สนทนาสบายๆ ตามประสา

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย ธณต, 8 พฤศจิกายน 2011.

  1. Phaake

    Phaake เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,818
    ค่าพลัง:
    +319
    เข้ามาเก็บเกี่ยววิชา

    ปล. ตัวอย่าง พระเนื้อสัมฤทธิ์เดช สัมฤทธิ์ดำ หรือนวโลหะ ยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่นะครับพี่

    [​IMG]
    [​IMG]

    ผมว่าน่าจะดำแบบนี้เลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2011
  2. Phaake

    Phaake เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,818
    ค่าพลัง:
    +319
    สัมฤทธิเขียว ชัดๆครับ

    [​IMG]
     
  3. ธณต

    ธณต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,624
    ค่าพลัง:
    +5,025
    ขอบคุณทั้งสองท่านครับ
     
  4. โอกระบี่

    โอกระบี่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,477
    ค่าพลัง:
    +1,651
    ปิดตาองค์บนสุดน่าจะเป็นเนื้อเมฆพัตรน่ะครับ ส่วนปิดตาสององค์ล่างไม่ใช่เนื้อสำริดเขียวหรอกครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2011
  5. โอกระบี่

    โอกระบี่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,477
    ค่าพลัง:
    +1,651
    วันนี้มีบทความดี ๆ มาให้อ่านครับ

    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]พระเครื่อง คมชัดลึก วันอังคารที่ ๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๔

    โดย คุณแพะ สงขลา

    “ปรัชญา” ในการสะสม พระเครื่องพระบูชา

    ผู้ เขียน ๆ เรื่องนี้ขึ้นมาจากประสบการณ์ของผู้เขียนเอง ที่ได้คลุกคลีและสัมผัสกับวงการพระเครื่องพระบูชามาตลอดหลายสิบปี กลั่นกรองจนได้บทสรุปออกมาเป็นบทความนี้

    ในอดีตนั้นมีการกล่าวกันในวงการพระเครื่องพระบูชาไว้ว่า การสะสมพระหรือเล่นพระ จะต้องมีองค์ประกอบ ๔ ถึงคือ “ ต้อง เงินถึง บุญถึง ตาถึง และ ใจถึง” ซึ่งมีความหมายดังต่อไปนี้ องค์ประกอบแรก ต้องเงินถึง คือ ต้องมีเงินก่อน เพราะพระเครื่องเป็นวัตถุมงคลที่มีราคาค่างวดสูง องค์ประกอบที่สอง บุญถึงคือ มีบุญวาสนาได้พบพระแท้ องค์ประกอบที่สาม ตาถึง คือ ต้องดูพระเป็น หากดูพระไม่เป็น ต้องดูเจ้าของพระให้เป็น และองค์ประกอบสุดท้าย ใจถึง คือ ต้องกล้าที่จะจ่ายเงิน ตามที่เจ้าของพระต้องการ ถึงจะมีสิทธิได้ครอบครองพระ หากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งใน ๔ อย่างนี้แล้ว ก็หมดสิทธิ์หมดโอกาสทันทีที่จะได้ครอบครองพระ นี่คือ ปรัชญาในการสะสมพระเครื่องพระบูชาที่ยึดถือกันมาอย่างนานปี

    สำหรับผู้เขียน มีความเห็นว่า “องค์ประกอบ ๔ ถึง” นั้น ในปัจจุบันนี้น่าจะไม่เพียงพอเสียแล้ว เป็นได้เพียงแค่ขั้นตอนแรกเท่านั้น มิได้เป็นข้อสรุปถึงปรัชญา หรือแนวทางการสะสมพระเครื่องพระบูชา ผู้เขียนมีความคิดเห็นว่า น่าจะต้องมี ๓ ขั้นตอนด้วยกัน ซึ่งได้กล่าวถึงขั้นตอนแรกไปแล้วคือ“องค์ประกอบ ๔ ถึง” ต่อไปนี้จะขอกล่าวถึง ขั้นตอนที่ ๒ และ ๓ ดังนี้

    ขั้นตอนที่ ๒ ในความคิดเห็นของผู้เขียนนั้น เมื่อเรามีองค์ประกอบ ๔ ถึงแล้ว เราสามารถที่จะครอบครองพระเครื่ององค์ไหนก็ได้ที่เจ้าของเปิดราคา แต่เราเคยคิดคำนึงถึง หรือเคยตั้งคำถามถามตัวเองหรือไม่ว่า ที่เราเข้ามาในวงการพระเครื่องพระบูชานั้น เรามีจุดมุ่งหมายในการเล่นพระอย่างไร นี่จึงเป็นที่มาของขั้นตอนที่ ๒ พูดได้อย่างย่อๆ คือ ๓ ด. “เป็นการเล่นพระให้ เด่น ให้ ดัง หรือเล่นให้ ดับ”

    หากต้องการเล่นพระให้ดับ ก็ง่ายนิดเดียวคือ เล่นประเภทตาดีได้ตาร้ายเสีย เป็นการเล่นพระแบบเก๊ผสมแท้ ซึ่งเป็นการเล่นพระแบบสีเทา คนที่เล่นพระเช่นนี้ ไม่เคยเห็นใครเด่นหรือดังในทางที่ดีเลย มีแต่ค่อยๆเสียชื่อเสียงไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็ต้องจากวงการพระเครื่องพระบูชาไปโดยปริยาย

    ผู้เขียนมีความคิดเห็นว่า เมื่อเรามีคุณสมบัติ ๔ ถึงแล้ว เราควรที่จะเล่นพระให้เด่นและดังไปเลย โดยการเล่นพระมีเสน่ห์ คือ พระสวย แท้ ดูง่าย หากเราเล่นพระเช่นนี้ตลอดไป ไม่นานนัก ตัวเราก็จะได้รับการกล่าวขานถึงในทางที่ดี จากปากที่หนึ่งไปสู่ปากที่สอง ไปปากที่สาม...ต่อๆไปเรื่อยๆ หลังจากนั้น เราจะได้รับฉายาในการเล่นสะสมพระในทางที่ดีอย่างแน่นอน

    พึงสำนึกไว้เถิดว่า “ฉายาที่จะได้รับต่อไปในอนาคตนั้น มิได้มาด้วยโชคช่วย” ท่านเท่านั้นที่จะทำให้ตัวท่านเองเด่น ดัง และท่านเท่านั้นที่จะทำให้ตัวท่านดับ ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใด หรือบุคคลอื่นใด ไปดลบันดาลให้ท่านได้

    หากท่านเล่นพระดี แบบมีเสน่ห์ เป็นพระสวย แท้ ดูง่าย ไม่นานนัก ท่านก็จะมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในสังคมพระเครื่องพระบูชา “เปรียบเสมือนทองคำ ไม่ว่าไปอยู่ที่ไหน ตกอยู่ในปรักในตม ก็ย่อมเป็นทองคำอยู่เสมอ” หรือ “ทองคำแท้ไม่แพ้ไฟ”

    [/FONT][FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]ขั้น ตอน ที่ ๓ ผู้เขียนคิดว่า เป็นขั้นตอนที่ยากที่สุด โดยส่วนมากหลายๆท่านมาสะดุดหยุด ณ จุดนี้ นั่นคือ “การรักษาชื่อเสียงให้คงทนถาวรยาวนาน” เพราะเมื่อท่านผ่านขั้นตอนที่ ๒ มาแล้ว ตัวท่านก็จะมีชื่อเสียงในทางที่ดี

    สำหรับบุคคลที่คิดจะเป็นเซียนพระ ยึดถือเป็นอาชีพ เงินทองก็จะไหลมาเทมา เนื่องจากบุคคลอื่นที่ต้องการได้พระ จะต้องมุ่งมาหาท่านอย่างสม่ำเสมอ ขั้นตอนนี้จะเป็นการตัดสินว่าจะอยู่อย่างมีชื่อเสียง หรือจะจากไปอย่างคนมีมลทิน

    หากท่านไม่มีวุฒิภาวะทางปัญญาเพียงพอ นั่นคือไม่มีวินัยในทางการเงิน ไม่มีแผนการใช้จ่ายเงินที่ดี เช่นใช้จ่ายเงินเกินตัว เนื่องจากเห็นว่าได้เงินทองมาอย่างง่ายดาย ผ่อนบ้านทีละหลายหลัง ผ่อนรถยนต์หลายคัน มีกิ๊กหลายคน ย่อมทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว หรือไปหลงมัวเมาในอบายมุข เล่นการพนัน เที่ยวกลางคืน พึงสำนึกไว้เถิดว่า “กำลังคิดฆ่าตัวตาย”

    เนื่องจากพระสวยๆ แท้ ดูง่าย ในเวลานี้ มิได้หาได้ง่ายๆเหมือนกับในอดีตแล้ว ณ เวลานี้พระที่สวย แท้ ดูง่ายมีน้อยมากๆ หายากจริงๆในตลาดพระ เพราะนักสะสมพระเก็บไปบูชาเกือบหมดแล้ว

    เมื่อพระที่สวย แท้ ดูง่ายมีน้อย ก็จะทำให้หาเงินได้ยากขึ้น แต่ภาระหนี้สินที่ไปสร้างไว้ตามที่ต่างๆ ก็จะตามมารังควาน เวลาหาเงินไม่ได้ ระยะเวลาหนึ่งเดือนแสนสั้นนิดเดียว เมื่อหาเงินไม่ได้ หาพระแท้ไม่ได้ ประกอบกับวุฒิภาวะทางปัญญามีน้อย อำนาจใฝ่ต่ำจะเข้าครอบงำจิตใจทันที คือหันมาหาพระเก๊ เนื่องจากต้นทุนต่ำ หรือ ไม่มีต้นทุนเลย

    โดยเอาพระเก๊ขายให้กับบุคคลใกล้ชิดก่อน เช่น ลูกศิษย์ หรือคนที่ศรัทธาตนเอง โดยคิดว่า บุคคลเหล่านี้ไม่รู้ คิดอย่างเดียวคือ เอาเงินมาก่อน หากมีปัญหาค่อยแก้ไขกันภายหลัง ถ้าเขารู้ก็ค่อยคืนเงินให้ภายหลัง

    พอแก้ปัญหาเดือนนี้ไปได้ เดือนใหม่กำลังมาถึง ก็ต้องหาเงินใช้หนี้อีกแล้ว อย่าลืมว่า “คนมีเงินไม่มีใครโง่สักคน” ทุกคนจ่ายเงินเช่าพระไป ก็ต้องมีสักวันหนึ่งที่จะต้องเอาพระมาอวดโชว์ วันนี้เขาไม่รู้ว่าเป็นพระเก๊ แต่พรุ่งนี้เขาก็ต้องรู้อยู่ดี เมื่อรู้แล้วเขาจะต้องเอาพระเก๊นั้นมาคืน คราวนี้จะกลายเป็นวัวพันหลัก แล้วก็ล้มลงเอง เสียทั้งชื่อเสียง หาเงินมาคืนเขาไม่ได้ ก็ต้องคอยหลบหนีเจ้าหนี้ นานวันเข้าก็ไม่กล้าสู้หน้าคน ก็ต้องออกไปจากวงการพระเครื่องพระบูชาโดยปริยาย ซึ่งมีตัวอย่างมาให้เห็นบ่อยๆ และมากมายหลายคน ทำให้เป็นที่น่าเสียดายในความรู้ความสามารถที่มี แค่ความคิดชั่ววูบทำให้เสียอนาคตไปเลย

    ส่วนบุคคลที่มีวุฒิภาวะทางปัญญาสูง จะมีแผนการใช้จ่ายเงินที่ดี มีวินัยทางการเงิน ประกอบกับมีคุณธรรมในการเล่นพระ ย่อมไม่นำพระเก๊มาขายให้ลูกค้า ก็จะยิ่งมีชื่อเสียงโด่งดัง อยู่ในวงการพระเครื่องพระบูชาได้ยาวนาน ชีวิตประสบความสำเร็จ ร่ำรวยเงินทอง และร่ำรวยชื่อเสียง

    สรุปแล้ว คนเล่นพระที่จะมีชื่อเสียงและโด่งดังโดดเด่นเหนือผู้อื่นได้นั้น จะต้องเป็นคนที่ซื่อสัตย์ต่ออาชีพตนเอง และต้องมีคุณธรรมเท่านั้น ถึงจะยืนยง อยู่ได้อย่างยาวนาน

    ข้อความที่เขียนมาทั้งหมดนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้น ท่านผู้อ่านอาจจะมีความคิดเห็นแตกต่างไปจากนี้ก็ได้...ขอขอบพระคุณ
    วิจิตร ปิยะศิริโสฬส ( แพะ สงขลา)
    [/FONT]
     
  6. nmonthon

    nmonthon Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    500
    ค่าพลัง:
    +45
    แล้งองค์นี้ของผมนี่เป็นเนื้อสำริดมั้ยครับ ถ้าเป็นแล้วเป็นสำริดอะไรครับ

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC_3957.jpg
      DSC_3957.jpg
      ขนาดไฟล์:
      145.7 KB
      เปิดดู:
      1,196
    • DSC_3958.jpg
      DSC_3958.jpg
      ขนาดไฟล์:
      127.2 KB
      เปิดดู:
      1,200
  7. โอกระบี่

    โอกระบี่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,477
    ค่าพลัง:
    +1,651
    น่าจะเป็นสัมฤทธิ์แดงนะครับ ส่วนพระไม่ทราบเหมือนกันว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร
     
  8. ธณต

    ธณต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,624
    ค่าพลัง:
    +5,025
    ขอบคุณสำหรับความรู้ครับคุณโอ ​

    วันนี้ว่าเรื่องกิมตึ๋งต่อนะครับ

    ถึงประคำรอบนะครับ ประคำรอบเป็นพระที่ดูยากมากถ้าไม่เม่นเนื้อนะครับพิมพ์บางทีมีเพี้ยนไปก็มี ยิ่งขอบขนาดไปกันใหญ่ทั้งกว้างก็มีชิดองค์ก็มี ข้อสังเกตุแบบคัดเบื้องต้นก็เป็นในส่วนหัวของพระจะต่ำกว่าในส่วนของหน้า แถมแบนกว่าด้วย เอว จะเบนซ้ายไม่ตรง ไหล่ยกแต่ไม่มาก เนื้อ ส่วนใหญ่แบบใหญ่มากๆ จะเป็นเนื้อละเอียด ไม่ค่อยมีเม็ดเเร่เม็ดทราย ยิ่งกรวดนะเลิกเลย ต้องดูว่าเนื้อออกฉ่ำๆเหมือนพระเเช่น้ำมันนั้นละสำคัญครับ

    [​IMG]
     
  9. ธณต

    ธณต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,624
    ค่าพลัง:
    +5,025
    องค์สุดท้ายของกิมตึ๋ง นะครับ ปรกชุมพลครับ

    เป็นพระพิมพ์นาคปรกที่พบที่วัดพลายชุมพล มีทั้งพิมพ์ใหญ่และพิมพ์เล็ก พิมพ์เล็กเป็นพระนาคปรก 7 เศียร ประทับนั่งในท่าสมาธิพิมพ์ติดไม่ชัดเจน มีขนาดแตกต่างกัน แบ่งออกได้เป็นพิมพ์เล็ก กลาง เนื้อค่อนข้างละเอียด พิมพ์ใหญ่เนื้อหยาบ ด้านหลังนูน มีทั้งที่มีรอยบีบ และไม่มีรอบบีบ ส่วนใหญ่มีรอยนิ้วมือติดชัดเจน องค์พระมีขนาดสมส่วนกับนาคปรก มีขนาดกว้างประมาณ ๒.๔ เซนติเมตร สูง ๔.๕ เซนติเมตร พิมพ์เล็กความกว้างประมาณ ๒ เซนติเมตร สูง ๓.๒ เซนติเมตร


    [​IMG]
    หลักการดูเบื้องต้นแล้วค่อยคุยอีกทีนะครับวันนี้เนะนำพระก่อนนะครับ หรือว่ามีท่านใดเนะนำเชิญได้ก่อนนะครับ​
     
  10. ธณต

    ธณต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,624
    ค่าพลัง:
    +5,025
    ปรกชุมพล จะเล็กใหญ่ สังเกตุจากขอบพิมพ์ฐานนาคส่วนใหญ่จะ3ชั้น แต่บางองค์ก็2ชั้นซึ่งโดยมากเรียกว่าพิมพ์เล็ก อย่าหลุดนะครับโดยมากจะหลุด2ชั้นนี้ละพระลักษณะเป็นนูนต่ำคล้ายปรกลาวทอง แต่ก็มีเหมือนกันที่จะปรกจะชะโงกออกมาใช้คำนี้ละนึกอยู่ว่าจะใช้คำอะไรดีชโงกแล้วกัน ส่วนมากเนื้อค่อนข้างหยาบมีทรายเม็ดใหญ่จมอยู่ในเนื้อ จับดูสากๆมือ แต่ก็มีนะครับที่เนื้อละเอียดไม่มีทรายเอาละงงกันละ คืองี้ครับ ถ้าเราไม่ชำนาญในการดูความเก่าเนื้อก็ให้เล่นแบบหยาบมีทนายไว้ก่อนเพราะผมก็ไม่รู้จะเอาแบบไหนบอกกานดูเบื้องต้นดี และเนื้อหนาบนี้พิมพ์ใหญ่หยาบทุกองค์ด้วย อ้อสังเกตุดูช่วงท้องนะครับเอกลักษณ์เป็นทรงกระบอกปลายป้านนะครับใช้มั้ยครับ
    แล้วดูตรงในวงแขนด้านซ้ายพระนะครับ จะมีเส้นบางๆเลี้ยวจากท้องมาสู่มือเหมือนมือบางอยู่นะครับ

    จะสรุปหรือเปล่าเดี๋ยวคิดอีกทีนะครับหรือจะเปลี่ยนเรื่องดีนะ
     
  11. โอกระบี่

    โอกระบี่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,477
    ค่าพลัง:
    +1,651
    กำลังติดตามอ่านความรู้ใหม่ ๆ อยู่ครับ..ขอบคุณครับ
     
  12. ธณต

    ธณต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,624
    ค่าพลัง:
    +5,025
    เอาความรู้เก่ามาคุยกันบ้างก็ได้ครับ คุณโอ
     
  13. โอกระบี่

    โอกระบี่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,477
    ค่าพลัง:
    +1,651
    ต้องขอเวลากลับไปนอนนึกดูก่อนนะครับ เพราะความรู้เก่ามักจะออกมาตอนเจออะไรที่น่าตื่นเต้น..เวลาธรรมดา ๆ นึกเท่าไหร่ก็ไม่ค่อยออก สงสัยจะขาดสิ่งเร้า...
     
  14. ธณต

    ธณต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,624
    ค่าพลัง:
    +5,025
    ก็นึกแบบผมซิครับว่าเอาความรู้ที่พอจะจะมีอยู่บ้าง หรือบังเอิญหาเจอแล้วกลัวลืมหรือจำไม่ได้ว่าเอามาจากที่ไหนเอามาฝากไว้เหมือนฝากธนาคาร วันหน้านึกได้จะได้ค้นได้ง่ายหน่อยนะครับ มันค่อนข้างเป็นเรื่องปกติที่ไม่ค่อยมีใครสนใจเรื่องบทความความรู้เท่าไรหรอกครับ แต่บอกก่อนนะครับถ้าเอามาลงเเล้วผมดันทะลึ่งรู้มาไม่ตรงนะผมแย้งนะครับ
    แล้วมาเถียงกันว่าใครน่าจะถูก จะมาเคืองผมภายหลังไม่ได้นา
     
  15. โอกระบี่

    โอกระบี่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,477
    ค่าพลัง:
    +1,651
    ผมไม่ค่อยรู้อะไรมากมายหรอกครับ รู้แค่พอเอาตัวรอดไม่โดน ก็พอแล้วครับ....บางทีสิ่งที่รู้อาจจะอธิบายยากเพราะบางอย่างจะใช้แค่ความจำมาเล่นมาดูอย่างเดียวไม่ได้ ต้องใช้เวลาและประสบการณ์มาเป็นตัวคิดวิเคราะห์ เป็นความรู้ที่ไม่นิ่ง เพราะพระเก๊เดี๋ยวนี้ เหมือนจะเก๊รายเดือนก็ว่าได้ การเล่นพระไม่ว่าใครก็มีสิทธิ์โดนครับ อย่างเซียนก็โดนกันถ้วนหน้ากับของเก๊บางฝีมือ แต่เขาไม่โวยวายครับมันเสียชื่ิอ ใครรู้เข้าแล้วจะมีใครกล้าไปเช่าพระ
    ส่วนตัวผมจะรู้และเล่นแต่พระที่ถนัดเท่านั้น ไม่เคยนอกลู่นอกทาง อันไหนไม่เป็นถึงเซียนบอกว่าแท้ก็ไม่ซื้อครับ นี่แหละผม เจ็บมาเยอะโดนมาแยะครับ ยินดีแชร์ในสิ่งที่รู้และยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่นเสมอครับ
     
  16. ธณต

    ธณต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,624
    ค่าพลัง:
    +5,025
    นั้นละครับการเอาตัวรอดได้ในสนามถือว่าเป็นอะไรที่ต้องใช้ความสามารถมากทีเดียวครับผมกำลังอยากให้หลายคนเอาตัวรอดออกมาจากสนามได้หรือเจ็บตัวน้อยที่สุดการมีอะไรติดเข้าไปในสนามบ้างดีกว่าเข้าไปแบบมือเปล่าๆนะครับอยากให้เป็นแบบนั้นจริงๆ
     
  17. ธณต

    ธณต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,624
    ค่าพลัง:
    +5,025
    [​IMG]
    จุดสังเกตุบางอย่างที่สมเด็จพิมพ์ใหญ่ทั่วไปควรจะมี
    ๑. เส้นบังคับพิมพ์มาตรฐานจากด้านองค์ซ้ายขององค์พระเริ่มจากมุมบนด้านซ้ายวิ่งลงมาประสานเป็นเนื้อเดียวกับเส้นซุ้มในจุดระดับกลางองค์ใกล้จุดหักศอก
    ๒. ฐานสิงห์ สังเกตหัวฐานชั้นกลางปรากฏเป็นเส้นหัวฐาน คมชัดเจนทั้งสองด้าน
    ๓. เนื้อนอกซุ้มด้านขวามีระดับเหลื่อมสูงกว่า เนื้อพระด้านในซุ้มบริเวณเหนือหัวไหล่องค์พระด้านขวา
    ๔. ลักษณะความลาดเอียงของเนื้อพระใต้ฐานสิงห์

    ก็เก็บเล็กเก็บน้อยไปเรื่อยๆนะครับ​
     
  18. ธณต

    ธณต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,624
    ค่าพลัง:
    +5,025
    วันนี้ว่าเรื่องลงรักทองเก่า

    จริงๆแล้วบางคนดูพระมานานแต่ก็ยังแยกรักเก่าไม่ออกจึงพยายามเลี่ยงแต่พระที่สภาพสมบูรณ์ที่ลงรัก ปิดทองราคานะค่อนข้างสูงและออกตัวได้ง่ายกว่า

    พระที่คุยวันนี้จะหมายถึงพระที่ลงรักปิดทองมาแต่เริ่มหรือก่อนลงกรุนะครับซึ่งพระแบบนี้ก็อายุน่าจะหลักร้อยปี วิธีสังเกตุนะครับ รักต้องมีความแห้งไม่มันดำวาว และจะมีรอยกระเทาะเนื่องจากความแห้งเก่า ตามรอยกระเทาะ จะต้องเผยออ้า ดูให้ลึกจะเป็นชั้นของพระ ถ้าของใหม่ที่อบเเห้งก็จะดูกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน กลิ่นครับ โดยปกติรักใหม่จะทิ้งร่องรอยไว้เป็นปีๆ ซึ่งหมายรวมถึงกลิ่นด้วย ถ้ามีกลิ่นเหมือนสารเคมีหรือฉุนๆวางได้ครับ อีกอย่างนะครับลักในสมัยเก่าจะเป็นรักจีนก็คือรักที่มาจากเมืองจีน ซึ่งจะเป็นสีดำ แต่เนื่องจากรักโบราณจะทำมาจากธรรมชาติ ดำยังไงก็ก็ไม่เป็นแบบยังไงนะปิดปี๋ ถ้ามีการทาแบบไม่หนาก็จะออกเป็นแดงกล่ำๆช้ำๆ การทาพระด้วยรักส่วนใหญ่ก็จะทาหลายครั้ง เราเลยเห็นว่าเนื้อด้านในจะเป็นสีที่ไม่ดำมากนักนะครับ

    [​IMG]

    ทองเก่า สมัยก่อนการปิดทอง จะใช้ทองคำเปลวที่ทำจากทองเปอร์เซ็นต์สูง ทองจะดูเหลืองแต่ไม่ได้มันวาว เป็นแบบเหลืองแห้งๆการติดจะต้องเรียกว่าซึมเข้าไปในเนื้อเลยคือติดเเน่นฝังใน ซึงจะไม่เหมือนเปียกทองทา การเปียกทอง ก็คือการกะไหล่ทองแบบโบราณ ต้องทาแล้วใช้ไฟเป่าไล่ปรอทออก แล้วทาใหม่ไฟเป่าใหม่ หลายๆครั้งหลายๆรอบจนกว่าจะเคลือบเต็มพื้นที่ เพราะไม่ใช่ติดง่ายๆทำทีเดียวเสร็จ การเปียกทองจึงค่อนข้างจะหนา และไม่สม่ำเสมอ หนาบางไม่เท่ากันซึ่งจะดูง่ายกว่า


    [​IMG]

    ที่นี้กระไหล่ละ ก็คือการเคลือบผิวโลหะด้วยเงินหรือทองคำ โดยการใช้ปรอทละลายเงินหรือทองให้เป็นของเหลว แล้วทาลงบนโลหะ จากนั้นจะไล่ปรอทออกโดยใช้ความร้อน เงินหรือทองคำก็จะติดเคลือบอยู่บนผิวโลหะที่ต้องการ

    [​IMG]
     
  19. ธณต

    ธณต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,624
    ค่าพลัง:
    +5,025
    ผมลืมไปคำนึง ร่องชาด

    คำว่า “ร่องชาด” นี้มาแต่คำว่า “ร่อง” คำหนึ่งกับ “ชาด” อีกคำหนึ่ง “ร่อง” หมายถึง รอยลึกต่ำลงไประหว่างผิว พื้นปรกติ ในกรณีนี้ หมายถึง ร่องที่ได้รับการขุดควักลงไป ให้ต่ำอยู่ระหว่างช่องไฟของลวดลาย หรือ พื้นหลังที่ดูเหมือนต่ำลงไปในงานปั้นปูน เน้นลวดลายให้นูนสูงขึ้นจากพื้นหลังนั้น ส่วนคำว่า “ชาด” หมายถึง วัตถุสีแดงชนิดหนึ่ง ใช้ทำเป็นสีสำหรับเขียน หรือ ระบายคำว่า “ร่องชาด” ในลักษณะของงานปิดทองร่องชาด อาจมีความหมายเป็นทั้งคำนาม และคำกิริยา ดังนี้
    งานลงรักปิดทองล่องชาดนี้ ทำขึ้นด้วยความประสงค์ให้สีแดงที่ใช้ทาลง หรือ ถมลงในส่วนที่เป็นร่องระหว่างลวดลาย หรือช่องไฟระหว่างสิ่งที่ทำขึ้น ในลักษณะงานปูนปั้น งานไม้หรือหินแกะสลัก ดูเด่นเห็นกระจะขึ้นจากพื้นที่ เป็นร่องลึกต่ำ หรือ พื้นที่รองรับอยู่เบื้องหลังนั้นนั่นเอง
    อนึ่ง การใช้สีชาด หรือ สีแดงชาดทาลง หรือถมลงในร่องนี้ เป็นไปตามขนบนิยมและประเพณีนิยมว่า “สีแดง” เป็นสีที่มีความหมายถึง ความสว่าง ความสุกใส ควรใช้ควบคู่กับสีทอง ซึ่งหมายถึง ความรุ่งเรืองจึงเรียกกันว่า “ลงรักปิดทองร่องชาด” หรือเรียกสั้นๆ ว่า “ร่องชาด”

    อันนี้ลอกเขามาเพราะขี้เกียจพิมพ์แหล๋ว
     
  20. Amuletism

    Amuletism เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    5,779
    ค่าพลัง:
    +18,370
    อ่านข้อความในกระทู้ข้างต้นแล้วชอบครับ
    จึงขอร่วมแสดงความเห็นสักเล็กน้อย
    การสะสมพระในมาตรฐาน/นอกมาตรฐาน
    มาตรฐานนั้น เซียนพระสร้างขึ้นมาสร้างขึ้นมาเพื่อหากินหรือไม่?
    ถ้าถามผม ผมจะตอบว่าใช่ แต่ไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อนักสะสม
    กลับเป็นข้อดีด้วยซ้ำไป
    ผมเองเชื่อว่าเดิม เซียนพระก็ไม่อยากพูดเรื่องมาตรฐานหรอกครับ
    แต่หากไม่มีการพูดหรือกำหนดมาตรฐานว่าพระใดเป็นของแท้ เซียนบางคนอาศัยชื่อเสียงของตนขายพระเก๊ไปเรื่อยๆ เพราะไม่ต้องหา ผลิตเองก็ได้ แต่อนาคตก็จะไม่มีใครเช่าพระ วงการก็จะล่มสลายลงสักวัน พวกเซียนจึงจำใจต้องกำหนดมาตรฐาน พูออะไรที่เป็นวิทยาศาสตร์ในเรื่องหลักการสร้างพระแต่ละประเภท
    เราก็ได้ประโยชน์ จะได้มีข้อพิจารณาในการเลือกสะสมพระได้อย่างชัดเจน ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่พระจะแท้ต้องอยู่ในมือเซียนเท่านั้น พออยู่กับเราก็ไม่ดีทันที ไม่มีข้อมูลเผยแพร่
    นี่เป็นเหตุผลให้คนที่อ้างตนว่าเป็นเซียนพระรุ่นเก่าบางคน ก็ต้องตายจากไปด้วย เพราะจะอ้างว่าพระที่ตัวถืออยู่แท้โดยไม่สามารถอธิบายวิธีการพิจารณาอย่างชัดเจน นักสะสมที่เป็นคนรุ่นใหม่ก็ไม่เอาด้วยครับ เวลาถามคำถามในส่วนที่เป็นสาระสำคัญในการพิจารณาเซียนกลุ่มนั้นก็จะอ้างว่า เนื้อก็ใช่เพียงแต่พิมพ์นี้ไม่มีการบันทึกไว้ หรือพิมพ์ก็ใช่แต่เนื้อเป็นเนื้อพิเศษหายากจึงไม่ค่อยมีใครรู้จักเป็นต้น

    ดังนั้น ก็สะสมพระหากไม่ใช่สิ่งที่ได้รับตกทอดกันมา
    แต่เป็นกรณีต้องใช้เงินเช่าหามา
    ผมเองเป็นคนหนึ่งที่ได้ศึกษาตำราเก่าๆเชื่อว่า พระที่สมเด็จโตสร้างมีหลายพิมพ์และหลายเนื้อ
    (อ้างอิงหนังสือท่านตรียัมปวาย มีคำบอกกล่าวถึงพิมพ์ชาวบ้าน เป็นสิบเป็นร้อยพิมพ์ พระเนื้อผงใบลานเผาสีดำ ฯลฯ) แต่หากจะให้ผมเช่าหาและสะสมพระนอกมาตรฐาน ผมจะใช้หลักการใดในการพิจารณาเลือกเช่าพระแท้ เพราะปัจจุบันพระสมเด็จปลอมมีอยู่มากมาย ไม่รู้ต้องใช้รถสิบล้อกี่ร้อยคันถึงจะบรรทุกหมด ยังไม่ที่เป็นของแท้ที่เกจิสร้างล้อพิมพ์ ซึ่งพอเก็บไปนานๆ ก็ไม่รู้ที่มาอีก
    การเช่าพระที่อยู่ในมาตรฐาน เพราะแม้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ไว้เพื่อขาย (มีไว้ใช้ และมีไว้ฝากธนาคาร) แต่วันหน้าจะเป็นสมบัติที่ล้าค่าให้แก่ลูกหลาน ในวันนี้พระเหล่านี้เป็นของหายากสำหรับ ในอนาคตสำหรับลูกหลานจะเป็นของที่หาไม่ได้ และหากเกิดความจำเป็นของชีวิต พระที่เราเก็บไว้ก็จะสามารถช่วยชีวิตเราได้ในทันที หากเก็บนอกมาตรฐาน วันหน้าลูกหลานก็จะหาว่าพ่อเล่นพระปลอมอีก นอกจากไม่มีมูลค่าแล้วยังเสียชื่ออีก

    อีกประเด็นหนึ่งที่ต้องคำนึงถึง คือ เมื่อเราอยากได้พระแท้ อยากได้พุทธคุณที่เกจิที่เราเคารพศรัทธาอธิษฐานจิตจริงๆ ต้องศึกษาให้มากๆ มาตรฐานนั้นช่วยท่านเพียงว่าพระที่เช่ามาวงการพระยอมรับ และปล่อยได้ตลอดเวลา แต่ก็ไม่ตอบโจทก์ทุกเรื่อง เพราะมีพระจำนวนหนึ่ง ซึ่งคนยุคเก่าไม่ยอมรับบางเนื้อ บางพิมพ์ หรือมีข้อสงสัยอย่างมากว่าไม่ทันเกจิอาจารย์ท่านนั้นปลุกเสก แต่ปัจจุบันยอมรับกันว่าใช่เป็นมาตรฐาน พระกลุ่มนี้ ผมเองก็จะไม่เช่า เพราะแม้จะปล่อยได้ แต่ผมไม่ได้เช่าบูชาไว้ขาย ต้องการได้พุทธคุณด้วย แต่หากเช่าในเชิงพาณิชย์ก็คงไม่มีปัญหาอะไร

    สำหรับบางท่านที่นำพระไปปล่อยแล้ว เซียนตีเก๊ ไม่รับเข้าประกวด
    แล้วก็บอกว่าเพราะไม่ใช่ของเซียน เขาไม่ซื้อหรอก
    ก็อยากให้ลองคิดถึงวิสัยพ่อค้า หากมีของแท้เข้ามาและขายทำกำไรได้อย่างงาม เขาจะไม่ซื้อด้วยเหตุผลอะไร ในเมื่อพระแท้ ในมาตรฐานนั้นหายากยิ่งขึ้นและผู้มีอันจะกินจำนวนมากก็หันมานิยมสะสมพระอีกด้วย
    ลงอเปรียบเทียบกับประสบการณ์ของเพื่อนๆที่สะสมพระแท้ในมาตรฐานสิครับหลายคนที่ส่งพระประกวดก็คงเคยมีประสบการณ์เดียวกัน
    คือตอนส่งพระ กรรมการรับพระขอซื้อเลย บางคนก็ให้เบอร์ไว้เผื่อหากจะออกก็จะขอเช่าต่อ เพราะเขาหาของแท้จะขายไม่ค่อยได้แล้ว

    เขียนตอบกระทู้ ไม่ได้มีเจตนาล่วงเกิน หรือก้าวก่าย ทัศนะของผู้ใดนะครับ
    เพราะผมก็ไม่ใช่เซียน ไม่ใช่คนขายพระ (ไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆ)
    แค่อยากให้เพื่อนๆ นักสะสม เสียเงินแล้วได้พระดีไว้คุ้มครองตนเอง และเป็นทรัพย์สินอันล้ำค่าที่จะส่งต่อไปยังลูกหลานเท่านั้นครับ
    เท่านั้นครับdencee;k02
     

แชร์หน้านี้

Loading...