สายใต้พระนางตรา ๑๐๐ ปี พระพุทธนิมิตร พ่อท่านพลับ ๒๕๐๔

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    1320615-412b8.jpg 1360925-53d26.jpg

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ลูกอมหลวงพ่อถมยาวัดท่าแก้ว ให้บูชา
    200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20231020_015034.jpg IMG_20231020_015452.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ตุลาคม 2023
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    FB_IMG_1697742351070.jpg
    หลวงพ่อลำใยเป็นศิษย์ในองค์หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ท่านอุปสมบทเมื่อปี พ.ศ. 2500 แล้วจำพรรษาอยู่ที่วัดสะแกตลอดมา โดยมากไม่ค่อยได้ศึกษาวิทยาคุณจากหลวงปู่สี พินทสุวัณโณ สักเท่าไร เพราะไปเน้นกัมมัฏฐานและวิชาส่วนใหญ่จากหลวงปู่ดู่

    ท่านเองมีจริตที่ค่อนข้างหนักไปทาง "อยู่คง" และเจริญเตโชกสิณอยู่เนืองนิจ แม้หลวงปู่ดู่จะคอยตรวจจิตท่านและปรามอยู่เสมอ ท่านก็ยังคงแอบ ๆ ทำ

    และประวัติศาสตร์ในองค์หลวงปู่ดู่กับหลวงพ่อลำใยที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ พระหลาย ๆ รุ่นของหลวงปู่ดู่นั้น ไม่ว่าจะวัดสร้างหรือศิษย์สร้าง หลวงปู่ดู่ได้มอบให้หลวงพ่อลำใยนำไปเสกก่อนหลายครั้ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มิใช่ว่าหลวงปู่ดู่จะละเลยไม่ได้เสกอีกแต่อย่างใด หากเป็นกุศโลบายในการตรวจสอบวิถีจิตของหลวงพ่อลำใย

    เช่น ครั้งหนึ่งที่นาวาเอกสำเภา คมสันต์ และ นาวาเอกจำเนียร ตู้จินดา ไปกราบนมัสการหลวงปู่ ก็เห็นหลวงปู่ให้ศิษย์ยกถาดบรรจุพระมอบให้หลวงพ่อลำใยนำไปเสก ผู้การทั้งสองท่านได้เห็นเพียงเท่านั้นก็ยังให้นึกแปลกใจอยู่ครามครันแต่ก็ไม่กล้าซักถามใด ๆ จนผ่านไปร่วมเดือนก็กลับไปวัดสะแกเพื่อกราบหลวงปู่ดู่อีกครั้ง ก็ช่างให้บังเอิญจริง ๆ ที่ได้เห็นหลวงพ่อลำใยยกถาดพระกลับมาถวายคืนหลวงปู่ดู่พอดี

    ทันทีที่หลวงพ่อลำใยยกถาดมาถึงหลวงปู่ดู่ ท่านเพียงหันไปมองเท่านั้นก็โบกมือไล่พร้อมบอกว่า

    "ใช้ไม่ได้ เอาไปเสกใหม่ ท่านทำอย่างนี้ใครเขาจะเอาไปใช้ได้ ไปทำให้เย็น"

    หลวงพ่อลำใยก็ยกถาดกลับไปแต่โดยดี

    ผู้การทั้งสองก็ให้งงเป็นนักหนาเพราะบังเอิญได้อยู่ในเหตุการณ์สำคัญนี้ถึงสองครั้งสองคราว ครั้งนี้จึงอดถามไม่ได้ว่า "หลวงลุงครับ ทำไมถึงให้อาจารย์ใยไปเสก"

    ท่านตอบว่า "ข้าให้เขาหัดทำ"

    "แล้วทำไมหลวงลุงถึงว่าใช้ไม่ได้"

    "ก็เขาเพ่งเสียไฟลุกมาเต็มถาดอย่างนั้นใครจะเอาไปใช้ได้ ร้อนแบบนั้นก็มีแต่เรื่องน่ะสิ"

    แล้วเรื่องนี้ก็เงียบหายไปจากความทรงจำของท่านผู้การทั้งสอง เหตุการณ์นี้เกิดในราวปี พ.ศ. 2516

    ต่อมาท่านผู้การจำเนียร ตู้จินดา ได้กรุณาเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ผมก็สงสัยเป็นอย่างยิ่ง วันหนึ่งที่ได้ไปกราบหลวงพ่อลำใยที่วัดสะแก จึงได้ไปเรียนถามท่านตรง ๆ โดยเล่าเรื่องอันเป็นปฐมเหตุก่อน แล้วจึงถามว่าจริงหรือไม่อย่างไร ?

    ท่านตอบทันทีว่า "จริง"

    และเมตตาเล่าว่า "ตอนนั้นได้วิชามาเยอะ หลวงลุงท่านก็เลยเอาพระของท่านมาให้หัดเสก ข้ามันคนชอบเหนียวก็เลยเพ่งเตโชกสิณใส่ เอาซะร้อนเชียว พอยกไปท่านก็ดุน่ะสิ ให้ข้ากลับมาทำใหม่ ข้าก็เลยมาทำทางเมตตาเอาเย็นเข้าว่า พอยกกลับไปคืนทีนี้ท่านว่า ใช้ได้ ใช้ได้"

    ตอนท้ายท่านปรารภว่า เออ ผู้การทั้งสองนี่ก็ยังความจำดีนะ

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระผงรูปเหมือนหลวงพ่อลำใยวัดสะแกให้บูชา 100 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231020_021029.jpg IMG_20231020_021053.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ตุลาคม 2023
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    FB_IMG_1697743130338.jpg
    ประวัติ โดยย่อ พระครูขันติธรรมรัต (หลวงพ่อสอน) วัดศาลเจ้า ปทุมธานี
    พระครูขันติธรรมรัต ชื่อเดิม สอน นามสกุล ทองประเสริฐ เกิดเมื่อวันจันทร์ ขึ้น ๑/ ค่ำ เดือน ๙ ปีมะแม ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๔ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๗๔ ที่บ้านเลขที่ ๔๗ หมู่ที่ ๓ ตำบลปลายนา อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี บิดาชื่อ นายยอด มารดาชื่อ นางกลีบ ประกอบอาชีพทำนา มีพี่น้องทั้งหมด๕คน หลวงพ่อสอนเป็นบุตรคนที่๒ จากทั้งหมด๕คน
    อุปสมบท
    เมื่อวันจันทร์ แรม๔ค่ำ เดือน ๖ ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๙๕ ณ พัทธสีมา วัดสามจุ่น ตำบลดอนปรุ จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมี พระอธิการนุ่น วัดนางใน เป็นพระอุปปัชฌาย์ หลวงพ่อชม วัดนางใน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระอธิการเชื่อม วัดสามจุ่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า ขันติธัมโม
    เมื่อได้อุปสมบทแล้วก็จำพรรษาเรียนพระปริยัติธรรมที่วัดนางใน จังหวัดอ่างทอง และสอบได้นักธรรมชั้นเอก ในปี พ.ศ.๒๔๙๘ ภายหลังจากสอบได้นักธรรมชั้นเอกแล้ว หลวงพ่อก็เบนเข็มไปฝึกทางสมาธิ ฝึกนั่งทางใน เรียนวิชาอาคมไสยศาสตร์ โดยออกจากวัดนางในไปจำพรรษาอยู่ที่วัดต่างๆ ทางภาคเหนื่อ ภาคอีสาน และภาคใต้ เพื่อเสาะหาอาจารย์ดีเรียนและฝึกตามที่ตั้งใจไว้ เป็นระยะเวลานานกว่า๑๐ปี ซึ้งก็มีวัดต่างๆที่หลวงพ่อไปจำพรรษาอยู่สรุปรวบรวมได้ดังนี้
    ๑.วัดหนองผ่า อุตรดิตถ์
    ๒.วัดท่าหลวง พิจิตร
    ๓.วัดบ้านดง อุตรดิตถ์
    ๔.วัดสากเหล็ก พิจิตร
    ๕.วัดถ้ำขุนเณร พิจิตร
    ๖.วัดป่าดอนมูล ลำพูน
    ๗.วัดสวนดอก เชียงใหม่
    ๘.วัดอำนาจเจริญ อุบลราชธานี
    ๙.วัดเมือง ยะลา
    ๑๐.ส่วนวัดในจังหวัดปทุมธานี หลวงพ่อเคยไปจำพรรษาอยู่ที่วัด ไก่เตี้ย วัดชัยสิทธิ วัดโบสถ์ ปทุมธานี
    ๑๑.วัดหนองโพธิ์ นครสวรรค์
    กล่าวได้ว่าตลอดระยะเวลา๑๐ปีเศษ หลวงพ่อสอนท่านเรียนวิชาต่างๆมาเต็มภูมิเลยทีเดียว
    ต้นเดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๔๒ หลวงพ่อสอนได้ป่วยเป็นโรคมะเร็งเข้ารับรักษาตัวจนได้มรณภาพเมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๔๓ ด้วยอาการอันสงบ สิริรวมอายุได้ ๖๙ ปี

    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาทุกๆสื่ออย่างสูงครับ
    รูปหล่อ 60 ปีหลวงปู่สอนวัดศาลเจ้าให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20231020_021737.jpg IMG_20231020_021807.jpg
     
  4. chomkamon

    chomkamon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2008
    โพสต์:
    405
    ค่าพลัง:
    +357
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    รับทราบครับ ขอบคุณครับ
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    1364272-10c79.jpg

    esanprad_2021_12_22_12_39_2641614161.jpg พระเกศาครูบาพรหมา วัดพระพุทธบาทตากผ้า อริยสงฆ์เหยียบศิลาเป็นรอย *** มีมวลสารและพิธีกรรมดียิ่ง พระชุดนี้จึงได้รับความนิยมจากท้องถิ่นเเละเรียกพระชุดนี้ว่า พระเนื้อว่าน 7 นคร องค์ประกอบในการจัดสร้าง -เกศาท่านครูบาพรหมา -ผงธูปจากวัดที่เก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์ ๗๐ จังหวัด อาทิ วัดพระธาตุดอยสุเทพ, วัดพระแก้ว, วัดพระธาตุพนม, วัดพระปฐมเจดีย์ ฯลฯ -ครั่ง -ชัน -แผ่นทองคำเปลว -ว่านเสน่ห์จันทร์ขาว -ว่านพญานางกวัก -ว่านสามพันตำลึง -ว่านนาคบ่วงบาศ -ว่านมหานิลดำ -ว่านทรหด -ว่านงาช้าง -ว่านหางช้าง -ดอกบัวสัตตบงกช -ดอกมะลิ -ดอกหอมไกล -ดอกราตรี -ดอกแก้ว -ดอกจำปา -ดอกจำปี -ดอกบุญนาค -ดอกสารภี -ส้มป่อย -ดิน ๗ มหานคร
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระผงเกศาครูบาพรหมา วัดพระพุทธบาทตากผ้าให้บูชา 270 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20231020_131414.jpg IMG_20231020_131344.jpg
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    1697812446138.jpg
    ประวัติของหลวงพ่อสำเนียง อยู่สภาพร ท่านเกิดวันที่ 5 ตุลาคม 2460 ตรงกับวันศุกร์ปีมะเส็ง แรม 4 ค่ำ เป็นบุตรของพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และหม่อมทองหุ่น เมื่อตั้งครรภ์ได้ 2 เดือน พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ฯ ได้รับพระราชโองการจากรัชกาลที่ 6 ให้ไปซื้อเรือพระร่วงที่ประเทศอังกฤษ จึงนำหม่อมทองหุ่น ไปฝากหลวงปู่สุขวัดมะขามเฒ่า เมื่อคลอดเกิดเหตุการณ์มหัศจรรย์ มีงูรัดรอบพระอู่(เปล) หลวงปู่สุข จึงตั้งนามว่า “สำเนียง” แปลว่าเสียง โดยมี “ง” สะกดไว้ เมื่อเสด็จพ่อทรงทราบจึงพระราชทานนามว่า “หม่อมเจ้าสถาพร อาภากร” ประสูติได้ 7 วัน หม่อมทองหุ่นสิ้นชีพพิตักษัย จนมีพระชนม์ได้ 6 พรรษา เสด็จพ่อก็สิ้นพระชนม์ ในวังเริ่มระส่ำระสาย นายเอมพระสหายของเสด็จพ่อนำไปฝากไว้พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าอรองค์อรรคยุพา พระขนิษฐาของเสด็จพ่อ ได้ส่งให้ไปศึกษาที่โรงเรียนอัสสัมชัญบางรัก จบมัธยมปีที่ 8 ต่อมาศึกษาโรงเรียนนายร้อย จ.ป.ร. เข้ารับราชการทหารที่กรมสื่อสารทหารบก ยศร้อยเอกดำรงตำแหน่งผู้บังคับกองต่างประเทศในหน้าที่แปลข่าวสารต่างประเทศ และได้ร่วมรบในสงครามอินโดจีน สงครามมหาเอเชียบูรพา ต่อมาสงครามนั้นเป็นโมฆะหลวงพ่อสำเนียงได้ทูลลาในหลวงรัชกาลที่ 8 ว่าจะบวช 15 วันที่วัดกัลยาปากคลองบางหลวง ฝั่งธนบุรี บวชได้ 3 วัน ทราบข่าว รัชกาลที่ 8 สิ้นพระชนม์ จึงได้คิดว่า การเป็นฆราวาสเหมือน “ไม้นั่งร้านสร้างตึก เมื่อตึกเสร็จเขาก็รื้อไม้นั่งร้านทิ้ง ยังไม่มีที่จะเก็บกองเพราะหมดความสำคัญ” จึงเกิดความเบื่อหน่าย และเห็นว่าทางบรรพชิตเป็นทางสายที่แท้จริง และนึกถึงผู้ยากจนจึงมุ่งสู่ชนบท ก่อนมาได้เห็นปราสาทลอยตามทิศทางที่มองเห็น ได้เห็นวัดแหลมชะอุย คือวัดเวฬุวนารามในปัจจุบัน ตามศิลาจารึกชื่อว่า “ธรรมานคร”(ข้อความจากแผ่นพับของวัดเวฬุวนาราม)
    ชื่อเสียงของท่านอีกด้านคือการรักษาโรค ที่ท่านสามารถใช้พลังจิตรักษาโรคเช่น คนถูกพิษงูเห่า โดนต่อต่อย หรือคนเป็นโรคจิต ประสาทให้ฟื้นคืนสติ หรือเหยียบเหล็กร้อนแล้วมาเหยียบคนรักษาโรค นอกจากทางด้านอภินิหารย์ แล้วท่านยังเป็นพระนักพัฒนา ได้พัฒนาวัดเวฬุวนาราม และสร้างโรงเรียนสถาพรวิทยา ให้เด็กๆ ในชุมชนได้มีโรงเรียนศึกษา ตั้งมูลนิธิช่วยเหลือเด็กๆกำพร้าจนในปี 2523 รับโล่ห์ “ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติดีเด่นเป็นพิเศษ” ของมูลนิธิสรรพวรรณิต จากพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ปี 2527 รับโล่ห์สดุดี “นักสังคมสงเคราะห์ดีเด่นประจำปี” จากมูลนิธิศาสตราจารย์ ปกรณ์ อังศุสิงห์ ปี 2528 สำนักนายกรัฐมนตรีประกาศสดุดีให้พระครูสถาพรพุทธมนต์ เป็น พระดีเด่นประจำชาติ และปูชนียบุคคลที่นั่งอยู่ในหัวใจคนทั้งชาติ

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญหลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่าหลังยันต์นะลือชา หลวงพ่อสำเนียงอยู่สถาพรปลุกเสก
    ให้บูชา
    300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาท
    ครับ
    IMG_20231020_131504.jpg IMG_20231020_131530.jpg
     
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    วันนี้ จัดส่ง
    1697877337510.jpg

    ขอบคุณครับ
     
  9. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,961
    ค่าพลัง:
    +6,868
    ขอจองครับ
     
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    รับทราบครับ ขอบคุณครับ
     
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    หลวงตามหาบัว.jpg 554000002676101.jpeg

    พระสมเด็จ USA โครงการผ้าป่าช่วยชาติหลวงตามหาบัว กรอบพลาสติกเดิมๆให้บูชา 400 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20231021_174131.jpg IMG_20231021_174155.jpg
     
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    2v.jpg
    หลวงปู่คง ฐิติปัญโญ ( พระครูคงคนครพิทักษ์ ) เจ้าคณะอำเภอคงกิตติมศักดิ์ และเจ้าอาวาสวัดตะคร้อ พระสุปฏิปันโน ปฏิบัติดีบฏิบัติชอบ ที่เคารพนับถือได้อย่างสนิทใจ แม้นแต่หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ ยังเคารพนับถือท่านเป็นครูบาอาจารย์รูปหนึ่ง ในช่วงที่หลวงปู่ยังไม่ละสังขาร ญาติโยม พุทธบริษัทที่มากราบนมัสการหลวงปู่ล้วนทราบในเมตตาอย่างหาที่สุดมิได้ของท่าน
    ประวัติของหลวงปู่โดยย่อ
    พระครูคงคนครพิทักษ์ (คง ฐิติปัญโญ) น.ธ.เอก ป.ธ.4 นามเดิม คง เทพนอก เกิดเมื่อวันอาทิตย์ ที่ 20 พฤษภาคม พุทธศักราช 2453 ปีกุน ณ บ้านคอนเมือง หมู่ 2 ตำบลเทพาลัย อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา เป็นบุตรของนายพูน และนางแย้ม เทพนอก ซึ่งมีอาชีพทำนา ทำไร่ หลวงปู่มีพี่น้อง ร่วมบิดา มารดา รวม 7 คน ท่านเป็นลูกคนโตจึงต้องทำงานหนัก ตรากตรำ มากกว่าคนอื่น ๆ ตั้งแต่เด็กจนโต หัดไถนาื ปักดำ ถอนกล้า เกี่ยวข้าว และหาบข้าว จากนา มาบ้าน ช่วยบิดา มารดา ทำงานทุกอย่าง เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระ หน้าที่ ของท่านทั้งสอง
    ต่อมาโยมบิดา มารดาของท่านได้นำท่านไปฝากกับหลวงพ่อหมั่น ที่วัดบ้านคอนเมือง จ.นครราชสีมา เนื่องจากศรัทธาเพราะหลวงพ่อหมั่น ท่านเป็นพระบฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ และท่านเก่งทางวิชาอาคมมาก โดยเฉพาะวิชาอาคมของขอม และท่านยังธุดงค์ไปเขมรหลายครั้ง ทั้งๆที่ยุคนั้นภาคอิสานยังเป็นป่าดงดิบ เต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์ และภูติผีปีศาจ ซ้ำเส้นทางคมนาคมก็ยังไม่มี ท่านจึงเป็นที่เคารพนับถือของคนแถบนั้น โดยวัดคอนเมืองนั้นไม่ห่างไม่ไกลกับบ้านของท่านนัก ด้วยโยมบิดาโยมมารดาต้องการให้ท่านได้เล่าเรียนหนังสืออ่านออกเขียนได้ และมีวิชาติดตัว ชีวิตเด็กวัด เด็กชายคง ก็ไม่เคยทิ้งทางบ้าน ถึงเวลาทำนา ทำไร่ ก็จะไปช่วยงาน คุณบิดา มารดา หลวงเล่าว่า ท่านทำทุกอย่าง ในสมัยนั้น ไม่ว่าจะไถนา ขุดดิน กั้น คันน หว่านข้าว เกี่ยวข้าว ตีข้าว ในใจของท่าน ไม่เคยมีคำว่า "ไม่ได้" มีแต่คำว่า "ได้" และสู้อดทน กับการทำหน้าที่ื ของตนอย่างเข้มแข็ง ที่วัดบ้านคอนเมือง เพื่อจะได้ศึกษา เล่าเรียน ปฐม ก กา ให้อ่านออกเขียนได้ ทั้งอักษรขอม อักษรไทย จนมีความชำนาญ ชีวิตเด็กวัดทำให้เด็กชายคงเป็นคนหนักเอาเบาสู้มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงานและครอบครัวและมีเมตตา
    เมื่ออายุได้16ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อปี พ.ศ.2470 บวชได้2ปี สามเณรคงก็ต้องลาสิกขา เหตุเพราะไม่มีคน โยมบิดาโยมมารดาของท่าน ต้องการได้กำลังท่านมาช่วยทำไร่ทำนา และเลี้ยงดูน้องๆ ด้วยหลวงปู่ท่านมีความเมตตา และห่วงใยทุกคนในครอบครัวท่านจึงตัดสินใจลาสิกขา และได้ช่วยโยมบิดาโยมมารดาทำนาทำไร่
    ต่อมา พ.ศ.2474 เมื่อน้องของท่านโตพอที่จะรับภาระหน้าที่ได้ หลวงปู่จึงได้บรรพชาเป็นพระภิกษุสงฆ์ ครองผ้ากาสาวพักสตร์ ตามความต้องการของโยมบิดาโยมมารดา ซึ่งในขณะนั้นหลวงปู่อายุ21ปี โดยความตั้งใจแต่ทีแรกท่านเพียงต้องการบวชเพื่อทดแทนคุณบิดามารดา และเป็นไปตามค่านิยมของท้องถิ่นที่ผู้ชายทุกคนต้องได้เคยบวชเรียนมาก่อนครองเรือน โดยหลวงปู่อุปสมบท ณ วัดบ้านวัด ต.เทพาลัย อ.คง จ.นครราชสีมา โดยมีหลวงพ่อทุย ( พระครูศีลวิสุทธิพรต เจ้าอาวาสวัดเดิม อ.พิมาย ) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ทองสุข สุชาโต เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์ทิม สุมโน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ โดยได้รัยฉายาว่า "ฐิติปัญโญ" ซึ่งมีความหมายว่าผู้มีปัญญาตั้งมั่น
    เมื่ออุปสมบทแล้วพระภิกษุคง ได้มาศึกษาเล่าเรียนกับหลวงพ่อทุย วัดเดิม อ.พิมาย พระอุปัชฌายาจารย์ของท่าน ซึ่งหลวงพ่อทุยนั้นเป็นเป็นพระภิกษุยุคโบราณที่เรืองวิทยาคม ขลัง และมีความศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่นับถือมาของคนพิมาย และคนโคราช และเมื่อมีเวลาว่างพระภิกษุคงได้ปรนนิบัติอุปัฏฐากหลวงพ่อทุย ด้วยฌาณสมบัติหลวงพ่อทุยมองเห็นว่าต่อไปในภายภาคหน้าพระภิกษุหนุ่มรูปนี้จะเป็นกำลังสำคัญต่อไปในการเผยแพร่พระพุทธะศาสนาจึงถ่ายทอดวิชาอาคมทั้งหมดให้แก่พระภิกษุหนุ่ม เมื่อได้ศึกษาวิชาความรู้ต่างๆมากพระภิกษุคงรู้ว่าต่อไปภาคหน้าตัวเองคงจะไม่ได้ลาสิกขา ด้วยเพราะภาระหน้าที่ต่างๆทางบ้านก็มีน้องๆสามารถรับผิดชอบได้ และหากท่านอยู่ในสมณะเพศท่านจะสามารถทำประโยชน์ให้ต่อพระศาสนาได้มาก
    พ.ศ 2480 หลวงพ่อทุยได้แนะนำให้พระภิกษุคง ได้ไปศึกษาเล่าเรียนกับกับหลวงพ่อเขียว ( พระครูปทุมญาณมุนี เจ้าอาวาสวัดบัวใหญ่ อ.บัวใหญ่ ) ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อทุยเช่นกัน โดยหลวงพ่อเขียวท่านมีวิชาที่เก่งกาจและมีความศักดิ์สิทธิ์มาก โดยท่านเก่งทางวิชามหานิยมนะจังงัง และทางแคล้วคลาด หลวงพ่อทุยเห็นว่าได้ถ่ายทอดวิชาความรู้ให้แก่พระภิกษุคงหมดแล้ว และเล็งเห็นว่าหากได้มีโอกาสไปศึกษาเล่าเรียนกับศิษย์พี่ที่เก่งกาจ จะเป็นประโยชน์กับพระหนุ่มที่ต่อไปภายภาคหน้าจะเป็นผู้นำกองทัพธรรมที่สำคัญของกองทัพธรรมภาคอิสาน พระภิกษุหนุ่มจึงได้มากศึกษาและรับใช้งานทุกอย่างที่วัดบัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ท่านได้รับใช้และอุปัฏฐากหลวงพ่อเขียว จนกระทั่งได้รับความไว้วางใจให้เป็นเลขานุการของหลวงพ่อเขียว ที่วัดบัวใหญ่นี้พระภิกษุหนุ่มได้ศึกษาวิชาความรู้ และคาถาอาคมต่างๆจนมีความเชี่ยวชาญ พระภิกษุหนุ่มได้รับการถ่ายทอดวิชาที่เข้มขลังทั้งหมด โดยเฉพาะวิชามหานิยมนะจังงัง และวิชาทางแคล้วคลาด ในขณะที่พระภิกษุหนุ่มรับใช้อยู่ที่วัดบัวใหญ่นี้ ท่านขึ้นชื่อว่าเป็นพระที่เทศน์ได้เก่งมากๆจนได้รับกิจนิมนต์ให้ไปเทศน์ในถิ่นธุระกันดารเสมอๆ ซึ่งเป็นการฝึกตนเองให้กับพระภิกษุหนุ่ม เพราะแถบอำเภอบัวใหญ่ในยุคนั้นยังเต็มไปด้วยป่าไม้และสิงสาราสัตว์ ซึ่งมีทั้งเสือ มีทั้งช้าง และโจรป่า และในช่วงนี้พระคงยังได้มีโอกาสออกธุดงค์ไปทั้งลาว และเขมร ซึ่งการเดินทางในยุคนั้นยากลำบากมาก เพราะภาคอิสานเต็มไปด้วยป่าดงดิบ ไม่ได้ถูกตัดไม้ทำลายป่า และมีถนนหนทางเช่นทุกวันนี้ ดังนั้นพระภิกษุที่ออกธุดงค์ได้จะต้องมีวิชาที่เก่งกาจและศักดิ์สิทธิ์มากๆ
    พ.ศ.2493 เมื่อตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดตะคร้อ อ.คง จ.นครราชสีมาว่างลง หลวงพ่อเขียวเห็นว่าพระหนุ่มนี้มีความสามารถที่จะรับตำแหน่งนี้ได้ จึงสนับสนุนให้พระหนุ่มได้มีโอกาสดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดตะคร้อแม้นพระหนุ่มจะรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดตะคร้อแล้ว เมื่อมอบหมายงานเรียบร้อยท่านมักหาเวลาเพื่อมาอุปัฏฐากหลวงพ่อเขียวเสมอๆ จวบจนกระทั่งท่านมรณะภาพ
    ตั้งแต่พระหนุ่มได้มาปกครองวัดตะคร้อ วัดตะคร้อในยุคนั้นเป็ยวัดยากจนเพราะชาวบ้านแถบวัดนั้นยากจน และแถบอำเภอคงนั้นจัดได้ว่าเป็นอำเภอที่ธุระกันดารที่สุดในยุคนั้น พระหนุ่มต้องรับกิจนิมนต์ไปในถิ่นธุรกันดารเสมอๆ โดยพาหนะที่คำคัญในยุคนั้นคือม้า หลวงปู่เคยเล่าว่าช่วงนั้นแถบอำเภอคงเป็นป่าดงดิบ เวลาได้รับกิจนิมนต์ ม้ามันจะไม่ค่อยกล้าออกเดินทาง เพราะแถบนั้นมีเสือหลายตัว เวลาม้าได้กลิ่นเสือมันจะตื่นกลัวตลอดเวลา ท่านว่าท่านต้องเองเปลือกมะนาวไปถูจมูกม้าให้มันไม่ได้กลิ่นเสือ จึงยอมเดินทาง ท่านทั้งต้องบริหาร ต้องปกครอง ดูแลพระลูกวัด จากวัดยากจนไม่มีอะไรเลย หลวงปู่ได้สร้างเสนาสนะต่าง พระอุโบสถ โรงเรียนพระปริยัติธรรม ฯลฯ จนกระทั่งได้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างของกระทรวงศึกษาธิการ โดยหลวงปู่ท่านไม่สะสมเงินทอง ท่านไม่มีเงินทองของตัวเองเลย เงินที่ได้จากการเช่าวัตถุมงคลทุกบาททุกสตางค์เข้าในบัญชีของวัด และเมื่อสร้างอะไรในวัดหลวงปู่จะย้ายไปจำวัดที่นั่นด้วยต้องการให้งานก้าวหน้า เพราะหลวงปู่เกรงว่าทุกครั้งที่อาพาธมักจะมีอาการหนัก หลวงปู่เกรงงานที่คั่งค้างจะทำไม่สำเร็จ ทุกครั้งที่อาพาธลูกศิษย์จะแย่งกันออกค่ารักษาพยาบาล เพราะหลวงปู่ไม่เก็บสะสมอะไรเลย
    หลวงปู่คง วัดตะคร้อนับเป็นพระสุปฏิปันโน ปฏิบัติดีบฏิบัติชอบ ที่เคารพนับถือได้อย่างสนิทใจ ด้วยวัตรปฏิบัติที่งดงามน่าเลื่อมใส หลวงปู่มีวิชาอาคมที่เข้มขลัง และศักดิ์สิทธิ์ทุกรุ่น ทุกชิ้น และมากด้วยประสบการณ์ สมัยที่ท่านยังไม่ละสังขาร หลวงปู่กับกิจนิมนต์โดยไม่เลือกยากดีมีจน ชาวบ้านหรือคหบดี ทุกคนที่มากราบนมัสการหลวงปู่ หลวงปู่จะมอบวัตถุมงคลให้คนละกำมือ
    เมื่อครั้งที่ข้าพเจ้าได้มีบุญวาสนาได้บวชกับหลวงปู่ ( พ.ศ.2541 ) เมื่อครบกำหนดลาสิกขา หลวงปู่ได้มอบวัตถุมงคลให้จำนวนหนึ่ง ในขณะนั้นข้าพเจ้าไม่ได้สนใจในวัตถุมงคลแต่ก็ทราบว่าหลวงปู่มีวิชาเข้มขลังมีความศักดิ์สิทธิ์ มีลูกศิษย์ที่เคารพนับถือมากมายทั่วประเทศทั้งภิกษุสงฆ์ด้วยกัน และฆาราวาสพุทธบริษัททั้งหลาย จึงได้วัตถุมงคลนั้นไว้ในพานทอง ต่อเมื่อปีนี้( พ.ศ.2550 ) ข้าพเจ้าจึงสนใจเรื่องวัตถุมงคล โดยเฉพาะของหลวงปู่เพราะเป็นศิษย์ของท่านและรักเคารพท่านมาก เมื่อเปิดจากหนังสือทราบว่าท่านมีพระสมเด็จ ก็เกิดอยากได้พระสมเด็จของท่านมาก จึงไปดูที่พานทองปรากฏว่ามีพระสมเด็จอยู่องค์หนึ่ง เดือนต่อมาเมื่อศึกษาวัตถุมงคลมากเข้าข้าพเจ้าก็อยากได้พระกริ่งของหลวงปู่ ข้าพเจ้าจึงไปดูที่พานทองอีก ปรากฏว่ามีพระกริ่งอยู่องค์หนึ่ง หลายเดือนต่อมาข้าพเจ้าประมูลเหรียญหนึ่งของหลวงปู่ทองอินเตอร์เน็ต แต่ประมูลไม่ได้เนื่องจากข้าพเจ้าลืมมาเช็คว่ามีใครให้ราคาสูงกว่าหรือไม่ พอไม่ได้ข้าพเจ้าจึงไปเปิดหนังสือดูว่าเหรียญที่ข้าพเจ้าประมูลนั้นเป็นรุ่นใด พอเปิดแล้วทราบว่าเป็นเหรียญรูปอาร์มรุ่นเสาร์ห้า ปี 2539 ข้าพเจ้าก็มีความเสียดายที่ประมูลไม่ได้ ข้าพเจ้าจึงไปดูที่พานทองปรากฏว่ามีเหรียญนี้อยู่ด้วยจริงๆ ข้าพเจ้าศรัทธาอย่างแท้จริงว่าหลวงปู่ทราบด้วยฌาณสมาบัติของท่าน ว่าต่อไปในภายภาคหน้าข้าพเจ้าจะต้องการวัตถุมงคลใด และหยิบให้
    หลวงปู่สร้างประโยชน์คุณาประการแก่พระพุทธศาสนา ทำให้ชาวพุทธมีความมั่นในธรรม ท่านอบรมกุลบุตรมากมายทั่วประเทศที่ส่งมาให้ได้มีโอกาสบวชเรียนกับท่าน ที่วัดตะคร้อมีโรงเรียนพระปริยัติธรรมทำให้เป็นความสะดวกแก่พระภิกษุสงฆ์ได้ศึกษาเล่าเรียน วัดใดมีเจตจำนงค์ต้องการให้หลวงปู่สร้างวัตถุมงคล เพื่อแจกจ่ายแก่ผู้บริจาคทรัพย์เพื่อสร้างวัดต่างๆ ขอให้หลวงปู่สร้างและอธิษฐานจิตให้ หลวงปู่ก็เมตตาทุกวัดที่ขอมา
    ปัจจุบันหลวงปู่ละสังขารแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 แต่หลังจากหลวงปู่ละสังขารปรากฏว่าสังขารท่านไม่เน่าไม่เปื่อย นอกจากนั้นเกศาและเล็บของท่านยังงอกยาวขึ้นทุกปี สังขารของท่านเก็บรักษาที่วัดตะคร้อ ให้ญาติโยมที่เคารพศรัทธาท่านได้กราบนมัสการ และทางวัดได้ดำริสร้างมลฑป เพื่อเก็บรักษาสังขารของหลวงปู่ โดยจะมีพิธีวางศิลาฤกษ์สร้างวันที่18 พ.ย. 2550
    https://palungjit.org/threads/ร่วมกันแบ่งปันประสบการณ์-และวัตถุมงคล-หลวงปู่คง-วัดตะคร้อ-จ-นครราชสีมา.100697/

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระสมเด็จหลังรูปเหมือนโต๊ะหมู่หลวงพ่อคงวัดตะคร้อผสมเกศาให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231021_183139.jpg IMG_20231021_183100.jpg
     
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    พระพุทธรูปปางโปรดอสุรินทราหู
    content_261_gallery_01544254154.jpg
    ความเป็นมาของปางโปรดอสุรินทราหู
    อสุรินทราหู อุปราชของท้าวเวปจิตติอสุรบดินทร์ผู้ครองอสูรพิภพ ได้สดับพระเกียรติคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจากเหล่าเทวดาทั้งหลาย จึงมีความประสงค์จะฟังธรรมจากพระพุทธองค์ แต่คิดว่าพระพุทธองค์เป็นมนุษย์มีพระวรกายเล็ก ตนมีร่างกายใหญ่หากไปเฝ้าก็จะต้องก้มลงมองด้วยความลำบาก วันหนึ่งตัดสินใจไปเข้าเฝ้า พระพุทธองค์ทรงเนรมิตพระวรกายให้ใหญ่กว่าขุนเขาและเสด็จสีหไสยาสน์ พระเศียรหนุนภูเขาต่างพระเขนย แม้พระบาททั้งสองข้างที่วางซ้อนกันอยู่ก็ยังสูงใหญ่กว่าอสุรินทราหู อสุรินทราหูต้องแหงนคอตั้งบ่าเพื่อชมพุทธลักษณะ พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงปาฏิหาริย์พาอสุรินทราหูขึ้นไปยังพรหมโลก บรรดาพรหมทั้งหลายมีร่างกายเล็กกว่าพระพุทธองค์และต่างมองอสุรินทราหูเหมือนประหนึ่งมนุษย์จ้องมองมดปลวกตัวเล็กๆ อสุรินทราหูบังเกิดความกลัวต้องหลบอยู่หลังพระพุทธองค์ นับแต่นั้นมาก็ลดทิฐิมานะ เมื่อได้ฟังพระธรรมเทศนาจึงเกิดความเลื่อมใส ขอถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง
    watpho.jpg
    พระพุทธไสยาสน์วัดโพธิ์
    วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กรุงเทพมหานคร
    พระพุทธไสยาสน์วัดโพธิ์ หรือเรียกกันว่า พระนอนวัดโพธิ์ ประดิษฐานอยู่ ณ พระวิหารวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือที่เรียกกันว่าวัดโพธิ์
    ซึ่งตั้งอยู่ติดกับพระบรมมหาราชวังด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นพระนอนที่มีขนาดยาวเป็นอันดับสามของประเทศไทย คือยาวถึงสองเส้นสามวา, รองลงมาจากพระนอนจักรสีห์ (ยาวสามเส้น สามวา สองศอก หนึ่งคืบ เจ็ดนิ้ว) และพระนอนวัดขุนอินทประมูล (ยาวสองเส้นห้าวา)
    พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้า ฯ ได้โปรดเกล้า ฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อครั้งที่ทรงปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพล ฯ ทั้งวัด องค์พระก่อด้วยอิฐคือปูน ลงรักปิดทองทั้งองค์
    พระบาทของพระพุทธไสยาสน์แต่ละข้าง กว้าง 1.5 เมตร ยาว 5 เมตร มีภาพมงคล 108 ประการ เป็นลวดลายประดับมุก ภาพมงคลแต่ละอย่างจะอยู่ในช่องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ล้อมรอบด้วยภาพกงจักร ซึ่งอยู่ตรงกลางพระบาท ทั้งสองข้างมีภาพเหมือนกัน
    เหรียญพระนอน หลัง ภปร. พิธีใหญ่วัดโพธิ์ ฉลองในหลวงพระชนมายุครบ 5 รอบ พ.ศ. 2530
    เพื่อหาทุนบูรณะปฏิสังขรณ์ วัดพระเชตุพลวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาในหลวงรัชกาลที่ 9 ครบ 5 รอบ 5 ธันวาคม ปี 2530
    คณะกรรมการอำนวยการบูรณะปฏิสังขรณ์ วัดพระเชตุพลวิมลมังคลาราม ซึ่งมีพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณรองนายกรัฐมนตรีสมัยนั้น เป็นประธานได้มีมติให้จัดสร้างเหรียญพระพุทธไสยาสน์ ภปร.เพื่อหาทุนบูรณะปฏิสังขรณ์ วัดพระเชตุพลวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) น้อมเกล้าถวายเป็นพระราชกุศลในพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่9 ครบ 5 รอบ 5 ธันวาคม ปี 2530
    ออกแบบและปั้นแบบโดยกรมศิลปากร จัดสร้างโดยกองกษาปณ์ กรมธนารักษ์ ด้วยทองคำ ร้อยละ90 น้ำหนักประมาณ 15 กรัม เส้นผ่าศูนย์กลาง 3 เซนติเมตร ด้านหน้าเป็นรูปพระพุทธไสยาสน์ วัดพระเชตุพลวิมลมังคลาราม มีรูปพระมหาเจดีย์ 4 รัชกาลและวิหารพระพุทธไสยาสน์อยู่เบื้องหลัง อัญเชิญพระปรมาภิไธยย่อ “ภปร.”ประดิษฐานไว้ที่ด้านหลังเบื้องบน เบื้องล่างมีข้อความว่า“มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ” และวันเดือนปีที่จัดสร้าง
    พิธีปลุกเสก ณ อุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) พร้อมพระชัยหลังช้าง ภปร. โดยยอดพระเกจิอาจารย์ในยุคนั้นอาทิเช่น
    1 สมเด็จพระสังฆราช(วาส) วัดราชบพิตรฯ
    2 สมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรนิเวศวิหาร
    3 สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยา
    4 สมเด็จพระวันรัด วัดโสมนัสวิหาร
    5 สมเด็จพระธีรญาณมุนี วัดปทุมคงคา
    6 พระพรหมคุณาภรณ์ (สมเด็จพุฒาจารย์เกี่ยว)วัดสระเกศ
    7 พระมหาวีระ ถาวะโร (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง)
    8 พระอาจารย์ ชื้น พุทธสาโร วัดญาณเสน
    9 หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง
    10 พระครูสันติวรญาณ (สิม) วัดถ้ำผาปล่อง
    11 พระอุดมสังวรเถร (ล.พ.อุตตะมะ) วัดวังค์วิเวการาม
    12 พระครูฐาปนกิจสุนทร (ล.พ.เปิ่น) วัดบางพระ
    13 พระครูปริมานุรักษ์ (ล.พ.พูล) วัดไผ่ล้อม
    14 หลวงปู่ม่น วัดเนินตามาก
    15 พระครูเกษมธรรมนันท์ (ล.พ.แช่ม) วัดดอนยายหอม
    16 หลวงพ่อ ไสว วัดปรีดาราม
    ...ฯลฯ
    แนะนำเหรียญดีที่น่าเก็บ "เหรียญพระนอน วัดโพธิ์ หลัง ภปร" ในหลวง 5 รอบ ปี 2530 ในครั้งนั้นมีพระเกจิอาจารย์ดังแห่งยุคร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสก อาทิ หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี, หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง, หลวงพ่อชื้น วัดญาณเสน จ.พระนครศรีอยุธยา, หลวงพ่อสิม วัดถ้ำผาปล่อง, หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม จ.กาญจนบุรี, หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จ.นคร ปฐม, หลวงปู่ม่น วัดเนินตาหมาก จ.ชลบุรี, หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม, หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม ปัจจุบันสนนราคาเล่นหาประมาณสองถึงสามพันบาทเข้าไปแล้ว

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาทุกแหล่งอย่างสูงครับ

    เหรียญพระนอนวัดโพธิ์หลังภปรให้บูชา เหรียญละ 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    เหรียญที่๑
    IMG_20231025_010928.jpg
    IMG_20231025_010948.jpg

    เหรียญที่

    IMG_20231025_011001.jpg IMG_20231025_011019.jpg

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2023
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343

    เปิดดูไฟล์ 6232155
    โลกใบนี้มีเรื่องราวแปลกๆ เกิดขึ้นมากมายในแต่ละวันครับ บางคนเรียกปรากฏการณ์เหลือเชื่อที่เกิดขึ้นกับพวกเขาว่าเป็นเรื่องของ ปาฏิหาริย์

    ว่ากันว่าปาฏิหาริย์มิใช่เรื่องไร้สาระ เพราะปาฏิหาริย์เป็นเรื่องของปรากฏการณ์แปลกประหลาดที่อยู่เหนือธรรมชาติ คนที่จะเข้าใจในเรื่องปาฏิหาริย์จึงค่อนข้างจำกัดอยู่แต่เฉพาะกับคนที่เคยประสบพบเห็นเท่านั้น

    นางเวียน ปลาบปลื้ม ชาวบ้านห้วยทรายใต้ ได้นำไม้ทองหลางไปค้ำหลังคาบ้านไว้สองอัน นับตั้งแต่วันที่ได้นำไม้ทองหลางไปค้ำทำให้ครอบครัวของนางเวียน ปลาบปลื้ม ต้องอาถรรพ์ มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจตลอดเวลา เป็นต้นว่าคนในครอบครัวมีการเจ็บไข้ได้ป่วยหมุนเวียนกันอยู่โดยตลอด

    นางเวียนจึงได้เข้ามากราบนมัสการหลวงปู่เพื่อขอความช่วยเหลือ หลวงปู่ท่านนั่งสมาธิอยู่สักครู่หนึ่งจึงกล่าวขึ้นว่า

    บ้านเอ็งมีไม้ทองหลางค้ำอยู่สองอัน ให้เอาออกเสียแล้วจะหาย

    นางเวียนตกตะลึงกับคำทำนายของหลวงปู่ที่ทราบว่าบ้านของตนเองมีไม้ทองหลางค้ำอยู่สองอันจริง ซึ่งสาเหตุที่ต้องนำไม้ไปค้ำเนื่องจากครอบครัวของตนเองมีฐานะยากจนและบ้านที่พักอาศัยก็อยู่ในสภาพทรุดโทรม หลวงปู่ท่านจึงแนะนำว่า

    อย่าอยู่ตรงนั้นเลย ให้ย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้วเอ็งจะดีขึ้น

    นางเวียนเชื่อถือในคำพูดของหลวงปู่จึงได้ย้ายครอบครัวไปอยู่ริมทะเลแถบบางสะพานใหญ่ ซึ่งต่อมาปรากฏว่าครอบครัวของนางเวียนมีฐานะดีขึ้นจริงๆ เพราะที่ดินที่ตนเองได้จับจองไว้มีราคาสูงขึ้น เนื่องจากเป็นที่ดินที่อยู่ติดริมทะเล

    [​IMG]

    คุณธงชัย ปฐมวัฒนานุรักษ์ นักธุรกิจเจ้าของกิจการแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม ได้ชื่อว่าเป็นคนใจบุญสุนทานและเคร่งครัดยึดมั่นในหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเป็นที่สุด

    วันหนึ่งคุณธงชัยได้ซื้อรถยนต์คันใหม่ ขณะที่ขับรถกลับบ้านได้ประสบอุบัติเหตุรถยนต์พลิกคว่ำบริเวณทางโค้งวัดธรรมศาลา ตัวคุณธงชัยได้กระเด็นทะลุกระจกหน้ารถออกไปนอนหมดสติอยู่กลางถนน

    พลเมืองดีได้นำคุณธงชัยส่งโรงพยาบาล คุณธงชัยนอนหมดสติอยู่ ๒๗ วัน เนื่องจากมีอาการสาหัส นายแพทย์จึงต้องทำการผ่าตัดเปิดกระโหลกศรีษะ โอกาสรอดชีวิตค่อนข้างมีน้อยมาก แต่ต่อมาได้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นเนื่องจากคุณธงชัยได้ฟื้นคืนสติขึ้นมาได้

    คุณธงชัยได้เล่าให้ฟังว่าในขณะที่ตนเองหมดสติสลบไป ๒๗ วันนั้น ย่างเข้าวันที่ ๒๗ มีความรู้สึกตัวว่ากำลังเดินวนเวียนอยู่ในป่าทึบหาทางออกไม่ได้ ทันใดนั้นก็มีพระภิกษุชรารูปร่างใหญ่โตผิวพรรณวรรณะผ่องใสสง่างามปรากฏร่างขึ้นพร้อมกับกล่าวว่า

    โยมกำลังหาทางกลับหรือ อาตมาจะไปส่งตามมาสิ

    คุณธงชัยได้เดินตามพระภิกษุชรารูปนั้นมาจนพ้นแนวป่าก็พบกับแสงสว่างจ้าแล้วก็รู้สึกตัวฟื้นขึ้นมา หลังจากที่ได้พักรักษาตัวจนหายเป็นปกติ คุณธงชัยได้กลายมาเป็นคนใจบุญมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยมีการบริจาคทรัพย์ทำบุญตามวัดต่างๆ อยู่เสมอ

    วันหนึ่งคุณธงชัยได้เดินทางไปทำบุญที่ วัดหนองแก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อก้าวขึ้นไปบนกุฏิเจ้าอาวาส ภาพแรกที่คุณธงชัยเห็นคือพระภิกษุชรารูปร่างสูงใหญ่นั่งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางกุฏิ คุณธงชัยจำได้ทันทีว่าเป็นพระรูปเดียวกับที่พบในนิมิตและนำทางคุณธงชัยออกมาจากป่าทึบ ท่านชื่อ..

    หลวงปู่คำ สุวณณโชโต

    [​IMG]

    อย่างที่บอกแหละครับว่าคนที่จะเข้าใจในเรื่องปาฏิหาริย์ค่อนข้างจำกัดอยู่แต่เฉพาะกับคนที่เคยประสบพบเห็น ดังนั้นจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนางเวียนและคุณธงชัยจึงเป็นเหมือนการบอกเล่าให้อีกหลายคนทราบว่า ปาฏิหาริย์ นั้นมีอยู่จริง

    หญิงชาวบ้านคนหนึ่งรู้จักหลวงปู่คำเป็นอย่างดีและให้ความเคารพเชื่อมั่นอย่างสูงสุด..

    นักธุรกิจชายอีกคนไม่เคยรู้จักหลวงปู่คำมาก่อน ในชีวิตรู้แต่เพียงว่าเชื่อมั่นในการทำความดีและคำสอนของพระพุทธเจ้า..

    ซึ่งเมื่อมีเหตุการณ์คับขันเกิดขึ้นอำนาจของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มองไม่เห็น ก็ได้เปล่งประกายออกมาช่วยเหลือให้รอดปลอดภัยอย่างน่าอัศจรรย์ใจแน่นอนครับ ปาฏิหาริย์ ไม่ใช่เรื่องของ ชนชั้นหรือฐานะ แต่ ปาฏิหาริย์ เป็นเรื่องของ ศรัทธาและความดี ที่ทั้งสองท่านนี้มีอยู่เต็มหัวใจต่างหาก

    จะว่าไปแล้วบางทีทั้งสองเรื่องที่เกิดขึ้นข้างต้นมันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้ เพราะเราไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามันเป็นเหตุเป็นผลกันตรงไหน แต่มันก็น่าคิดนะครับว่า

    ทำไมเหตุร้ายที่นางเวียนประสบ จึงเกิดขึ้นหลังจากที่ได้นำไม้ทองหลางมาค้ำหลังคาบ้าน หรือในระหว่างที่คุณธงชัยกำลังนอนรอความตาย แต่ก็รอดมาได้จากการนำทางของหลวงปู่คำ

    [​IMG]

    ผมรู้จักหลวงปู่คำครั้งแรกก็จากการอ่านหนังสือพระเครื่อง ตอนนั้นก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมากหรอกครับ ทราบเพียงว่าท่านเป็นพระเกจิอาจารย์องค์หนึ่งที่มีอายุถึงร้อยกว่าปีและในวันพุทธาภิเษกพระเครื่องของท่าน มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นหลายอย่างครับ เช่นเสกกันจนโบสถ์สะเทือน หรือพระเกจิอาจารย์บางองค์ที่เข้าร่วมพุทธาภิเษกมีนิมิตเห็นแสงสว่างออกจากตัวของหลวงปู่คำพุ่งเข้าสู่กองวัตถุมงคล ฯลฯ

    ต่อมาพอทราบว่าเพื่อนรุ่นพี่ที่โรงเรียนเป็นเด็กหัวหิน แสงสว่างที่เกิดจากดาวไถในตัวผมจึงพุ่งตรงสู่เพื่อนรุ่นพี่คนนั้นทันที และในที่สุดฟ้าดินก็เป็นใจเพราะต่อมาผมก็ได้มีโอกาสไปเที่ยวบ้านรุ่นพี่ท่านนั้นและได้เข้ากราบนมัสการท่านที่วัด แต่ผมก็ไม่กล้าพูดคุยอะไรกับหลวงปู่หรอกครับ ได้แต่เข้าไปขอเมตตาจากหลวงปู่เพียงแค่พรมน้ำมนต์ให้เท่านั้น

    คุณพ่อของเพื่อนก็แนะนำว่าให้ขอพรจากหลวงปู่ ผมก็ได้แต่ยิ้มไม่กล้าขอ เพราะถ้าขอในตอนนั้นคงเป็นเรื่องขอให้รูปหล่อและเรียนจบ ซึ่งผมคิดว่ามันไม่เหมาะสมสักเท่าไร หลังจากวันนั้นแล้วผมก็ไม่ได้มีโอกาสไปกราบหลวงปู่อีกเลยครับ เพราะทุกคนเมื่อเรียนจบก็แยกย้ายกันไปหมด เด็กหัวหินกับเด็กเมืองชลเลยต้องห่างกันไป

    [​IMG]

    หลวงปู่คำ สุวณณโชโต หรือ พระครูประสิทธิวรการ อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองแก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ท่านได้ชื่อว่าเป็นพระสงฆ์ ๕ แผ่นดินครับ เชื่อกันว่านอกจากหลวงปู่คำท่านจะเป็นพระที่มีวาจาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ท่านยังเป็นพระที่มีหูทิพย์ ตาทิพย์และสามารถรับรู้เรื่องราวความเป็นไปต่างๆ ด้วย เจโตปริยญาณ

    เจโตปริยญาณ เป็นเรื่องของความสามารถพิเศษที่มีเหนือเกินกว่ามนุษย์ธรรมดาอย่างเราๆ ท่านๆ จะทำได้ครับ ซึ่งการจะได้มาของความสามารถพิเศษนี้ ผู้ที่ได้จะต้องผ่านการฝึกอบรมจิตเจริญปัญญาหรือบำเพ็ญสมาธิวิปัสสนากรรมฐานอย่างเอกอุจนถึงขั้นได้อภิญญา

    ต้องบอกว่าอภิญญาไม่ใช่เรื่องง่ายครับ เพราะถ้าเป็นแบบนั้น ป่านนี้บ้านเราคงมีคนหูทิพย์ ตาทิพย์กันเต็มไปหมด ซึ่งถ้าว่ากันตามเนื้อผ้าแล้วต้องบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเฉพาะบุคคลจริงๆ

    สำหรับผมแล้วต้องบอกว่าสิ่งที่น่าสนใจที่สุดไม่ได้อยู่ตรงที่ว่าหลวงปู่คำท่านเป็นพระอภิญญาหรือเป็นพระเกจิที่เสกของแล้วขลัง(เพราะเรื่องนี้ผมเป็นพวกเชื่อฝังใจอยู่แล้ว) หากแต่ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ว่า กว่าหลวงปู่คำท่านจะได้ความสามารถพิเศษแบบนี้มานั้น ท่านต้องผ่านอะไรมามากกว่า ซึ่งประเด็นนี้เราต้องย้อนอดีตกันไปไกลถึงบ้านหนองแกในสมัยรัชการที่ ๕ ครับ

    หลวงปู่คำ สุวณณโชโต ท่านเกิดปีมะเส็ง พ.ศ.๒๔๓๖ (รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) ณ บ้านหนองแก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ บิดามารดาชื่อ นายอิ่มและนางแจ้ง สุขศรี

    ด้วยความที่หลวงปู่เป็นเด็กชายที่มีผิวพรรณวรรณะและมีลักษณะของผู้มีบุญญาธิการ บิดามารดาของท่านจึงได้นำท่านไปยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของ หลวงปู่นาค ปุญญนาโค หรือ ท่านพระครูวิริยะธิการี แห่งวัดหัวหิน ซึ่งหลวงปู่นาคได้ตั้งชื่อเด็กชายคนนั้นว่า ทองคำ เพื่อให้สอดคล้องกับนามของท่านคือ นาค แต่ผู้คนทั่วไปกลับพอใจที่จะเรียกเด็กชายทองคำว่า คำ

    [​IMG]

    (พระครูวิริยาธิการี (หลวงปู่นาค) วัดหัวหิน)

    ในสมัยนั้นหลวงปู่นาค ปุญญนาโคท่านได้รับการยกย่องว่าเป็นยอดพระเกจิอาจารย์ที่มีความเชี่ยวชาญทั้งในเรื่องของวิปัสสนากรรมฐานและเรื่องของไสยศาสตร์ เล่ากันว่าด้วยความที่หลวงปู่นาคท่านเป็นพระที่เต็มเปี่ยมไปด้วยบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์ ตลอดจนมีปฏิปทาในทางสมณธรรมเป็นเลิศ ทำให้พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชศรัทธาหลวงปู่นาคเป็นอย่างมาก

    พระองค์ทรงนับถือหลวงปู่นาคเสมอด้วยศิษย์กับครู และทุกครั้งที่พระองค์ทรงเสด็จแปรพระราชฐานมาประทับแรม ณ พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน พระองค์ก็จะทรงพระราชดำเนินมานมัสการหลวงปู่นาคทุกครั้งไป นอกจากนี้ยังทรงมีพระบรมราชานุญาตให้หลวงปู่นาคเข้าเฝ้าพระองค์ได้ตลอดเวลาแม้ในยามราตรีครับ

    เด็กชายคำได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานเหมือนเด็กๆ ทั่วไปในสมัยนั้นคือเรียนหนังสือไทยและหนังสือขอมควบคู่กันไป ด้วยความที่ท่านเป็นผู้ที่มีสติปัญญาและไหวพริบปฏิภาณเป็นเลิศ ทำให้ท่านสามารถเรียนรู้วิชาการต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและสามารถนำไปใช้ได้อย่างเชี่ยวชาญ

    หลวงปู่คำท่านได้เข้าอุปสมบทเมื่ออายุได้ ๒๓ ปี ณ วัดหัวหิน เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๙ โดยมี พระครูวิริยาธิการี (หลวงปู่นาค) วัดหัวหิน เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูธรรมโสภิต(หลวงปู่เปี่ยม) วัดเกาะหลัก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระอาจารย์ละมัย อมรธมโม วัดหัวหิน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า สุวรณณโชโต

    หลังจากที่ได้อุปสมบทแล้ว หลวงปู่คำท่านได้จำพรรษา ณ วัดหัวหิน จากการที่ท่านได้ปรนนิบัติรับใช้หลวงปู่นาคอย่างใกล้ชิด ทำให้ท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมต่างๆ ควบคู่ไปกับการฝึกสมาธิเจริญวิปัสสนากรรมฐานเบื้องต้น

    ชีวิตของท่านในช่วงนี้นอกจากการปฏิบัติศาสนากิจอย่างเคร่งครัดแล้วท่านยังได้ศึกษาพระธรรมวินัยต่างๆ ด้วยตัวของท่านเอง การศึกษาอย่างตั้งใจทำให้ท่านแตกฉานในพระปริยติธรรมต่างๆ เป็นอย่างดี

    [​IMG]

    ว่ากันว่าวันเวลานอกจากจะไม่คอยใครแล้ว วันเวลายังย่อมนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงเสมอๆ

    หัวหิน ที่เดิมมีชื่อว่า สมอเรียง เริ่มมีชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวและเผยแพร่ศาสนาคริสต์มากขึ้น ประมาณว่าจะมีการสร้างโบสถ์ไว้สำหรับประกอบพิธีกรรมต่างๆ ครับ หลวงปู่นาคในฐานะศูนย์รวมจิตใจของชาวหัวหินและคณะสงฆ์ในเขตนั้น ท่านได้ตระหนักถึงผลกระทบอันนี้

    ท่านจึงได้เร่งสร้างวัดขึ้นที่บริเวณเขาตะเกียบโดยเฉพาะที่บ้านหนองแก เนื่องจากบริเวณสถานที่ดังกล่าวยังไม่มีวัดวาอาราม ชาวบ้านจะทำบุญกันสักครั้งต้องเดินทางไปทำกันที่วัดหัวหิน ซึ่งอยู่ห่างออกไปเกือบ ๕ กิโลเมตร

    วัดหนองแกในระยะแรกมีสถานะเป็นเพียงสำนักสงฆ์หนองแก เล่ากันว่าพระสงฆ์จากวัดหัวหินเวลาไปบิณฑบาตที่เขาตะเกียบ จะต้องแวะฉันเช้าที่สำนักสงฆ์แห่งนี้เนื่องจากเดินกลับวัดหัวหินไม่ทัน

    ชะรอยหลวงปู่นาคท่านจะทราบเหตุการณ์ในเบื้องหน้าว่าพระภิกษุคำในวันนั้นจะกลายมาเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้เป็นที่พึ่งของชาวบ้านในย่านนี้ เพราะในพรรษาที่ ๓ ตรงกับ พ.ศ.๒๔๖๑ (รัชสมัยของ ร.๖) หลวงปู่นาคท่านได้ส่งพระสงฆ์จากวัดหัวหินจำนวน ๑๑ รูปมาจำพรรษาอยู่ที่วัดหนองแกแห่งนี้ หนึ่งใน ๑๑ รูปนั้นมีหลวงปู่คำรวมอยู่ด้วยครับ

    ถึงตอนนี้...ทายาทธรรมที่หลวงปู่นาคได้สร้างไว้ เริ่มค้นหาตัวตนโดยการสร้างตนเอง ด้วยการบำเพ็ญเพียรด้านวิปัสสนากรรมฐานอย่างจริงจัง และเมื่อมีเวลาโอกาสเหมาะ ท่านก็จะออกเดินธุดงค์แสวงหาความวิเวกพร้อมกับเสาะหาครูบาอาจารย์เพื่อร่ำเรียนวิชาอาคม ต้องยอมรับครับว่าในยุคสมัยนั้นพระเกจิอาจารย์ส่วนมากจะเป็นพระที่ เก่งจริง เพราะแต่ละองค์ล้วนแล้วแต่เป็นเลิศในด้านสมาธิและเชี่ยวชาญในเรื่องของคาถาอาคม ฯลฯ

    [​IMG]

    ในยุคนั้นไม่มีโรงเรียนหรือสถาบันสอนวิชาอาคม ไม่มีการเรียนทางไปรษณีย์และก็ไม่มีการเรียนผ่านโทรศัพท์มือถือ ทางเดียวที่จะได้เรียนคือต้องเดินทางไปขอเรียนโดยตรงกับครูบาอาจารย์ที่วัดของแต่ละท่าน ครูบาอาจารย์ที่ถ่ายทอดวิชาอาคมให้หลวงปู่คำมีหลายองค์ครับ เช่น หลวงปู่เปี่ยม วัดเกาะหลัก หลวงพ่อโสก วัดปากครอง หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง หลวงพ่อกุน วัดพระนอน หลวงพ่อฉุย วัดคงคาราม ฯลฯ

    นอกจากนี้หลวงปู่คำท่านยังได้ศึกษาไสยเวทย์ โหราศาสตร์และวิชาแพทย์แผนโบราณจากตำราของโยมปู่ของท่าน ซึ่งเป็นตำราโบราณที่ตกทอดกันมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ประมาณว่าท่านได้เรียนจนเชี่ยวชาญและสามารถนำมาขยายผลได้จริงครับ

    [​IMG]

    หากเราศึกษาประวัติของพระเกจิอาจารย์ในอดีตก็จะพบว่าบรรดาพระเกจิอาจารย์หลายต่อหลายท่านที่ได้ชื่อว่ามีสมาธิจิตสูงและเพียบพร้อมไปด้วยคุณธรรม มักจะเป็นผู้ที่ผ่านการออกเดินธุดงค์แทบทั้งสิ้น

    ในทางพระพุทธศาสนาการออกเดินธุดงค์นอกจากจะเป็นการฝึกให้ตนเองเป็นผู้ที่ลดละกิเลส ยังเป็นพื้นฐานที่สำคัญของการเจริญภาวนาเพื่อให้เกิดสมาธิและปัญญา ทั้งสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานตามแนวทางที่พระพุทธเจ้าท่านทรงกำหนดไว้

    โดยปกติแล้วหลวงปู่คำท่านชอบออกเดินธุดงค์ครับ เรื่องราวการออกเดินธุดงค์ของท่านเริ่มต้นประมาณพรรษาที่ ๕ ความชอบของหลวงปู่ต้องเรียกว่าออกพรรษาเมื่อใดท่านก็จะสมาทานออกเดินธุดงค์ทันที สถานที่ที่ท่านเคยไปธุดงค์ถ้าในประเทศหลวงปู่ท่านไปมาหมดแล้วทั่วทุกภาค หากเป็นนอกประเทศท่านก็เดินไปถึง ลาว เขมร พม่าและมาเลเซีย

    ท่านเคยเล่าไว้ว่าการเดินธุดงค์ไม่ใช่ของง่าย เพราะมักจะมีอุปสรรค์มาคอยขัดขวางตลอด ทั้งจากมนุษย์และภูติผีปีศาจ หากเป็นมนุษย์หลวงปู่ท่านจะใช้วิธีการให้อภัย หากเป็นพวกที่มาจากต่างมิติ ท่านก็จะแผ่เมตตาไปให้ และหากพรรษาใดที่ท่านไม่ได้ไปธุดงค์ ท่านก็จะเข้าป่าขึ้นไปบนภูเขาในเขตภาคใต้เพื่อตัดไม้มาสร้างวัด

    ท่านเล่าว่าสมัยก่อนต้นไม้มีเยอะแยะและไม่มีการหวงห้าม การขึ้นเขาเพื่อตัดไม้ก็อาศัยบรรดาพระภิกษุของวัดหนองแก เมื่อตัดแล้วก็ต้องใช้เกวียนลากลงมา หากเป็นต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่มากก็ต้องใช้ไม้หมอนมารองหนุนกลิ้งลงมาจากภูเขาจากต้นไม้กลายมาเป็นกุฏิหลังแรกเสร็จสมบูรณ์ในปี ๒๔๖๖ และมีการสร้างถาวรวัตถุต่างๆ ตามมาอีกหลายอย่างเช่นหอฉัน หอระฆัง ฯลฯ

    ในปี ๒๕๐๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีได้เสด็จพระราชดำเนินมาทำพิธีตัดลูกนิมิตอุโบสถ ณ วัดหนองแก ซึ่งในโอกาสนี้ หลวงปู่คำท่านได้สร้างตะกรุดโทนมหาอำนาจด้วยทองคำหนัก ๔ บาท ทูลเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยครับ

    [​IMG]

    สำหรับในเรื่องที่หลวงปู่คำท่านสามารถล่วงรู้เหตุการณ์เบื้องหน้า ซึ่งในเรื่องนี้ทางพระพุทธศาสนาเราเรียกว่า อนาคตังสญาน นั้น ก็มีหลายต่อหลายเหตุการณ์ครับที่เกิดขึ้นเพื่อตอกย้ำความมหัศจรรย์ของหลวงปู่ในประเด็นนี้ครับ เช่นกรณีของยุทธการที่ป่ากลอย บริเวณหลังเขื่อนแก่งกระจาน เพชรบุรี

    เรื่องนี้เป็นเหตุการณ์ของตำรวจตะเวณชายแดน ค่ายมฤคทายวัน ซึ่งออกไปปฏิบัติหน้าที่และเกิดการประทะกับกลุ่มผู้ไม่หวังดีต่อประเทศชาติ ในเหตุการณ์นั้นตำรวจถูกยิงเสียชีวิตไปหลายนาย กำลังที่เหลือมีน้อยกว่าต้องถอยร่นหนีเข้าไปในป่า

    ซึ่งก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นี้ประมาณสองสัปดาห์ หลวงปู่ท่านได้พูดกับตำรวจพลร่มค่ายมฤคทายวันที่ไปกราบนมัสการท่าน ให้ระวังเหตุการณ์ร้ายแรงดังกล่าวแล้ว นอกจากนี้บรรดาตำรวจตะเวณชายแดนที่รอดชีวิตกลับมาได้ ต่างก็เชื่อกันว่าเป็นเพราะบารมีจากวัตถุมงคลของหลวงปู่คำที่พวกเขาพกติดตัวอยู่ช่วยคุ้มครองครับ

    คุณพ่อของพี่เด็กหัวหินเล่าให้ฟังว่า

    หลวงปู่คำเป็นพระอารมณ์ดีและชอบช่วยเหลือชาวบ้าน ใครมีปัญหาเดือดเนื้อร้อนใจอะไรก็มักจะพากันไปหาหลวงปู่เพื่อให้ท่านช่วยปัดเป่าให้ ไม่ว่าจะเป็นของหาย ลูกชายจะบวช ฯลฯ ขนาดที่ว่าบางครั้งท่านจะจำวัดแต่ถ้ามีคนมากราบนมัสการท่าน หลวงปู่ท่านก็จะไม่ยอมจำวัดและอยู่สงเคราะห์เขาจนเสร็จสิ้นท่านจึงจะเข้าจำวัด

    อย่างเช่นตัวของคุณพ่อเองที่สมัยก่อนเวลาเป็นตาแดง แม่ของท่านจะพาไปหาหลวงปู่ที่กุฏิ คุณพ่อบอกว่าไปถึงก็ไม่ต้องมีพิธีรีตอง ไม่ต้องทำบัตรและก็ไม่ต้องจัดยา ขอเพียงแต่ลืมดวงตาให้โตๆ หลวงปู่ท่านเป่าพ้วงเดียว กลับมาวิ่งเล่นต่อได้และพอนอนหลับตื่นขึ้นมาก็หาย

    บางครั้งท่านเห็นคนแถวบ้านบางคนเท้าบวมเดินแบบขาลากมาหาหลวงปู่ ทราบว่าคนนี้เข้าป่าเผลอไปเตะจอมปลวก หลวงปู่ท่านก็จะเป่าและพรมน้ำมนต์ไปที่บริเวณเท้า ซึ่งเท้าจะบวมอยู่ไม่เกินสองวันก็หายบวม หรือบางคนที่ไม่สบายเป็นไข้หวัด เช่นเพื่อนรุ่นพี่ของผม หลวงปู่ท่านก็จะต้มยาให้กลับมากินที่บ้าน แกถูกคุณพ่อของแกจับบีบปากกรอกยาอยู่สองสามวันก็หายป่วยและกลับไปเรียนหนังสือได้ตามปกติ

    [​IMG]

    นอกจากการรักษาโรคแล้ว อำนาจมนต์ขลังของหลวงปู่คำก็ใช่ย่อยครับ โดยเฉพาะวิชาสักยันต์ ซึ่งเป็นที่รับรู้กันในวงกว้างเลยครับว่าผู้ใดที่ได้รับการสักกระหม่อมด้วยยันต์นะปัดตลอดจากหลวงปู่ ตัวยันต์ก็จะติดไปถึงกระดูกและเมื่อผู้ที่ได้รับการสักเวลาเสียชีวิตลงศพของเขามักจะเผาไม่ไหม้ ดังเช่นกรณีของนายมอญ เลี่ยมสัก ชาวบ้านหนองพรานพุก ตำบลหินเหล็กไฟ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่เผาไปนานกว่าสามชั่วโมง แต่ศพของนายมอญ ก็ยังคงอยู่ในสภาพเดิม

    สุดท้ายบรรดาญาติๆ ของนายมอญต้องขึ้นไปเล่าเรื่องนี้ให้หลวงปู่คำฟังบนกุฏิและขอความเมตตาจากหลวงปู่ให้ถอนอาถรรพ์ออกจากตัวของนายมอญ ซึ่งเมื่อหลวงปู่ได้ฟังจบ ท่านก็นั่งสมาธิภาวนาอยู่ครู่หนึ่ง จึงสามารถเผาศพนายมอญได้จนเสร็จสิ้น

    คำสอนอันประเสริฐที่ว่า ทุกสรรพสิ่ง ล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เปลี่ยนแปลง แล้วดับไปทั้งสิ้น ทุกอย่างเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทุกๆชีวิต จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยังคงเป็นกฎธรรมชาติที่บอกถึงสัจจธรรมอันแท้จริงและทันสมัยอยู่เสมอ..
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
     
  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    หลวงพ่อคำ-วัดหนองแก-1 (1).jpg
    โลกใบนี้มีเรื่องราวแปลกๆ เกิดขึ้นมากมายในแต่ละวันครับ บางคนเรียกปรากฏการณ์เหลือเชื่อที่เกิดขึ้นกับพวกเขาว่าเป็นเรื่องของ ปาฏิหาริย์

    ว่ากันว่าปาฏิหาริย์มิใช่เรื่องไร้สาระ เพราะปาฏิหาริย์เป็นเรื่องของปรากฏการณ์แปลกประหลาดที่อยู่เหนือธรรมชาติ คนที่จะเข้าใจในเรื่องปาฏิหาริย์จึงค่อนข้างจำกัดอยู่แต่เฉพาะกับคนที่เคยประสบพบเห็นเท่านั้น

    นางเวียน ปลาบปลื้ม ชาวบ้านห้วยทรายใต้ ได้นำไม้ทองหลางไปค้ำหลังคาบ้านไว้สองอัน นับตั้งแต่วันที่ได้นำไม้ทองหลางไปค้ำทำให้ครอบครัวของนางเวียน ปลาบปลื้ม ต้องอาถรรพ์ มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจตลอดเวลา เป็นต้นว่าคนในครอบครัวมีการเจ็บไข้ได้ป่วยหมุนเวียนกันอยู่โดยตลอด

    นางเวียนจึงได้เข้ามากราบนมัสการหลวงปู่เพื่อขอความช่วยเหลือ หลวงปู่ท่านนั่งสมาธิอยู่สักครู่หนึ่งจึงกล่าวขึ้นว่า

    บ้านเอ็งมีไม้ทองหลางค้ำอยู่สองอัน ให้เอาออกเสียแล้วจะหาย

    นางเวียนตกตะลึงกับคำทำนายของหลวงปู่ที่ทราบว่าบ้านของตนเองมีไม้ทองหลางค้ำอยู่สองอันจริง ซึ่งสาเหตุที่ต้องนำไม้ไปค้ำเนื่องจากครอบครัวของตนเองมีฐานะยากจนและบ้านที่พักอาศัยก็อยู่ในสภาพทรุดโทรม หลวงปู่ท่านจึงแนะนำว่า

    อย่าอยู่ตรงนั้นเลย ให้ย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้วเอ็งจะดีขึ้น

    นางเวียนเชื่อถือในคำพูดของหลวงปู่จึงได้ย้ายครอบครัวไปอยู่ริมทะเลแถบบางสะพานใหญ่ ซึ่งต่อมาปรากฏว่าครอบครัวของนางเวียนมีฐานะดีขึ้นจริงๆ เพราะที่ดินที่ตนเองได้จับจองไว้มีราคาสูงขึ้น เนื่องจากเป็นที่ดินที่อยู่ติดริมทะเล

    [​IMG]

    คุณธงชัย ปฐมวัฒนานุรักษ์ นักธุรกิจเจ้าของกิจการแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม ได้ชื่อว่าเป็นคนใจบุญสุนทานและเคร่งครัดยึดมั่นในหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเป็นที่สุด

    วันหนึ่งคุณธงชัยได้ซื้อรถยนต์คันใหม่ ขณะที่ขับรถกลับบ้านได้ประสบอุบัติเหตุรถยนต์พลิกคว่ำบริเวณทางโค้งวัดธรรมศาลา ตัวคุณธงชัยได้กระเด็นทะลุกระจกหน้ารถออกไปนอนหมดสติอยู่กลางถนน

    พลเมืองดีได้นำคุณธงชัยส่งโรงพยาบาล คุณธงชัยนอนหมดสติอยู่ ๒๗ วัน เนื่องจากมีอาการสาหัส นายแพทย์จึงต้องทำการผ่าตัดเปิดกระโหลกศรีษะ โอกาสรอดชีวิตค่อนข้างมีน้อยมาก แต่ต่อมาได้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นเนื่องจากคุณธงชัยได้ฟื้นคืนสติขึ้นมาได้

    คุณธงชัยได้เล่าให้ฟังว่าในขณะที่ตนเองหมดสติสลบไป ๒๗ วันนั้น ย่างเข้าวันที่ ๒๗ มีความรู้สึกตัวว่ากำลังเดินวนเวียนอยู่ในป่าทึบหาทางออกไม่ได้ ทันใดนั้นก็มีพระภิกษุชรารูปร่างใหญ่โตผิวพรรณวรรณะผ่องใสสง่างามปรากฏร่างขึ้นพร้อมกับกล่าวว่า

    โยมกำลังหาทางกลับหรือ อาตมาจะไปส่งตามมาสิ

    คุณธงชัยได้เดินตามพระภิกษุชรารูปนั้นมาจนพ้นแนวป่าก็พบกับแสงสว่างจ้าแล้วก็รู้สึกตัวฟื้นขึ้นมา หลังจากที่ได้พักรักษาตัวจนหายเป็นปกติ คุณธงชัยได้กลายมาเป็นคนใจบุญมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยมีการบริจาคทรัพย์ทำบุญตามวัดต่างๆ อยู่เสมอ

    วันหนึ่งคุณธงชัยได้เดินทางไปทำบุญที่ วัดหนองแก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อก้าวขึ้นไปบนกุฏิเจ้าอาวาส ภาพแรกที่คุณธงชัยเห็นคือพระภิกษุชรารูปร่างสูงใหญ่นั่งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางกุฏิ คุณธงชัยจำได้ทันทีว่าเป็นพระรูปเดียวกับที่พบในนิมิตและนำทางคุณธงชัยออกมาจากป่าทึบ ท่านชื่อ..

    หลวงปู่คำ สุวณณโชโต

    [​IMG]

    อย่างที่บอกแหละครับว่าคนที่จะเข้าใจในเรื่องปาฏิหาริย์ค่อนข้างจำกัดอยู่แต่เฉพาะกับคนที่เคยประสบพบเห็น ดังนั้นจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนางเวียนและคุณธงชัยจึงเป็นเหมือนการบอกเล่าให้อีกหลายคนทราบว่า ปาฏิหาริย์ นั้นมีอยู่จริง

    หญิงชาวบ้านคนหนึ่งรู้จักหลวงปู่คำเป็นอย่างดีและให้ความเคารพเชื่อมั่นอย่างสูงสุด..

    นักธุรกิจชายอีกคนไม่เคยรู้จักหลวงปู่คำมาก่อน ในชีวิตรู้แต่เพียงว่าเชื่อมั่นในการทำความดีและคำสอนของพระพุทธเจ้า..

    ซึ่งเมื่อมีเหตุการณ์คับขันเกิดขึ้นอำนาจของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มองไม่เห็น ก็ได้เปล่งประกายออกมาช่วยเหลือให้รอดปลอดภัยอย่างน่าอัศจรรย์ใจแน่นอนครับ ปาฏิหาริย์ ไม่ใช่เรื่องของ ชนชั้นหรือฐานะ แต่ ปาฏิหาริย์ เป็นเรื่องของ ศรัทธาและความดี ที่ทั้งสองท่านนี้มีอยู่เต็มหัวใจต่างหาก

    จะว่าไปแล้วบางทีทั้งสองเรื่องที่เกิดขึ้นข้างต้นมันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้ เพราะเราไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามันเป็นเหตุเป็นผลกันตรงไหน แต่มันก็น่าคิดนะครับว่า

    ทำไมเหตุร้ายที่นางเวียนประสบ จึงเกิดขึ้นหลังจากที่ได้นำไม้ทองหลางมาค้ำหลังคาบ้าน หรือในระหว่างที่คุณธงชัยกำลังนอนรอความตาย แต่ก็รอดมาได้จากการนำทางของหลวงปู่คำ

    [​IMG]

    ผมรู้จักหลวงปู่คำครั้งแรกก็จากการอ่านหนังสือพระเครื่อง ตอนนั้นก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมากหรอกครับ ทราบเพียงว่าท่านเป็นพระเกจิอาจารย์องค์หนึ่งที่มีอายุถึงร้อยกว่าปีและในวันพุทธาภิเษกพระเครื่องของท่าน มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นหลายอย่างครับ เช่นเสกกันจนโบสถ์สะเทือน หรือพระเกจิอาจารย์บางองค์ที่เข้าร่วมพุทธาภิเษกมีนิมิตเห็นแสงสว่างออกจากตัวของหลวงปู่คำพุ่งเข้าสู่กองวัตถุมงคล ฯลฯ

    ต่อมาพอทราบว่าเพื่อนรุ่นพี่ที่โรงเรียนเป็นเด็กหัวหิน แสงสว่างที่เกิดจากดาวไถในตัวผมจึงพุ่งตรงสู่เพื่อนรุ่นพี่คนนั้นทันที และในที่สุดฟ้าดินก็เป็นใจเพราะต่อมาผมก็ได้มีโอกาสไปเที่ยวบ้านรุ่นพี่ท่านนั้นและได้เข้ากราบนมัสการท่านที่วัด แต่ผมก็ไม่กล้าพูดคุยอะไรกับหลวงปู่หรอกครับ ได้แต่เข้าไปขอเมตตาจากหลวงปู่เพียงแค่พรมน้ำมนต์ให้เท่านั้น

    คุณพ่อของเพื่อนก็แนะนำว่าให้ขอพรจากหลวงปู่ ผมก็ได้แต่ยิ้มไม่กล้าขอ เพราะถ้าขอในตอนนั้นคงเป็นเรื่องขอให้รูปหล่อและเรียนจบ ซึ่งผมคิดว่ามันไม่เหมาะสมสักเท่าไร หลังจากวันนั้นแล้วผมก็ไม่ได้มีโอกาสไปกราบหลวงปู่อีกเลยครับ เพราะทุกคนเมื่อเรียนจบก็แยกย้ายกันไปหมด เด็กหัวหินกับเด็กเมืองชลเลยต้องห่างกันไป

    [​IMG]

    หลวงปู่คำ สุวณณโชโต หรือ พระครูประสิทธิวรการ อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองแก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ท่านได้ชื่อว่าเป็นพระสงฆ์ ๕ แผ่นดินครับ เชื่อกันว่านอกจากหลวงปู่คำท่านจะเป็นพระที่มีวาจาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ท่านยังเป็นพระที่มีหูทิพย์ ตาทิพย์และสามารถรับรู้เรื่องราวความเป็นไปต่างๆ ด้วย เจโตปริยญาณ

    เจโตปริยญาณ เป็นเรื่องของความสามารถพิเศษที่มีเหนือเกินกว่ามนุษย์ธรรมดาอย่างเราๆ ท่านๆ จะทำได้ครับ ซึ่งการจะได้มาของความสามารถพิเศษนี้ ผู้ที่ได้จะต้องผ่านการฝึกอบรมจิตเจริญปัญญาหรือบำเพ็ญสมาธิวิปัสสนากรรมฐานอย่างเอกอุจนถึงขั้นได้อภิญญา

    ต้องบอกว่าอภิญญาไม่ใช่เรื่องง่ายครับ เพราะถ้าเป็นแบบนั้น ป่านนี้บ้านเราคงมีคนหูทิพย์ ตาทิพย์กันเต็มไปหมด ซึ่งถ้าว่ากันตามเนื้อผ้าแล้วต้องบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเฉพาะบุคคลจริงๆ

    สำหรับผมแล้วต้องบอกว่าสิ่งที่น่าสนใจที่สุดไม่ได้อยู่ตรงที่ว่าหลวงปู่คำท่านเป็นพระอภิญญาหรือเป็นพระเกจิที่เสกของแล้วขลัง(เพราะเรื่องนี้ผมเป็นพวกเชื่อฝังใจอยู่แล้ว) หากแต่ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ว่า กว่าหลวงปู่คำท่านจะได้ความสามารถพิเศษแบบนี้มานั้น ท่านต้องผ่านอะไรมามากกว่า ซึ่งประเด็นนี้เราต้องย้อนอดีตกันไปไกลถึงบ้านหนองแกในสมัยรัชการที่ ๕ ครับ

    หลวงปู่คำ สุวณณโชโต ท่านเกิดปีมะเส็ง พ.ศ.๒๔๓๖ (รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) ณ บ้านหนองแก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ บิดามารดาชื่อ นายอิ่มและนางแจ้ง สุขศรี

    ด้วยความที่หลวงปู่เป็นเด็กชายที่มีผิวพรรณวรรณะและมีลักษณะของผู้มีบุญญาธิการ บิดามารดาของท่านจึงได้นำท่านไปยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของ หลวงปู่นาค ปุญญนาโค หรือ ท่านพระครูวิริยะธิการี แห่งวัดหัวหิน ซึ่งหลวงปู่นาคได้ตั้งชื่อเด็กชายคนนั้นว่า ทองคำ เพื่อให้สอดคล้องกับนามของท่านคือ นาค แต่ผู้คนทั่วไปกลับพอใจที่จะเรียกเด็กชายทองคำว่า คำ

    [​IMG]

    (พระครูวิริยาธิการี (หลวงปู่นาค) วัดหัวหิน)

    ในสมัยนั้นหลวงปู่นาค ปุญญนาโคท่านได้รับการยกย่องว่าเป็นยอดพระเกจิอาจารย์ที่มีความเชี่ยวชาญทั้งในเรื่องของวิปัสสนากรรมฐานและเรื่องของไสยศาสตร์ เล่ากันว่าด้วยความที่หลวงปู่นาคท่านเป็นพระที่เต็มเปี่ยมไปด้วยบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์ ตลอดจนมีปฏิปทาในทางสมณธรรมเป็นเลิศ ทำให้พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชศรัทธาหลวงปู่นาคเป็นอย่างมาก

    พระองค์ทรงนับถือหลวงปู่นาคเสมอด้วยศิษย์กับครู และทุกครั้งที่พระองค์ทรงเสด็จแปรพระราชฐานมาประทับแรม ณ พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน พระองค์ก็จะทรงพระราชดำเนินมานมัสการหลวงปู่นาคทุกครั้งไป นอกจากนี้ยังทรงมีพระบรมราชานุญาตให้หลวงปู่นาคเข้าเฝ้าพระองค์ได้ตลอดเวลาแม้ในยามราตรีครับ

    เด็กชายคำได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานเหมือนเด็กๆ ทั่วไปในสมัยนั้นคือเรียนหนังสือไทยและหนังสือขอมควบคู่กันไป ด้วยความที่ท่านเป็นผู้ที่มีสติปัญญาและไหวพริบปฏิภาณเป็นเลิศ ทำให้ท่านสามารถเรียนรู้วิชาการต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและสามารถนำไปใช้ได้อย่างเชี่ยวชาญ

    หลวงปู่คำท่านได้เข้าอุปสมบทเมื่ออายุได้ ๒๓ ปี ณ วัดหัวหิน เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๙ โดยมี พระครูวิริยาธิการี (หลวงปู่นาค) วัดหัวหิน เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูธรรมโสภิต(หลวงปู่เปี่ยม) วัดเกาะหลัก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระอาจารย์ละมัย อมรธมโม วัดหัวหิน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า สุวรณณโชโต

    หลังจากที่ได้อุปสมบทแล้ว หลวงปู่คำท่านได้จำพรรษา ณ วัดหัวหิน จากการที่ท่านได้ปรนนิบัติรับใช้หลวงปู่นาคอย่างใกล้ชิด ทำให้ท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมต่างๆ ควบคู่ไปกับการฝึกสมาธิเจริญวิปัสสนากรรมฐานเบื้องต้น

    ชีวิตของท่านในช่วงนี้นอกจากการปฏิบัติศาสนากิจอย่างเคร่งครัดแล้วท่านยังได้ศึกษาพระธรรมวินัยต่างๆ ด้วยตัวของท่านเอง การศึกษาอย่างตั้งใจทำให้ท่านแตกฉานในพระปริยติธรรมต่างๆ เป็นอย่างดี

    [​IMG]

    ว่ากันว่าวันเวลานอกจากจะไม่คอยใครแล้ว วันเวลายังย่อมนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงเสมอๆ

    หัวหิน ที่เดิมมีชื่อว่า สมอเรียง เริ่มมีชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวและเผยแพร่ศาสนาคริสต์มากขึ้น ประมาณว่าจะมีการสร้างโบสถ์ไว้สำหรับประกอบพิธีกรรมต่างๆ ครับ หลวงปู่นาคในฐานะศูนย์รวมจิตใจของชาวหัวหินและคณะสงฆ์ในเขตนั้น ท่านได้ตระหนักถึงผลกระทบอันนี้

    ท่านจึงได้เร่งสร้างวัดขึ้นที่บริเวณเขาตะเกียบโดยเฉพาะที่บ้านหนองแก เนื่องจากบริเวณสถานที่ดังกล่าวยังไม่มีวัดวาอาราม ชาวบ้านจะทำบุญกันสักครั้งต้องเดินทางไปทำกันที่วัดหัวหิน ซึ่งอยู่ห่างออกไปเกือบ ๕ กิโลเมตร

    วัดหนองแกในระยะแรกมีสถานะเป็นเพียงสำนักสงฆ์หนองแก เล่ากันว่าพระสงฆ์จากวัดหัวหินเวลาไปบิณฑบาตที่เขาตะเกียบ จะต้องแวะฉันเช้าที่สำนักสงฆ์แห่งนี้เนื่องจากเดินกลับวัดหัวหินไม่ทัน

    ชะรอยหลวงปู่นาคท่านจะทราบเหตุการณ์ในเบื้องหน้าว่าพระภิกษุคำในวันนั้นจะกลายมาเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้เป็นที่พึ่งของชาวบ้านในย่านนี้ เพราะในพรรษาที่ ๓ ตรงกับ พ.ศ.๒๔๖๑ (รัชสมัยของ ร.๖) หลวงปู่นาคท่านได้ส่งพระสงฆ์จากวัดหัวหินจำนวน ๑๑ รูปมาจำพรรษาอยู่ที่วัดหนองแกแห่งนี้ หนึ่งใน ๑๑ รูปนั้นมีหลวงปู่คำรวมอยู่ด้วยครับ

    ถึงตอนนี้...ทายาทธรรมที่หลวงปู่นาคได้สร้างไว้ เริ่มค้นหาตัวตนโดยการสร้างตนเอง ด้วยการบำเพ็ญเพียรด้านวิปัสสนากรรมฐานอย่างจริงจัง และเมื่อมีเวลาโอกาสเหมาะ ท่านก็จะออกเดินธุดงค์แสวงหาความวิเวกพร้อมกับเสาะหาครูบาอาจารย์เพื่อร่ำเรียนวิชาอาคม ต้องยอมรับครับว่าในยุคสมัยนั้นพระเกจิอาจารย์ส่วนมากจะเป็นพระที่ เก่งจริง เพราะแต่ละองค์ล้วนแล้วแต่เป็นเลิศในด้านสมาธิและเชี่ยวชาญในเรื่องของคาถาอาคม ฯลฯ

    [​IMG]

    ในยุคนั้นไม่มีโรงเรียนหรือสถาบันสอนวิชาอาคม ไม่มีการเรียนทางไปรษณีย์และก็ไม่มีการเรียนผ่านโทรศัพท์มือถือ ทางเดียวที่จะได้เรียนคือต้องเดินทางไปขอเรียนโดยตรงกับครูบาอาจารย์ที่วัดของแต่ละท่าน ครูบาอาจารย์ที่ถ่ายทอดวิชาอาคมให้หลวงปู่คำมีหลายองค์ครับ เช่น หลวงปู่เปี่ยม วัดเกาะหลัก หลวงพ่อโสก วัดปากครอง หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง หลวงพ่อกุน วัดพระนอน หลวงพ่อฉุย วัดคงคาราม ฯลฯ

    นอกจากนี้หลวงปู่คำท่านยังได้ศึกษาไสยเวทย์ โหราศาสตร์และวิชาแพทย์แผนโบราณจากตำราของโยมปู่ของท่าน ซึ่งเป็นตำราโบราณที่ตกทอดกันมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ประมาณว่าท่านได้เรียนจนเชี่ยวชาญและสามารถนำมาขยายผลได้จริงครับ

    [​IMG]

    หากเราศึกษาประวัติของพระเกจิอาจารย์ในอดีตก็จะพบว่าบรรดาพระเกจิอาจารย์หลายต่อหลายท่านที่ได้ชื่อว่ามีสมาธิจิตสูงและเพียบพร้อมไปด้วยคุณธรรม มักจะเป็นผู้ที่ผ่านการออกเดินธุดงค์แทบทั้งสิ้น

    ในทางพระพุทธศาสนาการออกเดินธุดงค์นอกจากจะเป็นการฝึกให้ตนเองเป็นผู้ที่ลดละกิเลส ยังเป็นพื้นฐานที่สำคัญของการเจริญภาวนาเพื่อให้เกิดสมาธิและปัญญา ทั้งสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานตามแนวทางที่พระพุทธเจ้าท่านทรงกำหนดไว้

    โดยปกติแล้วหลวงปู่คำท่านชอบออกเดินธุดงค์ครับ เรื่องราวการออกเดินธุดงค์ของท่านเริ่มต้นประมาณพรรษาที่ ๕ ความชอบของหลวงปู่ต้องเรียกว่าออกพรรษาเมื่อใดท่านก็จะสมาทานออกเดินธุดงค์ทันที สถานที่ที่ท่านเคยไปธุดงค์ถ้าในประเทศหลวงปู่ท่านไปมาหมดแล้วทั่วทุกภาค หากเป็นนอกประเทศท่านก็เดินไปถึง ลาว เขมร พม่าและมาเลเซีย

    ท่านเคยเล่าไว้ว่าการเดินธุดงค์ไม่ใช่ของง่าย เพราะมักจะมีอุปสรรค์มาคอยขัดขวางตลอด ทั้งจากมนุษย์และภูติผีปีศาจ หากเป็นมนุษย์หลวงปู่ท่านจะใช้วิธีการให้อภัย หากเป็นพวกที่มาจากต่างมิติ ท่านก็จะแผ่เมตตาไปให้ และหากพรรษาใดที่ท่านไม่ได้ไปธุดงค์ ท่านก็จะเข้าป่าขึ้นไปบนภูเขาในเขตภาคใต้เพื่อตัดไม้มาสร้างวัด

    ท่านเล่าว่าสมัยก่อนต้นไม้มีเยอะแยะและไม่มีการหวงห้าม การขึ้นเขาเพื่อตัดไม้ก็อาศัยบรรดาพระภิกษุของวัดหนองแก เมื่อตัดแล้วก็ต้องใช้เกวียนลากลงมา หากเป็นต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่มากก็ต้องใช้ไม้หมอนมารองหนุนกลิ้งลงมาจากภูเขาจากต้นไม้กลายมาเป็นกุฏิหลังแรกเสร็จสมบูรณ์ในปี ๒๔๖๖ และมีการสร้างถาวรวัตถุต่างๆ ตามมาอีกหลายอย่างเช่นหอฉัน หอระฆัง ฯลฯ

    ในปี ๒๕๐๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีได้เสด็จพระราชดำเนินมาทำพิธีตัดลูกนิมิตอุโบสถ ณ วัดหนองแก ซึ่งในโอกาสนี้ หลวงปู่คำท่านได้สร้างตะกรุดโทนมหาอำนาจด้วยทองคำหนัก ๔ บาท ทูลเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยครับ

    [​IMG]

    สำหรับในเรื่องที่หลวงปู่คำท่านสามารถล่วงรู้เหตุการณ์เบื้องหน้า ซึ่งในเรื่องนี้ทางพระพุทธศาสนาเราเรียกว่า อนาคตังสญาน นั้น ก็มีหลายต่อหลายเหตุการณ์ครับที่เกิดขึ้นเพื่อตอกย้ำความมหัศจรรย์ของหลวงปู่ในประเด็นนี้ครับ เช่นกรณีของยุทธการที่ป่ากลอย บริเวณหลังเขื่อนแก่งกระจาน เพชรบุรี

    เรื่องนี้เป็นเหตุการณ์ของตำรวจตะเวณชายแดน ค่ายมฤคทายวัน ซึ่งออกไปปฏิบัติหน้าที่และเกิดการประทะกับกลุ่มผู้ไม่หวังดีต่อประเทศชาติ ในเหตุการณ์นั้นตำรวจถูกยิงเสียชีวิตไปหลายนาย กำลังที่เหลือมีน้อยกว่าต้องถอยร่นหนีเข้าไปในป่า

    ซึ่งก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นี้ประมาณสองสัปดาห์ หลวงปู่ท่านได้พูดกับตำรวจพลร่มค่ายมฤคทายวันที่ไปกราบนมัสการท่าน ให้ระวังเหตุการณ์ร้ายแรงดังกล่าวแล้ว นอกจากนี้บรรดาตำรวจตะเวณชายแดนที่รอดชีวิตกลับมาได้ ต่างก็เชื่อกันว่าเป็นเพราะบารมีจากวัตถุมงคลของหลวงปู่คำที่พวกเขาพกติดตัวอยู่ช่วยคุ้มครองครับ

    คุณพ่อของพี่เด็กหัวหินเล่าให้ฟังว่า

    หลวงปู่คำเป็นพระอารมณ์ดีและชอบช่วยเหลือชาวบ้าน ใครมีปัญหาเดือดเนื้อร้อนใจอะไรก็มักจะพากันไปหาหลวงปู่เพื่อให้ท่านช่วยปัดเป่าให้ ไม่ว่าจะเป็นของหาย ลูกชายจะบวช ฯลฯ ขนาดที่ว่าบางครั้งท่านจะจำวัดแต่ถ้ามีคนมากราบนมัสการท่าน หลวงปู่ท่านก็จะไม่ยอมจำวัดและอยู่สงเคราะห์เขาจนเสร็จสิ้นท่านจึงจะเข้าจำวัด

    อย่างเช่นตัวของคุณพ่อเองที่สมัยก่อนเวลาเป็นตาแดง แม่ของท่านจะพาไปหาหลวงปู่ที่กุฏิ คุณพ่อบอกว่าไปถึงก็ไม่ต้องมีพิธีรีตอง ไม่ต้องทำบัตรและก็ไม่ต้องจัดยา ขอเพียงแต่ลืมดวงตาให้โตๆ หลวงปู่ท่านเป่าพ้วงเดียว กลับมาวิ่งเล่นต่อได้และพอนอนหลับตื่นขึ้นมาก็หาย

    บางครั้งท่านเห็นคนแถวบ้านบางคนเท้าบวมเดินแบบขาลากมาหาหลวงปู่ ทราบว่าคนนี้เข้าป่าเผลอไปเตะจอมปลวก หลวงปู่ท่านก็จะเป่าและพรมน้ำมนต์ไปที่บริเวณเท้า ซึ่งเท้าจะบวมอยู่ไม่เกินสองวันก็หายบวม หรือบางคนที่ไม่สบายเป็นไข้หวัด เช่นเพื่อนรุ่นพี่ของผม หลวงปู่ท่านก็จะต้มยาให้กลับมากินที่บ้าน แกถูกคุณพ่อของแกจับบีบปากกรอกยาอยู่สองสามวันก็หายป่วยและกลับไปเรียนหนังสือได้ตามปกติ

    [​IMG]

    นอกจากการรักษาโรคแล้ว อำนาจมนต์ขลังของหลวงปู่คำก็ใช่ย่อยครับ โดยเฉพาะวิชาสักยันต์ ซึ่งเป็นที่รับรู้กันในวงกว้างเลยครับว่าผู้ใดที่ได้รับการสักกระหม่อมด้วยยันต์นะปัดตลอดจากหลวงปู่ ตัวยันต์ก็จะติดไปถึงกระดูกและเมื่อผู้ที่ได้รับการสักเวลาเสียชีวิตลงศพของเขามักจะเผาไม่ไหม้ ดังเช่นกรณีของนายมอญ เลี่ยมสัก ชาวบ้านหนองพรานพุก ตำบลหินเหล็กไฟ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่เผาไปนานกว่าสามชั่วโมง แต่ศพของนายมอญ ก็ยังคงอยู่ในสภาพเดิม

    สุดท้ายบรรดาญาติๆ ของนายมอญต้องขึ้นไปเล่าเรื่องนี้ให้หลวงปู่คำฟังบนกุฏิและขอความเมตตาจากหลวงปู่ให้ถอนอาถรรพ์ออกจากตัวของนายมอญ ซึ่งเมื่อหลวงปู่ได้ฟังจบ ท่านก็นั่งสมาธิภาวนาอยู่ครู่หนึ่ง จึงสามารถเผาศพนายมอญได้จนเสร็จสิ้น

    คำสอนอันประเสริฐที่ว่า ทุกสรรพสิ่ง ล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เปลี่ยนแปลง แล้วดับไปทั้งสิ้น ทุกอย่างเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทุกๆชีวิต จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยังคงเป็นกฎธรรมชาติที่บอกถึงสัจจธรรมอันแท้จริงและทันสมัยอยู่เสมอ..


    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระผงรูปเหมือนหลวงปู่คำวัดหนองแกพิธีใหญ่ให้บูชา 120 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231026_051027.jpg IMG_20231026_051055.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ตุลาคม 2023
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    get_auc3_img (8).jpeg

    หลวงปู่สุข พระเกจิอาจารย์ผู้เรื่องเวทย์พุทธาคม เปื่ยมล้นด้วยเมตตาบารมี ถือมักน้อยโดยสันโดษ มีความรู้ความเชี่ยวชาญ ช่ำชองในพระเวทย์ไสยเวทย์พุทธาคม อักขระ คาถาวิชา เป็นอย่างยิ่งทั้งลงอักขระเลขยันต์ ทำยงพุทธคุณเมตตามหานิยม มหาเสน่ก็ อยู่ยงคงกระพันชาตรี มหาอุตม์ ป้องกันคุณไสย ขับไล่คุณไสย ทำเลขยันต์ทำมาค้าขายซื้อง่ายขายคล่อง เสกมนต์อาถรรพณ์ขจัดสิ่งชั่วร้ายให้กลับกลายเป็นดี สำเร็จวิชามหายันต์ 8 บุรุษ วิชาพอกแป้งถอนคุณไสย เปลื่ยนแปลงแก้ไขต้านสิ่งอาถรรพ์ ขจัดมนต์ดำ ขับถอนอาเพศทั้งปวง ทั้งเชี่ยวชาญในสมถกรรมฐาน วิปัสนากรรมฐาน มีสมาธิจิตและญาณสมาบัติแก้กล้า
    ปัจจุบัน ท่านมรณภาพแล้วน
    พระสมเด็จสายพิรุณพอกแป้งเสกวิชาตามสายวิชาของท่าน หลวงพ่อทองสุขวัดทางกระบือนครนายก
    ให้บูชา 400 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231026_230528.jpg IMG_20231026_230611.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ตุลาคม 2023
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    เหรียญหลวงพ่อทองสุข ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20231026_230634.jpg IMG_20231026_230653.jpg
     
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    1698595952832.jpg
    ประวัติสังเขป
    สถานะเดิม
    ชื่อ วีระ นามสกุล อุตตรนที เกิดวันจันทร์ ที่ 16 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2462 ปีมะแม บิดา นายเอดะ อุตตรนที มารดา นางสน อุตตรนที แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร
    บรรพชา
    วันที่ 9 เดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2497 ปีมะเมีย วัดปากน้ำ แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร พระอุปัชฌาย์ พระภาวนาโกศลเถร (พระมงคลเทพมุนี) วัดปากน้ำ แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร
    อุปสมบท
    วันที่ 9 เดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2497 ปีมะเมีย วัดปากน้ำ แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร พระอุปัชฌาย์ พระภาวนาโกศลเถร (พระมงคลเทพมุนี) วัดปากน้ำ แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ได้รับฉายาว่า “คณุตฺตโม”
    วิทยฐานะ
    พ.ศ. 2483
    สำเร็จขั้นเตรียมปริญญา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
    เขตพระนคร กทม.
    การศึกษาพิเศษ
    มีความรู้ด้านภาษาต่างประเทศ มีภาษาญี่ปุ่น
    ภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศส
    งานปกครอง
    พ.ศ. 2508
    เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ พระอารามหลวง ฝ่ายวิปัสสนา
    พ.ศ. 2513
    เป็นรองเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ พระอารามหลวง ฝ่ายวิปัสสนา
    พ.ศ. 2513
    เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    พ.ศ. 2522
    เป็นพระอุปัชฌาย์ ประเภทวิสามัญ
    สมณศักดิ์
    พ.ศ. 2508
    เป็นพระครูสัญญาบัตร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง ชั้นเอก
    ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่ พระครูภาวนาภิรม
    พ.ศ. 2513
    เป็นพระครูสัญญาบัตร รองเจ้าอาวาสพระอารามหลวง ชั้นโท
    ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ในราชทินนามเดิม
    พ.ศ. 2515
    เป็นพระราชาคณะ ชั้นสามัญยก ฝ่ายวิปัสสนาธุระ
    ที่ พระภาวนาโกศลเถร
    พ.ศ. 2546
    เป็นพระราชาคณะ ชั้นราช ฝ่ายวิปัสสนาธุระ
    ที่ พระราชพรหมเถร

    พระราชพรหมเถร (วีระ คณุตฺตโม)
    อดีตรองเจ้าอาวาส และ พระอาจารย์ใหญ่
    ฝ่ายวิปัสสนาธุระ
    วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
    วิชชาทั้งหมดทุกระดับนั้น
    เบื้องต้นใครๆก็ได้รับ...ไม่มีปัญหา
    เบื้องกลาง คือ ระดับวิปัสสนา ..
    ..ที่เป็นพระ
    ธรรมเทศนานั้น
    ผู้ที่บันทึกไว้คือ ท่านเจ้าคุณพิพัฒน์ธรรมคณี
    โดยท่านได้บันทึกเทปไว้
    ซึ่งท่านได้มอบเทปที่บันทึกไว้ทั้งหมดแก่ พระ
    ราชพรหมเกร (วีระ คณูตฺตโม)
    และท่านพระมหาจัน เปรียญธรรม ๕ ประโยค
    ซึ่งจดวิชซาเอาไว้ที่เป็น "วิชชาชั้นสูง" หรือ
    "วิชชาครู" นั้น
    ก็ตกทอดมายัง พระราชพรหมเถร (วีระ
    คณุตฺตโม) เช่นกัน
    เพราะฉะนั้น หลวงพ่อพระราชพรหมเกร (วีระ
    คณุตฺตโม)
    รองเจ้าอาวาส และ พระอาจารย์ใหญ่ฝ่าย
    วิปัสสนาธุระ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
    จึงเป็นที่รวมของวิชชาธรรมกายตั้งแต่ เบื้อง
    ขณะเดียวกันท่านก็ได้ "ถ่ายทอดวิชชา" ให้
    กับ พระราชญาณวิสิฐ (เสริมชัย ชยมงุคโล)
    เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม
    อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี
    ซึ่งมีทั้งโดยตรงและโดยอ้อม
    โดยตรงก็ "สอน" กัน
    โดยอ้อมก็ให้ "รวบรวมเรียบเรียงขึ้นเป็น
    ตำรา"
    ซึ่งได้รวบรวมเรียบเรียงใน ระดับสมฤ
    วิปัสสนา และ มหาสติปัฏฐาน ๔ รวมทั้งพระ
    ธรรมเทศนา
    หลวงพ่อพระราชพรหมเถร (วีระ คณตฺตโม)
    ท่านได้ให้ความเมตตาไว้วางใจแก่
    พระราชญาณวิสิฐ (เสริมชัย ชยมงุคโล), ร่วม
    กับ พระครูสมุห์ณัฐนันท์ กุลสิริ วัดปากน้ำ
    ภาษีเจริญ
    ในการรวบรวม "วิชชาธรรมกายชั้นสูง"

    เหรียญมหาสมบัติ"
    พระมงคลเทพมุนี หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
    พระเจ้าจักรพรรดิเป็นผู้ครอบครองแก้ว 7 ประการ อันได้แก่
    จักรแก้ว (จกฺกรตฺตนํ)
    เมื่อผู้ที่จะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ พระองค์ทรงรักษาศีลอุโบสถ ชำระจิตให้สะอาดแล้วทรงทำสมาธิ จักรแก้วก็บังเกิดขึ้น ทำจากโลหะมีค่า ส่องแสงสว่างไสว แล้วพาพระเจ้าจักรพรรดิพร้อมเหล่าเสนาบดีลอยไปยังประเทศต่างๆ ในทวีปทั้ง 4 ประเทศต่างๆ ก็ยอมสวามิภักดิ์ ไม่มีการสู้รบกัน เมื่อจะถวายเครื่องบรรณาการพระเจ้าจักรพรรดิก็ทรงไม่รับแต่พระราชทานโอวาทศีล 5 ให้
    ช้างแก้ว (หตฺถีรตฺตนํ)
    ช้างแก้วของพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นพญาช้าง มีชื่อว่า อุโบสถ สีขาวเผือก สง่างาม มีฤทธิ์เดชสามารถเหาะได้ คล่องแคล่วว่องไว ฝึกหัดได้เอง สามารถพาพระเจ้าจักรพรรดิไปรอบชมพูทวีป จรดขอบมหาสมุทร ได้ตั้งแต่เช้ารุ่ง และกลับมาทันเวลาเสวยพระกระยาหารเช้า
    ม้าแก้ว (อสฺสรตฺตนํ)
    ม้าแก้วของพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นพญาม้า มีชื่อว่า วลาหกะ เป็นอัศวราชผู้สง่างาม ขนงาม มีหางเป็นพวง ตรงปลายคล้ายดอกบัวตูม มีฤทธิ์เดชเหาะเหินเดินบนอากาศได้ คล่องแคล่วว่องไว ฝึกหัดได้เอง สามารถพาพระเจ้าจักรพรรดิไปรอบชมพูทวีป จรดขอบมหาสมุทร ได้ตั้งแต่เช้ารุ่ง และกลับมาทันเวลาเสวยพระกระยาหารเช้า
    มณีแก้ว (มณิรตฺตนํ)
    มณีแก้วของพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นแก้วมณีเปล่งแสงสุกสกาว ใสแวววาวยิ่งกว่าเพชร เปล่งรังสีแสงสว่างไสวโดยรอบถึง 1 โยชน์ คอยบันดาลความอุดมสมบูรณ์ทุกอย่างให้เกิดขึ้น ดึงดูดสมบัติทั้งหลายมาให้ สามารถเลี้ยงคนได้ทั้งชมพูทวีปโดยไม่ต้องทำมาหากิน เมื่อพระมหาจักรพรรดิทรงทดลองแก้วมณีกับกองทัพ โดยติดแก้วมณีไว้บนยอดธงนำทัพ แก้วมณีก็เปล่งแสงสว่างไสว ทำให้กองทัพเดินทางได้สะดวกสบาย เหมือนเดินทัพในเวลากลางวัน
    นางแก้ว (อิตถรตฺตนํ)
    นางแก้วของพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นหญิงที่มีบุญญาธิการ รูปร่างน่าดูชม ผิวพรรณเปล่งปลั่งผ่องใส สวยงามกว่ามนุษย์ทั่วไป พูดจาสุภาพ ไม่โกหก มีกลิ่นดอกบัวหอมฟุ้งออกจากปาก มีกลิ่นจันทน์หอมฟุ้งรอบกาย นางแก้วเป็นผู้คอยปรนนิบัติพระเจ้าจักรพรรดิอย่างไม่ขาดสาย ตื่นก่อนนอนทีหลังพระเจ้าจักรพรรดิ คอยรับฟังคำสั่งของพระเจ้าจักรพรรดิ ประพฤติชอบต่อพระเจ้าจักรพรรดิเสมอ
    ขุนคลังแก้ว (คหปติรตฺตนํ)
    คฤหบดีแก้ว หรือขุนคลังแก้ว สามารถนำทรัพย์สินมาให้แด่พระเจ้าจักรพรรดิได้ ขุมทรัพย์อยู่ที่ไหนก็เห็นไปหมด
    ขุนพลแก้ว (ปริณายกรตฺตนํ)
    ปริณายกแก้ว หรือขุนพลแก้ว คือพระราชโอรสองค์โตของพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นขุนศึกคู่ใจ เป็นบัณฑิตนักปราชญ์ มีความฉลาดเฉลียว รู้สิ่งใดควรไม่ควร คอยให้คำแนะนำปรึกษาแด่พระเจ้าจักรพรรดิอยู่เสมอ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญมหาสมบัติหลวงพ่อสดวัดปากน้ำ หลวงพ่อวีระ ปลุกเสกเข้าวิชาธรรมกายให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20231029_231715.jpg IMG_20231029_231830.jpg IMG_20231029_231745.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ตุลาคม 2023
  20. พื้นทราย

    พื้นทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2015
    โพสต์:
    762
    ค่าพลัง:
    +640
    ขอจองครับ
     
  21. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    รับทราบครับ ขอบคุณครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...