สภาวะของร่างกาย ที่เห็นได้เมื่อจิตเป็นสมาธิ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ปุณบพิธ, 30 พฤษภาคม 2012.

  1. markdee

    markdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    745
    ค่าพลัง:
    +1,911
    เห็นจริงๆค่ะนั่งทำงานอยู่ มีสติเต็มร้อย ขนาดง่วง(หลังทานอาหารกลางวัน)ก็นั่งดูความง่วงจนมันหายไปน่ะค่ะ เวลาที่ความร้อนมันแผ่กระจาย ในปากนี่จะร้อนมากๆ ไม่มีไข้ ไม่ร้อนใน และมีพลังงานความร้อนคลุมตัวด้วย แต่ตอนนี้มันซาไปแล้ว และก็เกิดอาการใหม่คือรู้ว่าเลือดในเส้นสมอง มันทำงานน่ะค่ะ อธิบายไม่ค่อยถูก มันวิ่งจากขมับขวาไปซ้ายไปกลับช้าๆค่ะ เหมือนกับที่เขาเอาภาพการทำงานของคลื่นไฟฟ้ามาให้ดูกันน่ะ อ้อ..เวลาทำงานกำหนดสติตลอดค่ะ
     
  2. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    แบบย่อ และ เข้าใจ แบบ ง่ายๆอะได้มั๊ย

    และรู้ว่า อานาปนสติ เหมาะกับจริต ที่สุด มันคือ ทางเดิม และ ค่อย ตามด้วย สติปัฏฐาน4 ที่ท่านพี่ หลายๆยูส แนะนำ เจ้าคะ

    โมทนาสาธุในธรรมทานเจ้าคะ
    ...(โป้ง)..อยู่เน้อ......
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2012
  3. jintanakarn

    jintanakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    128
    ค่าพลัง:
    +236
    นั่นคือผลของจิตที่ได้ทำสมาธิในแต่ล่ะขั้น จิตมีความสงบแค่ไหนจิตก็จะรู้แค่นั้น จิตมีความสงบมากจิตก็จะรู้ละเอียดมาก ก็ไม่ไช่เรื่องแปลกอะไร
     
  4. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    .............ก็คงไม่ได้เอาสิ่งที่สติระลึกหายไป ไม่ว่า การรู้กาย โทสะ ราคะ...แต่คงเอาที่รู้.(เป็นขันธิ์ เป็นปัจจัย รูป-นาม ไม่ใช่ตัวตนของเรา)..จนเป็นสิ่งที่เรียกว่า จิตตั้งมั่น...และก็คงไม่ได้ไปหวังว่าหยุดที่สงบสุข.....อย่างที่ท่านพี่ กล่าวถึง ปัสสัทธิ (กายไม่โยกโคลง ใจไม่โยกโคลง) นั่นคงหมายถึงการรู้ ไป ตลอด แม้กายใจสงบสุข ก็ต้องรู้เท่าทัน ก็อยู่ที่รู้...จนกว่าจะถึง วิราคะ วิมุติ:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2012
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ถ้าสามารถให้จิตวิ่งดู อวัยวะภายในร่างกายได้ จะสามารถรักษาโรคที่เกิดกับอวัยวะนั้นให้หายขาดได้โดยไม่กลับมาเป็นอีก..แต่ต้องถึงโหมด ที่สามารถแยกกายกับจิตชั่วคราวอย่างเด็ดขาดให้ได้ก่อน และควบคุมจิตให้อยู่ในร่างกายได้ จุดสังเกตุคือ เราจะเห็นผนังท้องข้างในของเราเองที่ต่ำแหน่งฐานของจิต และก็วิ่งดูอวัยวะภายในไม่ว่าจะเป็นชิ้นส่วนไหนก็เห็นได้หมด ชนิดที่อวัยวะชิ้นนั้นๆยังทำงานอยู่ แม้กระทั่งในเส้นเลือดก็ยังสามารถวิ่งดูได้ ที่เค้าเรียก ว่าร่างกายเราเป็นโพรงครับ.อีกจุดนะครับถ้าจะไปอีกขั้น.
     
  6. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,134
    อนุโมทนา สาธุ กับผลการปฏิบัติด้วยครับ
    ถ้าเป็นคลื่นไฟฟ้าอย่างที่บอกตอนต้นนี่ ผมไม่แน่ใจนะครับ
    แต่ถ้าบอกว่า เป็นการสัมผัสจากเส้นเลือดฝอย อันนี้ผมเชื่อว่าจริงครับ
    ตัวผมเอง ยังเห็นไม่ละเอียดถึงขนาดนั้น แต่พระอาจารย์ผมบอกว่า ผู้ที่จิตละเอียดมากๆ เห็นเส้นเลือดฝอยได้ครับ
     
  7. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    คุณใส่ใจตรงนี้ดีกว่า

    ขณะที่รูปแสดงความเคลื่อนให้รู้ กับที่เข้าใจว่าเป็นเลือด เป็นเส้นเลือด เป็นขมับซ้าย ขมับขวานั้น

    เป็นการรู้คนละขณะ จิตรู้รูป กับ จิตรู้ความหมาย

    จำได้หมายรู้เป็นลักษณะของสัญญาเป็นสภาพธรรม แยกออกจากกันชัดเจน

    ที่เห็นเป็นเรา เป็นอวัยวะนั้น เป็นเพราะหลงเรื่องราวปรุงแต่งอยู่ขณะนี้เป็นโลภะ เป็นตัณหาที่ชักจูงอยู่

    ให้ติดข้องในรูปเป็นเรา อวัยวะเรา ของเรา พอใจที่ได้ดู ได้รู้อยู่ขณะนี้

    บางทีสมาธิมาก แต่ไปรู้ฟูๆแฟบๆพองๆ พวกนี้ไปจับเอาแต่อาการ ครั้งจะพิจารณาก็ใส่สมมุตติบัญญัติกำกับทันที

    เป็นสมมุตติรูสมมุตติ หรือไม่ก็รู้แบบโมหะไปเลย

    ที่จริงรู้นั้นต้องเป็นปัญญา ไม่ใช่จับลักษณะมาเป็นปัญญา

    ถ้าในทางโลกจะอนุมานว่านี้คือแขน คือขมับ คือเลือดก็ตามสะดวก

    แต่ทางธรรมต้องตรงกับปัจจุบัน เดี๋ยวนี้ ขณะนี้ มีแต่รู้และสิ่งที่ถูกรู้ แค่นั้น



    ที่ขมับมันหนักมันเบา ไม่นานเต้นมันตอด ไม่นานมันเคลื่อนมันไหว ไม่นานมันเย็นมันร้อน มันหาย ลงล่างหรือออกกลางกระหม่อมก็ไม่ต้องไปกำกับมัน

    พวกนี้เป็นลักษณะธาตุที่ประชุมและแปรสภาพ ไม่คง ไม่เที่ยง เดี๋ยวมีแล้วไม่มี

    รู้เฉพาะหน้า ดับสักกายทิฏฐิ ดับความสำคัญในนิมิตคน สัตว์ เรา ของเรา

    เป็นความเห็นนะครับ ^^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 พฤษภาคม 2012
  8. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,134
    แม่ชีที่ผมรู้จักท่านนึง ปฏิบัติมา 30 กว่าปีแล้ว ท่านบอกว่า ท่านก็บำบัดสารพัดโรคในร่างกายตัวเองด้วยวิธีนี้เช่นกัน

    ส่วนประสบการณ์ของผมเอง แม้ผมจะไม่เห็นเป็นภาพ แต่กำหนดจิตลงไปตรงตำแหน่งที่เกิดอาการ ก็ทำให้หายได้เช่นกันครับ
     
  9. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,134
    เอาน่าพี่หลง... กระทู้นี้ แวะชมดอกไม้ริมทางกันหน่อย... เดินทางสายหลักกันมาหลายกระทู้แล้ว... :cool:

    สำหรับนักดูสภาวะทั้งหลาย ก็ต้องไม่ลืมอย่างที่หลายๆ ท่านเตือนไว้ ว่าเราเห็นสภาวะ ได้เพราะอะไร แล้วเราปฏิบัติเพื่ออะไร แน่นอนว่า ไม่ได้ปฏิบัติ เพื่อไล่นับเส้นเลือดแดง เส้นเลือดดำเล่น กันใช่ไหมครับ? :cool:
     
  10. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    จะเล่าให้ฟัง ว่าผมติดเป็นปีเลย

    ประเภทหัวใจเต้นแล้วเลื่อนมากลางอก เคลื่อนมาอกขวา

    หรือ เคลื่อนเต้นไหวเหมือนแมลง เหมือนตัวด้วงไต่ตัวเป็นทาง ขึ้นคอลงหลัง

    หัวใจเต้นนึกว่าแผ่นดินไหว เวทนาเกิดที่ข้อพับ ท่อนขา รู้สึกเหมือนเข็มจิ้มทะลุ

    เหมือนถูกบิดขา เหล็กแหลมร้อนแทง ลูกเหล็กร้อนกลิ้งไหลออกจากขาไปผ่าเท้า

    ไอร้องพุ่งผ่ามือ กระหม่อม และเท้า เส้นผมยุกยิกเหมือนขยับได้

    เวลานอนเหมือนมีอะไรเคลื่อนออกทางศรีษะ ตกลงหมอนให้ได้ยินได้

    บางทีเหมือนมันสีกับเสื้อจนเหมือนมีอะไรเดินอยู่หลังเสื้อ ดูตาเนื้อก็เห็นมันขยับบ้าง

    ติดอยู่เป็นปี จนสำคัญว่าสั่งได้ บังคับได้ ไม่ค่อยบอกใครหรอก ไม่ใช่ของดีอะไร ^^

    จนทบทวนพิจารณาว่าติดอะไร มันคืออะไรกันแน่แล้วทิ้งมันเลย

    ต้องเชื่อของมีจริงครับ ^^
     
  11. testewer

    testewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +758
    สาระสำคัญของการปฏิบัติสมาธิ วิปัสสนาตามแนวทางขององค์สมเด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า คือ สติ กับสัมปชัญญะ

    เมื่อเข้าถึงที่สุด คือ วิมุตติ - สติ กับสัมปชัญญะ จะเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ได้แยกจากกัน เป็นมหาสติปัฏฐาน หรือ มหาสติ

    สัมปชัญญะ คือ สติรู้กาย
     
  12. Broccocat

    Broccocat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +4,094
    ของเราจะรู้สึกเหมือนมือขวาที่ทับมือซ้ายเวลานั่งสมาธิไม่ได้สัมผัสกัน เหมือนมันว่างเปล่า แล้วครั้งล่าสุดที่ทำสมาธิ เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าตัวลอยได้...ตกใจมาก จนต้องรีบลืมตา...ไม่น่าเลยอ่ะเรา!!
     
  13. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    เจอ อาการต่างๆ แล้ว ให้ สักแต่ว่า รู้ ครับ

    ถ้าผ่าน อาการตรงนี้ไปได้ ผ่านอาการทางกายไปได้อีก จิตสงบ ลงไปอีก

    ถ้า จิต สงบ ลง เรื่อยๆ ลงไปอีกนะ จน จิต ตั้งมั่น

    จะเจอ ผู้รู้ ครับ จิต เห็น จิต

    จขกท ลองดูครับ
     
  14. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    อันนี้ยากส์มากกกกกก
    เห็น แค่ น้ำมันไหลย้อน เข้าปอดตัวเองก็ยืนดู (กรรมเก่าๆ)ครั้งเดียวๆที่เห็น
     
  15. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    แล้วถ้าไอ้ อาการที่คุยกะใครแล้วรับรู้ถึงความทรมานของเขาละ จาทำยังไง มันสะท้านอะ แต่ ไม่จับมันก็หายนะ

    ถ้ากล่าวมาข้างต้นนั้น เป็นไปได้มั๊ย ที่เป็นการ แยก กาย กับจิต ได้ อย่างเด็ดขาดแล้ว
     
  16. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,134

    ไม่น่าเรียกว่า แยก กาย จิต นะครับ เพราะถ้าตอนแยกกายจิต จิตควรจะไม่รับรู้สภาวะร่างกายสิ อันนั้นเรารับรู้ว่ามันสะท้าน...

    อันนั้นพระอาจารย์ผมบอกว่า จิตไปแอบกำหนดรับอารมณ์คนอื่นเข้ามา ต้องวิปัสสนาให้เห็นจิตละเอียดมากๆ จนจิตสงัดที่สุด ไม่แอบไปกำหนดอะไร โดยที่เราไม่รู้ตัว
    กรณีเดียวกับคนที่รู้ความคิดคนอื่นโดยไม่ได้ตั้งใจครับ พระอาจารย์บอกว่า จริงๆ แล้ว ไม่สามารถรู้ได้ ถ้าไม่กำหนดก่อน ถ้ารู้แปลว่า ใจนั้นแอบแกว่งไป โดยที่สติเราไม่รู้ตัว ให้วิปัสสนาให้ละเอียดจนทันมันครับ
     
  17. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,134
    อนุโมทนา สาธุ กับการปฏิบัติด้วยครับ
    เป็นอาการที่กำลังของสมาธิสูงขึ้นครับ มือเท้าเริ่มหาย (จริงๆ แล้ว คือ จิตเริ่มตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์เดียว จนจิตไม่ยอมไปรับรู้สภาวะที่เกิดขึ้นทางร่างกาย ตรงปลายมือปลายเท้า) ถ้านั่งไปเรื่อยๆ ส่วนที่หายก็จะเยอะขึ้นเรื่อยๆ

    แต่... เป็นการส่งเสริมกำลังของสมถะกรรมฐานนะครับ ไม่ใช่การวิปัสสนาให้เห็นแจ้ง ถ้านั่งให้นิ่งดิ่งต่อลงไปอย่างเดียว ยากที่จะเกิดปัญญาครับ
     
  18. มังคละมุนี

    มังคละมุนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +608
    ครั้งหนึ่ง ของ ธรรมคุณ

    ๔-๕ ปีก่อนผมดูแลคนป่วยอยู่ที่บ้าน เป็นญาติที่ใกล้ชิด (ขณะนี้เธอเสียชีวิตแล้ว)
    พวกเราก็เอา CDธรรมะบ้าง บทสวดธรรมะ เพลงธรรมะบ้าง มาเปิดให้เธอฟัง

    มีอยู่คืนหนึ่ง ขณะที่ดูเฝ้าไข้ดูแลเธออยู่ บรรยายกาศก็เงียบ มีแต่เสียง CD บทสวดมนต์เบาๆเปิดอยู่ แล้วบทสวดสรภัญญะ ที่คุ้นหูเมื่อสมัยเด็กๆ ก็มาถึง

    ธรรมะคือคุณากร ส่วนชอบสาธร
    ดุจดวงประทีปชัชวาล
    แห่งองค์พระศาสดาจารย์ ส่องสัตว์สันดาน
    สว่างกระจ่างใจมนท์
    ธรรมใดนับโดยมรรคผล เป็นแปดพึงยล
    และเก้ากับทั้งนฤพาน...


    ส่องสัตว์สันดาน...ส่องสัตว์สันดาน...ส่องสัตว์สันดาน

    ในมโนวิญญาณของผม มีแต่ สามคำนี้ ดังกึกก้อง "ส่อง สัตว์ สันดาน" แล้วสุขเวทนาก็พรั่งพรูสู่ตัวตนของผมอีกครั้งหนึ่ง และ รุนแรงอย่างมาก
    ผมได้รำพึงกับตนเองว่า คำที่ทรงคุณค่า ผ่านหูเรา มานับครั้งไม่ถ้วน คำๆนั้น จะทรงคุณค่า จริงๆ ก็ต่อเมื่อ เรากำลังเห็น ความทุกข์ปรากฏต่อหน้าต่อตาของเรา

    ธรรมแท้ ต้องส่องเข้าไปในตัวสัตว์ แล้ว ขุดสันดานของสัตว์!

     
  19. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918

    ไอ๋หย๊ะรา .....

    ที่กล่าวมาแต่ต้นกระทู้ออกเป็นใบมะลิรา ไม่ใช่ การรู้สึกได้ขณะเดินเหิน
    กิน ยืน นั่ง นอน ดื่ม ทำ พูด คิด หรอกรึ

    ถ้า นั่งอย่างเดียว อริยาบทเดียว แล้วกล่าวว่า รู้ในสภาพธรรมเหล่านั้น

    อันนั้น ให้สงวนท่าทีไว้ก่อน

    เมื่อไหร่ก็ตามที่อยู่ในอริยาบทอื่นๆ แล้ว ยังจิตยัง รู้ สภาพธรรมเหล่า
    นั้นของเขาได้ เพราะมันเป็น สัจจธรรม ที่ปรากฏตลอดเวลา ค่อยมา
    ว่ากันว่า "รู้"

    รู้แบบ เดี๋ยวรู้ หรือ รู้ภายใต้ สภาพแวดล้อมบังคับ อันนั้น รู้ได้
    แต่ยังไม่เรียกว่า รู้ชัด ถ้า รู้ชัดๆ ทุกอริยาบทจะต้องรู้สึกได้ ถึง
    สภาพธรรม ที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติเหล่านั้น

    แล้ว มันเป็น สภาพธรรมที่พ้นการปรุงแต่งจากเรานะ เราจะไปนึกๆ
    ให้ ใจมันเต้นเร็วๆ เอาเองไม่ได้

    เว้นแต่ จะปรุงเหตุ

    คนฉลาด จะปรุงเหตุดี เพื่อเป็นที่สบาย และ อยู่ห่างข้าศึก

    คนโง่ จะปรุงไม่ดี เช่น อยู่ดีๆไปหาเหล็กเป็นแท่งผ่าท้องแขนแล้วยัดเป้ง
    เข้าไป เพื่อดูจิตใจมันเต้น แล้วบอกว่า ข้าแน่ข้าหนึ่ง ข้ากล้ายัดเหล็ก
    เข้าท้องแขน ฉลาดเป็นตดเลย

    แต่ถ้าเป็น บัณฑิตนะ บัณฑิตจะรู้ว่า สภาพธรรมเหล่านั้นมีอยู่แล้ว
    เราแค่ อาศัยระลึก ก็จะเห็น "ไฟที่ไหม้เรือนตลอดเวลา" จิตมันหลง
    ไปทางธาตุ อยาตนะ เข้าสู่การมีภพ เสื่อมสลาย ชรา มรณะ ตลอด
    เวลา

    <MARQUEE direction=right scrollAmount=1>
    rabbit_run_away
    -------- ------ ----- ----- ---- --- --- --- -- -- -


    </MARQUEE>

    วิ่ง วิ่ง วิ่ง วิ่ง

    วิ่งเข้าน๊า หนทางมันไกล ไม่ใช่ก้าวหน้านะ หาก ไม่ทันโลก ไม่ทันความหลง เนี่ยะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 พฤษภาคม 2012
  20. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,134
    ตัวผมเอง เมื่อมีสติระลึกรู้ได้ ผมเห็นได้ทุกขณะครับ (อย่างเช่นแม้ตอนพิมพ์ตอบนี้ ผมก็มีสติรับรู้ถึงสัมผ้สแรงกดที่นิ้ว ถึงการเต้นของหัวใจและการสั่นของร่างกายครับ แต่ไม่ชัดเจนนะครับ เพราะจิตส่วนใหญ่อยู่กับการคิดว่าจะพิมพ์ตอบว่าอย่างไร) ที่ผมตอบอันนั้น ผมแนะนำสำหรับผู้ปฏิบัติใหม่ท่านนั้น เพื่อเป็นกำลังใจในการปฏิบัติต่อไปครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...