สวัสดี java108 ชาวดาวแอสทร้า..

ลักษณะของคนที่ถูกฝังชิพ


คนที่ถูกชิพ มักเข้าไปศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว ในภาวะที่
ไม่ได้รู้แจ้งด้วยตนเอง เป็นการศึกษาข้อมูลจากผู้อื่น โดยที่ต้นตอแหล่ง
ข้อมูลนั้นได้ทำ "ชิพ" เอาไว้ ป้องกันไม่ให้คนอื่นเข้ามาศึกษาเรื่องราว
ของตนไม่ต่างจากคนที่เป็น "ปอบวิชา" เพราะไปศึกษาวิชาของคนอื่น
ที่เขาไม่ได้ให้ หรือศึกษาผิดพลาด, ผิดครู เป็นต้น เรื่องราวของการไป
เป็นปอบนั้น มีคนที่ศึกษาละเอียดกล่าวเอาไว้ใน ท่านก็สามารถหาอ่าน
ได้ สำหรับท่านที่มีประสบการณ์ตรง ก็จะทราบว่าสิ่งเหล่านี้มีจริงหรือไม่
ทั้งนี้ เป็นธรรมดาของวิชาความรู้ทั้งมวล ที่จะมีบางสิ่งที่ต้นตอของวิชานี้
ได้ทำไว้ เช่น ธรรมะของฝ่ายเถรวาทก็มี พิษธรรมะ ของพวกพญานาค
ที่คอยปกป้องพระธรรมไว้ คนที่ศึกษาจะโดนพิษธรรมะนั้นหมดทุกคนจน
กว่าจะปล่อยวางธรรมะ ที่ไม่ใช่ของตน ที่ไม่มีในตน ที่ตนไม่ได้ตรัสรู้เอง
ที่ตนไปลอก ไปเรียน ไปจำ ไปเอาของผู้อื่นมาโดยมิใช่ของตนนั้นจึงจะ
พ้นพิษธรรมะได้ เรื่องราวของมนุษย์ต่างดาวผู้ใดศึกษาแม้ไม่โดนพิษดัง
เช่น ธรรมะฝ่ายเถรวาท, แม้ไม่ได้เป็นปอบ แต่ก็จะถูกฝังชิพได้เช่นกัน


อาการของผู้ถูกชิพมี 2 อาการใหญ่ สลับกัน สังเกตุง่ายๆ คือ อาการร้อน
และอาการพิษเย็น (พลังของพระสุริยัน-จันทรา) ส่งผลให้เกิดการกระทำ
และไม่กระทำ อันผิดเพี้ยนไป จากที่ควรจะเป็น เช่น พิษร้อนทำให้อยาก
ทำงานบางอย่างมากเกินไป (มีไฟในการทำงาน) ทั้งๆ ที่ไม่ควรจะทำหรือ
ไม่ควรจะเป็นเหมือนโดนหลอกให้ทำงาน อาการพิษเย็นทำให้หยุดกระทำ
ในสิ่งที่ควรกระทำ มีความเฉยเมย เย็นชา ผิดปกติ เช่น เห็นคนด้วยกันได้
รับความทุกข์ทรมาน ป่วยอยู่ตรงหน้า ก็จะเย็นชาผิดปกติ ไม่ทำ ไม่หาวิธี
ช่วยเหลือ หรือไม่ แม้แต่จะมีความรู้สึกอะไรบ้างเลย "ซึ่งผิดปกติมนุษย์"
อาการทั้งสองอย่างนี้จะเกิดในคนที่ถูกฝังชิพแบบสลับกันได้ ทำให้คนนั้น
ทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ และไม่ทำในสิ่งที่ควรจะทำแต่ด้วยสายตาของมนุษย์
ปกติแล้ว "จะดูไม่ออก" ว่าอะไร คือสิ่งที่เขาควรกระทำหรือไม่ควรกระทำ
เช่นนี้ มนุษย์จึงไม่ทราบว่า "ใครโดนชิพเหล่านี้บ้าง?" เช่น คนบางคนได้
ศึกษาธรรมระดับหนึ่ง ยังไม่ได้บรรลุธรรมเลย เมื่อพิษร้อนกำเริบ เขามีไฟ
ที่จะสอนคนแล้ว สร้างสถานธรรมแล้ว ทำให้คำสอนของเขา ที่เผยแพร่ไป
คลาดเคลื่อนจากธรรมที่แท้จริง ที่ควรจะเป็น นี่แหละ ต่างดาวหลอกให้เรา
ทำงานได้แบบนี้ เราก็จะตกเป็นเครื่องมือของเขาได้ การถูกฝังชิพนี้ยิ่งกว่า
การถูกสนทะพาย เพราะมันเหมือนมียากระตุ้นประสาทให้เราบ้าทำงานด้วย


หลายคนที่ถูกฝังชิพ จะบ้าทำงาน มีไฟมาก และทำกิจเพื่อมนุษย์ต่างดาว

 

อืม...นะ ถึงน้ำจะมากไปหน่อย แต่เนื้อที่มีน้อยก็อร่อยดีแฮะ

พลังชีพไม่ใช่ใช้แล้วหมดไปอย่างเดียวนี่หน่า
มีวิชามากมายที่ช่วยเพิ่มพลังกลับคืนมาได้
ฝึกฝนก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรนักหนา หาในเนทก็มีมากมายก่ายกอง

หรือถ้าพิศดารหน่อย ก็อย่างวิชา "ประทับไม่ตาย" ของเทพอาถรรพ์ไง เจ๋งมาก
เร่งหยินให้ถึงจุดต่ำสุด แล้วกฏของธรรมชาติก็ทำงาน ด้วยการพุ่งขึ้นของหยาง
เปรียบดังว่า ปล่อยให้ตัวเองให้ไปถึงจุดอันตราย แล้วใช้เคล็ดตีโต้กลับแบบฉับพลัน
เป็นสุดยอดวิชาเลยนะนั่น คล้อยตามธรรมชาติได้จนถึงขีดสุด เลยทีเดียวเชียว

หรือเคล็ดวิชา "เปลี่ยนอาทิตย์" ก็เด็ดมาก ร่อแร่เกือบตาย
แต่กลับมาได้ด้วยระดับพลังที่สูงมากขึ้น ถึงจะฝึกยากมากก็เหอะนะ


มังกรคู่สู้สิบทิศ / กระต่ายป่า ข้างวัด
.

 

อธิบายละเอียด เพราะว่าคนไม่เข้าใจมีมาก
ความไม่เข้าใจอาจเป็นบ่อเกิดแห่งกรรมทำให้
ปรามาสกันไปมาได้ เลยต้องเริ่มต้นละเอียดอย่างนั้น


ฝึกได้แล้วเป็นของเราเองแล้ว ใช้ได้ ย่อมดีกว่ายังไม่ได้แต่หยิบยืม

 

ศึกษาวิชาความรู้ของผู้อื่นอย่างไร ไม่ให้ถูกพิษ?


คนเราทุกคนมี "ขีดจำกัดในการรับและการเเรียนรู้" อุปมาเหมือนภาชนะใส่น้ำ
มากและน้อย ไม่เท่ากัน บางคนสร้างปัญญาบารมีไว้มาก ย่อมรับความรู้ได้มาก
บางคนสร้างปัญญาบารมีไว้น้อย ย่อมรับได้น้อย คำว่า "รับได้น้อย" ไม่ได้แปล
ว่าโง่หรือเรียนไม่รู้เรื่อง ตรงข้าม อาจเก่งมากๆ จบ ดร. เลยก็ได้ แต่มันจะมีพิษ
เกิดขึ้น เช่น รู้มากก็โกงมาก นี่คือ พิษอสูรชนิดหนึ่ง, รู้มากก็ร้อนวิชามาก นี่พิษ
ไฟ ธาตุไฟ, รู้มากก็ล้นมาก พล่ามเยอะ นี่พิษธาตุน้ำ, รู้มากก็สอนคนอื่นมาก นี่
พิษธาตุพรหม ธาตุฤษี, รู้มากก็หลงตัวเองมาก พิษธาตุมาร ฯลฯ ดังนั้นคนที่ได้
รับพิษ ดูจากสายตาปุถุชนจึงเหมือนคนดี, คนเก่ง, คนประสบความสำเร็จ ก็ได้
ในขณะที่คนที่ไม่ได้รับพิษ อาจดูเหมือนคนโง่, คนซื่อบื้อ ก็ได้ครับ จุดนี้ เราจะ
ตัดสินคนจากสายตาแบบปุถุชนไม่ได้ มีพระมากมายครับ ที่ได้รับการยกย่องว่า
เก่ง, ดี, เลิศ, ประเสริฐศรี แต่ขอโทษ! ท่านได้รับพิษธรรมะ เข้าไปเยอะมากๆ


ทางมหายาน คนที่ชำนาญเรื่องพิษ เขาดูออก เขาก็จะช่วยครับ อย่างที่เราเห็น
ว่าทำไม มหายานถึงสอน "พิษล้างพิษ" หรือ "มหาสุญตา" คือ เขาจะช่วยแก้
พิษธรรมะที่เกิดจากการศึกษาแล้วไม่แจ้ง ไม่ใช่ปัญญาของเราเอง แต่ไปรับมา
จนเกินนั้นๆ ทำไม ครั้งที่พระเจ้าเหลียงบู๊ตี่ถามพระตั๊กม้อว่า "เราทำบุญมากถึง
ขนาดนี้ เราจะได้อะไร?" แล้วพระตั๊กม้อกลับตอบว่า "ไม่ได้อะไรเลยเป็นศูนย์"
นี่ก็คือ "ธรรมแบบพิษล้างพิษ" ใช้มหาสุญตาล้างความหลงยึดติดในบุญนั่นเอง


คนเราทุกคนก็ศึกษาได้ครับ ถ้าไม่มากเกินกำลัง ไม่เกินอินทรีย์ ไม่เกิดปัญญา
บารมีที่ตนได้สร้างมา แต่ถ้าเกินนั้นแล้ว ก็จะได้รับพิษจากการศึกษาวิชาความรู้
ต่างๆ ทั้งสิ้น การที่จะไม่ให้ได้รับพิษก็คือ การไม่รับมากเกินไป รับแต่พอดีเท่า
ที่ตนพอมีบารมีรับได้ ทว่า คนปัจจุบันนี้ ใครเล่าจะคิดได้ว่า "ตนเองเป็น ผู้น้อย
รับธรรมเท่านี้แล้วปฏิบัติให้มาก ให้เกิดผล ให้แจ้งจริง ให้เกิดปัญญาด้วยตน ดี
กว่า" ? ใครเล่าจะคิดได้อย่างนี้? น้อยนักครับ ส่วนใหญ่ก็คิดว่า "ข้าก็แน่ข้าเก่ง
ข้าเจ๋ง ข้ามีบารมี" ฯลฯ น้อยคนนักที่จะยอมรับว่าตัวเองโง่ รับธรรมแต่น้อยแล้ว
ไปปฏิบัติให้มาก ให้เกิดผลก่อน มีแต่จะเก็บไปเยอะๆ แล้วไปสอนคนอื่นต่อ มี
แต่อยากจะตั้งตัวเป็นครูบาอาจารย์คนอื่นเขา เพราะมีปมด้อยตอนที่เป็นศิษย์นั้น
ต้องก้มหน้าก้มตาฟังอาจารย์อย่างเดียว ใจมันคด ใจมันไม่ยอมจริงๆ พอไม่มีครู
คุม มันก็ทำตัวเป็นครูแทน เพราะใจมันไม่ได้ยอมเป็นศิษย์ใครจริงๆ ไงละครับ!


ไม่มีไรมาก ไม่ต้องคิดมากนะครับ ไม่มีอะไรจะทำก็เม้าท์ๆ ไปอย่างนั้นแหละคับ

 

ว้าววววววววว มีกองกำลังเสริมด้วย

 

วิชาเปลี่ยนอาทิตย์ หรือ กุณฑาลินีโยคะ


ควรฝึกเป็นคู่ครับ คนหนึ่งจะฝึกโยคะร้อน คนหนึ่งฝึกโยคะเย็น หรือ
กุณฑาลินีร้อนกับเย็น การฝึกทั้งสองอย่างพร้อมๆ กันเลย จะได้เมื่อ
เข้าใจหลักหยินหยางก่อน ซึ่งเป็นไปได้ยากมาก นอกจากจะฝึกไม่
สำเร็จแล้วก็อาจเกิดปัญหา พลังงานตีกันภายในด้วย ดังนั้น การฝึก
กุณฑาลินีเป็นคู่ คือ ชายร้อน, หญิงเย็น จึงได้ผลดีกว่ามาก


เรื่องกุณฑาลินีแบบหยินหยางนี้ เคยเกิดขึ้นกับตัวเองครั้งหนึ่งครับ
เมื่อก่อนเคยเป็นกุณฑาลินีร้อน (งูไฟ) ตื่นขึ้น เกือบประสาทแดก
เคยเห็นคนที่บ้าคลั่งไหมครับ? พลังธาตุไฟมันดันขึ้นหัวแล้วติดอยู่
อย่างนั้น เหมือนจะระเบิดก็ไม่ระเบิด มันทะลวงออกไม่ได้ ทำให้มี
ความรู้สึกเหมือน จะบ้าคลั่งครับ แต่เมื่อไม่นานมานี้ เลวร้ายยิ่งกว่า
เมื่องูร้อนกับงูเย็น ตื่นขึ้นมาพร้อมกัน แล้วเราต้องไม่ให้มันตีกัน คือ
งูร้อนจะมีพลังบวกต่อกาม (ทัศนคติเชิงบวกต่อกาม) แต่งูเย็นมันจะ
ตรงกันข้าม แล้วดันเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน งงสุดๆ เลยตกลงจะยังไงกัน
แน่? ด้านหนึ่งบวกต่อกาม ด้านหนึ่งลบต่อกาม เอากะมันสิ เกือบจะ
ไม่รอดเหมือนกัน นี่เลยบอกว่า กุณฑาลินีโยคะ ฝึกคู่ดีกว่าฝึกเดี่ยว

 

๕๕๕ ดูท่าแล้ว ถึงอธิบายละเอียด ก็ยังไม่เวิร์คเท่าที่ท่านต้องการรึเปล่าครับ
เราว่าเราเก่งมากแล้ว ก็ยังต้องเลือกอ่านและแปล ให้จิตเข้าใจได้ แค่บางท่อนเอง

บ่อเกิดแห่งกรรม นี่บางทีมันก็น่าเบื่อมากนะ เราว่ามันทำงานมั่วไปหน่อยไม๊น๊า
ทำงานสลับซับซ้อนเกินไป ชาวบ้านเค้าไม่เข้าใจระบบ โลกมันเลยเละตุ้มเป๊ะ

เคยคิดเพ้อเจ้อไปนะ ตอนที่สมมุติว่า "ข้าคือพระเจ้า" แล้วจะซ่อมโลกยังไงบ้าง
เรื่องกรรมนี้แหละ โดนเราโวยหนักสุดเลย
เลยสั่งรื้อระบบใหม่ ทำงานให้มันรวดเร็วทันใจหน่อย อย่าให้เข้าใจยากนัก ๕๕๕
ก็แค่เพ้อเจ้อไปเรื่อยเปื่อยนะครับ ใครเชื่อระวังออกลูกเป็นลิงนะเออ จะบอกให้ ๕๕๕

เคยอ่าน "ข้าคือพระเจ้า ของไอแซค อาซิมอฟ" รึเปล่าไม่รู้ น่าจะใช่นะ
ตั้งแต่สิบหกล่ะมั้ง นะ จำเรื่องราวหลายท่อนได้แม่นยำเลย
ตอนแปลงร่างเป็นนักรบแสงนี้ ก็ได้นำมาประยุกต์ใช้หลายเรื่องเหมือนกันแฮะ



นักรบแสง / แบ๊คทูเดอะฟิวเจอร์
.

 

เวลาอธิบายจะดูซับซ้อนอยู่ ก็จริง
แต่ทำจริงๆ เรียบง่ายมาก เช่น


ทำไม ไม่ใช้รถที่ต้องเติมน้ำมัน?
ทำจริงง่ายมาก แต่อธิบายซับซ้อน
ที่ต้องอธิบายซับซ้อน เพราะความคิด
ของคนฟังซับซ้อน ถ้าเขาไม่คิดซับซ้อน


เราบอกเขาว่า "อย่าทำ" แล้วเขาเชื่อเรา มันก็จบ


ไอ้คำว่า "อย่าทำ" นี่แหละ ทำให้ชีวิตไม่ซับซ้อน
ง่ายขึ้นเยอะ มันลดความยุ่งยากและปัญหาต่างๆ
ไปได้มากมายเลยทีเดียว แต่คนเรามันอดทำไม่ได้


มัน "ขยันเกิน" ...

 

แล้วท่านอยากได้ซักกองไม๊ครับ ๕๕๕
ที่วัดเรามีแยะ หลายกองเชียวล่ะครับ

แบบกองใหม่ๆ วันนี้ หรือกองของเมื่อวาน
แบบกองแห้งๆ ก็มีนะครับ ๕๕๕


กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง
.

 

เก็บไว้ที่นั้นหละครับ ไว้ให้มนุษย์ต่างดาว ผมสร้างเองได้ จะเอาป่าวครับ กองของผม ขอที่อยู่หน่อยเดียวผมส่งให้ ไม่คิดค่าส่ง แบ่งๆกัน แต่ก็ขอบคุณนะครับที่มีน้ำใจแบ่งปัน :boo:

 

พลังชีพคือพลังจิตที่สะสมไว้ในจิต (66.66%) และอาทิสมานกาย (33.33%) ของทุกภพชาติ
คนที่ไม่ฝึกสมาธิย่อมมีพลังชีพสะสมน้อย
การสูญเสียพลังชีพไป ไม่ว่าจะเกิดจากการถูกดึงพลังจิตเอาไปใช้โดยพวกต่างด้าวที่มีกายแสง (light body) ที่เข้ามาแฝงในร่างมนุษย์โดยมีเจตนาซ่อนเร้นบางอย่าง หรือเกิดจากการถูกสูบกินของพวกจิตวิญญาณด้านมืด ซึ่งบางพวกอาจสูบกินทั้งเลือดและเนื้อ ทำให้ร่างของผู้เคราะห์ร้ายผ่ายผอมลงเรื่อย ๆ และเหี่ยวย่น
หากเมื่อใดที่พลังจิตหมดไปจากจิต บุคคลคนนั้นก็มีโอกาสวิปลาสได้โดยง่าย และส่งผลให้สุขภาพทรุดโทรมอย่างหนัก
การพัฒนาจิตวิญญาณจึงต้องอาศัยการสร้างเสริมและสะสมพลังจิตเป็นหลักสำคัญ

 

นี่คือเหตุผลที่ว่า ทำไมจึงไม่ควรใช้พลังภายใน (พลังจิต) ในการบำบัดรักษาโรค แต่ควรใช้พลังภายนอก (พลังจักรวาล, พลังชี่, พลังปราณ) แทนพลังจิต

 

คนที่ถูกฝังชิพ ถ้าไม่ถูกหลอก มักเสนอตัวไปให้พวกต่างด้าวฝังเอง เพราะอยากมีความสามารถพิเศษ
การแก้ไข หากไม่มีบุคคลที่มีพลังงานส่วนตัวสูงพอ ต้องอาศัยผู้ฝึกพลังจักรวาลระดับ 6 ขึ้นไปจำนวน 3 คน ร่วมกันส่งพลังสลายชิพพลังงานที่ฝังอยู่ในสมอง

ก่อนส่งพลัง ให้ทั้ง 3 คนเพ่งปิรามิดซ้อนประมาณ 15-30 นาที
จินตนาการให้เห็นภาพชิพเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
จินตนาการแบ่งชิพออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนต้น ส่วนกลาง และส่วนปลาย
ทั้ง 3 คน แต่ละคนแยกกันส่งพลังไปที่แต่ละส่วน โดยต้องส่งพลังพร้อมกัน ใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที

 

พระพุทธเจ้าท่านสอนให้คบบัณฑิต ไม่ให้คบคนพาล (พวกมิจฉาทิฏฐิ)
ถ้าเชื่อคำสอนของพระพุทธเจ้า ก็ไม่ควรคบหาจิตวิญญาณด้านมืด เพราะพวกเขามีความคิดแบบมิจฉาทิฏฐิ มีอันตรายแอบแฝงอยู่ตลอดเวลา

 

ความรู้ต่างๆ ที่หมักดองอยู่ในใจของเรา นานวันเข้าก็กลายเป็นพิษ เพราะความรู้เหล่านี้ เกิดจากการรับรู้ แต่ไม่ได้เกิดจากการตื่นแจ้งเองของจิตใต้สำนึกของเรา มันจึงไม่ใช่ส่วนหนึ่งของความสว่างไสวแห่งจิต แต่เป็นเครื่องหมักดองที่เราเก็บสะสมไว้ในใจ ความรู้ความเข้าใจที่เราได้รับรู้มาเหล่านี้แหละ กลายเป็นขยะ เป็นของเสีย และกลายเป็นพิษในที่สุด เราจึงต้องชำระล้างมันเสียให้ใสสะอาด ใสซื่อ บริสุทธิ์ ดุจเราไม่ได้รับรู้ หรือรับอะไรเข้ามาเลย มิฉะนั้นแล้ว มันก็จะกลายเป็นอุปสรรคในการสว่างไสว ตื่นแจ้งเองจากภายในของเรา

All knowledge which ferment in our mind, becomes toxic over time. Because these knowledge come from recognition. It is not caused by an enlightenment of our own subconscious. It is not a part of the luminosity of our mind. It is a fermented, we store in our mind. These cognitive and knowledge we get, have become garbage as waste and eventually become toxic. We had to purge them and clean to innocent as we don't know nor don't get anything. Otherwise, it will become a barrier to our enlightenment (The awakening of our inner).

https://www.facebook.com/enlighten555?ref=stream

 

เทคนิกการผ่าตัดชิพ


คิดว่าเม้าท์เล่นๆ เป็นการแลกเปลี่ยนละกันนะครับ

1. เปิดใจ คือ การใช้พลังจิตเชิงบวก ผ่านการคุยเล่นๆ ให้เขาไว้วางใจ
เราก่อน เพื่อไม่ให้เขาใช้พลังจิตปกป้องตัวเอง อันจะกลายเป็นพลังกั้น
ขวาง ในการช่วยเหลือเยียวยาของเรา ทำให้เราดึงเอาชิพออกมาไม่ได้

2. ทดสอบ คือ การใช้พลังจิตเชิงลบ หยั่งเชิงตรวจวัดดูว่าชิพนั้นถูกฝัง
อยู่ในตำแหน่งใด มีลักษณะอย่างไร มีองค์ประกอบอะไรอยู่บ้าง เพื่อจะ
ได้ทำการถอนออกได้อย่างถูกต้องแม่นยำ เหมือนการซักประวัติคนไข้

3. กระตุ้น คือ การใช้พลังจิตผ่านการพูดคุยเพื่อกระตุ้นให้ชิพที่ถูกฝังที่
ระดับลึกของจิต ได้รับการผลักออกมาจากที่ฝัง ขั้นตอนนี้เหมือนการกวน
น้ำให้ขุ่น ทำให้คนฟังขุ่นข้องใจและถกเถียงกับเราได้ ชิพก็จะออกมาได้

4. ไถ่ถอน คือ การใช้พลังจิตช่วยในการเยียวยาไถ่ถอน เอาชิพออกมา
ให้ง่ายขึ้น เนื่องจากผู้ที่ถูกฝังชิพอาจไม่มีพลังมากพอที่จะดึงออกมาเอง
เราก็จะใช้พลังช่วยในการไถ่ถอนชิพบ้างเล็กน้อย ตามแต่พลังเราจะมีได้

5. ชำระล้าง คือ การใช้พลังจิตชำระล้างชิพให้สลายไปเหมือนการสลาย
นิ่วอะไรแบบนั้น เช่น พลังสั่นสะเทือน จุดนี้ คนฟังอาจมีความสะเทือนใจ
มีน้ำตาไหล (เพื่อชำระล้าง) เกิดขึ้นได้ จนกว่าชิพจะค่อยๆ สลายหมดไป

6. ปิดแผล คือ การใช้พลังจิตช่วยปิดบาดแผลทางใจของเขา ให้กลับไป
เป็นปกติเหมือนเดิม ไม่กลายเป็น "ช่องโหว่" ให้คนอื่นมาตอกย้ำหรือเล่น
งานจุดอ่อนเขาได้ในอนาคต เหมือนการเย็บปิดปากแผลหลังการผ่าตัด

7. ฟื้นฟู คือ การใช้พลังจิตช่วยเยียวยาฟื้นฟู ให้บาดแผลและส่วนที่เคยถูก
ฝังชิพกลับมาเป็นปกติได้เร็วขึ้น เหมือนการได้รับการบำบัดฟื้นฟูหลังผ่าตัด
จุดนี้จะใช้พลังจิตประเภทฟื้นฟู เน้นใสๆ เพื่อให้กลับสู่ธรรมชาติดั้งเดิมเริ่มต้น


เม้าท์เล่นๆ แลกเปลี่ยนกันฟังครับ ...

 

แหม..คนเค้าอุตส่าห์มีน้ำใจแบ่งปันกันนะเนี่ย ๕๕๕

กองกำลังเสริมของเรานี้ ดีมากเลยนะครับ
แค่คิด ก็มาช่วยแล้ว ยังไม่ต้องร้องขอด้วยซ้ำไป ขอบอก

เหมือนกับมีพรหมประจำอยู่ข้างกายถึงสามท่านเชียวนะครับ ในเวลาปกติ
แต่ยามคับขัน หรือใช้พลังงานเต็มที่ ก็จะมีให้ถึงหกท่านเชียวล่ะครับ

การช่วยเหลือก็จะเป็นแบบเตรียมการไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว
ตามธรรมเนียมปฏิบัติขั้นพรหม ผู้เชียวชาญสุดยอด ด้านจังหวะและเวลา

พอรู้ตัวว่าเดือดร้อนหรือต้องการความช่วยเหลือ
ปกติก็จะเห็นได้ทันที ว่ามีมารอให้อยู่แล้ว
สะดวกสบายมากมายมหาศาล ๕๕๕๕


กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง
.

 

เลอะเทอะ ช้งชิพ

chip เดี๋ยวนี้พัฒนาไป Gen4 Gen5 เร้ว

เออ..ถ้าใช้คำว่า อุปทานขันธ์ ในสัญญา ในสังขาร หรือ สามัญสำนึก

พอดูเป็นผู้เป็นคน ในพุทธศาสนาขึ้นมาบ้าง

อ้าย เรือหาย Ship ผ่อง

 

http://palungjit.org/images/smilies/omg-smile.gif

 

เคยดูหนัง taken หนังเก่า แต่สร้างดีมากเลย ยังดูทันสมัย
มนุษย์ต่างดาว พยายามลงมาผสมพันธุ์กับมนุษย์ เพื่อให้ได้เด็กรุนใหม่ ที่สามารถอยู่บนโลกมุษย์ได้ และเป็นผู้ที่จะตัดสินใจโลกอนาคต.. เหมือนกับต่างดาวก็ต้องการที่ๆอยู่ อะไรประมาณนั้น จำไม่ค่อยได้ ดูนานแล้ว..

มีเรื่องฝังชิพเพื่อศึกษา มนุษย์ที่มะนาวต่างดุ๊ดจับตัวไปแล้วปล่อยกลับมา
ชิพ เป็นคล้ายๆตัวหนอนมีชีวิต คือทำให้ถึงตาย มีกำหนดเวลา
ดังนั้น ผู้ที่ถูกฝังชิพ จะต้องผ่าออกก่อน ถ้าไม่กลับไปหามนุษย์ต่างดาวก็จะตาย ทำนองนั้น
ไอเดียบรรเจิด มากๆ


Taken เทคเค็น รหัสลับจากต่างดาว

สตีเว่น สปีลเบิร์ก ขอเสนอผลงานสร้างสรรค์ซึ่งกลายเป็นตำนานอันยิ่งใหญ่ของ 3 ครอบครัวใน 4 ชั่วอายุคน และ 50 ปี ของความลับอันน่าสะพรึงกลัว เต็มไปด้วยสเปเชี่ยลเอ๊ฟเฟ็คส์เสมือนจริง เรื่องราวชวนให้ติดตาม และความน่ากลัวที่คาดไม่ถึง เทคเค็น รหัสลับจากต่างดาว นำคุณไปสู่อาณาจักรแห่งการลักพาตัวของมนุษย์ต่างดาว และการสมคบคิดการก่อกบฎอันสุดร้ายกาจตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองจนถึงปัจจุบัน นี่คือบันทึกเหตุการณ์ต่อเนื่องสุดแปลกประหลาดชวนให้อัศจรรย์ใจ ของความสัมพันธ์ของมนุษย์ชาติ ที่จะนำทางไปสู่ความลับอันน่าพิศวงของสิ่งมีชีวิตนอกโลก การผจญภัยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความฝันและจิตนาการครั้งนี้ได้ถูกยอมรับว่าเป็น "ทีวีมินิซี่รีย์ยอดเยี่ยมที่สุดตั้งแต่เรื่อง Band of Brothers ทาง HBO" (พิทท์เบิร์ก โพสท์-กาเซทท์) - หนังชุด serie Taken เทคเค็น รหัสลับจากต่างดาว