เรื่องเด่น มีวิธีเช็คยังไงครับว่าเป็นพระโพธิสัตว์ที่รับพยากรณ์แล้ว

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย ทอนเงิน, 28 มีนาคม 2017.

  1. ponravit20

    ponravit20 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +30
    ก่อนอื่นผมถามอย่างหนึ่ง ท่านเข้าใจสิ่งที่กรรมเกิดแบบนั้นแบบนี้เหรอครับ กรรมวิสัยเป็นอจินไตยนิครับ จะรู้ได้ไงว่า อย่างไรถูกผิด แบบนี้เกิดจากกรรมหรือเปล่าเรื่องบางเรื่องก็อาจมีอะไรแฝงอยู่ลึกข้างในมากกว่าที่เห็นก็ได้นะครับ

    ผมบอกเสมอๆครับ ว่าสิ่งที่ผมว่ามานิ เกิดจากปัญญาซึ่งอาจจะถูกหรือผิด เพราะฉะนั้น ผมไม่เคยบอกว่าของใครถูกหรือผิด แต่ก่อนท่านจะมาบอกว่าผมเข้าใจผิด ท่านเข้าใจถูกดีหรือยังครับ ถ้าท่านคิดว่าตัวเองเข้าใจถูกต้องครบถ้วน ขอชื่นชมด้วยนะครับ

    แถมอีกนิดหน่อยครับ ตัวผมเชื่อว่าทุกอย่างเป็นเหตุเป็นผลของมัน แต่เรื่องที่การจะได้โพธิญาณ แต่ต้องมีคนได้รับความทุกข์ (ไม่ใช่ตัวพระโพธิสัตว์เอง) แม้จะแค่ผู้ติดตามเรา โดยเหตุเกิดความทุกข์คือ ต้องการสนับสนุนเพื่อให้พระโพธิสัตว์สำเร็จโพธิญาณ ผมไม่เห็นความสมเหตุสมผลในเหตุผลนี้ครับ คุณหลายๆคนอาจจะเห็น ซึ่งก็ถือว่ามีความคิดเห็นที่ต่างกันไปครับ แต่ผมได้ไม่ได้บอกว่าความคิดแบบนี้ถูกนะครับ เพราะผมก็เป็นแค่คนธรรมดา ผมแค่มาแสดงความคิดเห็นเพราะมีคนมีความคิดเดียวกันครับ สำหรับผมถ้าตัวเองไม่รู้จริง จะไม่มีทางมาพูดบอกกับคนอื่นครับ อันนี้ถือว่าผมลากเรื่องที่เกิดจากความคิดผมมายาวมากเลยนะเนี่ย ฮ่าฮ่า

    ขอบคุณสำหรับการพยายามจะอธิบายให้ผมเข้าใจครับ ถ้าเกิดท่านว่า ตัวท่านเข้าใจถูก จะว่าผมเป็นคนหัวดื้อก็ได้ครับ แต่คนแบบผม จะรู้อะไรต้องปฏิบัติเองทั้งหมดครับ มักไม่ค่อยเชื่ออะไรที่ใครพูดครับ ถือว่ารับฟังมาวิเคราะห์แต่ยังไม่เชื่อ 100 % ครับ ขออภัยด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤษภาคม 2017
  2. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    ถ้าท่านอ้างว่า กรรมเป็นเรื่องอจินไตย

    แล้วท่านจะเชื่อในสิ่งที่ มีอรรถกถาธิบายเรื่องกรรมของกัณหาชาลีที่ถูกตีทำไมครับ

    แล้วท่านมาเชื่อทำไมว่า ที่มีผู้บอกว่า พระนางมัทรีมีบุญมากจึงมีเทวดามาขอ

    กรรมเป็นเรื่องอจินไตย แต่ไม่ได้ห้ามมิให้เข้าใจกฎแห่งกรรมครับ พระท่านจึงสอนเรื่องกฎแห่งกรรม

    ท่านอ้างเรื่องกฎแห่งกรรมจากปากคนอื่น ฟังจากคนอื่น แต่ไม่คิดว่านั้นอจินไตย

    ผมพูดจากประสบการณ์ของผม

    ท่านจะเชื่อหรือไม่ ผมไม่ได้จะว่าอะไรครับ

    และภาษาที่ว่า หลงสับสน ก็ไม่ได้ตำหนิ เป็นเพียงพูดให้ท่านพิจารณาที่ผมกล่าวด้วย

    ซึ่งเมื่อพิจารณาตัวเองแล้ว ท่านจะคิดว่าตัวเองถูกแล้ว ก็เรื่องของท่านจริงๆ

    แต่ท่านเอาคำกล่าวว่า กรรมเป็นเรื่องอจินไตย ดังนั้น ผมไม่เชื่อคุณ

    ความจริงหลายเรื่องที่พูดในที่นี้ ก็เป็นเรื่องอจินไตยหลายเรื่องเพราะไม่ได้มีในตำรา

    ผมเล่าจากผู้ที่มีประสบการณ์ที่เรียกว่า ได้อภิญญา เช่น ระลึกชาติ ซึ่งเป็นญาณวิสัย

    อจินไตยเช่นกัน

    ผมมาเล่า แสดงความเห็น ตามประสบการณ์ เท่านั่น ในการถกอภิปราย อาจมีการตั้งคำถามอย่างนี้อยู่แล้ว ตั้งแต่สมัยโสเครติส ทำนองว่า ที่ท่านว่าท่านเชื่อ นั่นจริงหรือ เรามาพิจารณากัน

    แต่ถ้าท่านบอกว่า เรื่องนี้ อจินไตย เราจบกันไม่ต้องคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน

    ผมว่า ถ้าจะไม่คุย ไม่รับฟัง ไม่เชื่อ

    ไม่ต้องอ้าง หลักอจินไตย ครับ
    เพราะหลักอจินไตย นั่น ไม่ห้ามเรื่อง สุตมยปัญญา ครับ

    ถ้าท่านจะไม่รับฟัง ไม่เชื่อ ก็โต้แย้งด้วยเหตุผลตามธรรมดาเถอะครับ

    ถ้าท่านอ้างกรรมเป็นเรื่องอจินไตย ทุกเรื่องในบอร์ดธรรมะ เป็นเรื่องอจินไตยทั้งนั่น
     
  3. ponravit20

    ponravit20 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2014
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +30
    ผมอ้าง แต่ไม่เคยเชื่อว่ามันถูกนะครับ

    ในกระทู้อดีตที่ผ่านๆมา ผมเคยบอกว่าไม่เชื่อไตรปิฎก แต่ไม่เชื่อในแบบของผมคือ ไม่คิดว่ามันผิดนะครับ เพราะเราไม่รู้ ดังนั้นจึงไปฟันธงไม่ได้ว่าไตรปิฎกในปัจจุบันจะถูกต้อง 100% ด้วยซ้ำครับ แต่ด้านปฏิบัติธรรมคิดว่าน่าจะถูกต้องครับ เพราะใช้พระอรหันต์สังคายนา ท่านรู้จริง ปฏิบัติจริง

    แล้วผมก็ไม่ค่อยอยากจะมาโต้แย้งกับใครนะครับ ผมแค่มาบอกคุณคะนึงที่เขาถามนิดๆว่ามีคนเห็นด้วยกับเขาไหม อะไรที่ผมไม่รู้อะไรจริงๆไม่อยากจะโต้แย้งกับใครหรอกครั

    ปล.ผมรับฟังทุกความคิดนะครับ บอกไปแล้ว ความเห็นก่อน ตอนท่านอ่านมันอาจไม่ขึ้นเพราะผมมาแก้ทีหลัง
     
  4. คะนึง

    คะนึง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +402
    เข้าใจในการสื่อความหมายของทั้งสองท่านเลยค่ะ

    ว่าต้องการสื่ออย่างไร?

    ถ้ามีแต่ทุกข์ถ่ายเดียวจะเป็นไปได้อย่างไร? ใช่เลยค่ะ เห็นด้วยกับ ponravit20

    การบริจาคขึ้นอยู่กับกำลังใจของแต่ละท่าน ไม่เกี่ยวกับการบริจาคที่เกิดจากกรรม เห็นด้วยกับท่าน ณฉัตรค่ะ

    ทานต้องออกมาจากใจมิใช่กรรมบังคับ!!!

    แตผลที่รับต้องขึ้นอยู่กับ...กรรม และ เป็นการวัดกำลังใจในการสร้างบารมีด้วย น่าจะใช่!! ทั้งสองอย่างนะค่ะ

    นำมาฝากค่ะสำหรับผู้ที่มาเป็นสมาชิก และ ยังไม่เคยอ่านค่ะ

    ความรักของพระโพธิสัตว์...น่าอ่านมากกกกก

    https://www.dek-d.com/board/view/2628991/

    แด่นางแก้วผู้เป็นกำลังใจพระโพธิสัตว์

    http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2011/03/Y10398465/Y10398465.html

    ขออภัยนะคะ หากแสดงความคิดเห็นใดที่เป็นการก้าวล่วงโดยไม่ตั้งใจค่ะ ที่แสดงความเห็นเป็นประสบการณ์ของตนเองในอีกรูปแบบหนึ่ง หากเป็นประโยชน์ได้ จะทำได้ไถ่บาปในความผิดพลาดของตนเองค่ะ
     
  5. Veeravit

    Veeravit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +278
    วิถีตรวจสอบว่าเป็นนางแก้วหรือเปล่าผมนึกไม่ออก ก็คงต้องให้ผู้มีอภิญญามาบอก แต่ต้องทำใจว่าโอกาสผิดมี

    ส่วนที่ว่าแก้วที่สร้างบารมีคู่กันมา ก็คงต้องทำความดีคู่กัน บารมีไม่เสมอกันก็ลำบาก แต่คงเป็นผู้ตามและเป็นผู้สนับสนุนที่ดี ส่วนตัวคิดว่ามีความดีอะไรให้ทำก็ทำไปเถอะครับ เพราะความดีมันเป็นเสบียง/เป็นกำลัง/เป็นเครื่องป้องกัน ในการเดินทางเคียงคู่ไปกับพระโพธิสัตว์
     
  6. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    549
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +707
    แล้วพระโพธิสัตว์ที่บำเพ็ยบารมีมายาวนานแบบพระกษิติครรภ์มีหลายองค์ไหมครับไครมีประสบการณ์หรือได้รับฟังจากผู้รู้ช่วยเล่าไห้ผมฟังทีเผื่อจะได้ความรู้และเป็นธรรมทานครับ
     
  7. Veeravit

    Veeravit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +278
    ผมเรื่องนี้ง่ายต่อการทะเลาะถกเถียง แต่พอถามมาผมก็ต้องขอตอบ ส่วนใครไม่เห็นด้วยก็ใจเย็นๆด้วยกันนะครับ

    พวกพระโพธิสัตว์ของมหายานแบบกษิติครรภ์เป็นสิ่งที่แต่งเข้ามาเพื่อให้เหมาะกับสังคมของเขา รวมถึงเจ้าแม่กวนอิม หรือพุทธเกษตรที่เป็นที่รวมของพระอรหันต์ที่เสียชีวิตไปแล้ว โดยเรื่องแต่งที่มีพระโพธิสัตว์สร้างบารมีแบบยาวนานพิเศษนั้นก็เกิดจากเรื่องแต่งผสมความเชื่อลงไปให้พระโพธิสัตว์ดูยิ่งใหญ่เหนือพระพุทธเจ้า



    แต่ความจริงนั้นเป็นไปไม่ได้ พระพุทธเจ้าก็ตรัสหลายวาระว่าไม่มีผู้ใดเลิศ/ไม่มีผู้ใดประเสริฐเหนือกว่าพระองค์. ตย.พระองค์เคยตรวจดูทั่วทุกทิศ ก็ไม่พบใครที่พระองค์ควรเคารพ หรือนับเป็นสรณะ พระองค์จึงเลือกพระธรรมเป็นสรณะ ถ้ามีพระโพธิสัตว์ที่สร้างบารมียาวนานพิเศษอย่างว่า บารมีต้องเหนือกว่าพระพุทธเจ้าและพระองค์ย่อมไม่ปฎิญานว่าพระองค์เป็นผู้เลิศที่สุด

    ปัจจุบันยังมีบางท่านปราถนาสร้างบารมีแบบพิเศษอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องเข้าใจผิด แบบแผนที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายสร้างกันมา ก็มีเพียง 3 แบบ และไม่มีใครจะเก่งกล้ากว่าพระพุทธเจ้าทั้งหลายในอดีตไปได้ โดยรากฐานของความปราถนาผิดๆมาจากกิเลส(ความอยากใหญ่/อยากพิเศษ) และความไม่รู้ว่าสิ่งที่ปราถนามันทำไม่ได้จริง



    ขอเสริม

    "อุเบกขาบารมี" จะปรับสมดุลไม่ให้ปราถนาฟุ้งเฟ้อ หรือทำเกินในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ โดยหัวใจหลักของ"อุเบกขาบารมี" วางใจเป็นกลางต่อสิ่งทั้งปวงด้วยปัญญา และสัตว์โลกมีบารมี/ความดี แตกต่างกันไม่มีทางจะทำให้สัตว์ทั้งหมดในจักรวาลบรรลุธรรมได้

    การจะโปรดสัตว์พระพุทธองค์ทำเต็มความสามารถ แต่ถ้าสัตว์ไม่พร้อมไม่สนใจก็เป็นเรื่องของสัตว์เอง สัตว์ปฏิเสธธรรมไม่รับคำสอน ก็ไม่ทำให้ใจของพระองค์หวั่นไหวได้

    อีกทั้งพระพุทธเจ้าทั้งหลายสร้างบารมีเพื่อถอดถอนสัตว์จากสงสาร ไม่ได้มาแข่งกับพระพุทธเจ้าองค์อื่นๆว่าตนเองพาสัตว์พ้นทุกข์ได้มากกว่าพระพุทธเจ้าองค์อื่นๆ หรือมีความพิเศษเหนือกว่าองค์อื่นๆ ส่วน รัศมี /อายุ/บริวาร/จำนวนผู้บรรลุธรรมฯลฯ เป็นสิ่งที่เพิ่มเติมในระหว่างสร้างบารมีและเป็นเพราะกรรมของสัตว์ประกอบเข้าด้วยกัน
     
  8. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    ผมไม่ได้ติดใจว่า ความเห็นของผมต้องถูก หรือควรเข้าข้าง หรือเอาใจใคร

    แต่ผมก็แสดงความเห็นตามที่ผมเห็นนั้นแหละ

    เรื่องความทุกข์กับการบำเพ็ญบารมี

    ถ้าตามพระไตรปิฎก ซึ่งพระสงฆ์ทั้งหลายท่านก็กล่าวสอดคล้องต้องกัน

    หลัก นี้ มีบทสวดมนตร์อยู่ครับ ผมเอาที่แปลและสรุปสั้นๆ มาแล้วกัน

    เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่าสังขาร(ความปรุงแต่งทั้งหลาย)ทั้งหลาย เป็นทุกข์ เป็นอนิจจัง เมื่อนั่นย่อมเบื่อหน่ายในทุกข์ที่ตนหลง (อะไรที่เป็นความสุข คือทุกข์ที่หลงเท่านั่นครับ) นั่นแหละคือทางแห่งความหมดจด (ทางสู่นิพพาน)

    เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา เมื่อนั่นย่อมเบื่อหน่ายในทุกข์ที่ตนหลง นั้นแหละคือทางแห่งความหมดจด

    บทสวดนี้ เป็นสิ่งที่สรุป วิปัสสนาญาณ 16 ได้ดีนะครับ

    พระนิตยโพธิสัตว์ แตกต่างจากชาวบ้านตรงที่ จิตมาเหยียบที่โคตรภูแล้วเด้งกลับ คือไม่ไปต่อ มรรคผลนิพพาน หมายถึง ว่าจิตท่านพระสุเมธดาบส ไม่ใช่ได้แค่ฌาณ อภิญญา ยังได้ เหตุ คือถึงพร้อมจะตรัสรู้เป็นอรหันต์ทันที ที่ตั้งใจจะไปเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์พระพุทธองค์

    ผู้ใกล้อรหันต์นี้ คือ ผู้ที่จิตนั่นเห็น วิปัสสนาญาณก่อนถึง โคตรภู อยู่แล้ว ก็อย่างที่คุณ veeravit ว่า ได้นิพพิทาญาณ คือ ความหน่ายในทุกข์ จิตต้องเห็นทุกข์ก่อนจึงหน่ายในทุกข์

    ในพระไตรปิฎกมีหลายตอน กล่าวในทำนองว่า เมื่อจิตถึงรอบ ยังไงก็ต้องหลุดพ้น นิพพานไป คำว่า จิตถึงรอบ คือ เมื่อจิตมีปัญญาเห็นตามเป็นจริง ในไตรลักษณ์ที่มีทุกขณะของทุกสรรพสิ่ง(สังขาร) ทางหมดจด คือนิพพาน นั่น อยู่ตรงนี้แหละ

    ในสายตาคนทั่วไปจะแบ่งสุข แบ่งทุกข์ ตามโลก

    แต่พระพุทธเจ้า และพระนิตยโพธิสัตว์ที่มีโพธิจิตเต็ม ท่านเห็นแต่ทุกข์ พระสุเมธจึงกล่าวถึงทุกข์ใน ๑ กัปร์ให้นางแก้วทราบว่า อย่าเลย

    พระพุทธองค์ท่านตรัสเป็นประจำ พบในพระไตรปิฎก คือ การเกิดแม้ชาติเดียว ก็ทุกข์มากแล้ว


    จิตของบุคคลที่เห็นความจริง ตามบทสวด ย่อมเห็นแต่ทุกข์ทั้งนั้น เมื่อใดเราเห็นเป็นสุขติดในโลก นี้ นั่นคือ เราหลุดจากวิปัสสนาญาณแล้ว

    ถ้าในมุมมองคนธรรมดา ยังไงพระเวสสันดรก็มีความสุขมากมายกว่าคนธรรมดานัก แต่ในสายตาท่านเอง ท่านเห็นแต่ความทุกข์ แต่ที่ท่านคงอยู่ได้ไม่เป็นพระอรหันต์ไปก่อน คือ ธรรมะ ซึ่งในโพชฌงค์ ๗ มี ปีติ ปัสสัทธิ สมาธิ อุเบกขา

    มันไม่ใช่ความรู้สึกมีความสุขอย่างที่ชาวโลกมี ซึ่งเป็นเพียงความเพลินเพราะความหลงผิดเท่านั่น ปัญญาญาณไม่เกิดขึ้นเลย
     
  9. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    มีแน่นอนครับ หลายองค์ด้วย

    ไม่ต้องไปหาตัวจริงหรอกครับ

    แต่ไม่ใช่แบบที่เขียนตามตำนานมหายาน

    ผมอ่านจากประวัติพระอรหันต์(ที่เค้าว่ากันนะ) เมื่อใดที่ท่านได้ยินอย่างนี้ว่า อีกเจ็ดชาติท่านจะบรรลุเป็นพระพุทธเจ้า

    หมายความว่า พระองค์นั่น ท่านคือพระโพธิสัตว์ที่ไม่ได้รับพุทธพยากรณ์ แต่ท่านบำเพ็ญบารมีมาตามแรงอธิษฐานจนจะครบวาระที่จะเป็น นั่นหมายความว่า ท่านเป็นพระโพธิสัตว์มากว่า ๑๐๐ อสงไขยครับ แต่ว่าเพราะไม่ได้รับพุทธพยากรณ์ท่านเลยถึงจุดที่ เต็ม คือ ไปต่อไม่ได้แล้ว ท่านต้องตรัสรู้ไปในสองฐานะเท่านั่น คือ พระปัจเจกพุทธเจ้า กับพระสาวก

    ดังนั่น ข้อนี้ จึงเป็นข้อยกเว้นสำหรับที่เคยกล่าวกันว่า ถ้าปรารถนาเป็นพระปัจเจก บำเพ็ญ ๒ อสงไขยแสนกัปร์ ไม่เกิน ๓ อสงไขยเกินแสนกัปร์

    เพราะเมื่อตั้งจิตกันแล้ว ไม่ถอนด้วยวิปัสสนาญาณล่ะก็ จิตก็ไปตามนั่น เมื่อวิสัยเป็นอย่างไรก็อย่างนั้น ดังนั้น ก็ตามประเภทเลย ๒๐ อสงไขย ๔๐ อสงไขย และ ๘๐ อสงไขย

    แต่เท่าที่ทราบมีองค์หนึ่งท่านกล่าวว่าท่านแรงกล้ามากจนเกินครับ ๑๐๐ อสงไขย ถึงหลุดจากแรงอธิษฐานได้ด้วยวิปัสสนาญาณ

    พระกษิติครรภ์ เอามาจากชาดก หลายเรื่องทางฝั่งหินยานนี้ก็มี เมื่อกล่าวถึงพระโพธิสัตว์(อดีตชาติขององค์ปัจจุบัน)ที่โปรดสัตว์ในอบายภูมิ

    ดังนั้น ตำนานที่มหายานเอาไปแต่งจึงอิงบนพื้นฐานเรื่องจริง ตามพระไตรปิฎก

    จึงมีพระโพธิสัตว์ทั้ง อนิตย และนิตย ที่บำเพ็ญอย่างพระกษิติครรภ์หลายองค์อย่างแน่นอน แต่ก็ไม่ได้พรรณาคุณจนเว่อร์วังอลังการแบบงานวรรณกรรมทางศาสนาที่อาจเข้าใจว่าเหนือพระพุทธเจ้า

    แต่ถึงแม้ไม่มีคุณจะไปเทียบเท่าอะไรกับพระพุทธเจ้า (องค์ที่ทำอยู่ เค้าไม่สนใจหรอก ว่าใครจะมาพรรณาคุณเค้า เค้ามีแต่เมตตากรุณาที่จะช่วยสัตว์ในอบายภูมิอย่างแรงกล้าเท่านั่น) มีแต่คนที่อ่านวรรณกรรมแล้วไปเปรียบเทียบตามแบบแผนการศึกษา

    ปล. อยากให้เห็นใจคนเผยแพร่ศาสนาพุทธในดินแดนต่างๆ กัน มันมีอิทธิพลต่างๆ ที่เค้าต้องต่อสู้เพื่อรักษาแก่นเอาไว้ แต่ก็ต้องให้คนเข้ามาศึกษาด้วย ทั้งระดับปัญญาของแต่ละพื้นที่ก็ไม่เหมือนกัน การเมืองก็มีส่วนสำคัญมาก ดังนั้น เมื่อเห็นเค้ารักษาพุทธธรรมเป็นหลักเอาไว้ได้ เรื่องกระบวนการ อย่างวรรณกรรมทางศาสนาก็คงต้องเป็นไปตามบริบทของสังคมด้วย ดุจพระโพธิสัตว์ที่ทำงานโปรดสัตว์ในนรก ท่านก็ต้องไปในรูปที่สัตว์นรกสัมผัสได้ และตัวท่านก็ต้องสัมผัสนรกด้วย

    พระพุทธเจ้าเคยเสวยชาติโปรดสัตว์ในนรกได้ฉันใด การที่พระจะปรับเปลี่ยนบริบทการสอนตามบริบทแต่ละสังคม ก็ดุจกัน ทั้งนี้ ล้วนมุ่งหวังให้สรรพสัตว์หลุดพ้นจากทุกข์
     
  10. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    549
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +707
    สาธุครับที่ผมยกเรื่องนี้มาถามคือผมไม่ได้อ่านจากตำราครับแต่มีเพื่อนในเว็ปคนหนึ่งชื่อ tjs เขามีประสบการณ์จริงที่ได้รับการช่วยเหลือจากพระกษิติโพธิสัตว์ครับและเขาก็มีญาณสามารถสื่อกับท่านได้ครับและเขาก็ไม่ได้พรรณาคุณของท่านจนเว่อนะครับเขาก้แค่เล่าว่าท่านบำเพ็ญบารมีแบบพระโพธิสัตว์ทั่วๆไปนี่ละครับแต่ท่านมีมหาปณิธานที่เสียสละมากเท่านั้นที่ผมยกข้อนี้ขึ้นมาถามก็เพื่ออยากจะได้ความรู้จากผู้มีประสบการณ์จากพระโพธิสัตว์ที่บำเพ็ญบารมีในรูปแบบนี้ครับไม่ไช่จากตำราครับขอบคุณสำหรับทุกประสบการณ์นะครับล้วนทำไห้แนวคิดความรู้และกำลังใจในการพำเพ็ญบารมีตามมหาปณิธานซึ่งผมเห็นแต่ละประสบการณ์แล้วคงจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ได้อ่านมากครับอนุโมทนาในธรรมทานครับสาธุ
     
  11. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,419
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,442
    เรื่องของการบำเพ็ญบารมีระหว่างพระโพธิสัตว์ และนางแก้วนั้น แต่ละท่านก็ไม่ได้มีสูตรสำเร็จ เนื่องจากทุกอย่างนั้นเกิดจากกรรมที่ต่างสร้างกันมาแต่อดีต ชาติใดเกิดมารักใคร่ปรองดองกันดี เกิดจากกุศลกรรมส่งผล

    ชาติใดที่ไม่เข้าใจกัน มีปัญหาเกิดขึ้นมาต่าง ๆ กันก็เกิดจากอกุศลกรรมที่ต่างร่วมสร้างกันมา หลายท่านคิดว่าเป็นบททดสอบว่า จะร่วมเดินทางต่อไปอีกหรือไม่

    ผู้ปรารถนาพุทธภูมิ และผู้ปรารถนานางแก้วนั้น อาจจะเคยอธิษฐานครองคู่กันหลายท่าน ระหว่างที่สร้างบารมีในแต่ละคู่นั้น จะมีบททดสอบมากมาย อันเกิดจากกรรมที่กระทำร่วมกันในอดีต มีเหตุให้หลายคน ต้องอธิษฐานลาขาดกันไป ไม่ขอติดตามสร้างบารมีร่วมกันอีก ยกเว้นกรณีที่ผู้ปรารถนาพุทธภูมิ ลาพุทธภูมิ เพื่อเข้าพระนิพพาน หรือเพื่อปรารถนาอย่างอื่น


    การคัดกรองคู่บารมีจะเป็นไปอย่างเข้มข้น มีบททดสอบแล้วทดสอบอีก จนกระทั่งเหลือเพียง ๑ คนเดียวที่ปรากฏไม่เกิน ๓๐ ชาติสุดท้าย จะเป็นคนสุดท้ายที่จะครองคู่กันจนกว่าพระโพธิสัตว์จะสำเร็จพระสัมมาสัมโพธิญาณ

    ทีนี้มาดูลักษณะของคู่แท้คู่บารมี มีดังนี้

    ๑) มองตาก็รู้ใจ พบกันครั้งแรกจะรู้สึกแบบรักแรกพบ ไม่ต้องเอ่ยคำอีกฝ่ายหนึ่งก็จะเข้าใจทุกอย่างที่อีกฝ่ายต้องการ

    ๒) โอนอ่อนผ่อนตามกันทุกเรื่อง

    ๓) เมตตาต่อกันดุจบิดามารดาเมตตาต่อบุตรของตน

    ๔) ปราศจากคำว่า หึงหวง ริษยา หรืออาฆาตต่อกัน

    ๕) พร้อมจะเป็นผู้เสียสละความสุขให้แก่กันได้เสมอ และทุกเวลา

    ๖) พร้อมจะเป็นผู้ให้ และผู้รับ ซึ่งกันและกัน

    ๗) ทุกครั้งที่ฝ่ายหนึ่งมีทุกข์ กระแสใจจะเชื่อมความรู้สึกถึงอีกฝ่ายทันที คล้ายใจที่เชื่อมถึงใจ กรณีที่อีกฝ่ายเป็นนักปฏิบัติธรรมขั้นสูงจะช่วยบรรเทาความทุกข์ให้ได้ทันที

    ๘) สามารถให้อภัยให้แก่กันได้อย่างไม่มีเงื่อนไข ในกรณีที่อีกฝ่ายทำผิดพลาดไป

    ๙) รักษาทรัพย์ หรือผลประโยชน์ของกันและกัน

    ๑๐) อยู่กันจนแก่เฒ่า ไม่นอกใจกัน



    นี้คือลักษณะของคู่บารมีโดยแท้ หลายท่านคิดว่า จะไปหาที่ไหนคู่แบบนี้ แม้แต่กะรัตกับคุณชายพิสุทธิ์ที่เรียกว่า รักกันมาก ยังมีอุปสรรค ไม่เข้าใจกันหลายครั้ง อิอิ

    ดังนั้น ขอเรียนว่า มีจริงในโลก ถึงแม้ไม่ได้เข้าข่ายหมดทุกข้อ เพียงแค่ ๓ ข้อก็ถือว่า มากพอที่เรียกว่า เป็นคู่แท้คู่บารมี
     
  12. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    549
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +707
    อนุโมทนาในข้อมูลดีๆครับใครมีข้อมูลดีๆก็เชิญถ่ายทอดได้เต็มที่เลยนะครับจะได้เป็นธรรมทานและในช่วงเข้าพรรษานี้ขอให้ทุกท่านสุขภาพแข็งแรงเกิดปีติในการบำเพ็ญบารมีและขอให้สำเร็จลุล่วงดังมหาปณิธานของทุกท่านนะครับสาธุ
     
  13. ษิตา

    ษิตา ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10,209
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,230
    ค่าพลัง:
    +34,711
    main.png

    อ่านเพลิน ^-^
    เดี๋ยวมาอ่านต่อค่ะ อ่านยังไม่ครบ 6 หน้าเลยอ่ะ
     
  14. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    549
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +707
    อ่านจบยังครับคุณตาไงถ้ามีข้อมูลดีๆก็โพสให้เพื่อนๆได้อ่านด้วยนะครับเพื่อจะได้ความรู้มากขึ้นและเป็นธรรมทานครับสาธุ
     
  15. ษิตา

    ษิตา ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10,209
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,230
    ค่าพลัง:
    +34,711
    อ่านยังไม่จบทุกหน้าเลยค่ะคุณทอนเงิน ^-^
    หน้ากลางๆยังไม่ได้อ่าน และมีอ่านคร่าวๆ เพราะเมื่อวานรีบๆไปทำภารกิจ
    ถนัดอ่านมากกว่าค่ะ
     
  16. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    เรื่องของคู่บุญบารมี มันก็เหมือนกับรางวัลชีวิตน่ะครับ
    เราเฝ้าสั่งสมอบรม อดทน พรากเพียร วิริยะ บากบั่นมา
    เมื่อถึงความพร้อมของจุดมุ่งหมาย หรือเป้าหมาย
    เราสามารถรู้ได้แล้วว่า เราจะเลือกใคร หรือใครที่ได้รู้ได้เห็น
    เป็นไปในทางเดียวกัน มีจริต หรือจิตตรงกัน พร้อมที่จะก้าวไปด้วย
    ปณิธานอันแน่วแน่ในทางเดียวกัน มีความเห็นพร้อมตรงกัน
    มีอัธยาศัยเหมือนกัน เห็นความสำคัญ ประโยชน์เพื่อเป็นไปในการบำเพ็ญ
    เสียสละซึ่งกันและกัน เข้าใจกันทำไปเพื่อจุดมุ่งหมายที่จะมี
    หรือเกิดขึ้นในภายภาคหน้า เห็นสัจจะในความเพียร เข้าถึงความเชื่อ
    ศรัทธา อย่างมุ่งมั่น และแน่วแน่ เปรียบเสมือนที่ผู้ชายทำงานมาหนักตลอดชีวิต
    เมื่อเขาสามารถสร้างตัวเองให้มีความพร้อม เขาก็จะสามารถเลือกคู่ครองที่เหมาะสมได้
    และหญิงที่รู้และเห็นการกระทำของชายที่มีความมุมานะ อุตสาหะ
    เเละมีจิตใจที่ตรงเหมือนกัน ก็อยากได้ชายนั้นมาเป็นคู่ครอง
    เมื่อเหตุปัจจัยตรงกัน ฉนั้นคู่บารมีนั้นจะมาช่วงหลังซึ่งนานมากที่พระโพธิสัตว
    ได้เคยบำเพ็ญมาก่อนนี้ ช่วงนั้นเป็นช่วงของกรรมที่เหวี่ยงหรือหมุนไปมา
    เหมือนสุ่มหรือเดาเอา เป็นช่วงทดสอบ บำเพ็ญและตบะของบารมี
    เพราะศาสนาสอนเรื่องเหตุ และปัจจัย ฉนั้นเมื่อเหตุปัจจัยพร้อม ทุกอย่างย่อมมีความลงตัวของมัน
     
  17. Atsadong

    Atsadong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    3,187
    ค่าพลัง:
    +2,751
    ตอบโดยทีมงานพยานาคอุทยานถ้ำสวนหินผานางคอย

    ให้ทำการเลือกของใช้ที่เคยใช้ในอดีตชาติ เช่น ศาสตราวุธ ต่างๆ เป็นต้น ก็จะทราบว่า เป็นพระโพธิสัตว์ท่านใด แม้จะมิได้อภิญญาเพราะอาจมีใครแกล้งมิให้บรรลุ เป็นต้น

    ปล.ขออนุญาตท่านจขกท หยิบยกคำถามนี้ ไปใส่ไว้ในกระทู้ห้องวิทย์ ในห้องของทีมงานพยานาคอุทยานถ้ำสวนหินผานางคอย เพื่อบรรทึกไว้เป็นวิทยาทาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2017
  18. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    549
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +707
    ยินดีครับสาธุ
     
  19. iamprateep

    iamprateep เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    448
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,685
  20. ทอนเงิน

    ทอนเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    549
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +707
    มีไครอัพเดทความรู้เพิ่มเติมไหมครับเห็นเงียบๆไปนานระครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...