มีคำทำนายภัยพิบัติ พระยาธรรมที่ท่านทั้งหลายคิดว่าเชื่อถือได้กันบ้างหรือเปล่า

ผู้รู้ที่แท้จริง ต้องไม่กลัวตายสิครัช ผู้รู้ที่แท้จริงนั้นเขากลัวเพียงสิ่งเดียว กลัวจะได้เกิดมาวนเวียนอยู่ในสามแดนโลกอีกครั้งครับ

 

เราว่าอยู่..จิตเราทำไมมันกระเพื่อมแรงจัง 2เดือนมาแล้ว

 

อย่าสำคัญตัวผิด สำหรับบางท่าน จะเป็นการอวดอุตริมนุษยวิสัย มิพึงอื้ออึงไป จะเป็นตัวขัดขวางการเห็นแจ้งในข้อธรรมอันพิสุทธิ์

ข้าขอเตือน วาทะ ดังกล่าว...


ข้าเป็นอิตถีสตรีฆราวาสผู้มีกำลังใจในการปฏิบัติธรรม ตามรอยพระธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ชนะมารนั้น
ข้าขอขมากรรมและขออนุญาติถกธรรมกับท่านสัปบุรุษ ผู้มีโอกาสได้บรรลุธรรมและบางท่านได้อุปสมบทมาด้วยศีล 227 ข้อนั้น ถือว่ามีโอกาสและเนื้อนาบุญกว่าอิตถีมาตุคามอย่างข้า
จึงโปรดไขกระจ่างข้อธรรม ด้วย สัมมาทิฏฐิ 16

เนื่องในวัน มหาศีลอุโบสถ ขอน้อมบทธรรม พิจารณา

อินทรีย์ หรือ อินทรีย์ 5 คือ ความสามารถหลักทางจิต ห้า ประการ[1] ได้แก่

1. สัทธินทรีย์ คือ ความศรัทธา ในโพธิปักขิยธรรม
2. วิริยินทรีย์ คือ ความเพียร ในสัมมัปปธาน 4
3. สตินทรีย์ คือ ความระลึกได้ ในสติปัฏฐาน 4
4. สมาธินทรีย์ คือ ความตั้งมั่น ในฌานทั้ง 4
5. ปัญญินทรีย์ คือ ความเข้าใจ ในอริยสัจ 4

อินทรีย์ 5 เป็นหลักธรรมที่คู่กับ พละ 5

• สัทธินทรีย์ เปรียบเสมือน การหาภาชนะดีๆมาใส่น้ำ
• วิริยินทรีย์ เปรียบเสมือน การเติมน้ำสะอาดแทนน้ำสกปรกเสมอ
• สตินทรีย์ เปรียบเสมือน การระวังไม่ให้สิ่งใดหล่นใส่ในน้ำ
• สมาธินทรีย์ เปรียบเสมือน การถือภาชนะใส่น้ำไว้นิ่งๆและไม่ให้สิ่งใดมากระทบกระเทือนให้หวั่นไหว
• ปัญญินทรีย์ เปรียบเสมือน การเห็นนำสิ่งสกปรกออกจากน้ำ

อินทรีย์5เป็นธรรมที่ส่งเสริมธรรมอันเป็นฝักฝ่ายแห่งกุศลคืออิทธิบาท4

สัทธินทรีย์ ส่งเสริม ฉันทะอิทธิบาท ความยินดีพอใจ วิริยินทรีย์ ส่งเสริม วิริยะอิทธิบาท ความเพียร แข็งใจปฏิบัติ สมาธินทรีย์ ส่งเสริม จิตตะอิทธิบาท ความตั้งใจ ปัญญินทรีย์ ส่งเสริม วิมังสาอิทธิบาท ความเอาใจฝักใฝ่สิ่งนั้น พิจารณาใคร่ครวญ อิทธิบาททั้ง 4 ก็จะมาส่งเสริม สตินทรีย์

อิทธิบาท หรือ อิทธิบาท 4 เป็นศัพท์ในพระพุทธศาสนาหมายถึง ฐานหรือหนทางสู่ความสำเร็จ หรือ คุณเครื่องให้ถึงความสำเร็จ คุณเครื่องสำเร็จสมประสงค์ ทางแห่งความสำเร็จ คุณธรรมที่นำไปสู่ความสำเร็จแห่งผลที่มุ่งหมาย มี ๔ ประการ คือ

• ฉันทะ (ความพอใจ) คือ ความต้องการที่จะทำ ใฝ่ใจรักจะทำสิ่งนั้นอยู่เสมอ และปรารถนาจะทำให้ ได้ผลดียิ่งๆขึ้นไป
• วิริยะ (ความเพียร) คือ ขยันหมั่นประกอบสิ่งนั้นด้วยความพยายาม เข้มแข็ง อดทน เอาธุระไม่ท้อถอย
• จิตตะ (ความคิด) คือ ตั้งจิตรับรู้ในสิ่งที่ทำ และทำสิ่งนั้นด้วยความคิด เอาจิตฝักใฝ่ ไม่ปล่อยใจให้ฟุ้งซ่านเลื่อนลอยไป
• วิมังสา (ความไตร่ตรอง หรือ ทดลอง) คือ หมั่นใช้ปัญญา พิจารณาใคร่ครวญ ตรวจหาเหตุผล และตรวจสอบข้อยิ่งหย่อนในสิ่งที่ทำนั้น มีการวางแผน วัดผล คิดค้นวิธีแก้ไขปรับปรุง เป็นต้น

//ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราได้มีความคิดอย่างนี้ว่า ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญ อิทธิบาท อันประกอบด้วยฉันทสมาธิและปธานสังขาร ดังนี้ ว่าฉันรึยังของเราจักไม่ย่อหย่อนเกินไป ไม่ต้องประคองเกินไป ไม่หดหู่ในภายใน ไม่ฟุ้งซ่านไปในภายนอก และเธอมีความสำคัญในเบื้อง หลังและเบื้องหน้าอยู่ว่า เบื้องหน้าฉันใด เบื้องหลังก็ฉันนั้น เบื้องหลังฉันใด เบื้องหน้าก็ฉัน นั้น เบื้องล่างฉันใด เบื้องบนก็ฉันนั้น เบื้องบนฉันใด เบื้องล่างก็ฉันนั้น กลางวันฉันใด กลางคืนก็ฉันนั้น กลางคืนฉันใด กลางวันก็ฉันนั้น เธอมีใจเปิดเผย ไม่มีอะไรหุ้มห่อ อบรม จิตใจให้สว่างอยู่.//

ภิกษุย่อมเจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยวิริยสมาธิและปธานสังขาร ดังนี้ว่า วิถานะยะของเราจักไม่ย่อหย่อนเกินไป ไม่ต้องประคองเกินไป ... ไม่มีอะไรหุ้มห่อ อบรมจิตให้ สว่างอยู่.


ภิกษุย่อมเจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยจิตตสมาธิและปธานสังขาร ดังนี้ว่า จิตของเราจักไม่ย่อหย่อนเกินไป ไม่ต้องประคองเกินไป ... ไม่มีอะไรหุ้มห่อ อบรมจิตให้สว่างอยู่.





เราควรจะพิจารณา ในกำลังจิต กำลังสติ กำลังปัญญาสมาธิ เพื่อการศึกษาขั้นธรรมยิ่งขึ้นไป

การปรากฏของข้า ในครานี้ เป็นสักขีพยาน
หากจะว่ากล่าวข้า ที่ขันธมารให้ดวงตาด้านซ้ายปิดสนิทด้วยมารกระทำ ก็มิอาจปิดดวงตาจากจิตอันใฝ่ธรรมของข้าได้เลย แม้แต่น้อย....

ขอน้อมรับพิจารณาข้อชี้แนะจาก ท่านสัปบุรุษ ที่นี้ทุกประการ

 

เอาจริงๆนะ...ตอนนี้ต้องดูแลพ่อแม่ พี่ก็ติดคุกอยู่ ตอนนี้ไม่มีใครดูแลพ่อแม่ รอพี่ออกมาเมื่อไหร่ เราจะทำให้จบ
...ไม่ต้องมาเร่งเราหรอก ไปเร่งรัฐบาลนู้น..ให้ทำบุญแผ่นดินปีใหม่นี้

...อภัยโทษนักโทษชั้นดีและโทษเหลือน้อย...ถ้าพี่มาเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละ

...จบข่าว...

 

จะมีเหตุอันใดหรือเปล่าท่าน

 

ณ.ตอนนี้คนปฏิบัติถูกก็ได้พบธรรมแบบเจาะจง...เพราะทุกอย่างมีครบหมดแล้วเหลือแต่ผู้ปฏิบัติเท่านั้น...ทุกอย่างอยู่กับเรานี้แหละ
..เข้าใจกันรึเปล่าทุกคน..

จะเร่งเราทำไม

 

กัลยาณมิตรของเรา..จบกิจศาสนาแล้ว..ช่วยกันสร้างโลกใหม่ด้วยกันนะ

 

นั่นสิ ท่านก็เหมือนกัน จะไปเร่งคนอื่นทำไม

 

บอกให้ข้าเจ้าลา....

ตั๋วมาอู้กะข้าเจ้าให้ลา .. เปิ้ลยังบ่ลา

เปิ้ลบอกข้าเจ้าผ่อมานานอสงไขย บ่ลุนิพพานัง

เปิ้ลมา จุ้ กะข้าเจ้า จะยะการอันใด ข้าเจ้าฮู้ดีก่อ ..

แล้วมันธุระกงการใด มาบอกให้ ข้าเจ้า ..ลา !!!

อู้เพราะๆ บ่น่าไว้ใจ ...วอก !!!

 

ถึงท่านจะพาคนไป แต่ก็พาไปไม่หมด ต้องกลับมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ว่าจะเป็นตัวท่านหรือคนของท่านหรือคนที่อยู่ในทีม คนเก่าคนใหม่ ก็ว่ากันไป

 

อ้ายบ่ต้องสน ท่าน น่าฮักปานนี้ ก็จงตั้งอกตั้งใจไปเถิดนะอ้าย บ่ต้องคึดมาก วันนั้น หมู่ตั๋วจะเห็นเป็นประจักษ์

อุ้ย เห็น ละอ่อน บ่ยอมจำนน สักพักก็หายแซบหายสอย

 

คนที่บอกเราดูพระที่รักษาตนเองนั้น...ท่านรู้รึเปล่าว่าตอนนี้อยู่กับเรานี้แหละ..รีบปฏิบัติให้ถูกต้อง..จึงจะได้พบธรรมและอย่ามาท้าเราอีก

 

สัปบุรุษ

พึงพิจารณา

อ้ายทั้งหลาย บ่จุ้ ผิดศีลนะตั๋ว

บอกข้าเจ้านี้ จักได้ฮู้แจ้งก่อ

 

Aré you sure ?

 

มันมีคนลาได้อยู่..พุทธภูมิ ไปปฏิบัติก่อนสิ...ไม่รู้แล้วยังหลงอีก...
...ใครทำคนนั้นได้ไปก่อน ไม่ต้องรอพระยาธรรมมิกราช มาโปรดหรอก
...ปฏิบัติก่อนได้ก่อนจบกิจก่อนเข้าพระนิพพานก่อน...ไม่ต้องมารอให้ข้ามยุคหรอก...
...เข้าใจกันรึเปล่าทุกคน...

 

ผมยังไม่ใช่คนดีขนาดนั้นหรอกครับ มานะทิฐิ โทสะแรง
และยังมีอะไรไม่ดีที่ผมไม่กล้าบอกอีกเยอะ
ผมต้องแก้หลาย ๆ อย่างเลยแหละกว่าผมจะเป็นคนดีจริง ๆ น่ะนะครับ

ตอนนี้ผมเป็นคนธรรมดาคนหนี่ง ที่ทำอะไรตามใจตนเองไปวัน ๆ เท่านั้น

 

เอางี้ครับ ท่านลาไปก่อนเลย
ท่านลาแล้ว ผมจะรอฟังธรรม แล้วผมจะตัดสินใจอีกทีว่าผมจะลาหรือไม่ลา

แต่ผมจะไม่สัญญาว่าผมจะลา

 

ที่เราทนลำบากมาทุกภพทุกชาติก็มาเก็บคนอย่างพวกท่านนี่แหละ...
ตั้งแต่พระเจ้าอชาติศัตรูสิ้นใจ..ท่านว่ามันนานเท่าไหร่แล้ว

ยังจะไปงมงายไหว้ผี ไหว้พญานาคอยู่อีก

 

ชื่อZaหรือชื่อลา...คนนี้นี่

 

ท่านเป็นพระยาธรรมหรือพระยาโมเม พระยาคาดหวัง พระยาเหมารวม พระยายึดติด