดิมไม่ได้เอากลับมา
.
หลายปีผ่านไปหลวงพ่อได้มาสร้างวัดพุทธโมกข์ วันหนึ่งในตอนค่ำพระหนุ่มในวัดมีอาการแปลกคล้ายถูกเจ้าเข้า ไปบอกหลวงพ่อให้ไปเอาพระองค์ที่ตามหาอยู่หลายปีเสด็จมาอยู่ที่วัดแล้ว หลวงพ่อและคณะจึงไปตรงสถานที่ที่พระหนุ่มบอก ซึ่งปัจจุบันคือบริเวณก่อนถึงโบสถ์ที่กำลังสร้าง หลวงพ่อได้เตรียมขุดพระซึ่งโผล่มาแต่ยอดเกศ ท่านลองเอามือเขี่ยและโกยดินบริเวณนั้น พระหลุดจากพื้นมาง่ายดาย พระองค์นี้มียันต์อุปัทเทยยะอยู่บริเวณใต้ฐานองค์พระ ซึ่งเคยเห็นในแผ่นหนังและตามนิมิต ท่านจึงนำมาเก็บรักษาไว้จนถึงทุกวันนี้



พระพุทธรูปลึกลับดำดิน.O
....ดึกสงัด..หลังจากทำวัตรเสร็จ4ทุ่ม ในคืนเดือนหงายของช่วงฤดูหนาวที่ผ่านพ้น ราวๆปี2524-2525 (จำพ.ศ.ไม่ได้) ณ ภายในวิหารสวดมนต์วัดพุทธโมกฯ (หลังที่ว่านี้ อยู่ด้านหน้าโบสถ์หิน สมัยนั้นมุงด้วยหญ้าคา)
"ตอนนี้พระพุทธรูปองค์นั้นได้เสด็จมาถึงวัดพระคุณเจ้าแล้ว"
เสียงพูดของเด็กวัดรุ่นใหญ่วัยหนุ่มดังขึ้น ซึ่งเขากำลังคุยอยู่กับหลวงพ่อหนุนนั่นเอง ทั้งสองหันหน้าเข้าหากันในระยะห่างพอประมาณ แต่จะคุยกันด้วยเรื่องอะไรนั้น ผู้เขียนซึ่งนอนเล่นอยู่ใกล้ๆในระยะห่างประมาณ2วา(อยู่ไกลไม่ได้กลัวผี555) ก็ไม่ได้สนใจอะไรตามประสาเด็กๆ (ตอนนั้นผู้เขียนอายุได้ประมาณ9-10ขวบ) แต่พอได้ยินประโยคที่ว่า "ตอนนี้พระพุทธรูปองค์นั้นได้เสด็จมาถึงวัดพระคุณเจ้าแล้ว" ประโยคนี้แหละที่กระตุ้นเร่งเร้าให้ผู้เขียนหันมาสนใจในบุคคลทั้ง2ว่า เอ๊ะ..ผู้ใหญ่2คนนี้กำลังคุยเรื่องอะไรกัน? และสิ่งที่ชวนให้เกิดความพิศวง ชวนสงสัยอีกอย่างก็คือ..ตาเด็กวัดรุ่นพี่แข็ง..ไม่กะพริบ.!!?? (มาเข้าใจในภายหลังว่า อาการแบบนั้นเป็นอาการของพวกพรหมเขาลงมาประสานจิต หรือใช้กำลังฤทธิ์ควบคุมนั่นเอง แต่คนไทยเรานิยมเรียกว่า สิง หรือ เข้าสิง)

สักพักก็เห็นผู้ใหญ่ทั้ง2หยุดคุยกัน แล้วก็จัดแจงแต่งดอกไม้5คู่ เทียนเบี้ย5คู่ใส่จาน แล้วพากันลุกเดินออกไปข้างนอก โดยมุ่งหน้าไปด้านทิศใต้บริเวณลานธรรมปริวาสฯ ซึ่งแต่ก่อนข้างๆลานธรรมนี้จะมีคลองน้ำธรรมชาติ อันเกิดจากการไหลเซาะของน้ำ หากเป็นช่วงหน้าแล้งคลองที่ว่าจะแห้ง และมีหาดหินลูกรังก้อนเล็กๆน่านังเล่นมาก ตอนนี้ผู้เขียนจึงอดไม่ได้ที่จะต้องลุกเดินตามไปดูด้วยความอยากรู้ โดยมีเด็กวัดรุ่นพี่เป็นผู้เดินนำทาง ตามด้วยหลวงพ่อหนุนถือขันธ์ดอกไม้เดินอยู่กลาง แล้วก็ผู้เขียนเดินรั้งท้าย(อย่างกระชันชิดพระกลัวผี) สักพักก็มาถึงคลองน้ำ (ในปัจจุบัน จะเป็นบริเวณด้านขวามือหลังพระประธานลานธรรมปริวาสฯ) พอลงมาไปถึงคลองก็เลี้ยวขวา เดินเลาะไปตามหาดหินลูกรัง เดินไปสักพักประมาณ30วา เด็กวัดรุ่นพี่ก็นิ่ง ซึ่งมีความหมายว่า "ถึงแล้ว" จากนั้นหลวงพ่อหนุน ก็นั่งลงด้วยอาการสำรวมระวังตั้งใจ วางขันดอกไม้ลง จากนั้นท่านก็ใช้มือทั้งสองข้าง คุ้ยหินลูกรังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนนี้ผู้เขียนพยายามเพ่งสายตาฝ่าแสงจันทร์ในคืนเดือนหงายเพื่อที่จะเห็นให้ได้ว่า พระอาจารย์ท่านคุ้ยหาอะไรกัน.!? บรรยากาศตอนนั้น ดู สงบ..เงียบงัน..คุ้ยลึกลงไปไม่ถึงศอก ทันใดก็ปรากฎว่ามีวัตถุลักษณะกลมๆ มียอดแหลมๆ โผล่ปรากฎแก่สายตา. แม้ว่าแสงจันทร์คืนนั้นอาจจะให้ความสว่างได้ไม่มากนักก็ตาม แต่ลักษณะของสิ่งที่เห็นนั้น ทำให้ผู้เขียนมั่นใจร้อยเปอร์เซนว่า สิ่งนั้นคือ เศียรพระพุทธรูป.!! ผู้เขียนอุทานในใจ อ๋อ ที่แท้พวกผู้ใหญ่พากันมาเอาพระพุทธรูปนี่เอง



แล้วหลวงพ่อหนุนก็ใช้สองมือช้อนพระพุทธรูปองค์นั้นขึ้นมาด้วยอาการเคารพและระมัดระวังมาก ต่อจากนั้นจึงได้อุ้มองค์พระเข้าปะดิษฐานในวิหารเพื่อสักการะบูชา โดยมีเด็กวัดรุ่นใหญ่และผู้เขียนเดินตามมาติดๆ พอวันต่อมาหลวงพ่อหนุนจึงสังเกตุดูเนื้อหรือลักษณะขององค์พระพุทธรูปว่ามีลักษณะอย่างไร จึงพอสรุปได้ว่าเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่โบราณเนื้อดินเผา ฐานขององค์พระกว้างประมาณคืบ และพอพลิกใต้ฐานองค์พระขึ้นมาดู จึงได้เห็นอักขระโบราณประมาณ5-6ตัว(ดูในภาพนะ)ซึ่งหลวงพ่อหนุนท่านเองก็อ่านไม่ออก จากนั้นหลวงพ่อหนุนจึงได้นำองค์พระไปให้หลวงปู่เกตุ หรือท่านพระครูพิศาลสิกขยุต อดีตเจ้าอาวาสวัดยอดลำธารบ้านนาแก้ว ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ในละแวกรูปหนึ่งที่หลวงพ่อหนุนนับถือท่านอย่างมากได้ดู หลวงปู่เกตุ ท่านได้เมตตาอ่านและถอดใจความของอักขระนั้นว่า เป็นภาษาโบราณ แปลเป็นภาษาบาลีอ่านว่า อุปัทเทยยะ แปลจากบาลีมาเป็นภาษาไทยว่า ปราศจากอุปัทวันตรายต่างๆ(แนวๆนี้แหละ) หลายๆวันต่อมา..ในทุกๆวันพระหรือวันธรรมดาที่มีพระ-เณร-โยม ไปวัดตอนกลางวันหรือไปฝึกพระกรรมฐานตอนกลางคืน หลวงพ่อหนุนท่านจึงมักจะนำเล่าที่มาของพระพุทธรูปลึกลับองค์นี้ให้บรรดาพระ-เณร-โยม ได้ฟังกันตามที่เวลาและโอกาศจะเอื้ออำนวย ว่าพระพุทธรุปองค์นี้มีที่มายังไง เหตุใดถึงได้ดำดินมาโผล่ที่วัดพุทธโมกฯ และอาศัยที่ผู้เขียนอยู่กับท่านประจำ(เฉพาะช่วงวัยเด็ก)พอได้ยินท่านเล่าบ่อยครั้งเข้า จึงทำให้ผู้เขียนพอจะลำดับเรื่องราวได้ดังต่อไปนี้...

หลวงพ่อได้กล่าวว่า "พระที่แจกไปหน่ะ เก็บไว้ให้ดี ตอนนี้ เหมือนไม่มีค่าอะไร แต่ อีกหน่อย จะตามหากัน... ไม่ถึง 10 ปีหรอก 2 ปี นี่แหละ" (ผ่าน 1 ปี ไปแล้ว) "นิวเคลียร์ รังสี ไม่ต้องไปป้องกันมัน ให้มันทำงานของมันไป แต่ ป้องกันชีวิตของเราได้... มันทำอะไรเราไม่ได้ ก็พอ" "ที่คุ้มครองเราได้ ก็ฤทธิ์ของ เทพ พรหม เทวดา ที่รักษาองค์พระ แต่.. ก็ต้องไม่ประมาท" หลวงพ่อหนุน สุวิชโย วัดพุทธโมกพลาราม อ.โพนนาแก้ว จ.สกลนคร หลวงพ่อหนุนฯ เสกพระฯ "เรากราบอาราธนา พระพุทธเจ้า ทุกๆพระองค์ ทรงเสด็จมาเป็นประธาน ในพิธีพุทธาภิเษก ทุกๆครั้ง แล้วจะไม่มีผลได้อย่างไร ให้มันรู้กันไปซิ"

แบ่งบูชา 199 บาท
ส่งฟรีแบบลงทะเบียนครับ

 

รายการที่ 1,242 (คุณ thavornsiripat บูชาแล้วครับ)
แหวนหยกกันมะเร็ง
หลวงพ่อวิชัย เขมิโย วัดถ้ำผาจม อ.แม่สาย จ.เชียงราย




หลวงพ่อวิชัยท่านเป็นพระผู้ทรงสุปฏิปันโน ผู้ทรงละแล้วซึ่งทางโลก ในสายหลวงปู่มั่น ท่านสำเร็จวิชาเสกหยกกันมะเร็งจากครูบาอาจารย์ที่มาสอนท่านในสมาธิ ทำให้ท่านเองมีวิชาทำแหวนและกำไลใส่กันมะเร็งได้ ท่านยังกล่าวยืนยันและยอมรับว่า หยกของท่านที่ผ่านการปลุกเสกแล้วสามารถช่วยปรับธาตุในร่างกายให้แข็งแรง ดูดสารพิษ ดูดโรคภัยในร่างกายได้ โดยเฉพาะโรคมะเร็งที่ท่านได้กล่าวยืนยันว่าสามารถป้องกันได้จริงหากสวมใส่อยู่ตลอดเวลา โดยมีเคล็ดว่าต้องให้หินหยกติดแนบเนื้อผิวหนังอยู่ตลอด



หินหยกเสกของท่านมีประสบการณ์มากมาย เช่น หลวงพ่อวิชัยท่านเล่าว่า ครั้งหนึ่งท่านได้นิมนต์ไปประเทศเยอรมันนี ที่เมืองลูเบค ระหว่างนั้นท่านได้พบกับหญิงชาวเยอรมันนีผู้หนึ่งป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย หมอบอกว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่ถึงเดือน มีร่างกายซูบผอมมากเดินไม่ได้ ท่านเห็นแล้วจึงเกิดความสงสาร ด้วยความเมตตาท่านจึงมอบกำไลหยกเสกกันมะเร็งไปให้หญิงฝรั่งที่ป่วยนั้นไว้ติดตัว จากนั้นท่านก็กลับมาประเทศไทย ต่อมาเวลาผ่านไปหนึ่งปี ท่านได้มีนิมนต์ไปประเทศเยอรมันนีอีกครั้งหนึ่ง และมีโอกาสกลับไปที่เมืองเดิม ท่านก็ไปพบหญิงฝรั่งคนเดิมที่เคยป่วยหนัก คราวนี้มายืนต้อนรับท่านด้วยความปลื้มปิติแทบร่ำไห้ ด้วยร่างกายที่สดใส อ้วนท้วนแข็งแรง เช่นคนปกติ เธอได้กล่าวว่า ด้วยกำไลหยกเสกที่หลวงพ่อวิชัยท่านเมตตามอบให้เธอเมื่อปีก่อนนั้นทำให้เธอหายจากโรคมะเร็งระยะสุดท้าย เธอมีความปลื้มปิติและศรัทธาในพระคุณหลวงพ่อวิชัยเป็นอย่างมาก เธอกล่าวว่าท่านเหมือนพระเจ้าที่ได้มอบชีวิตใหม่ให้กับเธอ ถึงกับเรียกหลวงพ่อวิชัยว่า ปาป๊า เลยทีเดียว



หมายเหตุ : ท่านไม่ได้รับรองว่าทุกคนที่เป็นจะต้องหายทั้งหมด แต่เรื่องกันไม่ให้เป็นนี่ท่านรับรองแต่ต้องใสไว้ตลอด ท่านว่าหยกเขามีคุณสมบัติปรับธาตุในร่างกายให้สมดุลแข็งแรง ถ้ามีโรคภัยในตัวหยกเขาจะดูดออกแล้วสีของหยกจะเข้มขึ้น ท่านไม่มีเคล็ดอะไร ท่านบอกให้อธิษฐานเอา

ไซส์ใหญ่พอสมควรครับ เหมาะสำหรับคนนิ้วใหญ่
แบ่งบูชา 449 บาท
ส่งฟรีแบบลงทะเบียนครับ

 

รับทราบการจอง ขอบคุณครับ

 

หมดแล้วคร้าบท่าน

 

รับทราบการจองครับ ขอบคุณครับบบ