พลังงูไฟ( กุลฑณี )

เอิ้กๆ.....อ่านแล้วรู้สึกขำ จักรกะที่1เขามีข้อห้าม อย่างชัดเจน ว่าห้ามกระตุ้น แต่มีหลายท่านแถวนี้ ละเมิดข้อห้าม ซึ่งผล ก็น่าจะรู้กันอยู่แล้ว ว่าเวลา ที่พลังกุลทาลินี ตื่นขึ้นมา ในขณะที่ร่างกายไม่พร้อม สภาวะธรรมยังไม่พร้อม จะเป็นยังไง ก็ขอให้ทุกท่านที่ละเมิดข้อห้าม ไปหาที่รักษาตัวกันนะจ๊ะ อ้อลืมบอกไปว่าพลังกุลทาลินี จะขึ้นเมือร่างกายพร้อม สภาวะธรรมพร้อม และจะขึ้นเพียงเสี้ยววินาที แค่ครั้งเดียว นะจ๊ะ เมื่อขึ้นแล้วจะมีอภิญญาทันที

 

อันตรายเนาะ

 

ไม่อันตราย ถ้าไม่กระตุ้นจักรหนึ่ง และไม่ฝึกแหวกแนว อย่าฝึกเดินลมปราน ขณะฝึกวิชาจักรกระ เพราะจะเกิดเอฟเฟคทับซ้อนกัน มีอันตราย ต่อผู้ฝึก ควรเว้นระยะ แยกกันฝึกห่างกันสักสามเดือน จะปลอดภัย ผู้ที่พลังกุนทาลินี ขึันแล้ว จะเป็นผู้ทีมีดีเอ็นเอพิเศษเท่านั้น ฉนั้น ในรายที่ฝึกแล้วไม่ได้กุนทาลินี เป็นเพราะ ดีเอ็นเอไม่รองรับพลังงานระดับสูง

 

งืม

 

การฝึกแบบ ราชาโยคะ กับการฝึกแบบวิชาจักรกะ มีจุดประสงค์ ไม่เหมือนกัน เอามารวมกันไม่ได้ นะจ๊ะ

 

เขียน ๑๐.๓๓

ด้ายยย ทำไมจะไม่ได้ เราทำมาแล้ว
แถมการเดินลมปราณ กะอานาปาด้วย
ยังมีวิชาอื่นๆ อีกตะหาก ฝึกแบบค็อกเทล
หายใจรอบเดียว จิตกำหนดไปสามสี่วิชาก็มี
อยู่ในท่าโยคะ แต่หายใจใส่จักระ หรืออานาปา
ก็เคยทำอยู่บ่อยไป แต่อาจจะไม่เหมาะกะทุกคนนะ


กระต่ายป่า วิชาเต็ม ท้องกะพี่น้องญาติเพื่อน
.

 

การฝึกราชาโยคะ เขาให้วางจิตโดยการจดจำ ระลึกถึง ดวงวิญญานสูงสุด โดยให้นึกถึงจุดแห่งแสงสีส้ม จุดประสงค์ ก็เพื่อเวลาตายจิตจะได้ไปเกิดในร่างใหม่ที่ดีๆ แต่ การฝึก วิชาพลังจักรวาล เป็น การฝึก เอาจิตไปวางในจุดจักรกะตามแนวกระดูกสันหลัง เพื่อเปิดประตูพลังงานในร่างกาย ให้เปิดรับพลังงานจากจักรวาล มีผลทำให้จิตละเอียดขึ้น ถ้าพลังกุนธาลินี ตื่นขึ้น จะทำให้มีอภิญญา สามารถติดต่อกับเบื้องบนได้ และตาที่สามจะเปิด ไม่ใช่ฝึกมั่วจะทำให้ธาตุไฟแตก แล้วถูกแทรกได้

 

รบกวนสอบถามคับ จักระ 1 กะ 2 อยู่ตรงไหน :boo:

 

ยังไงคับ พื้นฐานที่ว่า มีอะไรบ้างคับ

 

โพสตามความเข้าใจนะครัับ

หนึ่ง จักระทุกตำแหน่งที่อยู่ในร่างกาย อย่างน้อยเจ็ดจักกระ ต้องได้รับการกระตุ้นให้ทำงานก่อนครับ ส่วนมัน

จะทำงานยังไง คนฝึกจะรู้เห็น ถึงการเคลื่อนไหวเช่น หน่วง ตึง ร้อน เย็น เป็นก้อน หรือหมุนเป็นวงกลม


สอง หลังจากทั้งเจ็ดจักกระถูกกระตุ้นแล้ว ให้เอาตัวรู้ ไปทาบตามตำแหน่งจักกระด้านหลัง โดยไล่ตั้งแต่

กลางหน้าผาก ขึ้นไปที่กลางกระหม่อม ลงมาที่กลางคอด้านหลัง หรือกระดูกต้นคอ กลางหน้าอกด้านหลัง

จุดด้านหลังตรงข้ามสะดือ บริเวณกระดูกก้นกบข้อสุดท้าย(ใช้วิธีประมาณเอา) และไล่มันขึ้นไปใหม่ จนถึง

กลางหน้าผาก จุดละประมาณห้านาที และระหว่างการไล่ในแต่ละจุด ถ้าจุดจักกระไหนนั่งเพลิน จนจิตสงบ

เป็นสมาธิ ก็ปล่อยไปทั้งแบบนั้น พอออกจากสมาธิ จะนั่งไล่ต่อหรือไม่ ก็ไม่เป็นไร ให้ถือเอาตัวสมาธิเป็น

หลักใหญ่ อนึ่งการไล่ในแต่ละจุด ไม่จำเป็นต้องครบห้านาที ถ้า จุดจักกระนั้นๆ มีการเคลื่อนไหวตัว


การฝึกเพื่อให้เข้าถึงวิชาพลังงูไฟ ต้องฝึกแบบเซฟ หรือมีการป้องกันพลังงานความร้อนจากจักกระที่หนึ่งโดย

เน้นฝึกที่จักกระด้านหลัง ซึ่งเป็นงูสายเย็นหรือน้ำ แล้วแต่จะตั้งชื่อ ให้เปิดกว้างมากที่สุด เมื่อถึงเวลาที่งูไฟ

จากฝีเย็บหรือจักรหนึ่งวิ่งขึ้นมา ตัวงูเย็นสายน้ำจากจุดจักกระด้านหลัง จะวิ่งมาสมทบที่ฝีเย็บ หรือจักกระหนึ่ง

แล้ววิ่งในลักษณะไขว้เข้าหากัน ในระหว่างที่พลังงานสองสาย ทั้งงูร้อนและงูเย็น วิ่งไขว้เข้าหากันนั้น จะเกิดฐาน

ของดอกบัวหมุน ในลักษณะหงายขึ้นหรือหงายจักร ตรงตำแหน่งที่ไขว้เข้าหากัน จนสามารถวิ่งทะลุทะลวงผ่าน

ทุกจักกระ(จะได้ในลักษณะท่อยาวกลางลำตัว) จนทะลุออกกระหม่อม เป็นท่อยาวที่มีเจ็ดสี และที่ปลายบนสุด

ของตัวท่อ จะแตกออกเป็นลักษณะของดอกไม้ไฟ ที่มีเจ็ดสีอีกเช่นกัน เมื่อได้ตามนี้แล้ว พอฝึกต่อไปจะได้เป็น

ฐานของดอกบัวที่เรียงขึ้นไปสามชั้น และที่อยู่เหนือฐานสามชั้นของดอกบัว จะเป็นเหมือนดอกไม้ที่มีลักษณะ

สี่กลีบ แต่ละกลีบจะแยกออกจากกัน ในลักษณะคว่ำจักร เฮ้อ เหนื่อเว้ย บ่นหน่อย เอาไปแค่นี้ก็แล้วกัน อ้อ

ลืมบอกไป ใครที่รู้สึกร้อนๆตรงฝีเย็บ แล้วพลังงานความร้อน วิ่งขึ้นมาให้รู้สึกตามลำตัวหรือที่อื่นๆ นั่นไม่ใช่ตัว

งูไฟนะครับ แต่เป็นเพียงเศษซาก เศษขี้กาก ของพลังงานที่จักกระหนึ่งเท่านั้นเอง


เขียนให้จบเรื่องราว ต่อไปจะได้ไม่ต้องมาถาม ฝึกเองก็แล้วกัน

 

เข้ามาขยายเพิ่มให้ละกันครับ ก่อนที่งูไฟ จะทะลุออกกลางกระหม่อม จะมีหลายอาการเกิดขึ้นในร่างกายครับ

และอาการๆ หนึ่งที่เคยผ่านๆมา จะเป็นเหมือนดอกไม้ไฟ ที่แตกกระจายออก โดยไม่ได้มีลักษณะเป็นแบบแท่ง

หรือท่อนะครับ ซึ่งจะเกิดอยู่ในกายคนที่ฝีกนั่นแหล่ะครับ มันจะแตกไปตามฐานที่สำคัญเท่านั้นนะครับ และแตก

ออกถึง จุดยอดของกระหม่อมพอดี ต้องทำความเข้าใจในจุดนี้ให้ดีนะครับ คือ ยังไม่ได้ถีบตัวเอง ออกสู่จักรวาล

นะครับ เพราะถ้างูไฟสามารถวิ่งทะลุออกได้แล้ว เราสามารถมองเห็นตัวจักรวาล ว่าอย่างนั้นนะครับ และตัวจิต

ของเราจะได้การปรับ เลื่อน ฐานะ ในชั้นภพภูมิให้สูงขึ้น (ควรได้ฌานสี่เป็นอย่างต่ำ)

 

คุณคนขายธูป ตอนนี้ไม่อยู่ และดูเหมือนจะมีข้อผิดพลาดบางประการ ที่เกิดกับคุณคนขายธูป คราวหน้า ผมจะขอ

อนุญาตดึงโพสต่างๆ ขึ้นมา เพื่อแสดงความเห็นในส่วนของตัวเอง โดยจะเลือกในจุด ที่เข้าตาของผมเท่านั้นนะครับ

 

สวัสดีคุณ มังกรบูรพา สบายดีมั้ยครับ ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง คุณมังกรบูรพา โพสได้ละเอี่ยดดี อยากทราบว่าจักรกระที่เจ็ดเชื่อมต่อกับเบื้องบนหรือยัง และจักรกะที่หกหมุนหรือยัง ถ้าหมุนแล้ว ทำไม่จึงไม่รู้ว่า จักรที่เสียหายนั้นไม่ใช่ซ่อมได้ง่ายๆ เราจึงย้ำเสมอว่าอย่าฝึกแหวกแนว

 

มีหลายท่านในโลกใบนี้ ชอบฝืนคำครู ผลที่ได้ คือไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตเหมือน มนุษย์ทั่วไปได้อีก ส่วนใหญ่ที่เคยพบ จะมีจิตวิญญานที่มีพลังสูงกว่ามาอาศัยอยู่ในร่างกายด้วย เพื่อดูดกินพลังงาน และจะรับพลังจักรวาลไม่ได้ เพราะจักรกะที่เจ็ด จะถูกปิด เมื่อจักรถูกปิด สภาวะต่างๆที่ปรากฎ จะเป็นแค่อุปปาทาน เท่านั้น

 

ใครจะไปลืมมนุษย์นอกพิภพได้ลงคอครับ ผมเห็นคุณจาวาขึ้นสังเวียนประจำครับ ไปต่อยเขาก็มี โดนศอกกลับ

ก็แยะ55555 มันคือรสชาตของชีวิต...ในส่วนของจักกระที่เจ็ด เข้าใจว่าเชื่อมต่อได้แล้วครับ...ส่วนจักกระที่หก

มันต้องหมุนก่อนครับ หมุนจนเปิดตาที่สามได้...แล้วค่อยเชื่อมต่อกับจักรวาล หรือการทะลุของงูไฟ หรือจุดชีพจร

...ส่วนการซ่อมแซมจุดบอบช้ำ จะมีหลายจุดครับ และมีเคล็ดวิธีสารพัดรูปแบบ ขอยกไปประเด็นหน้าครับ

 

ถูกต้องครับ คนส่วนใหญ่ชอบฝืนคำครู รวมผมด้วยอีกคนนึง และหลายต่อหลายคนจะไปไม่รอดครับ มีอาการเพี้ยน

แตกต่างกันไป และจะถูกดวงจิตวิญญาณ ที่ต่ำช้ากว่าเข้ามาสิงร่างก็มี หรือบางคน ถูกดวงจิตของฝ่ายมาร ครอบร่าง

ก็มี สรุปนะครับ พอตัวเราหมดประโยชน์แล้ว เขาก็ถีบหัวส่งดีดีนั่นแหล่ะครับ

 

ผมไม่อยากขุดโพสของบางท่านขึ้นมานะครับ ดูแล้วจะเสียมารยาทพอสมควร เอาอย่างงี้ครับ เฉพาะท่านชาย

เวลาที่พวกเราปั่นองคชาต มันจะมีความรู้สึกของอารมณ์ใคร่ หรือตัวกาม ขึ้นมาด้วยใช่มั๊ยครับ คราวนี้พอเราใช้

แรงอัด หรือทนกับสภาวะที่ฝืนธรรมชาติ เพื่อให้งูไฟทยานขึ้นฟ้า หรือทะลุจุดตันเถียนล่าง กลาง บน แล้วเกิด

ทะลุไม่สำเร็จ เช่นไปคาอยู่ที่ตันเถียนกลาง(หน้าอก) หรือไปคาอยู่ที่ตันเถียนบน(หน้าผาก) และถ้าสมมุติขึ้นมา

ที่หน้าผากได้จริงๆ แต่ไม่สามารถออกจักรกระหม่อมได้ ลองคิดดูนะครับ บริเวณหน้าผาก หรือลึกเข้าไปคือสมอง

ที่เราใช้คิด หรือประกอบกิจการงาน มันจะสะสม หรือเต็มไปด้วยคุณภาพของตัวกาม หรือพลังงานความใคร่ ดีดี

นี่เองครับ และ ผมไม่ทราบว่าจะมีกี่ท่าน ที่ฝึกในรูปแบบนี้บ้าง ลองประเมินกันเองครับ ว่า มีอะไรเสียหายบ้าง

 

พอดีได้รับข้อความส่วนตัวเกี่ยวกับการฝึกวิชาพลังงูไฟ ว่าฝึกอย่างไรให้ประสบผลเร็ว และไม่เป็นอันตราย

1.ควรได้รับการเปิดจักกระ จากสายวิชาพลังจักรวาล, สายพลังกายทิพย์(คอสมิค), และสายพลังเอกภพ

(ยูเรอัส) ให้ถูกต้องอย่างเป็นรูปธรรม

2.เมื่อได้รับการเปิดจักกระแล้ว โดยส่วนใหญ่เท่าที่เห็นไม่น่าจะต่ำกว่าเก้าสิบเปอร์เซนต์ จะสามารถสัมผัส

ได้ด้วยตนเอง ถึงเส้นสายพลังงานทั้งด้านหน้า ด้านหลัง ได้อย่างชัดเจน (ผัสสะในหมวดรูปพลังงาน)

3.ใช้ตัวสติก็คือตัวรู้นั่นแหล่ะครับ(รู้อยู่ที่ไหนสติอยู่ที่นั่น) เข้าไปสัมผัสถึงพลังงานตามแนวกระดูกสันหลัง

และสามารถบังคับทิศทาง ทั้งขึ้น และลง ได้ตามใจปรารถนา จนสามารถออกบริเวณแนวศรีษ่ะ ซึ่ง ยังไม่ใช่

จุดที่กลางกระหม่อมนะครับ ต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจน


ทั้งสามข้อให้ตั้งชื่อมันว่า "พลังงานสายบน" หรือ พลังงานจากภายนอกก็ได้ครับ ที่เข้ามากระทบ(ผัสสะ)

ตามฐานในร่างกาย และจะเกิดอาการการ ไหล วิ่ง วน แล้วแต่ความชำนาญของผู้ฝึก


อนึ่ง วิชาพลังจักรวาล กายทิพย์ ยูเรอัส คือการนำพลังงานจากภายนอกที่อยู่รอบตัวเรา มาใช้เพื่อรักษาโรค

ให้แก่ตนเองและคนใก้ลเคียง แต่พอเราฝึกไปจากจุดนี้ หรือต่อยอดไปเรื่อยๆจะเห็นว่า มันเปลี่ยนไปๆๆๆ



ป.ล. หากไม่ได้รับการเปิดจักกระ จะนั่งสมาธิแบบเอียงซ้ายที ขวาที ผงกหน้าที หงายไปทางหลังที(ปิติ)

พอเข้าใจนะครับ ซึ่งอาการแบบนี้ให้ถือเป็นเครื่องหนุน และส่งเสริม

 

แถวเชียงใหม่ใครทำได้มั่งคับ

 

อาการคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง นี่เกี่ยวกับพลังงูไฟนี่ด้วยเปล่าครับ เหมือนร้อนๆ หัวมานานแล้ว