วิญญาณหรือธาตุรู้นี่มันอยู่ส่วนไหนของร่างกาย

แล้วรู้หรือยังล่ะว่า ตรงกลางระหว่าง พระกับมาร คืออะไร ใครแพ้ ใครชนะ ใครไม่แพ้ ใครไม่ชนะ

ที่เป็นได้ทั้งพระทั้งมารคือใคร แล้วถ้าไม่เป็นทั้งพระทั้งมารคือใคร

 

คนไทยไม่พร้อมกับระบบจัดระเบียบวิญญาณใหม่ละมั้ง
ผมเหมือนโดนเทสระบบอยู่เลย กำๆๆ

 

ก็คนปกติไง เบื่อระบบใช้แต่เงินๆๆ
อะไรก็เงินๆๆไปหมด เงินๆๆๆ

 

เขาไม่เรียกว่า เป็นการจัดระบบใหม่อะไรหรอก แต่เป็นการเพิ่มปัญญาให้กับจิตวิญญาณทั้งหมด โดยเท่าเทียมกัน ไม่เกี่ยวกับเราและนาย

 

เงินจะหมดความสำคัญตรงไหนรู้มั้ย ตรงไม่มีอะไรให้ซื้อไง
ไม่มีอาหารให้ซื้อ
ไม่มีพลังงานให้ซื้อ
ไม่มียารักษาโรคให้ซื้อ
ไม่มีสินค้าใดๆให้ซื้อ

 

ระบบบุญ กับบาป นี่น่าจะถูกต้องที่สุดแล้วนะ
แต่ระบบพระเจ้ามาแรงกว่าอะสิ
จบกันที่เงินๆทองๆอีกแล้ว

 

มีอาหาร แต่ไม่แลกกับเงิน
มีพลังงานแต่ไม่แลกกับเงิน
มียารักษาโรคแต่ไม่แลกกับเงิน
มีสินค้าแต่ไม่แลกกับเงิน

แต่แลกกับใจ

 

ระบบกรรม ยังเหมือนเดิม ตามนั้น
แต่จะไม่เรียก ว่าบุญหรือบาปอีกต่อไป เรียกว่า ระบบมนุษย์ที่ประเสริฐ

 

ชีวิตอิสระ มันก็เหมาะสมกับคนที่ เข้าถึงความอิสระได้ก่อน คนอื่นค่อยๆตามมาทีหลัง

ทำดีย่อมได้ดี ทำไม่ดีย่อมได้ ความไม่ดี

 

ผมคนทำบาปกับบุญไม่ขึ้นแล้วอะ เป็นเพราะอะไรไม่รู้
กรรมเก่าเริ่มไล่ทัน ก็ดวงวิญญาณบรรพบุรุษนี่แหละ
ต้องการความบ้าอะไรจากผมก็ไม่รู้ ได้แต่เดินหน้าหนีอะตอนนี้

 

จะสิ้นปีแล้ว ขอถูกหวยรวยๆสักงวดเถอะ
พอก่อนละกัน วันนี้เริ่มง่วง

 

ไม่ไช่บรรพบุรุษหรอก แต่มันคือ ตัวเรากรรมเราจากอดีต มันไล่ย้อนมาเพื่อให้เราชำระสะสางให้ได้ ด้วยปัญญาของคุณ เพื่อแก้ไขในสิ่งที่ผิดหรือเพื่อยอมรับผิด เพื่อปัจจุบันจะได้หมดสิ้น พันธะเก่าๆได้ นั่นเอง เคยทำอะไรไว้ต้องรับผิดรับชอบ และเมื่อเคยเป็นผู้ผูกก็ต้องเป็นผู้แก้ เรื่องธรรมดาครับ

 

ปรารถนาสิ่งใดที่ดีงาม จงสำเร็จเถิด

 

วิญญาณ หรือธาตุรู้-มโนธาตุ
ไม่ได้อยู่ในส่วนใดในร่างกายเป็นการเฉพาะ

มันเหมือนเป็นวงกลมที่ซ้อนกัน
วงนอกคือ จิตสำนึกรู้
วงในเข้ามาคือ วิญญาณ-ธาตุรู้(มโนธาตุ)

เช่นเมื่อคุณจะรู้สึกถึงร้อน/หนาว ของอากาศที่ผิวกาย , การขับรถไปถึงสี่แยกเห็นไฟแดง/เหลือง/เขียว.. สะพานหรือพลังงานที่เชื่อมออกไปรับรู้ รับพลังงานของรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสกาย/ผ่านการมองเห็นที่ตา คือ วิญญาณ/หรือธาตุรู้

และจากนั้น จิตสำนึกรู้ ก็จะทำการตีความตามบัญญัติ ที่ได้สะสมเรียนรู้ไว้ในชาติปัจจุบันว่าคืออะไร ควรจะทำอย่างไร เป็นต้น

แต่กรณีที่ จขกท. กล่าวไว้ คือการรวมจิต รวมไว้ที่ได้ที่นึง เช่นระหว่างคิ้ว-ตาที่สาม เมื่อมีกำลัง ชำนาญและสงบพอ การถอดจิตที่ออกจากร่างกายหยาบ ส่วนที่จะออกไปคือกายทิพย์ ซึ่งแน่นอนว่าวิญญาณหรือธาตุรู้จะมีไปด้วย โดยเชื่อมโยงข้อมูลการรับรู้ของจิตกับกายเนื้อหยาบด้วยสายใยปราณ(พลังชีวิต)

...

 

เกี่ยวกับการนับถือศาสนาด้วยรึเปล่าก็ไม่รู้
น่าจะอยู่ในสารีริกธาตุนะสำหรับพระอรหันต์
คนธรรมดาคงเป็นฝุ่นอะไรสักอย่างนี่แหละ
เกี่ยวกับฝึกวิชาด้วยนะรู้สึก

 

การทำจิตใจให้นิ่งสงบได้ก็เหมือนนิพพานพร้อมจะไปบรรจุในอัฐถิธาตุ
ถ้าระหว่างนั้นตอนปลงสังขารจริงๆ รอเวลาอีกนานกว่าจะสลายออกมาใช้กรรมต่อ
ถ้ายังใช้หนี้ไม่หมด จะหมดได้ไงนะนี่ของล่อตาล่อใจเยอะเหลือเกินยุคหลังๆ
สำหรับคนจิตไม่นิ่งก็น่าไปเกิดเลยทันทีนะยุคที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างมาก
ผมซึ่งพลาดไปแล้วก็อย่าว่าผมอีกเลยนะ สมองเริ่มรวน จิตเริ่มเพี้ยน

 

วิญญาณมีน้ำหนักประมาณ 0.22 กรัม ตามที่อ่านเจอนะ
มันจะเดินทางไปไหนเนี่ย รู้สึกต้องใช้แสงไฟเป็นตัวล่อนะ กลับไปแดนสุขคติ
เรื่องนรก สวรรค์นี่เป็นบททดสอบสำหรับคนที่เร่งตรัสรู้นะ
ใครบุญเก่าเยอะก็ค่อยๆคิดค่อยๆทำเถอะนะ สงสารคนบุญน้อยหน่อยเถอะ
ไม่รู้หนทางไหนดีกว่ากันพึ่งผ่านมาแค่ 2000 กว่าปีเอง จะรีบไปไหนกัน

 

เห็นใช้คำว่าธาตุรู้ น่าจะหมายถึง วิญญาณในความหมายทางพุทธศาสนา หนึ่งในขันธ์ 5 ที่ประกอบเป็นกายเรา อันมี รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ แต่วิญญาณนี้ เป็นคนละอย่างกับจิต หรือที่คนทั่วไปเรียกว่าภูมิผีหรือวิญญาณครับ วิญญาณทางพุทธศาสนา อธิบายแบบง่ายก็คือความมีสติรู้ตัวนั่นเอง ถ้าเรามีสติอยู่ รู้ตัวอยู่ ธาตุรู้มันก็อยู่ เวลามีคนมาแตะต้องตัวเรา เราก็รู้สึก รู้ตัว การได้ยิน ได้เห็น ได้ชิม ได้สัมผัสก็เช่นเดียวกัน หากเราหมดสติ หรือกำลังนอน วิญญาณบางส่วนจะระงับ แม้จะมีใครมาสัมผัสก็ไม่รู้ตัว แม้จะมีเสียงก็ไม่รับรู้ เป็นต้น

 

ธาตุรู้นี่มันต้องเป็นฝุ่นแน่ๆ กำลังสงสัยว่ามันอยู่ในอสุจิรึไข่กันแน่ ตัวต้นธาตุกำเนิด
เคยอ่านเจอว่ามีคนรับรู้ความรู้สึกได้ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่แล้วนะ
ตอนนี้วิจัยฝุ่นไปก่อน จะกลายเป็นผู้สร้างอณูวิญญาณ
ชอบโผล่มาให้เห็นเป็นภาพหลอน

 

มนุษย์นี่เป็นส่วนประกอบหนึ่งของการเดินทางของแสงจริงๆ
การวิ่งของอนุภาคแสงในระบบธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ
ประจุไฟฟ้าในสมอง เส้้นทางการวิ่งเราล้วนเป็นผู้กำหนดเองทั้งนั้น
วิญญาณนี่ก็ทำตัวคล้ายแสงเลย ไม่มีวิญญาณร่างกายก็กำเนิดไม่ได้
การเดินทางอันยาวนานจะจบลงที่ใดเนี่ย หากไม่หาที่จอดซะบ้าง(การนิพพาน)
แย่ๆ รู้มากไปก็เท่านั้นไม่ได้ช่วยให้ชีวิตดีขึ้นเลย