สิ่งศักดิ์สิทธิ์และภัยพิบัติเมื่อท่านมาเตือน

KWANPAT · 19 ธันวาคม 2011

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=AANQGsYEeHM"]พลังพีระมิดกับวิกฤตโลกร้อน1[/ame]

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=AYXcvkYCN6U&feature=results_video&playnext=1&list=PL3710F7C8DCEDD509"]พลังพีระมิดกับวิกฤตโลกร้อน 2[/ame]

KWANPAT · 19 ธันวาคม 2011

[FONT=&quot]พลังปิรามิด แห่งอียิปต์ เซอร์ ดับบลิว ซีแมนส์

[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]อีกหนึ่งความสามารถของปิรามิดในการแสดงปฏิกิริยาเหมือนเครื่องสะสมไฟฟ้าสถิตเซอร์ ดับบลิว ซีแมนส์นักประดิษฐ์ค้นคว้า ชาวอังกฤษ เขาเคยไปสัมผัส
กับความลึกลับของมหาปิรามิดในอียิปต์มา ในขณะที่เขายืนอยู่ภายใน ห้องเก็บศพอียิปต์ตรงกับยอดของปิรามิด เขาพบว่าเมื่อใดที่เขาชูมือทั้งสองข้างขึ้น
และกางนิ้วออกโสตประสาทของเขาได้ยินเสียงกังวาลเบา ๆ จากเบื้องบน ของปิรามิดแต่ที่น่าตกใจอีกแล้วเขายกมือขึ้นแล้วใช้นิ้วชี้ตรงไปยังยอดของปิรามิด
เขามีความรู้สึกคล้าย ๆกับ ถูกเข็มจิ้มที่ปลายนิ้ว ต่อมา เขาก็ ยกขวดไวน์ ที่ติดตั้งดื่มแก้กระหาย ก็เกิดอาการกระตุกบริเวณปากขวด ขณะแตะริมฝีปาก
และเขาใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ที่เปียกชื้นพันรอบ ๆ ขวด ปรากฏว่ามีการอาการกระตุก เกิดจากไฟฟ้าและขวดไวน์นั้นก็กลายเป็นเครื่องสะสมไฟฟ้าที่เรียกว่า
ลีเดน จาร์ ([/FONT][FONT=&quot]Leyden Jar)
[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ลีเดน จาร์ เป็นเครื่องทดลองสะสมไฟฟ้ายุคแรกที่ประกอบด้วยขวดแก้วมีแผ่นดีบุกไว้ทั้งภายในและภายนอกแผ่นดีบุกที่อยู่ข้างในติดกับแท่งโลหะ
มีปลายเป็นปุ่มโลหะ[/FONT][FONT=&quot][/FONT][FONT=&quot] นักฟิสิกส์ หลายคนเชื่อว่าปิรามิดไม่เพียงแต่จะเป็นสิ่งสะสมพลังงานเท่านั้น มันยังสามารถกระจายพลังอำนาจต่าง ๆ ออกไปอีกด้วย
จากวัตถุ ใด ๆ ก็ตามที่มีการสั่นสะเทือนของคลื่นความถี่แห่งพลังงาน นั้น ๆ ก็จะมีความสามารถเกิดปฏิกิริยาทางฟิสิกส์ขึ้นมา คลื่นความถี่นี้จะปรับกับระหับ
ความถี่ของธรรมชาติ เช่น พลังงานแม่เหล็กโลก พลังงานคอสมิกจนกระทั่งก่อนให้เกิดพลังงานชนิดใหม่ขึ้นมา [/FONT]

KWANPAT · 19 ธันวาคม 2011

[FONT=&quot]ความลึกลับของพลังในมหาปิรามิดยังได้รับการค้นพบกันอีกแม้แต่ผู้ที่ไม่มีความสันทัดอะไรทั้งสิ้นในเรื่องวิทยาศาสตร์และไม่เคยแม้แต่จะไปเยือนอียิปต์เพื่อมองมหาปิรามิดนี้ด้วยตนเองเสียด้วยซ้ำมีคนหลายคนที่อ้างว่าพวกตนได้ใช้วัสดุต่างๆ เช่นกระดาษแข็ง พลาสติค หรือแม้แต่แผ่นไม้อัดมาสร้างจำลองส่วนให้เท่ากับสัดส่วนของมหาปิรามิดแห่งนี้[/FONT]
[FONT=&quot]และสามารถ ลับใบมีดโกนที่เก็บไว้ภายในให้คมกริบอย่างเดิมแม้ว่าจะใช้มันไปมากมายหลายครั้งก่อนแล้วก็ตามนอกจากนั้นภายในปิรามิดย่อส่วนของพวกตนนี้ยังเป็นที่ที่สามารถเก็บอาหารสดไว้ได้นานกว่าปกติหากใครเข้าไปนั่งอยู่ ข้างในแล้วก็จะรู้สึกว่าอารมณ์สงบเยือกเย็นอย่างประหลาด และเข้าสมาธิได้ง่ายด้วย อีกทั้งยังช่วยให้สามารถมองเห็นความเป็นไปของตนเองในอนาคตได้[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]ในสมัยคริสตทศวรรษที่[/FONT][FONT=&quot] 1850 [/FONT][FONT=&quot]ชายชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งชื่อโบวีส์เป็นผู้หนึ่งที่เดินทางไปทัศนาจรมหาปิรามิดแห่งกูฟู และก็ได้เข้าไปในห้องลับของฟาโรห์ภายในปิรามิดเขาได้เขี่ยพบของอย่างหนึ่งท่ามกลางขยะที่พวกนักทัศนาจรโยนทิ้งเอาไว้ตามทางเดินในปิรามิดมันคือซากแมวตายตัวหนึ่งซึ่งเชื่อว่าถูกทำเป็นมัมมี่ไว้ช้านานแล้วและยังคงสภาพสดๆ เหมือนกับตายไปเมื่อไม่นานนี้เองเมื่อเขาเดินทางกลับไปถึงที่บ้านเขาได้ลองสร้างปิรามิดย่อส่วนจากมหาปิรามิดขึ้นมาอันหนึ่งบ้างและพบว่าหากเอาของสดๆเก็บไว้ในปิรามิดของเขาแล้วของสดนั้นจะอยู่นานกว่าปกติ[/FONT][FONT=&quot][/FONT]

KWANPAT · 19 ธันวาคม 2011

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=s3mFcK6qf_k"]พลังพีระมิดโดยดร.อาจอง 01/03[/ame]

[FONT=&quot]ด้าน อาหาร[/FONT][FONT=&quot],[/FONT][FONT=&quot]การเกษตร และการเลี้ยงสัตว์[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]การนำพืชอาหารหรือสิ่งมีชีวิตที่เติบโตได้ ไปเลี้ยงดูในปิรามิด ผลที่ได้รับคือ :[/FONT][FONT=&quot]
-[/FONT][FONT=&quot]อาหารยังคงสด ได้ยาวนานกว่าดิม[/FONT][FONT=&quot] 2-3 [/FONT][FONT=&quot]เท่า[/FONT][FONT=&quot]
-[/FONT][FONT=&quot]อาหารเปลี่ยนรสชาติไปโดยรสในธรรมชาติจะถูกขยายให้แรงขึ้น ความเป็นกรดจะลดลง[/FONT][FONT=&quot]
-[/FONT][FONT=&quot]กลิ่นอาหารที่ถูกปลอมปน จะจางหายไป[/FONT][FONT=&quot]
-[/FONT][FONT=&quot]ปิรามิดจะขจัดน้ำออก ทำให้แห้งแต่ไม่เน่าเสียหยุดการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ได้[/FONT][FONT=&quot]
-[/FONT][FONT=&quot]การเลี้ยงกุ้งน้ำเค็ม ปกติมีอายุ[/FONT][FONT=&quot] 6-7 [/FONT][FONT=&quot]สัปดาห์ แต่ภายในปิรามิดอายุเกินไปถึง[/FONT][FONT=&quot] 3 [/FONT][FONT=&quot]เท่า[/FONT][FONT=&quot]
-[/FONT][FONT=&quot]สัตว์ที่อาศัยอยู่รอบๆบริเวณ นิสัยไปในทางบวก แมวกับหมาอาศัยอยู่ร่ามกันได้อย่างประหลาด[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ด้าน การแพทย์[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]-[/FONT][FONT=&quot]แผลที่เย็บหายไว และติดกันเร็วขึ้น[/FONT][FONT=&quot]2[/FONT][FONT=&quot]เท่า[/FONT][FONT=&quot]
-[/FONT][FONT=&quot]ความดันโลหิตที่ผิดปกติ กลับมาสู่จุดสมดุลย์ได้[/FONT][FONT=&quot]
-[/FONT][FONT=&quot]คนที่เฉี่อยชา กลับดูกระฉับกระเฉงขึ้น[/FONT][FONT=&quot]
-[/FONT][FONT=&quot]ผู้ที่มีอาการทางสมอง มีผลลัพธ์ไปในทางบวกเร็วขึ้น[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]การนั่งสมาธิกับ ปิรามิด[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]-[/FONT][FONT=&quot]คลื่นสมองอัลฟาเพิ่มขึ้น[/FONT][FONT=&quot]
-[/FONT][FONT=&quot]สงบนิ่ง ดิ่งลงลึกมากกว่าเดิม[/FONT][FONT=&quot]
-[/FONT][FONT=&quot]เมื่อถ่ายภาพด้วยกล้องแสงออร่า แสงสว่างปรากฎเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ผลอื่นๆ ที่เกิดขึ้น....[/FONT][FONT=&quot]
-[/FONT][FONT=&quot]บางคนมีอาการปวดเสียวคล้ายหนามแทงบนผิว[/FONT][FONT=&quot] ([/FONT][FONT=&quot]เป็นกระแสไฟฟ้าอ่อนๆที่ผิวหนัง)[/FONT][FONT=&quot]
-[/FONT][FONT=&quot]บางคนมีอาการคลื่นไส้เนื่องจากสารพิษในร่างการถูกขับออกมา[/FONT][FONT=&quot]
-[/FONT][FONT=&quot]อุณหภูมิร่างายเพิ่มสูงขึ้น[/FONT][FONT=&quot] ([/FONT][FONT=&quot]เหมือนได้ออกกำลังกาย)[/FONT][FONT=&quot]
-[/FONT][FONT=&quot]การบิดเบือนกาลเวลาให้ช้าลง[/FONT][FONT=&quot] ([/FONT][FONT=&quot]เข้าไปใช้ในช่วงสั้นๆแต่กลับรู้สึกว่าได้พักผ่อนเต็มที่)[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังของปิรามิด กล่าวไว้ว่า....[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]เหตุทีเป็นเช่นนั้นอาจเนื่องมาจาก รูปทรงของมันสามารถขยายคลื่นสัญญาณได้ โดยมีตัวเราเป็นผู้ส่งคลื่นคล้ายเครื่องรับและเครื่องส่งโดยปิรามิดพยายามสร้างแรงสั่นสะเทือนเคลื่อนย้ายอะตอมที่เป็นส่วนเกินออกไปคงให้เหลือไว้เฉพาะอะตอมต้นกำเนิดเท่านั้น ธาตุของคลื่นผู้ส่งและมุมเวกเตอร์ของปิรามิด สร้างรูปแบบของพลังงานให้เกิดความถี่สั่นสะเทือนและขยายให้แรงขึ้น ใหญ่ขึ้นได้และจัดเรียงโมเลกุลใหม่ เช่นโมเลกุลของธาตุน้ำทรงแปดเหลี่ยมให้เป็นแบบแถวเดี่ยวอีกครั้ง...[/FONT]

KWANPAT · 19 ธันวาคม 2011

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=BY9fiVaFvTA"]พลังพีระมิดโดยดร.อาจอง 02/03[/ame]

[FONT=&quot]มหาปิรามิด[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ปิรามิดองค์ใหญ่ถือว่าเป็นแบบอย่างที่ดีที่สุด ในการสร้างปิรามิดทั้งหมดและคุณภาพเดิมคาดว่า สูง[/FONT][FONT=&quot] 481.4 [/FONT][FONT=&quot]ฟุต[/FONT][FONT=&quot]แต่เวลาผ่านมานาน เหลือเพียง[/FONT][FONT=&quot] 450 [/FONT][FONT=&quot]ฟุตเนื้อที่ปกคลุม ถึง[/FONT][FONT=&quot] 13.4 [/FONT][FONT=&quot]เอเคอร์[/FONT][FONT=&quot]ฐานด้านตะวันออกยาว[/FONT][FONT=&quot] 755.88 [/FONT][FONT=&quot]ฟุตฐานด้านตะวันตกยาว[/FONT][FONT=&quot] 755.77 [/FONT][FONT=&quot]ฟุต[/FONT][FONT=&quot]ฐานทิศเหนือยาว[/FONT][FONT=&quot] 755.43 [/FONT][FONT=&quot]ฟุต[/FONT][FONT=&quot]และทิศใต้ยาว[/FONT][FONT=&quot] 756.08 [/FONT][FONT=&quot]ฟุต แม้แต่ละด้านยาวไม่เท่ากัน แต่ด้านที่สั้นที่สุดกับด้านยาวที่สุดมีเพียง[/FONT][FONT=&quot] 7.9 [/FONT][FONT=&quot]นิ้วเท่านั้น[/FONT][FONT=&quot]เอียงฐานไปยังยอดแหลมเป็นมุม[/FONT][FONT=&quot] 51 [/FONT][FONT=&quot]องศา[/FONT][FONT=&quot] 52 [/FONT][FONT=&quot]ลิบดาโครงสร้างของปิรามิดทั้งหมดหันไปทางตามทิศเหนือ-ใต้[/FONT][FONT=&quot] –[/FONT][FONT=&quot]ออก-ตก ถูกต้องตามความเป็นจริง แต่เมื่อเร็ว ๆนี้ได้มีการสำรวจอีกครั้งหนึ่งพบว่าองค์ปิรามิดได้เบี่ยงเบนจากเดินเล็กน้อย คือ[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ด้านเหนือ เบี่ยงเบนจากเดิมไป[/FONT][FONT=&quot] 2’28” [/FONT][FONT=&quot]ลงไปทางด้านตะวันตกเฉียงใต้[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ด้านใต้ เบี่ยงเบน ไป[/FONT][FONT=&quot] 1’57” [/FONT][FONT=&quot]ลงไปทางตะวันตกเฉียงใต้[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ด้านตะวันออก เบี่ยงเบน[/FONT][FONT=&quot] 5’30” [/FONT][FONT=&quot]ไปทางตะวันตกจากทิศเหนือ[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ด้านตะวันตก เบี่ยงเบน[/FONT][FONT=&quot] 2’30” [/FONT][FONT=&quot]ไปทางตะวันตกจากทิศเหนือ[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]แต่ทฤษฏีดังกล่าวไม่[/FONT][FONT=&quot]ใช่ความผิดพลาดของผู้สร้างเลย สาเหตุมาจาก[/FONT][FONT=&quot]การเคลื่อนตัวของแผ่นดินการหมุนของโลก ทำให้เปลือกโลก[/FONT][FONT=&quot]เกิดรอยแตกมีการเคลื่อนตัวในแนวราบและแผ่นดินไหวทำให้แผ่นดินหันเห จากผลของแผ่นดินไหวและยุบตัวลงไป ซึ่งเกิดขึ้น ในปี[/FONT][FONT=&quot] 908 [/FONT][FONT=&quot]ก่อนคริสตกาล[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]โครงสร้างของมหาปิรามิด[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]วิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยยังไม่สามารถเปิดเผยความเร้นของของปิรามิดได้อย่างทะลุปรุโปร่ง สถาปนิก วิศวกรตลอดจนนักโบราณคดีไม่สามารถคำนวนหินขนาดใหญ่ที่นำมาก่อนสร้างได้อย่างถูกต้อง ที่ผ่านมาเป็นเพียงการคาดคะเนเท่านั้น เช่น การสร้างปิรามิดองค์ใหญ่นั้น สันนิษฐานใช้หินขนาดใหญ่ถึง[/FONT][FONT=&quot] 2,300,000 [/FONT][FONT=&quot]ก้อน แต่ละก้อน หนัก[/FONT][FONT=&quot] 2 [/FONT][FONT=&quot]ตันครึ่ง ก้อนที่หนักที่สุดประมาณ[/FONT][FONT=&quot] 15 [/FONT][FONT=&quot]ตัน[/FONT][FONT=&quot]

[/FONT][FONT=&quot]ข้อสันนิษฐานนี้มองจากภายนอกเท่านั้นส่วนใจกลางของปิรามิดนั้นขนาดและปริมาณไม่สามารถคำนวนได้อย่างถูกต้อง[/FONT][FONT=&quot]

[/FONT][FONT=&quot]ที่น่าทึ่งอย่างหนึ่ง คือ ก้อนหินที่วางเรียงรายต่อกันขึ้นเป็นแท่งหินแกรนิตหินปูนขนาดยักษ์นั้น มีรอยเชื่อมกัน ไว้อย่างถูกต้องมีขนาดกว้างไม่เกิน[/FONT][FONT=&quot] 1/50 [/FONT][FONT=&quot]นิ้วเลย[/FONT][FONT=&quot]

[/FONT][FONT=&quot]ความยาวรอบฐานปิรามิด เมื่อ หารด้วย[/FONT][FONT=&quot] 2 [/FONT][FONT=&quot]เท่าของความสูงจะฐานถึงยอดจะมีค่าเท่า พายของวงกลม ([/FONT][FONT=&quot]π) [/FONT][FONT=&quot]ซึ่งเท่ากับ[/FONT][FONT=&quot] 3.144 [/FONT][FONT=&quot]

[/FONT][FONT=&quot]ความยาวของเส้นรอบฐานปิรามิด เมื่อนับเป็นคิวบิทวันได้[/FONT][FONT=&quot] 365.24 [/FONT][FONT=&quot]เท่ากับ[/FONT][FONT=&quot] 1 [/FONT][FONT=&quot]ปีปฏิทินโลก ยังไม่จบ[/FONT][FONT=&quot] 2 [/FONT][FONT=&quot]เท่าของความสูงปิรามิด เมื่อคูณ ด้วย เลข[/FONT][FONT=&quot] 100,000 [/FONT][FONT=&quot]จะได้ค่าใกล้เคียงกับความยาวระยะห่างระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ คือ[/FONT][FONT=&quot] 93 [/FONT][FONT=&quot]ล้านไมล์โดยประมาณ[/FONT][FONT=&quot]

[/FONT][FONT=&quot]และน้ำหนักของปิรามิดเมื่อคูณด้วย[/FONT][FONT=&quot] 1,000,000,000,000,000 [/FONT][FONT=&quot]จะได้ค่าใกล้เคียงกับน้ำหนักของโลกเราโดยประมาณ[/FONT][FONT=&quot]

[/FONT][FONT=&quot]ส่วนห้องเก็บพระศพ พระราชานั้นสร้างเป็นแบบเพดานเรียบประกอบด้วยแผ่นหินขนาดใหญ่[/FONT][FONT=&quot] 9 [/FONT][FONT=&quot]ก้อนมีน้ำหนักรวมกันประมาณ[/FONT][FONT=&quot] 400 [/FONT][FONT=&quot]ตัน วางซ้อนกันเป็นชั้น ๆ แบ่งออกเป็นช่องได้[/FONT][FONT=&quot] 5 [/FONT][FONT=&quot]ช่อง[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ข้อสันนิษฐาน ความเร้นลับของปิรามิด[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]คนส่วนใหญ่รวมถึงผมด้วย คิดว่า ปิรามิดแห่งกีซาสร้างโดย ฟาโรห์ คีอ๊อปส์ สร้างระหว่างปี[/FONT][FONT=&quot] 2686-2181 [/FONT][FONT=&quot]ก่อนคริสตกาล แต่ยังมีหลายความเห็นด้วยกัน บ้างก็ว่าเก่าแก่นานกว่า[/FONT][FONT=&quot] 5,000 [/FONT][FONT=&quot]ปี เอ็ดการ์ เคย์ ([/FONT][FONT=&quot]Edgar Cayce)[/FONT][FONT=&quot]นักค้นคว้าพลังจิตชาวอเมริกัน กล่าวว่า ปิรามิด นั้นสร้างมานานกว่า[/FONT][FONT=&quot] 10,000 [/FONT][FONT=&quot]ปีผู้สร้างไม่ใช่ชาวอียิปต์ และไม่ใช่เก็บพระศพแต่เก็บรักษาคัมภีร์ทางประวัติศาสตร์แห่งมนุษยชาติ แมนลี[/FONT][FONT=&quot]พีฮอลล์ ([/FONT][FONT=&quot]Manly p.hall)[/FONT][FONT=&quot]เชื่อว่า ปิรามิดสร้างโดย ชาวแอตแลนติสที่อพยพมาจากทวีปที่หายสาบสูญเป็นเวลาหลายพันปี โดยชาวแอตแลนติส ตระหนักถึงภัยพิบัติหายนะของอาณาจักร จึงได้รวบรวมทรัพย์สมบัติตลอดจนคัมภีร์ทางวิทยาการด้านต่าง ๆ หนีออกมา[/FONT]

KWANPAT · 19 ธันวาคม 2011

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=aW-ckTGvXj8"]พลังพีระมิดโดยดร.อาจอง 03/03[/ame]

[FONT=&quot]ความมหัศจรรย์จากการทดลอง พลังปิรามิด[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ความมหัศจรรย์จากการทดลอง กับพลังปิรามิดในสหรัฐมีการวิจัยค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะ[/FONT]
[FONT=&quot]จนกระทั่งมีการคั้งศูนย์วิจัยเกี่ยวกับปิรามิดขึ้น[/FONT][FONT=&quot] ดร. โบริส เวอร์น[/FONT][FONT=&quot] (Dr. Boris Verm) [/FONT][FONT=&quot]ผู้อำนวยการโครงการวิจัย
[/FONT]
[FONT=&quot]ได้ทำการทดลองโดยใช้ปิรามิดจำลอง ความสูงเพียง[/FONT][FONT=&quot] 10 [/FONT][FONT=&quot]นิ้ว[/FONT][FONT=&quot]ขึ้นแรก เขาใช้ไข่ดิบวางไว้ในปิรามิดจำลอง และหลังจากนั้นก็คือ ไข่ได้เกิดการแข็งตัวและเหือดแห้งภายในเวลาเพียง[/FONT][FONT=&quot] 3 [/FONT][FONT=&quot]สัปดาห์ เท่านั้นเอง ครับ และปรากฏว่าเชื้อราต่าง ๆ
[/FONT]
[FONT=&quot]ที่มักจะเกิดตามเปลือกไข่ไม่เติบโตขึ้นเลยและหากนำไปไว้นอกปิรามิด แล้วเชื้อราจะเติบโตอย่างรวดเร็ว[/FONT]
[FONT=&quot]การทดลองอันนี้ ได้ทดลองซ้ำ ๆ กันหลายครั้ง และใช้วัสดุอื่น ๆ เช่น ดอกไม้ผลไม้ ผัก และสัตว์ต่าง ๆ เช่นปลา
[/FONT]
[FONT=&quot]และแมลงต่าง ๆ[/FONT]

[FONT=&quot]อีกท่านหนึ่งคือเวอร์น คาเมรอน นักวิจัยชาวคาลิฟอร์เนีย ทำการทดลองกับเนื้อหมูกับปิรามิดจำลอง โดยทดลอง[/FONT]
[FONT=&quot]กับเนื้อหมู ประมาณ[/FONT][FONT=&quot] 2 [/FONT][FONT=&quot]ออนซ์[/FONT][FONT=&quot] (56.6 [/FONT][FONT=&quot]กรัม[/FONT][FONT=&quot])[/FONT][FONT=&quot]และไขมันดิบ อีก[/FONT][FONT=&quot] 1 [/FONT][FONT=&quot]ออนซ์[/FONT][FONT=&quot] (28.3 [/FONT][FONT=&quot]กรัม[/FONT][FONT=&quot]) [/FONT][FONT=&quot]และวางไว้ในปิรามิด[/FONT]
[FONT=&quot]จำลองอีกแล้วและที่ที่จะทำให้มันเน่าเปื่อยได้เร็วที่สุด เขานำปิรามิดจำลองนี้ ไปไว้ในห้องน้ำ ต่อมาเขาก็นำไป[/FONT]
[FONT=&quot]ไว้ในห้องที่มีอากาศร้อน และห้องที่มีไอน้ำมากเพื่อให้อุณหภูมิเปลี่ยนแปลง[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ในการเฝ้าดู แล้ว เขาสังเกต ว่าวันที่ [/FONT][FONT=&quot]3 [/FONT][FONT=&quot]จะมีกลิ่นเหม็น จากเนื้อหมู คล้าย ๆ กับจะมีการเน่าเปื่อยเกิดขึ้น แต่พอ[/FONT][FONT=&quot] 6 [/FONT][FONT=&quot]วัน กลิ่นนั้น ก็หายไป และเนื้อหมู แห่งโดยไม่มีการเน่าเปื่อยเลย เป็นเวลาหลายเดือน เนื้อหมูก็ไม่เน่าเปื่อย นำสามารถ[/FONT]
[FONT=&quot]ยังนำมาทานได้อีก[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]คาเมรอนยังได้ทดลองกับแตงโมอีก ก็วางไว้ในปิรามิดจำลองเช่นเดิมไว้ในห้องน้ำอีกครั้งครับ จากนั้นเพียง[/FONT][FONT=&quot] 2-3 [/FONT][FONT=&quot]วัน ปรากฏว่า แตงโม จะเหือดแห้งแต่ยังสามารถทานได้และไม่เน่าเปื่อยครับ นอกจากนั้นเขาก็ยังทดลองกับ น้ำนมหรือ[/FONT]
[FONT=&quot]ของเหลวอื่น ๆ อีกมากมาย[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]เขาพยายามค้นหาสาเหตุเขาจึงได้ประดิษฐ์ เครื่องวัดแสงรังสี ([/FONT][FONT=&quot]Aurameter) [/FONT][FONT=&quot]ขึ้น ใช้สำหรับวัดรังสีสนามพลัง[/FONT]
[FONT=&quot]ของวัตถุ เขากล่าวว่า พลังงานที่แผ่ขยายจากยอดปิรามิด จำลองอันเล็กๆ มีลักษณะคล้ายกับโครงสร้างของหินชั้นบน[/FONT]
[FONT=&quot]ของปิรามิดซึ่งมีสนามพลังแผ่กระจายลงมาถึงฐาน ลงมาเป็นแนวตั้ง[/FONT]

KWANPAT · 19 ธันวาคม 2011

[FONT=&quot]การปรับเปลี่ยนการใช้พลังพีระมิด และพลังกระแสลมปราณ[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]การปรับเปลี่ยนและเพิ่มเติมองค์ความรู้ในครั้งนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งดังนั้นลูกศิษย์ ผู้ฝึก ผู้ป่วย จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนและรับความรู้ใหม่เพิ่มเติมจึงจะได้รับประโยชน์จากพลังพีระมิดเหมือนเดิม[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]การเปลี่ยนแปลงของพลังงานได้เกิดขึ้นอย่างรุนแรงหลายครั้งด้วยกัน เช่น[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]13 [/FONT][FONT=&quot]พ.ค.[/FONT][FONT=&quot] 2547
[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ได้เดินทางถึงประเทศอียิปต์และเชื่อมโยงการทำงานของพลังงานระหว่างสฟิงซ์-มหาพีระมิด-ดวงดาวและมหาอาณาจักรแอตแลนตีส[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]13 [/FONT][FONT=&quot]มิ.ย.[/FONT][FONT=&quot] 2547
[/FONT][FONT=&quot]พลังกระแสลมปราณที่ดาวโลกเคยได้รับอย่างพอเพียงจากดวงอาทิตย์ลดน้อยลงไปจนแทบจะไม่มีเลยเนื่องจากสภาพที่เลวร้ายของบรรยากาศสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกวันๆ[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณใช้พลังจิตดึงพลังกระแสลมปราณมาจากดวงอาทิตย์ และนำพลังงานเก็บพักไว้ก่อนซึ่งเป็นกระบวนการที่ช่วยทำให้พลังงานกระแสลมปราณบริสุทธิ์ปราศจากมลภาวะของชั้นบรรยากาศแล้วจึงใช้พลังจิตเชื่อมโยงพลังกระแสลมปราณเข้าสู่วัตถุ-อุปกรณ์ของท่านเช่น พีระมิด และ สฟิงซ์[/FONT][FONT=&quot]

[/FONT][FONT=&quot]พลังกระแสลมปราณเป็นพลังงานที่มีประโยชน์และสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อร่างกายมนุษย์ซึ่งมนุษย์จะขาดมิได้เลย เช่น เป็นภูมิคุ้มกันร่างกายตามธรรมชาติ[/FONT][FONT=&quot], [/FONT][FONT=&quot]เป็นพลังงานช่วยระบายของเสียออกจากร่างกายตามธรรมชาติ[/FONT][FONT=&quot], [/FONT][FONT=&quot]เป็นพลังงานหล่อเลี้ยงหลอดเลือดไม่ให้ตีบหรือตัน[/FONT][FONT=&quot]

22 [/FONT][FONT=&quot]มิ.ย.[/FONT][FONT=&quot] 2547
[/FONT][FONT=&quot]พีระมิดทุกก้อนที่พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณผลิตขึ้นเพื่อใช้เป็นอุปกรณ์ของการฝึกจิตและทางเลือกของสุขภาพจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงคือให้ใช้สว่านเจาะเป็นรูที่ด้านหนึ่งด้านใดของรูปทรงสามเหลี่ยมเพื่อให้พระอาจารย์ใช้พลังจิตเชื่อมโยงกระแสลมปราณเข้าสู่ก้อนพีระมิด ทำให้พีระมิดมีพลังในการดูดของเสียและลดความเจ็บปวดได้เหมือนดังเดิม[/FONT][FONT=&quot]

[/FONT][FONT=&quot]สำหรับสนามพลังพีระมิดที่ประกอบด้วยพีระมิดทั้ง[/FONT][FONT=&quot] 11 [/FONT][FONT=&quot]ก้อน ซึ่งในขณะนี้ (มิถุนายน[/FONT][FONT=&quot] 2547 [/FONT][FONT=&quot]เป็นต้นไป) ให้จัดวางโดยวางยอดแหลมตั้งขึ้นทุกก้อน ([/FONT][FONT=&quot]D) [/FONT][FONT=&quot]และก้อนที่ต้องใช้สว่านเจาะให้เป็นรูเพื่อเชื่อมโยงหรือนำกระแสลมปราณเข้าคือก้อนล่าง และก้อนกลางของแกนพลังงานเพียง[/FONT][FONT=&quot] 2 [/FONT][FONT=&quot]ก้อน เท่านั้น[/FONT][FONT=&quot] ([/FONT][FONT=&quot]ก้อนแกนกลางที่วางอยู่ก้อนบนสุดและก้อนบริวารอีก[/FONT][FONT=&quot] 8 [/FONT][FONT=&quot]ก้อน ไม่ต้องเจาะ)เมื่อเจาะแล้วให้นำไปวางคืนที่แกนพลังงานดังเดิมโดยวางด้านสามเหลี่ยมที่เจาะเป็นรูไปทางทิศตะวันออกเท่านั้น[/FONT][FONT=&quot]

[/FONT][FONT=&quot]ก้อนพีระมิดอื่นๆ ที่ใช้สำหรับกำไว้ในมือ หรือกำไล สร้อยข้อมือ หรือ จี้ให้ใช้สว่านเจาะเป็นรูเช่นกัน (การใช้พีระมิดวิธีนี้ไม่ต้องสัมพันธ์กับทิศแต่อย่างใด[/FONT][FONT=&quot]

[/FONT][FONT=&quot]พระอาจารย์รัตน์รตนณาโณจะส่งพลังจิตนึกไปถึงพีระมิดของท่านทุกก้อนที่เจาะเป็นรูปเรียบร้อยแล้วเพื่อเชื่อมโยงพลังกระแสลมปราณให้โดยอัตโนมัติไม่ว่าพีระมิดเหล่านั้นจะอยู่ที่ไหนก็ตาม[/FONT][FONT=&quot]

[/FONT][FONT=&quot]วิธีเจาะพีระมิด[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]1. [/FONT][FONT=&quot]เลือกด้านสามเหลี่ยมด้านใดด้านหนึ่งของก้อนพีระมิด และใช้สว่านเจาะเป็นรูดังตัวอย่างในภาพ[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]2. [/FONT][FONT=&quot]เจาะให้ลึกตรงเข้าไปข้างในประมาณถึงกึ่งกลางเพื่อให้ของเสียหรือความเจ็บความปวดได้ระบายออกทางยอดแหลมของก้อนพีระมิดพอดี[/FONT][FONT=&quot] ([/FONT][FONT=&quot]ห้ามเจาะทะลุ)[/FONT][FONT=&quot]

[/FONT][FONT=&quot]การใช้ พลังกระแสลมปราณจากสฟิงซ์ ([/FONT][FONT=&quot]SPHINX)[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]เนื่องจากในปัจจุบันนี้มนุษย์เราได้รับกระแสลมปราณจากธรรมชาติในปริมาณที่น้อยมากจนถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ ดังนั้นสฟิงซ์ ([/FONT][FONT=&quot]SPHINX) [/FONT][FONT=&quot]จึงถูกนำมาใช้เป็นอุปกรณ์เสริมที่พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณได้ใช้พลังจิตบรรจุพลังของกระแสลมปราณเข้าไว้เป็นจำนวนมหาศาลและนำไปใช้เป็นประโยชน์ในการสร้างภูมิต้านทานและช่วยรักษาโรคทุกโรคด้วยตนเอง เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต เบาหวาน ความดันโลหิตสูง-ต่ำ หัวใจ ไต มะเร็งเอดส์ โรคทางเดินหายใจทุกชนิด ฯลฯ[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]การใช้พลังกระแสลมปราณจากสฟิงซ์ [/FONT][FONT=&quot]2 [/FONT][FONT=&quot]ตัว (องค์)[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]การจัดวาง[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]วางสฟิงซ์ทั้ง[/FONT][FONT=&quot] 2 [/FONT][FONT=&quot]ตัว(องค์)ให้อยู่ในแนวทิศตะวันตกและทิศตะวันออกโดยหันใบหน้าของสฟิงซ์ไปทางทิศตะวันตกทั้งคู่ และผู้ฝึก ผู้ป่วยนั่งอยู่ระหว่างกลางและหันหน้าไปทางทิศตะวันตกด้วยเช่นกัน[/FONT][FONT=&quot] ([/FONT][FONT=&quot]สำหรับผู้ป่วยหนักให้นอนหันศีรษะไปทางทิศตะวันตก)[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]วิธีปฏิบัติ[/FONT][FONT=&quot]
1. [/FONT][FONT=&quot]ให้ผู้ฝึก ผู้ป่วย นั่ง(นอน) หันหน้าไปทางทิศตะวันตกและสฟิงซ์สำหรับทิศตะวันตกและตะวันออก หันใบหน้าไปทางทิศตะวันตก[/FONT][FONT=&quot]
2. [/FONT][FONT=&quot]ให้ผู้ฝึก ผู้ป่วย ส่งความรู้สึกนึกไปถึงใบหน้าของสฟิงซ์ที่วางอยู่ข้างหน้าและข้างหลังของตนเองพลังกระแสลมปราณจากสฟิงซ์ทั้งคู่จะไหลเข้าหากันโดยอัตโนมัติทำให้ร่างกายของผู้ป่วย ผู้ฝึก ถูกดึงไป-มา หน้า-หลัง[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]3. [/FONT][FONT=&quot]ให้ผู้ฝึก ผู้ป่วย ทำตัวอ่อนๆคล้อยตามแรงดึงแรงผลักที่เกิดขึ้น (ไม่สร้างความรู้สึกต้าน)พลังกระแสลมปราณจากสฟิงซ์จะเข้าไปช่วยรักษาและฟื้นฟูเซลล์ที่บกพร่องมีอาการเจ็บปวดไปทั่วร่างกาย[/FONT][FONT=&quot]
4. [/FONT][FONT=&quot]ผู้ฝึก ผู้ป่วยจะมีความรู้สึกว่าความเจ็บปวดได้ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ให้มีความอดทนเสมหะ น้ำลาย หนองหรือเลือดเสีย จะถูกขับออกมาจากร่างกายอย่างต่อเนื่องให้บ้วนทิ้ง (รวมทั้งอาการหาว เรอ ปัสสาวะ อุจจาระ)พีระมิดที่วางอยู่ด้านหลังของสฟิงซ์จะทำหน้าที่ดันระบายของเสียทิ้งออกไปจากร่างกาย[/FONT][FONT=&quot]
5. [/FONT][FONT=&quot]ถ้าผู้ฝึก ผู้ป่วยอยากให้อาการเจ็บป่วยที่มีอยู่หายเร็วยิ่งขึ้น ให้ผู้ฝึก ผู้ป่วยใช้พลังจิตของตนเองเพียงเล็กน้อยทำงานร่วมกับพลังงานกระแสลมปราณจากสฟิงซ์โดยการนึกให้พลังกระแสลมปราณเคลื่อนที่ขึ้น-ลงเป็นการถูขึ้นและถูลงเป็นจังหวะๆ (เหมือนกับการถูของเส้นแสง)ช่วยให้เซลล์หรือเนื้อเยื่อได้รับการฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว[/FONT][FONT=&quot]
6. [/FONT][FONT=&quot]ในช่วงเวลาปกติ เช่น พักผ่อน หรือทำกิจการงานหรือนอนหลับในเวลากลางคืนผู้ฝึก ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องบังคับหรือกำหนดให้ตนเองหันหน้าไปทางทิศตะวันตกตลอดเวลาให้ปฏิบัติตนตามปกติ เพียงแต่ให้จัดวางสฟิงซ์ไว้ให้สุดมุมห้อง หรือเตียงโดยหันใบหน้าสฟิงซ์ไปทางทิศตะวันตกทั้ง[/FONT][FONT=&quot] 2 [/FONT][FONT=&quot]ตัว (องค์) ผู้ฝึก ผู้ป่วยจะได้พลังรักษาจากพลังกระแสลมปราณตลอด[/FONT][FONT=&quot] 24 [/FONT][FONT=&quot]ชั่วโมง[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]a)[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]วิธีการฝึกปฏิบัติข้อ[/FONT][FONT=&quot] 1-6 [/FONT][FONT=&quot]อาจจะมีผลทำให้ผู้ฝึก ผู้ป่วยมีความรู้สึกเหมือนกับว่านอนหลับไม่อิ่ม หรือหลับไม่สนิทซึ่งมีสาเหตุเนื่องมาจากพลังกระแสลมปราณจากสฟิงซ์จะให้พลังรักษาตลอดเวลาทำให้เซลล์ในร่างกายได้รับการกระตุ้นและฟื้นฟูตลอดระยะเวลาที่นั่ง-นอนอยู่ภายในรัศมีของสฟิงซ์[/FONT][FONT=&quot] 2 [/FONT][FONT=&quot]ตัว (องค์)ซึ่งถ้าผู้ฝึก ผู้ป่วยสังเกตตนเองจะพบว่าถึงแม้จะรู้สึกว่านอนหลับไม่ลึกหลับไม่สนิท แต่จะไม่รู้สึกเพลีย[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]b)[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]โดยหลักธรรมชาติเมื่อเซลล์ได้รับการกระตุ้นฟื้นฟูอยู่ตลอดเวลาจะช่วยเพิ่มความเป็นหนุ่มสาวให้แก่ร่างกาย[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]c)[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เมื่อใดก็ตามที่ร่างกายดูดซับพลังกระแสลมปราณจากสฟิงซ์ไว้อย่างเพียงพอแล้วกระแสลมปราณจะถูกตัดโดยอัตโนมัติ[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]
7. [/FONT][FONT=&quot]สำหรับผู้ฝึกบางท่านเมื่อได้รับพลังกระแสลมปราณเข้าสู่ร่างกายอย่างพอเพียงและรู้สึกว่าร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงดีแล้ว ให้ผู้ฝึก เปลี่ยนทิศของการนั่งโดยนั่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออกและปรับสฟิงซ์ให้หันหน้าตามไปทางทิศตะวันออกด้วยเช่นกันเพื่อเป็นการปรับสมดุลของพลังงานภายในร่างกาย[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]8. [/FONT][FONT=&quot]ผู้ฝึก ผู้ป่วย สามารถวางสฟิงซ์โดยหันหน้าไปทางทิศตะวันออกทั้ง[/FONT][FONT=&quot] 2 [/FONT][FONT=&quot]ตัว[/FONT][FONT=&quot] ([/FONT][FONT=&quot]องค์) เพื่อให้ได้ประโยชน์ ตามรายละเอียดในข้อ[/FONT][FONT=&quot] 6 [/FONT][FONT=&quot]นั้นแต่จะมีสิ่งที่แตกต่างกันบ้าง คือจำนวนของพลังกระแสลมปราณที่ได้รับจากสฟิงซ์ที่จัดวางให้หันหน้าไปทางทิศตะวันออกจะมีน้อยกว่า จึงทำให้หลับลึก หลับสนิทเพราะเซลล์ในร่างกายได้รับการกระตุ้นที่น้อยกว่าด้วยเช่นกัน[/FONT][FONT=&quot] ([/FONT][FONT=&quot]ฉะนั้นการวางสฟิงซ์วิธีนี้ อาจจะไม่เหมาะกับผู้ป่วยหนักที่ต้องการพลังของการรักษามากกว่า)[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]การใช้สฟิงซ์ [/FONT][FONT=&quot]1 [/FONT][FONT=&quot]ตัว (องค์) ร่วมกับพลังจิต[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]การจัดวาง[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ผู้ฝึก ผู้ป่วยนั่งหันหน้าไปทางทิศตะวันตก และสฟิงซ์วางไว้ด้านหน้าของผู้ฝึกผู้ป่วยและหันใบหน้าไปทางทิศตะวันตกด้วยเช่นกัน[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]วิธีปฏิบัติ[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]1. [/FONT][FONT=&quot]ให้ผู้ฝึก ผู้ป่วยนึกไปถึงใบหน้าของสฟิงซ์เพื่อนึกดึงพลังกระแสลมปราณจากสฟิงซ์เข้าสู่ร่างกาย[/FONT][FONT=&quot]
2. [/FONT][FONT=&quot]นึกให้พลังกระแสลมปราณทำการรักษาส่วนที่บกพร่องโดยการถูขึ้น-ถูลงเหมือนกับการถูของเส้นแสง หรือนึกให้พลังกระแสลมปราณเข้าไปกระตุ้น กระทุ้งตามจุดลมปราณทั้ง[/FONT][FONT=&quot] 12 [/FONT][FONT=&quot]จุดทั่วร่างกาย[/FONT][FONT=&quot]
3. [/FONT][FONT=&quot]เมื่อทำการรักษาหรือสิ้นสุดการฝึกปฏิบัติในแต่ละครั้ง ผู้ฝึก ผู้ป่วยสามารถเลือกทำได้[/FONT][FONT=&quot] 2 [/FONT][FONT=&quot]วิธี[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]a)[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]จบการฝึกปฏิบัติในทิศตะวันตก[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]b)[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เปลี่ยนทิศของการนั่งโดยนั่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออกและปรับสฟิงซ์วางไว้ด้านหน้าผู้ฝึก และหันหน้าไปทางทิศตะวันออกด้วยเช่นกันเพื่อช่วยปรับสมดุลของพลังงาน และดูดระบายของเสีย[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]ข้อควรจำ[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]1. [/FONT][FONT=&quot]เมื่อใดก็ตามที่ใช้พลังจากสฟิงซ์ทั้ง[/FONT][FONT=&quot] 2 [/FONT][FONT=&quot]ตัว(องค์) นั่นหมายความว่า ผู้ฝึกผู้ป่วยได้รับพลังกระแสลมปราณช่วยในการสร้างภูมิต้านทานหรือรักษาร่างกายอย่างพอเพียง (จะใช้พลังจิตเข้าร่วมด้วยหรือไม่ ท่านสามารถเลือกเองได้)[/FONT][FONT=&quot]
2. [/FONT][FONT=&quot]ถ้าใช้สฟิงซ์[/FONT][FONT=&quot] 2 [/FONT][FONT=&quot]ตัว (องค์) จะต้องวางสฟิงซ์หันใบหน้าตามไปในทิศทางเดียวกันเช่น วางหันหน้าไปทางทิศตะวันตกทั้งคู่ หรือหันไปทางทิศตะวันออกทั้งคู่[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot]เป็นไงคะ เชื่อในสิ่งที่ทำ ทำในสิ่งที่เชื่อ และบางสิ่งบางอย่างที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]มันก็ไม่ได้แปลว่าสิ่งนั้นไม่มีจริง หรือเป็นไปไม่ได้เสมอไป[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เรื่องแบบนี้ไม่ลองก็ไม่รู้ ฉะนั้น[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ความรู้ดีๆมีไว้ให้อ่านแล้วนำไปพิจารณาและลงมือปฏิบัติจึงจะเห็น[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ผล.......................อาจ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]จะมีใครได้ไอเดียเก๋ๆไปริเริ่มทำธุรกิจแนวใหม่ที่ใช้พลังพีระมิดควบคู่ไป[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ด้วยก็ได้ และที่สำคัญหลายๆท่านที่เคยไปที่บ้านสวนพีระมิดแล้ว[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]คงจะทราบกันดีและคงจะรับรู้ได้ถึงพลังพีระมิด[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]รวมถึงพลังบางอย่างจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั้งปวงที่นั่นอีก[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot][/FONT]

KWANPAT · 19 ธันวาคม 2011

[FONT=&quot]ปฎิกริยาของมนุษย์ในสภาพ แวดล้อมของปิรามิด[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]-[/FONT][FONT=&quot]หลับได้สนิทภายใต้โครงสร้างรูปปิรามิด[/FONT][FONT=&quot]
-[/FONT][FONT=&quot]ให้ความรู้สึกทั่วไปเป็นบวก[/FONT][FONT=&quot]
-[/FONT][FONT=&quot]เมื่อหันถูกทิศทาง ระบบเลือดจะไหลเวียนได้ดีไม่อุดตัน (วางตามแนวแกนแม่เหล็กโลก)[/FONT][FONT=&quot]
-[/FONT][FONT=&quot]ถ้ามีอาการคลื่นไส้ วิงเวียนแสดงว่าร่างการจะขับสารพิษออกมาจากร่างกาย(ไม่ต้องกลัวครับ[/FONT][FONT=&quot]..)[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot]การสร้างปิรามิดด้วยตัวเอง[/FONT][FONT=&quot]([/FONT][FONT=&quot]ลองทำกันดูครับ..แล้วมาเล่าผลหรือประสบการณ์ให้ฟังกันบ้างนะครับ..)[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ที่ผ่านมาได้มีการสร้างปิรามิดจำลองหลายแบบ หลายขนาดโดยหลักๆก็คือต้องมีโครงสร้างที่ถูกต้อง (สัดส่วนและมุมที่ถูกต้องก็คือ[/FONT][FONT=&quot] 52.606 [/FONT][FONT=&quot]องศา) จะมีผนังหรือไม่มีผน้งก็ได้ บางคนสร้างครอบเตียงนอน หรือทำปิรามิดเล็กๆด้วยกระดาษสีส้มหรือแดงวางเรียงใว้ใต้เตียงเป็นแถวๆแบบอนุกรม ก็ได้ถ้ามีงบมากหน่อยก็สร้างเป็นบ้านเลยครับ..[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ลืมบอกไปครับ..ถ้าวัดมุมไม่ถูกก็ใช้สัดส่วนสามเหลี่ยมนี้ครับ[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]สมมุตว่าฐาน[/FONT][FONT=&quot] 12 [/FONT][FONT=&quot]นิ้วส่วนมุมลาดเอียงทั้งสองด้าน=[/FONT][FONT=&quot] 11.5 [/FONT][FONT=&quot]นิ้ว[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ถ้าต้องการฐาน[/FONT][FONT=&quot] 24 [/FONT][FONT=&quot]นิ้วเส้นลาดเอียงสองด้าน=[/FONT][FONT=&quot]23 [/FONT][FONT=&quot]นิ้ว[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]วาดบนวัสดุที่ต้องการแล้วตัดมาประกอบกันจะใกล้เคียงที่สุดครับ[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]การจัดแนวปิรามิด[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ตามความเชื่อของคนในยุคโบราณ ที่ว่าสวรรค์และความอมตะ จะอยู่ทางทิศเหนือ จึงใช้ดาวทิศเหนือ[/FONT][FONT=&quot] (Polaris) [/FONT][FONT=&quot]เป็นตำแหน่งที่ด้านหนึ่งของปิรามิดจะต้องหันไปทางด้านนี้ชึ่งกลายเป็นว่าพลังอำนาจแม่เหล็กโลกก็มีส่วนสำคัญไปด้วยในแนวเหนือ-ใต้นี้จากการทดลองที่ผ่านมา วัสดุที่ทำจากทองแดงจะดีที่สุดและจุดที่อยู่ในตำแหน่งความสูง[/FONT][FONT=&quot] 1[/FONT][FONT=&quot]ใน[/FONT][FONT=&quot]3 [/FONT][FONT=&quot]จากพื้นจะให้พลังงานที่เข้มข้นที่สุด[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]พลังอำนาจ ของรูปทรงเรขาคณิต[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]จั่วสามเหลี่ยมของโบสถ์[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]มีพลังอำนาจในการเหนี่ยวรั้งพลังงานลงมาที่ฐาน[/FONT][FONT=&quot]

[/FONT][FONT=&quot]ทรงกลม (ลูกนิมิตร)[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]เกิดจากสามเหลี่ยมหลายๆรูปมาอยู่ด้วยกัน[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ช่วยกันเหนี่ยวรั้งพลังงานเข้าหาศูนย์กลางเสมอ[/FONT][FONT=&quot]

[/FONT][FONT=&quot]ฐานโบสถ์สี่เหลี่ยม[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ก็มีอำนาจในการถ่ายเทพลังเข้าหาศูนย์กลางเช่นกัน[/FONT][FONT=&quot]

[/FONT][FONT=&quot]ทำไมรูปทรงปิรามิดจึงมีพลังอำนาจ[/FONT][FONT=&quot]?[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]"[/FONT][FONT=&quot]สี่เหลี่ยม" เมื่อเราเอามือดึงจุดตรงกลางขึ้น จะเป็นรูปทรง"สามเหลี่ยม"[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ปิรามิดก็เป็นรูปทรงสามเหลี่ยม[/FONT][FONT=&quot] 4 [/FONT][FONT=&quot]ด้านประกอบเข้าด้วยกัน มีมุมถึง[/FONT][FONT=&quot] 12[/FONT][FONT=&quot]มุม[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]เลขฐาน[/FONT][FONT=&quot] 12 [/FONT][FONT=&quot]ถือเป็นเลขที่มีพลังสูงสุดในจักรวาล[/FONT][FONT=&quot]
([/FONT][FONT=&quot]ตรงนี้เป็นเหตุที่พวกชาตานใช้เลข[/FONT][FONT=&quot] 13 [/FONT][FONT=&quot]เพื่อให้ดูว่ามีพลังเหนือกว่าพระเจ้า)[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ดูซิครับการวางตำแหน่งปิรามิดยังสอดคล้องกับกลุ่มดาวไถ หรือเข็มขัดนายพราน ([/FONT][FONT=&quot]Orion belt) [/FONT][FONT=&quot]อีกด้วย และเมื่อมองผ่านช่องเล็กๆจากห้องเก็บพระศพฟาโรห์ยังเล็งตรงไปที่กลุ่มดาวไถเลยครับ..[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]สัญลักษณ์รูปธรรมของจิตวิญญาณมนุษย์ ปกติจะมี[/FONT][FONT=&quot] 6 [/FONT][FONT=&quot]เหลี่ยมมุม[/FONT][FONT=&quot]
([/FONT][FONT=&quot]สามเหลี่ยมสองรูปซ้อนกัน)[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]หมายถึงจิตวิณญาณของเราที่แบ่งภาคออกมาตอนที่ก่อกำเนิดขึ้นมาใหม่ๆ[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]เหลี่ยมมุมที่มีอยู่ หมายถึงเส้นแสงที่เคลี่อนไหลไปมาอยู่ในรูปธรรม[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]และหมุนติ้วด้วยความเร็วที่สูงเท่ากับความเร็วแสง[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]เมื่อเราฝึกฝนจิตเจริญวิปัสนากรรมฐาน ละวางตัวตนได้ เหลี่ยมมุมจะเพิ่มขึ้น หมายถึงความฉลาดและปัญญาเพิ่มขึ้น จาก หกเป็นเจ็ด[/FONT][FONT=&quot],[/FONT][FONT=&quot]แปด[/FONT][FONT=&quot],[/FONT][FONT=&quot]เก้า เหลี่ยมมุม[/FONT][FONT=&quot]

[/FONT][FONT=&quot]สภาวะสุญญตา[/FONT][FONT=&quot] 12 [/FONT][FONT=&quot]เหลี่ยมมุม[/FONT][FONT=&quot]
([/FONT][FONT=&quot]สามเหลี่ยม[/FONT][FONT=&quot] 4 [/FONT][FONT=&quot]รูปซ้อนกัน)[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]ในที่สุดเมื่อเราละวางสภาวะของความเป็นมนุษย์ออกไปได้โดยสิ้นเชิง ไม่มีแม้แต่กายละเอียดหรือกายทิพย์หลงเหลือ เป็นรูปธรรมที่มีแต่ความบริสุทธิ์ล้วนๆเข้าไปรวมกับตัวตนภาคแรก(ของจิตเดิมแท้) ของตัวเราแต่เดิมได้เหลี่ยมมุมจะเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง[/FONT][FONT=&quot]11 [/FONT][FONT=&quot]หรือ[/FONT][FONT=&quot] 12 [/FONT][FONT=&quot]เหลี่ยมมุมได้นั่นคือสภาวะสุญญตาหรือสภาวะจิตนิพพาน หรือเรียกว่าหลอม[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]รวมกับพระแม่แห่งองค์ธรรมชาติได้แต่ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความคิดรู้เป็นของ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ตัวเอง ในทุกสิ่งทุกอย่างได้ ดังเช่นพระพุทธเจ้าของเราหลายๆพระองค์นั่นเอง[/FONT][FONT=&quot]

[/FONT][FONT=&quot]คุณสมบัติของพลังแห่งสูญญตา[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]เล็กละเอียดมากประกอบไปด้วยมวลอนุภาคคลื่นความถี่ทุกๆคลื่นความถี่ในสากลจักรวาล[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]เช่น[/FONT][FONT=&quot]7[/FONT][FONT=&quot]สีในแถบสเปตตรัม เมื่ออยู่ด้วยกันรวมกันจะเป็นแสงขาว[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]เป็นความมี ที่ไม่มีเป็นความว่าง[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]สั่นสะเทือนสูงสุดและต่อเนื่อง จนดูเหมือน ไม่สั่นสะเทือน[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]สั่นสะเทือนเพื่อการดำรงอยู่[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]สั่นสะเทือนเพื่อการเปลี่ยนแปลง[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]สั่นสะเทือนเพื่อการเสื่อมสลาย[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]สั่นสะเทือนเพื่อการสร้างใหม่[/FONT][FONT=&quot]
[/FONT][FONT=&quot]และสั่นสะเทือนในทุกๆมิติ[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]

[/FONT]

KWANPAT · 19 ธันวาคม 2011

มนุษยต่างดาวเตือนภัยพิบัติ

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=phQ_QGbFzfU"]woody1[/ame]

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=FmCGVvz277M"]woody2[/ame]

Wonder Girls · 19 ธันวาคม 2011

กระทู้ไม่มีอะไรน่าสนใจซักนิด เจ้าของกระทู้พยายามจะดันจริงจริ๊ง ไม่มีคนดัน เลยดันเองเลย สงสัยกลัวคนจะลืม

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

สิ่งศักดิ์สิทธิ์และภัยพิบัติเมื่อท่านมาเตือน

KWANPAT เป็นที่รู้จักกันดี

KWANPAT เป็นที่รู้จักกันดี

KWANPAT เป็นที่รู้จักกันดี

KWANPAT เป็นที่รู้จักกันดี

KWANPAT เป็นที่รู้จักกันดี

KWANPAT เป็นที่รู้จักกันดี

KWANPAT เป็นที่รู้จักกันดี

KWANPAT เป็นที่รู้จักกันดี

KWANPAT เป็นที่รู้จักกันดี

Wonder Girls สมาชิก

แชร์หน้านี้

แชร์หน้านี้

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

สิ่งศักดิ์สิทธิ์และภัยพิบัติเมื่อท่านมาเตือน

แชร์หน้านี้

การค้นหาที่มีประโยชน์

ติดต่อเรา