วิธีเป็นอริยะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย bigtoo, 7 กันยายน 2015.

  1. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    แน่นอนครับการที่จะล่ะอะไรได้แบบไร้เหตุผลย่อมนำสู่อริยภูมิไม่ได้. แต่นั้นคือสิ่งที่ผมล่ะด้วยปัญญาและกว่าจะละได้ขาดต้องใช้ปัญญาที่มีพลังเพราะสิ่งเหล่านั้นถูกปลูกฝังมานานเกาะเกี่ยวจิตใจเป็นอย่างมากสำหรับคนไทย. แต่โชคดีอยู่บ้างที่ได้พบแสงธรรมจนกำจัดมันได้. หัวข้อที่ยกมานั้น. เป็นเพียงการมีสิทธิ์เป็นอริยะถ้าคุณอ่านดีๆ. การมีสิทธิ์นั้นคือถ้าศึกษาต่ออีกหน่อยแล้วประจวบกับการล่ะสิ่งนั้นก็ไม่ยากเลยสำหรับการข้ามจากปุถุชนมาสู่อริยชน. นี่แหล่ะคือการสนทนาที่เริ่มจากการกล่าวไว้ธรรมะจะค่อยๆคลายออกมาทีละน้อยๆ. ไม่มีใครสามารถที่จะแสดงอริยสัจให้ใครเข้าใจได้ในทีเดียว. ประกอบเนื่องๆ
     
  2. ิ์Fist of the North Star

    ิ์Fist of the North Star เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    564
    ค่าพลัง:
    +385
    ถ้าจะให้คนละ จากสิ่งที่ยึดมั่นศรัทธานั้นทีเดียว ดูจะเป็นเรื่องยาก
    ความจริงคือ หนทางทั้งหมด พระพุทธองค์ชี้ทางไว้ให้แล้ว
    เมื่อใดเห็นไตรลักษณ์ เห็นอริยสัจ เค้าจะละสิ่งที่ยึดมั่นเหล่านั้นได้เอง
    คุณ bigtoo สังเกตุดูเถอะครับว่าจะมีซะกี่คนที่พร้อมจะวางลง
    ดูในกระทู้นี้เอา คนที่ยังกอด ก็ยังจะยิ่งกอดแน่นมากขึ้น เมื่อคุณพยายามจะไปดึงเอาจากมือเค้า

    สิ่งที่ต้องทำก็แค่เรียกเค้าเข้ามาดู ธรรมะตรงๆของพระพุทธองค์
    ธรรมะที่แท้จริงจะนำไปสู่ความหยั่งลงมั่นของเค้าเอง
    โดยไม่ต้องไปห้ามทำอะไร ไม่ทำอะไรเลยครับ
     
  3. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424

    ทุกวันนี้ทุกข์เรื่องอะไรมากที่สุดครับ
     
  4. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    ไมรู้สิผมไม่ค่อยรู้สึกทุกข์ เห็นแต่จิตใจที่ยังสรกปกอยู่เท่านั้นเพราะกำลังสำรอกกิเลสครับ เรื่องภายนอกสลัดไปหมดแล้ว
     
  5. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424

    มันสกปรกยังไงเหรอครับ
    จริง ๆ จิตใจไม่น่าสกปรกเลย
     
  6. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    เวลาเราปฎิบัติเขาถึงจิตไร้สำนึกเขาถึงอนุสัยกิเลส. จิตที่เป็นอกุศลที่นอนเนื่องในอนุสัยของเราจะลอยตัวขึ้นมาสำรอกออก. เราจะเห็นของไม่ดีผลุดออกมา
     
  7. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424

    เป็นโคลนเป็นตม ดำๆ สกปรก ๆ อย่างนั้นหรือเปล่าครับ
    หรือว่า เป็นความคิดที่มันเป็นอกุศล ที่ค่อย ๆ ผุด ลอยออกมา ๆ
     
  8. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    อกุศลจิตนี่แหล่ะครับ
     
  9. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    จะให้ใครละอะไรได้ละครับของแบบนี้. ชี้ให้เห็นว่านั้นคือสิ่งที่ต้องพิจารณาเลยล่ะถ้าละสิ่งนี้ไม่ได้หมดสิทธิ์. ส่วนเรื่องพิจารณาไตรลักษณ์นั้นผมว่าไม่รู้ไม่ได้อยู่แล้วครับเพราะนั้นสิ่งแรกๆที่ต้องเรียนรู้และทำความเข้าให้ได้. พระองค์ก็แสดง. ผลและก็มาที่เหตุ. และผมก็แสดงผลที่อริยะจะต้องละก่อน. ไม่ต้องกังวลครับ. การสนทนาการเรียนรู้จะค่อยๆเริ่มขึ้น. เห็นมั้ยครับว่าคุณก็เริ่มเข้ามาแล้ว. คนเรามักอยากรู้ผลก่อน. แม้แต่นิโรธยังต้องแสดงก่อนมรรค. ทุกข์ยังต้องแสดงก่อนเหตุเกิดทุกข์
     
  10. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    แค่เลิกก็มีสิทธิ์. ดูใจสิทำไมเลิกไม่ได้กลัวอะไรอยู่ครับ. เราเกิดมาก็ไม่ได้มีสิ่งนี้ติดตัวมา. พอเราจะตายสิ่งนี้ก็ช่วยอะไรเราไม่ได้. มีแค่ตนและธรรมเท่านั้นที่จะช่วยเราได้. เราจะสนใจทำไม
     
  11. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    อย่าพึงงงนะครับ ว่าเอ๊!มันจริงหรือเปล่านี่. ขอรับลองครับนี่คัดมาก พุทธวจนครับ. พระองค์กล่าวไว้ว่าอริยะจะละสิ่งนี้ได้. ถ้าเราปราถนาจะก้าวสู่อริยะถ้าเลิกสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ก็ไม่ได้เป็นแน่ๆ. ความรู้นี้ไม่ใช่ความรู้ของผมนะครับ. เป็นความรู้ของพระองค์ที่ผมสรุปมาเท่านั้นและผมกระทำได้แล้วจริง. สุดยอดแห่งความสบายเลยครับบอกตรงๆว่าความหลุดพ้นจากสิ่งร้อยรัดนี้มันสุดยอด. อยู่ด้วยตนเองไม่มีอะไรมาฉุดรั้งเรา. ตอนนี้เหลือแต่กิเลสภายในใจตน. ภายนอกสลัดแล้วเบาตัวครับ เทคนิคง่ายๆก็แค่ไม่ทำ. ก็แค่ไม่ทำ
     
  12. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424

    ขันธ์ ๕ มันทำงาน
    นิมิตทางใจ เป็นรูปขันธ์
    สุข ทุกข์ อุเบกขา เป็นเวทนาขันธ์
    ตีความว่าเป็นกุศล อกุศลจิต เป็นสัญญาขันธ์
    ปรุงเป็นความรู้ต่าง ๆ ว่ากำลังสำรอกออกมา เป็นสังขารขันธ์
    รู้ได้ด้วยอาศัยวิญญาณการรับรู้ เป็นวิญญาณขันธ์
    เป็นการทำงานของขันธ์ ๕ ล้วน ๆ ทั้งตัว
    (ไม่ใช่แค่ที่เห็นนะ ผู้รู้ก็เป็นส่วนหนึ่งของขันธ์ ๕ นี้ด้วย)

    อุปาทานอยู่ที่การหลงหมายมั่น จะเอาดีเอาชั่วกับมัน
    เอาเข้า หรือ สละออก ย้อนระลึกรู้ดูตรงนี้
    เผลอลืมหลงไปหยิบจับฉวยอะไรมาเป็นตัวกูของกูบ้าง
    นั่นขอเรียกว่า เหลือเศษ มีส่วนเหลือก็ได้ สละออกไม่หมดก็ได้
    ความรู้เป็นของโลกทั้งหมด เพราะไม่พ้นอำนาจของขันธ์ ๕
    ดังนั้น สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือ มีสติรู้เท่าทันมายา
    ตามเห็นความเกิดดับอย่างเดียวก็พอ นั่นแหละคือปัญญา
     
  13. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    นั้นแหล่ะครับที่สุดแล้ว. กิจอื่นให้ทำยิ่งไปกว่านี้ไม่มี
     
  14. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    นิมิตทางใจ เป็นรูปขันธ์

    อาจมีผู้ข้องใจ แต่ไม่กล้าถาม ถือว่า ผมเป็นตัวแทนเขาเหล่านั้นแล้วกันนะครับ

    พูดคล้ายๆกับว่า ที่เห็นๆ นั่งๆเดินๆ ไม่ใช่รูป หรือยังไงครับ


     
  15. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ถ้าไม่ติดใจกับอดีต
    หันมาอยู่กับปัจจุบันจริง ๆ
    บิีกตู่ที่เคยบอกว่าตัวเองเป็นอริยะ
    คนก่อนต้องหายไป ไม่มี

    อยู่กับปัจจุบันตามความเป็นจริง
    ตามความเป็นจริงให้ทันอย่างเดียวก็พอ
    จริงมั้ยครับ
     
  16. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    ท่านใดเลิกได้แล้วผมดีใจด้วยใจจริงครับ. แต่ถ้าท่านใดกำลังแสวงหาทางอยู่ผมขอแนะนำให้พิจารณานะครับ. เราต่างคนก็เกิดขึ้นมาในบ่วงกรรมนี้ด้วยกัน. แต่เราเป็นคนโชคดีแล้วที่เกิดมาภายใต้ความสมบูรณ์เพรียบพร้อม. พระศาสดาก็ปรากฎแล้วบนโลก ความรู้ที่พระองค์ได้ตรัสรู้เพื่อความหลุดพ้นก็มีแล้ว. อัตตาภาพความเป็นมนุษย์ก็ได้แล้ว. เราจะรออะไรอีก. มหาสมุทรกว้างใหญ่เต่าตาบอดทุกร้อยปีผลุดขึ้นมาหายใจจะเอาหัวแย่เข้าไปในแอกไม้ไผ่ได้อย่างไร. อัตตภาพทั้งสามอย่างนั้นยากเหลือเกินที่จะเกิดได้. และยิ่งยากสักเท่าไรกว่าสามอย่างนั้นจะมาบรรจบกัน. เดินกันให้ถูกทางนะครับ. ไม่ใช่สิ่งเหล่านั้นผมไม่เคยทำมา. ผมทำมาทั้งนั้นแต่ก็ไม่เคยให้อะไรเราได้จริงๆ. เราจึงจำเป็นต้องมีตนและมีธรรมของพระองค์เท่านั้น. แม้แต่พระองค์เองก็บอกว่าช่วยเราให้ข้ามพ้นความทุกข์ไปไม่ได้. ท่านเป็นเพียงผู้บอกทาง. เราจึงต้องเดินด้วยตนเอง. และอะไรคือแผนที่ที่ถูกต้องก็ต้องคำที่ออกจากปากพระองค์ใช่มั้ยครับ. พุทธวจนเป็นสิ่งเดียวจริงๆที่จะเปิดจิตเราให้เข้าสู่สัมมาทิฎฐิครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กันยายน 2015
  17. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    ท่านเชื่ออะไรอย่างมั่ยล่ะ. ผมไม่สนใจเรื่องแบบนั้นหรอก. เพียงแค่ผมคิดจะคุยสนทนาเรื่องราวที่ปรากฎเท่านั้น. ส่วนเรื่องจะเป็นหรือไม่เป็นอะไรนั้นไม่ต้องสนใจเลย เพราะพระองค์บอกวิธีไว้ถ้าจะตรวจสอบตนเอง แสดงว่าคิดก็ไม่ผิดไม่คิดก็ไม่ผิด
     
  18. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ก็ใช่ทั้งหมดแหละครับ สิ่งที่ถูกรู้ทั้งหมดคือรูป ส่วนผู้รู้คือนาม
     
  19. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ส่วนประกอบห้าอย่างของชีวิต

    ตัวสภาวะ

    พุทธธรรมมองเห็นสิ่งทั้งหลายเป็นธาตุ เป็นธรรม เป็นสภาวะ* (นิยมเรียกยาวเป็น "สภาวธรรม" ตามคำบาลีว่า "สภาวธมฺม" ซึ่งมาจาก ส+ภาว+ธมฺม แปลตรงตัวว่า สิ่งที่มีภาวะของมันเอง ) อันมีอยู่เป็นอยู่ตามภาวะของมัน ที่เป็นของมันอย่างนั้น เช่นนั้น ตามธรรมดาของมัน มิใช่มีเป็นสัตว์ บุคคล อัตตา ตัวตน เราเขา ที่จะยึดถือเอาเป็นเจ้าของ ครอบครอง บังคับบัญชาให้เป้นไปตามปรารถนาอย่างไรๆ ได้

    บรรดาสิ่งทั้งหลายที่รู้จักเข้าใจกันอยู่โดยทั่วไปนั้น มีอยู่เป็นอยู่เป็นไปในรูปของส่วนประกอบต่างๆ ที่มาประชุมกัน ตัวตนแท้ๆ ของสิ่งทั้งหลายไม่มี เมื่อแยกส่วนต่างๆ ที่มาประกอบกันเข้านั้นออกไป ให้หมด ก็จะไม่พบตัวตนของสิ่งนั้นเหลืออยู่ ตัวอย่างง่ายๆ ที่ยกขึ้นอ้างกันบ่อยๆ คือ "รถ" เมื่อนำส่วนประกอบต่างๆมาประกอบเข้าด้วยกันตามแบบที่กำหนด ก็บัญญัติเรียกกันว่า "รถ" แต่ถ้าแยกส่วนประกอบทั้งหมดออกจากกัน ก็็จะหาตัวตนของรถไม่ได้ มีแต่ส่วนประกอบทั้งหลาย ซึ่งมีชื่อเรียกต่างๆกัน จำเพาะแต่ละอย่า่งอยู่แล้ว คือตัวตนของรถมิได้มีอยู่ต่างหากจากส่วนประกอบเหล่านั้น มีแต่เพียงคำบัญญัติว่า "รถ" สำหรับสภาพที่มารวมตัวกันเข้าของส่วนประกอบเหล่านั้น แม้ส่วนประกอบแต่ละอย่างๆนั้นเอง ก้ปรากฎขึ้นโดยการรวมกันเข้าของส่วนประกอบย่อยๆ ต่อๆไปอีก และหาตัวตนที่แท้ไม่พบเช่นเดียวกัน เมื่อจะพูดว่าสิ่งทั้งหลายมีอยู่ ก็ต้องเข้าใจในความหมายว่า มีอยู่ในฐานะมีส่วนประกอบต่างๆ มาประชุมเข้าด้วยกัน

    เมื่อมองเห็นสภาพของสิ่งทั้งหลายในรูปของการประชุมส่วนประกอบเช่นนี้ พุทธธรรมจึงต้องแสดงต่อไปว่า ส่วนประกอบต่างๆ เหล่านั้นเป็นอย่างไร มีอะไรบ้าง อย่างน้อยก็พอเป็นตัวอย่าง และโดยที่พุทธธรรมมีความเกี่ยวข้องเป็นพิเศษกับเรื่องชีวิต โดยเฉพาะด้านจิตใจ การแสดงส่วนประกอบต่างๆ จึงต้องครอบคลุมทั้งวัตถุและจิตใจ หรือทั้งรูปธรรมและนามธรรม และมักแยกเป็นพิเศษในด้านจิตใจ

    [​IMG]

    การแสดงส่วนประกอบต่างๆนั้น ย่อมทำได้หลายแบบ สุดแต่วัตถุประสงค์จำเพาะของการแสดงแบบนั้นๆ แต่ในที่นี้ แสดงแบบขันธ์ ๕ ซึ่งเป็นแบบที่นิยมในพระสูตร

    โดยวิธีแบ่งแบบขันธ์ ๕ พุทธธรรมแยกแยะชีวิตพร้อมทั้งองคาพยพทั้งหมดที่บัญญัติเรียกว่า "สัตว์" "บุคคล" ฯลฯ ออกเป็นส่วนประกอบต่างๆ ๕ ประเภท หรือ ๕ หมวด เรียกทางธรรมว่า เบญจขันธ์ คือ

    ๑. รูป (Corporeality) ได้แก่ ส่วนประกอบฝ่ายรูปธรรมทั้งหมด ร่างกาย และพฤติกรรมทั้งหมดของร่างกาย หรือสสารและพลังงานฝ่ายวัตถุ พร้อมทั้งคุณสมบัติ และพฤติกรรมต่างๆ ของสสารพลังงานเหล่านั้น

    ๒. เวทนา (Feeling หรือ Sensation) ได้แก่ ความรู้สึกสุข ทุกข์ หรือเฉยๆ ซึ่งเกิดจากผัสสะทางประสาททั้ง ๕ และทางใจ

    ๓. สัญญา (Perception) ได้แก่ ความกำหนดได้ หรือหมายรู้ คือ กำหนดรู้อาการเครื่องหมายลักษณะต่างๆ อันเป็นเหตุให้จำอารมณ์ (object) นั้นๆได้

    ๔. สังขาร (Mental Formations หรือ Volitional Activities) ได้แก่ องค์ประกอบหรือคุณสมบัติต่างๆของจิต มีเจตนาเป็นตัวนำ ซึ่งแต่งจิตให้ดีหรือชั่วหรือเป็นกลางๆ ปรุงแปรการตริตรึกนึกคิดในใจ และการแสดงออกทางกาย วาจา ให้เป็นไปต่างๆ เป็นที่มาของกรรม เช่น ศรัทธา สติ หิริ โอตตัปปะ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ปัญญา โมหะ โลภะ โทสะ มานะ ทิฏฐิ อิสสา มัจฉริยะ เป็็นต้น เรียกรวมอย่างง่ายๆว่า เครื่องปรุงของจิต เครื่องปรุงของความคิด หรือเครื่องปรุงของกรรม

    ๕. วิญญาณ (Consciousness) ได้แก่ ความรู้แจ้งอารมณ์ทางประสาททั้ง ๕ และทางใจ คือ การเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การรู้รส การรู้สัมผัสทางกาย และการรู้อารมณ์ทางใจ

    ข้อ ๑ เป็นรูปขันธ์ ๔ ข้อหลังเป็นนามขันธ์ เรียกสั้นๆว่า รูปนาม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กันยายน 2015
  20. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424

    ถ้าทำเพื่อแก้ความสงสัยว่า ตกลงกูเป็นอริยะหรือยัง
    ก็คืออัตตา สักกายทิฏฐิพาทำการตรวจสอบล้วน ๆ ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...