มงคลวัตถุ สิริแห่งชีวิต ที่สุดแห่งศรัทธา : รูปถ่ายนิโรธสมาบัติ มหาจักร มหาสังข์ โคนนทสูร

รายการที่ 164 ตะกรุดพระครุฑพ่าห์ หลวงปู่ผาด วัดไร่ จ. อ่างทอง
ปิดรายการ ค่าจัดส่ง 60 บาท

ตะกรุดพระครุฑพ่าห์ ตะกรุดรับราชการดี มียศศักดิ์ หลวงปู่ผาด วัดไร่ จ. อ่างทอง ซองเดิม บูชามาจากวัด พญาครุฑต้องหลวงปู่ผาด องค์ท่านมีบารมีทางนี้เสกได้ขลังจริง

ตะกรุดพระครุฑพ่าห์ จารยันต์พระครุฑพ่าห์ ซึ่งเป็นสัญญลักษณ์ของราชการ พระครุฑ มีฤทธิ์ อำนาจมาก เสมอพระนารายณ์มหาเทพ มีกำลังมาก สามารถปราบได้ทั้ง 3 โลก ผู้บูชาตะกรุดพระครุฑพ่าห์ จักจำเริญด้วยหน้าที่การงาน ความสำเร็จของชีวิต ทำธุรกิจการค้า ก้าวหน้า ทำกสิกรรม หรือรับจ้าง งานฝีมือ ก็จะมีแต่รุ่งเรือง ทั้งยังดี มีคุณวิเศษ เสริมส่ง สำหรับผู้รับราชการ ไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจ หรือข้าราชการพลเรือน ไม่ว่ายศใด ตำแหน่งใด เมื่อบูชาแล้ว จะเจริญก้าวหน้า ในหน้าที่ราชการ เลื่อยศ เลื่อนตำแหน่ง เป็นเจ้าคน นายคน จนถึงขั้นพระยา เจ้าพระยาพานทอง ทรัพย์สินเนืองนอง เพิ่มพูนบริบูรณ์ ลาภ ยศ รุ่งเรืองขจรขจาย เป็นใหญ่ กว่าคนทั้งปวงแล

การปลุกเสกพญาครุฑ จะต้องลงหัวใจให้ครบผู้ปลุกเสกต้องมีบารมี มีพลังเหนือพลังไม่อย่างนั้นขลังยาก ลงวิชาครุฑต้องลง 8 อย่าง ถึงครบสูตร คือ 1. เป็นมหาอํานาจเหนือกว่าใคร 2.เจริญก้าวหน้าในแผ่นดิน (รับราชการ) 3.ตราแห่งโชคลาภ-เงินทอง-ลาภผล 4.กันเขี้ยวงาอสรพิษ (พญาครุฑยึดนาคจับนาคผู้เป็นใหญ่ในอสรพิษได้พญาครุฑ จึงเหนือเขี้ยวงาพิษร้ายทั้งปวง) 5.แก้คุณผีคุณคนคุณไสย์ ได้ดีนัก เดรัจฉานวิชาไม่กล้าเข้าใกล้ 6.ตกตําไม่ได้พญาครุฑบินอยู่สูง สูงกว่าพญานกทั้งหลาย ตราพญาครุฑจึงช่วยดวงไม่ให้ตกต่ำ 7.พระเคราะห์ไหนๆพระราหูแรงอย่างไร ก็ชนะพญาครุฑไม่ได้ 8.บารมีมากปกป้องคุ้มครองดี ปลอดภัยตลอกกาล

หลวงปู่ผาด อภินนฺโท ท่านบวชตั้งแต่ยังเป็นเณร รับใช้ใกล้ชิด ท่านเจ้าคุณรัตนมุนี วัดชีโพน พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นสัทธิวิหาริกของหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ หลวงปู่ผาด จึงเป็นศิษย์กรรมฐานปลายน้ำในสายหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม ต่อมาท่านได้ไปเรียนกรรมฐานในสำนักวัดพระเชตุพล ฯ หรือวัดโพธิ์ท่าเตียน ด้วยความที่มีบุญเก่า สะสมมามากพอควร จึงรู้แจ้งแทงตลอดในพระกรรมฐาน ท่านจึงถูกเกณฑ์ให้ลงเรือข้ามฝาก ไปเรียนวิชาธรรมกาย จากพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระมงคลเทพมุนี (สด จันทสฺโร) วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ จนสำเร็จวิชาธรรมกาย ได้รับการยืนยันรับรองจากปากหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ว่า “แสงแห่งพระธรรมกายนั้น ถ้าหยุดถูกที่แล้วจะสว่างไสวยิ่งกว่าพระอาทิตย์สักร้อยดวงมารวมกัน ถ้าใครยังไม่เชื่อให้ถามพระจากอ่างทององค์นี้ดู เพราะท่านสำเร็จธรรมกายขั้นสูงสุดแล้ว” พูดพลางหลวงพ่อสดก็ชี้มือมาที่หลวงปู่ผาด ซึ่งขณะนั้นยังเป็นพระหนุ่มอยู่ นอกจากนี้หลวงปู่ผาด ยังเรียนวิชาสำคัญจากพระเกจิสายอ่างทอง เช่น เรียนทำผงวิเศษจากหลวงพ่อภู วัดดอนรัก เรียนทำเบี้ยแก้ เสกปรอท จากหลวงพ่อพัก วัดโบสถ์ เรียนทำตะกรุดโบสถ์ลั่นจากหลวงปู่คำ วัดโพธิ์แก้ว

พ.ศ. ๒๔๙๕ ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดไร่ และตั้งสำนักอบรมวิปัสสนากรรมฐานตามแนวทางวิชาธรรมกายของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ

ในด้านการปลุกเสกพระเครื่องเครื่องรางของขลัง หลวงปู่นั่งอธิษฐานจิตแบบลืมตาเสก คือว่าคาถาเป่าไปเรื่อย ๆ ซึ่งผู้รู้บอกว่า การลืมตาเสกเป็นการเสกแบบเปิดโลก แบบเดียวกับ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก คือ เปิดหนทางทุกอย่าง เปิดโภคทรัพย์ เปิดทางชีวิต มีอภิญญาจิต คุณวิเศษ ผู้หยั่งรู้วาระจิตคน เล่ากันว่า แม้แต่เทวดา ยังมาฝากตัวเป็นศิษย์และกระแสจิตท่านเทียบเท่า ท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต พระอรหันต์กลางกรุงแห่งวัดเทพศิรินทร์ฯ
หลวงปู่ผาดได้จัดสร้างวัตถุมงคล เพื่อเป็นเครื่องอุปถัมภ์ศิษย์ และเป็นที่ระลึกถึงความเจริญ ความเป็นมงคลมาตั้งแต่ท่านเริ่มมาครองวัดไร่ใหม่ ๆ จนถึงปัจจุบันมีหลายรุ่นที่โด่งดัง และก่อเกิดประสบการณ์อภินิหารมากมาย อาทิ พระพรหมลิขิต พระกริ่งเพชรกลับ พญาครุฑ ตะกรุดพระลักษณ์หน้าทอง พระบรมครูฤาษี ตะกรุดฝนแสนห่า ตะกรุดมหาจักรพรรดิตราธิราช พระพิฆเนศวร หมากทุย พระกริ่งดีดศาลา ตะกรุดหวายรองบาตร เป็นต้น

 

รายการที่ 165 พญาการะเวก เนื้ออัลปาก้า หลวงพ่อใจ ฐิตาจาโร วัดพระยาญาติ (ปากง่าม)
ค่าจัดส่ง 60 บาท

หลวงพ่อใจท่านจัดสร้าง"พญาการะเวก"ในรูปแบบเครื่องรางโดยนำชนวนจันทร์เพ็ญของทุกๆปีไปทำการหล่อหลอมรวมกับชนวนมวลสารอื่นของท่าน หลวงพ่อใจ นิสัยส่วนตัวท่านจะเมตตามาก และท่านเสกของทางเมตตาขึ้น ใครเคยไปกราบท่านจะรู้ดี เข้าไปกราบไปขอท่านเมตตาเรื่องใด ท่านไม่เคยปฏิเสธ และ ไม่สนใจด้วยว่าจะถวายปัจจัยหรือไม่ ไม่เคยเลือกแบ่งชนชั้นวรรณะ และท่านมีความรู้หรือวิชาเรื่องใด ท่านทำให้หมด ทั้งจารของ เสกพระ จารตระกรุด วิชาใบมะนาว จารกระหม่อมลงทอง ลดน้ำมนต์ แม้กระทั่งเป่าฝีเป่างูสวัด ฯลฯ ชาวบ้านรักท่านมาก เคยคุยกับชาวบ้านท่านหนึ่งบอกว่าเป็นฝีเรื้อรังไปหาหมอโรงพยาบาลก็ไม่หาย เงินก็ไม่ค่อยมี เลยมาขอท่านพ่น ดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรก

พญาการะเวก สัตว์หิมพานต์ ชนิดหนึ่งที่มีพรสวรรค์มาก ในเรื่องแห่งเสียงที่ไพเราะเสนาะหู เมื่อใครได้ยินก็จะเกิดความเมตตา แม้แต่เทพ พรหม องค์อินทร์ และบรรดาเทพเทวดาทุกๆชั้น เพียงได้ยินเสียง ก็เกิดภวังค์ กับคำว่าเคลิ้ม และหลง ในเสียง จนได้รับการเรียกขานจากองค์พระนารายณ์ ว่า "จ้าวพญาการะเวก" ขนาดศัตรูขององค์เทพและพรหมบนสวรรค์ ที่เกรี้ยวกราด และมุ่งหมายจะทำลายล้างสวรรค์ (บรรดาพวกยักษ์มาร) ยกกองทัพมาถึงหน้าประตูสวรรค์ องค์พระนารายณ์ ท่านได้ส่ง "พญาการะเวก"ไปเกาะข้างหูบรรดายักษ์มารแล้วส่งเสียงร้อง ข้างหู จนทำให้บรรดายักษ์มารที่ได้ยินเสียง เกิดเปลี่ยนใจในการรบ และยกทัพกลับไปหลายรอบแล้ว พระนารายณ์เจ้าเลยตรัสกับเทวดาทุกองค์ว่า ผู้ใดที่มี"พญาการะเวก"อยู่คู่กาย ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็จะสำเร็จ สัมฤทธิ์ผล ทุกประการ

พุทธคุณสูงด้านเมตตา-มหานิยม-มหาเสน่ห์ โดยเฉพาะผู้ที่ทำธุรกิจการงานด้านเจรจา รวมไปถึงนักร้อง พิธีกรโฆษก นักจัดรายการต่างๆ บูชาติดตัวจะเป็นมหาเสน่ห์อย่างดีเยี่ยม ใครได้ยินเสียงเราแล้วเกิดความหลงใหลในน้ำเสียงที่มีความไพเราะจับใจ อยู่ไกลแสนไกลแค่ไหนเมื่อได้ยินเสียงเราก็ต้องมาให้เห็นหน้า ถ้าไม่ได้มาเหมือนหัวใจจะแตกเป็นเสี่ยงๆทีเดียวนับว่าเป็นวิชาอาถรรพณ์โบราณอีกรูปแบบหนึ่งท่านสามารถทำได้ ก่อให้เกิดผลดีทุกด้านเกิดความมั่นใจในการประกอบธุรกิจการงานติดต่อประสานงานกับบุคคลทั่วไป

พระอธิการใจ ฐิตาจาโร
ท่านเป็นพระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เคร่งครัดในธรรมวินัย ปฏิบัติกิจของสงฆ์อย่าสมบูรณ์ เอาใจใส่ในกิจการของสงฆ์ มีกิริยาอ่อนน้อมถ่อมตน สันโดษ มักน้อย มีเมตตามาก
และเป็นที่รักและเครารพนับถือของชาวบ้านอัมพวา และตำบลใกล้เคียง ท่านเรียนมามาก เป็นศิษย์มีอาจารย์ ท่านเป็นพระที่เรียนมาจริง มีวิชาจริงสามารถช่วยลูกศิษย์ของท่าน
ได้จริง แม้แต่เกจิอาจารย์ตามที่ต่างๆ ที่ท่านไปร่วมปลุกเสกด้วยในแต่ละครั้ง ยังเอ่ยปากชมและยอมรับในตัวท่าน..

ท่านเกิดในปี พ.ศ. 2490 อุปสมบทในวันที่ 14 มีนาคม 2514 โดยมีพระครูโกวิท สมุทรคุณ (หลวงพ่อเนื่อง) วัดจุฬามณี เป็นพระอุปฌายะ, พระครูสมุทรภัทรกิจ (หลวงพ่อทอง)
วัดพระยาญาติ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูสมุทร ธีรคุณ (หลวงพ่อมหาพิน) วัดช่องลม เป็นพระอนุสาวณาจารย์ ณ.อุโบสถ วัดช่องลม ได้รับฉายาว่า “ฐิตาจาโร”

หลังจากนั้นหลวงพ่อท่านก็ย้ายมาอยู่ที่วัดพระยาญาติกับหลวงพ่อทอง ซึ่งหลวงพ่อทองท่านเก่งด้านการรักษาผู้ที่ป่วยอัมพาต และทำนายทายทัก (ดูดวง)

หลังจากที่ท่านได้บวชเรียนจนจบนักธรรมชั้นเอกแล้วท่านก็คิดในใจว่าสงสัยเราต้องสึกซะทีจะได้ไปช่วยโยมบิดามารดาทำมาหากิน พอหลวงพ่อท่านไปหาหลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี
เพื่อที่จะขอลาสิกขาบถทีไร กลับถูกหลวงพ่อเนื่องปฏิเสธมาทุกครั้ง จนครั้งหนึ่งเมื่อหลวงพ่อไปขอสึก หลวงพ่อเนื่องท่านก็เอ่ยขอให้หลวงพ่อใจบวชต่อไป เพื่อรับใช้พระพุทศาสนาและ
ต่อไปในภายภาคหน้าเมื่อสิ้นหลวงพ่อเนื่องจะได้ช่วยเหลือญาติโยมที่เขาเดือดร้อน

หลวงพ่อเนื่องท่านได้สอนสรรพวิชาต่าง ๆ ที่ท่านมีไม่ว่าจะเป็นการลงตะกรุดมหาปราบ มหารูด มหาระงับ ตรีนิสิงเห ยันต์โสฬส ยันต์วิรุฬจำบัง ยันต์พัดโบก ทำน้ำมนต์ใบมะนาว
การลงเจ็ดเสาร์ เจ็ดอังคาร รวมถึงทำน้ำมนต์ เพื่อไล่สิ่งที่เป็น อัปมงคล ฯลฯ จัดได้ว่าหลวงพ่อท่านได้สรรพวิชาจากหลวงพ่อเนื่องจนหมดไส้ หมดพุงเลยทีเดียว

และท่านยังได้รับการถ่ายทอดสรรพวิชาต่าง ๆ จากโยมพ่อใบ คำอึก ซึ่งเป็นศิษย์พี่ ศิษย์น้องกับหลวงพ่อเนื่อง โยมพ่อใบ คำอึกนี้ มีวิชามากมาย แค่จับเถาวัลย์เท่านั้น เถาวัลย์ยังเลื้อย
ขึ้นมือเอง หลวงพ่อใจท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาต่างๆ เช่น การกวนสีผึ้ง เพือเป็นเสน่ห์เมตตามหานิยม, การจับปลายเถาวัลย์, การล้างอาถรรพ์, การแก้คุณไสย, การทำน้ำมนต์เดือด
และบอกหลวงพ่อว่า “สิ่งที่ฉันให้หลวงพ่อไป หลวงพ่อเอาไว้ช่วยคนนะ ฉันจะได้ขึ้นสวรรค์กับเขาซักที”

หลังจากที่หลวงพ่อได้เรียนกับโยมพ่อใบ คำอึก จนสำเร็จ หลวงพ่อเนื่องได้ให้หลวงพ่อไปหาหลวงพ่อหนูวัดภุมรินทร์ และหลวงพ่อปึก วัดสวนหลวง ท่านทั้ง 2 องค์นี้ก็เป็นศิษย์หลวงพ่อคง
เหมือนกัน ท่านได้สอนสุดยอดวิชาของท่านให้กับหลวงพ่อคือวิชา ดำน้ำลงตะกรุด ซึ่งวิชานี้ปีหนึ่งจะทำได้แค่ครั้งเดียว คือวันเพ็ญเดือน 12 เท่านั้น ตะกรุดที่ดำน้ำทำในแต่ละปีจะได้ไม่กี่ดอก
ใครที่มีไว้ครอบครองถ้าอธิษฐานใช้แล้วก็จะสำฤทธิ์ผลได้ดั่งใจ พอหลวงพ่อท่านเรียนวิชาจากหลวงพ่อหนูจนเสร็จท่านก็ได้ไปกราบหลวงพ่อปึก วัดสวนหลวง เพื่อศึกษายันต์ครูจากหลวงพ่อปึก
ซึ่งหลวงพ่อปึกองค์นี้สามารถ ตบยันต์ทะลุกระดาษทุกแผ่นได้เลยทีเดียว

หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ ได้สอนให้หลวงพ่อเรียนวิธีหุงสีผึ้ง, ทำตะกรุดลูกอม, ทำน้ำมนต์ตลิ่งพัง ตามตำรา หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ และยังได้สอนให้เรียนวิธีการทำพระปิดตาที่มีเมตตาสูงส่ง
ตามตำราของหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว

นอกจากนี้หลวงพ่อใจท่านยังเรียนทำตะกรุดจากหลวงพ่อน้อย วัดปากคลองจังหวัดเพชรบุรี หลวงพ่อเก๋ วัดแม่น้ำ หลวงพ่อง้อ วัดดาวดึงส์ หลังจากนั้นท่านก็เดินทางกลับสู่วัดจุฬามณี
เพื่ออยู่คอยดูแล และรับใช้หลวงพ่อเนื่อง จนหลวงพ่อเนื่องมรณะภาพลง หลวงพ่อท่านก็กลับสู่วัดพระยาญาติ และในปี พ.ศ 2538 หลวงพ่อทองเจ้าอาวาสองค์เก่าวัดพระยาญาติได้มรณะภาพลง
ญาติโยมและชาวบ้านจึงกราบอารธนาหลวงพ่อให้ขึ้นดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระยาญาติ ซึ่งตรงกับวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2539

หลังจากหลวงพ่อท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสแล้ว ท่านได้ช่วยพัฒนาวัดจนดีขี้นเป็นลำดับ และได้สงเคราะห์ญาติโยมด้วยความเมตตาในหลากหลายเรื่อง เช่น ทำตะกรุดเพื่อปกป้องคุ้มครอง
เสกใบมะนาว เพื่อรักษาโรคที่รักษาไม่ได้ ทำน้ำมนต์ พ่นรักษาโรค ฯลฯ ท่านเมตตาช่วยศิษย์ทุกคนโดยไม่แบ่งชนชั้นวรรณะ

ประสบการณ์ตะกรุด และลูกสะกดของท่าน ที่ท่านทำแจกให้ไปมีประสบการณ์กันมาก เช่น วัยรุ่นถูกคู่อริยิง แล้วยิงไม่เข้า, ขับรถหลับในชนศาลาริมทางคนที่นั่งไปด้วยเสียชีวิต แต่คนขับที่มี
ตะกรุดกลับไม่เป็นอะไรเลย เคยมีโยมพาลูกมาให้หลวงพ่ออาบน้ำมนต์ให้ พอหลวงพ่อเห็นเด็ก หลวงพ่อก็หยิบลูกสะกดพร้อมด้ายเจ็ดสี และพูดขึ้นว่า “ใส่คอไว้นะ อย่าเอาออก” พอหลังจากเด็ก
กลับไปแล้วเกิดพลัดตกน้ำแต่กลับลอยขึ้นมาไม่จม, แม่ค้า พ่อค้า นักธุรกิจ ที่ได้อาบน้ำมนต์กับหลวงพ่อ และรับแจกตะกรุดกลับไป สามารถพลิกชีวิตพลิกธุรกิจให้ดีขึ้นได้มากมาย

 

รายการที่ 166 ตะกรุดลอยนํ้าหลวงปู่เปรี่ยม อติภัทโท วัดโพธิ์เรียง (วัดบ้านคลองทรายเหนือ จ.สระแก้ว)
ปิดรายการ ค่าจัดส่ง 60 บาท

ตะกรุดลอยน้ำบันดาลโชคลาภ หลวงปู่เปรี่ยม สำหรับขอเลขรางวัล แล้วแต่ตอนตั้งจิตอธิฐานขอว่าจะขอสองตัวหรือสามตัว ตระกรุดเงิน 33 ดอก ปี 48

โดยทำหลังเที่ยงคืน ไม่เกินตี 3 ต้องทำในวันพฤหัสเท่านั้น ตั้งแต่ขึ้น 9 ค่ำ ถึงแรม 7 ค่ำ โดยจะไม่สามารถทำได้ทุกงวด เพราะต้องทำในวันที่กำหนดเท่านั้น ยิ่งถ้าเป็นวันพฤหัสที่ใกล้หวยออกมากๆจะยิ่งแม่น (ตะกรุดจะลอยน้ำได้เป็นตัวเลข)

สิ่งที่ต้องเตรียม
1. ธูป 3 ดอก เทียน 2 เล่ม (สำหรับบูชาพระ)
2. บายศรีปากชาม 1 คู่
3. ผ้าขาวสำหรับปูโต๊ะทำพิธี 1 ผืน
4. ภาชนะใส่น้ำขนาดความกว้าง 9 - 12 นิ้ว
5. ธูป 15 ดอก (สำหรับใช้ในพิธี)

บทสวดชุมนุมเทวดา
สัคเค กาเม จะ รูเป คิริสิขะระตะเฏ จันตะลิกเข วิมาเน
ทีเป รัฏเฐ จะ คาเม ตะรุวะนะคะหะเน เคหะวัตถุมหิ เขตเต
ภุมมา จายันตุ เทวา ชะละถะละวิสะเม ยักขะคันธัพพะนาคา
ติฏฐันตา สันติเก ยัง มุนิวะระวะจะนัง สาธะโว เม สุณันตุ
ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา
ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา
ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา

ขั้นตอนการปฏิบัติ
1. จุดธูป 3 ดอก เพื่อบูชาพระรัตนตรัยที่หิ้งพระ
2. ตั้งโต๊ะพิธี นำผ้าขาวมาคลุมโต๊ะ วางบายศรีปากชามทั้ง 2 ข้าง วางภาชนะที่ใส่น้ำไว้ตรงกลาง จากนั้นให้จุดธูป 15 ดอก ตั้งนะโม 3 จบ แล้วสวดคาถาชุมนุมเทวดา จากนั้น อธิษฐานขอในสิ่งที่ปรารถนา แล้วนำธูปไปปักที่กลางแจ้ง
3. หยิบตะกรุดออกจากกล่อง แล้วจับตะกรุดด้วยนิ้วโป้งและนิ้วชี้ปิดหัวท้าย ครั้งละ 1 ดอก ก่อนวางว่าคาถา นะโมพุทธายะ นะมะภะทะ จะภะกะสะ นะมะอะอุ 1 จบ แล้วจึงค่อย ๆ วางตะกรุดลงบนผิวน้ำอย่างระวัง ตั้งใจทำไปเรื่อยๆ จนครบหมดทุกดอก ถ้าตะกรุดดอกใดจมน้ำอย่าหยิบขึ้นมา ตะกรุดที่ลอยน้ำอยู่จะค่อย ๆ เลื่อนเข้าหากัน จากนั้นให้เพ่งดูตะกรุดที่ลอยน้ำ (ระหว่างนี้ให้ภาวนาคาถาไปเรื่อย ๆ คือ 1) นะโมพุทธายะ 2)นะมะภะทะ 3) จะภะกะสะ 4) นะมะอะอุ )

วันทำพิธี
เลือกวันพฤหัสบดีเท่านั้น ตั้งแต่ข้างขึ้น 9 ค่ำเป็นต้นไป แต่ไม่เกินข้างแรม 7 ค่ำ ตั้งแต่เวลา เที่ยงคืน จนถึง ตีสาม เท่านั้น

หลวงปู่เปรี่ยม ท่านจะพิถีพิถันตามขั้นตอนการสร้างตะกรุดแต่ละตอกแต่ละประเภทจึงจะนำไปใช้ให้สำเร็จประโยชน์ ตะกรุดลอยน้ำเน้นตั้งแต่แผ่นโลหะก่อนลงอักขระเลขยันต์ต้อง สวดถอน สิ่งอัปมงคล ออกจากแผ่นโลหะเหมือนทำให้โลหะบริสุทธิ์จริงๆซะก่อนแล้วค่อยนำมาลงอักขระเลขยันต์ เน้น หัวใจธาตุทั้งห้า ประกอบด้วย ดิน น้ำ ลม ไฟ และวิญญาณธาตุ นำไปสวดญัตติกรรม
การสวดญัตติ จะต้องทำให้ครบ สี่ครั้ง เรียกว่า เหมือนกับพิธีอุปสมบทพระภิกษุในพระพุทธศาสนาเลยทีเดียว หลวงปู่เปรี่ยมท่านก็อธิบายการนำตะกรุดเข้าโบสถ์สวดญัตติกรรมทำนองเดียวกันกับการบวชพระภิกษุหรือจะพูดง่ายๆเข้าใจแบบชาวบ้าน การสวดญัตติตะกรุดของหลวงปู่เปรี่ยมก็เหมือนกับ บวชตะกรุด ให้มีพลังความเข้มขลังเพื่อให้พิธีสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีนั่นเอง


หลวงปู่เปรี่ยม พระอริยะผู้เมตตา เทพเจ้าแห่งโชคลาภ หลวงปู่ได้สืบทอดวิชาของสายวัดระฆัง มาจากหลวงปู่หินโดยได้พบกับหลวงปู่หินในป่าแถบปักธงชัยขณะธุดงค์ ได้อยู่ปรนนิบัติรับใช้หลวงปู่หินเป็นเวลา 6 ปี ได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมมากมายหลายอย่าง เช่น การสร้าง ตระกรุด การทำผงพุทธคุณ 108คาถาอาคม และการปลุกเสกตลอดจนการเจริญภาวนา และภายหลังหลวงปู่ได้มาปรนนิบัติดูแล ลป.หิน ที่วัดระฆัง

วัตถุมงคลทุกอย่าง หลวงปู่มีความตั้งใจอย่างมาก เพื่อให้คุ้มครองรักษาผู้ใช้ได้อย่างแท้จริง แม้กระทั้งการเตรียมมวลสาร ผงต่างๆ ท่านจะพิถีพิถันตามตำราของท่าน เสกจนมวลสารศักสิทธิ์ จากนั้นกดพระแล้วเสกจนสำเร็จจนท่านมั่นใจ พระหลวงปู่เปรี่ยมเหมาะมากสำหรับท่านที่ศรัทธาในเจ้าประคุณสมเด็จโต และ ชอบสวดพระคาถาชินบัญชร เพราะหลวงปู่ท่านเสกตามตำหรับสายวิชาวัดระฆัง ตามที่ท่านรำ่เรียนมาจากหลวงปู่หิน

 

จองครับ

 

จองไว้ก่อน รายการที่ 50, และรายการที่ 102, (2 รายการ)

 

รายการที่ 167 ตะกรุดปัจเจกพุทธเจ้า หลวงปู่ผาด อภินันโท วัดไร่ จ. อ่างทอง
บูชา บาท ค่าจัดส่ง 60 บาท

ตะกรุดพระปัจเจกพุทธเจ้าอุดมโชค โภคทรัพย์ ตำราปัจเจกพุทธเจ้า ได้เมื่อคราวหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ออกธุดงค์ ไปหาขรัวพ่อแช่ม วัดฉลอง จังหวัดภูเก็ต ระหว่างทางผ่าน จ.นครศรีธรรมราช พบครูผึ้ง ฆราวาสผู้ปรารถนาเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าในอนาคต รออยู่ และมอบพระคาถาปัจเจกพุทธเจ้าให้นั้นแหละเราท่านจึงได้รู้ว่าพระคุณของพระปัจเจกพุทธเจ้านั้นมากมายหนักหนา

ตระกรุดมีพุทธคุณเด่นทางโภคทรัพย์ กินใช้ไม่หมด ไม่พร่อง โภคทรัพย์หลั่งไหลมาสู่บ้านเรือนผู้บูชานานัปการทั้ง 8 ทิศ อุดมสมบูรณ์พูลผล เพิ่มเติมล้น หากินไม่ฝืดเคือง กินไม่ขาดปาก เงินทองไม่ขาดมือ ข้าวไม่ขาดยุ้ง บริวารไม่ขาดเรือน ทรัพย์สมบัติเพิ่มพูน มั่งคั่งดีนักแล

ตะกรุดพระปัจเจกพุทธเจ้า เนื้อตะกั่วลงถมพอกผงวิเศษ ลงรักปิดทองคำแท้ ขนาดความยาว 4 ซ.ม.

พระคาถาบูชา ตั้งนะโม 3 จบ
อุ อา กะ สะ อา กะ สะ อุ กะ สะ อุ อา สะ อุ อา กะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระอิทธิโย พุทธัสสะ มานี มานะ พุทธัสสะ สวาโหม

หลวงปู่ผาด อภินันโท วัดไร่ จ. อ่างทอง
หลวงปู่ผาด อภินันโท หรือพระครูมงคลสาธุวัตร เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 ก.ย.2459 ที่ อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ชีวิตในวัยเด็ก ครอบครัวยากจน เรียนจบชั้น ป.4 ก่อนเข้าพิธีบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดยางมณี โดยมีหลวงพ่อชวน วัดยางมณี เป็นพระอุปัชฌาย์ ก่อนได้รับความเมตตาจากท่านเจ้าคุณพระรัตนมุนี วัดชีโพน อดีตเจ้าคณะจังหวัดพระนคร ศรีอยุธยา รับท่านเป็นศิษย์ในสำนักเรียนวัดชีโพน ครั้นมีอายุครบบวช เข้าพิธีอุปสมบท ณ พัทสีมาวัดยางมณี เมื่อวันที่ 17 พ.ค.2481 โดยมีหลวงพ่อปลื้ม วัดช้าง เป็นพระอุปัชฌาย์, หลวงพ่อชวน วัดยางมณี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และหลวงพ่อแทน วัดกำแพง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ และยังเคยฝากตัวเป็นลูกศิษย์ ท่านเจ้าคุณพระมงคลเทพมุนี หรือหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ และได้สำเร็จวิชาธรรมกายอีกด้วยอีกด้วย ในสมัยเป็นพระลูกวัด ศึกษาวิชากัมมัฏฐาน ตลอดจนอักขระวิธี และพุทธาคมจากท่านเจ้าคุณพระรัตนมุนี แห่งวัดชีโพน ท่านยังได้เล่าเรียนสรรพตำรา จากพระเกจิอาจารย์ชื่อดังในสมัยนั้น จนเมื่อพ.ศ.2495 ก็ได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดไร่
หลวงปู่ท่านเป็นผู้ห่างพ้นกิเลศทั้งปวง ไม่ยึดติด ไม่สะสม จำวัดกลางศาลาใหญ่ใกล้เมรุเผาศพ เมื่อคราวน้ำท่วมอ่างทองครั้งใหญ่ นำเอ่อล้นท่วมทุกที่แต่ที่ศาลาใหญ่ ที่ท่านจำวัด ซึ่งสูงกว่าพื้นถนนไม่ถึงฟุต สายนำกลับวกไปไม่ท่วมถึง การนั่งอธิฐานจิต วัตถุมงคลท่านจะนั่งลืมตาเสก ว่าคาถาเป่าไปเรื่อย ๆ ผู้รู้บอกว่าการลืมตาเสกเป็นการเสกแบบเปิดโลก แบบเดียวกับหลวงปู่ดู่ วัดสะแก
หลวงปู่ผาด มรณภาพอย่างสงบที่ โรงพยาบาลอ่างทอง ด้วยโรคชรา เมื่อวันที่ 15 ม.ค สิริรวมอายุได้ 99 พรรษา 77

 

รายการที่ 168 สีผึ้งตลับพลาสติก หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ (สุสานทุ่งมน)
บูชาตลับละ 190 บาท ค่าจัดส่ง 60 บาท (เหลือ 9 ตลับ)

สีผึ้งเก่าตั้งแต่ปี 2546 และ 2547 หลวงปู่เมตตาหุงเอง สีผึ้งหลวงปู่ทุกพิธีทำอย่างถูกต้องตามตำรา หลวงปู่ท่านเคารพครูบาอาจารย์มาก พิธีกรรมจะต้องถูกต้องครบถ้วน สีผึ้งหลวงปู่น่าบูชามาก สายขาว สะอาด มีแต่สิ่งที่เป็นมงคล ยิ่งผู้อยู่ในศีล5 ยิ่งใช้ขึ้น ในด้านที่ไม่ผิดศิลธรรม ส่วนตัวใช้ทุกวัน น้อมบารมีครูอาจารย์ของหลวงปู่ทุกองค์รักษาคุ้มครอง

ตั้งใจจะเก็บไว้ใช้เอง แต่ตลับเดียว ทาทุกวันมาเกือบปีก็ยังไม่หมด เลยแบ่งบูชาครับ

สีผึ้งหลวงปู่หงษ์ใช้อธิษฐานในด้านความคล่องตัวทางโลก ความราบรื่นในการทำกิจการหรือการทำงาน เข้าหาผู้ใหญ่เป็นเมตตา บางครั้งไม่สบายผมจะอธิษฐานทาที่ปากแล้วเม้มให้เข้าปากหรือละลายน้ำอธิษฐานเป็นยา หากมีเวลาจะทำกรวยดอกไม้ถวายท่านและอธิษฐานเอาสีผึ้งละลายน้ำเป็นน้ำพระพุทธมนต์อาบหรือล้างหน้าเพื่อเป็นสิริมงคล

** ห้ามใช้ทางชู้สาว ..จะผิดครู **

หลวงปู่หงษ์ ท่านเป็นองค์มหาโพธิสัตว์ ผู้เมตตาไม่มีประมาณ สีผึ้งหลวงปู่ใช้ได้ผลในทางที่ดีเท่านั้น จะต้องไม่ผิดศีลธรรม และยิ่งถ้าผู้ใช้รักษาศีล ๕ ได้ด้วยแล้วนั้น จะยิ่งทำให้มีอานุภาพมากยิ่งขึ้นเป็นทวีคูณ

เวลาใช้ให้ภาวะนา นะ เม ติ 12 จบ แล้วตั้งจิตอธิฐาน จากนั้นให้ใช้สีผึ้งเพียงนิดเดียวเจิมหน้าทาปาก คิ้ว หรือ สินค้าที่เราจะขาย เจ็บไข้ได้ป่วยฉุกเฉินหรือโรคเวรโรคกรรม ให้อาราธนาครูบาอาจารย์ทุกพระองค์ขององค์หลวงปู่หงษ์ และ บารมีองค์หลวงปู่หงษ์เป็นที่สุด ช่วยปกปักรักษา จากนั้นนำสีผึ้งเล็กน้อยละลายน้ำอธิษฐานกินเป็นยา

สีผึ้งหลวงปู่หงษ์จะประกอบไปด้วยมวลสารพิเศษมากมาย ตามตำรากวนสีผึ้งโบราณที่ท่านสืบทอดมา อานุภาพด้านเมตตา-มหาลาภ-กันโรคภัยไข้เจ็บ ครอบจักรวาลตาแต่จะอธิษฐาน พิธีกวนสีผึ้งทำอย่างถูกต้อง และหลวงปู่ท่านจะกวนพร้อมบริกรรมคาถาปลุกเสกไปในตัว หลวงปู่หงษ์ท่านกวนสีผึ้งตามฤกษ์ ประกอบพิธีมหาพุทธาอธิฐานจิตปลุกเสก เพื่อความสมบูรณ์ตามประเพณี และความศักดิ์สิทธิ์ เข้มขลังถูกต้อง เพื่อประสงค์จะให้ผู้ที่เคารพศรัทธาในองค์หลวงปู่หงษ์ มีไว้บูชาติดบ้านติดตัว จะอยู่เย็นเป็นสุข คุ้มภัยกันภัย และมีความเจริญรุ่งเรือง ในหน้าที่การงาน ค้าขายร่ำรวย แคล้วคลาดปลอดภัย

การบูชาวัตถุมงคลหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ “หมั่นไหว้ หมั่นบอก หมั่นขอ” เคล็ดการบูชาวัตถุมงคลหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ
1. เมื่อเราจะแขวนพระหรือ คาดตะกรุด ก็ให้ยก วัตถุมงคลขึ้นมาพร้อมพนมไว้ที่มือตั้งนะโม 3 จบในใจหรือ ออกเสียงเบา ๆ ก็ได้ ต้องมีความเคารพเลื่อมใสเป็นอุบายให้ จิตใจสะอาด 2. อาราธนา (นึกถึง) บารมีหลวงปู่และครูบาอาจารย์ทั้งหมดมีพระพุทธพระธรรมพระอริยะสงฆ์เป็นที่สุด จึงว่าคาถาวัตถุมงคล 3 จบ 7 จบ 12 จบ หรือว่าตามกำลังวัน หรือว่า 108 หรือภาวนาจนจุใจก็ทำได้
3. อธิฐานบอกกล่าว ขอ…. ถือเป็นหัวใจสำคัญ หลวงปู่หงษ์จะไม่ให้แค่ไหว้กราบเฉย ๆ ท่านว่าประมาท เพราะ กฎของโลกทิพย์ ไม่ขอไม่ให้ ไม่บอกไม่ช่วย ต้องบอกกล่าว…จะให้ช่วยอะไร? คุ้มครองแค่ไหน? เช่น ขอให้ปลอดภัย ขอให้คนเมตตา ขอให้มีลาภ มีเสน่ห์ ขอให้ค้าขายดี อย่าให้มีอุบัติเหตุ เดินทางปลอดภัยทั้งตอนไปตอนกลับ ฯลฯ ถ้าทำได้อย่างนี้ครูบาอาจารย์ก็ช่วยได้เต็มที่ บอกกล่าวแล้วก็ให้ทำใจสบาย ๆ วางเฉย (อุเบกขา) เลิก หวัง เลิกอยากนั้นนี่ เพราะความหวัง ความอยากจะเป็นตัวปิดกั้นผลสำเร็จ เลยคิดว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์บุญกุศลไม่ช่วย เพราะเราไม่เข้าใจกฎของกรรม และ อัตภาพบุญกุศล จะบันดาลผลได้แค่ไหนอย่างไร

 

โอนแล้วครับ...
ที่อยู่ใน PM ครับ

 

รายการที่ 169 ตะกรุด สายรัดกลอง “ช้างผสมโขลง” หลวงปู่ครูบาออ ปณฺฑิต๊ะ สำนักสงฆ์พระธาตุดอยจอมแวะ เชียงใหม่
ปิดรายการ ค่าจัดส่ง 60 บาท

ที่หนึ่งของวิชาเสน่หาเมตตา ไม่ใช้ฝังรูป ฝังรอย เรียกผี เล่นน้ำมันพราย นั้นเป็นวิชาไสยศาสตร์ฝ่ายต่ำ ทำแล้วเข้าตัว หน้าดำ หลวงปู่ครูบา ท่านตำหนิห้ามทำเด็ดขาด
เครื่องรางระดับแม่ทัพแห่งมหาเสน่ห์ วิเศษชั้นหนึ่ง นั้นคือ “ เชือกรัดกลอง ” เชือกหนังเหนียว เหนี่ยว ลัด ลึง ตรึง ใจ ดึงให้มี เมตตา กรุณา รัก หลง ไม่รู้จืดไม่รู้จางไม่รู้คลาย
เชือกรัดกลองนี้ไม่ใช่ กลองเพลที่อยู่ตามวัดทั่วไป แต่เป็นกลองคล้องช้าง เป็นกลองที่ตีได้เมื่อทำพิธีคล้องช้างสำเร็จ เชือกลัดกลองคล้องช้าง เปรียบ “เจ้าพ่อประกำช้าง” แม้ ๗ กำลังช้างสาร ก็สงบราบคาบด้วยเชือกหนังประกำนี้

เชือกหนัง ประกำ ศักดิ์สิทธิ์ สามารถคล้องช้างที่มีกำลังมหาศาล ได้ฉันใด เชือกรัดกลองคล้องช้าง ก็มีกำลังดึงจิต เรียกใจคนให้ลุ่มหลงใหล ได้ฉันนั้น สายรัดกลอง“ ช้างผสมโขลง” ตามตำรา ต้องเป็นกองเพรีใหญ่เท่าช้างพราย กลองต้องตีจนหนังกลองขาดผึงเอง หน้ากลองต้องหันหน้าไปทิศตะวันออก และต้องขาดวันเดือนเต็มดวงเท่านั้น

เชือกรัดกลองนี้ ลูกศิษย์ครูบาได้มาจากจังหวัดบุรีรัมย์ ใช้เวลาหานานเป็นปี เมื่อ ครูบาท่านเห็นท่านดีใจ บอกว่า “หาแบบนี้มานาน” เชือกรัดกลองคล้องช้าง อย่างนี้มีอายุเกิน 100 ปี ใช้ หนังควายตายทั้งกลม (หนังควายตายในท้องแม่) ควันเป็นเชือกขนาดเท่านิ้วชี้ 108 เส้น แต่ละเส้นยาว 8 วา ลองคิดดูว่ากลองใบ มีขนาดใหญ่ขนาดไหน
ครูบาทำน้ำมนต์ ธรณีสารรด ข่มอาถรรพ์และเสกบรรจุพุทธคุณให้เหนี่ยวรัดมัดตรึงจิตตรึงใจคนได้ จากนั้นถักเชือกลงรักปิดทองแท้ ทองแทนสุริยันต์ ดำแทนจันทรา
ทำพิธีอัญเชิญ เจ้าพ่อหอกลอง เจ้าพญาประโคนธรรพ เจ้าพญาคชบาล วังหลวง มาเป็นเทวดาสักขีพยาน ทำพิธีปลุกเสกลงมนต์“ช้างผสมโขลง” ทับสายรัดกลองอีกชั้นหนึ่ง
เกียรติคุณ สายรัดกลอง “ช้างผสมโขลง”

• ถ้าแม้ว่า อธิฐานตั้งจิต ให้หมู่มหาชน ทั้งหลาย รัก หลง ไหล ใคร่เมตตา ในตัวเราแล้ว จะมีกำลัง แห่งเมตตามหาศาลดังกำลังช้างสาร เป็นดัง ห่วง หน่วง เหนี่ยว นำ ชักจูง ให้มา เมตตา กรุณา มุทิตา หลงใหลไฝฝันเรา เป็นที่ หนึ่ง
• ถ้าแม้ว่า ตั้งจิตชอบ จะทำให้มีชื่อเสียงเกียรติยศปรากฏไกล ใครอยู่แห่งไหนได้ยินชื่อ ลือชาผู้มีสายรัดกลองนี้ จะยอมรับสิโนราบ นับถือย่ำเกรงแม้ยังไม่เห็นตัว
• ถ้าแม้ว่า อธิฐานตั้งจิต ให้มีคนรักสนิทแนบแน่นดังสามีภรรยา แล้วไซร้ ถ้าเป็นเนื้อคู่ เคยมีสัมพันธ์สวาทตามติดกันมาในภพชาติเก่าก่อน จะได้สมใจในไม่ช้า นับเวลาได้ 7-15 วันจันทร์คติ
สายรัดกลอง ช้างผสมโขลง เป็นเครื่องรางชั้นเลิศ ที่สร้างมาแต่โบราณกาล ที่หาผู้รู้ผู้ทำได้ยาก เอาสายรัดกลองคล้องช้าง มาลงวิชาช้างผสมโขลง เป็นกำลังสองแรงบวก ทะลวงจิต ทะลวงใจ ใครๆไม่รัก ไม่หลง ไม่เมตตา ต้องร้อนรนทนอยู่มิได้ แม้มีกำลังเท่า ๗ ช้างสาร ก็จิตใจอ่อนดังขี้ผึ้งรนไฟ
หมายเหตุ :
1. ใช้โดยชอบ ประกอบด้วยธรรมจะเจริญ
2. ใช้ผิดพลาดพลั้งไป ได้สาวตามใจ ได้หนุ่มตามคิด ต้องรับเลี้ยง
3. ใช้พกติดตัวให้ต่ำกว่าเอวจะเกิดเสน่หา เมตตา เพศตรงข้ามวิ่งหามาก
4. ใช้ติดตัวแค่ราวนม จะเกิดกรุณา รักใคร่โอบอุ้มช่วยเหลือเหมือนกับลูกในใส่
5. ใช้แขวนคอ จะมีคนหนุนนำ ชักจูง อุปถัมภ์ ให้ก้าวหน้าเจริญศรี
มีใบ คาถาช้างผสมโขลง (ควรปลุกบ่อยๆ)

 

รายการที่ 170 ลูกสะกดผ่าตะวัน เนื้อตะกั่ว พร้อมไหมเจ็ดสี หลวงพ่อชาญ วัดบางบ่อ
บูชา 240 บาท ค่าจัดส่ง 60 บาท

ลูกสะกดหลวงพ่อชาญ วัดบางบ่อ มีประสบการณ์มาก เด่นทางป้องกันภัย มหาอุด คงกระพันชาตรี ปลุกเสกวันขึ้น 5 คำ่ เดือน 5

ข้อดีของลูกสะกดคือ ใช้ป้องกันอันตราย ใช้สะดวกคือ จะแขวนหรือพกก็ได้ จะร้อยข้อมือก็ได้ หรือจะคาดเอวก็ได้

หลวงพ่อชาญ (พระครูวิจารณ์ธรรมคุณ) เจ้าอาวาสวัดบางบ่อ ตำบลบางบ่อ อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการเดิมชื่อ ชาญ รอดทอง เกิดวันที่ 3 เมษายน พ.ศ.2457 ที่ตำบลเกาะไร่ อำเภอบางโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา หลวงพ่อชาญเป็นศิษย์ หลวงพ่อไผ่ วัดบางบ่อ ซึ่งเป็นศิษย์ หลวงพ่อปาน วัดคลองด่าน อีกที ท่านจึงรับวิชามาจากอาจารย์รุ่นต่อรุ่นเต็มที่ นอกจากนั้น หลวงพ่อชาญท่านยังเป็นศิษย์ หลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว และได้เรียน กัมมัฏฐาน 40 กอง จาก หลวงพ่อจาด วัดบางกะเบา ทั้งนี้หลวงพ่อชาญ ยังเรียน วิชาธาตุ 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ จาก หลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก ซึ่งสามารถแสดงฤทธิ์ เรียกน้ำ-ห้ามไฟได้ ปัจจุบันหลวงพ่ออายุ 102 ปี

คาถาอาราธนาลูกสะกด
อิติพันธะเกษามะอะอุ พันธะโลมาจะภะกะสะพันธะนักขามะนะนพะทะ พันธะทันตากระมะถะ พันธะตะ โจอิสวาสุ พันธะนังสังจิปีเสดิ พันธนะหะรูหะรูสุวิสังอะ พันธะอัฐิทุสะมะนิ พันธะอัตถิมินชังนะสังสิโม พันธะวักกังปะวะอะปะ ทิมะสังอังขุ นะมะอะอุ นะมามิหัง สิทธิเตชัง สิทธิวาจัง กายะพันธะนัง องคะพันนธะนัง สารพัดสิทธิ ภะวันตุเมฯ

คาถานี้ให้ตั้งนะโมฯ 3 จบก่อนแล้วยกลูกสะกดขึ้นจดเหนือหน้าผาก จึงค่อยภาวนาพระคาถาให้จบบท สูดลมหายใจเข้าให้เต็มปอดแล้วผ่อนออก และเมื่อเวลาจะคาดเข้าเอวให้ภาวะนาพระคาถานี้จนกว่าจะผูกเงื่อนเสร็จ และให้ภาวนาดังนี้ “อิมังกะยะพันธะนังอธิษฐานมินะมะพะทะ”

 

รายการที่ 171 ผ้ายันต์พญาครุฑแสนยันต์ รวยมหารวย หลวงปู่แสน ปสนฺโน วัดบ้านหนองจิก
x

หลวงปู่แสน ปสนฺโน วัดบ้านหนองจิก อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ พระเกจิอาจารย์ผู้มีอายุถึง 109 ปี เอกอุมหาเวทย์ผู้เปี่ยมเมตตา หลวงปู่แสนเกิดขึ้น 15 ค่ำเดือน 10 ปีวอก ตรงกับ วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน 2451 เมื่อครั้นยังเด็กท่านเป็นลูกศิษย์อยู่ที่วัดบ้านโพรงและพี่ชาย ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านโพงในสมัยนั้นเลี้ยงดู จนได้บวชเณรที่วัดบ้านโพรง ระหว่างบวชเณรได้ไปศึกษาเรียนหนังสือกับหลวงพ่อมุมวัดปราสาทเยอใต้ จนจบ ป.4 และได้เรียนตำราพระเวชจากหลวงพ่อมุมทั้งภาษาขอม ภาษาธรรมบาลี ระหว่างเป็นเณรก็ได้เที่ยวไปมาระหว่างบ้านปราสาทเยอใต้และบ้านโพง จนกระทั่งอายุ 21 ปีได้เข้าอุปสมบท ระหว่างเป็นพระก็ยังคงเรียนรู้วิชากับพระอาจารย์มุมอย่างต่อเนื่อง จนกระทั้งอายุ 24 ปี ได้ลาสิขาบทออกมาเพื่อมาช่วยงานทางบ้านที่มีฐานะยากจน หลังจากสึกได้บวชเป็นหมอธรรมขณะที่เป็นคาราวาส ระหว่างว่างเว้นจากการทำเกษตรกรรม หลวงปู่ได้ชักชวนเพื่อนๆหมอธรรมเดินทางไปเขมรเพื่อเรียนเพิ่มเติมที่จังหวัดพระตะบอง เสียมราฐ และเมืองศรีโสภณ สมัยจอมพล ป.พิบูลสงคารมเป็นนายก ได้เข้าพบพระผู้ใหญ่และอาจารย์จากทางเขมรแล้วได้ร่ำเรียนมาไม่น้อย หลวงปู่ท่านกลับเลือกเรียนวิชาที่เกี่ยวกับช่วยเหลือผู้คน รักษาคน ต่อมาพอหมดภาระทางบ้านหลวงปู่ได้กลับเข้าใต้ร่มกาสาวพัสตร์อีกครั้ง โดยไปจำพรราที่บ้านกุดเสล่า อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ ก็ได้ธุดงค์ในเทือกเขาพนมดงรัก เป็นนิจ และเป็นพระที่อยู่อย่างสมาถะ ไม่มักมาก ไม่ยึดติด เป็นพระนักสร้าง ชาวบ้านกุดเสล่าจึงรักและศรัทธาท่านมาก ต่อมาหลวงตาวันพระที่เป็นสหายรุ่นน้องจึงได้ไปกราบนิมนต์มาช่วยสร้างวัด โดยเจ้าขณะอำเภอกันทรลักษณ์อนุญาตให้หลวงปู่ไปอยู่ที่วัดเป็นวัดที่สมบูรณ์แล้ว หลวงปู่แสนจึงมาจำพรรษาที่วัดอรุณสว่างวราราม(วัดบ้านกราม) แต่ด้วยมักสมาถะ ปีต่อมาจึงย้ายมาจำพรรษาที่สำนักสงฆ์โนนไทย (วัดกูไทยสามัคคีในปัจจุบัน) อยู่จำพรรษา 3 พรรา ต่อมาได้จำพรรษาที่วัดบ้านหนองจิกเนื่องด้วยวัดจะร้างเพราะพระน้อย หลวงปู่แสนจึงเข้ามาทำนุบำรุงวัดจนวัดมีพระเข้ามารับช่วงต่อ ท่านได้จำพรรษาที่วัดบ้านหนองจิกเป็นเวลา 4 พรรษา โยมญาติพี่น้องเก่าจึงได้เดินทางมานิมนต์ให้ไปจำพรรษาที่วัดบ้านโพง วัดครั้นสมัยบวชเณรเนื่องจากวัดจะร้างไม่มีพระจำพรรษา เนื่องจากหลวงปู่แสนท่านเป็นพระที่มีเมตตา แม้อายุจะย่างเข้า 93 ปี ท่านได้ไปจำพรราที่วัดบ้านโพงโดยรักษาการตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดในช่วงนั้น ด้วยพระเดชของหลวงปู่แสนวัดใดที่จะร้าง เมื่อท่านไปจำพรรษาวัดใด วัดนั้นก็จะเต็มไปด้วยลูกวัด ในขณะที่จำพรรษาอยู่วัดบ้านโพงก็ได้ทำนุบำรุงวัดเฉกเช่นวัดอื่น จนอายุ 97 ปี ลูกหลานเป็นห่วงสุขภาพหลวงปู่แสน จึงได้พาชาวบ้านไปนิมนต์ท่านจากวัดบ้านโพง กลับมาจำพรรษาที่วัดหนองจิกจนถึงทุกวันนี้

 

จองครับ

 

รายการที่ 172 พระหยกแกะ หลวงพ่อวิริยังค์ วัดธรรมมงคล ปี2536
บูชา บาท ค่าจัดส่ง 60 บาท

พระหยกเนื้อสวย มีความโปร่งแสงพอประมาณ ทรงสวย
พระหยกนั้นเป็นของดีแน่นอน พระสายกรรมฐานหลายต่อหลายองค์ต่างแนะนำให้ศิษย์นั้นหาพระหยกมาบูชาติดตัว

พ.ศ.๒๕๓๔ พระเดชพระคุณหลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร นิมิตเห็นหยกเขียวบริสุทธิ์ใหญ่ที่สุดในโลก และได้เดินทางไปรับหยกเขียวบริสุทธิ์ก้อนนี้ น้ำหนัก 32 ตัน เป็นหยกที่มีคุณภาพดีนำมาประเทศไทย ทำการแกะสลักพระพุทธรูปโดยช่างชาวอิตาลีฝีมือหนึ่งของโลก ได้รับความร่วมมือจากประชาชนชาวไทยทั่วประเทศมาร่วมช่วยสร้างองค์พระหยกจนสำเร็จ สูง ๒.๒๐ หน้าตัก ๑.๖๖ เมตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานนามว่า พระพุทธมงคลธรรมศรีไทย (หลวงพ่อหยก) ประดิษฐาน ณ ศาลา ภ.ป.ร.ชั้น ๓ วัดธรรมมงคล พระโขนง กรุงเทพฯ นอกจากนี้ยังได้มีการแกะสลักเป็นองค์เจ้าแม่กวนอิม ขึ้นด้วย ค่าใช้จ่ายเฉพาะค่าหยกและการแกะสลักประมาณ 25 ล้านบาทและค่าก่อสร้าง อาคารที่จะประดิษฐานพระพุทธรูปและองค์ เจ้าแม่กวนอิม อีกประมาณ 25 ล้านบาท
ทางวัดธรรมมงคลจึงได้จัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นจาก ชิ้นหยกที่เหลือจากการแกะสลักพระพุทธรูปหยกองค์ใหญ่ พระชุดแรกจัดสร้างในปี 2535 ประกอบด้วยพระพิมพ์ประจำวัน,ซุ้มกอ,พิมพ์รูปเหมือน ฯลฯ สร้างได้จำนวนไม่มากนักจึงไม่ค่อยได้พบเห็น(น้อยจนบางคนยังนึกว่าปี36เป็นรุ่นแรก)หลังจากนั้นในปี36 จึงจัดสร้างอีกครั้ง มีพิมพ์หลักๆคือ พระพุทธ,เจ้าแม่กวนอิม,นางพญา,สมเด็จ,พระสังกัจจายน์ ฯลฯ

พระราชธรรมเจติยาจารย์ เดิมชื่อ วิริยังค์ บุยฑีย์กุล เป็นบุตรขุนเพ็ญภาษชนารมย์ กับนางมั่น บุญฑีย์กุล (อุบาสิกามั่น ถึงแก่กรรม พ.ศ. ๒๕๒๐) เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ ๗ มกราคม ๒๔๖๓ ณ สถานีรถไฟปากเพรียว จังหวัดสระบุรี ต่อมาย้ายมาตั้งหลักฐานที่บ้านใหม่สำโรง อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมามีพี่น้อง ๗ คน

เมื่ออายุประมาณ ๑๕ ปี พ.ศ. ๒๔๗๗ ก็ได้บวชเป็นผ้าขาว บรรพชาเมื่อ ๒๒ พฤษภาคม ๒๔๗๘ ณ วัดสุทธิจินดา ต.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดยพระธรรมฐิติญาณ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากบรรพชาได้ ๑๐ วัน ก็ตามพระอาจารย์กงมาออกธุดงค์ ตามป่าเขา ลำเนาไพร เพื่อแสวงหาที่วิเวก เมื่อพบที่สงบ ก็จะหยุดอยู่ทำความเพียร แม้บางครั้งอดอาหารกันอยู่หลายวัน บางครั้งเจอสัตว์ร้าย เจออันตราย หรือหนทางอันยาวไกล เช่นในบางวันเดินธุดงค์ข้ามเขาเกือบ ๕๐ กิโลเมตร ก็ไม่ย่อท้อ โดยถือคติที่ว่ารักความเพียร รักธรรมะมากกว่าชีวิต

ในวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๔๘๔ ท่านมีอายุ ๒๑ ปี ได้อุปสมบท ณ วัดทรายงาม (อุทกสีมากลางทะเล) บ้านหนองบัว อ.เมือง จ.จันทบุรี โดยพระปัญญาพิศาลเถระ (หนู) เจ้าอาวาสวัดปทุมวนาราม กรุงเทพฯ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์กงมา จิรปุญโญ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระมหาทองสุข สุจิตโต เป็นพระอนุสาวนาจารย์

หลวงพ่อได้เดินธุดงค์ติดตามพระอาจารย์กงมาไปในที่ต่าง ๆ เป็นเวลา ๘ ปี วันหนึ่ง พระอาจารย์กงมาก็พาท่านเดินธุดงค์จากจังหวัดจันทบุรีไปจังหวัดสกลนคร เพื่อไปพบพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต หลวงพ่อวิริยังค์ได้รับเลือกให้เป็นอุปัฎฐากอยู่ ๔ ปี ได้เดินธุดงค์ร่วมกับพระอาจารย์มั่น เรียนธรรมะ อันลึกซึ้ง ได้จดคำสอนของหลวงปู่มั่นบางตอนไว้ (ปกติท่านห้ามผู้ใดจดเด็ดขาด เมื่ออ่านให้ท่านฟังภายหลัง ท่านกลับรับรองว่าใช้ได้) ต่อมาท่านได้เผยแพร่คำสอนนี้แก่สาธารณะชน ในหนังสือที่ชื่อว่า “มุตโตทัย”
ผลงานของพระราชเจติยาจารย์
๑. สร้างวัด ๑๒ แห่งในประเทศไทย
๒. สร้างวัดไทยในประเทศแคนาดา ๖ แห่ง
๓. สร้างวิทยาลัยสงฆ์ ๒ แห่ง
๔. สร้างสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)ที่จังนครราชสีมา
๕. สร้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ๓๐๐๐ กว่าแห่งทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายที่ ๗๐๐๐ แห่ง
๖. สร้างโรงพยาบาลจอมทอง
๗. สร้างที่ว่าการอำเภอจอมทอง
๘. สถาบันประถมศึกษาจอมทอง
๙. สร้างพระมหาเจดีย์ที่สูงที่สุดในประเทศไทย วัดธรรมมงคล
๑๐. สร้างพระหยกที่ใหญ่ที่สุดในโลก วัดธรรมมงคล
๑๑. สร้างสถาบันพลังจิตตานุภาพในประเทศไทยและประเทศแคนาดา

 

รายการที่ 173 พระพุทธนราวันตบพิธ 72 พรรษา
ผสมมวลสารพระราชทาน เส้นพระเกศา พระจีวรและผงจิตรลดา พุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถวัดพระแก้ว
ปิดรายการ ค่าจัดส่ง 60 บาท จองแล้ว

พระรุ่นนี้เนื้อหา มวลสารดีมากๆ ทั้งมวลสารพระราชทาน ผงจิตรลดา เส้นพระเกศาพระราชทาน(เส้นพระเจ้า) และพระจีวรที่พระเจ้าอยู่หัวทรงครองเมื่อครั้งทรงผนวช รวมกับมวลสารอื่นๆอีกมากมาย น่าเก็บ น่าบูชามาก

พิธีพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถวัดพระแก้ว โดยมีสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ทรงร่วมเสก น่าบูชามากครับโดยเฉพาะผู้ที่เกิดวันจันทร์

ในวาระอันเป็นมิ่งมงคลสมัยอย่างยิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุ ๖ รอบ ๗๒ พรรษา เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๔๒ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานพระบรมราชานุญาติ ให้จัดสร้างพระพุทธนราวันตบพิธพระพุทธรูปฉลองพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระปางห้ามสมุทร (พระประจำวันจันทร์)เพื่อให้พสกนิกรได้สักการะบูชา โดยนำรายได้ทูลเกล้าฯ ถวายสนับสนุนมูลนิธิชัยพัฒนา

พระพิมพ์พระพุทธนราวันตบพิตร เป็นพระพุทธรูปยืนยกพระหัตถ์ทั้งสองปางห้ามสมุทร เนื้อผง ขนาดสูง ๓.๒ เซนติเมตร ด้านหลังประดิษฐาน ตราสัญลักษณ์เฉลิมพระชนมายุ ๗๒ พรรษา

เนื้อพระประกอบ ด้วยมวลสารจากสถานที่ ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนาและปรินิพพาน จากประเทศเนปาลและอินเดีย และจากวัดสำคัญและเก่าแก่หลายแห่งในประเทศศรีลังกา จีนและญี่ปุ่น รวมทั้ง มวลสารจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และวัดสำคัญๆทั่วประเทศ ผงพุทธคุณจากพระคณาจารย์ที่เคารพบูชาทั่วพระราชอาณาจักร ที่สำคัญยิ่งก็คือได้รับพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าฯ พระราชทานเส้นพระเจ้า(พระเกศา) และจีวร เมื่อครั้งทรงผนวช
และมวลสารส่วนพระองค์ (ผงจิตรลดา) โดยพระราชทานผ่านสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช อัญเชิญมาผสมอยู่ในเนื้อพระพุทธนราวันตบพิธนี้ด้วย โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนิน แทนพระองค์ ทรงเป็นประธานในพิธีพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถวัดพระแก้ว โดยมีสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และพระเกจิอาจารย์ทั่วประเทศนั่งปรกอธิษฐานจิตปลุกเสก

 

รายการที่ 174 พระผงเจ้าพ่อเสือ ด้านหลังลี้เอี้ยกง ปี 2551 ครูบากฤษดา สุเมโธ วัดสันพระเจ้าแดง
บูชา 540 บาท ค่าจัดส่ง 60 บาท

พระผงเจตนาบริสุทธิ์ สุดยอดมวลสาร ผู้สร้างตั้งใจมาก มวลสารและครูบาอาจารย์ที่เสกดีมากๆ ทั้งแบบไทยและแบบจีน สร้างปี2551 แต่ได้ถวายครูบาท่านแจกเมื่อปีหรือสองปีที่แล้ว ส่วนที่ถวายครูบากฤษดาจะมีสติกเกอร์ติดไว้ที่หน้ากล่อง สร้างสองพิมพ์คือ พิมพ์พระผงเจ้าพ่อเสือ และ พิมพ์เจ้าแม่กวนอิม มีทั้งแบบสอดตระกรุดและไม่สอด พิมพ์เจ้าพ่อเสือจะสร้างน้อยกว่า

องค์ที่บูชาอยู่ประจำตัว ตอนได้รับจากครูบา ท่านเมตตาบอกว่า "นี่ของดีมากนะ เอาไปติดตัวไว้"

เชื่อกันในหมู่ศิษย์ว่า ครูบาท่านมีบุญสัมพันธ์ กับประเทศจีน ศิษย์ทางฮ่องกงท่านมีอยู่เป็นจำนวนมาก ทุกปีท่านต้องไปโปรดศิษย์ที่นั่นเป็นเวลานานกว่าจะทั่วทั้งฮ่องกง ชาวฮ่องกงเชื่อว่าท่านเป็นผู้มีบารมีใหญ่มาเกิด ท่านมีลักษณะภายนอกที่เป็นมงคลอย่างสูงตามความเชื่อของชาวจีนอยู่หลายประการมาก แม้แต่ซินแสชื่อดังชาวจีนยังให้ความเคารพ อีกประการเชื่อว่าท่านมีบารมีมากในการสร้างพระกริ่ง และ ท่านมีบารมีสัมพันธ์กับองค์เจ้าแม่กวนอิม ดังนั้นเมื่อท่านเสกพระที่เป็นรูปลักษณ์แบบจีนจึงเชื่อได้ว่าท่านสามารถอัญเชิญบารมีได้อย่างแท้จริง แนะนำมากๆสำหรับผู้ที่ศรัทธาในองค์เจ้าพ่อเสือและองค์เจ้าแม่กวนอิม

เจ้าพ่อเสือ ด้านหลังลี้เอี้ยกง ปี 2551 เสือที่เป็นพาหนะของท่าน เป็นลักษณะของเสือออกหากิน (หาเงินหาทอง) เจ้าพ่อเสือท่านมีนามว่า ตั่วเล่าเอีย หรือ ภาษาฮกเกียนเรียกว่า เฮี่ยนเทียนส่งเต่ ท่านเป็นนักพรต เป็นเทพชั้นผู้ใหญ่ คุมทิศเหนือ คนจีนให้ความเคารพนับถือกันมาก

มวลสาร
1. ผงมหามงคล เกษร 108 ของหลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง รวมถึงพระหลวงพ่อที่ชำรุดเสียที่เก็บอยู่ในโกดังวัตถุมงคล ซึ่งได้รับมอบมาจากเจ้าประเวศ ณ ลำปาง หลานชายของหลวงพ่อ
2. ผงก้นกรุหลายแห่งในจังหวัดอยุธยา โดยผู้มีจิตศัทธรานำมามอบให้
3. ชานหมากหลวงปู่ครูบาดวงดี วัดท่าจำปีที่ได้สะสมไว้
4. ผงตะไบชนวนกริ่งของวัดสุทัศน์และวัดบวรฯ (กริ่งรุ่นใหม่ไม่ใช่รุ่นเก่าครับ)
5. ดอกมะลิที่ใช้บูชาหลวงพ่อเกษม เขมโกในกุฏิที่ตั้งหุ่นขี้ผึ้งของหลวงพ่อ
6. ผงว่านในป่าแถบอำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิต โดยพระอาจารย์สายัญ แห่งป่าช้าหนองเคียน ใช้เวลาในการรวบรวมสะสม ต้องบุกป่าขึ้นไปหา เช่น เครือเถาหลง เสน่ห์จันทร์ขาว-แดง กาฝากต่างๆ
7. ผงไม้มงคล 9 ที่ใช้สำหรับตอกวางศิลากฤษ์
8. ผงธูป จากเกาะผู่โถวซาน ที่ทะเลใต้ ผงธูป จาก ศาลเจ้าแม่กวนอิมที่ Repulse Bay ฮ่องกง ผงธูปจาก ศาลเจ้าพ่อเสือ ที่เฮียงบู๋ซัว ซัวเถา ผงธูปจากศาลเจ้าไต๋ฮงกง ที่ซัวเถา รวมถึงวัดและศาลเจ้าอีกหลายๆที่ประเทศจีนและฮ่องกง
9. ผงธูปจากวัดและศาลที่ศักดิ์สิทธฺิ์ ในเมืองไทย เช่น วัดโพธิ์แมน วัดเล่งไน่ยี่ มูลนิธิเทียนฟ้าเจ้าแม่กวนอิม ศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ รวมถึงศาลเจ้าจีนที่มีพิธีอัญเชิญพระทั่วประเทศด้วยความอนุเคราะห์ของสายญาติโยมที่กินเจ

พิธีพุทธาภิเษก
1. แบบจีน ที่เรียกว่าไคกวง กระทำที่โบสถ์วัดโพธิ์แมนคุณาราม ด้วยความเมตตาของซือหูเย็นเต็ก เจ้าคณะใหญ่จีนนิกาย
2. แบบไทย มีการตั้งศาลบวงสรวง และกั้นบริมณฑล มีพระเกจินั่งปรก 4 ทิศที่วัดนันทวนาราม ประกอบด้วย หลวงพ่อเกลี้ยง วัดเนินสุทาวาส หลวงพ่อจ้อย วัดหนองน้ำเขียว หลสงปู่โทน วันเขาน้อยคีรีวัน และหลวงพ่อแดง วัดช่องลม ... 4 เสือแห่งจังหวัดชลบุรี
3. พิธีพุทธาภิเษกพระหลวงปู่มี และ จตุคาม วัดมารวิชัย จังหวัดอยุธยา โดยมี อาจารย์ประจวบคงเหลือเป็นเจ้าพิธี ส่วนพระเกจิที่มาปลุกเสก ประกอบด้วย หลวงปู่ทิมวัดพระขาว หลวงปู่เพิ่มวัดป้อมแก้ว เป็นต้น
4. มีนำไปให้ครูบาอาจารย์ปลุกเสกเดี่ยวอีกหลายวาระ (รวมทั้งการเสกมวลสาร การเสกองค์พระด้วย)
- หลวงปู่ทองดำ วัดท่าทอง จังหวัดอุตรดิต
- ครูบาพรชัย วัดพระบาทสี่รอย จังหวัดเชียงใหม่
- หลวงปู่ครูบาดวงดี วัดท่าจำปี จังหวัดเชียงใหม่ ท่านเมตตาเสกมวลสารปิดท้ายหลวงจากบดเป็นผงเรียนร้อย ด้วยการลบผงประยุกต์ ขณะนั้นท่านอายุเกิน 100 แล้ว แต่ด้วยความเมตตา ท่านให้นำมวลสารมาวางแล้วเกลี่ยให้หน้าเรียบ ท่านจะเขียนยันต์ลงบนผงมวลสารด้วยไม้ แล้วลบแล้วเขียนยันต์ใหม่แล้วลบ ไปเรื่อยๆ พอทำเสร็จท่านก็ให้พระหลานชายท่านนำขวดแก้วมาขอแบ่งมวลสารไป ท่านว่ามวลสารนี่ศักดิ์สิทธิ์นัก ท่านขอไว้สร้างพระของท่านด้วย
- ครูบาผัดและครูบาน้อย วัดศรีดอนมูล จังหวัดเชียงใหม่
- สมเด็จญาณวโรโดม วัดเทพศิริทราวาส
- หลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล วัดอนาลโย จังหวัดพะเยาว์
- หลวงพ่อจ้อย วัดศรีอุทุมพร จังหวัดนครสวรรค์
- หลวงพ่อแดง วัดห้วยฉลองราษฏร์บำรุง จังหวัดอุตรดิต
- หลวงปู่สุภา กันตสีโล วัดคอนสวรรค์ จังหวัดสถลนคร ซึ่งหลวงปู่เมตตาอย่างมาก ให้นำพระทั้งหมดไปวางบนเตียงที่ทำจำวัดเลย มีเรื่องมหัศจรรย์เกิดขึ้นด้วย หลวงจากที่ท่านเสกนานราวชั่วโมง พอช่วยกันยกพระออก ปรากฏว่าผ้าแพรที่กล่องบรรจุพระวางซ้อนอยู่ร้อนลวกมือเลย ห้องของหลวงปู่เปิดแอร์ตลอดเวลา รวมถึงองค์พระก็แห้งสนิทแล้ว เป็นเรื่องที่อธิบายไม่ได้เลยว่าทำไมผ้าที่รองไว้ถึงได้ร้อนขึ้นมาได้
ปล. มีหลวงพ่อและหลางปู่ที่เมตตาเสกให้หลายรอบหลายครั้ง ถ้าจะนับมากสุดคือหลวงปู่ครูบาดวงดี วัดท่าจำปีถึง 9 ครั้ง
การแจกจ่ายพระ
1. ถวายแด่ซือหูเย็นเต็ก ที่วัดโพธิ์แมนคุณาราม หลังจากไคกวงแล้ว ท่านได้แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งแจกญาติโยมที่วัดโพธิ์แมน อีกส่วนแจกญาติโยมที่ วัดหมื่นพุทธเมตตา ที่อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย
2. ถวายแด่หลวงปู่เกลี้ยงวัดเนินสุทธาวาส จังหวัดชลบุรี
3. ถวายแด่หลวงปู่ครูบาดวงดี วัดท่าจำปี จังหวัดเชียงใหม่ ชาวบ้านเรียกพระจีนของหลวงปู่
4. ถวายศาลเจ้าจีนในช่วงเทศกาลกินเจ หลายที่หลายแห่ง
5. แจกให้กับผู้ร่วมจัดสร้างและช่วงหามวลสารและผงธูปไปส่วนหนึ่ง
6. ยกให้มูลนิธิตงฮั้วการแพทย์ในพระบราราชูปถัม วาระครบรอบ 90 ปี ที่ไปเป็นกรรมการอยู่
7. ส่วนสุดท้ายถวายแด่ครูบากฤษดา วัดป่ายาง (สันพระเจ้าแดง) จนหมดสิ้น
วรรณขององค์พระ จะมีหลายสีขึ้นกับมวลสาร บางองค์จะออกน้ำตาลก็จะหนักทางผงว่าน ถ้าออกสีเทาๆหรือเขียวก็จะออกทางผงธูป คือสรปมีหลายโทนสี

 

รายการที่ 175 พระขรรค์ เนื้อสำริด รุ่น๑ หลวงพ่อใจ วัดพระยาญาติ
ค่าจัดส่ง 60 บาท

รุ่นนี้ทางวัดไม่มีให้บูชา หลวงพ่อท่านแจกผู้ร่วมบุญในงานสลากภัตต์ ซึ่งปรากฏว่ามีคนสนใจมาร่วมงานและร่วมบุญรับพระขรรค์มากจนไม่พอแจก

หลวงพ่อใจ เมตตาไม่มีประมาณ ยากดีมีจนเข้าพบท่านได้หมด ท่านทำให้ทุกอย่าง ทั้งเสก ทั้งจารตระกรุด เจิมของ เจิมรถ รักษาโรค เสกใบมะนาว เป็นที่พึ่งของชาวบ้านอย่างแท้จริง หากพอมีเวลาหาโอกาสไปกราบท่านได้ พระที่เข้าถึงได้ทุกคนปัจจุบันนี้หาได้น้อยมาก

พระอธิการใจ ฐิตาจาโร
ท่านเป็นพระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เคร่งครัดในธรรมวินัย ปฏิบัติกิจของสงฆ์อย่าสมบูรณ์ เอาใจใส่ในกิจการของสงฆ์ มีกิริยาอ่อนน้อมถ่อมตน สันโดษ มักน้อย มีเมตตามาก
และเป็นที่รักและเครารพนับถือของชาวบ้านอัมพวา และตำบลใกล้เคียง ท่านเรียนมามาก เป็นศิษย์มีอาจารย์ ท่านเป็นพระที่เรียนมาจริง มีวิชาจริงสามารถช่วยลูกศิษย์ของท่าน
ได้จริง แม้แต่เกจิอาจารย์ตามที่ต่างๆ ที่ท่านไปร่วมปลุกเสกด้วยในแต่ละครั้ง ยังเอ่ยปากชมและยอมรับในตัวท่าน..

ท่านเกิดในปี พ.ศ. 2490 อุปสมบทในวันที่ 14 มีนาคม 2514 โดยมีพระครูโกวิท สมุทรคุณ (หลวงพ่อเนื่อง) วัดจุฬามณี เป็นพระอุปฌายะ, พระครูสมุทรภัทรกิจ (หลวงพ่อทอง)
วัดพระยาญาติ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูสมุทร ธีรคุณ (หลวงพ่อมหาพิน) วัดช่องลม เป็นพระอนุสาวณาจารย์ ณ.อุโบสถ วัดช่องลม ได้รับฉายาว่า “ฐิตาจาโร”

หลังจากนั้นหลวงพ่อท่านก็ย้ายมาอยู่ที่วัดพระยาญาติกับหลวงพ่อทอง ซึ่งหลวงพ่อทองท่านเก่งด้านการรักษาผู้ที่ป่วยอัมพาต และทำนายทายทัก (ดูดวง)

หลังจากที่ท่านได้บวชเรียนจนจบนักธรรมชั้นเอกแล้วท่านก็คิดในใจว่าสงสัยเราต้องสึกซะทีจะได้ไปช่วยโยมบิดามารดาทำมาหากิน พอหลวงพ่อท่านไปหาหลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี
เพื่อที่จะขอลาสิกขาบถทีไร กลับถูกหลวงพ่อเนื่องปฏิเสธมาทุกครั้ง จนครั้งหนึ่งเมื่อหลวงพ่อไปขอสึก หลวงพ่อเนื่องท่านก็เอ่ยขอให้หลวงพ่อใจบวชต่อไป เพื่อรับใช้พระพุทศาสนาและ
ต่อไปในภายภาคหน้าเมื่อสิ้นหลวงพ่อเนื่องจะได้ช่วยเหลือญาติโยมที่เขาเดือดร้อน

หลวงพ่อเนื่องท่านได้สอนสรรพวิชาต่าง ๆ ที่ท่านมีไม่ว่าจะเป็นการลงตะกรุดมหาปราบ มหารูด มหาระงับ ตรีนิสิงเห ยันต์โสฬส ยันต์วิรุฬจำบัง ยันต์พัดโบก ทำน้ำมนต์ใบมะนาว
การลงเจ็ดเสาร์ เจ็ดอังคาร รวมถึงทำน้ำมนต์ เพื่อไล่สิ่งที่เป็น อัปมงคล ฯลฯ จัดได้ว่าหลวงพ่อท่านได้สรรพวิชาจากหลวงพ่อเนื่องจนหมดไส้ หมดพุงเลยทีเดียว

และท่านยังได้รับการถ่ายทอดสรรพวิชาต่าง ๆ จากโยมพ่อใบ คำอึก ซึ่งเป็นศิษย์พี่ ศิษย์น้องกับหลวงพ่อเนื่อง โยมพ่อใบ คำอึกนี้ มีวิชามากมาย แค่จับเถาวัลย์เท่านั้น เถาวัลย์ยังเลื้อย
ขึ้นมือเอง หลวงพ่อใจท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาต่างๆ เช่น การกวนสีผึ้ง เพือเป็นเสน่ห์เมตตามหานิยม, การจับปลายเถาวัลย์, การล้างอาถรรพ์, การแก้คุณไสย, การทำน้ำมนต์เดือด
และบอกหลวงพ่อว่า “สิ่งที่ฉันให้หลวงพ่อไป หลวงพ่อเอาไว้ช่วยคนนะ ฉันจะได้ขึ้นสวรรค์กับเขาซักที”

หลังจากที่หลวงพ่อได้เรียนกับโยมพ่อใบ คำอึก จนสำเร็จ หลวงพ่อเนื่องได้ให้หลวงพ่อไปหาหลวงพ่อหนูวัดภุมรินทร์ และหลวงพ่อปึก วัดสวนหลวง ท่านทั้ง 2 องค์นี้ก็เป็นศิษย์หลวงพ่อคง
เหมือนกัน ท่านได้สอนสุดยอดวิชาของท่านให้กับหลวงพ่อคือวิชา ดำน้ำลงตะกรุด ซึ่งวิชานี้ปีหนึ่งจะทำได้แค่ครั้งเดียว คือวันเพ็ญเดือน 12 เท่านั้น ตะกรุดที่ดำน้ำทำในแต่ละปีจะได้ไม่กี่ดอก
ใครที่มีไว้ครอบครองถ้าอธิษฐานใช้แล้วก็จะสำฤทธิ์ผลได้ดั่งใจ พอหลวงพ่อท่านเรียนวิชาจากหลวงพ่อหนูจนเสร็จท่านก็ได้ไปกราบหลวงพ่อปึก วัดสวนหลวง เพื่อศึกษายันต์ครูจากหลวงพ่อปึก
ซึ่งหลวงพ่อปึกองค์นี้สามารถ ตบยันต์ทะลุกระดาษทุกแผ่นได้เลยทีเดียว

หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ ได้สอนให้หลวงพ่อเรียนวิธีหุงสีผึ้ง, ทำตะกรุดลูกอม, ทำน้ำมนต์ตลิ่งพัง ตามตำรา หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ และยังได้สอนให้เรียนวิธีการทำพระปิดตาที่มีเมตตาสูงส่ง
ตามตำราของหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว

นอกจากนี้หลวงพ่อใจท่านยังเรียนทำตะกรุดจากหลวงพ่อน้อย วัดปากคลองจังหวัดเพชรบุรี หลวงพ่อเก๋ วัดแม่น้ำ หลวงพ่อง้อ วัดดาวดึงส์ หลังจากนั้นท่านก็เดินทางกลับสู่วัดจุฬามณี
เพื่ออยู่คอยดูแล และรับใช้หลวงพ่อเนื่อง จนหลวงพ่อเนื่องมรณะภาพลง หลวงพ่อท่านก็กลับสู่วัดพระยาญาติ และในปี พ.ศ 2538 หลวงพ่อทองเจ้าอาวาสองค์เก่าวัดพระยาญาติได้มรณะภาพลง
ญาติโยมและชาวบ้านจึงกราบอารธนาหลวงพ่อให้ขึ้นดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระยาญาติ ซึ่งตรงกับวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2539

หลังจากหลวงพ่อท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสแล้ว ท่านได้ช่วยพัฒนาวัดจนดีขี้นเป็นลำดับ และได้สงเคราะห์ญาติโยมด้วยความเมตตาในหลากหลายเรื่อง เช่น ทำตะกรุดเพื่อปกป้องคุ้มครอง
เสกใบมะนาว เพื่อรักษาโรคที่รักษาไม่ได้ ทำน้ำมนต์ พ่นรักษาโรค ฯลฯ ท่านเมตตาช่วยศิษย์ทุกคนโดยไม่แบ่งชนชั้นวรรณะ

ประสบการณ์ตะกรุด และลูกสะกดของท่าน ที่ท่านทำแจกให้ไปมีประสบการณ์กันมาก เช่น วัยรุ่นถูกคู่อริยิง แล้วยิงไม่เข้า, ขับรถหลับในชนศาลาริมทางคนที่นั่งไปด้วยเสียชีวิต แต่คนขับที่มี
ตะกรุดกลับไม่เป็นอะไรเลย เคยมีโยมพาลูกมาให้หลวงพ่ออาบน้ำมนต์ให้ พอหลวงพ่อเห็นเด็ก หลวงพ่อก็หยิบลูกสะกดพร้อมด้ายเจ็ดสี และพูดขึ้นว่า “ใส่คอไว้นะ อย่าเอาออก” พอหลังจากเด็ก
กลับไปแล้วเกิดพลัดตกน้ำแต่กลับลอยขึ้นมาไม่จม, แม่ค้า พ่อค้า นักธุรกิจ ที่ได้อาบน้ำมนต์กับหลวงพ่อ และรับแจกตะกรุดกลับไป สามารถพลิกชีวิตพลิกธุรกิจให้ดีขึ้นได้มากมาย

 

ขอจองรายการที่172ครับ

 

รายการที่ 176 ล็อคเก็ต หลวงพ่อเกษม เขมโก หลังพระผง รุ่นบารมี 81 ปี35
บาท ค่าจัดส่ง 60 บาท

ล็อคเก็ตหลังพระผงรูปเหมือน รุ่นบารมี 81 สร้างปี พ.ศ.2535 กรมตำรวจจัดสร้าง
รุ่นนี้นานๆจะพบเจอสักที

ชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์
1. เส้นเกศา ของหลวงพ่อเกษม เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า เส้นเกศาเป็นของที่สูงที่สุดในร่างกายของมนุษย์เรา โดยเฉพาะเป็นเส้นเกศาของหลวงพ่อเกษมด้วยแล้ว น้อยคนนักที่จะได้ของท่านมาบูชา

2. จีวร สำหรับจีวรของหลวงพ่อเกษม ไม่เหมือนกับจีวรของภิกษุองค์อื่น ๆ ซึ่งใช้อย่างฉาบฉวยชั่วครั้งชั่วคราว พอเห็นว่าเก่าหน่อยก็ทิ้ง แต่ทว่าจีวรของหลวงพ่อเกษมอยู่กับตัวท่านจนหาที่ปะแทบไม่ได้ เป็นจีวรที่รับใช้ซับเหงื่อไคล คุ้มร้อนคุ้มหนาวให้แก่ท่านและปกติหลวงพ่อก็อาบน้ำน้อย ปีหนึ่งอาบน้ำอย่างมากก็ราว 2-3 ครั้งเท่านั้น น้ำเหงื่อไคลนี้จะเกิดก็ตอนท่านเข้ากรรมฐาน

3. ก้านธูป จากกระถางธูปของหลวงพ่อเกษม ซึ่งก้านธูปนี้นับเป็นสิ่งหนึ่งในพิธีกรรมพุทธศาสนา เป็นสื่อทางจิตของชาวพุทธทั้งมวล ปรากฏว่าทหารกองพลที่ 7 แห่งจังหวัดลำปาง เมื่อถึงคราวจะออกรบแนวหน้าได้ไปกราบนมัสการหลวงพ่อเกษม แล้วท่านก็จะให้พรพร้อมกับมอบของดีให้ติดตัวไปของดีนี้คือ ก้านธูป เมื่อทหารของชาติได้ก้านธูปไป และเกิดความเลื่อมใสกระแสจิตของหลวงพ่อเกษมกับทหารจึงรวมกันเป็นเหตุให้สามารถคุ้มกันภยันตรายได้ ไม่แพ้เครื่องรางประเภทอื่น ๆ

4. ดอกไม้บูชาพระ เฉพาะดอกไม้นี้ถ้าคุณประเวทย์ลูกศิษย์ของท่านไม่เก็บไว้ ดอกไม้ที่เหี่ยวแห้งก็จะถูกนำเอาไปทิ้ง ดอกไม้ได้ชื่อว่าเป็นของหอมของสวยงาม กลิ่นดอกไม้จะยังความชื่นใจแก่ผู้ที่ได้กลิ่น เป็นที่ชื่นตาเมื่อยามได้เห็น เมื่อสัมผัสทางตา นับเป็นสิ่งที่ไม่ควรขาดไปเสียจากชีวิตคนเรา

5. น้ำผึ้ง น้ำผึ้งนี้เป็นสิ่งที่ให้ความหวาน เป็นความสุขทางลิ้น นอกจากนั้น น้ำผึ้งยังเป็นยาอายุวัฒนะ บำบัดโรคภัยไข้เจ็บได้อีกด้วย

6. น้ำมันตังอิ๊ว เป็นน้ำมันที่ให้ประโยชน์ทางด้านยึดเนื้อพระให้ผนึกแน่นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน หนำซ้ำยังมีประสิทธิภาพป้องกันน้ำ หรือสิ่งอื่นใดที่จะมาแยกเนื้อให้สลายไป น้ำมันตังอิ๊วนี้จะเปรียบก็เหมือนสามัคคีธรรมที่ช่วยยึดมนุษย์เรามุ่งมั่นสามัคคี บำเพ็ญไมตรีต่อกัน นับว่าเป็นสิ่งที่มีความหมายสูงเป็นสิริมงคลดียิ่ง

7. ปูนซีเมนต์ขาว เนื้อหาของปูนซีเมนต์ก็คือ ให้ประโยชน์ทางด้านเทคนิคการสร้างพระที่ใช้ปูนขาวเข้ามามีส่วนด้วย ก็เพื่อให้เนื้อพระแข็งแกร่งและคงทน ความแข็งแกร่งเป็นที่ปรารถนาของชายฉกรรจ์ทั่วไป แต่ก็มีบางคนที่อ่อนแอเป็นสมบัติส่วนตัว ฉะนั้นการที่มีพระอันจะมาเสริมความแข็งแกร่งขึ้นได้ จึงเป็นสิ่งที่สมควร

8. ข้าวก้นบาตรของหลวงพ่อ ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพราะเป็นข้าวที่พระอริยสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบท่านฉัน

9. กล้วยน้ำว้า เมื่อพูดถึงกล้วย บางทีบางท่านอาจจะระลึกขึ้นมาได้ว่า “พระสมเด็จ” ของสมเด็จโต ก็มีกล้วยเป็นส่วนผสมเหมือนกัน หากแต่ใช้กล้วยคนละชนิดเท่านั้น

วัตถุมงคลรุ่นนี้หลวงพ่อท่านอธิษฐานจิตปลุกเสกบรรุพลังให้เต็มที่ เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังพระพุทธคุณ พิสูจน์จากหลายท่านแล้วรุ่นนี้พลังพระพุทธคุณสูงส่ง เป็นยอดวัตถุมงคลที่สมควรมีไว้บูชาเป็นอย่างยิ่ง

โทรศัพท์ 094 949 4633
ธนาคารไทยพาณิชย์
เลขบัญชี 114-220116-0 WANNARAT

 

รายการที่ 177 พระผงเจ้าแม่กวนอิม ด้านหลังไฉ่ซิ้งเอี้ย ปี 2551 แบบสอดตระกรุด ครูบากฤษดา สุเมโธ วัดสันพระเจ้าแดง
ปิด ค่าจัดส่ง 60 บาท

มีกล่องเดิม ติดสติกเกอร์วัด แต่ลืมถ่ายรูป

พระผงเจตนาบริสุทธิ์ สุดยอดมวลสาร ผู้สร้างตั้งใจมาก มวลสารและครูบาอาจารย์ที่เสกดีมากๆ ทั้งแบบไทยและแบบจีน สร้างปี2551 แต่ได้ถวายครูบาท่านแจกเมื่อปีหรือสองปีที่แล้ว ส่วนที่ถวายครูบากฤษดาจะมีสติกเกอร์ติดไว้ที่หน้ากล่อง สร้างสองพิมพ์คือ พิมพ์พระผงเจ้าพ่อเสือ และ พิมพ์เจ้าแม่กวนอิม มีทั้งแบบสอดตระกรุดและไม่สอด พิมพ์เจ้าพ่อเสือจะสร้างน้อยกว่า

องค์ที่บูชาอยู่ประจำตัว ตอนได้รับจากครูบา ท่านเมตตาบอกว่า "นี่ของดีมากนะ เอาไปติดตัวไว้"

เชื่อกันในหมู่ศิษย์ว่า ครูบาท่านมีบุญสัมพันธ์ กับประเทศจีน ศิษย์ทางฮ่องกงท่านมีอยู่เป็นจำนวนมาก ทุกปีท่านต้องไปโปรดศิษย์ที่นั่นเป็นเวลานานกว่าจะทั่วทั้งฮ่องกง ชาวฮ่องกงเชื่อว่าท่านเป็นผู้มีบารมีใหญ่มาเกิด ท่านมีลักษณะภายนอกที่เป็นมงคลอย่างสูงตามความเชื่อของชาวจีนอยู่หลายประการมาก แม้แต่ซินแสชื่อดังชาวจีนยังให้ความเคารพ อีกประการเชื่อว่าท่านมีบารมีมากในการสร้างพระกริ่ง และ ท่านมีบารมีสัมพันธ์กับองค์เจ้าแม่กวนอิม ดังนั้นเมื่อท่านเสกพระที่เป็นรูปลักษณ์แบบจีนจึงเชื่อได้ว่าท่านสามารถอัญเชิญบารมีได้อย่างแท้จริง แนะนำมากๆสำหรับผู้ที่ศรัทธาในองค์เจ้าพ่อเสือและองค์เจ้าแม่กวนอิม

ไฉ่ซิงเอี๊ย (Tsai Shen Yeh) คือเทพเจ้าแห่งโชคลาภของชาวจีน, ชัมภาลา (Jambhala) ของชาวธิเบต, คูเบร่า (Kubera) ของชาวฮินดู หรือ ท้าวเวสสุวรรณ (Vaisrava*) ของฝ่ายหินยาน เป็นเทพเจ้าของจีนที่ให้คุณทางด้านเงินทอง และโชคลาภ (เทพเจ้าแห่งโชคลาภ) ซึ่งสำหรับชาวจีนแล้วถือเป็นเทพเจ้าที่มีความสำคัญมากที่สุดในการเริ่มเข้าสู่ปีนักษัตรใหม่

มวลสาร
1. ผงมหามงคล เกษร 108 ของหลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง รวมถึงพระหลวงพ่อที่ชำรุดเสียที่เก็บอยู่ในโกดังวัตถุมงคล ซึ่งได้รับมอบมาจากเจ้าประเวศ ณ ลำปาง หลานชายของหลวงพ่อ
2. ผงก้นกรุหลายแห่งในจังหวัดอยุธยา โดยผู้มีจิตศัทธรานำมามอบให้
3. ชานหมากหลวงปู่ครูบาดวงดี วัดท่าจำปีที่ได้สะสมไว้
4. ผงตะไบชนวนกริ่งของวัดสุทัศน์และวัดบวรฯ (กริ่งรุ่นใหม่ไม่ใช่รุ่นเก่าครับ)
5. ดอกมะลิที่ใช้บูชาหลวงพ่อเกษม เขมโกในกุฏิที่ตั้งหุ่นขี้ผึ้งของหลวงพ่อ
6. ผงว่านในป่าแถบอำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิต โดยพระอาจารย์สายัญ แห่งป่าช้าหนองเคียน ใช้เวลาในการรวบรวมสะสม ต้องบุกป่าขึ้นไปหา เช่น เครือเถาหลง เสน่ห์จันทร์ขาว-แดง กาฝากต่างๆ
7. ผงไม้มงคล 9 ที่ใช้สำหรับตอกวางศิลากฤษ์
8. ผงธูป จากเกาะผู่โถวซาน ที่ทะเลใต้ ผงธูป จาก ศาลเจ้าแม่กวนอิมที่ Repulse Bay ฮ่องกง ผงธูปจาก ศาลเจ้าพ่อเสือ ที่เฮียงบู๋ซัว ซัวเถา ผงธูปจากศาลเจ้าไต๋ฮงกง ที่ซัวเถา รวมถึงวัดและศาลเจ้าอีกหลายๆที่ประเทศจีนและฮ่องกง
9. ผงธูปจากวัดและศาลที่ศักดิ์สิทธฺิ์ ในเมืองไทย เช่น วัดโพธิ์แมน วัดเล่งไน่ยี่ มูลนิธิเทียนฟ้าเจ้าแม่กวนอิม ศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ รวมถึงศาลเจ้าจีนที่มีพิธีอัญเชิญพระทั่วประเทศด้วยความอนุเคราะห์ของสายญาติโยมที่กินเจ

พิธีพุทธาภิเษก
1. แบบจีน ที่เรียกว่าไคกวง กระทำที่โบสถ์วัดโพธิ์แมนคุณาราม ด้วยความเมตตาของซือหูเย็นเต็ก เจ้าคณะใหญ่จีนนิกาย
2. แบบไทย มีการตั้งศาลบวงสรวง และกั้นบริมณฑล มีพระเกจินั่งปรก 4 ทิศที่วัดนันทวนาราม ประกอบด้วย หลวงพ่อเกลี้ยง วัดเนินสุทาวาส หลวงพ่อจ้อย วัดหนองน้ำเขียว หลสงปู่โทน วันเขาน้อยคีรีวัน และหลวงพ่อแดง วัดช่องลม ... 4 เสือแห่งจังหวัดชลบุรี
3. พิธีพุทธาภิเษกพระหลวงปู่มี และ จตุคาม วัดมารวิชัย จังหวัดอยุธยา โดยมี อาจารย์ประจวบคงเหลือเป็นเจ้าพิธี ส่วนพระเกจิที่มาปลุกเสก ประกอบด้วย หลวงปู่ทิมวัดพระขาว หลวงปู่เพิ่มวัดป้อมแก้ว เป็นต้น
4. มีนำไปให้ครูบาอาจารย์ปลุกเสกเดี่ยวอีกหลายวาระ (รวมทั้งการเสกมวลสาร การเสกองค์พระด้วย)
- หลวงปู่ทองดำ วัดท่าทอง จังหวัดอุตรดิต
- ครูบาพรชัย วัดพระบาทสี่รอย จังหวัดเชียงใหม่
- หลวงปู่ครูบาดวงดี วัดท่าจำปี จังหวัดเชียงใหม่ ท่านเมตตาเสกมวลสารปิดท้ายหลวงจากบดเป็นผงเรียนร้อย ด้วยการลบผงประยุกต์ ขณะนั้นท่านอายุเกิน 100 แล้ว แต่ด้วยความเมตตา ท่านให้นำมวลสารมาวางแล้วเกลี่ยให้หน้าเรียบ ท่านจะเขียนยันต์ลงบนผงมวลสารด้วยไม้ แล้วลบแล้วเขียนยันต์ใหม่แล้วลบ ไปเรื่อยๆ พอทำเสร็จท่านก็ให้พระหลานชายท่านนำขวดแก้วมาขอแบ่งมวลสารไป ท่านว่ามวลสารนี่ศักดิ์สิทธิ์นัก ท่านขอไว้สร้างพระของท่านด้วย
- ครูบาผัดและครูบาน้อย วัดศรีดอนมูล จังหวัดเชียงใหม่
- สมเด็จญาณวโรโดม วัดเทพศิริทราวาส
- หลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล วัดอนาลโย จังหวัดพะเยาว์
- หลวงพ่อจ้อย วัดศรีอุทุมพร จังหวัดนครสวรรค์
- หลวงพ่อแดง วัดห้วยฉลองราษฏร์บำรุง จังหวัดอุตรดิต
- หลวงปู่สุภา กันตสีโล วัดคอนสวรรค์ จังหวัดสถลนคร ซึ่งหลวงปู่เมตตาอย่างมาก ให้นำพระทั้งหมดไปวางบนเตียงที่ทำจำวัดเลย มีเรื่องมหัศจรรย์เกิดขึ้นด้วย หลวงจากที่ท่านเสกนานราวชั่วโมง พอช่วยกันยกพระออก ปรากฏว่าผ้าแพรที่กล่องบรรจุพระวางซ้อนอยู่ร้อนลวกมือเลย ห้องของหลวงปู่เปิดแอร์ตลอดเวลา รวมถึงองค์พระก็แห้งสนิทแล้ว เป็นเรื่องที่อธิบายไม่ได้เลยว่าทำไมผ้าที่รองไว้ถึงได้ร้อนขึ้นมาได้
ปล. มีหลวงพ่อและหลางปู่ที่เมตตาเสกให้หลายรอบหลายครั้ง ถ้าจะนับมากสุดคือหลวงปู่ครูบาดวงดี วัดท่าจำปีถึง 9 ครั้ง
การแจกจ่ายพระ
1. ถวายแด่ซือหูเย็นเต็ก ที่วัดโพธิ์แมนคุณาราม หลังจากไคกวงแล้ว ท่านได้แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งแจกญาติโยมที่วัดโพธิ์แมน อีกส่วนแจกญาติโยมที่ วัดหมื่นพุทธเมตตา ที่อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย
2. ถวายแด่หลวงปู่เกลี้ยงวัดเนินสุทธาวาส จังหวัดชลบุรี
3. ถวายแด่หลวงปู่ครูบาดวงดี วัดท่าจำปี จังหวัดเชียงใหม่ ชาวบ้านเรียกพระจีนของหลวงปู่
4. ถวายศาลเจ้าจีนในช่วงเทศกาลกินเจ หลายที่หลายแห่ง
5. แจกให้กับผู้ร่วมจัดสร้างและช่วงหามวลสารและผงธูปไปส่วนหนึ่ง
6. ยกให้มูลนิธิตงฮั้วการแพทย์ในพระบราราชูปถัม วาระครบรอบ 90 ปี ที่ไปเป็นกรรมการอยู่
7. ส่วนสุดท้ายถวายแด่ครูบากฤษดา วัดป่ายาง (สันพระเจ้าแดง) จนหมดสิ้น
วรรณขององค์พระ จะมีหลายสีขึ้นกับมวลสาร บางองค์จะออกน้ำตาลก็จะหนักทางผงว่าน ถ้าออกสีเทาๆหรือเขียวก็จะออกทางผงธูป คือสรปมีหลายโทนสี

 

รายการที่ 178 พระผงหลวงปู่ปาน-ยันต์เกราะเพชร เนื้อผงเมตตา มหานิยม เสริมอำนาจ-บารมี ปิดทอง วัดศาลพันท้ายนรสิงห์
บูชา 240 บาท ค่าจัดส่ง 60 บาท

พระหลวงปู่ปาน-หลังยันต์เกราะเพชร ฐานบัว วัดศาลพันท้ายนรสิงห์
เข้าพิธีเสาร์ห้า วัดท่าซุง พิธีเดียวกับสมเด็จองค์ปฐมรุ่น ๕ ของวัดท่าซุง เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๕ ที่ระลึกงานกฐิน ปี 2012

พระหลวงพ่อปาน หลังยันต์เกราะเพชร ที่ทางวัดจัดสร้างขึ้นนั้นมีสองเนื้อด้วยกันคือ เนื้อผงสีขาวขาว ผงพุทธคุณ มหาเศรษฐี เงินล้าน และเนื้อผงสีแดง เมตตามหานิยม เสริมอำนาจ-บารมี

ด้านหน้าเป็นพิพม์รูปเหมือนหลวงพ่อปาน นั่งบนฐานบัว ล้อมรอบด้วยวิหาร บูชาองค์หลวงพ่อปานด้วยทอง, ด้านหลังเป็นยันต์เกราะเพชร และเหนือยันต์เกราะเพชร เป็นสัญญลักษณ์ เสาร์ห้า (เข้าพิธีเสาร์ห้าวัดท่าซุง) หลวงพ่ออนันต์เป็นประธานในพิธี

***กรอบสามารถเปิดได้ ต้องทากาวปิด หรือให้ช่างทาน้ำยาเชื่อมพลาสติก จะได้แข็งแรง

โทรศัพท์ 094 949 4633
ธนาคารไทยพาณิชย์
เลขบัญชี 114-220116-0 WANNARAT