ร้านสันติภาพพระเครื่อง หลวงปู่พิศดู ธัมมจารี วัดเทพธารทอง

งาเเกะรูปเหมือน หลวงปู่พิศดู หายากครับ

 

พระผงรุ่น3หลวงปู่พิศดู

 

พ ระผงรุ่น3หลวงปู่พิศดู

 

เปิดราคาครับ สนใจ เเอดไลค์ suntipab999

 

พระผงสมเด็จ หลังพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ พระพุทธบาท 4 รอย ปิดเเล้วครับ
พระสมเด็จชุดนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2552 โดยท่านพระมหาลอย จัตตมโล วัดพลับ(บางกะจะ) อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี เพื่อบรรจุกรุสืบทอดพระศาสนา โดยท่านพระมหาลอยได้นำมวลสารต่างๆตั้งแต่สมัยหลวงปู่เหรียญ อดีตเจ้าอาวาสและเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดพลับบางกะจะ และมวลสารต่างๆมาผสม และกดพิมพ์เป็นองค์พระขึ้นมา ได้ประมาณ 1,000 องค์ โดยพุทธลักษณะด้านหน้าเป็นรูปสมเด็จพระประธานปางสมาธิ ที่ฐานมีอักษรว่า ก.จ.๑ จันทบุรี ๒๕๕๒ ความหมายสันนิจฐานว่าน่าจะเป็นบางกะจะ รุ่น๑ นั่นเอง ส่วนด้านหลังนั้น เป็นรูปพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ และรูปพระพุทธบาท 4 รอย พร้อมด้วยบทคาถาว่า นะโมพุทธายะ นะชาลีติ มะอะอุ..
หลังจากได้กดพิมพ์พระเสร็จแล้ว ได้นำพระทั้งหมดมาขอเมตตาให้องค์หลวงปู่พิศดูช่วยอธิษฐานจิตให้ เป็นระยะเวลา 1 ไตรมาส(3เดือน) จากนั้นได้มอบพระพิมพ์นี้ถวายให้องค์หลวงปู่ไว้แจกแก่ผู้ศรัทธา เนื่องในงานตักบาตรพระมหาอุปคุตประจำปี 2553 ประมาณ 200 องค์ ส่วนพระที่เหลือนั้น ท่านพระมหาลอยได้นำไปบรรจุกรุไว้ที่วัดพลับ เพื่อสืบทอดพระศาสนาต่อไปครับ

 

ลูกอมรุ่นเเรก..หลวงปู่พิศดู.มาใหม่ครับปิดครับ

 

ปิดเเล้วครับ
เบี้ยเเก้รุ่น2.หลวงปู่พิศดู.จัดสร้างมาในปี2551.สร้างขึ้นเนื่องเบี้ยรุ่นเเรกมีไม่พอเเจกลูกศิษย์.จึงสร้างรุ่นที่2ออกมา กรรมวิธีสร้างก็เหมือนกับเบี้ยเเก้รุ่นเเรก เเต่เบี้ยเเก้รุ่นนี้ได้นำไปขอความเมตตาจากหลวงพ่อดี ธมมธีโร วัดเทพากร ครูบาอาจารย์สายเบี้ยเเก้สายอ่างทอง. อธิษฐานจิตก่อนเป็นองค์ปฐม ก่อนจะนำมาถวายหลวงปู่พิศดูอธิฐานจิตต่อไป โดยตอกโค้ตไว้เป็นสัญลักษณ์เพื่อเเยกเเยะได้ชัดเจน ระหว่างรุ่นเเรกกับรุ่น2.จึงไม่ถักเชือกหุ้ม จำนวนการสร้าง..ตอกโค้ต(ซ้าย.ขวา)เเละตอกเลข๒สร้าง 120. ตัว ตอกโค้ต๒ตัว. (ซ้าย.ขวา)เเละเลข๒ล่าง.บน.สร้าง 15. ตัว(กรรมการ)มอบเเด่ผู้มีอุปการคุณเรื่องมวลสาร..ข้อมูลทำเนียบพระเครื่องหลวงปู่พิศดู ธมมจารี..

 

พระรุ่นไ่ถ่ชีวิตโค-กระบือ สร้างขึ้นขึ้นในปี พ.ศ 2552 โดยองค์หลวงปู่เป็นผู้มอบหมายให้คุณ ดรุณี ลูกศิษย์ทาง อ.เเม่สอด จัดสพิมพ์รูปเหมือนหลวงปู่พิศดุร้าง มีทั้งเเกะเป็นรูปเหมือนหลวงปู่พิศดุ เเละ พระวิมุตตานังจันทบุรี (ปางนาคปรก) :ซึ้งเป็นพระประธานในเจดีย์ใหญ่ที่วัดเทพธาณทอง จำนวนการจัดสร้าง 1.พิมพ์รูปเหมือนหลวงปู่พิศดุเนื้อเเร่ สร้าง พิมพ์รูปเหมือนหลวงปู่พิศดุ100 องค์ รันหมายเลข 2.พิมพ์รูปเหมือนหลวงปู่พิศดูเนื้อไม้งิ้วดำ สร้าง 200 องค์ รันหมายเลข 3.พิมพ์พระวิมุตตานังจันทบุรี (ปางนาคปรก)เนื้อไม้งิ้วดำ จำนวน 144 องค์ไม่รันหมายเลข ( องค์ที่ลงนี้คือเนื้อเเร่ หมายเลข 022)ครับ สนใจสอบถาม 0840943672 สันติภาพพระเครื่องเมืองจันทบุรี ครับ

 

เบี้ยเเก้รุ่น2.หลวงปู่พิศดู.จัดสร้างมาในปี2551.สร้างขึ้นเนื่องเบี้ยรุ่นเเรกมีไม่พอเเจกลูกศิษย์.จึงสร้างรุ่นที่2ออกมา กรรมวิธีสร้างก็เหมือนกับเบี้ยเเก้รุ่นเเรก เเต่เบี้ยเเก้รุ่นนี้ได้นำไปขอความเมตตาจากหลวงพ่อดี ธมมธีโร วัดเทพากร ครูบาอาจารย์สายเบี้ยเเก้สายอ่างทอง. อธิษฐานจิตก่อนเป็นองค์ปฐม ก่อนจะนำมาถวายหลวงปู่พิศดูอธิฐานจิตต่อไป โดยตอกโค้ตไว้เป็นสัญลักษณ์เพื่อเเยกเเยะได้ชัดเจน ระหว่างรุ่นเเรกกับรุ่น2.จึงไม่ถักเชือกหุ้ม จำนวนการสร้าง..ตอกโค้ต(ซ้าย.ขวา)เเละตอกเลข๒สร้าง 120. ตัว ตอกโค้ต๒ตัว. (ซ้าย.ขวา)เเละเลข๒ล่าง.บน.สร้าง 15. ตัว(กรรมการ)มอบเเด่ผู้มีอุปการคุณเรื่องมวลสาร..ข้อมูลทำเนียบพระเครื่องหลวงปู่พิศดู ธมมจารี.

 

ขอราคาด้วยครับ

 

12

12500ครับ

 

พระขรรค์รุ่นเเรก หลวงปู่พิศดู ปิดเเล้วครับ
พระขรรค์แก้ววัชรจักร รุ่นแรก
พระขรรค์ชุดนี้ ทางคณะศิษย์ขององค์หลวงปู่ ได้ขออนุญาติสร้างเพื่อไว้บูชากันเอง ซึ่งแรกเริ่มนั้นองค์หลวงปู่ได้สั่งให้หามีดสวยๆจากตลาดมาให้ท่านอธิษฐานเป็นมีดหมอเพื่อไว้ป้องกันอันตรายจากสิ่งที่มองไม่เห็น ซึ่งทางคณะศิษย์ก็ได้หามาถวายให้ท่านอยู่พอสมควร พอเสร็จท่านก็แจกจ่ายไปจนหมด แต่มีดชุดนั้นไม่ได้มีเอกลักษณ์ชี้ชัดว่าเล่มไหนเป็นเล่มที่องค์หลวงปู่อธิษฐานให้
เมื่อเห็นดังนั้นจึงได้ขออนุญาติจัดสร้างพระขรรค์ชุดนี้ขึ้นมา เดิมทีตั้งใจจะทำ 200 ชุด โดยออกแบบให้มีลักษณะของมหาอาวุธชั้นสูง ทั้งสี่ประการ คือ พระขรรค์ แก้ว(มณี) วัชระ จักร ให้อยู่ในเล่มเดียวกัน และขอเมตตาให้องค์หลวงปู่อธิษฐานให้.. แต่ด้วยความที่ช่างหล่อนั้นล่าช้า และทำงานออกมาไม่เป็นที่ถูกใจ เพราะไม่แข็งแรง เนื่องจากบริเวณตรงด้ามกับใบพระขรรค์นั้นไม่ได้หล่อเป็นเนื้อเดียวกัน แต่กลับหล่อแยกเป็น 2 ชิ้นแล้วมาเชื่อมติดกัน จึงได้มีการสั่งให้หล่อใหม่ แต่ได้เก็บตัวอย่างของพระขรรค์ที่ทำขึ้นมาแล้วไว้จำนวนหนึ่ง จากจำนวนที่องค์หลวงปู่ได้อธิษฐานจิตเอาไว้แล้ว ได้เล่มใหญ่ 20 เล่ม และเล่มเล็กอีกประมาณ 60 เล่ม ที่เหลือได้นำไปให้ช่างหล่อหลอมใหม่ แต่ด้วยความที่ช่างขาดการใส่ใจจึงทำให้งานหล่อพระขรรค์ชุดใหม่นี้ล่วงเลยไปจนองค์หลวงปู่อาพาธ จึงยังไม่ได้สานงานนั้นต่อ ตราบจนองค์หลวงปู่ละสังขารลง
พระขรรค์รุ่นแรกนี้ จึงได้มีเพียงแค่ เล่มใหญ่ 20 เล่ม และเล่มเล็กอีกเพียงประมาณ 60 เล่มเท่านั้น และได้ทำการตอกโค๊ตอักขระขอมตัว " ธะ " กำกับที่ด้ามพระขรรค์ทุกเล่ม และเล่มใหญ่มีรันหมายเลขตั้งแต่ 0-19 กำกับเอาไว้ให้ได้รู้กันครับ..(ข้อมูลทุเรียนทอด)
ทำไม พระขรรค์ที่ออกในนามของหลวงปู่พิศดูจึงมีความศักดิ์สิทธิ์ ทรงกฤษดาอภินิหาริย์ และมีประสบการณ์กับผู้ใช้มาก ลองอ่านเรื่องนี้ดูครับ..
#ปฐมเหตุแห่งการสร้างพระขรรค์แก้ววัชรจักร..
(จริงๆเรื่องราวพระขรรค์คู่บารมีหลวงปู่ นี้ลูกศิษย์ที่อยู่ใกล้ท่านก็ต่างทราบกันดี แต่ผมจะขอนำคำบอกเล่าของลูกศิษย์รุ่นเก่าๆของหลวงปู่มาถ่ายทอดให้ทราบกันอักครั้งนะครับ..)
มีพี่สมาชิกในเว็บพลังจิตท่านหนึ่ง คุณพ่อของเขาเป็นลูกศิษย์ขององค์หลวงปู่มาหลายปี ได้ pm มาคุยเรื่องของหลวงปู่ให้ฟังว่า..สมัยที่คุณพ่อของเขายังมีชีวิตอยู่ เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ยุคเก่า และได้เคยไปปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่ที่วัดหลายครั้ง และได้นำเรื่องบางตอนมาถ่ายทอดให้ทราบ ผมขออนุญาตพี่เขาแล้ว จึงนำมาถ่ายทอดต่อดังนี้..
" อ๋อครับ พอดีพ่อผมเป็นลูกศิษย์รุ่นแรกๆของหลวงปู่ ผมจำคำของพ่อได้ว่า พ่อเคยเล่าให้ผมฟัง
คิดว่าพ่อไปคุยกับหลวงปู่บนกุฎิริมน้ำ เมื่อ 20 ปีที่แล้ว
ตอนที่คุณพ่อผมได้ไปกราบท่านใหม่ๆ พ่อเล่าว่า
สมัยหลวงปู่ท่านมาอยู่วัดเทพธารทองใหม่ๆ มีพระขรรค์ลอยมาที่วัด พ่อบอกว่าเป็นของเทวดานำมาถวาย
กลางคืนเทวดาต่างๆจะมาสนทนากับหลวงปู่ทุกคืน หลวงปู่จะไม่ค่อยได้จำวัด
พ่อมักจะบอกกับผมว่าหลวงปู่ท่านสำเร็จแล้ว(สำเร็จอรหันต์)
เพราะว่าพ่อเป็นนักปฏิบัติธรรม ทำสมาธิเลยคุยกับหลวงปู่รู้เรื่อง
ส่วนผมตอนนั้นผมยังเด็กมาก ผมเลยสงสัยถึงพระขรรค์
และคิดว่าชนวนน่าจะมาจากพระขรรค์ในตำนานที่พ่อเคยเล่าให้ผมฟังหรือเปล่า
แต่ผมไม่รู้ละเอียดมากนะครับ พ่อผมจะรู้เป็นส่วนใหญ่แต่พ่อผมก็เสียไปแล้ว.. "
#ทุเรียนทอด : สาธุ.. เรื่องนี้หลวงปู่ท่านก็เคยเล่าให้ฟังเหมือนกันครับ เรื่องพระขรรค์ท่านบอกว่าท่านได้มาตั้งแต่มาอยู่วัดแรกๆ เป็นพระขรรค์เล่มสีทอง แต่คงไม่ใช่พระขรรค์ของมนุษย์เราแบบนี้ คงเป็นพระขรรค์ทิพย์ที่ท่านสามารถใช้ได้ผู้เดียว เป็นของคู่บารมีท่าน นั่นแหละครับจึงเป็นที่มาของการสร้างพระขรรค์ทั้งสองรุ่น อีกอย่างหลวงปู่ท่านเคยดำหริว่าให้สร้างศาสตราวุธ คณะลูกศิษย์ก็เลยจัดสร้างเป็นพระขรรค์ขึ้นมา ดังตำนานที่กล่าวครับ.. หลวงปู่ท่านจะเรียกพระขรรค์ของท่านว่า " #ศาสตราวุธเล่มทอง " ท่านเคยบอกว่า " เราได้ศาสตราวุธนี้มา ใครก็ทำอะไรเราไม่ได้ เพราะเรามีศาสตราวุธเล่มทองไว้ป้องกัน และสามารถปราบได้ทั้งหมด..."
อันนี้ก็คล้ายๆกับประวัติของท่านครูบาเจ้าศรีวิชัย ที่ท่านได้ดาบสหรี๋กัญไชยจากเทวดา ไม่ว่าใครจะคิดร้ายก็จะแพ้ภัยไปเอง โดยที่ท่านไม่ต้องทำอะไรเลย ทั้งนี้ผมคิดว่า มหาศาสตราคมเหล่านี้ ที่พ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านได้ไว้ อาจไม่ใช่อาวุธที่มีอานุภาพประหัตประหารศัตรูหมู่มารเพียงอย่างเดียว แต่ว่าเป็นยิ่งกว่านั้น คือเป็น ธรรมาวุธ ที่ยิ่งกว่าอาวุธทั้งปวง แบบที่เรียกว่าไม่ต้องหยิบออกมาใช้ฟาดฟัน ศัตรูผู้คิดร้ายก็พ่ายแพ้ไปด้วยบารมีธรรมเสียแล้ว เป็นของคู่บารมี ที่เกิดจากบารมีธรรมของท่านที่สั่งสมมาล้วนๆ เพราะพ่อแม่ครูอาจารย์เหล่านั้น ท่านล้วนแต่เป็นพระอริยฝ่ายปราบ(มาร)ทั้งสิ้น แถมยังเป็นลูกศิษย์ของพระมหาอุปคุต พระอนุพุทธะผู้พิชิตมาร... ผมก็ลองมานึกๆดู หากท่านครูบาอาจารย์เหล่านั้นท่านอธิษฐานพระขรรค์ มีดหมอ หรือศาสตราวุธใดๆแล้ว ท่านก็คงอธิษฐานเอาธรรมาวุธของท่านมาใช้เป็นองค์พระธาน เพื่อทำให้ของเหล่านั้นมีความศักดิ์สิทธิ์ประดุจมี ธรรมาวุธคู่บารมีของตนๆ สำหรับผู้ที่ได้มีวาสนารับของนี้ไปนั่นแหละครับ..

 

พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ปิดเเล้วครับ


พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ
ตามตำรากล่าวไว้ว่า ต้องใช้วัสดุในการจัดสร้างจากไม้มหามงคล 3 ประการ คือ

1.ไม้โพธิ์นิพพาน ให้ใช้กิ่งที่ชี้ไปทางทิศตะวันออก และห้ามไปตัดไปโค่นลง
2.ไม้ยอป่าที่เกิดงอกกลางตอไม้
3.ไม้คูณที่ตายพราย คือ เป็นต้นไม้คูณที่ตายไปเองโดยธรรมชาติ

ส่วนที่นำมาสร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ถวายให้องค์หลวงปู่อธิษฐานนั้นเป็นไม้โพธิ์ในวัดเทพธารทองที่หักลงมาเอง ในวันที่หักลงมานั้นเป็นวันพระด้วย ถ้าหากผมจำไม่ผิดวันที่หักลงมาเป็นวันพระ ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 1 (ผลลับ+กัน= 9) ซึ่งก็น่าแปลกอีกเช่นกันว่า ต้นโพธิ์ต้นนี้เป็นแขนงต้นโพธิ์จากประเทศอินเดีย นำมาปลูกที่วัดเทพธารทอง ในวันที่ 9 เดือน 9 เวลา 9 โมง 9 นาที ซึ่งตอนที่กิ่งโพธิ์นี้หักลงมามีลมพายุพัดแรง เสียงกิ่งโพธิ์หักลงมาเสียงดังสนั่น หลวงปู่ท่านจึงสั่งให้ให้จัดการ เลื่อยเก็บเอาไว้ และให้ทำไม้เท้ามาถวายให้ท่านด้วย ที่เหลือก็ไปจัดการกันเอาเองหลวงปู่อนุญาติ และหวยงวดนั้นก็ยังออก 09 อีกด้วย หลายคนก็ได้โชคลาภกันไป
พอเก็บไม้โพธิ์นิพพานกิ่งนี้ไว้หลายปีจนแห้งสนิทดีแล้วจึงได้นำมาแกะสลักเป็น พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ได้จำนวน 12 องค์ โดยลักษณะเป็นรูปพระลอยองค์ปางสมาธิมีพระพักตร์ 9 หน้า หมายถึงท่านมหาเศรษฐีทั้ง 9 องค์ซึ่งล้วนเป็นพระอริยะบุคคลขั้นโสดาบัน
ท่านมหาเศรษฐีทั้งเก้าท่าน มีรายนามดังนี้

1.ธนัญชัยมหาเศรษฐี

2.ยัสสะมหาเศรษฐี

3.สุมนะมหาเศรษฐี

4.ชฏิสัสสะมหาเศรษฐี

5.อนาถบิณฑิกะมหาเศรษฐี

6.เมณฑกะมหาเศรษฐี

7.โชติกะมหาเศรษฐี

8.สุมังคละมหาเศรษฐี

9.พระนางวิสาขา มหาอุบาสิกา

ซึ่งมีเคล็ดลับอยู่อย่างหนึ่งคือ เวลาสร้างเป็นรูปพระพักตร์ท่านมหาเศรษฐีทั้ง 9 นั้น พระพักตร์เพียง 1 องค์ ใน 9 องค์ จะไม่มีพระเกศเพราะเป็นรูปสมมุติของสตรีเพศ(พระนางวิสาขา)

พอแกะเป็นรูปองค์พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ เสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงนำมาบรรจุมวลสารมหามงคลอย่างยิ่ง เช่น เกศาพระอริยะเจ้าที่มีมหาบารมีสูงส่ง 9 องค์ ได้แก่
- เกศาสมเด็จพระสังฆราช
- เกศาหลวงปู่ภัททันตะ อาสภะเถระ
- เกศาหลวงตาพระมหาบัว
- เกศาครูบาพรหมมา พรหมจักรโก
- เกศาหลวงปู่พิศดู ธมฺมจารี
- เกศาหลวงปู่จาม
- เกศาครูบาชัยวงศาพัฒนา
- เกศาพระราชพรหมญาณ (ฤาษีลิงดำ)
- เกศาครูบากฤษดา สุเมโธ
(ในจำนวนพระเกศาอริยะธาตุเหล่านี้ มีทั้งพระอรหันต์ และพระอริยะมหาโพธิสัตว์)
และบรรจุผงพุทธะมงคลขององค์หลวงปู่พิศดู และมวลสารต่างๆที่เป็นสุดยอดของแต่ละสำนัก ที่คัดสรรแล้วว่าเป็นสายพุทธคุณ และทางเมตตาล้วนๆ จากนั้นจึงทำการปิดประทับด้วยแผ่นเงินบริสุทธิ์ ตอกโค๊ตกำกับ
และได้นำเข้าขอความเมตตาจากองค์หลวงปู่พิศดูอธิษฐานจิตให้ ตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ.2553 ซึ่งตรงกับวัน พฤหัสบดี ขึ้น 9 ค่ำเดือน 9 เวลา 9 โมง 9 นาที เป็นต้นไปจนถึงวันสมโภชน์ในวันพิธี ตักบาตรพระมหาอุปคุต ในวันเพ็ญพุธขึ้น 15 ค่ำ และองค์หลวงปู่ยังอธิษฐานต่อให้อีกสองวัน รวม 9 วัน จึงนำกลับมา รวมความแล้วมีแต่ 9
องค์หลวงปู่พิศดูท่านเรียกพระชุดนี้เป็นนามมหามงคลอย่างยิ่งว่า พระล้านโกฏิ มหาเศรษฐี .
จากนั้นได้ส่งพระขึ้นไปทางภาคเหนือให้ช่างได้แกะสลักฐานด้วยงาช้างแท้ๆ หุ้มที่ฐานพระอีกทีหนึ่ง และเคลือบด้วยสีผึ้งสุริยะคลาส จึงนำขึ้นขอความเมตตาท่านครูบากฤษดา วัดสันพระเจ้าแดง สวดสรรเสริญคุณให้อีกรอบ และท่านยังเมตตาจารอักขระใต้ฐานที่เป็นงาช้างด้วยยันต์ ผู้ชนะสิบทิศ ซึ่งเป็นยอดแห่งยันต์ทั้งปวง ซึ่งยันต์นี้เป็นอักขระตั๋วเมือง ถอดเป็นหัวใจพระหัวใจธรรมอริยะชั้นสูง ใครผู้ใดมีไว้ครอบครองสักการะบูชาจะชนะอุปสรรคทั้งหลายทั้งปวง ไม่มีใครทำอันตรายแก่ผู้บูชายันต์นี้ได้ จะไปแข่งค้าขาย หรือแข่งขันอันใดขอให้เชื่อมั่นในพุทธานุภาพอย่างจริงใจ ไม่มีคำว่าพ่ายแพ้เลยแล


คาถาบูชาพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ (ทุกสำนัก)

ตั้งนะโมตัสสะฯ 3 จบ

มาขะโย มาวะโย มัยหัง มาจะโกจิ อุปัททะโว

ธัญญะธารานิ ปะวัสสันตุ ธนัญชัย ยัสสะยะถาคะเร

สุวัณณานิ หิรัญญาจะ สัพพะโภคา จะ รัตตะนา

ปะวัสสันตุ เม เอวังคะเร สุมะนะ ชะฎิสัสสะ

จะอะนาถะบิณฑิกะ เมทะ กัสสะ โชติกะ สุมังคะ สัสสะ

จะ มัณฑาตุ เวสสันตะ รัสสะ ปะวัสสันติ ยะถาคะเร

เอเตนะ สัจจะ วัชเชนะ สัพพะ สิทธิ ภะวัน ตุ เม

ซึ่งวิชาการสร้างและเสกพระมหาเศรษฐีนวโกฏินี้เป็นวิชาที่สูงมาก แรงมาก ผู้ที่จะทำการเสกนั้นต้องประกอบด้วยมหาบารมีธรรมชั้นสูงจริงๆจึงจะทำได้สำเร็จ ไม่ใช่เพียงแค่สร้างเป็นรูปลักษณ์สวยงามและเข้าพิธีปลุกเสกตามอย่างพระเครื่องทั่วๆไปไม่ เพราะถ้าทำได้เพียงแค่นั้นอานุภาพที่ได้ก็ไม่ถึงครึ่งของสิ่งที่ควรจะเป็น ส่วนมากผู้ที่จะทำพระมหาเศรษฐีนวโกฏิสำเร็จ ต้องเป็นพระอริยะบุคคลขั้นใดขั้นหนึ่งและจะต้องมีบารมีธรรมที่ถึงพร้อม และสามารถอัญเชิญบารมีธรรมของท่านอริยะมหาเศรษฐีทั้ง 9 ท่าน มาสถิตได้อย่างแน่นอนด้วย จึงจะสมเหตุสมผล
ผมจึงขอลงประวัติการสร้างเครื่องรางชั้นสูงที่มีองค์หลวงปู่ และท่านครูบากฤษดาเป็นผู้อธิษฐานไว้ ซึ่งได้บังเกิดขึ้นอีกวาระหนึ่งแล้ว ด้วยประการทั้งปวง จะได้เป็นหลักฐานยืนยันว่ามีการสร้างอยู่จริง แต่เราคงไม่ต้องไปหาที่ไหนเพราะว่าสร้างจำนวนทั้งหมดแค่ 12 องค์เท่านั้น คงหาไม่ได้แน่นอน เพียงแต่.. ผมและทุกท่านก็คงได้แต่อนุโมทนา สาธุ กับท่านผู้โชคดี และผู้สร้างทุกท่านมา ณ โอกาสนี้เท่านั้นครับ สาธุ

 

พระปัจเจกโพธิ์ (สีเขียว) หลวงปู่พิศดู

พระชุดนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2552 โดยคณะศิษย์ท่านครูบากฤษดา โดยได้มีผู้ร่วมบริจาคมวลสารเพื่อใช้สร้างอย่างมากมายคับคั่งมากๆ ทั้งนี้สำเร็จได้ด้วยการร่วมแรงร่วมใจกัน เจตนาการสร้างก็สำเร็จเต็มร้อยครับตอนที่นำพระไปถวายองค์หลวงปู่พิศดู ท่านได้ร่วมอนุโมทนาบุญด้วย และยังสั่งให้ยกไปวางไว้ที่บนหัวเตียงนอนของท่าน โดยก็บอกว่า "นี่ของดี พระปัจเจกโพธิโปรดสัตว์"

โดย รูปแบบ พิมพ์ทรงสี่เหลี่ยม องค์พระจำลองมาจากรูปหล่อองค์พระปัจเจกโพธิเก่าแก่ ของวัดสันพระเจ้าแดง จ.ลำพูน ประทับนั่งอยู่ในซุ้มประตูทรงคล้ายเสมามีข้อความพิเศษว่า "สติ" ส่วนอักขระตัวเมืองด้านล่างสุดบริเวณฐาน อ่านว่า พระปัจเจกโพธิพระชุดนี้สร้างออกมาหลายวรรณะ(สี)ด้วยกัน แต่สีเขียวเป็นสีเฉพาะขององค์หลวงปู่เอง สร้างทั้งหมด ประมาณ 3,000 องค์

สาเหตุ หลักที่สร้างเป็นพระปัจเจกโพธินั้น ความหมายอีกนัยหนึ่งก็คือ ภูมิธรรมขององค์หลวงปู่พิศดูนั้น ท่านปราถนาเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้ามาแต่เดิม คล้ายกับหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล จวบจนบารมีธรรมของท่านเต็มที่ และเห็นว่าความเกิด ความแก่ ความเจ็บ นำมาซึ่งความทุกข์ทั้งปวง จึงเกิดความเบื่อหน่ายในชาติภพ จึงได้ถอนความปราถนาพระปัจเจกฯสำเร็จเป็นพระอรหันต์ในชาตินี้
พระ ผงปัจเจกโพธิรุ่นนี้ยิ่งได้พระอรหันต์พิเศษผู้มีความปราถนาซึ่งพระปัจเจก ภูมิเดิมเป็นผู้อธิษฐานจิตด้วยแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องบรรยายสรรพคุณให้มากนัก พระรุ่นนี้ครูบาอาจารย์บอกว่า..ศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่ยังไม่เสกแล้ว เพราะเจตนาดี มวลสารก็ดี ท่านจึงตั้งชื่อรุ่นให้ว่า " รุ่น สมปราถนา " เรียก ได้ว่าเหมือนดั่งได้มหาบารมีธรรมของพระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอริยะปัจเจกภูมิ อัดพลังครอบลงไปแบบเต็มๆ นับว่าตรงสายอย่างที่สุด...

สำหรับ พระผงปัจเจกโพธิ์นี้จัดว่าเป็นสิ่งมงคลวัตถุที่ดีมาก เป็นของสูง ตั้งแต่ท่านแจกออกไป ก็ได้สร้างประสบการณ์ เรื่องโชคลาภซึ่งมีมากมายในหมู่ลูกศิษย์ และผู้ศรัทธาทั่วไป

สำหรับการบูชาพระผงปัจเจกโพธิ์นั้น สามารถบูชาควบคู่กับคาถาพระปัจเจกโพธิของหลวงปู่ปาน ได้เลย โดยควรจะบูชา 3, 5, 7, 9 จบ ตามแต่ถนัด แต่ควรจะให้สม่ำเสมอไม่ลดลง ถ้าจะให้ได้ผลดียิ่งๆขึ้นควรบูชาพระทุกเช้า ค่ำ และทำบุญตักบาตรเป็นประจำ จะช่วยเพิ่มพูนโภคทรัพย์สมบัติ โชคลาภ อำนาจวาสนา อยู่เย็นเป็นสุขยิ่งๆขึ้นไป ด้วยมหาบารมีธรรมของพระปัจเจกโพธิ ที่เลิศทั้งในทางลาภ และทางฤทธิ์เป็นอเนกอนันต์..

คาถาพระปัจเจกโพธิ (ของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค)
(ตั้งนะโม 3 จบ)
พุทธะ มะอะอุ นะโมพุทธายะ
วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย
พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สะวาโหม

 

เบี้ยแก้รุ่น 2 หลวงปู่พิศดู ปิดเเล้วครับ

- เบี้ยแก้รุ่น2 จัดสร้างในปี พ.ศ.2551 สร้างขึ้นเพราะว่าเบี้ยแก้รุ่นแรกนั้นไม่พอแจกลูกศิษย์ มีบางคนที่ยังไม่ได้ จึงสร้างรุ่น2 ออกมาอีก กรรมวิธีการสร้างก็คล้ายกันกับเบี้ยแก้รุ่นแรก แต่เบี้ยแก้รุ่นนี้ได้นำเข้าขอความเมตตาจากหลวงปู่ดี ธัมมะธีโร วัดเทพากร อธิษฐานจิตให้เป็นปฐม ก่อนจะนำมาถวายให้หลวงปู่พิศดูอธิษฐานจิตและแจกต่อไป โดยทางวัดจะตอกโค๊ตไว้เป็นสัญลักษณ์เพื่อให้แยกแยะกันได้ชัดเจน ระหว่างรุ่นแรก กับรุ่นสอง และไม่มีการถักเชือกหุ้มครับ เบี้ยแก้รุ่น2 สร้างทั้งหมด 120 ตัว

- ตอกโค๊ต 2 ตัวซ้าย-ขวา และตอกเลข ๒ ข้างล่าง เพื่อให้รู้ว่าเป็น รุ่นสอง

- ตอกโค๊ต และเลข ๒ ๒ ตัว มีเพียง 15 ตัว เพื่อมอบสำหรับผู้ที่บริจาคปัจจัย เพื่อหาซื้ออุปกรณ์ในการสร้างครับ )

หมายเหตุ: โค๊ตตัวที่ใช้ตอกเป็นสัญลักษณ์ดังกล่าว ได้ใช้ตอกในวัตถุมงคลบางอย่างของหลวงปู่ด้วย เช่น เหรียญพระอุปคุต พระรูปเหมือนขนาดบูชา เบี้ยแก้ ฯลฯ ปัจจุบันโค๊ต ได้ทำลายลงไปแล้ว จึงสบายใจได้ถึงเรื่องของเสริม ว่าจะไม่มีแน่นอน เบี้ยแก้ของหลวงปู่จึงสามารถบูชาได้เป็นมาตรฐานครับ ฯลฯ

 

เปิดเเบ่งบูชา ครับ
ล็อกเก็ตพระอุปคุตมหาลาภ
ล็อกเก็ตชุดนี้ คณะศิษย์ทางกรุงเทพฯ มีความศรัทธาในองค์หลวงปู่ จึงได้ขออนุญาติจัดสร้าง เมื่อปี พ.ศ.2553 เพื่อแจกไว้บูชาสำหรับคนในครอบครัว ญาติสนิทมิตรสหาย และวงศ์วานว่านเครือ และส่วนหนึ่ง ได้ถวายให้วัดเทพธารทองด้วย..
จำนวนพระที่สร้างมีดังนี้..
ล็อกเก็ตใหญ่ฉากสีเขียว 120 องค์
ล็อกเก็ตใหญ่ฉากสีขาว 220 องค์
ล็อกเก็ตเล็กฉากสีเขียว 120 องค์

ด้านหลังจะมีการบรรจุมวลสาร และการฝังของมงคลอยู่ 2 ลักษณะครับ แบ่งเป็น..
- มวลสารสีเข้ม สีออกดำ = เจ้าภาพบรรจุเอง (ส่วนใหญ่จะฝังเหรียญพระอุปคุตจิ๋ว ก้อนมวลสาร ผงตะไบพระ...)
- มวลสารสีไม่เข้มมากนัก สีออกน้ำตาล = ทางวัดบรรจุเอง (ส่วนใหญ่จะฝังเหรียญพระอุปคุตจิ๋ว ตะกรุด จีวร เม็ดกริ่งธัมมะจารี ข้าวสารดำ...)

แต่ว่าเป็นมวลสารตัวเดียวกัน อาจต่างกันตรงตัวประสานเนื้อเท่านั้นครับ..

จึงได้อธิบายเอาไว้ เผื่อท่านใดไปพบเข้า อาจสงสัยว่าทำไมถึงฝังไม่ค่อยเหมือนกันครับ..

 

เปิดเเบ่งบูชา ครับ
ล็อกเก็ตพระอุปคุตมหาลาภ
ล็อกเก็ตชุดนี้ คณะศิษย์ทางกรุงเทพฯ มีความศรัทธาในองค์หลวงปู่ จึงได้ขออนุญาติจัดสร้าง เมื่อปี พ.ศ.2553 เพื่อแจกไว้บูชาสำหรับคนในครอบครัว ญาติสนิทมิตรสหาย และวงศ์วานว่านเครือ และส่วนหนึ่ง ได้ถวายให้วัดเทพธารทองด้วย..
จำนวนพระที่สร้างมีดังนี้..
ล็อกเก็ตใหญ่ฉากสีเขียว 120 องค์
ล็อกเก็ตใหญ่ฉากสีขาว 220 องค์
ล็อกเก็ตเล็กฉากสีเขียว 120 องค์

ด้านหลังจะมีการบรรจุมวลสาร และการฝังของมงคลอยู่ 2 ลักษณะครับ แบ่งเป็น..
- มวลสารสีเข้ม สีออกดำ = เจ้าภาพบรรจุเอง (ส่วนใหญ่จะฝังเหรียญพระอุปคุตจิ๋ว ก้อนมวลสาร ผงตะไบพระ...)
- มวลสารสีไม่เข้มมากนัก สีออกน้ำตาล = ทางวัดบรรจุเอง (ส่วนใหญ่จะฝังเหรียญพระอุปคุตจิ๋ว ตะกรุด จีวร เม็ดกริ่งธัมมะจารี ข้าวสารดำ...)

แต่ว่าเป็นมวลสารตัวเดียวกัน อาจต่างกันตรงตัวประสานเนื้อเท่านั้นครับ..

จึงได้อธิบายเอาไว้ เผื่อท่านใดไปพบเข้า อาจสงสัยว่าทำไมถึงฝังไม่ค่อยเหมือนกันครับ..

 

มาใหม่ครับ 29-06-2561 สนใจโทรสอบถามนะครับ 084-0943672

 

มาใหม่ครับ 29-06-2561 สนใจโทรสอบถามนะครับ 084-0943672

 

มาใหม่ครับ 29-06-2561 สนใจโทรสอบถามนะครับ 084-0943672