วิชชาดวงธรรมบรรลุ

สวัสดีครับคุณกวง
ไม่ได้เจอกันนานเลยครับ
คุณกวงไปเรียนวิชานี้หรือครับ

 

อนุโมทนา ครับ
สงสัยเล็กน้อยครับ

อาจารย์ จเร ดวงธรรม (เกิดผล)
หมายถึง นามสกุล ดวงธรรม แต่นามสกุล ก่อนหน้านี้ เกิดผล
ใช้หรือเปล่าครับ

 

สวัสดีครับพี่ใหญ่สบายดีนะครับ ช่วงก่อนขึ้นเชียงใหม่ครับไม่ค่อยอยู่กรุงเทพ

วิชชานี้ผมเรียนมาก่อนที่จะเจอพี่ใหญ่ครับ

 

นามสกุลจริงของท่านคือเกิดผล ส่วนดวงธรรมนั้นคือฉายาท่านครับ

 

วิชาของพระพุทธเจ้าจริงไหมหน่อ - -"

 

น่าสนใจดีครับ ไปเรียนได้ทีไหนหรอครับ

 

น่าสนใจครับ

แล้วการเรียนวิชานี้สามารถทำให้เราหลุดพ้นได้อย่างไรบ้างหนะครับ หรือได้เพียงความเป็นทิพย์อย่างเดียวใช้แล้วความเป็นทิพย์ศึกษาต่อตามบารมีของแต่ล่ะคนหนะครับ

 

การเรียนวิชชานี้ไม่สามารถทำให้เราหลุดพ้นได้ครับ

แต่เป็นเส้นทางที่ช่วยทำให้เราหลุดพ้นครับ เป็นวิชชาที่มีไว้ช่วยสงเคราะห์คนที่ตกทุกข์ได้ยาก(โดยมีกรรมเป็นตัวกำหนดในการช่วยเหลือ)เป็นการสร้างบุญบารมี

ที่สำคัญผู้ที่เรียนวิชชานี้จะต้องมีศีล 5 เป็นอย่างน้อย ยึดหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นหลักจึงสามารถทำให้เราหลุดพ้นได้ครับ

 

สำหรับท่านที่อยากเรียนวิชชานี้เพื่ออยากมีฤทธิ์ อยากเท่ห์อย่ามาเรียนเลยครับ เพราะวิชชานี้มีไว้ช่วยคน

มีหลายท่านมาเรียนแล้วแต่ยังไม่สำเร็จก็หลงตัวเองคิดว่ามีฤทธิ์แล้ว

ข้อดีอย่างนึงหลังจากได้รับวิชชานี้ก็คือคุณไสยไม่เข้า

ในส่วนของการอธิษฐานจิตขอบารมีหรือที่เรียกกันว่าปลุกเสกนั้นถือว่าเป็นเรื่องเบสิกมากในวิชชานี้ ซึ่งส่วนสำคัญก็คือสมาธิจิตนั้นเอง จิตที่คิดอยากเท่ห์อยากอวดยังงัยก็ปลุกเสกไม่ขึ้นครับ

บางคนเรียนก็ว่าวิชชาไม่ดีบ้างเหมือนโทษครูบาอาจารย์ทั้งที่ยังเรียนไม่สำเร็จ

ผมจึงเห็นว่าควรจะศึกษาอย่างถ่องแท้ก่อนที่จะตัดสินและลบหลู่วิชชานี้

 

<meta http-equiv="Content-Type" content="text/html; charset=utf-8"><meta name="ProgId" content="Word.Document"><meta name="Generator" content="Microsoft Word 11"><meta name="Originator" content="Microsoft Word 11"><link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <wunctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <wontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} @font-face {font-family:"Cordia New"; panose-1:2 11 3 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:14.0pt; font-family:"Cordia New"; mso-fareast-font-family:"Cordia New"; mso-bidi-font-family:"Angsana New";} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->[FONT=&quot] ๓๒ ภาษา[/FONT][FONT=&quot]ภาษาธรรม[/FONT][FONT=&quot] นั้นมีเป็นภาษาต่างๆไม่ว่าจะเป็นภาษาจีน ไทย เขมร อิสลาม รวมถึงภาษาคูโบ๊ตภาษาโด่งแม้แต่ภาษาองค์ภาษาขององค์เทพต่างๆ [/FONT][FONT=&quot]ภาษานกและ[/FONT][FONT=&quot]ภาษาสัตว์ต่างๆ[/FONT]

 

[FONT=&quot]อาจารย์ จเร ดวงธรรมกับ[/FONT][FONT=&quot]วัดอ่างศิลา

[/FONT][FONT=&quot]หลังจากอาจารย์ จเร ดวงธรรม ท่านได้รับการถ่ายทอดวิชชาแล้วท่านก็ไม่ได้ลดละท่านก็ๆได้ฝึกฝนและศึกษากับท่านอาจารย์ เกษม มาตลอดและจนอาจารย์จเรท่านได้อุปสมบท ณ วัดอ่างศิลา จังหวัด ชลบุรี โดยมีหลวงพ่อพูนทรัพย์ทรัพย์ กันตสีโล เป็นเจ้าอาวาสในขณะนั้น เมื่อปี ๒๕๔๐ นี่เองอาจารย์จเรเมื่อท่านได้อยู่กับหลวงพ่อท่านได้แบ่งเบาให้กับหลวงพ่อมากและอาจารย์จเรท่านก็เริ่มช่วยเหลือญาติโยมในละแวกนั้นเรื่อยมาในในเขตบริเวณนั้นรู้จักท่านเป็น[/FONT]<link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <wunctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <wontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} @font-face {font-family:"Cordia New"; panose-1:2 11 3 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:14.0pt; font-family:"Cordia New"; mso-fareast-font-family:"Cordia New"; mso-bidi-font-family:"Angsana New";} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> อย่างดีอาจารย์จเร แห่งวัดอ่างศิลาท่านบวชอยู่กับหลวงพ่อพูนทรัพย์ ท่านเคารพนับถือหลวงพ่อพูนทรัพย์มาก เพราะหลวงพ่อท่านเป็นพระที่มีแต่ความเมตตา ปราณีและเป็นพระที่พัฒนาจริง ๆ ในทุก ๆ ด้าน ปัจจัยที่ท่านได้มาก็บูรณะวัดสร้างวัดจนหมด บางครั้งท่านย่อมอดเพื่อสร้างให้ได้สำเร็จเพื่อความสบายใจของท่านหลวงพ่อท่านเป็นพระที่น่านับถือและเลื่อมใสจริงๆเป็นพระที่ควรแก่การกราบไหว้บูชาเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อท่านอยู่ที่วัดอ่างศิลาท่านอาจารย์ จเรท่านได้กระทำพิธีล้างอาถรรพ์ต่าง ๆ ให้กับลูกศิษย์ของท่านที่ตกทุกข์และที่ถูกอาเพศ ถูกกระทำย่ำยี วิญญาณร้ายแฝงกาย

จนกระทั่งท่านได้สึกออกมาและมารับราชการตามเดิมแต่ท่านก็มิได้ละทิ้งเสียซึ่งกระทำที่จะช่วยปัดเป่าสิ่งเลวร้ายหรือสิ่งไม่ดีที่จะเกิดกับตัวท่านได้ท่านอาจารย์จเรท่านยังรับใช้ประชาชนทุกท่านเหมือนเดิม เพราะเราเป็นมนุษย์ที่จะต้องช่วยเหลือและปัดเป่าสิ่งไม่ดีให้กับเขาเพราะว่าตัวเรามีดีที่จะต้องทำให้เขา <o></o>

 

เหตุเกิด[FONT=&quot]ณ วัดอ่างศิลา[/FONT]
[FONT=&quot]
ในระหว่างที่[/FONT][FONT=&quot]อาจารย์ จเร[/FONT][FONT=&quot]อุปสมบทอยู่[/FONT][FONT=&quot]ณ วัดอ่างศิลา[/FONT][FONT=&quot]นั้นได้พบปาฏิหาริย์ต่างๆมากมายเช่น

ได้พบหลวงปู่แตง เดินออกมาจากภาพวาดขณะกำลังนั่งกรรมฐานในพระโบสถ ซึ่งตอนนั้นท่านยังไม่รู้ว่าเป็นใคร

อันหลวงปู่แตงนั้นท่านเป็น[/FONT]ต้นตำหรับการปลุกเสกวิชาเขี้ยวเสือและยังเป็นพระอาจารย์ของพระเกจิดังๆหลายรูปครับเช่น ท่านเจ้าคุณศรี วัดอ่างศิลา หลวงปู่อี๋ วัดสัตหีบ หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย จ.สมุทรปราการ หลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก

หลังจากนั้นก็พบเขี้ยวเสือหลวงปู่แตง ขณะนั้นพระลูกวัดรูปหนึ่งกำลังทำความสะอาดพระอุโบสถอยู่ ได้มีเขี้ยวเสือตกลงมา จึงนำมาให้[FONT=&quot]อาจารย์ จเร[/FONT] ดู ลักษณะของเขี้ยวเสือนี้ช่วงเขี้ยวนั้นแหลมคมมาก [FONT=&quot]อาจารย์ จเรจึงตั้งจิตอธิษฐานว่าถ้าเป็นของหลวงปู่แตงจริงต้องกรีดแขนไม่เข้าแล้วจึงกรีดแขนตัวเองบริเวณใต้ท้องแขน[/FONT]โดยกดและกรีดอย่างแรงปรากฎว่าไม่เข้า

อีกทั้งยังพบตำราใบลานเก่าของเจ้าคุณศรี วัดอ่างศิลาและหลวงปู่อี๋ วัดสัตหีบในตำราจะมีทั้งอักขระเลขยันต์และบันทึกตำรายา

 

สำหรับท่านที่สนใจอ่านเพิ่มเติมสามารถหาอ่านได้จากหนังสือพุทธามหาเวท

มีลูกศิษย์สายวิชชาดวงธรรมอยู่ท่านหนึ่งซึ่งทึ่งในวิชชานี้อย่างสูงหลังจากเล่าเรียนวิชชามาหลายสำนักแล้ว ได้นำเรื่องราวของท่านอ.เกษมและท่านอ.จเรไปลงในหนังสือพุทธามหาเวทนะครับ

 

หลวงปู่พรหมา เขมจาโร อริยะสงฆ์ผู้เรียนวิชชาดวงธรรมบรรลุจากสมเด็จลุน

ประวัติหลวงปู่พรหมา เขมจาโร



หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร เป็นคนบ้านกุษกร ต.กุษกร อ.ตระการพืชผล เกิดเมื่อพ.ศ.2440 บวชเป็นสามเณรเมื่ออายุ12 ปี จากนั้นได้ศึกษาพระธรรมวินัยและวิชากับสมเด็จลุน ที่เวินชัยนคร จำปาศักดิ์ นานถึง 6 พรรษา หลังจากที่สมเด็จลุนได้มรณภาพลง หลวงปู่พรหมมาก็ได้ร่วมเดินธุดงค์พร้อมกับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลังจากนั้นคณะพระธุดงค์ก็แยกย้ายกันไปหาสถานที่อันสงบเงียบบำเพ็ญภาวนาหา วิเวกกันต่อไป ส่วนหลวงปู่พรหมมาได้จำพรรษาที่ถ้ำแห่งหนึ่งบนยอดภูเขาควายนานถึง 45 พรรษา ต่อมาได้ธุดงค์ข้ามมายังฝั่งไทย เมื่อปีพ.ศ.2533 หลวงปู่พรหมมาได้เห็นว่าถ้ำสวนหิน ภูกระเจียว ในวันเดือนหงายจะมีสัตว์ป่านานาชนิดวิ่งกันขวักไขว่ จึงได้พักบำเพ็ญเพียรแต่นั้นมา ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เคยเสด็จฯมานมัสการหลวงปู่พรหมมาถึง 2 ครั้ง โดยก่อนจะมรณภาพหลวงปู่ได้ดูแลชาวบ้านดงนาและใกล้เคียงเพื่อพัฒนาในบางส่วน ให้เรียบร้อยสวยงามโดยเน้นการรักษาป่าสงวนฯ

..... หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร สำนักสงฆ์ถ้ำสวนหินแก้ว ( ผานางคอย ) ภูกระเจียว บ้านดงนา อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี ได้มรณภาพอย่างสงบด้วยโรคหัวใจเมื่อเวลา 22 นาฬิกา 11 นาที 31 วินาที ของวันที่ 23 ส.ค.2545 สิริอายุ105 ปี โดยมรณภาพ ณ วัดธาตุวราราม จ.เลย

 

ขอบคุณที่ติดตามอ่านครับ

 

อ.จเร กับพระเดชพระคุณหลวงปู่พรหมา เขมจาโร

ก่อนที่อ.จเรจะรู้จักกับหลวงปู่พรหมมานั้น ช่วงนั้นอ.จเรได้ไปฝึกภาคสนามบนเขา ในช่วงกลางคืนก็นั่งสมาธิได้เห็นหลวงปู่พรหมมาในนิมิตรถึง 3 ครั้ง แต่ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร จนฝึกภาคสนามเสร็จกลับบ้านและได้พบรูปหลวงปู่ที่บ้านญาติจึงรู้ว่าเป็นหลวงปู่พรหมมานั้นเอง

เหมือนฟ้าลิขิตหลังจากนั้นไม่นานหลวงปู่ได้ถูกนิมนต์มาที่บ้านญาติของอ.จเร ....(มีต่อครับ)

;aa12

 

โดยปกติสมัยนั้นอ.จเรเป็นคนชอบกินเหล้ามากเรียกว่าขี้เหล้าก็ว่าได้ วันที่ไปกราบหลวงปู่ อ.จเรได้ซื้อเหล้าไว้ 2 ลังเพื่อเลี้ยงปีใหม่กับเพื่อนฝูง แต่หลังจากได้กราบหลวงปู่พรหมาแล้ว เหล้า 2 ลังที่ซื้อมาเตรียมจะกินฉลองต้องยกให้เพื่อนไปหมด เนื่องจากหลังจากกลับมาอ.จเร กินเหล้าไม่เป็นซะแล้วและลาขาดจากเหล้าโดยไม่ทราบสาเหตุว่าทำไมถึงเลิกได้ นับตั้งแต่วันที่ได้พบหลวงปู่พรหมมา

....(มีต่อครับ)

 

หลังจากวันนั้นประมาณปี 2538 อ.จเร ได้เดินทางไปหาหลวงปู่พรหมมา ณ สำนักสงฆ์สวนหินผานางคอย จ.อุบลราชธานี และได้ถวายพานครูยกตนเป็นลูกท่านโดยหลวงปู่จะเรียกอ.จเร ว่าลูกและ อ.จเรจะเรียกหลวงปู่ว่าพ่อ ช่วงนั้นอ.จเรจะขึ้นไปหาหลวงปู่ทุกวันศุกร์เป็นระยะเวลาเกือบ 2 ปีเพื่อคอยปรนนิบัติรับใช้หลวงปู่

ตลอดเวลาที่อยู่รับใช้หลวงปู่ก็ได้รับการถ่ายทอดวิชาจากหลวงปู่ท่าน

....(มีต่อครับ)

 

หลวงปู่พรหมมาได้สอนวิชาพระสังข์ทองเรียกทรัพย์ คาถาเศรษฐีให้แก่อ.จเร และมักพูดถึงวิชชาดวงธรรมให้อ.จเร ฟังอยู่เสมอว่าเป็นวิชชาที่ดีมากแต่อ.จเร ก็ไม่ได้สนใจอะไร


จนกระทั่งในปี 2540 หรือหลังจากที่ไปพบอ.เกษม แล้ว 5 ปี อ.จเร จึงได้ไปขอเรียนวิชชาดวงบรรลุจากท่านอ.เกษม เนื่องจากสนใจบวกสงสัยในความมหัศจรรย์ของวิชชานี้ในช่วงนั้นอ.จเร จะเดินทางไปเรียน กิน[FONT=&quot]น้ำมนต์และปั่นธรรม[/FONT]ทุกศุกร์[FONT=&quot][/FONT] จนรับวิชชามากล้าแข็งแต่ยังไม่ได้ดวงแก้วดวงธรรม

 

การขึ้นครูธรรมของสำเร็จลุน​

(สำหรับผู้ชอบเรื่องอภินิหาร)
<O></O>​

"ท่านผู้ใดปรารถนาจะภาวนาพระไตรรัตน์ อันเกิดในกงจักรทั้งสอง ให้เอาผ้าขาวบริสุทธิ์ตั้งเป็นวงกงจักรเอกะหัตถา คือประมาณกว้างศอกหนึ่ง แล้วเอาหอระดาน (ก้อนดินสี) มาบดละเอียดดีแล้ว จึงเขียนวงกลม ๔ วงด้วยหอระดานนั้น โดยทำให้เป็นสีต่างกัน วงหนึ่งเป็นสีเขียว วงสองเป็นสีเหลือง วงสามเป็นสีขาว และวงสี่เป็นสีแสด ดังนี้แล้วจึงเอามาตั้งไว้ในที่ซ่อง (ตรง) หน้า จึงเอา ข้าวตอก ดอกไม้ และข้าว สิ่งละหนึ่งพันดอก น้ำเผิ่งจอกหนึ่ง ดอกไม้ขาว ๕ ดอก บายศรีฮ้อยหนึ่ง เทียนเล่มละบาท ๕ เล่ม ธูปสามดอกจุดไว้ น้ำสะอาด หนึ่งบาตร ทั้งหมดตั้งไว้ บูชาพระรัตนตรัยแก้วทั้ง ๓ ประการ แล้วจึงนมัสการขาบ (กราบ) ไหว้ ขอเอาพระธรรมเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ดังนี้"

ขอเรียนถามคุณกวางดังนี้ครับ
- "บายศรีฮ้อยหนึ่ง " หมายถึงบายศรีกี่อันครับ (100 หรือเปล่าไม่แน่ใจ)
- ถ้าผมอยากจะเรียน สามารถทำได้ตามวิธีที่อธิบายข้างต้นใช่มั้ย
- คาถาบทที่ ๑๗. โลกุตตรัง สุญญัง ฌานัง ตรง "สุญญัง" อ่านว่า "สุน-ยัง"
หรือ "สุน-ยะ-ยัง" หรือ "สุ-ยะ-ยัง" ครับ

โมทนาบุญด้วยครับ ที่เผยแพร่สิ่งที่ดี มีประโยชน์