"พุทธทำนาย" ที่กำลังจะเป็นความจริง !!!

บางคนอ่านแล้ว กลับตัวกลับใจได้เป็นคนดีได้ ย่อมเป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือ ท่าน

 

โห้วางระเบิดเสร็จ หนีหายเข้ากลีบเมฆไปเลย ............. :boo:

 

เฮ้อ มีอะไรก็ค่อยๆพูดค่อยๆจากัน คนกันเองทั้งนั้น

 

เจ้าของกระทู้ท่านแสดงให้เห็นว่า เหตุที่จะทำให้เป็นไปตามคำทำนายหรือพุทธทำนายว่าเหตุเป็นเพราะแผ่นดินจะไหวทั่วโลก และบอกถึงเหตุว่าแผ่นดินไหวเพราะอะไร
นี่เป็นความเห็นส่วนตัวผมนะครับ ผมก็ยังเชื่อทฤษฏีย์นี้อยู่ การเปลี่ยนกาแล็คซี่ของระบบสุริยะของเราไปอยู่อีกกาแล็คซี่หนึ่งที่ชื่อว่า ไตรแองกุลั่ม เดิมเราอยู่ในอิทธิพลของกาแล็คซี่ทางช้างเผือก แต่มันจะไม่สมบูรณ์ถ้าเราไม่มีดาวปริศนาด้วยนี้มาช่วย ด้วยการโคจรมาใกล้โลกจนทำให้แรงดึงดูด ที่มีมวลมหาศาลช่วยขยับ ระบบสุริยะของเราให้เข้าไปอยู่ในอิทธิพลของกาแล็คซี่ไตรแองกุลัมได้อย่างสมบูรณ์ ไม่เช่นนั้นถ้าไม่มีดาวดวงนี้(ดาวถ่วงดุล)มาช่วยจะทำให้ระบบสุริยะจักรวาลของเราตกอยู่ในระหว่างกาแล็คซี่ ซึ่งจะมีผลเสียหายอย่างมากโดยเฉพาะดาวโลกของเรา ถึงขั้นสูญพันธ์หมดทุกอย่างบนโลกใบนี้ครับ ทฤษฏีย์นี้กล่าวโดยท่านพระอาจารย์รัตน์ รัตนญาโณ ที่เมื่อครั้งสัมนาพลิกวิกฤติให้เป็นทางรอดครั้งที่ 2เมื่อปลายปีที่แล้ว ทฤษฏีย์นี้จะตรงกับการเล่าเหตุการณ์การเกิดภัยพิบัติของคุณลุงพระเชียงใหม่โดยหลานวิกรม และจากที่เราเคยได้ยินบ่อยๆว่าโลกจะเข้าสู่ยุคพลังงานใหม่ พลังงานใหม่ที่ว่าก็คือการที่ระบบสุริยะของเราเปลี่ยนไปอยู่ในอิทธิพลของอีกกาแล็คซี่หนึ่งที่ชื่อ ไตรแองกุลั่ม นั่นเองครับ............ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมนะครับ....สาธุ

 

คือผู้คนในโลกนี้ มันก็มีระดับต่างกันแบบบัว4เหล่า
ฝรั่งเอง แม้เป็นนักวิทยาศาสตร์ ก็มีที่เชื่อทฤษฎีของตนเอง....
แต่ส่วนใหญ่ พอแสดงผลวิจัยของตนออกมา ก็โดนนาซ่า เซติ นอแรด ของไอ้กันตีตกหมด
เรื่องนี้ก็เหมือนกัน
ไม่มีหลักฐานทางดาราศาสตร์ เหลวไหลและไร้สาระ
เดี๋ยวพอผ่าน121212ไป ก็เงียบกันหมด ทำตาปริบๆน่าสงสารความหลง

 

อย่าเพิ่งด่วนสรุปไปครับท่านนาคา ...เวลาจะเป็นสิ่งพิสูจน์ทุกๆอย่าง

ความคิดความเชื่ออาจจะแตกต่างกันได้ แต่ละคนก็คิดและเชื่อไม่เหมือนกัน

เราต้องเคารพความคิดต่าง..ผมเคารพทุกความเห็น ..ครับ

 

ผมอ่านคำทำนายอาจารย์รัตน์ กับ คุณลุงเชียงใหม่ทำไมมันเหมือนกันจัง อันไหนมาก่อน มาหลัง

 

จริงๆก็ลงเรือลำเดียวกัน นะครับ

เพราะเข้าใจเรื่องภัยพิบัติเหมือนกัน
แต่ Nirvana ถือเรื่องความถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ ครับ
ไม่ใช่จะเป็นพวกใครหรือไม่ใช่พวกเรา

การอ้างอะไรเกี่ยวกับพระพุทธองค์ที่ไม่มีบัญญัติไว้ในพระไตรปิฏก
เป็นการกล่าวตู่พุทธพจน์ พระสัทธรรม นะครับ

ที่เบรคไว้น่ะ ก็เพราะหวังดีไม่มีอะไรแอบแฝงไปจากนั้น

ส่วนจะเป็นพุทธทำนายฉบับอีสานหรือล้านนา ถือว่าเป็นคำบอกเล่า
ไม่มีที่มาที่ไปยืนยันชัดเจน อีกทั้งยังไม่มีครูอาจารย์และราชบัณฑิต
สำนักไหนรับรองในส่วนนี้ แล้วจะให้สังคมยอมรับได้อย่างไร

ใครจะเชื่อย่างไรก็เป็นสิทธิส่วนบุคคลในการพิจารณา
แต่อย่าแอบอ้างอะไรที่หาที่มาที่ไปหรือความชัดเจนไม่ได้
ยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพระพุทธองค์ก็ยิ่งเกินเลยมีโทษสาหัส นะครับ

ผู้ปฏิบัติธรรมทุกท่านทราบเรื่องนี้ดีและระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง

ด้วยความเคารพต่อความเห็นของทุกท่าน (smile)

 

"พุทธทำนาย" ที่ไม่ได้บันทึกเอาไว้ในพระไตรปิฏก มีอยู่จริงครับ มีหลักฐานที่มาที่ไปชัดเจน และสามารถยืนยันได้ครับ

หนังสือพุทธตำนานพระเจ้าเลียบโลก ถือว่าเป็นคัมภีร์ที่เก่าแก่เล่มหนึ่งที่กล่าวถึงประวัติศาสตร์ทางพระพุทธศาสนาทีเข้ามาเผยแผ่ในดินแดนล้านนา เริ่มแรกทีเดียวนั้น เป็นการคัดลอกมาจากศิลจารึกในประเทศศรีลังกา โดยพระเถระชาวมอญที่มีนามว่า "พระมหาสามีธรรมรส" ต่อมาภายหลัง ท่านอาจารย์สิงฆะ วรรณสัยได้ทำการปริวรรคภาษาจากภาษาล้านนามาเป็นภาษาไทยและได้จัดทำการพิมพ์เป็นรูปเล่ม เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๕๔๕ ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เอง หลังจากนั้นมาจึงมีผุ้สนใจในหนังสือเล่มนี้กันมากขึ้นและได้เข้าใจถึงประวัติศาสตร์ของพระพุทธศาสนาในถิ่นล้านนากันอย่างแพร่หลาย

พระศรีธรรมโสภณ
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร
เจ้าคณะอำเภอเวียงหนองล่อง จังหวัดลำพูน

หนังสือพุทธตำนานพระเจ้าเลียบโลก เป็นคัมภีร์เก่าที่บอกเล่าประวัติการเข้ามาของพระพุทธศาสนาในล้านนา รอยพระพุทธบาท พระธาตุ วัดวาอารามต่างๆ ฯลฯ ตลอดถึงการพยากรณ์ความเป็นไปของสังคม ว่าต่อไปภายหน้าบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร ตั้งแต่สมัยพุทธกาล จนถึง พ.ศ.๕๐๐๐ ผลจากการศึกษาเบื้องต้นทำให้ทราบว่า คัมภีร์ตำนานพระพุทธเจ้าเลียบโลกนี้ "ท่านพระมหาสามีธรรมรส พระเถระชาวมอญ คัดลอกมาจากศิลาจารึกในลังกาทวีป เมื่อ พ.ศ ๒๐๕๐ จากนั้นท่านก็เดินทางไปนมัสการรอยพระพุทธบาท พระธาตุเจดีย์ตามสถานที่ต่างๆ ต่อมาพระมหาโพธิสมภาร แห่งอาวาส ท่าหัวเคียน ใกล้ดอยเกิ้ง ขอคัดลอกต่อไว้ในปี ๒๐๖๖ ด้วยภาษาล้านนามีความยาวถึง ๑๒ ผูก หรือ ๑๒ กัณฑ์ ส่วนในสิบสองปันนาสำรวจพบว่ามีมากถึง ๒๒ ผูก" เป็นคัมภีร์ที่ทรงคุณค่า บอกเล่าภูมิสังคม และประวัติศาสตร์ของพระพุทธศาสนาในล้านนามายาวนานกว่า ๕๐๒ ปี

พ.ศ.๑๕๑๘ อาจารย์สิงฆะ วรรณสัยได้ปริวรรตจากอักษรล้านนา มาสู่ภาษาไทยและจัดพิมพ์เป็นรูปเล่ม ปีพ.ศ.๒๕๔๕ ท่านนาคฤทธิ์ วัดพระธาตุจอมมอญ อำเภอแม่สะเรียง ได้ชำระในปีและได้มีการพิมถวายในงานทำบุญอายุหลวงพ่อพระเทพสิทธาจารย์ (ทอง สิริมงฺคโล) อีก ๒ ครั้งๆ ที่ ๔ พิมพ์ในงานสมโภชหอมณเฑียรธรรม ถวายมุทิตากตัญญกตเวทิตาสักการะท่านพระครูสุวถิ์ปัญญาโสภิต (ครูบาปัญญาวชิระ) วัดแสนเมืองมาหลวง (หัวข่วง)

พระมหาสง่า ธีรสํวโร
วัดผาลาด (สกทาคามี) จ.เชียงใหม่

 

พุทธทำนายจากพระโอษฐ์...จากหนังสือผูกอีสาน​

จังสิฮูงเหลื่อมเสมอแก้วหน่วยพิฑูรย์ ไผผู้มาเพียรสู้ตามพระธรรมเฮาชี้ช่องมานั้น สิบ่ขำเขือกฮ้อนคาถานั้นให้ฮ่ำเฮียน หรือสิเขียนใส่ผ้าพันหัวกันเสนียด หรือเอาไปกราบไหว้แลงเซ้าก่อนเข้านอนอานนท์เอ่ย อานนท์เป็นศิษย์แก้วเพียรเฮาบ่ได้ห่าง เฮาสงสารมากล้นภายหน้าศาสนา ฝูงหมู่อุบาสกอุบาสิกาคณาญาติ ให้พร่ำเพียรต่อสู้อย่าคร้านเศิกยาม เฮาแนะซ่องให้ยากง่ายตามความจริง อันความชั่วให้ละทิ้งเพียรไว้ตั้งแต่ดี ทางไกลก็สิเป็นทาง

…บัดนี้จักกล่าวภาคพื้นติดต่อตามประวัติ ตามแต่เฮามองเห็น หากสิจาไปหน้า อันว่าแนวนามเชื้อผิวเหลืองชนะเลิศ พวกพระสังฆเจ้าประจำไว้สู่เมือง จำพวกผิวขาวเผี้ยงสิพากันแพ้พ่าย พญาครุฑราชเจ้าสิบินเข้าสู่สถาน อันนรานอรินเดินจรก็สิได้กลับต่าว สิได้ไหลหลั่งเข้ากรุงกว้างดั่งเดิม ยูท่างบำเพ็ญสร้างศีลทานบ่ได้ขาด ศาสนาของเฮาใกล้ คนเฮาไปบ่ได้หย่อน ควรหมั่นสีของหม่นเศร้าให้ใสแจ้งอยู่เฮิ่ง

ไผผู้บ่เกียจคร้านเพียรหมั่นภาวนา ก็จักมีอายุยืนอยู่เสถียรหายฮ้อน องค์พระยาธรรมเจ้า(พระยาธรรมิกราช)สิลงมาครองโลก หากสิเห็นเที่ยงแท้ให้เพียรสร้างส่วนบุญ หัวทีนั้นพระองค์ทรงยั้งอยู่เมืองใหญ่สีปาด (กรุงเทพ)เป็นปัจจุบันเป็นเมืองลานช้าง(อีสาน)เฮาแท้เที่ยงจริง เผินจักมาเถิงแท้เดือน ๑๑ ขึ้น ๘ ค่ำ

ครั้น พ.ศ. ไปเถิงสองพันห้าฮ้อยแล้วปีกุนหน้า(๒๕๕๐)เที่ยงจริง ลูกแก่นต้นสิตามพ่อโดยเสด็จ กับทั้งหลานสององค์สิเหล่าเทียมมาพร้อม ตามแต่มาศะเกณฑ์ตั้งในระหว่างปีเถาะ(๒๕๕๔) ก็จักมีมหาสองยักษ์ยกพลมาล้นมาแต่ทางหนห้องทางปัจฉิมเอ้าอูด มากินสะมะณะพราหมณ์ทั้งหลายให้ตายประมาณได้เจ็ดล้านสามแสนห้าหมื่น บ่ใส่แต่ทอนั้นทวีเท่าทั่วแดน จนว่ามาเถิงปีมะโรง(๒๕๕๕)จังสิได้โค้งอ่วย

ครั้นผู้ใดอยากพบหน้าพระธรรมเจ้าให้หมั่นเพียร เต็มใจสู้ทำศีลทานเททอด ให้พากันอุปฐากพ่อแม่เจ้าสองเฒ่าให้อยู่เย็น ลุเถิงเข้าเขตปีมะเสง(๒๕๕๖) แม่น้ำมหาสมุทรไหลเซาะออกมาพังม้าง ฝูงหมู่สังโฆเจ้ามัวหมองปองหาลาภ ธุดงคะคุณมีแต่ละน้อยเพียรสู้ก็บ่หลาย

พอมาเถิงห้องปีมะเมีย(๒๕๕๗)แถมถ่าย คนจักละถิ่นบ้านเดินดั้นเทียวขอ ฝูงลูกเต้าสิพรากแม่มารดา กับทั้งบิดาพลัดพรากกันคนก้ำในระหว่างคราวนั้น มันจักเกิดเป็นหนามเสี้ยนคันคายอยู่ในบ่อน เพราะว่าผีป่าในบ้านอืดเสียงผีเมืองดั้นหนีภัยเข้าป่า เมืองกรุงศรีอยุธยาก็จักเกิดเดือดร้อนการเขี้ยวขุ่นมัว อันว่านารีสร้อยฝูงผู้หญิงสิลำบาก จักเกิดเข็ญยากยุ่งเสมอด้ามดั่งกัน วันคืนมื้อกังวนไหวหวั่น

อานนท์เอ๋ยหากสิเนเที่ยงแท้ภายสร้อยศาสนา พอมาเถิงห้องพระยาลิงปีวอก(๒๕๕๙) คนสิออกจากบ้านเดินเข้าสู่ทะเล ถัดจากนั้นมาจวบปีระกา กรรมของพวกชาวมนุษย์มันสิบันดาลให้มีมืดควันคุงฟ้า ดูประมาณได้เจ็ดวันเป็นเขต ในเวลามืดนั้นเทวดาเฮียกเอิ้นเอาผีเสื้อยักษ์หลวง นับอ่านได้เถิงโกฏิเป็นประมาณมากินฝูงหญิงชายหมู่กรรมเหลือล้น กับทั้งฝูงผีเสื้ออีกแสนตัวแข็งขนาด ฝูงคนบุญอย่าได้ประมาทแท้คุณแก้วให้ฮำเพิง ให้พากันบำเพ็ญสร้างบำเพ็ญบำเพ็ญบุญอย่าได้หย่อน ลางเทื่อบุญช่วยยู้เวรฮ้ายสิแล่นหนีแท้แล้ว

จำจากนี้สิเข้าเขตปีจอ(๒๕๖๑) พระยาอินทร์เผิ่นสิแปลงสารทิพย์หว่านโปรยลงพื้น สาส์นนั้นอินตาใช้ตัวทองเขียนขีด เพราะว่าบอกล่วงหน้าพระธรรมเจ้าสิล่วงลง บ่นานแท้ปีเดียวเสด็จด่วน ลงมาเที่ยวตรวจค้นตามบ้านหมู่คน ถ้าบ่ได้พบพ้อคำแห่งพระคาถา อันพระสงฆ์ทำนายคำสอนสั่งมาจริงแจ้ง กับทั้งเป็นคนฮ้ายประมาทธรรมหีนะโหด บอกว่าโทษผู้นั้นเห็นแท้สิเกิดกรรม เลยสิบรรดาลให้ตายโหงลงเลือด เพราะว่าเขาบ่ฮู้จำข้อแห่งพระธรรม ในคราวนั้นคนสิเกิดเหลือหลาย ทั้งหญิงชายบ่คัณนาได้ ฝูงหมู่อาหารเข้าบ่พอกินสิเขินขาด ความอดอยากก็จะบังเกิดขึ้นทั้งเฝ้าฮบเฮ็วแท้แล้ว

ครั้นผู้ใดได้ฟังแล้วให้เว้าต่อกันฟังแด่เดอ ก็จักมีอานิสงส์อายุยืนยาวมั่น กับทั้งหวังเห็นหน้าพระยาธรรมิกราช เผินสิขึ้นผ่านแผ้วครองคุ้มให้อยู่เย็น ครั้นไผบ่บอกเล่าจาต่อกันไปมัวแต่ปิดบังเสียสิเกิดโภยภายซ้อย ทั้งบ่หวังเห็นห้องความเจริญดั่งเฮาบอก พระยาธรรมิกราชเจ้าเลยจ้อยแม่นบ่เห็น

...ข้อหนึ่งนั้นยังมีสามพี่น้องประสงค์แข่งแดงฤทธิ์ กำหนดกาลเวลาแข่งดีให้เห็นแจ้ง เจ้าผู้พี่ขานไขตามใจเฮารบสิบห้าวันจิงเซายั้ง องค์กลางนั้นเจ็ดวันหักเที่ยง พระองค์น้อยผู้หลังว่าสามมื้อบ่ให้กลายไผสิดีก็ดีหั้น ไผสิตายก็ตามช่าง บ่ให้๙กว่านั้นสิฮามมื้อเศิกคราว แต่นั้นมีมหาเถรเฒ่ากายงามเฮืองฮุ่ง ท่านนั้นเสด็จออกมาจากสามทวีปซ้ำมากั้นบ่ให้เฮ็ว ท่านนั้นโฉมสีเหลื่อมปุนเปรียบพระอาทิตย์ ฮองๆ ใสดั่งมณีโชติแก้ว ยังจักมาแถมซ้ำหกสิบองค์โดยด่วน เผิ่นประสงค์สิมาบอกห้ามภัยฮ้ายแห่งพระยา

…เวลาเข้าเถิงปีกุล(๒๕๖๒)จำจือเอาเนอเดือนสิบเอ็ดข้างขึ้นจำไว้อย่าสิลืม ให้พวกท่านทั้งหลายพร้อมหญิงชายชาวโลกเฮาเฮ๋ย ฮีบหากันก่อสร้างกุศลไว้ฮับพระองค์ ครั้นผู้ใดโมโหฮ้ายโลภาโลภมาก ศีลบ่เข้าพระธรรมเจ้าบ่เหลียว มีแต่เมาทางได้บ่ตรึกตรองทางชอบ เห็นแต่ทางหม่อตื้นตัวได้แม่นเอา อันว่าในหนห้วงศีลธรรมพระเจ้าเทศน์มานี้ เขาบ่ตั้งต่อสร้างให้เห็นแจ้งแก่ใจ คนผู้นั้นสิบ่ได้พบพ้อองค์เอกพระยาธรรม สิเกิดมีโภยภัยเบียดเบียนให้ตายเมี้ยน เพราะว่ายุคกุลีขึ้นนำภัยนับบ่ข่วย เมตตานับมื้อน้อยโมโหหุ้มห่อใจ

ตามกระบิลเบื้ององค์พุทโธเผิ่นกล่าวมานั้น เผิ่นว่า พ.ศ. ๒๕๐๐ กลางปีมาแถมถ่ายมานั้น อุบาทฮ้ายโฮมฮ้อนสิเกิดเป็น มีแต่กุมกันวุ้นถกเถียงหาเหตุ เหลียวเห็นกันมีแต่คิดอยากฆ่าก็ทำได้ดั่งใจ บ่ว่าแต่ไกลและใกล้จีนจามแขกฝรั่ง เกิดรบเร็วอยู่บ่มั้วยั้งเขี้ยวเขาใส่กัน จนว่าโลหิตห้งเสมอธารแม่น้ำใหญ่ เลือดสิท่วมเล็บช้างหนูน้อยได้ล่องลอยพุ้นแล้ว เผิ่นจึ่งซ้ำแล้วซ้ำให้เฮาหน่ำทำบุญ ใ ห้พากันบำเพ็ญจิตใจให้อ่อนโอนหายกระด้าง ลางเทือพอไขได้กันคะดีให้เบาห่าง หรือเพื่อตัดขาดเว้นให้หายเสี้ยงหมู่เวร องค์ก็จึ่งตรัสเผือไว้เสมือนตืมเต็มปัญญา เถิงคราวหน้าปัญญาเฮานับมื้ออ่อน อวิชาตัณหานับมื้อแก่กล้า ธรรมสิเศร้าหม่นหมอง ความจริงธรรมหากรักษาไว้โลกาจิงบ่แตก โลกของเฮานี้หากจักยังอยู่ได้พระธรรมเจ้าจ่องดึง

…อันคราวไปหน้า ความโมหังนับมื้อแผ่ ความมืดใจนั้นนับมื้อห่อหุ้มขังไว้บ่ให้เห็น พอปานเอาฟืนมาอ่อยไว้ทางเย็นนั้นแม่นบ่มี ความดีเผิ่นว่าได้ขันตีธรรมให้เพียรฮำเอาท่อญ หากสิเห็นทางดับมอดเชื้อไฟได้บ่หล่ายความ องค์นั้นมาเป็นกำแพงแก้วกันไฟกองใหญ่เอาความอีดู เมตตากรุณานั้นเป็นน้ำบ่แก้วเทเข้ามอดไฟโลกของเฮา จังสิเย็นอยู่ได้หายกังวลแสนแสบ หัวทีนั้นหัดให้ฮักใกล้ๆ คือพ่อแม่เป็นประถม หักให้สงสารกันตลอดทั้งลุงป้า หัดให้ดีไปเรื่อยๆ ญาติกาชั้นใกล้ก่อน ต่อจากหั้นขอให้รักเพื่อนบ้านบ่มีขั้นต่อไป จนตลอดสัตว์สองเท้าทุบบาทพระหุบท ทั้งอยู่ในดินแดนหมู่ปลาในน้ำ ครั้นว่าเฮาฮักกันแล้ว ความชังก็เลยผ่าย

ครั้นความชังหนีจากแล้วความอยากฆ่าแม่นบ่มี ความอยากหักง้าวปืนกระสุนก็อิ๊ดอ่อน มีแต่ฮักฮ่วมห้องเสมอน้องพี่กัน ยู่ถ่างทำการสร้างหากินโดยทางชอบ ประกอบอาชีพล้นชาวเผี้ยงโทษบ่ดี อินทรีพรหมฟ้าเทวดาก็ยินม่วนนำแล้ว เหตุว่าอานิสงส์เมตตานั้น เป็นเสน่หาจ่องน้าวจิตใจนั้นให้ชื่นชม ก็จิงบรรดาลให้ชลธาไหลหลั่ง ข้าวในนาและหมากไม้หวานส้มก็มากมูล ครั้นแม่นมันแข็งกล้าหมดโลกาบ่มีอ่อน ดั่งนั้นก็จักเกิดเดือดร้อนคุงฟ้าดั่งกัน อินตาเจ้าจึ่งหลิงโลกโลกา เผิ่นก็ยินระอาเมืองมนุษย์บาปหนาเหลือล้น อันว่าธรณีเจ้าพระสุธาก็อกแตก เกิดระแหงแผ่ม้างดังขึ้นทั่วไป

ฝูงหมู่คนกลัวย้านขวัญหายอกสั่น ย้านแต่ภัยห่อหุ้มสิตายเมี้ยนบ่นาน มันหากบรรดาลขึ้นเพราะเข็ญกรรมที่สัตว์ก่อ พร้อมทั้งฝนขาดฟ้าน้ำขาดห้วยอึดล้นยิ่งทวี ตามทีเผิ่นกล่าวไว้ในปีจอ(๒๕๖๑)คนสิเข้ามามาก แต่ว่ามันสิลดน้อยเพราะฝนฟ้าบ่ซุ่มเลิ่งแท้แล้ว แต่ว่าราคาข้าวเกวียนเดียวหกร้อยชั่งพุ้นแล้ว นับเงินใส่เม็ดข้าวเสมอเท่าพอกันนั่นแล้ว แต่นั้นอานนท์ต้านขานตอบองค์พุทโธ ครั้นแม่นเป็นจั่งซั้นไผหนอสิค้างโลกพระองค์เอ๋ย แต่นั้นพระองค์แย้มไขวาจาแล้วตรัสบอก

อานนท์เอ๋ยโชคไผมีจิงสิได้พ้นคือความดั่งกล่าวมานั้น อันนี้เผิ่นกล่าวไว้ตามแห่งสรญาณ ตามความมีแต่ประถมประเหียนได้ ครั้นบ่เป็นจริงแท้สาธุการเป็นจังโชค ขอให้มนุสสาโลกกว้างเจริญขึ้นอย่าเสื่อมถอย อันนี้องค์พุทโธเจ้าหลิงโลกาสอดส่อง เผิ่นก็รู้เหตุฮ้อนดีแล้วจิงเผย เผิ่นเทศนาเอาไว้อาจารย์เฮาจำจื่อจึงดาย เผิ่นได้จารึกไว้เสาหินหน้าวัดใหญ่ เผิ่นบอกให้ฮอดห้องคราวนี้ให้ฮินตรองนั่นท่อญ ไผผู้ได้ฟังแล้วให้พยายามเพียรเอาแน่อีเฮียมเอ๋ย.

อ้างอิง : คัดจาก “พุทธทำนายจากพระโอษฐ์ และพระปฐมสมโพธิ์ ภาคอีสานฉบับสมบูรณ์” พิมพ์ที่โรงพิมพ์ ลูก ส.ธรรมภักดี พ.ศ. ๒๕๒๙) โดย เอกอิสโร วรุณศรี

ที่่มา พุทธทำนายจากพระโอษฐ์...จากหนังสือผูกอีสาน - มีคำตอบ - กูรู

 

ผมว่า คุณ Nirvana ก็พูดถูกในหลักการ ส่วนคุณเกษม ก็พูดอ้างอิงมีหลักฐาน น่าเชื่อถือดี

ในเรื่องของพระไตรปิฎก เราก็ต้องรู้อย่างหนึ่งว่า แม้ฉบับของไทย กับของพม่า ก็มีจำนวนคัมภีร์ไม่เท่ากัน

ในหลังสมัยพุทธปรินิพพาน มีการแยกเป็นนิกายต่างๆ มาก เป็นไปได้ว่า คำสอนที่ไม่ได้เป็นสายหลัก จะไม่ได้อยู่ในพระไตรปิฎก อยู่ในคัมภีร์อื่นๆ เช่นที่เกี่ยวเนื่องกับท้องถิ่นมากกว่า หรือแม้แต่มหายานก็มีหลายคัมภีร์ที่ทางเถรวาทไม่รวมไว้ในพระไตรปิฎก

 

ใจเย็นเย็นนนน ท่านพี่ทั้งหลาย

จะเกิดหรือไม่เกิดหาได้สำคัญไม่ ณ เวลานี้ตั้งมั่นทำดีให้สุดๆเท่ามีจะทำได้
ถ้าเกิดเราก็แก้กันไป ถ้าไม่เกิดเราก็เดินกันต่อไป ตราบที่ยังลมหายใจ สืบทอดพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไปด้วยกัน

กอดคอไว้แล้วไปด้วยกัล... bubu:VO

 

โอ้วววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว......................................

รักกันไว้อย่าทะเลาะกันเลย ช่วงนี้ยิ่งกรู้ทู้ต่างๆเงียบๆ มาแบบนี้เดี๋ยวหมดความน่าเชื่อถือครับ

 

บนโลกนี้ยังมีความจริงหลายอย่าง ที่ไม่ได้ระบุไว้ในตำรา
โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพราะเทคโนโลยีของมนุษย์

เรื่องบางเรื่อง อาจจะได้รับการยอมรับ เมื่อมีการพิสูจน์ว่ามีจริง
แต่เรื่องบางเรื่อง ก็อาจจะต้องรอเวลา เมื่อถึงเวลาที่ท่านพิสูจน์ว่าจริงแล้ว
ณ เวลานั้นอาจจะหมดเวลาสำหรับท่าน เพราะเวลาไม่สามารถที่จะย้อนกลับได้

โปรดพิจารณา
หากเรื่องการเตรียมการภัยพิบัตินั้นไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรง เตรียมตัวให้เหมาะสมกับ สภาวะกำลังของท่าน
หากท่านเตรียมตัว เหตุการณ์เกิดขึ้น อย่างน้อยก็ยังดีกว่าไม่ได้เตรียม
หากไม่เกิดก็ไม่เสียหายอะไร เพราะบางอย่างท่านอาจจะต้องเดิมพันด้วยชีวิต

ปล. ยกตัวอย่างเหตุการณ์สึนามิภาคใต้ สึนามิที่ญี่ปุ่น น้ำท่วมปี 54 แม้กระทั่งอากาศร้อนจนทำให้คนตายในต่างประเทศ

.............................................
สิ่งที่เรามองไม่เห็น ใช่ว่าจะไม่มี

 

เห็นด้วยกับคุณ natatik ครับ..เราลองสังเกตุปรากฏการณ์ภัยพิบัติต่างๆ เปรียบเทียบกับอดีต...เราจะเห็นได้ชัดว่าหนักขึ้น
รุนแรงขึ้น ขยายวงกว้างมากขึ้น และส่งผลกระทบไปทั่วโลก...ถ้าศึกษาข้อมูลมากมาก จะเห็นได้ว่า ปรากฏการณ์ที่จะเกิดภัยพิบัติ
สามารถอธิบายปรากฏการณ์ได้ตามกฏวิทยาศาสตร์(เช่นที่ ดร.ก้องภพ นำเสนอ) และสอดคล้องไปในแนวเดียวกันกับญาณรู้
ของครูบาอาจารย์หลายๆท่านที่ออกมาแจ้งเตือน.. ต้องเปิดใจให้กว้างไว้ครับ เพื่อรับรู้ข้อมูลในแง่มุมต่างๆ และควรเตรียมพร้อมในระดับหนึ่ง...
และหากไม่เกิดตามที่หลายท่านสงสัย ก็ไม่เสียหายอะไร...แต่ถ้าเกิดขึ้นตามที่คาดการไว้ละ...อะไรจะเกิดขึ้น....จิตใจก็ไม่พร้อม
ทางโลกก็ไม่พร้อม...ถึงตอนนั้น ก็สายไปแล้ว ครับ

 

ของปลอมก็มีเยอะ ปรากฎมากช่วงกบฎผีบุญเพื่ออ้างตัวว่าเป็นพระศรีอาริย์หลอกลวงชาวบ้านและตั้งตัวเป็นใหญ่ เนื่องจากมันไม่มีที่มาที่ไป การตรวจสอบความจริงจึงยาก

 

เห็นด้วยที่สุดครับ
เรื่องที่ไม่มีการบันทึกในพระไตรปิฏกใช่ว่าจะไม่มี หรือเป็นไปไม่ได้
องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมตตาโปรดสัตว์โลกให้พ้นทุกข์
พระธรรมคำสอนจึงเป็นแนวทางการพ้นทุกข์ ดับทุกข์
ส่วนเรื่องอื่นไม่ทรงสอน เพราะเป็นเหตุของการเกิดทุกข์
เรื่องอจิณไตย เรื่องเกินวิสัยมนุษย์ทั่วไป
หากไม่มีพยานที่รู้เห็นด้วยว่าจริง
บอกออกไป ก็เหมือนกับอวดอุตริครับ

 

เคยมีคนเอามาเขียนไว้ เขาบอกได้มาจากคำจารึกที่สลักจากประเทศอินเดีย

 

จะมัวสงสัยไปทำไม ก็ว่าเหตุมาจาก "ตำนานพระเจ้าเลียบโลก"

ดังนั้น เหตุมาจากไหน ก็ไปศึกษาต้นเค้าจากที่นั่น เพื่อจะได้แยกแยะข้อเท็จจริง

ว่าใครเป็นผู้แต่ง เพราะเหตุใดจึงแต่งขึ้นมา ตำนานนั้นมีกี่ฉบับ ฉบับอะไรบ้าง
มีกี่ผูก ผูกที่เท่าไหร่ ที่กล่าวอ้างถึงพุทธทำนาย และคำทำนายที่อ้างถึงนั้นมีว่าอย่างไร

จะจริงจะเท็จอย่างไร ก็ยกให้เป็นกรรมของสื่อ

สมัยนี้ก็ง่ายเลย เพื่อจะได้นำมาพิจารณาแยกแยะ ตำนานพระเจ้าเลียบโลก - ค้นหาด้วย Google

 

ในเวบก็มีผู้โพสตำนานพระเจ้าเลียบโลก
อยู่หน้า1-3 จะมีวงเล็บบอกลำดับของเนื้อหา

http://palungjit.org/search.php?searchid=2284384