พลังเอกภพยูเรอัส

ไม่ได้เข้ามาหลายวันคุณดาวพาทัวร์ยาวเลยค่ะ อิอิ..^_^
การเดินทางไปโน่นนี่ของเราก็ทำให้เราได้ประสบการณ์เยอะดีเหมือนกันนะคะคุณดาว

เมื่อไม่นานมานี้ ก็มีโอกาสได้เดินทางไปแถวด่านเจดีย์สามองค์ จ.กาญจนบุรีมา
กลับมานี่ตัวร้องฉึ่งเลย ฮือ.. ก็เดินทางไปกับเพื่อนแต่ที่เรียนวิชานี้มีเราไปอยู่คนเดียวอ่ะ..
คิดดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เอิ๊ก.. เพราะเส้นทางที่เราเดินทางไปนั้นเป็นทางผ่านทัพในสมัยอยุธยาเรยยอ่ะ..
ตอนอยู่ที่โน่นนี่หนาวเหยือกๆ ไปทั้งตัวตลอดเส้นทางเรยค่ะ..
แถมยังเกิดความไม่เข้าใจกันระหว่างคนมีตาทิพย์กับคนไม่มีลูกกะตาเช่นเราด้วยแหล่ะ
แต่ก็ดีค่ะ เป็นบทเรียนและบททดสอบให้ตัวเราได้เป็นอย่างดีทีเดียว..

จะเห็นได้ว่าการเรียนรู้วิชานี้ก็เป็นเส้นทางเดียวกับการฝึกสมาธิตามแนวพุทธนี่แหล่ะ
เพียงแต่จะทำให้การพัฒนาของเราเร็วขึ้น ใครที่เคยสะสมอะไรไว้ในอดีตก็จะกลับมาเร็วขึ้น
เห็นเพื่อนที่ฝึกกรรมฐานมาอย่างสม่ำเสมอมาเกือบ 20 ปี
ก็เริ่มที่จะสัมผัสได้ถึงกระแสพลังหรือกระแสแม่เหล็กไฟฟ้าในตัวเองได้แล้ว
และเริ่มเข้าใจสิ่งที่เราได้คุยให้ฟังไปเมื่อหลายปีก่อน จึงมีการคุยกันมากขึ้น..
สิ่งสำคัญที่สุดของพวกเราก็คือ หมั่นสำรวจอัตตาหรือความหลงตัวเองให้มาก
อย่าคิดว่าเราเก่ง, ดี, หรือมีความสามารถเหนือผู้อื่น
ปฏิบัติตามที่อาจารย์สอนสั่งไว้ให้มากด้วยการแสดงออกถึงความอ่อนน้อมถ่อมตน
เพราะลำพังมนุษย์ตัวเล็กๆ อย่างเราคงไม่มีความสามารถมากมายถึงเพียงนี้..
ขอบคุณพลังงานต้นกำเนิด, ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด,
ขอบคุณข้อมูลความรู้ความทรงจำข้ามชาติ ซึ่งถ่ายทอดมาให้เราได้เรียนรู้ในชาติภพนี้มิตินี้..
sleeping_rbsleeping_rbsleeping_rb

 

แผนที่

Up ตัวแผนที่ สำหรับผู้ไม่เคยไปครับ

 

ทัวร์ แม่กลอง ยังไม่ จบ ยังไป ไม่ ครบ
วัดประดู่ (หลวงพ่อมหาสุรศักดิ์ ) ก็ยังไม่ ได้ไป

วัดท้ายหาด หลวงพ่อแดง.... เป็นอีกวัดหนึ่ง ที่น่า แวะไป
หลวงพ่อแดง ท่าน เก่งมาก ในยุคของท่าน ชาวบ้าน มีทุกข์ร้อน ใด ก็จะมาขอให้ท่านช่วย
เรื่องผีเข้า แค่บอกว่า จะไปตามหลวงพ่อมา รักษา ผี ก็ออกแล้ว
ไปดีกว่า ... เรื่องอะไร จะอยู่ ให้ เจ็บตัว ........
ท่านได้เรียนวิชา จาก หลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย ( วัดอยุ่ใกล้ๆกัน )
กับทั้ง ยังได้เรียนวิชา จาก หลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า
มีคนสงสัย แม่กลอง กับวัดมะขามเฒ่า อยู่ ห่างไกลกันมาก เอ๋ .. ท่านไปเรียนได้อย่างไร
คำตอบ... หลวงพ่อวัดมะขามเฒ่า ท่านมา ที่แม่กลอง บ่อยๆ ครับ
ท่านมา พบปะสนทนา กับหลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย บ่อย
เวลามา ท่านก็ จะมาจอดเรือ ไว้ที่ วัดท้ายหาด ก่อน เสมอๆ

อีกวัด คือ วัดแม่น้ำ หลวงพ่อเก๋
หลวงพ่อ เก๋ เป็นพระเกจิอาจารย์ ดัง ... ในยุค เรา ยังพอทัน

วัดพวงมาลัย หลวงพ่อแก้ว
ท่านเป็นพระในยุคร้อยกว่าปี ที่แล้ว
มีหลักฐานปรากฏ พระปิยะ ท่านเคยเสด็จมา ที่วัดพวงมาลัย
แม้น กรมพระยาดำรงค์ ราชานุภาพ ท่านก็ยังเคย มาขอสายสินจ์เสก ของหลวงพ่อแก้ว
ไปผูกข้อมือ พระลูกยาเธอ และทรงบันทึกไว้ ในหนังสือ หลายเล่ม

กรมพระราชวังบวรวังบูรพา ( วังท่านอยู่ตรงวังบูรพา ใกล้พาหุรัด)
ท่านเสด็จมาเรียน วิชากับหลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย เสมอๆ
จน สร้างตำหนัก ไว้ ข้างวัด เพื่อไว้ประทับ ตอนมาเรียนวิชา

สมัยที่ รื้อวังบูรพา เพื่อจะสร้างเป็นโรงหนัง คิงส์ แกรนด์ และควีน นั้น
คนงาน ที่ รือกำแพงวัง พบ พระดินเผา สีดำ องค์เล็กๆ (เหมือนพระเมล็ดน้อยหน่า อยุธยา ) บรรจุในโถ เป็นจำนวนมาก ทีแรกก็ไม่รู้ กันหรอกครับ ว่า เป็นพระอะไร
คิดไป ว่าคงเป็นพระเมล็ดน้อยหน่า เหมือนที่เคยพบในจังหวัดอยุธยา กัน
ต่อมา สืบทราบ และ พบประวิติ จึงทราบว่า พระเมล็ดน้อยหน่า ที่พบที่กำแพงวังบูรพา
คือ พระ ที่หลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย ท่านสร้างไว้
พระแบบนี้ ที่วัดพวงมาลัย ยังคงมีเหลือ และเก็บรักษา ตกทอด มาจนถึง เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน
เมื่อหลายปี ก่อน ตอน พระจาตุคาม กำลังดัง
ที่วัดพวงมาลัย (เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน) ก็ได้สร้างจาตุคาม ด้วย และได้ฝังพระเมล็ดน้อยหน่า ของหลวงพ่อแก้ว ไว้ด้านหลัง
...55
พอเห็น ก็ .... ใช่ เลย จำหน่าย องค์ ละ 500 บาท ในตอนนั้น...
ปัจจุบัน ก็ คงมี เหลือ อยุ่บ้าง แหละ...
แต่ผม ไม่ได้ เช่าไว้ ... เพราะ.. มี เก็บ พระของหลวงพ่อแก้ว
แบบ อริจินอล ไว้ แล้ว..55

พระเครื่องและของขลัง ที่หลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย สร้างไว้ ที่คนกรุงเทพฯ รู้จัก ได้แก่
เหรียญหล่อ หลวงพ่อแก้ว เหรียญหล่อ รูปพระพุทธ มี สองสามพิมพ์ คงสร้างหลายครั้ง
ส่วนเหรียญปั้ม มีพิมพ์วัด กับพิมพ์วัง
หลวงพ่อมรณะ ประมาณ ปี 2461 ที่เหรียญพิมพ์ พ.ศ.2459 ก็จริงแต่ยังมีผู้ ถกเถียงกันว่า ทันหลวงพ่อหรือเปล่า จึงทำให้ราคา ไม่สูงมากนัก แค่หลัก 2-5 หมืนบาท เท่านั้น
จะทันหรือไม่ทัน ก็ ตาม แม้นไม่ทันหลวงพ่อ ก็ยังต้องมี หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม
หลวงพ่อบ่าย วัดช่องลม หลวงพ่อแขก ที่เป็นศิษย์ ของท่านปลุกเสก อยุ่แล้ว

ในช่วงปี 2455 มา ในคราว สร้างพระอุโบสถ ต้องขอแรง ชาวบ้าน ที่มาช่วย ขนดินถมที่ ต้องใช้แรงคน จำนวนมาก ท่านได้สร้างพระ และตะกุด แจก ให้ เป็นการสมนาคุณคนที่มาช่วย ออกแรง สร้างวัด
ตะกุดสังกะสี ที่เรียกอย่างนี้ เพราะทำจากสังกะสี มุงหลังคา กุฏิ ที่รือลงมา
ดูจากตะกุดสังกะสี ทำให้ ผม เข้าใจได้ว่า ในยุคก่อนนั้น สังกะสี ถือว่าเป็นของดีมีค่า
ชาวบ้านธรรมดา คงไม่มีใช้กัน ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
แต่ที่วัดพวงมาลัย มีใช้มุงหลังคากุฏิ ก็คง เพราะ เป็นของพระราชทานมา

ตรงนี้ ตอบข้อสงสัย ของผม ได้ เลย
เคยเห็น ตึกสุนันธาลัย ที่โรงเรียนราชินี ( ปากคลองตลาด )
เป็นอาคารโบราณ สวยงาม ออกจะหรูหรา เสียด้วยซิ
ที่ ร.5 ท่านสร้างให้ พระราชินี ของท่าน
มองขึ้นไปบนหลังคา มุงด้วยสังกะสี ก็ คิดในใจ ว่า ทำไมมุงสังกะสี หว่า น่าจะมุงด้วยกระเบื้อง ดีๆ จะเข้าท่ากว่า

พอมาพบเรื่อง ตะกุดสังกะสี ที่วัดพวงมาลัย ทำให้ เข้าใจได้ เลยว่า
ในยุค นั้น สังกะสี ถือว่า เป็น ของ ไฮโซ ของนอก .... ว่างั้น เถอะ

ของ เล่า พอเป็นสังเขป....... พอเป็น ออเดิพ..

วันอาทิตย์ นี้ คงได้ชม ของจริงๆ กัน...
ให้ คนที่ ไปดู ด้วยตา สัมผัส ด้วย ตนเอง มา เล่า ต่อ ดีกว่า..
เหมือน หรือ มีอะไร แตกต่าง จากที่ผม นำมาเล่า มากน้อย แค่ไหน......

 

ขอไปกับคุณตัวกลม ๆ ฟังอาจารย์กิตติชัย บรรยาย ในวันที่ 10 ธันวาคม 14.00 น. ด้วยคนครับ

รู้สึกว่าจะได้ไปทัวช์กับคณะของพี่ดาวทะเลทรายที่แม่กลอง เร็วๆ นี้จังเลย จะได้รับเรื่องอะไรสนุกๆ

 

ทำไม คนไทย จึงรัก ในหลวง




ทำไม คนไทย จึงรัก ในหลวง..........................

ตอบ........................................................ฯ ล ฯ

 

รายชื่อผู้สนใจเข้าฟังการบรรยายเรื่อง “ ปิรามิด พลังเร้นลับ และพลังสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของอียิปต์” ในวันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม 2552 เวลา 13.00-16.30 น. ที่บริษัทยูเรอัส <O</O

1. คุณดาวทะเลทราย
2. คุณตัวกลม
3. คุณท็อป
4. คุณวิมลรัตน์
5. คุณกฤษณะพร
6. คุณจ๋า
7. คุณพรรณี 2 ที่
9. คุณสุกัญญา

 

ตอบ....เพราะในหลวงเป็นพ่อหลวงของคนไทยทุกคน....................................................

 

ช่วงนี้ฝันว่าเดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัดอยู่บ่อยๆ
แต่ระหว่างเดินทางมักจะแวะทำนั่นทำนี่ ยังไม่ถึงบ้านซักที
คงเป็นเพราะว่าเรายังมีหน้าที่ที่ยังทำไม่เสร็จอยู่อยู่มั๊ง อิอิ..
เรามาช่วยกันค้นหาหน้าที่ทางจิตวิญญาณของแต่ละคนกันดูคับ เอิ๊ก..:boo:
......................................
แม้ว่าอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดจะเป็นสิ่งที่ผันแปรไปในแต่ละวันอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดบางอย่างเกิดขึ้นและดับไปแต่ภายใต้อารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของเธอจะมีเอกลักษณ์คงที่-ที่เป็นคุณสมบัติจำเพาะของเธอเสมือนเสียงดนตรีอันล้ำลึกที่เป็นของเธอแต่ผู้เดียว

บางครั้งอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอผุดขึ้นมาสู่พื้นผิวด้วยจังหวะจะโคนที่ยาวนานเธอไม่อาจเรียกอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดอันเป็นเอกลักษณ์นี้ว่าเป็นอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดที่เป็นไปในทางลบหรือทางบวกมันเป็นอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดอันลุ่มลึกที่แสดงออกถึงตัวตนและประสบการณ์ภายในของเธอทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นสิ่งที่ซ่อนเร้นสำหรับเธอหรือมันจะต้องเป็นไปเช่นนั้น แต่มันหมายความว่าอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดลุ่มลึกอันเป็นเอกลักษณ์นี้เป็นแก่นแท้ของเธอที่สร้างสรรค์ประสบการณ์ชีวิตทั้งหมดของเธอขึ้น

หากเธอเกรงกลัวการแสดงออกซึ่งอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดอันลุ่มลึกเพราะเธอถูกอบรมว่าอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดในส่วนลึกของมนุษย์เป็นสิ่งที่ไร้อารยธรรม-ต่ำช้าใกล้สัตว์เดียรัจฉานเธอมักจะมีนิสัยที่จะปฏิเสธอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดอันลุ่มลึกดังกล่าวนี้เธอมักจะทำเสมือนว่า อารมณ์และความรู้สึกนึกคิดดังกล่าวนี้ไม่มีอยู่จริงหรือปฏิเสธมัน แต่อารมณ์และความรู้สึกนึกคิดลุ่มลึกอันเป็นเอกลักษณ์นี้เป็นตัวแทนของแรงบันดาลใจอันสร้างสรรค์ที่สุดของเธอการต่อต้านอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดดังกล่าวเปรียบเสมือนการพยายามว่ายน้ำทวนกระแสอันเชี่ยวกราก

อารมณ์และความรู้สึกนึกคิดลุ่มลึกอันเป็นเอกลักษณ์นี้ครอบคลุมการมีชีวิตอยู่เป็นตัวตนของเธอมันเป็นแบบแผนที่จิตวิญญาณของเธอนำมาประสานกับร่างกายเนื้อหนังมันเป็นแก่นแท้ที่ร่างกายเนื้อหนังของเธออุบัติขึ้น

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอเผชิญล้วนมีจิตวิญญาณจิตวิญญาณแต่ละหน่วยได้รับมอบอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดอันเป็นเอกลักษณ์นี้โลกที่เธออาศัยอยู่นี้เกิดจากการร่วมมือกันสร้างสรรค์โครงสร้างอันเป็นหน่วยย่อยของโลกอุบัติขึ้นจากอารมณ์และความรู้..({)

 

อ้างอิง:<O</O
<TABLE class=MsoNormalTable style="WIDTH: 100%; mso-cellspacing: 0cm; mso-padding-alt: 4.5pt 4.5pt 4.5pt 4.5pt" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: #ebebeb 1pt inset; PADDING-RIGHT: 4.5pt; BORDER-TOP: #ebebeb 1pt inset; PADDING-LEFT: 4.5pt; BACKGROUND: #f7f3f7; PADDING-BOTTOM: 4.5pt; BORDER-LEFT: #ebebeb 1pt inset; PADDING-TOP: 4.5pt; BORDER-BOTTOM: #ebebeb 1pt inset; mso-border-alt: inset windowtext .75pt">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณkhajornwan<V</V<O</O
ขออนุญาตินำข้อความเก่า ๆ มา Post อีกครั้งเพราะเห็นพี่นักเขียนนำความฝันในเรื่องของ ผู้เลือกและผู้ถูกเลือกมาเล่าให้ฟัง Post นี้ขจรวรณพึ่งเข้ามาในกระทู้นี้ใหม่ ๆความรู้สึกที่เข้ามาในตอนนั้นตระหนักอยู่เสมอว่าเรามีภาระหน้าที่บางอย่างที่จะต้องทำแต่ไม่รู้ว่าหน้าที่นั้นคืออะไร ( อันนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการศึกษาหนังสือของท่านอาจารย์อนาลัย )แต่เป็นความรู้สึกที่ติดมาจากการเรียนวิชาพลังจักรวาลซึ่งผู้เรียนในระดับที่ตนเองเรียนนั้นจะต้องรู้หน้าที่ทางจิตวิญญาณด้วยตนเองและแต่ละคนก็จะมีหน้าที่ไม่เหมือนกันซึ่งทุกคนก็ยินดีที่จะทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุดตามที่อาจารย์ได้สั่งสอนมา

ณ วันนี้ก็ขอขอบคุณพี่นักเขียนและท่านอาจารย์อนาลัยที่ทำให้ขจรวรรณได้รู้จักความรู้สึกนึกคิดที่ลุ่มลึกอันเป็นเอกลักษณ์และขอขอบคุณพี่น้องชาวห้องวิทย์ที่พูดคุยสนทนากันจนทำให้ตระหนักรู้ถึงภาระหน้าที่ที่แท้จริงของตัวเองในอนาคตทั้ง ๆ ที่ในวันนี้ยังไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าจะทำหน้าที่นี้ได้อย่างไรต่อไปเพราะมันช่างยากเหลือเกินค๊า ( อยากร้องไห้จัง.. ) แต่เชื่อว่าเมื่อถึงเวลาทุกอย่างก็จะถูกจัดสรรค์เองอย่างลงตัวและรู้แต่ว่าตั้งแต่นี้ต่อไปจะต้องตั้งใจศึกษาสาระความรู้ในหนังสือของท่านอาจารย์ทั้ง 10 เล่มนี้ให้มากขึ้นกว่าเดิมขอบพระคุณอีกครั้งที่พี่นักเขียนให้ความรู้ในเรื่องสติสัมปชัญญะมีอยู่ 3 ส่วนและต้องฝึกให้ทั้ง 3 ส่วนนี้มารู้มาเห็นกัน มาทำงานร่วมกันจะต่างฝ่ายต่างทำงานไม่ได้..

</TD></TR></TBODY></TABLE>
เรามาถือกำเนิดในชาติภพนี้ทำไม ?
อะไรคือหน้าที่ที่เราเลือก ?
อะไรคือความท้าทาย ในวิถีชีวิตที่เราได้เลือก ?
เราจะก้าวหน้าหรือพัฒนาต่อไปได้อย่างไร ?

พวกเราจำนวนมากแสวงหาคำตอบเพราะเมื่อเรายังค้นไม่พบ มันทำให้เราเกรงว่าชีวิตของเราอาจสูญเปล่าหรือหลงทางตลอดชีวิตโดยไม่ได้บรรลุเป้าหมายบางอย่างที่เราได้เลือกไว้ก่อนมาถือกำเนิด

แต่ที่น่าเสียดายยิ่งไปกว่าการหาคำตอบไม่พบนั้นคือการค้นพบหน้าที่ที่ตนเองเลือกก่อนมาถือกำเนิด ค้นพบความท้าทายที่ตนเลือกมาเผชิญค้นพบเป้าหมายที่ตนเลือก แต่กลับยอมแพ้ต่ออุปสรรคทั้งหลาย ยกเลิกทางเลือกของตนเองและลงเอยด้วยการกล่าวโทษผู้อื่ิ่น กล่าวโทษทุกสิ่งทุกอย่างนอกตัวตนของเขาว่าเป็นสาเหตุของความล้มเหลวทั้ั้งหมด และหันหลังให้เป้าหมายสูงสุดนั้นไป

พี่นักเขียนอยู่กับความคิดเหล่านี้มาหลายวัน ทำให้ฉุกคิดขึ้นมาว่าน่าจะเป็นคำถามที่พี่นักเขียนนำมาขยายความและคุยกับพวกเราช่วงนี้แม้ว่าพี่นักเขียนจะกำลัง busy กับการย้ายบ้านแต่ก็ยังได้รับการติดต่อจากผู้อ่านในประเทศไทยทาง e-mail และจากผู้อ่านต่างประเทศต่างรัฐ ซึ่งโทรศัพท์ทางไกลเข้ามาคุยด้วยเป็นประจำ เมื่อวานนี้ผู้อ่านสูงอายุท่านหนึ่งกล่าวว่า หากผู้อ่านทั้งหลายที่ติดต่อกับพี่นักเขียนโดยตรงล้วนเป็นจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์กับพี่นักเขียนวัตถุประสงค์ของพวกเราคืออะไร?

พี่นักเขียนยังไม่ทันตอบ ท่านก็ตอบว่า "พี่เชื่อว่าคุณนักเขียนไปไกลกว่าพี่มากแล้ว และค้นพบวัตถุประสงค์ที่แท้จริงส่วนพี่เพิ่งจะค้นพบว่า"เป้าหมายในชาติภพนี้ของพี่คือการปลดตนเองให้หลุดพ้นจากบ่วงของความงมงาย ต่อไปนี้พี่จะเลิกเชื่อหมอดูเลิกเชื่อคนทรงเจ้าเข้าผี ฯลฯ แต่เชื่อหรือศรัทธาในจิตวิญญาณของตนเองซึ่งหมายถึงการเชื่อในพลังอำนาจของจิตวิญญาณของตนเอง"แล้วท่านก็สรุปให้พี่น้กเขียนฟังว่าทุกวันนี้มีความสุขและรู้สึกถึงพลังอำนาจในตนเองซึ่งไม่เคยมีมาก่อน

พี่นักเขียนหวังว่าพวกเราคงจะตระหนักได้เสมอๆว่าโนวา อนาลัยหมายถึงเส้นทางใหม่สู่การเป็นอิสระจากความปรารถนา
การศึกษาข้อมูลความรู้ในแนวทางของท่านอาจารย์อนาลัยไม่ใช่ศาสนา ไม่ใช่ลัทธิแต่เป็นความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติของจิตวิญญาณของเราทั้งหลายและเป็นหนทางที่จะทำให้เราเป็นอิสระจากการถูกควบคุมชีวิตจากสิ่งที่อยู่ภายนอกตัวตนของเราการเป็นอิสระจากความปรารถนาในตัวตนอันเป็นร่างกายเนื้อหนังของเราคือการเป็นอิสระจากอิทธิพลภายนอกและเป็นอิสระจากสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา

เมื่อผู้อ่านท่านนี้ตอบคำถามของท่านได้ด้วยตนเองพี่นักเขียนก็ระลึกถึงความฝันที่เพิ่งเล่าให้พวกเราฟังและเมื่อเข้ามาในกระทู้ก็พบคุณน้องขจรวรรณ คุณเฉลย คุณ axzon47 และหลายๆคนที่ตอบคำถามด้วยตนเอง หรือให้คำตอบซึ่งกันและกันทำให้พี่นักเขียนเชื่อว่าพวกเราล้วนมีเป้าหมายที่จะพัฒนาจิตวิญญาณด้วยการค้นให้พบทางเลือกที่แท้จริงของตนเองค้นให้พบพลังอำนาจในตนเองหรือค้นให้พบอารมณ์และความรู้สึกลุ่มลึกอันเป็นเอกลักษณ์ของตนเองเพื่อให้ค้นให้พบคุณภาพอันเป็นอมตะของจิตวิญญาณ

เมื่อผู้อ่านสูงอายุท่านนั้นกล่าวว่าปลดตนเองให้พ้นจากบ่วงของความงมงายนั้น หมายถึงการเปลี่ยนความเชื่อซึ่งเคยเชื่อในพลังอำนาจของสิ่งที่อยู่นอกตัวตนของท่านและหันมาศรัทธาในจิตวิญญาณของตนเอง ศรัทธาในพลังอำนาจที่แท้จริงของตัวตนภายในเลิกเชื่อหมอดูเลิกเชื่อผู้วิเศษที่ตั้งตนเป็นผู้รู้-ผู้ตอบคำถามและเป็นผู้กุมบังเหียนชีวิตของผู้ตามจำนวนไม่น้อย

พี่นักเขียนเชื่อว่า เราจะค้นพบว่า เรามาถือกำเนิดในชาติภพนี้ทำไมก็ต่อเมื่อเราได้ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจในการทำหน้าที่บางอย่างซึ่งเราตระหนักว่ามันคือหน้าที่ที่เราเลือก และไม่ว่าเราจะเผชิญกับความท้าทายใดๆเราก็ตระหนักได้ว่าความท้าทายและอุปสรรคเหล่านั้นล้วนเป็นโจทย์หรือปัญหาที่เราคือผู้สร้างขึ้นและหน้าที่ของเราคือการฟันฝ่าอุปสรรคและปัญหาเหล่านั้น ด้วยการใช้พลังอำนาจใช้ความเชื่อในแง่บวก ใช้ความศรัทธาในจิตวิญญาณของตนเองใช้ความรู้ความสามารถและความเพียรส่วนตนอย่างดีที่สุดที่จะฟันฝ่าอุปสรรคเหล่านั้นให้สำเร็จความก้าวหน้าของเราหรือการพัฒนาของเราจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเราค้นพบพลังอำนาจในตนเองที่ทำให้เราบรรลุเป้าหมายในหน้าที่ของเรา

พี่นักเขียนใช้ Title ข้อความนี้ว่าAnswering The Call

ตามที่นักเรียนสมาธิชาวอเมริกันมักเรียกหน้าที่ของพี่นักเขียนในการสอนสมาธิและถ่ายทอดข้อมูลเหล่านี้ให้กับพวกเขาพี่น้กเขียนไม่เคยรู้จักคำนี้มาก่อน จนกระทั่งได้รับ Label จากนักเรียนและก็ยอมรับว่าตนเองกำลังตอบสนองสิ่งที่จิตวิญญาณของตนเองเรียกร้อง หรือAnswering The Call

เราจะพบว่าสิ่งที่เราทำอยู่นั้นมีค่ามากมายมหาศาลและคุณค่าของมันจะทำให้เราปราศจากความคาดหวังในผลตอบแทนเพราะผลตอบแทนที่เราได้รับจากการทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจในการทำหน้าที่นั้นเป็นสิ่งที่ประมาณค่าไม่ได้ด้วยเงิน ประมาณค่าไม่ได้ด้วยลาภยศหรือชื่อเสียงและประมาณค่าไม่ได้ด้วยตำแหน่งใดๆ

หากพี่นักเขียนจะบอกกับพวกเราว่า การเขียนหนังสือชุดนี้คือหน้าที่ คือเป้าหมายและคือสิ่งที่นำมาซึ่งอุปสรรคและปัญหามากมายในชีวิตของพี่นักเขียนพวกเราหลายคนอาจไม่เข้าใจว่า หากหน้าที่นี้เป็นหน้าที่ที่พี่นักเขียนถูกเลือกเหตุใดพี่นักเขียนจึงเผชิญกับอุปสรรคและปัญหามากมายทำไมเทวดาไม่จัดสรรให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นเช่่นที่คุณน้องขจรวรรณกล่าวว่าเมื่อถึงเวลาทุกสิ่งทุกอย่างคงจะได้รับการจัดสรรให้ราบรื่นลงตัว

พี่นักเขียนเชื่อว่า จิตวิญญาณของเราทั้งหลายนอกจากจะใฝ่รู้แล้วยังชอบความท้าทายอีกด้วย เช่นเดียวกับเด็กน้อยผู้อยากรู้อยากเห็นและแสนซนทั้งหลายเพราะหากปราศจากอุปสรรคแล้ว ความสำเร็จนั้นๆคงจะปราศจากความหมายและปราศจากความลุ่มลึกอันน่าประทับใจจิตวิญญาณของเราทั้งหลายมักสร้างโจทย์ยากๆให้กับชีวิตของเราเสมอไม่ว่าอุปสรรคและความท้าทายในวันนี้ของเราคืออะไร หากเราไม่ยอมแพ้ไม่กล่าวโทษผู้อื่นหรือสิ่งที่อยู่นอกตัวตนของเรา แต่รวบรวมพลังอำนาจรวบรวมความเชื่อในแง่บวก รวบรวมความหวังทั้งหมดตลอดจนทุ่มเทแรงกายแรงใจที่จะทำหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุดให้ไปถึงสิ่งที่เราเรียกว่า ความฝันอันสูงสุดซึ่งหมายถึงการทำหน้าที่ที่เราเลือกและบรรลุเป้าหมายได้อย่างสมบูรณ์ที่สุดเต็มความสามารถของเราเราจะพบว่าชีวิตเป็นของง่าย และพลังอำนาจทั้งหมดอยู่ในตัวตนภายในของเราและพบว่าโลกนี้ช่างเป็นสนามกีฬาที่น่าระทึกใจ เป็นลานลีลาศที่สง่างามและผู้คนรอบตัวเราล้วนเป็นนักกีฬาหรือนักเต้นรำ ที่ทำให้โลกของเรามีสีสรร มีรสชาติและทำให้ชาติภพนี้เต็มไปด้วยความประทับใจที่ไม่รู้ลืม

หน้าที่ที่เราแต่ละคนเลือกจะปราศจากความหมายหากมันถูกจัดสรรให้ราบรื่นลงตัวโดยที่เราไม่ต้องใช้ความรู้ความสามารถและความเพียรของเราอย่างหมดใจมันจะเป็นหน้าที่จำเพาะของเราได้อย่างไร หากมันง่าย ราบรื่นลงตัวและเป็นไปอย่างอัตโนมัติราวกับว่า-ใครๆก็ทำได้มุมมองจำเพาะและความเป็นเอกลักษณ์ของเราคงปราศจากความหมายโดยสิ้นเชิง ..
(f)(f)(f)

 

สงสัยจะได้ไปงานเกือบทุกวันค่ะพี่พรปู่ ง่ะ ไปเป็นเพื่อนคนโน้นคนนี้ ระวังพลังมืด พลังดูดในงานกันเองเน้อ

เรื่องเรียนอียิปต์รีบจองนะคะ เอาจำนวนแน่นอน ใครอยากได้พรอาจารย์ต้อนรับปีใหม่
รีบๆเลยค่ะ กลัวแต่ว่ามาไม่บอกไม่กล่าว เกินจำนวนจะใสเจียเสียใจเอาหนา

เมื่อวานนี้ เหล่ายูเรอัสนำโดยลูกพี่ดาวทะเลทราย พาไปทัวร์วัดแถวแม่กลอง หุๆ อยากเล่าดีนัก
เลยลำบากพาศิษย์น้องไปกันเลย ต้องขอบคุณอย่างสูงค่ะ หนีบตัวเล็กไปด้วย พี่เลยให้ลองโน่นนี่นั่น

พอก่อนนอนลองเอามือมาทำดาบเจได น้องบอกว่า ที่เขาเห็นเป็นท่อนสีขาว ยาวสักฟุตกว่า
55555ของแม่ยาวนิ้วเดียว พอลองเอานิ้วแทนมือ เขาก็ว่า แสงมันเล็กๆยาวกว่าเดิม แล้วก็ถามว่าอะไรขาวๆวิ่ง

เพราะทริปนี้ไม่ใช่ฉิ่งฉับทัวร์ เลยเป็นการเรียนนอกสถานที่ คิดถึงซี่รี่ส์ฝรั่ง The 4400 อิอิ


ได้วนรอบโบสถวัดท้ายหาด ไม่เหมือนที่อื่น เล่นวนด้านล่าง ต้องพยายามก้มตัวให้ต่ำเข้าไว้ค่ะ


ลูกสาวเลยแยกวัวกับควายออกเสียที แล้วก็ไม่กลัวเสียด้วย(ตะแรกก็กลัว) ได้ป้อนกล้วย ป้อนหญ้าให้กิน


ไปหลายวัดเลยค่ะ อ่านตามที่ดาวทะเลทรายเล่า ไม่เท่ามาเอง คนเล่าเลยเหนื่อย
เป็นไกด์้กิติมศักดิ์ เป็นสารถี แถมทำให้อิ่มท้องที่ร้านส้มตำหน้าวัดบางแคกลางเสียอีก ขอบคุณมากมายค่ะ

อ้อ ห้องน้ำที่วัดบางแคกลาง เขาทำสวยสะอาดเชียว หลวงน้าย้งท่านไปอินเดียเลยไม่ได้เจอค่ะ

 

เมื่อวันอาทิตย์ ได้มีโอกาส ไปทริปโดยมีพี่ดาวทะเลทรายเป็นคนนำทางให้ แนะนำและสอนในเรื่องพลังแล้ว รู้สึกเหมือนได้เรียนนอกสถานที่ โดยมีรุ่นพี่เป็นผู้สอน ได้เรียนรู้ไปอีกอย่าง และขอขอบคุณพี่ดาวทะเลทราย ณ ที่นี้ รู้สึกว่า ที่ 7,6 พัฒนาขึ้น รวม อีกทั้งรู้สึกว่า 5, 4 มีการพัฒนา

เดินไปเดินมา พี่ดาวทะเลทราย ทักว่ามีสิ่งติดขาซ้ายมาด้วยรู้สึกว่าขาลากไหม (ก็นึกว่าเดินเยอะ ให้ปัดออก ที่ใต้ต้นไม้ ก็เอามือปัด พี่ดาวฯ บอกให้ใช้พลังฯ (เอ้าไม่รู้) ก็ขอขอบคุณครับที่เตือนและแนะนำ เพราะเดี้ยนมาเป็นเดือน หาหมอในโรงพยาบาลเสียไปหลายพันเพราะเรื่องพวกนี้กระมัง

รู้ถึงบุญที่ได้ทำที่ได้ทำบุญไถ่ชีวิตสัตว์ใหญ่ (วัว กระบือ) , ได้ทำบุญซื้อแผ่นโลหะเพื่อใช้เป็นพระให้ชาวพุทธกราบไหว้ ฯลฯ เป็นวันหนึ่งที่มีความรู้สึกอย่างดียิ่ง กลับบ้านพร้อมได้บูชาของดี --> บรมครูพ่อแก่ (เก็บสัญลักษณ์ให้รู้ว่ามีครูบาอาจารย์ช่วยแนะแนวทาง) และตะกรุดโลกธาตุ จากวัดประดู่พระอารามหลวง

ไว้รอทริปหน้าต่อไปครับ

 

ท่านเป็นศูนย์รวมดวงใจของทุกคนในชาติ

 

เพราะ ความรักอันยิ่งใหญ่ และความเสียสละ ที่ในหลวง มีให้กับคนไทยทุกคน คนไทยจึงรักในหลวงพระองค์นี้

 

น่าสนใจค่ะ..อยากไปบ้าง

 

คงต้อง ไว้ โอกาสหน้า แล้ว ละ....
พวกเรา ไป กันเอง ... ปุ๊บ ปั๊บ อยากไป ก็ ไป กันเลย ง่ายดี
ไม่ต้องมี พิธี รี ตรอง อะไร


ที่ไป เที่ยวแม่กลอง งวดนี้ ทำให้ ผม เอง ก็ อะไร เหมือนกัน
ทั้งๆ ที่ เคยไป มา หลาย รอบแล้ว

แถม วันรุ่งขึ้น ต้องพา คุณภรรยา ไป วัดพระธรรมกาย อีก

ทีนี้ เปรียบเทียบ ลักษณะ พลัง ได้ ง่าย เลย

วัดที่ มีพระอาจารย์ เกจิอาจารย์ ในสายวิชาอาคม เข้มขลัง
อย่างที่ เราไป กัน ในวันอาทิตย์
เช่น หลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย หลวงพ่อแดง วัดท้ายหาด หลวงพ่อไพร วัดบางแคกลาง เป็นต้น
ท่านเป็นเกจิอาจารย์ ที่มี วิชาอาคม แก่กล้า
พลัง ก็ ออกในแนว ร้อนๆ สักหน่อย
ด้วย ที่ ท่านมี เมตตา และมหากรุณา อย่างมาก
จึงมีพลังแผ่ออกมา ทั้งเย็น และร้อน อุ่นๆ ประกบ กันมา

อย่างเช่น วัดพวงมาลัย เราแวะ เป็นวัดที่สอง เข้าไปถึง เย็นวาบ สบายๆ ทั้งๆ ที่ แดด ก็แรง แต่ก็มา พร้อม ความอบอุ่น ด้วย

ทำเอา พี่วิมลรัตน์ ของเรา มึน ไป เลย เหมือนกัน
ตอนจะออกจากวัด
ขึ้นรถ พี่แก่ เดิน มาขึ้น ที่ นั่งคนขับ .... เฉย เลย.... 55

ผม ละ ก็ นึกว่า พี่เค้ามี มุก .. จึง ยื่นกุญแจ รถให้ .. เรา จะได้ สบาย ไม่ต้องขับเอง ................ 55

ปรากฏว่า พี่ เค้า มึน ขึ้นมานั่งที่ คน ขับ .. ยางไง ไม่รู้ตัว

ทั้งๆ ที่ หลวงพ่อแดง ก็ เป็นศิษย์ หลวงพ่อแก้ว ด้วย
พลัง ที่เราสัมผัส ได้ จากวัดพวงมาลัย หลวงพ่อแก้ว
กับวัดท้ายหาด หลวงพ่อแดง
จะคล้ายๆ กัน แต่ ก็ ยังมี ความแตกต่าง ให้ รับรู้ได้

หากไป เปรียบ กับวัดพระธรรมกาย
ก็ จะแตกต่าง ออกไป อีก
ที่วัดพระธรรมกาย ออกไปในแนว เย็นๆ แต่ เย็น แบบชุ่มฉ่ำ เหมือน มีน้ำเย็นๆ ไหลอาบ ลงมา เลยละ

ท่าทาง ที่วัดนี้ คงมี เทวดา ลงมา อนุโมธนาบุญ กัน มากมาย
เพราะ ตั้งแต่ เข้าเขตวัด ก็ พอรู้สึกได้
ขับรถ วน รอบวัด วนรอบเจดีย์ ก็ มีสัมผัสได้โดยตลอด

จน ตอน ที่ ลงเดิน ไปที่พระอุโบสถ โอ้ ชัดเจน.... มาก ครับ
วันที่ไป เป็น วันจันทร์ ทำให้ ในวัด ไม่ค่อยมี คน มากนัก บรรยากาศ เงียบสงบดี
รอบๆโบสถ เค้า ปลูกต้นไม้ เป็นสวนป่า เต็มพืด ไปหมด ทำให้ร่มรื่น
แถมยังมี สระน้ำ อยู่ด้าน ขวา และด้านหลัง พระอุโบสถ
ทำให้ บรรยากาศ โดยรวม สงบ ร่มรื่น น่า นั่งทำสมาธิ
แถมยังมี พลังแห่งพุทธ ไหลอาบ ลงมาตลอดเวลา อีกด้วย
ให้ความ ชุ่มฉ่ำ ร่มเย็น เพิ่ม เข้ามา อีก..............................

 

เสียดายมากครับ วันที่ 20 นี้ติดธุระสำคัญตอนบ่าย แล้วไม่มีโอกาสได้เรียน

แต่ที่แน่ๆ วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคมนี้ ได้เรียนระดับ 5 (3/3) แล้ว

 

แหม.. น่าอิจฉาคนปายทัศนศึกษานอกสถานที่กันอ่ะ ฮี่ๆ ^_^
อ้อ ถ้าเราไปไหว้พระวัดไหนก็แอบๆ ไปขอพลังพระประธานกันดูค่ะ
ขอพลังด้วยกันใช้จักระ 6 มองไปที่จักระ 6 ขององค์พระ
ดูว่าแต่ละแห่งเรารู้สึกกันยังงัยบ้าง.. เอิ๊ก..
..........................................

รู้สึกว่าหลายๆ ความรู้ เริ่มถูกประมวลเข้ามาเป็นเรื่องเดียวกันเลยนะคะ..:boo:
http://palungjit.org/threads/กฏจักรวาล-ธรรมชาติรังสรรค์จิตวิญญาณ.216460/
พลังธรรมชาติของสิ่งสูงสุดให้โอกาสทุกจิตวิญญาณมนุษย์ เรียนรู้ ผ่านกระบวนการชีวิตที่แสนเปราะบาง มีการเกิด มีการตาย ผ่านการกระทำและรับผลจากความดีงาม ผ่านการกระทำและรับผลจากสิ่งชั่วร้าย ให้โอกาสได้ละเล่น และเป็นทุกบทบาทแสดงของละครชีวิตโรงใหญ่ เป็นราชา เป็นผู้สูงศักดิ์ เป็นยาจก เป็นสตรี เป็นบุรุษ ทุกจิตวิญญาณได้เกิดเป็นมาแล้วทุกฐานะที่มีในโลก ผ่านความมั่งมี ผ่านความยากไร้ ผ่านถิ่นอุดมสมบูรณ์ ผ่านถิ่นอัตคัดขัดสน จากชีวิตหนึ่งสู่อีกชีวิตหนึ่ง เปลี่ยนผ่านรองเท้าแห่งชีวิตคู่แล้วคู่เล่า ซึ่งเป็นการเดินทางที่แสนยาวนานของแต่ละจิตวิญญาณ ได้รับการเรียนรู้จากเส้นทางเลือก และผ่านประสบการณ์ที่เป็นทั้งสุขทุกข์มาแสนมากมาย

.........มนุษย์ทุกคนได้เคยเป็นเคยเล่นมาแล้วทุกบทบาทในละครชีวิตโรงใหญ่ ได้มีโอกาสบ่มเพาะเรียนรู้จากการกระทำยอมรับผลการกระทำ ภายใต้กฎธรรมชาติ สิ่งสูงสุด ที่มิเคยพิพากษาจิตวิญญาณใด มิได้ให้รางวัลหรือคำตำหนิใด ในการกระทำไม่ว่าดีงามหรือเลวร้ายสักปานใด
......... สิ่งสูงสุด กฎจักรวาลธรรมชาติที่มีอยู่รักและให้มนุษย์ทุกคนดุจบิดามารดารักบุตร ที่ให้โอกาสบุตรได้เรียนรู้ชีวิตเองผ่านเส้นทางเลือก การกระทำและการรับผลของการกระทำ ผ่านครรลองการรักษาสมดุลยภาพของกฎจักรวาลธรรมชาติ สิ่งสูงสุด อย่างเสมอภาคเท่าเทียมกันทุกจิตวิญญาณ
.........การกระทำ และผลของการกระทำ เป็นดุจ เส้นโลหิต เนื้อหนัง ของมนุษย์
.........ชีวิต บทบาทของชีวิตมนุษย์และฐานะในโลกนี้ เป็นดุจ เสื้อผ้า รองเท้า ของจิตวิญญาณ
.........ชีวิต ความรู้สึกนึกคิด และอารมณ์ มีวัฎจักร มีลักษณาการความเป็นวงกลม มีไหลต่อเนื่องกัน มีความไม่เที่ยงแท้เป็นลักษณะเฉพาะตัว

.........การสั่งสมคุณธรรมและเรียนรู้ทางจิตวิญญาณ มีลำดับเหมือนการก้าวขึ้นบันไดทีละก้าวที่ละขั้น ผ่านโรงละครชีวิตแต่ละครั้ง ได้มีโอกาสเล่นบทต่างๆ ผ่านการบ่มเพาะเรียนรู้จากความรักและการให้ ที่ปราศจากเงื่อนไข ความอ่อนน้อมถ่อมตนไม่ถือเราถือเขา และเรียนรู้เข้าใจในความเป็นไปของกฎธรรมชาติโดยลำดับ เรียนรู้ที่จะค้นหาความสันติ สงบที่เป็นจุดพักผ่อนของจิตวิญญาณผ่านการทำสมาธิภาวนา ทำสิ่งต่างๆในชีวิตด้วยความจริงใจ ด้วยอุดมการณ์ที่มุ่งมั่นไปสู่สิ่งที่ดีงาม แต่ก็ไม่ควรละเลยกับบทบาทของตนในโรงละคร และทั้งนี้ก็ไม่ควรยึดติดกับบทบาทจนเกินไปเช่นกัน

.........สมาธิภาวนาก่อให้เกิดความสงบ สันติสุขภายใน และยังจะทำให้คุณสำรวมรู้จักการพินิจพิเคราะห์ ผ่านล่วงเข้าไปยังจิตใต้สำนึก ซึ่งเป็นที่ ที่ยังไม่เคยถูกคุณสำรวจมาก่อนหน้า ค้นพบปมและสะสางปมภายในจิตใจคุณเอง ที่ถูกมัดแน่นไว้จากประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา ที่มีความขัดเคืองใจ ทุกข์ใจ กระทบกระเทือนใจ เป็นแผลใจกับสิ่งนั้นๆ ให้โอกาสจิตวิญญาณได้กลับไปเรียนรู้ประสบการณ์ทั้งทุกข์และสุข ตามหนทางกระบวนการสะสางอย่างถูกต้องด้วยความเคารพต่อตนเองและเคารพต่อสิ่งที่กระทำดุจเดียวกัน ให้มันเหมือนเกิดขึ้นอีกครั้ง ปล่อยวางผ่านมุมมองความเข้าใจภายใต้กฎจักรวาล ธรรมชาติ สิ่งสูงสุด

.........เพราะว่าจิตวิญญาณยังถ่ายถอนคืนสู่ความเป็นอิสระไม่ได้ เป็นสิ่งสูงสุดไม่ได้ ตราบใดที่ยังมีปมมัดแน่นด้วยตัวมันเองอยู่ภายในที่จิตใต้สำนึก จากความไม่รู้ ความไม่เข้าใจกฎจักรวาลของธรรมชาติ สิ่งสูงสุด ด้วยว่าจิตวิญญาณอิสระนั้นเป็น สิ่ง ที่ไม่มีมิติ เป็นอนันต์ ไร้ขอบเขต ไร้ชื่อ ไร้กาลเวลา

.........คุณสามารถเลือกที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆเพื่อนำมาประยุกต์ปฏิบัติร่วมกับ พระสูตรที่ดีหรือบทธรรมที่ดี จากศาสนาใดหรือศาสนาที่คุณนับถืออยู่ก็ได้ ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่คุณได้เรียนรู้มีความเข้าใจจากพื้นฐานกฎจักรวาล ธรรมชาติ สิ่งสูงสุด และได้ดำเนินอยู่นั้นแล้ว ก็จะเพิ่มพูนศักยภาพของคุณให้เดินอยู่บนเส้นทางแห่งการเติมเต็มทางด้านจิตวิญญาณ เส้นทางสีทอง
อ่านเพิ่มเติม &
เนื้อหาอ้างอิงจาก: ธรรมศาลา :: กฏจักรวาล ธรรมชาติรังสรรค์จิตวิญญาณ
chearrchearrchearr<!-- google_ad_section_end -->

 

รายชื่อผู้สนใจเข้าฟังการบรรยายเรื่อง “ ปิรามิด พลังเร้นลับ และพลังสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของอียิปต์” ในวันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม 2552 เวลา 13.00-16.30 น. ที่บริษัทยูเรอัส <O</O

1. คุณดาวทะเลทราย
2. คุณตัวกลม
3. คุณท็อป
4. คุณวิมลรัตน์
5. คุณกฤษณะพร
6. คุณจ๋า
7. คุณพรรณี 2 ที่
9. คุณสุกัญญา
10. คุณอนุรักษ์_แชมป์
11. คุณประสงค์
12. คุณภคปภา เทพพิทักษ์

 

เมื่อวานนี้ 10 ธ.ค.2552 ได้โอกาสมาฟังอาจารย์กิติชัยบรรยายนอกสถานที่
ก็ที่พันทิพย์ งามวงศ์วาน ที่เขาจัดงานวิทยาศาสตร์แห่งจิตนี่แหละค่ะ บางคน
อาจคิดว่าคงพื้นๆ เหมาะสำหรับคนฟังหน้าใหม่ แต่จริงๆแล้ว ก็เหมาะกับ
หน้าเก่าอย่างเราเหมือนกัน

เพราะการเรียนหากไม่ได้เอาไปปฏิบัติ ก็ไม่เกิดประโยชน์ วิชาที่เราเรียนสามารถ
ช่วยเหลือคนได้ โดยไม่ต้องควักกระเป๋า อาจารย์ถึงเน้นเสมอถึงความรัก
ความเมตตา พกความเมตตามาด้วย จึงหมายรวมถึง รักษาตนและคนอื่น
ไม่ใช่ทำ2 เว้น 3 (55555 โดนเสียแล้ว)

อีกเรื่องก็คือ เจ้ากรรมและนายเวร ผู้ติดตามเรามากันทุกคน ไม่เว้นแม้แต่
อาจารย์ สำหรับการแก้ไขไม่ใช่เพียงแค่ทำบุญ ทำสังฆทานนั้นเป็นเพียงวัตถุ
แต่หากขาดจิตใจที่พร้อมด้วยการขออภัย ก็ไม่อาจแก้ไขหนี้เวรได้
อาจารย์แนะนำให้ทำการนอบน้อม หัวจรดหมอนนานๆหลังจากการไหว้พระ
ไหว้พ่อแม่ ครูอาจารย์ เสียใจ ขออภัยด้วยใจจริง

... ก็เห็นด้วยทันทีเลย เพราะบางทีทำให้เจ็บใจไว้มากๆ เอาเงินฟาดหัว
เท่าไหร่ก็ไม่ยอม หายสักที แต่ถ้าได้ยินแค่คำ ขออภัย เสียใจ ไอ้คนแค้นอยู่
ดันน้ำตาไหลพรากเสียเอง อุตส่าห์รอคำนี้มาเสียนานนนนนน เหอๆ


อาจารย์ได้เอาอังค์มาให้ดู ง่ะ ในเน็ตเขียนโยงถึง 2012เลย ก่อนจบ อ.ได้ให้ผู้ฟังทำสมาธิ
2นาที แม้เสียงจะอึกทึกก็ตาม จากนั้นก็ให้พลังอีกเป็นปกติ(คนที่ไม่เคย คงงง แต่ก็เห็น
นั่งจ้องหน้าอาจารย์อย่างตั้งใจ) ขอบพระคุณอาจารย์อีกครั้งค่ะ

หลังจากจบแล้ว มอบของที่ระลึก และมีผู้เข้ามาปรึกษาอาจารย์ หน้าเก่าอย่างเราๆ
ก็โผล่ไปล่ำราอีกรอบ เจอศิษย์หลายระดับตั้งแต่ น้องรุ่น 2 พี่ระดับ 8หลายท่าน
พี่ดาวทะเลทราย ก็พาไปดูโน่นนี่นั่น ตามประสาผู้รู้ พี่พรปู่ พี่จ๋าได้ของกลับกระเป๋าเพียบ

สำหรับงานนี้ 10-13ธ.ค. ก็มีการบรรยายทุกวัน ผลัดกันมาเล่า ลงทะเบียนได้หนังสือ
ได้พระผงมาด้วย เดินๆอาจได้ของที่ถูกใจ เป็นหนังสือ วัตถุมงคล เครื่องราง ของขลัง
ของแปลกติดมือกลับบ้าน หากมึนๆก็ขอปรับสมดุลย์อย่างที่เรียนนะคะ มึนหัวตึ๊บ
ทีเดียวแหละงานนี้

***เล่าไปผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยค่ะ***