รับตอบข้อสงสัยในการเจริญพระกรรมฐาน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Xorce, 26 พฤศจิกายน 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    แล้วมีอีกเรื่องนึงครับแต่นอกเรื่องหน่อย ผมเห็น เจ้าอาวาส บ้าง พระ บ้าง สัมเณร บ้าง พกมือถือ นี่ ถือเป็นการผิด รึเปล่าครับ ขอบคุณคับ อนุโมทนาคับพี่ชัด
     
  2. Maxzimon

    Maxzimon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +204
    ความจริงที่คุณMakoto ถามอ่ะครับ ถ้าอยากรู้ว่าผิดไหมต้องถามว่าท่านพกไว้เพื่ออะไร

    ถ้าพกไว้เผื่อมีญาติโยมติดต่อนี่ผมว่าไม่ผิดหรอกครับ
    แต่ความจริงโดนทั่วไปแล้วผิดครับ
    เพราะความสบายทุกอย่าง เครื่องทุ่นแรงทุกอย่าง นั้นไม่ควรผ่านพระสงฆ์เลยครับ แต่ปัจจุบันนี้ความสะดวกสบาย และความรวดเร็ว ก็ต้องมาก่อนหน่ะครับ
    แต่จะพูดถึงมันก็ถูก ในหลักการเผยแพร่ พระพุทธศาสนาแล้ว มันก็เป็นการชักจูงญาติโยมในการทำบุญทำทาน อย่างเช่นมีคนอยู่ที่หนึ่งต้องการติดต่อทำบุญอะไรประมาณนั้น

    ขออย่างนี้ต้องบอกว่าอยู่ที่มุมมองไหนมากกว่าครับ อย่าพูดว่าผิดไม่ผิดเลย
     
  3. Maxzimon

    Maxzimon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +204
    ความจริงที่คุณMakoto ถามอ่ะครับ ถ้าอยากรู้ว่าผิดไหมต้องถามว่าท่านพกไว้เพื่ออะไร

    ถ้าพกไว้เผื่อมีญาติโยมติดต่อนี่ผมว่าไม่ผิดหรอกครับ
    แต่ความจริงโดนทั่วไปแล้วผิดครับ
    เพราะความสบายทุกอย่าง เครื่องทุ่นแรงทุกอย่าง นั้นไม่ควรผ่านพระสงฆ์เลยครับ แต่ปัจจุบันนี้ความสะดวกสบาย และความรวดเร็ว ก็ต้องมาก่อนหน่ะครับ
    แต่จะพูดถึงมันก็ถูก ในหลักการเผยแพร่ พระพุทธศาสนาแล้ว มันก็เป็นการชักจูงญาติโยมในการทำบุญทำทาน อย่างเช่นมีคนอยู่ที่หนึ่งต้องการติดต่อทำบุญอะไรประมาณนั้น

    ขออย่างนี้ต้องบอกว่าอยู่ที่มุมมองไหนมากกว่าครับ อย่าพูดว่าผิดไม่ผิดเลย
     
  4. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ makoto12 ครับ

    แล้วมีอีกเรื่องนึงครับแต่นอกเรื่องหน่อย ผมเห็น เจ้าอาวาส บ้าง พระ บ้าง สัมเณร บ้าง พกมือถือ นี่ ถือเป็นการผิด รึเปล่าครับ ขอบคุณคับ อนุโมทนาคับพี่ชัด<!-- google_ad_section_end -->

    ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ครับ
    ถ้าท่านพกไว้เพื่อกิจในทางพระศาสนา ย่อมไม่ผิดครับ
    เพราะโลกในยุคปัจจุบัน ถ้าเราสงสัยในการปฏิบัติธรรม หรืออยากจะมาทำบุญ
    แล้วจะให้เขียนจดหมาย หรือส่งโทรเลขมาถามท่าน ก็คงจะไม่เหมาะครับ

    เวลาเราจะสังเกตุพระ ให้เราดูที่คุณธรรม และปฏิปทาของท่าน
    ท่านเมตตาไหม ท่านทำกิจเพื่อพระศาสนาไหม ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบไหม
    อย่าสนใจที่รายละเอียดเล็กน้อย หรือภาพลักษณ์ภายนอก จนเกินไป
    เพราะเราอาจจะปรามาสพระดี โดยไม่รู้ตัวได้ ต้องระวังด้วยครับ
     
  5. Ayukawa

    Ayukawa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +573
    รบกวนถามด้วยครับ เมื่อวันหยุดวันเสาร์ที่ผ่านมาผมได้นั่งเล่นเกมส์ออนไลน์อยู่ตามปกติ ก็เกิดความรู้สึกประหลาด อยู่ๆก็รู้สีกเป็นสุขอิ่มใจเหมือนตอนที่ไปทำบุญทัวร์ผ้าป่าที่ผ่านมาแล้วหลายปี ตอนนั้นใจคิดว่าสุขพอแล้วนะ จะปล่อยวางละนะ แต่ความรู้สึกนี้ยังไม่หายไปไหน กว่าจะเข้าสู่สภวะปกติได้ก็ประมาณเย็นๆ พอวันอาทิตย์ขณะที่ยังนั่งเล่นเกมส์ออนไลน์(อีกแล้ว) ก็รู้สีกประหลาดอีก แต่ว่าเป็นอารมณ์ อาลัยอาวรณ์ รู้สึกเหมือนกำลังพลัดพลากจากสิ่งต่างๆทางโลก ตอนนั้นในใจผมถามตัวเองว่าจะทิ้งสิ่งเหล่านี้ไปจริงๆหรือ เพราะก่อนหน้านี้ผมมีความคิดอยากจะละวางเรื่องทางโลกอยากเข้าสู่พระนิพพานแต่เป็นความคิดเพียงชั่วครั้งคราว ผมตอบตัวเองในใจว่าทิ้งแน่ๆ ไปจริงๆ ทั้งๆที่ยังมีอารมณ์อาลัยอาวรณ์อยู่ ความรู็สึกนี้เป็นอยู่ทั้งวันถึงเย็นก็หายไป ผมอยากรบกวนถามว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้คืออะไรครับ
     
  6. leia17

    leia17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    331
    ค่าพลัง:
    +1,368
    เพิ่งเริ่มฝึกสมาธิมาได้สัก 3 เดือนค่ะ ทุกวันนี้ มันจะเย็นๆตัวเวลานั่ง/ออกจากสมาธิแล้ว
    เย็นที่หัวกับที่บริเวณหน้าอกค่ะ บางทีก็ลามไปที่ไหล่ ถึงมือเลยค่ะ บางทีเหมือนกายเบาจิตเบา
    แล้วเวลานั่งมันเหมือนมีอะไรดันๆขึ้นมาที่กระหม่อมกับกลางหน้าผาก ทำให้หัวโยกหัวหมุนมากๆ
    ไม่รู้นั่งสมาธิไปถึงขั้นไหนแล้วค่ะ เพราะปกตินั่งแล้วไม่ได้บริกรรม กำหนดรู้แค่ว่ามันสงบ ไม่สงบ
    เท่านั้นเอง
     
  7. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ Ayukawa ครับ

    รบกวนถามด้วยครับ เมื่อวันหยุดวันเสาร์ที่ผ่านมาผมได้นั่งเล่นเกมส์ออนไลน์อยู่ตามปกติ ก็เกิดความรู้สึกประหลาด อยู่ๆก็รู้สีกเป็นสุขอิ่มใจเหมือนตอนที่ไปทำบุญทัวร์ผ้าป่าที่ผ่านมาแล้วหลายปี ตอนนั้นใจคิดว่าสุขพอแล้วนะ จะปล่อยวางละนะ แต่ความรู้สึกนี้ยังไม่หายไปไหน กว่าจะเข้าสู่สภวะปกติได้ก็ประมาณเย็นๆ

    ความสุขอันนี้เป็นธรรมปีติครับ เกิดจากความพอใจความดี หรือพอใจในธรรม
    เราเล่นเกมส์อยู่ก็จริง แต่ใจของเรากำลังพิจารณาธรรมหรือนึกถึงธรรมะอยู่
    ก็จะเกิดความสุขแบบนี้ได้ครับ

    พอวันอาทิตย์ขณะที่ยังนั่งเล่นเกมส์ออนไลน์(อีกแล้ว) ก็รู้สีกประหลาดอีก แต่ว่าเป็นอารมณ์ อาลัยอาวรณ์ รู้สึกเหมือนกำลังพลัดพลากจากสิ่งต่างๆทางโลก ตอนนั้นในใจผมถามตัวเองว่าจะทิ้งสิ่งเหล่านี้ไปจริงๆหรือ เพราะก่อนหน้านี้ผมมีความคิดอยากจะละวางเรื่องทางโลกอยากเข้าสู่พระนิพพานแต่เป็นความคิดเพียงชั่วครั้งคราว ผมตอบตัวเองในใจว่าทิ้งแน่ๆ ไปจริงๆ ทั้งๆที่ยังมีอารมณ์อาลัยอาวรณ์อยู่ ความรู็สึกนี้เป็นอยู่ทั้งวันถึงเย็นก็หายไป ผมอยากรบกวนถามว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้คืออะไรครับ<!-- google_ad_section_end -->

    เราคิดรึเปล่าครับ ว่านี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้าย ที่เราจะได้เล่นเกม หรือใช้ชีวิตอย่างโลกๆ
    ด้วยความที่เราคิดว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้าย หรือเราอาจจะไม่ได้ทำอีกแล้ว
    จึงทำให้เรารู้สึกอาลัย เพราะลึกๆแล้ว เราก็ยังสนุก หรือยังปรารถนาที่จะทำสิ่งต่างๆอยู่

    การที่เราปรารถนาในพระนิพพานนั้น เป็นสิ่งที่ดีแล้วครับ
    ขออนุโมทนาด้วยครับ

    แต่ว่าการที่เราจะตัดอารมณ์นี้ ทั้งการตัดกิเลส หรือตัดความอาลัยในโลก
    ถ้ากำลังใจของเรา มีความเข้มแข็งมาก ย่อมสามารถตัดได้ฉับพลัน

    แต่ถ้ากำลังใจของเรายังไม่เข้มแข็งพอ ตัดทีเดียวทั้งหมดไม่ได้ แต่เราจะฝืนตัด
    อาจจะเป็นการบีบคั้นตัวเองเกินไป จะทำให้จิตเศร้าหมอง อารมณ์หนักได้

    อย่าลืมว่า พระอริยเจ้า ระดับพระโสดาบัน ทรงศีล5บริสุทธิ์ ก็ยังสามารถครองเรือน และแต่งงานได้
    พระอริยเจ้าระดับพระอนาคามี ทรงศีล8บริสุทธิ์ ก็ยังครองเรือนได้ ไม่จำเป็นจะต้องบวช

    ให้เราค่อยๆปฏิบัติ ตัดกิเลส ตัดสังโยชน์ไปทีละขั้น ค่อยๆละไปทีละระดับ
    อารมณ์จิตจะมีความเบา สบายมากกว่า
    ถ้าตัดทีเดียวไม่ได้ ค่อยๆตัดไป ทีละขั้นก็ได้ครับ

    ขอให้สามารถทำอารมณ์จิตให้มีความสะอาด สบาย เบาบางจากกิเลส ยิ่งๆขึ้นไป และเข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันด้วยเทอญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2009
  8. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ leia17 ครับ

    เพิ่งเริ่มฝึกสมาธิมาได้สัก 3 เดือนค่ะ ทุกวันนี้ มันจะเย็นๆตัวเวลานั่ง/ออกจากสมาธิแล้ว
    เย็นที่หัวกับที่บริเวณหน้าอกค่ะ บางทีก็ลามไปที่ไหล่ ถึงมือเลยค่ะ บางทีเหมือนกายเบาจิตเบา
    แล้วเวลานั่งมันเหมือนมีอะไรดันๆขึ้นมาที่กระหม่อมกับกลางหน้าผาก ทำให้หัวโยกหัวหมุนมากๆ
    ไม่รู้นั่งสมาธิไปถึงขั้นไหนแล้วค่ะ เพราะปกตินั่งแล้วไม่ได้บริกรรม กำหนดรู้แค่ว่ามันสงบ ไม่สงบ
    เท่านั้นเอง

    อาการทั้งความเย็น และหัวโยก เป็นปีติ ครับ

    เวลาฝึกสมาธิเราควรจะหาอารมณ์จับครับ
    เพราะถ้าไม่จับอะไรเลย จะทำให้เข้าถึงสมาธิช้า และสมาธิจะไม่มั่นคง

    ลองหันมาจับลมหายใจ อานาปาณสติดูครับ


    หากเราต้องการให้หัวหยุดโยก
    ให้เราหายใจเข้าลึกๆ สัมผัสถึงความเย็นเบาสบาย ของลมหายใจ จนลมหายใจเต็มปอด
    จากนั้นกักลมหายใจเอาไว้สบายๆ และภาวนาพุทโธ ธัมโม สังโฆๆๆ ซ้ำไปซ้ำมา ประมาณ10วินาที

    พอครบ10วินาทีจึงหายใจออก และทำซ้ำ10ครั้ง

    เท่านี้ศรีษะของเราก็จะหยุดโยกครับ

    เสร็จแล้ว ให้เราคอยตามดูลมหายใจไปเรื่อยๆ
    ลมหายใจของเราจะช้าลงๆ จนหยุดไปเอง
    จากนั้นก็ประคองลมหายใจที่หยุด จิตที่หยุดนิ่ง หยุดคิด เอาไว้ซักระยะหนึ่ง

    แล้วตั้งจิตอธิษฐานว่า
    ขอให้ข้าพเจ้าสามารถเข้าถึงซึ่งลมหายใจสบาย จนลมหายใจหยุดไปได้นี้ ได้ทุกครั้ง ทุกเวลา ทุกสถานที่ ทุกภพชาติ ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าต้องการตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ

    อธิษฐานย้ำไปสามครั้ง
    จากนั้นให้เราทรงสมาธิเอาไว้นานตราบเท่าที่เราต้องการ

    พอเราต้องการจะออกจากสมาธิให้เราหายใจเข้าลึกๆ หายใจออกช้าๆ สามครั้ง
    หายใจเข้าครั้งที่หนึ่ง ภาวนา พุทธ หายใจออกภาวนา โธ
    หายใจเข้าครั้งที่สอง ภาวนา ธัม หายใจออกภาวนา โม
    หายใจเข้าครั้งที่สาม ภาวนา สัง หายใจออกภาวนา โฆ

    แล้วจึงค่อยๆถอนจิตออกจากสมาธิช้าๆ

    ขอให้ลองนำไปปฏิบัติ และขอให้เข้าถึงซึ่งอารมณ์จิตที่สงบ เบา สบาย ได้อย่างง่ายดายด้วยเทอญ
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  9. choosake

    choosake เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    482
    ค่าพลัง:
    +647
    รบกวนถามครับ
    ตอนนี้ ผมจะฝึกแบบนี้ทุกวันครับ
    - เจริญกสิณ 10
    - สวดมนต์
    - เข้าณาณ 1 - 8 (รูปณาณ 4 อรูปณาณ 4)
    - มโนมยิทธิ

    รบกวน แนะนำเพิ่มเติมด้วยครับ
    เหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง
     
  10. paritah

    paritah สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +7
    สวัสดีครับ ขอรบกวนถามปัญหาหน่อยนะครับ

    เพิ่งเริ่มฝึกอานาปานานุสสติครับ แต่ภาวนาใช้พุทธ-โธ
    ปัญหาคือจับลมหายใจไปสักพักนึงแล้วจะรู้สึกว่าลมหายใจมันหายไปครับ
    แต่ยังรู้สึกว่ามีการหายใจอยู่จากการเคลื่อนไหวของหน้าอกกับท้องน่ะครับหลังจากที่ลมหายใจหายไปผมไม่รู้ว่าจะต้องจับตรงไหนต่อครับ ช่วยแนะนำด้วยครับ
     
  11. OuIvI

    OuIvI Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +50
    เพิ่งเริ่มฝึกทำสมาธิค่ะ (นอนสมาธิ)
    ส่วนใหญ่จะมีแต่แบบลมหายใจเบามากจนเกือบหยุด
    หรือไม่ก็นานๆที จะหยุดไปเลยพร้อมกับอาการหูอื้อในบางครั้ง
    ปัญหาคือ ดิฉันประคองอาการที่ว่าลมหายใจหยุดนั้นไม่ได้ซักทีค่ะ
    พอรู้ตัวว่าลมหายใจหยุด ซักพักมันก็เริ่มหายใจ
    พอรู้ตัวว่าจะหายใจ ก็จะพยายามหยุดมันไว้ กลายเป็นว่า มันจะอึดอัดทันที
    เป็นแบบนี้ทุกครั้งค่ะ - -\
    ส่วนใหญ่ทำได้ถึงไหน ก็จะปักหมุดไว้ด้วยค่ะ

    มีคืนนึงแผ่เมตตาแล้วร้องไห้ (หลังจากนั้นดิฉันยังไม่กล้าแผ่อีกเลยในตอนกลางคืน)
    เหมือนมีมารมากวนน่ะึค่ะ (ที่จริงก็มาหลายวันแล้ว)
    ฟังเพลง อยู่ๆเพลงก็ดังขึ้นเอง พอหลบไปนอนห้องแม่
    ก็มีเสียงทุบประตูหลังบ้าน กลัวมากๆ - -\

    ดิฉันจะทำยังไงดีค่ะ

    รบกวนด้วยนะคะ ทั้งเรื่องทำสมาธิ และแผ่เมตตา -*-
     
  12. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ Choosake ครับ

    รบกวนถามครับ
    ตอนนี้ ผมจะฝึกแบบนี้ทุกวันครับ
    - เจริญกสิณ 10
    - สวดมนต์
    - เข้าณาณ 1 - 8 (รูปณาณ 4 อรูปณาณ 4)
    - มโนมยิทธิ

    รบกวน แนะนำเพิ่มเติมด้วยครับ
    เหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง<!-- google_ad_section_end -->


    ให้ไล่ตามนี้นะครับ
    - สวดมนต์
    - เข้าณาณ 1 -4 จับลมหายใจสบาย จนลมหายใจหยุดไป
    - แผ่เมตตาอัปปมาณฌาณ สัมผัสอารมณ์จิตที่ชุ่มเย็น อิ่มเอิบอิ่มเอม
    - เจริญกสิณ 10
    - ฌาณ 5-8 อรูปณาณ 4 ให้ทำหลังกสิณ สัมผัสอารมณ์ความว่างเวิ้งว้างว่างเปล่า สีขาว

    - มโนมยิทธิ
    - ขึ้นไปกราบพระท่าน พิจารณาวิปัสสนาญาณ จนจิตสะอาดจากกิเลส ปล่อยวางจากร่างกาย
    - ขอบารมีพระท่าน ขอสัมผัสอารมณ์พระนิพพาน
    - พอสัมผัสอารมณ์พระนิพพานได้แล้ว ให้เราแผ่เมตตาอัปปมาณฌาณ ควบอารมณ์พระนิพพาน ไปยังทุกๆดวงจิต ปรารถนาให้ทุกๆดวงจิตได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพาน อันเป็นบรมสุข
    - อธิษฐานจิต ตั้งมั่นเอาไว้ที่พระนิพพานเพียงจุดเดียว ตายเมื่อไหร่เราจะมาที่พระนิพพานเท่านั้น

    ประคองความสุขจากอารมณ์พระนิพพานเอาไว้จนเราหลับไป
    ถ้าตายตอนหลับเราก็จะไปพระนิพพานเพียงจุดเดียว

    พอทำได้จนคล่องแล้ว ให้เราหันมาเจริญกรรมฐานให้ครบ 40 กอง
    ตอนนี้ถ้าจะไล่จริงๆ ก็ทำได้แล้ว เอาไว้จะมาแนะนำอย่างละเอียดให้อีกครั้งครับ

    ขอพุทธบารมีแห่งองค์สมเด้จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเมตตาสงเคราะห์ ให้คุณ Choosake สามารถฝึกกรรมฐานทั้ง40กอง ได้อย่างง่ายดายด้วยเทอญ


     
  13. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ paritah ครับ

    สวัสดีครับ ขอรบกวนถามปัญหาหน่อยนะครับ

    เพิ่งเริ่มฝึกอานาปานานุสสติครับ แต่ภาวนาใช้พุทธ-โธ
    ปัญหาคือจับลมหายใจไปสักพักนึงแล้วจะรู้สึกว่าลมหายใจมันหายไปครับ

    จิตเป็นฌาณ จิตสงบระงับแล้ว ลมหายใจจึงหายไปครับ

    แต่ยังรู้สึกว่ามีการหายใจอยู่จากการเคลื่อนไหวของหน้าอกกับท้องน่ะครับหลังจากที่ลมหายใจหายไปผมไม่รู้ว่าจะต้องจับตรงไหนต่อครับ ช่วยแนะนำด้วยครับ<!-- google_ad_section_end -->

    ขอให้อ่านและทำตามไปเลยครับ

    พอลมหายใจหายไปแล้ว ให้เราประคองอารมณ์นิ่ง หยุดคิด อาการหยุดของจิตเอาไว้
    จะเป็นอารมณ์ที่นิ่ง หยุด ไม่มีการคิดไม่มีการซัดส่าย

    เสร็จแล้วให้เราตั้งจิตอธิษฐานปักหมุดลงไปว่า

    ขอให้ข้าพเจ้าสามารถเข้าถึงซึ่งการจับลมหายใจสบาย จนลมหายใจหยุดไปได้นี้ ได้ทุกครั้ง ทุกเวลา ทุกสถานที่ ที่ข้าพเจ้าต้องการ ตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ

    อธิษฐานย้ำไปสามครั้ง

    จากนั้นให้เราประคองความสงบนิ่งเอาไว้ซักระยะหนึ่ง
    เสร็จแล้ว ให้เราพิจารณาต่อไปว่า ยังมีอารมณ์จิตที่มีความสุขสงบ ประณีตยิ่งขึ้นไปกว่านี้

    ขอให้ทุกๆคนที่ได้อ่านข้อความนี้ ลองทำตามไปเลยนะครับ

    หลังจากนั้น ให้เรานึกถึง
    ควมสุขกายสุขใจ ความอิ่มเอิบกายอิ่มเอิบใจ ความชุ่มเย็น ความเบากายสบายใจ ความรัก ความเมตตา ความปรารถนาดีต่อผู้อื่น


    ให้ความรู้สึกแห่งความสุข ความชุ่มชื่น ชุ่มเย็น ค่อยๆหลั่งไหลเข้ามา
    จนกระทั่งความสุขกายสบายใจ อิ่มเอิบใจ เอ่อล้น ท่วมท้น ในดวงจิตของเรา
    จนดวงจิตของเราเริ่มรู้สึกชุ่มเย็น เบาสบาย อิ่มเอิบอิ่มเอม
    จนจิตใจของเราแย้มยิ้ม กายภายนอกของเราก็แย้มยิ้ม

    ให้เรานึก จินตนาการถึงภาพของดอกบัว ที่เป็นเหมือนดอกไม้แห่งความดีงามในจิตใจของเรา
    ค่อยๆ เบ่งบานขึ้น จนกระทั่งดอกบัวนี้ เบ่งบาน ความดีงามของเราก็ตื่นขึ้นจากภายในพร้อมๆกัน

    จากนั้นก็ให้เรานึกภาพ จินตนาการ ทำความรู้สึกว่า
    มีคลื่นสีทองแห่งความเมตตาชุ่มชื่นชุ่มเย็นนี้ แผ่ขยายออกมาเป็นวงกว้างจากดวงจิตของเรา
    แผ่ออกไปปกคลุมยังทุกๆคนที่อยู่ในห้องของเรา จนห้องของเราเรืองแสงสว่างเป็นสีทองทั้งหมด

    จากห้องของเราแสงสว่างสีทองนี้ ก็แผ่ขยายออกไป จนปกคลุมยังบ้านทั้งหลังของเรา
    ขอให้ทุกๆคน ที่อยู่ในบ้านหลังนี้ มีแต่ความสุข ความรักความเมตตา ความปรารถนาดีต่อกัน

    จากบ้านของเราแสงสว่างสีทองนี้ ก็แผ่ขยายออกไปจนปกคลุมยังบริเวณรอบๆบ้านของเรา
    และขยายออกไปเรื่อยๆ ยังทั้ง ตำบล อำเภอ ยังทั้งจังหวัดที่เราอาศัยอยู่
    จนกระทั่งจังหวัดของเราเรืองแสงสว่างเป็นสีทอง
    ขอให้ทุกๆคนที่อยู่ในจังหวัดนี้มี แต่ความสุขกายสบายใจ มีแต่ความรักความเมตตาต่อกัน

    จากจังหวัดนี้เรืองแสงสว่างสีทอง ก็ให้เราแผ่คลื่นสีทอง แห่งความรักความเมตตาของเราออกไป
    จนปกคลุมยังทั้งประเทศไทยเอาไว้ทั้งหมด เห็นว่าประเทศไทยเรืองแสงสว่างเป็นสีทอง
    ขอให้ทุกๆคนในประเทศไทย มีแต่ความรัก ความปรองดองสมานฉันท์ ไม่มีศึกสงคราม ไม่มีความแตกแยก มีแต่ความรักความเมตตาต่อกัน ปราศจากซึ่งภัยพิบัติอันตรายทั้งปวง

    จากประเทศไทย คลื่นแห่งความเมตตาของเรา ก็แผ่ขยายจนไปปกคลุมยังทั้งโลก
    โลกใบนี้เรืองแสงสว่างเป็นสีทอง
    ขอให้โลกใบนี้มีแต่สันติสุข มีแต่ความสงบสุข ปราศจากซึ่งสงคราม ซึ่งความวุ่นวาย
    ทุกๆคนมีแต่ความรักความเมตตาปรารถนาดีต่อกัน

    จากโลกใบนี้ คลื่นแห่งความรักความเมตตาของเรา ก็แผ่ขยายออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีประมาณ แผ่ออกไปยังทุกๆทิศทาง แผ่ออกไปยังทั้งจักรวาล
    ไม่มีสถานที่ใด ดวงจิตใด ที่ไม่ได้รับสัมผัสจากความรักความเมตตาของเรา
    ขอให้ทุกๆดวงจิต ทั่วทั้งอนันตจักรวาล มีแต่ความสุขกายสุขใจ มีแต่ความชุ่มเย็น เบากายสบายใจอิ่มเอิบอิ่มใจ มีแต่ความรักความเมตตาต่อกัน

    จากนั้นคลื่นสีทองแห่งความเมตตาของเรา ก็แผ่ลงไปยังทิศเบื้องล่าง
    ยังภพภูมิของสัตว์เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย สัตว์นรก
    ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย ได้พ้นจากความทุกข์ ได้สัมผัสกับความสุข ความชุ่มเย็น เบากายสบายใจ แบบที่เรากำลังสัมผัสอยู่ ณ ขณะนี้ด้วยเทอญ

    จากนั้นให้เราแผ่คลื่นสีทองแห่งความเมตตา ขึ้นไปยังทิศเบื้องบน
    ผ่านสวรรค์ พรหม ตลอดไปจนถึงพระนิพพาน
    ขอให้เหล่า พรหม เทพ เทวดา คุณครูบาอาจารย์ ท่านผู้มีพระคุณ ทุกๆท่านทุกๆพระองค์
    ได้สัมผัสกับความชุ่มเย็น อิ่มเอิบอิ่มเอม ที่ละเอียดประณีตยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ

    เสร็จแล้วให้เราแผ่คลื่นเมตตาสีทองนี้ออกไปยัง เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย
    ข้าพเจ้าขอกราบขอขมาต่อเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย
    ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายได้สัมผัสความสุขความชุ่มเย็นแบบที่ข้าพเจ้ากำลังสัมผัสอยู่ ณ ขณะนี้
    และได้โปรดเมตตาอโหสิกรรมโทษ อดโทษงดโทษ ให้กับข้าพเจ้าตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ

    จากนั้นให้เราแผ่เมตตาอัปปมาณฌาณ คือความรักความเมตตาอันไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีประมาณของเรา ออกไปยังทุกๆทิศทางอีกครั้งนึง
    แผ่คลื่นสีทองแห่งความรัก ความเมตตาของเราออกไปเรื่อยๆ
    สัมผัส เสวยสุขจากเมตตา จนจิตใจของเราอิ่มเอิบอิ่มเอม มีแต่ความชุ่มเย็น

    จากนั้นให้เราตั้งจิตอธิษฐานว่า

    ขอให้ข้าพเจ้าสามารถเข้าถึงซึ่งเมตตาอัปปมาณฌาณ คือ ความรักความเมตตาอันไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีประมาณนี้ ได้ทุกครั้ง ทุกเวลา ทุกสถานที่ ที่ข้าพเจ้าต้องการ ตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ

    อธิษฐานย้ำไปสามครั้ง

    จากนั้นให้เราทรงสมาธิเอาไว้นานตราบเท่าที่เราต้องการ

    พอเราต้องการจะออกจากสมาธิให้เราหายใจเข้าลึกๆ หายใจออกช้าๆ สามครั้ง

    หายใจเข้าครั้งที่หนึ่ง ภาวนา พุทธ หายใจออกภาวนา โธ
    หายใจเข้าครั้งที่สอง ภาวนา ธัม หายใจออกภาวนา โม
    หายใจเข้าครั้งที่สาม ภาวนา สัง หายใจออกภาวนา โฆ

    แล้วจึงค่อยๆถอนจิตออกจากสมาธิช้าๆ

    อารมณ์จิตแห่งเมตตานี้เป็นอารมณ์ที่มีความสำคัญมากในการเจริญพระกรรมฐาน
    ให้เราฝึกประคองให้อารมณ์จิตของเราเต็มเปี่ยมด้วยเมตตาเอาไว้ทุก ขณะจิต
    ทั้ง ศีล สมาธิ ปัญญาของเรา จะทรงตัว ไม่ถอยหลัง
    จะยิ่งมีแต่ความเจริญก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไป

    ขอให้ทุกๆคน สามารถเข้าถึงซึ่งอารมณ์จิตที่เปี่ยมไปด้วยอำนาจแห่งความรักความเมตตาอันไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีประมาณต่อผู้อื่น และทรงได้ทุกขณะจิต
    ได้อย่างฉับพลันทันใดด้วยเทอญ
     
  14. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ Ouivi ครับ

    ทั้งตามอ่าน และทำตามด้วย ขออนุโมทนาด้วยครับ

    เพิ่งเริ่มฝึกทำสมาธิค่ะ (นอนสมาธิ)

    มายืนยันให้ครับ ว่าเรานอนก็ได้ นั่งก็ได้ ยืนก็ได้
    สำคัญว่าอารมณ์จิตมีความสบายก็พอ

    ส่วนใหญ่จะมีแต่แบบลมหายใจเบามากจนเกือบหยุด
    หรือไม่ก็นานๆที จะหยุดไปเลยพร้อมกับอาการหูอื้อในบางครั้ง

    อันนี้อารมณ์ถูกครับ ดูลมหายใจสบายๆ

    ปัญหาคือ ดิฉันประคองอาการที่ว่าลมหายใจหยุดนั้นไม่ได้ซักทีค่ะ
    พอรู้ตัวว่าลมหายใจหยุด ซักพักมันก็เริ่มหายใจ
    พอรู้ตัวว่าจะหายใจ ก็จะพยายามหยุดมันไว้ กลายเป็นว่า มันจะอึดอัดทันที
    เป็นแบบนี้ทุกครั้งค่ะ - -\
    ส่วนใหญ่ทำได้ถึงไหน ก็จะปักหมุดไว้ด้วยค่ะ

    อันนี้เรา อยากให้ลมหายใจหยุดมากไปครับ
    อารมณ์เลยหนัก ทำให้ลมหายใจไม่หยุด และอึดอัดด้วย

    1.ให้เราปล่อยสบายๆ ดูลมหายใจไปเรื่อยๆ
    ให้เราคิดว่าลมหายใจจะหยุด ไม่หยุด ก็ไม่เป็นไร
    หน้าที่ของเรามีเพียงดูลมหายใจไปเรื่อยๆเท่านั้น
    พอเราคิดเท่านี้อารมณ์จะสบาย และลมหายใจจะหยุดเองครับ

    ถ้าใจเราสบาย ไม่ฝืน ไม่บังคับ ไม่อยาก ลมหายใจจะหยุดเอง
    ถ้าใจเราอยาก ฝืน หรือบังคับ อารมณ์จะหนัก ลมหายใจก็จะไม่หยุด
    เคล็ดลับคือใจสบาย ปล่อยอารมณ์สบายๆครับ


    2.และเวลาเราหยุด ให้เราหยุดที่จิตครับ พอจิตหยุดคิด
    ลมหายใจก็จะหยุดเองครับ


    มีคืนนึงแผ่เมตตาแล้วร้องไห้ (หลังจากนั้นดิฉันยังไม่กล้าแผ่อีกเลยในตอนกลางคืน)
    เหมือนมีมารมากวนน่ะึค่ะ (ที่จริงก็มาหลายวันแล้ว)
    ฟังเพลง อยู่ๆเพลงก็ดังขึ้นเอง พอหลบไปนอนห้องแม่
    ก็มีเสียงทุบประตูหลังบ้าน กลัวมากๆ - -\

    ดิฉันจะทำยังไงดีค่ะ

    รบกวนด้วยนะคะ ทั้งเรื่องทำสมาธิ และแผ่เมตตา -*-<!-- google_ad_section_end -->

    ให้เราแผ่เมตตา ตามข้อความข้างบน ก่อนอันนี้เลยครับ
    พอเราแผ่เมตตาจนเต็มที่ ทุกอย่างก็จะเป็นปรกติเองครับ

    และอารมณ์จิตที่เปี่ยมด้วยเมตตา เราจะประคองได้ต่อเนื่องและเป็นสุขมากกว่า
    อารมณ์ลมหายใจหยุด

    ดังนั้นให้เราฝึกหยุดลมหายใจ ด้วยอารมณ์สบายให้ได้ดั่งใจ
    และให้ฝึกประคองเมตตาให้ได้ตลอดเวลาครับ

    เพราะถ้าเราประคองแต่ลมหายใจหายไป แต่ไม่มีเมตตา จิตจะมีความแห้ง
    และไม่สุขเท่า ประคองเมตตาไว้ตลอดเวลาครับ

    ขอบพระคุณที่ติดตามตลอดครับ และ
    ขอให้มีความเจริญก้าวหน้าในการปฏิบัติ และสามารถเข้าถึงซึ่งลมสบาย และเมตตาอัปปมาณฌาณ ตลอดจนถึงอารมณ์พระนิพพาน ได้โดยฉับพลันทันใดด้วยเทอญ
     
  15. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ทางกลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ จะเดินทางไปปฏิบัติธรรมที่ถ้ำวัวแดง
    เป็นระยะเวลา 4 วัน

    ถ้ามีข้อสงสัยในการปฏิบัติประการใด ให้โพสต์เอาไว้ได้เลยครับ
    เดี้ยวผมจะกลับมาตอบให้ หลังจากกลับจากถ้ำวัวแดงครับ

    ขอให้อานิสงค์จากการเดินทางครั้งนี้ ทุกๆดวงจิตทั่วทั้งสังสารวัฏ มีส่วนร่วมในบุญกุศลทั้งมวลทั้งหมดด้วยเทอญ
     
  16. Maxzimon

    Maxzimon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +204
    คือความจริงไม่ใช่ผมไม่อยากไปนิพพานนะ

    แต่ตัวผมเองอยากให้คนอื่นไปนิพพานให้หมดก่อนผมมากกว่า ถ้ารู้อะไร ที่สามารถช่วยเขาได้ผมก็ช่วยทุกอย่างเพื่อให้เขามีความสุข ในการกระทำของตนเอง ผมเลยพยายาม ไม่คิดถึงนิพพานเลย แต่ก็ยังแผ่เมตตากับนั่งสมาธิอยู่เพื่อค้นหาความรู้ที่ได้มาสอนคนที่เขาต้องการให้ช่วย เอาง่ายๆ อยากเป็นแบบพี่ชัดอ่ะ สอนคนได้เยอะ
     
  17. ทดแทน

    ทดแทน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    580
    ค่าพลัง:
    +116
    คือ ผมอยากทราบเกี่ยวกับในการทำสมาธิแล้วให้สนใจที่ลมหายใจ แต่พอเวลาจับที่ลมหายใจ(นั่งสมาธินะครับ)หลังผมจะขอและเอนไปค้างหน้าจนบางทีลงต่ำจนหัวเกือบถึงตักนะครับ แล้วก็เลยต้องมาสนใจเอาที่กายนะครับอยากทราบว่ามีวิธีใดแก้ปัญหานี้ได้บ้างครับ ช่ายตอบด้วยครับ
     
  18. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    ว่าด้วยเกี่ยวเนื่อง ของการถอดกายทิพย์หรือถอดจิต ผมได้ไปอ่านและศึกษาตามหนังสือมีบางเล่มที่กล่าวถึง แต่ถึงมันจะเป็นสากลแต่ ก็ได้พระเป็นผู้เผยแผ่การฝึก นั้นว่าด้วย
    นี่ผมจำมาได้ไม่หมดถ้าผิดก็บอกด้วยนะคับ
    จุดแรก จะอยู่ระหว่าง สะดือ ทั้งสองข้าว อยู่ระหว่าง และกำหนดให้ไหลผ่านปลายอวัยวะเพศ ถ้าหากปฏิบัติแล้วรู้สึกขนลุก และเหมือน(เสียววูบๆ ขอภัยใช้คำนี้นะมันอธิบายไม่ถูก) แต่จะไม่มีอารมณ์ทางกามคุณ
    จุดแรกได้แล้ว มาจุดที่สอง คือยู่ระหว่างเชิงกรานกระดูกสันหลัง พยายามให้ไหลผ่าน และเรียวลง ความรู้สึกนั้นร่างกายท่อนล่างจะค่อยๆหายไป พอได้และฝึกจนคล่องแล้ว
    จุดที่สาม คือ อยู่ตรงราวนมลงไปหน่อยนึง หายใจเข้าให้เรียวลง ผ่านลงไปถึงฝ่าเท้า จนรู้สึกถึงฝ่าเท้า จุดนี้ยากที่สุด และจุดสุดท้าย คือตรงกลางหว่างคิ้วแต่อยู่ด้านใน กำหนด ลมหายใจออก เรื่อยๆไม่ต้องกำหนดลมหายใจเข้า ถ้าหายใจเข้าก็ปล่อยมันให้กำหนดหายใจออกเท่านั้น และกำหนดให้ หายใจออกไม่ต้องยาวเกินไปถ้าจิตมันจะไหลออกมันก็จะไม่ออกมาไกลมากนัก มี2-3อย่างที่จิตออกจากร่าง ไหลออก พุ่งออก หรือ บีบเค้นออกมา
    อยากถามพี่ชัดว่า ข้อความที่ผมเขียนขึ้นมานี้ มีความเป็นไปได้ไหม ในการฝึก แต่ผมก็ได้เกือบหมดแล้วยกเว้นก็แต่เพียงข้อสุดท้าย

    ที่ผมอยากถอดกายทิพย์นั้นก็เพราะ จะได้เห็น วัฏสงสาร อดีต อนาคต และ ปลงจากตัวตนที่มีในสัญญา และ ละขัน5เพื่อ ตัดสังโยช และก็ละกิเลสได้มากขึ้น อีกข้อนึงผมจะได้สอนเด็กๆทางอ้อมด้วย เวลาผมไปสนทนากับพระท่านทางจิตก็จะได้ไม่ผิดพลาด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มิถุนายน 2009
  19. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ Maxzimon ครับ

    คือความจริงไม่ใช่ผมไม่อยากไปนิพพานนะ

    แต่ตัวผมเองอยากให้คนอื่นไปนิพพานให้หมดก่อนผมมากกว่า ถ้ารู้อะไร ที่สามารถช่วยเขาได้ผมก็ช่วยทุกอย่างเพื่อให้เขามีความสุข

    ขออนุโมทนาในความตั้งใจดี ที่จะถ่ายทอดพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ไปสู่ยังผู้อื่นด้วยครับ

    ในการกระทำของตนเอง ผมเลยพยายาม ไม่คิดถึงนิพพานเลย แต่ก็ยังแผ่เมตตากับนั่งสมาธิอยู่เพื่อค้นหาความรู้ที่ได้มาสอนคนที่เขาต้องการให้ช่วย เอาง่ายๆ อยากเป็นแบบพี่ชัดอ่ะ สอนคนได้เยอะ<!-- google_ad_section_end -->

    การที่เราจะแนะนำ จะถ่ายทอดธรรมะแก่ผู้อื่นได้
    ตัวเราเองก็จะต้องมีความเข้าใจในธรรมะนั้นๆเป็นอย่างดี

    ดังนั้นถ้าจะสอนเรื่องพระนิพพานได้อย่างถูกต้อง
    ตัวเราเองก็ต้องมีความเข้าใจในสภาวะของพระนิพพานที่ถูกต้อง
    ซึ่งได้ประจักษ์แจ้งแก่ดวงจิตของเราแล้ว

    ไม่เช่นนั้น อาจจะมีความคลาดเคลื่อนใน ธรรมะที่เราได้ถ่ายทอดไป
    ซึ่งจะส่งผลให้ผู้อื่น มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนตามเราไปด้วย

    เราจึงต้องปฏิบัติให้เข้าใจ ให้แจ้งซึ่งพระนิพพานด้วยตัวเองก่อน

    ประดุจ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    เมื่อพระองค์ยังไม่ทรงบรรลุซึ่งพระสัมมาสัมโพธิญาณเพียงไร
    พระองค์ก็ยังไม่ทรงถ่ายทอด หรือสั่งสอนธรรมะ

    ก็ต่อเมื่อพระองค์ได้ทรงบรรลุซึ่งพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว
    พระองค์จึงจะตรัส สั่งสอนเวไนยสัตว์น้อยใหญ่

    นักปฏิบัติทั้งหลายก็เช่นกัน หากยังไม่ประจักษ์แจ้งซึ่งสภาวะของพระนิพพาน หรือสภาวะของอารมณ์สมาธิจิตในขั้นต่างๆ ฉันใด
    ก็ยังไม่ควรจะสอนเรื่องสภาวะของพระนิพพาน หรืออารมณ์จิตในขั้นต่างๆ ฉันนั้น

    ดังนั้นก็ขอให้เราตั้งใจปฏิบัติจิตต่อไป เพื่อให้เราสามารถนำความรู้
    ที่เกิดจากผลของการปฏิบัติ ซึ่งได้ประจักษ์แจ้งแก่จิตของเราแล้ว
    ทั้งสภาวะของพระนิพพานที่แท้จริง รวมถึงอารมณ์สมาธิจิตในระดับต่างๆ
    มาแนะนำ มาถ่ายทอดให้กับผู้อื่นได้ต่อไป ในอนาคตกาลเบื้องหน้านี้ด้วยเทอญ

    กระผมเป็นผู้โง่เขลาด้อยปัญญา
    ความรู้ทุกอย่าง ทุกประการ ผมได้รับมาจาก พระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆเจ้า
    ตลอดจนถึงครูบาอาจารย์ ทุกๆท่าน ทุกๆพระองค์ อันมีหลวงพ่อฤาษีลิงดำเป็นที่สุด
    ไม่มีความรู้ใดที่ผมได้คิดค้นขึ้น ด้วยความสามารถของตัวเองแต่ประการใด

    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือผู้สอนธรรมะทั้งมวลทั้งหมด
    ส่วนกระผมเป็นเพียงกัลยาณมิตร และประจักษ์พยานในผลแห่งการปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์

    ขอให้พุทธศาสนิกชน มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งตลอดไปตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มิถุนายน 2009
  20. Maxzimon

    Maxzimon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +204
    พี่ชัดครับ หากแต่คำว่าโง่เขลานั้น จึงเป็นแบบผมมากกว่า สิ่งที่ผมค้นหามานั้น หากไม่ได้จากหนังสือ , ธรรมชาติ ซึ่งผมนั้นไม่ได้ถามจากผู้รู้โดยตรง หากแต่นำสิ่งที่อยู่ในด้านเต๋า และ ด้านพุทธรรม มาวิเคราะห์รวมกันโดยหลักวิทยาศาตร์บ้างบางส่วน แต่ผมนั้นไม่ใช่ผู้รู้จริงจึงไม่รู้ว่ามันถูกหรือไม่เลยพยายามหาผู้ที่รู้ เพื่อตอบความถูกต้อง

    อย่างน้อยพี่ชัดก็ได้รับความรู้จาก ผู้ที่มีความรู้โดยตรงแล้ว ผมก็อยากนะครับที่จะไปหาที่รับความรู้โดยตรงแต่เนื่องจากด้วย แค่เรียน กับ ทำงานที่บ้าน ก็แทบไม่มีเวลาจะไปไหนแล้ว แต่ผมก็ใช้เวลาช่วงที่รู้สึกว่าตัวเองว่างแล้วในการนั่งสมาธิ แม้ว่าจะเป็นก่อนนอน หรือ ช่วงพักจากคาบเรียนก็ตาม พอปีนี้คาบเรียนน้อยผมก็มีเวลานั่งบ่อยขึ้น

    ขอนอกประเด็นเรื่องนึงครับ คือ ผมมีผู้หญิงคนนึงซึ่งอธิบายความรู้สึกไม่ถูก มันเป็นความรู้สึกอยากดูแลเขา เหมือนเขาเป็นน้องสาว เป็นห่วงตลอด ตอนแรกผมคิดว่าผมหลง แต่ผมก็ได้ลองจิตนาการภาพเป็นภาพศพก็แล้ว โครงกระดูกก็แล้ว มันยังมีความรู้สึกนี้อยู่ตลอด บางที่ความรู้สึกนี้มันเข้ามาตอนนั่งสมาธิ(เป็นมานานแล้ว ไม่รู้ว่าจะถามดีรึป่าว) แต่เวลาที่ความรู้สึกนี้เข้ามามันก็ยังมีความสุขอยู่ มันจะมีปัญหากับการนั่งสมาธิมากไหมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มิถุนายน 2009
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...