รักแท้...จริงหรือ (แค่ฝันไป)

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย nouk, 27 มิถุนายน 2012.

  1. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    วันนี้ขอยกบทความที่อ่านแล้ว เออมันใช่อ่ะ มาแชร์กันนะคะ
    ที่มา : บทความความรัก ความรักจะสวยงาม ก็ต่อเมื่อรักตัวเองก่อน

    ความรักจะสวยงามก็ต่อเมื่อรักตัวเองก่อน เมื่อรักตัวเองเป็นแล้ว เราจะรักใครในชีวิต...ก็ไม่ยากเลย

    รักตัวเองเป็น กุญแจดอกแรกที่จะพาเราเข้าใกล้ความสุข คนที่รักตัวเอง คือ คนที่รักครอบครัว รักพ่อ รักแม่ รักพี่น้อง เพราะรักตัวเองก่อน จึงต้องทำตัวเองก่อน จึงต้องทำตัวเองให้ดี ต้องทำตัวเองให้มีคุณค่า และเมื่อมีปัญหาก็พยายามจัดการกับมันอย่างนักสู้ ไม่ถอย ไม่ท้อ ไม่พึ่งคนอื่นอยู่ร่ำไป

    รักตัวเอง...ต่างจากเห็นแก่ตัว รักตัวเอง คือ มองตัวเองก่อน ทำตัวเองให้ดี เห็นคุณค่าของตัวเอง เห็นคุณค่าของการมีชีวิต และไม่ทำร้ายตัวเอง หากเกิดปัญหาอะไรขึ้นในชีวิตก็ตาม คนรักตัวเองจะสู้กับปัญหาอย่างไร จะจัดการกับปัญหาอย่างไร? แน่นอน...พวกเขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองรอดไปได้อย่างมีสติ จัดการแก้ปัญหาทีละข้อ ทีละขั้น อย่างสุขุมรอบคอบ ไม่ถลำหรือหลงกลกับอุปสรรคต่าง ๆ อย่างไร้สติ


    คนรักตัวเองจัดการกับปัญหา

    คนรักตัวเองสู้จนสุดฝีมือ

    คนรักตัวเองไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ

    คนรักตัวเองนั้นแม้จะล้มอย่างไร ก็พร้อมที่จะลุกขึ้นใหม่เสมอ

    คนรักตัวเองนั้นเขาจะไม่ทำร้ายตัวเอง ไม่ว่ากรณีใด ๆ เขาจะทำตัวเองให้ดีขึ้น ไม่ทำร้ายตัวเองให้แย่ลง ไม่จมปลักกับเรื่องเก่าอดีตร้ายที่เกิดขึ้น สู้และลุกไปข้างหน้า

    คนรักตัวเองนั้นดูแลตัวเองในทุกกรณี รักษาสุขภาพกาย รักษาสุขภาพใจ เลือกเสพแต่สิ่งที่ดีในชีวิต ดูแลบุคลิกภาพและปรับปรุงตัวเองอยู่เสมอ

    คนรักตัวเองนั้นพัฒนาและแก้ไขอยู่ตลอดเวลา
     
  2. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    จงรักตัวเองก่อน เพราะคุณมีภูมิคุ้มกันหลายอย่างเพียงแค่คุณรักตัวเอง

    เมื่อล้ม...ก็ลุกได้เร็ว

    เมื่อท้อ...ก็ไม่เคยถอย

    เมื่อแพ้...ก็ไม่เคยหลบ ละ เลิก

    เมื่อพัง...ก็มีความตั้งใจจะสร้างขึ้นมาใหม่

    เมื่อทำอะไรไม่ได้แล้วจริง ๆ ก็เข้าใจกับสถานการณ์ และเดินชีวิตต่อไป


    รักตัวเอง มิใช่เห็นแก่ตัว รักตัวเอง คือ ภูมิคุ้มกันความทุกข์ และภูมิต้านทานอาการท้อไม่เลิก เมื่อใดที่รักตัวเองเป็นแล้วนั้นแหละ เราจะทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายได้สบาย ๆ เพราะเมื่อใดที่รัก…


    เราจะลุกขึ้นมาใหม่ได้อย่างไร หากเราไม่ยอมสลัดความรู้สึกเก่าทิ้งไป

    เราจะลุกขึ้นมาใหม่ได้อย่างไร หากเราไม่ยอมจบกับเรื่องเก่า ๆ

    เราจะลุกขึ้นมาใหม่ได้อย่างไร หากเราไม่รักตัวเอง
     
  3. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    อย่าให้ความรักทำให้เกิดโทษต่อตัวเองและสังคม แต่ให้ความรักก่อให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเองและสังคม

    รักตัวเองนั้นรวมถึงการพัฒนาตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกกินสิ่งดี ๆ เลือกคบเพื่อนที่สร้างสรรค์ และเลือกเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ เรามองเป้าหมายระยะสั้นว่าเราจะต้องทำให้ดีที่สุด เพื่อเป้าหมายใหญ่ คือ การเป็นคนมีภูมิคุ้มกันที่ดี เป็นคนที่เข้มแข็งและมีคุณภาพ สร้างครอบครัวที่ดีและมีความสุข เมื่อเราดีงาม ครอบครัวดีงาม เราก็เข้มแข็งพอที่จะสร้างสังคมที่ดีงามได้

    การมองตัวเองก่อนมิใช่ความเห็นแก่ตัว แต่คือการปลูกฝังให้เราเป็นคนที่เข้มแข็งพอ ที่จะดูแลคนที่เรารัก ครอบครัว และโลกเรา ต้นไม้นั้นต้องมีรากแก้วที่แข็งแรงก่อน แล้วจะแข็งแรงทนทานที่จะทนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มาบั่นทอน เมื่อเราเข้มแข็งพอ มรสุมอะไรก็ตามที่จะผ่านเข้ามา เราก็จะสู้ได้ และเมื่อเราเข้มแข็งพอ เราก็จะสดชื่นพอที่จะสู้กับโลก ปัญหาเล็กและปัญหาใหญ่ คนที่อยู่รอบข้างก็จะสบายใจ คนอื่นที่อ่อนแอกว่าก็จะได้อาศัยพึ่งพา เมื่อเราเข้มแข็งพอเราก็จะเผื่อแผ่ความสุขให้กับคนรัก ครอบครัว และเพื่อนมนุษย์ได้อย่างสบาย

    ชีวิต คือ การศึกษา เพราะชีวิตของเราเจอสิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา ทุกปัญหา ทุกอุปสรรค คือบททดสอบนั่นเอง เมื่อเราฝึกฝนในสิ่งที่ไม่รู้ ไม่ชิน ไม่ชำนาญ เราต้องกล้าเปลี่ยน ทำอย่างตั้งใจ เราต้องทำได้ดีแน่นอน เมื่อเราทำตัวเองให้ดี เมื่อเรารักตัวเองได้อย่างเต็มที่ เราก็คือพลังของโลกใบนี้ได้

    ที่สุดแล้ว เมื่อเราสอบผ่านบทพิสูจน์เบื้องต้น "รักตัวเองให้เป็น" เมื่อนั้นเราก็จะรักคนอื่นเป็นไม่ยากเลย ความรักจะสวยงาม เพราะเรามีภูมิคุมกันชีวิตดี สติดี และถึงแม้ความรักจะไม่สวยงามอย่างที่เราหวังให้เป็น แม้จะมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งเกินความคาดหมาย เกินคาด เกินความควบคุมของเรา แต่ถ้าหากเรายังรักตัวเองอยู่ เราก็จะรักเป็น ไม่ว่าความรักจะหายไปอย่างไร แต่หัวใจก็ยังอยู่กับเรา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 เมษายน 2013
  4. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=nfMtC4kRpXw&list=RD02zPVN04URmeg]อยากให้เธอได้ยินหัวใจ - Yes'sir Days feat. ฟิล์ม - YouTube[/ame]
     
  5. รมิดา ช้างประสิทธิ์

    รมิดา ช้างประสิทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +208
    สงสัยจะเป็นแบบความรักของเจ้าหิ่งห้อยแน่เลยเพลงนี้^^
     
  6. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    [​IMG]
    เช้าวันนี้ก้อคงเหมือนกับเช้าของทุกๆวันที่ผ่านมา
    มุมระเบียงยามเช้าที่รายล้อมไปด้วยต้นโมก
    ที่ยามนี้สพรั่งไปด้วยดอกสีขาวเต็มต้น
    กลิ่นมันคงหอมเย้ายวนชวนผึ้งตัวน้อยมาดอมดมเกสร
    แต่ก้อดูเหมือนว่าฟ้าในยามนี้จะดูหม่นมัวกว่าทุกๆวัน
    แดดอ่อนๆยามเช้ายังคงไม่มีให้เห็น
    เมฆจับตัวกันเป็นกลุ่มก้อน..
    สักพักมันก้อเริ่มที่จะมีสายน้ำโปรยลงมาเบาๆ
    หยดน้ำฝนบริสุทธิ์ผ่านมากระทับกับใบหน้าของฉัน
    ใบหน้าที่บัดนี้ดูจะเมินเฉยต่อสิ่งรอบกาย
    และดูเหมือนว่าจะไม่สะท้านต่อสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
    แต่ฉันกลับอดที่จะอมยิ้มไม่ได้…
    เมื่อฉันคิดถึงเธอ เสียงเธอในวันที่สายฝนพรำ
    เช้าวันนั้นฉันจำได้ว่าอากาศที่ดูแจ่มใสท่ามกลาง
    แสงแดดอุ่นๆยามเช้า ฉันคงนั่งอยู่ที่เดิม
    เสียงที่ดูสดใสของเธอผ่านสัญญาณของโทรศัพท์
    "…เหมือนอยู่กันคนละโลก…."
    เธอบอกกับฉันอย่างนั้น
    เสียงหัวเราะเสียงพูดคุยของเธอกับเสียงของสายฝนที่กำลังกระหน่ำ
    ฉันและเธอดูช่างมีความสุขเหลือเกิน
    เม็ดฝนเริ่มตกลงมามากขึ้น…
    และก้อดูเหมือนว่ามันไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงได้เมื่อไหร่
    น้ำฝนไหลอาบแก้มฉัน ซึ่งตอนนี้ฉันเริ่มที่จะแยกไม่ออกแล้วว่า
    น้ำฝนหรือน้ำตา
    ซึ่งในตอนนี้มันไม่ได้แตกต่างกันเลยสักนิด
    ฝนที่ไม่รู้ว่าจะหยุดลงเมื่อใด น้ำตาฉันก้อเช่นกัน
    แต่ก้อคงแตกต่างอยู่บ้างที่ ก่อนเม็ดฝนจะตกลงมายังมีกลุ่มเมฆที่เป็นเหมือนสัญญาณบอกกล่าวล่วงหน้า
    แต่น้ำตามันไม่มีสิ่งใดที่จะบอกได้เลยว่ามันจะไหลมาตอนไหน
    ซึ่งอยู่ๆมันก้อไหลออกมาได้…นี่คือความแตกต่างกระมัง
    และวันนี้ฉันไม่ได้ยินเสียงหัวเราะ ไม่ได้ยินเสียงพูดคุยนั้นอีกแล้ว
    เสียงของเธอ…ในวันที่สายฝนพรำ​
     
  7. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    4 ห้องหัวใจ..มอบไว้ให้ใครดูแล..

    [​IMG]

    บ่อยครั้งที่เราต้องเจ็บปวด..กับความรัก..ความห่วงหา..และอาทร..
    แต่จะมีใครสักกี่คน..ที่เข้าใจในความหมายของคำว่า..รักอย่างแท้จริง..

    ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากความรัก..ทั้งรักแท้..รักเทียม..รักหลอก..รักหลง..
    สาระพันกับความรัก..ที่เกิดขึ้นในหัวใจ..มีทั้งสมหวัง..และผิดหวัง..

    แต่ถึงอย่างไร..หากเราเข้าใจความรักอย่างแท้จริง..

    ดังที่พระพุทธองค์ตรัสสอนว่า....
    ที่ใดมีรัก..ที่นั่นมีทุกข์..ที่ใดไม่มีรัก..ที่นั่นไม่มีทุกข์..

    ถ้าเราจะรักใครสักคน..จงเตรียมใจไว้ต้อนรับ..เมื่อเกิดความผิดหวังขึ้น..
    ถึงกระนั้น..การเรียนรู้ที่จะรักอย่างถูกต้อง..และถูกธรรม..จึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราควรใส่ใจ..

    หลัก 4 ร. ไม่ก่อทุกข์..นั่นก็คือ..

    ร.ที่ 1 รักและปรารถนาดี..ทุกเวลา..ให้คนที่เรารักมีความสุข..อย่างบริสุทธิ์ใจ..

    ร.ที่ 2 รักและกรุณา..สงสาร..คิดจะช่วยให้คนที่เรารักพ้นจากทุกข์..อย่างบริสุทธิ์ใจ..

    ร.ที่ 3 รักและชื่นบาน..มีสุข..พลอยยินดี..เมื่อคนเรารักประสบความสำเร็จ..อย่างบริสุทธิ์ใจ..

    ร.ที่ 4 รักมีทั้งสุข-ทุกข์..ทำใจ..ไม่เสียใจ-ทุกข์ใจ..จนเกินไป..เมื่อผิดหวัง..
    เวลาสมหวัง..ก็ไม่หลงระเริงใจ..จนเกินไป..รู้จักวางใจ..และทำใจ..เรียนรู้ความรักอย่างเข้าใจ..เราจะได้สบายใจ..

    หากเราแบ่ง 4 ห้องหัวใจ...มอบความรักให้กันอย่างถูกต้อง..ถูกธรรม..ก็จะน้อมนำจิตใจของเรา..ให้มีความสุขทุก ๆ วินาทีของความรู้สึก..

    ที่มา : dhammathai
    .....................................................
    ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก มันถูกต้องอยู่แล้ว มีแต่ความเห็นของเราเท่านั้นที่ผิด (หลวงพ่อชา สุภัทโท)

    แสดงกระทู้ - ๔ ห้องหัวใจ..มอบไว้ให้ใครดูแล.. • ลานธรรมจักร
     
  8. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    [​IMG]

    วอนสายลม พาใจ ส่งไปหา
    วอนนภา ส่งไป ใจห่วงหวง
    วอนสายน้ำ ยามเย็นรื่น แสนชื่นทรวง
    วอนเวลา อย่าเลยล่วง ให้ห่วงกัน

    วอนสายฝน บนฟ้า ว่าคิดถึง
    วอนเสียงฟ้า อื้ออึง คนึงฝัน
    วอนคนผ่าน มาใกล้ ไม่ลืมกัน
    ขอให้ฝัน สวยงาม ยามนิทรา

    วอนเมฆหมอก ฝากบอกไป ไม่มีหลบ
    มองไม่พบ แสงสว่าง กลางเวหา
    น้ำกระเซ็น ยามดึก นั่งนึกมา
    ใครมองฟ้า คงหลับ กลับฝันดี

    มาฟังเพลง คลอเคล้าลม ผสมฝน
    ไม่สับสน มองดาว นั้นมาหนี
    เสียงน้ำหยด รดหล่น มากมายมี
    ดึกแล้วนี่ ฝนนี้ ไม่มีจาง

    เสียงหรีดหริ่ง เรไร เงียบหายหมด
    น้ำหยาดหยด ลงมา อย่าเมินหมาง
    มีเสียงกบ อึ่งเขียดมา ละตามทาง
    มองฟ้ากว้าง ยังไร้แรง แสงแห่งจันทร์
     
  9. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    [​IMG]

    ตอนนี้ข้างนอกดูเหมือนฝนทำท่าจะตกมาอีกครั้ง หลังจากตกๆหยุดๆผันผวนไม่แน่นอนมาตลอดทั้งวันแล้ว

    เขาบอกกันว่าอากาศมีอิทธิพลต่อจิตใจของคน หนาว ร้อน และ ฝน ฤดูที่แตกต่างทำให้จิตใจของคนเปลี่ยนผันไปตามได้เสมอ เป็นไปตั้งแต่เหงา เศร้า ซึม ซึ้ง สนุกสนานเบิกบานราวปลากระดี่ได้น้ำ

    มาลองนึกดู ปีนี้เท่าที่ผ่านมา หนาวก็ไม่ค่อยหนาว ร้อนก็ร้อนอยู่แถมบางช่วงก็ร้อนชิบเป๋ง แต่รู้สึกว่า ฤดูฝนเป็นฝนที่ยาวนานมาก

    เรื่องราวที่เขียนบันทึกออกมาในปีนี้จึงมีฝนเป็นฉากสำคัญบ่อยทั้งฝนโปรยปราย ฝนพรำๆ ฝนกระหน่ำ รวมถึงเรื่องที่เขียนไม่เสร็จเขียนแล้วทิ้งค้างไว้อีกจำนวนหนึ่ง ก็เริ่มต้นด้วยหยาดน้ำฝน...

    ลองค้นๆ ดูบันทึกที่เซฟไว้ในเครื่องคอมพ์ โห...เยอะใช้ได้

    เรื่องบางเรื่องเพิ่งเขียนไปได้บรรทัดเดียว บางเรื่องก็พิมพ์ไปได้ 2-3 ย่อหน้าแล้ว แต่พลันก็หยุด...ซะงั้น

    บางเรื่องเริ่มต้นมีหยาดน้ำฝน จากนั้นค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นฝนหล่นลงมาเป็นสาย ซักพักลมก็คลุ้มฝนก็คลั่ง

    ระหว่างที่เขียนตอนนั้น พยายามจะนึกให้ออกว่าตัวเองกำลังอยากจะเล่าถึงอะไร? อยู่ในอารมณ์ไหน? เหตุที่ไม่เขียนต่อให้จบ เพราะอะไร? หรือว่าเพราะกลัว?...กลัวว่าพอเริ่มต้นเป็นหยาดน้ำฝนเกรงจะจบลงด้วยหยาดน้ำตา... 555555 ไม่หรอก ไม่ใช่ คนมันอาจซึ้งเป็นพักๆ บ้าง แต่ไม่ถึงขนาดเป็นวรรคเป็นเวรได้ทุกวันคงเป็นความขี้เกียจมากกว่า....

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2013
  10. สายน้ำ99

    สายน้ำ99 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2013
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +28
    [​IMG]

    ก็มีสักครั้งในชีวิตหนึ่ง
    จะซาบซึ้งกับหัวใจ
    อ่านบทกลอนแล้วร้องไห้
    ฟังเพลงได้ตลอดคืน

    ลมหายใจ...ความคิดถึง
    อยากมีความรักเป็นที่พึ่ง
    เฝ้าคิดถึงคนชอบพอ
    ค่อย ๆ สาน ค่อย ๆ ต่อ
    ก่อเป็นรักหนักแน่นจริง

    ลม ลมหายใจ ความคิดถึง
    หากความรักเป็นเหมือนลม
    คงพร่างพรมอยู่ข้างเธอ
    เฝ้ารอคอยเสียจนเก้อ
    คิดถึงเธออย่างจริงจัง...

    ปวดร้าว..ในความรู้สึก..เจ็บลึกในหัวใจ..
    อยากร้องไห้ ..แต่ใยไม่มีน้ำตา..
    อารมณ์แห่งความเหงา
    แต่ไม่นานรักก็ผ่านระบัด
    เหมือนลมพัดเลยผ่านไป
    หากเธอยังจำเพลงนี้ได้
    นี่คือลมหายใจของความคิดถึง...
     
  11. นิตยา11

    นิตยา11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +355
    มีอีกหนึ่งรักแท้ ที่คงความประทับใจไม่รู้ลืมหรือจะเรียกว่า อมตะ ก็ยังได้ค่ะ
    นั่นคือ รักแื้ท้ของกามนิตวาสิฏฐี ได้ถูกบรรจุไว้ในหลักสูตรการเรียนการสอนของนักเรียน
    ระดับมัธยมต้นและมัธยมปลาย เนื้อหายาวมาก แต่งโดย ท่านเสฐียร โกเศศ-นาคะประีทีป
    ไม่ทราบว่านักเรียนรุ่นใหม่ จะได้อ่านเรียนกันหรือเปล่านะคะ


    ขอนำเรื่องย่อ ทั้งภาคโลกมนุษย์และภาคสวรรค์ มาเล่าสู่กันฟังแล้วกันนะ

    ในเรื่องกามนิต กล่าวถึงบุรุษผู้หนึ่งผู้ซึ่งมีนามว่า กามนิต ผู้ที่หวังจะได้เข้าพบสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อที่จะได้ขจัดความทุกข์ต่าง ๆ ที่ตนได้เผชิญมา และได้พบกับความสุขอันเป็นนิรันดร์

    ในระหว่างการเดินทางไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้านั้น กามนิตได้เข้าขอพักที่บ้านของช่างปั้นหม้อท่านหนึ่งเป็นการชั่วคราว และในวันเดียวกันนั้นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ได้เสด็จมาขอพักอาศัยที่บ้านหลังนั้นด้วยพอดี กามนิตจึงได้มีโอกาสเล่าเรื่องของตนเองและสนทนาธรรมกับพระพุทธเจ้าโดยที่ไม่รู้เลยว่า สมณะที่สนทนาอยู่นั้นคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง เรื่องราวดำเนินส่วนแรกเป็นภาคพื้นดิน

    และต่อในส่วนหลังเป็นภาคสวรรค์ ที่กามนิต ได้เสียชีวิตระหว่างเดินทางเพื่อจะได้พบ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ไปเกิดเป็นเทวดาและพบกับ วาสิฏฐี

    ทั้งสองได้เล่าเรื่องราวชีวิตหลังความรักในโลกมนุษย์ ประสบการณ์แห่งการไขว่คว้าหากันจนได้มาพบเจอพุทธศาสนา ตลอดจนการเห็น การเกิดดับของสรรพสิ่งที่แม้แต่สวรรค์ พรหมก็หลีกหนีไม่พ้นความเปลี่ยนแปลง มีแต่บรมสุขแห่งพระนิพพาน คือทางออกแห่งการเดินทางอันยาวนานนี้

    วาสิฏฐีได้เข้าถึงความจริงนี้ก่อน และทำให้กามนิตได้รู้ว่าบุคคล ที่ตนพบในบ้านช่างปั้นหม้อ ได้ให้สัจธรรมแห่งความจริงไว้พิจารณา คือใคร การไม่ต้องเวียนว่ายอีกต่อไปเป็นเช่นไรในที่สุด

    ถ้ามีโอกาสลองไปหามาอ่านกันดูนะคะ ทั้งสองภาครับรองว่าเนื้อหาสาระดีมากๆ :cool:
     
  12. นิตยา11

    นิตยา11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +355
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=PW7K0fLEICQ"]?????? ??????? - YouTube[/ame]
     
  13. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ธรรมะกับความรักและการแต่งงาน เทศนาธรรมของ ศ.ดร.พระธรรมโกศาจา

    รายละเอียด

    ความงดงามของพระพุทธศาสนาอยู่ตรงที่มีความหลากหลายของธรรมเหมือนกับสวนไม้ดอกนานาพรรณมีดอกไม้หลากสีสันให้คนเลือกเก็บได้ตามต้องการ ธรรมมีจำนวนมากมายหลายประเภทพร้อมที่จะให้แต่ละคนเลือกนำไปปฏิบัติได้ตามความต้องการ ใครอยากไปนิพพานก็มีโลกุตรธรรมสำหรับคนที่ต้องการพ้นโลก ส่วนใครที่อยากประสบความสำเร็จในโลกนี้ก็มีโลกิยธรรมให้นำไปปฏิบัติเพื่อชีวิตที่ดีกว่าในปัจจุบัน สำหรับสามีภรรยาที่ต้องการความสำเร็จในชีวิตการแต่งงานก็มีธรรมสำหรับคนครองเรือนให้เลือกปฏิบัติ เป้าหมายแห่งการแต่งงานอยู่ที่การสร้างครอบครัวที่มีแต่ความรักใคร่กลมเกลียวโดยไม่มีการหย่าร้าง สามีภรรยาจะบรรลุถึงเป้าหมายดังกล่าวได้ก็ต่อเมื่อมีการปฏิบัติธรรมร่วมกัน การปฏิบัติธรรมจะช่วยให้ชีวิตคู่เข้มแข็งมั่นคงพอที่จะฝ่ามรสุมต่างๆไปได้ ดังนั้น คู่สามีภรรยาที่ต้องการมีชีวิตการแต่งงานที่ยั่งยืนตลอดไปต้องร่วมกันปฏิบัติธรรม

    คำว่า ธรรม ในที่นี้หมายถึงคุณธรรมและจริยธรรม

    คุณธรรม ได้แก่ คุณสมบัติที่ดีภายในจิตใจ เช่น ความรัก ความสงสาร ซึ่งช่วยให้คนเราทำหน้าที่ของสามีภรรยาได้โดยไม่ต้องฝืนใจ
     
  14. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    จริยธรรม ได้แก่ หลักแห่งความประพฤติที่ดีงามที่จะต้องปฏิบัติเพื่อประโยชน์สุขของตนเอง ครอบครัว และสังคม จริยธรรมเป็นข้อปฏิบัติซึ่งกำหนดไว้โดยศาสนา วัฒนธรรม ประเพณีและกฎหมายว่าอะไรเป็นหน้าที่ที่สามีภรรยาจะต้องทำเพื่อความผาสุกแห่งครอบครัว

    จริยธรรมเป็นเรื่องการควบคุมพฤติกรรมที่แสดงออกทางกายและทางวาจา ซึ่งคนอื่นสามารถรับรู้และประเมินได้ว่าเรามีจริยธรรมมากน้อยเพียงใด เช่น การที่สามีภรรยาต้องให้เกียรติกันและกันเป็นจริยธรรมอย่างหนึ่ง คนทั่วไปสามารถมองเห็นได้ว่าสามีภรรยาคู่นี้ให้เกียรติกันและกันหรือไม่ ตรงกันข้ามกับคุณธรรมซึ่งเป็นเรื่องภายในจิตใจซึ่งยากที่คนทั่วไปจะตรวจสอบได้ว่ามีมากน้อยเพียงใด เช่น ความรักเป็นคุณธรรมอย่างหนึ่ง คนอื่นไม่สามารถจะมองเห็นความรักภายในจิตใจของเราว่ามีมากน้อยเพียงใด เท่าที่คนทั่วไปจะทำได้ก็คือคาดคะเนจากพฤติกรรมภายนอกของเราว่าเรามีความรักในใจมากน้อยแค่ไหน

    คุณธรรมเป็นรากฐานของจริยธรรม เมื่อสามีมีคุณธรรมคือความรักภรรยาอยู่ในหัวใจ เขาก็จะปฏิบัติหน้าที่ของสามีต่อภรรยาโดยไม่ต้องฝืนใจ ความรักทำให้สามียอมเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อครอบครัวของเขา ดังนั้น ความรักจึงเป็นรากฐานสำคัญของชีวิตการแต่งงาน คู่สามีภรรยาที่แต่งงานกันด้วยความรักจะสามารถปรับตัวเข้าหากันได้ดีกว่าคู่ที่แต่งงานกันโดยไม่มีความรัก เพราะความรักจะทำให้คู่รักยอมลงให้กันและทนกันได้
     
  15. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    คำว่า ความรัก ในพระพุทธศาสนามี ๒ ประเภท ดังนี้

    ๑. เปมะ ได้แก่ ความรักใคร่หรือความรักแบบโรแมนติกซึ่งเกิดจากสาเหตุ ๒ ประการ คือ (๑) บุพสันนิวาส หญิงชายเคยอยู่ร่วมกันมาแต่ชาติปางก่อน เมื่อเกิดใหม่มาพบกันในชาตินี้จึงเป็นเนื้อคู่กันและรักกัน

    การดูแลช่วยเหลือเกื้อกูลกันในชาติปัจจุบันก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของความรัก แม้หญิงชายจะไม่เคยอยู่ร่วมกันมาแต่ชาติปางก่อน ทั้งคู่ก็รักกันได้เพราะความมีน้ำใจของอีกฝ่ายหนึ่งที่คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกัน

    (๒). เมตตา ได้แก่ ความปรารถนาดีหรือความหวังดีที่จะให้คนอื่นมีความสุข ซึ่งเกิดจากการมองเห็นความดีงามหรือความน่ารักของคนอื่นแล้วเกิดความประทับใจจนถึงกับคิดส่งเสริมให้เขามีความดีงามหรือความน่ารักยิ่งๆขึ้นไป

    ชีวิตการแต่งงานจะยั่งยืนนานถ้ามีความรักทั้งสองอย่างคือมีทั้งความรักแบบโรแมนติกและความรักแบบเมตตาเป็นพื้นฐาน ความรักแบบโรแมนติกสร้างความสุขความเพลินใจเมื่ออยู่ใกล้คนรัก แต่ไฟแห่งความรักใคร่มักโชติช่วงอยู่ได้ไม่นาน ความเคยชินเพราะอยู่ด้วยกันมานานมักทำให้ความรักใคร่จืดจางไปได้ ด้วยเหตุนี้ เราจึงต้องมีความรักแบบเมตตาตามประกบความรักใคร่เพื่อให้ความรักยั่งยืนยาวนาน
     
  16. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ความรักแบบโรแมนติกถูกความน่ารักน่าปรารถนาของคู่ครองเป็นเครื่องกระตุ้นให้เกิดอารมณ์รัก ความรักใคร่นี้มีธรรมชาติไม่แน่นอน เวลาใดคนรักทำตัวมีเสน่ห์น่ารัก เวลานั้นอารมณ์รักใคร่ก็จะเบ่งบานมีพลัง เวลาใดคนรักเอาแต่ใจทำตัวไม่น่ารัก เวลานั้นความรักใคร่ก็จะอับเฉาร่วงโรย ความรักใคร่แบบโรแมนติกจึงมีสภาวะขึ้นลงตามปัจจัยเงื่อนไขภายนอกอันได้แก่กิริยาอาการของคนรักเป็นสำคัญ

    ความรักใคร่แบบโรแมนติกเกิดโดยสิ่งเร้าภายนอกจากคนรักเป็นสำคัญจึงมีสภาวะไม่คงที่ถาวร สามีภรรยาที่ประสงค์จะทำให้ความรักใคร่เข้มแข็งมั่นคงต้องผสมความรักแบบโรแมนติก ด้วยความรักแบบเมตตา

    ความรักแบบโรแมนติกเปรียบเหมือนรถยนต์ที่อาศัยคนอื่นคอยเติมเชื้อเพลิงให้อยู่เสมอจึงจะแล่นไปได้ แต่ความรักแบบเมตตาเปรียบเหมือนรถยนต์ที่เจ้าของผลิตเชื้อเพลิงได้เองอย่างไม่มีขีดจำกัดจึงแล่นไปได้ตลอดเวลา ทั้งนี้เพราะความรักแบบเมตตาเป็นสิ่งที่ใจเราสร้างขึ้นมาเองด้วยการฝึกมองให้เห็นความดีงามของคนอื่น คนเราจะมีเมตตาในใจได้ต้องฝึกมองโลกในแง่ดี ถ้าสามีภรรยาสามารถฝึกใจให้มองแต่แง่ดีของคู่ครอง ต่างฝ่ายต่างจะรักกันและกันได้ตลอดเวลาแม้แต่ในยามที่อยู่ด้วยกันมานานจนข้อบกพร่องของอีกฝ่ายหนึ่งเริ่มปรากฏออกมา สามีภรรยาต้องสามารถทำใจให้มองข้ามข้อบกพร่องเหล่านั้นและเพ่งความสนใจไปอยู่ที่ความดีงามของคู่ครอง ดังคำประพันธ์ที่ว่า .

    มองโลกแง่ดีมีผล เห็นคนอื่นดีมีค่า

    ปลุกใจให้เกิดศรัทธา ตั้งหน้าทำดีมีคุณ
     
  17. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    การฝีกใจให้มองแต่แง่ดีอย่างนี้เรียกว่าการแผ่เมตตา ใจของคนแผ่เมตตาจะเต็มไปด้วยความรักแบบไม่มีเงื่อนไข เช่นเดียวกับความรักของแม่ที่มีต่อลูกน้อยคนเดียว นั่นคือ แม่พร้อมที่จะรักลูกน้อยของตนโดยมองข้ามความบกร่องของลูกได้ ฉันใด คนแผ่เมตตาก็สามารถที่จะรักและให้อภัยคนอื่นได้ ฉะนั้น สามีภรรยาต้องฝึกแผ่เมตตาให้กันและกัน ความรักแบบเมตตาไม่ได้เกิดจากการกระตุ้นของคู่ครอง แต่เกิดจากการที่แต่ละฝ่ายเป็นผู้กำหนดความสนใจให้พุ่งเป้าไปที่ความดีงามหรือความน่ารักของอีกฝ่ายหนึ่ง

    ความรักแบบเมตตาจึงดำเนินไปอย่างไม่รู้จบ เรียกว่าอัปปมัญญา คือไม่มีขีดจำกัด ตราบใดที่สามีภรรยายังนึกถึงความดีงามของอีกฝ่ายหนึ่ง ตราบนั้น ความรักแบบเมตตาก็ยังคงอยู่ตลอดไป

    ความรักแบบโรแมนติกมีวันจืดจางไปเมื่อความสวยงามร่วงโรยไปตามกาลเวลา แต่ความรักแบบเมตตายังคงที่คงทนเพราะไม่ได้ใส่ใจความสวยงามภายนอกที่ร่างกายแต่เพียงอย่างเดียว หากแต่ยังเพ่งความสนใจไปที่ความดีงามภายในจิตใจอีกด้วย นั่นคือความรักแบบเมตตาใส่ใจคนรักในฐานะที่เขาเป็นมนุษย์และเป็นเพื่อนชีวิตของเรา
     
  18. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ในการแต่งงานตามประเพณีไทยต้องมีพิธีหลั่งน้ำสังข์ ซึ่งเป็นการสอนธรรมให้คู่บ่าวสาวมีความรักความเมตตาต่อกันและอยู่ครองคู่กันโดยไม่แตกแยกเหมือนกับสายน้ำสังข์ที่หลั่งรดมือนั้น คนโบราณได้ว่าคาถาหลั่งน้ำสังข์ให้พรคู่ บ่าวสาวว่า "อิทัง อุทะกัง วิยะ สะมัคคา อภินนา โหถะ ขอเธอทั้งสองจงปรองดองไม่แตกแยกกันเหมือนน้ำนี้เถิด" ดังคำประพันธ์ที่ว่า

    ขอเธอทั้งสอง อยู่ครองสมาน ดุจดังสายธาร สะอาดสดใส
    สายน้ำมิแยก แตกกันฉันใด ขอสองดวงใจ ดุจสายธารเทอญ


    อย่างไรก็ตาม ความรักแบบเมตตาเป็นเพียงคุณธรรมหนึ่งในสี่ข้อที่เป็นพื้นฐานสำคัญของชีวิตการแต่งงาน คุณธรรมทั้งสี่ข้อรวมเรียกว่า พรหมวิหารธรรม แปลว่าธรรมเครื่องอยู่ของพรหมคือผู้ประเสริฐ ซึ่งประกอบด้วยเมตตา(ความรัก) กรุณา(ความสงสาร) มุทิตา(ความพลอยยินดี) และอุเบกขา(ความวางเฉย)

    คำว่า พรหมวิหารธรรม ที่แปลว่าธรรมเครื่องอยู่ของพรหมนี้ชวนให้นึกถึงภาพของพระพรหม ๔ หน้า พระพรหมใช้หน้าแต่ละหน้าไว้ดูแต่ละทิศทาง ฉันใด สามีภรรยาก็ใช้พรหมวิหารธรรมแต่ละข้อเพ่งพินิจลักษณะแต่ละด้านของคู่ครอง ฉะนั้น

    คุณธรรมทั้งสี่ข้อมีหลักปฏิบัติเหมือนกันตรงที่ว่าตัวเราเองเป็นผู้สร้างคุณธรรมเหล่านั้นให้เกิดขึ้นในใจด้วยการกำหนดทิศทางแห่งความสนใจให้เพ่งพินิจไปยังลักษณะแต่ละด้านของคนอื่นซึ่งจะช่วยให้เกิดความรัก ความสงสาร ความพลอยยินดีและความวางเฉยขึ้นในใจของเรา เช่น เมื่อเราเพ่งความสนใจไปที่ความดีงามของคนอื่น เราจะมีความรักแบบเมตตาต่อเขา แต่เมื่อเราเพ่งความสนใจไปที่ความทุกข์ระทมของเขา เราจะรู้สึกสงสารคือมีความกรุณาต่อเขา
     
  19. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    พรหมวิหารธรรมข้อที่ ๒ คือกรุณา หมายถึงความสงสารหวั่นใจปรารถนาจะช่วยให้คนอื่นพ้นทุกข์ เมื่อคู่ครองของเราประสบความทุกข์ทรมานจากความเจ็บป่วย ในขณะนั้น เราหยุดเพ่งพินิจความดีงามของเขาเป็นการชั่วคราว แต่หันไปให้ความสนใจต่อความเจ็บป่วยของเขาเพื่อดูแลกันในยามเจ็บไข้ คู่ครองต้องไม่ทอดทิ้งกันในยามจนและยามเจ็บ ที่สำคัญก็คือคู่ครองต้องยืนหยัดเคียงข้างช่วยประคับประคองให้อีกฝ่ายหนึ่งผ่านพ้นปัญหาและอุปสรรคไปได้ ดังคำกล่าวที่ว่า "มีทุกข์ร่วมทุกข์ มีสุขร่วมเสพ" มีทุกข์ร่วมทุกข์ด้วยกรุณา มีสุขร่วมเสพด้วยเมตตา

    พรหมวิหารธรรมข้อที่ ๓ คือ มุทิตา หมายถึงความพลอยยินดีเมื่อคนอื่นได้ดีมีสุข เวลาที่คู่ครองของเราประสบความสำเร็จในชีวิต เราต้องแสดงความยินดีอย่างจริงใจด้วยมุทิตา คู่สามีภรรยาจะไม่อิจฉาริษยากันเองเพราะมองเห็นความสำเร็จของอีกฝ่ายหนึ่งเป็นความสำเร็จของส่วนรวมคือครอบครัว ต่างฝ่ายต่างเป็นกำลังใจให้กันและกันเดินหน้าไปสู่ความสำเร็จจนสามารถพูดได้เต็มปากว่าเบื้องหลังความสำเร็จทุกครั้งต้องมีเขาคนนั้นเป็นกำลังใจให้เสมอ

    พรหมวิหารธรรมข้อที่ ๔ คือ อุเบกขา หมายถึงมีใจเป็นกลางวางเฉยต่อสภาวะอันไม่น่าพอใจของคนอื่น เมื่อสามีภรรยามาจากภูมิหลังแตกต่างกันทั้งด้านการศึกษา สังคมและวัฒนธรรม ทั้งสองฝ่ายต้องยอมรับความแตกต่างนั้นด้วยอุเบกขา คือยอมปล่อยให้อีกฝ่ายหนึ่งมีความเป็นตัวของตัวเองบ้างโดยไม่มีการก้าวก่ายแทรกแซงจนเกินไป การฝึกมองข้ามข้อบกพร่องของกันและกันก็เป็นอุเบกขาอย่างหนึ่งซึ่งช่วยให้ทนอยู่ด้วยกันได้ ดังที่พระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาส ภิกขุ) ประพันธ์ไว้ว่า

    เขามีส่วน เลวบ้าง ช่างหัวเขา

    จงเลือกเอา ส่วนที่ดี เขามีอยู่

    เป็นประโยชน์ ต่อโลกบ้าง ยังน่าดู

    ส่วนที่ชั่ว อย่าไปรู้ ของเขาเลย
     
  20. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    นอกจากนี้ เรื่องญาติสนิทมิตรสหายของแต่ละฝ่ายอาจเป็นชนวนให้ปวดหัวได้ถ้าไม่รู้จักวางใจเป็นอุเบกขาด้วยการปรับตัวทำใจให้ยอมรับซึ่งกันและกัน แม้ใจจะไม่ชอบแต่ก็ไม่ถึงกับต้องชังกัน แม้จะมีความแตกต่างแต่ก็ไม่ถึงกับต้องแตกแยก นั่นคืออุเบกขาที่ทำให้สามีภรรยาทนกันได้โดยไม่ต้องหย่าร้างเพราะเกิดอาการที่เหลือจะทน

    พรหมวิหารธรรมทั้ง ๔ ข้อนี้เป็นคุณธรรมพื้นฐานภายในจิตใจที่จะทำให้คู่บ่าวสาวสามารถปฏิบัติหน้าที่ของสามีภรรยาโดยไม่ต้องฝืนใจ หน้าที่จัดเป็นจริยธรรมเพราะเป็นเรื่องที่ต้องประพฤติปฏิบัติ พระพุทธเจ้าทรงแสดงหน้าที่ของสามีภรรยาไว้ในสิงคาลกสูตร ดังนี้

    สามีต้องปฏิบัติบำรุงภรรยา ดังนี้

    ๑) ยกย่องให้เกียรติในฐานะภรรยา
    ๒) ไม่ดูหมิ่น
    ๓) ไม่นอกใจ
    ๔) มอบความเป็นใหญ่ในงานบ้าน
    ๕) ให้เครื่องประดับเป็นของขวัญตามโอกาสอันควร

    ภรรยาต้องปฏิบัติบำรุงสามี ดังนี้

    ๑) จัดการงานบ้านให้เรียบร้อย
    ๒) สงเคราะห์ญาติมิตรทั้งสองฝ่ายด้วยดี
    ๓) ไม่นอกใจ
    ๔) รักษาทรัพย์สมบัติที่หามาได้
    ๕) ขยันไม่เกียจคร้านในงานทั้งปวง
     

แชร์หน้านี้

Loading...