หลวงปู่นาม วัดน้อยชมภู่ (ร่วมโชว์วัตถุมงคล ร่วมเล่าประสบการณ์ครับ)

คุณพี่เสือ<!-- google_ad_section_end --> : ผู้จัดสร้าง พระสมเด็จหลังรูปเหมือน(แช่น้ำมนต์ทั้งไตรมาส53)ได้จัดทำปฎิทินปี2554 แล้วนำเข้าปลุกเสกพร้อม เหรียญสตางค์ โดยยกให้วัดทั้งหมด มีให้เช่าบูชา แผ่นละ 20บาท(ที่วัด)

จากภาพในปฎิทิน จะเห็นหลวงปู่ ท่านทำน้ำมนต์ เพื่อแช่พระสมเด็จรุ่นนี้ และจากภาพ จะเห็นแสงที่พวยพุ่ง ขึ้นจากอ่างน้ำมนต์ ดังนั้นสมเด็จรุ่นแช่น้ำมนต์ นี้น่าบูชามากครับ
จำนวนสร้างคือ เนื้อทองเหลือง 2,000องค์ เนื้อเงิน 11 องค์ ตอกหมายเลข 1-10
สำหรับหมายเลย1 ผู้สร้างถวายหลวงปู่ไว้(ทราบว่าหลวงปู่ แจกลูกศิษย์ ใกล้ชิดไปแล้ว)
อีก2องค์ให้กรรมการวัด2ท่าน และอีก2องค์ อยู่ ที่พี่ศรีอุทุมพร ส่วน1องค์ อยู่นี่ครับ
ได้หมายเลข6 ครับและ4องค์ อยู่ที่ผู้จัดสร้าง ส่วนองค์ที่11 เป็นองค์พิเศษมีเนื้อเกินไม่ได้ตัดข้างแต่ง ปั้มหมายเลขพิเศษ999999999และหลวงปู่เมตตา จารให้เป็นพิเศษ โดยจารทั้ง2ด้านเลยครับ เชิญชมครับ

 

คุณพี่เสือ<!-- google_ad_section_end --> : สาเหตุที่เนิ้อเงินทำไมดูใหม่(ทั้งๆที่แช่น้ำมนต์ทั้งไตรมาส)เพราะเฉพาะเนื้อเงิน ตอนนำลงแช่ในอ่างน้ำมนต์ เอาใส่ถุงซิบไว้ และเผยอปากถุงนิดหน่อย ให้พอโดนน้ำมนต์บ้าง แต่ไม่ได้โดนเต็มๆเหมือนเนื้อทองเหลืองครับ จึงไม่มีคราบน้ำมนต์เหมือนเนื้อทองเหลือง

 

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ตานา<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4136614", true); </SCRIPT> : พระสมเด็จหลวงปู่นามสวยมากครับพี่เสือ<!-- google_ad_section_end -->
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->คุณพี่เสือ<!-- google_ad_section_end --> : ผมจะพยายามนำพระที่หลวงปู่สร้างมาลง ให้ครบทุกรุ่นนะครับ โดยเฉพาะรุ่นที่วัดน้อยชมภู่สร้างนะครับ
ขอขอบคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมชมครับ<!-- google_ad_section_end -->
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->daroon<!-- google_ad_section_end --> : ล็อกเก็ตสร้างเยอะเหมือนกันแต่ตอนพอทราบว่าที่วัดหมดแล้วนี่ก็สุดยอดมากเลยครับผม อีกรุ่นที่น่าเก็บผมว่าเหรียญสตางค์ลงยา ถือว่าสร้างน้อยมากนะครับผม ตอนนี้ยังไม่แรงมากเท่าไหร่ แล้วก็ที่ผมชอบอีกรุ่นก็พระเบญจภาคีเนื้อกระเบื้องเคลือบอุดผง และเกศาครับผม แบ่งจากพี่ใจดีมาครับ สวยงามมากเลยครับ ชอบมาก<!-- google_ad_section_end -->
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->THANIT LINE<!-- google_ad_section_end --> : สวัดดีครับพี่เสือ ล็อกเก็ต ของหลวงปู่ สวยมากครับ กระแสแรงจริงครับ ที่ไหนๆก็จองเต็มครับ ในวัดออกวันเดียวหมดเลย<!-- google_ad_section_end -->
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ura<!-- google_ad_section_end --> : ช่วยเล่าประสบการณ์วัตถุมงคลหลวงปู่นามให้ฟังหน่อยครับผมก็มีของท่านอยู่1องค์<!-- google_ad_section_end -->

 

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->คุณพี่เสือ<!-- google_ad_section_end --> : วัตถุมงคลที่ผมจะแนะนำสำหรับผู้ที่จะสะสมพระเครื่องของหลวงปู่ 2เหรียญแรกที่จะแนะนำ ให้ทราบคือ
1.พระงบน้ำอ้อย
2.เหรียญหลวงปู่เหมือน(อาจารย์หลวงปู่)

 

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->คุณพี่เสือ<!-- google_ad_section_end --> : พระครูสุวรรณศาสนคุณ" พระเกจิอาจารย์ที่เรืองวิทยาคมแห่งเมืองสุพรรณบุรี มีพลังจิตสูงเข้มขลังมากๆ วิทยาคมแก่กล้า ชาวบ้านต่างเรียกขานนามท่านว่า "หลวงปู่ผู้เฒ่า" หรือหลวงปู่นาม หรือพระอุปัชฌาย์นาม

ปัจจุบัน พระครูสุวรรณศาสนคุณ สิริอายุ 88 พรรษา 67 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดน้อยชมพู่ ต.บ้านกร่าง อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี

อัตโนประวัติ พระครูสุวรรณศาสนคุณ มีนามเดิมว่า นาม ไม่ทราบนามสกุล เกิดเมื่อปี พ.ศ.2464 เป็นชาวเมืองสุพรรณบุรีโดยกำเนิด สำหรับประวัติชื่อโยมบิดา-มารดา และประวัติในวัยเด็ก ไม่สามารถสืบค้นได้ แม้กระทั่งตัวหลวงปู่เองก็จำเหตุการณ์ในช่วงวัยเด็กไม่ค่อยได้

ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบท เมื่ออายุ 21 ปี ณ พัทธสีมาวัดบ้านกร่าง โดยมีพระเมธีธรรมสาร (ไสว) วัดบ้านกร่าง เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระปลัดทวี (หลานหลวงพ่อมุ้ย) เป็นพระกรรมวาจาจารย์

ภายหลังอุปสมบทแล้ว ได้จำพรรษาศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย และได้ขอฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิทยาคมกับพระเมธีธรรมสาร (ไสว) วัดบ้านกร่าง พระอุปัชฌาย์ของท่าน ควบคู่กับการศึกษามูลกัจจายน์ บาลี อักษรขอม ไทยน้อย อักษรลาว ทำให้ท่านมีความรู้ทางด้านอักขระโบราณอีกแขนงหนึ่ง

ในพรรษาที่ 4 ท่านได้ย้ายมาอยู่จำพรรษาที่วัดน้อยชมภู่ (เป็นวัด 2 วัดมารวมกัน วัดเก่ามาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา คือ วัดน้อยกับวัดชมพู่ภู่ รวมกันเรียกว่า วัดน้อยชมภู่) วัดนี้มีพระเกจิชื่อดังมาแต่เดิม ทำน้ำพระพุทธมนต์ให้เจ้านายสมัยก่อน

ท่านได้มาอยู่กับหลวงปู่ขำ เจ้าอาวาสวัดน้อยชมภู่ หลวงปู่ขำ เป็นศิษย์ในสายหลวงพ่อเฒ่า วัดค้างคาว กับหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา ต่อมา ท่านได้ไปอยู่กับหลวงปู่เหมือน ผู้เป็นศิษย์หลวงพ่อเนียม แห่งวัดน้อย และหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว

หลวงปู่เหมือน เป็นพระอภิญญา ท่านได้สั่งสอนถ่ายทอดสรรพวิชาให้ท่านมากมาย กล่าวกันว่า หลวงปู่เหมือน สามารถเสกตัวต่อให้เต็มวัด เพื่อไล่ขโมย หรือเสกข้าวให้ออกรวงทั่ววัด เพื่อเลี้ยงพระทั้งวัดก็ได้ เสกใบมะขามเป็นฝูงผึ้งไล่ลิง ที่เข้ามาทำลายข้าวของในวัด

ดังนั้น หลวงปู่นาม จึงได้วิชาในสายหลวงปู่เหมือนมาอย่างเอกอุ พุทธาคมนี้หลวงปู่นามไม่เป็นสองรองใคร แต่ท่านไม่พูด ท่านเงียบเฉยเหมือนหลวงตาเฝ้าวัด แม้แต่หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ พระเกจิชื่อดังแห่งเมืองสุพรรณอีกรูปหนึ่ง ยังมีความสนิทสนมถูกอัธยาศัยกับหลวงปู่นาม ส่วนหลวงปู่นามยังเคยไปอยู่จำพรรษาที่วัดหลวงพ่อมุ่ย หลายครั้ง

ตอนที่หลวงพ่อฉาบ วัดคลองจันทร์ ยังมีชีวิตอยู่ คนมาขอพระเครื่อง ท่านยังบอกว่า "ที่สุพรรณ หมดหลวงพ่อมุ่ย ต้องไปหาพระอาจารย์นาม วัดน้อยฯ เขาเก็บไว้หมด"

ในสมัยหนุ่ม หลวงปู่นามไปเรียนพระปริยัติธรรมที่วัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพฯ ได้ทั้งความรู้ ได้ทั้งสรรพวิชาต่อยอดในสายสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ท่านยังเป็นสหธรรมิกกับท่านเจ้าคุณผัน และท่านเจ้าคุณเที่ยง (เจ้าอาวาสวัดระฆังฯ รูปปัจจุบัน) ท่านเจ้าคุณทั้งสองยังเรียกขานหลวงปู่นามว่า "หลวงพี่"

หลวงปู่นาม ปลุกเสกพระเครื่อง เพื่อแจกลูกศิษย์ แต่ไม่ได้จัดพิธีใหญ่โต คนที่ได้รับไป ล้วนมีประสบการณ์ทุกคน หลวงปู่นาม เคยปรารภความหลังในกุฏิว่า "สมัยฉันหนุ่มๆ นะ เสกพระงบน้ำอ้อยไว้ ไม่แน่ใจนะ ก็เอาใส่รถไปให้หลวงพ่อจวน วัดไก่เตี้ย ท่านเสกให้ พอเปิดกล่อง ท่านก็บอกว่า ผมเสกไม่เข้าแล้ว ท่านเสกจนจะบินแล้วนี้"

"ฉันก็ยังไม่แน่ใจ เอาอีก เอาไปให้หลวงพ่อดี วัดพระรูป ท่านเสก ท่านหยิบเท่านั้นแหละ ท่านกำพระไว้ ยกมือจบยกขึ้นเหนือหัวท่านเลย หาว่าเรามาล้อท่านเล่น ท่านว่า เสกจนหมุนได้แล้วนี่จะให้ผมทำอะไรอีก"

มีลูกศิษย์ที่ฉันแจกพระไป เอาไปให้อาจารย์ปรง วัดธรรมเจดีย์ดู ท่านบอกว่า นี้นะหลวงพ่อเนียมสอง มาเล่าให้ฉันฟัง ฉันยกมือสาธุขอขมาครูบาอาจารย์กราบท่านว่าขอบารมีคุ้มหัว ไม่เอาไปเปรียบกับครูใหญ่อย่างนั้น บาปกรรมเปล่าๆ

ในด้านถาวรวัตถุ ท่านสร้างอุโบสถไว้หลายหลัง สร้างวิหาร กุฏิสงฆ์ ปรับภูมิทัศน์บริเวณวัดน้อยชมภู่ ให้เหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรม และแจกทุนการศึกษา ส่งพระภิกษุ-สามเณรมาเรียนกรุงเทพฯ ทุกปี

หลวงปู่นาม หรือ พระครูสุวรรณศาสนคุณ เป็นยอดพระเกจิที่ชาวเมืองสุพรรณบุรี ให้ความเลื่อมใสศรัทธา ท่านเป็นคนเงียบ ไม่พูด ไม่คุย แต่ชาวเมืองสุพรรณทราบดีว่า พระรูปนี้เป็นยอดพระเกจิที่เข้มขลังขนานแท้ ท่านสืบพุทธคุณสายลุ่มแม่น้ำท่าจีนและสายสุพรรณมาอย่างครบถ้วน.



...เหรียญดีที่ขอแนะนำ เหรียญหลวงปู่เหมือน วัดน้อยชมภู่ ท่านเป็นพระอาจารย์ของหลวงปู่นามท่าน เหรียญรุ่นนี้ไม่ทันหลวงปู่เหมือนนะครับ แต่หลวงปู่นามท่านเสกขั้นเทพให้ครับ สุดยอดมากๆครับขอบอก

 

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->คุณพี่เสือ<!-- google_ad_section_end --> : หลวงปู่นาม มักจะพูดกับศิษย์ใกล้ชิดและพระ เณรว่า อาจารย์ท่านหลวงปู่เหมือน เก่งมากๆโดยเฉพาะ วิชาอาคมของท่าน เหรียญหลวงปู่เหมือนนี้ เคยมีคนใช้แล้ว แม้แต่ปืน ยังยิงไม่ออกเลยครับ ขอบอก ส่วนงบน้ำอ้อยนั้น ไม่ต้องพูดถึง ประสพการณ์มากมาย มีคนโทรศัพท์มาเล่าถึงเหตุการณ์ที่ประสพ พบเจอมากมาย(จากคำบอกเล่าของกรรมการในวัด รวมถึง พระเณร ในวัดน้อยชมภู่)<!-- google_ad_section_end -->

 

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->คุณพี่เสือ<!-- google_ad_section_end --> : นี่คือความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ(ไม่จำเป็นต้องเชื่อนะครับโปรดใช้วิจารณญาณด้วยครับ) ผมเห็นด้วยกับ ล๊อคเก็ตสุดยอดครับ(ปลุกเสกมานานมาก)ส่วนเหรียญสตางค์และผ้ายันต์5สี ผมไม่ได้เช่าบูชามาเลยแม้แต่ชิ้นเดียว(ปลุกเสกไม่กี่วันเองครับ)ส่วนพระเบญจภาคีเนื้อกระเบื้องเคลือบอุดผงและเกศาหลวงปู่สุดยอดครับ(เพราะเจตนาผู้สร้างดีครับ)เหลนหลวงปู่เป็นผู้จัดทำ ๆเพื่อแจกอย่างเดียวในงานวันทอดกฐิน(ไม่มีให้เช่าบูชาครับ)<!-- google_ad_section_end -->

 

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ura<!-- google_ad_section_end --> : สุดยอดครับ เพื่อนๆผมมักกล่าวหาหลวงปู่ว่าเป็นพระดันจากเศียรสุพรรณและไม่เก่งจริงครับ แต่เมื่อได้รับข้อมูลจากพี่เสือยอมรับเลยว่าท่านไม่ธรรมดา อยากรู้พี่เสือแขวนพระอะไรของหลวงปู่อยู่ครับ และมีประสบการณ์ด้านไหนบ้างครับ ส่วนองค์ที่เอามาอวดเป็นรูปหล่อรุ่น1ของหลวงปู่ครับ<!-- google_ad_section_end -->
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->คุณพี่เสือ<!-- google_ad_section_end --> : ผมสะสมพระของหลวงปู่เกือบครบทุกรุ่นครับ ผมขอยืนยันว่าหลวงปู่นามเป็นของจริงครับหลังจากล็อคเก็ตออกและเหลือพระปิดตาอีก1รุ่นซึ่งคาดว่าจะออกปีหน้า หลวงปู่จะหยุดออกวัตถุมงคลระยะหนึ่ง ท่านบอกว่าท่านได้เงินเพียงพอที่จะสร้างวัดแล้ว(ต่อไปท่านอาจจะสร้างพระไว้แจกญาติโยม ที่ไปทำบุญที่วัดอย่างเดียวหรือไม่ก็ออกวัตถุมงคลปีละรุ่น โดยวัดสร้างเองทำเองจำหน่ายเองซึ่งยังไม่เป็นที่ตกลงกันของกรรมการวัดและหลวงปู่)ส่วนรูปหล่อรุ่น1 ราคาขึ้นเรื่อยๆ หายากขึ้นเรื่อยๆมีแต่คนเก็บครับ และขอให้ติดตามเรื่อยๆนะครับ ผมจะพยายามนำเรื่องวัตถุมงคลของท่านมาลงให้ครบทุกรุ่นครับ
ขอบคุณครับ<!-- google_ad_section_end -->

 

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->คุณพี่เสือ<!-- google_ad_section_end --> : นี่คือตัวอย่างพระปิดตามหาลาภ ที่ยังเหลือ อีก1รุ่น ไม่แน่ใจว่าหลวงปู่จะออกให้เช่าบูชาได้เมื่อไร แต่ที่แน่ๆ ท่านปลุกเสกมานานแล้วครับ

 

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ผู้นอบน้อมสุดใจ<!-- google_ad_section_end --> : ใครมีประสบการณ์บ้างแล้วครับ??<!-- google_ad_section_end -->
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ซักวันจะคิดออก<!-- google_ad_section_end --> : มีใครเคยเห็น พระประทานพร ของหลวงปู่บ้างครับ

น่าจะเป็นเนื้อดินเผา มั้งครับ องค์เล็กๆ ประมาณ สมเด็จคะแนน<!-- google_ad_section_end -->

 

ปฏิบัติการกูักระทู้เก่าภาค 2
ตอน ธงเรียกคน(ธงพุทธคุณ9ห้อง)หลวงปู่นาม วัดน้อยชมภู่ โดยคุณพี่เสือ<!-- google_ad_section_end -->

<HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>ตอนที่เสกวันเสาร์ ๕ หลวงปู่นามท่านลงธงปักที่ยอดฉัตร ๔ ต้น แต่ละผืน ท่านลงแต่วิชาแต่ละครู ที่ขลังและสำคัญมากไว้ มีคนอยากได้มาก เพราะมีคนนั่งทางในเห็นยอดธงทั้ง ๔ ส่องแสงสว่างเป็นสีทองประกายพรึก ครูหนึ่งที่หลวงปู่ท่านลง คือ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค มีคนอยากได้มากเป็นพิเศษ และ เหมาะกับ ฤกษ์ยามตอนนี้พอดี หลวงปู่ท่านให้ กรรมการวัดไปสร้างธงขึ้น โดยหลวงปู่ท่านลงยันต์ต้นแบบด้วยดินสอให้ เป็นธงสามชาย เย็บขอบสีแดง ธงนี้ หลวงปู่ท่านเรียกว่า “ธงเรียกคน” หรือ ชื่อที่ตั้งไว้ที่เป็นทางการว่า “ธงพุทธคุณ ๙ ห้อง ”ธงนี้ ถ้าคนเก่าคนแก่อาจจะเคยเห็น ว่าเคยปรากฏที่ไหน ถ้าท่านจำได้ หลวงพ่อปานวัดบางนมโค ท่านสร้างรูป ท่านลงยันต์ไว้ ๒ ยันต์ ยันต์ ๑ หนึ่งอยู่ด้านขวา คือยันต์ เกาะเพชร ที่ดีทางป้องกันภัย กันกระทำ กันคุณ กันของ ส่วน ยันต์ด้าน ซ้าย ไม่ค่อยมีคนรู้จัก และไม่มีใครพูดถึงเลย นั้นคือยันต์ “พุทธคุณ ๙ ห้อง” ที่ดีทางการเงิน โชคลาภ ทำมาค้าขาย ทำมาหากิน เรียกคนได้ มีเรื่องเล่าว่าหลวงพ่อปาน ท่านจัดงานที่วัดท่านทำธงแขวนไว้ เรียกคนมางานการกุศลของท่านได้มากมาย ถึงขนาดว่า หน้าวัดมีเรือจอดไกลเป็นกิโล ไม่เห็นพื้นน้ำเลย ถ้าเปรียบว่า หลวงพ่อฤษีลิงดำท่านได้สืบวิชายันต์เกาะเพชร ทำให้โด่งดัง แล้วละก็ หลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย ท่านก็สืบวิชา พุทธคุณ ๙ ห้องจากหลวงพ่อปานมาเช่นเดียวกัน (หลวงพ่อแต้ม ท่านมรณภาพปี พ.ศ. ๒๕๑๗) หลวงปู่นามท่านได้วิชานี้จากหลวงพ่อแต้มอีกที วิชานี้ ท่านว่าให้ทำธงไว้ที่ ยอดเสา หรือ หัวเรือ ลมพัดไปทางไหน ลาภสักการะจะไหลมาจากทางนั้น หัวเรือไปทิศใด จะได้ข้าวของเงินทองเต็มลำเรือ ผ้ายันต์ธงนี้ เป็นตำราเก่า ท่านให้ใช้อย่างศรัทธา จงประพฤติให้บริสุทธิ์อยู่ในศีลธรรม ห้ามลักทรัพย์ และ ห้ามเสพสุราเมรัย จะเห็นคุณวิเศษในไม่นาน สร้าง 5,199 ผืน มีหมายเลขกำกับทุกผืน (ขนาด ความกว้าง 27 นิ้ว ยาว 10 นิ้ว)<O></O>

ได้เคยสอบถามจากกรรมการวัด และเล่าให้ฟังว่า ตอนนี้ที่วัดเหลืออยู่ เพียงผืนเดียวที่ตั้งอยู่บนหลังตู้(ตู้วัตถุมงคลของวัด) เมื่อวันเกิดหลวงปู่ที่ผ่านมากรรมการวัดนำธงเรียกคนไปผูกเรียงรายเป็นทิวแถว ปรากฎว่า หลังงาน หลวงปู่หายเรียบ(เหลือเพียงผืนเดียว ที่วัด)มีเจ้าของตลาดรายหนึ่ง ที่เป็นลูกศิษย์หลวงปู่เช่าบูชา ไปแจก แม่ค้าที่เช่าแผงของเธอ(ถ้าแม่ค้าขายไม่ดีค่าเช่าแผงลอยของเธอก็เก็บลำบาก) ปรากฎว่า แม่ค้าในตลาดของเขาขายได้กันทุกแผงมีกำรี้กำไร กันถ้วนหน้า ทั้งๆที่เธอบอกว่าบางทำเลดูแล้วไม่น่าจะได้ขาย(เจ้าของตลาดยังพูดเองเลย) ยังขายได้ขายดีไปด้วย และผมบังเอิญได้รับประสพการณ์ตรงด้วย เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อ2เดือนที่แล้วผมรู้จักคนเลี่ยมพระอยู่คนหนึ่ง(ก็คือคนที่ผมเลี่ยมอยู่ประจำ) บ่นกับผมว่าตั้งแต่หมด องค์พ่อ จตุคาม ตลาดเลี่ยมพระเงียบมาก บอกว่าให้ผมช่วยหางานให้ทีจะเป็นงาน แบบไหนก็ได้ กรรมกรแบกหาม เอาหมด(เหมือนกับว่าสิ้นหวังหมดทุกอย่าง)ผมก็ได้แต่ปลอบใจเขาว่าใจเย็นๆ ค่อยๆคิด ค่อยๆทำเขาบ่นต่อทุกวันนี้ ต้องอดมื้อกินมื้อ หาไม่พอกิน คงต้องเลิกเลี่ยมพระ หาอาชีพอื่นแทนแล้ว ผมเลย ให้ธงเรียกคนเขาไป 1 ผืน (ในใจคิด ยังไงก็เป็นกำลังใจ ให้เขาสู้ต่อ)เชื่อมัยครับ ถึงวันนี้ งานเลี่ยมพระเขาเข้ามา มากมาย มีลูกค้ารายใหญ่ไม่รู้มาจากไหน(หาพระ ส่ง มาเลเซียและสิงค์โปร์)มาเป็นลูกค้าประจำของเขาและลูกค้าขาจร เข้ามาไม่ขาดสาย จนผมต้องบ่นกับเขาว่า ไม่น่า ให้ธงหลวงปู่นาม ไปเลยงานเยอะขึ้น ตอนนี้ไม่ค่อยมีเวลาเลี่ยมพระให้ผมแล้ว(แต่ในใจผมก็ดีใจกับเขาและรู้สึกว่า ผมก็มีส่วนช่วยเขาเหมือนกัน)และยังมีประสพการณ์อีกมากมาย ที่ผู้คนมายมาก ได้นำไปใช้ แล้วกลับมาเล่าถึงประสพการณ์ให้ทางวัดรับทราบ ส่วนใหญ่จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าตั้งแต่ได้ธงของหลวงปู่นาม ไปใช้ การค้าดีขึ้น ลูกค้าเข้ามา มากขึ้นๆสรุปเด่นทางเรื่อง ค้าขายครับจบข่าวครับอ้อมีเพิ่มเติมอีกนิดครับ ทางวัดบอกว่า เวลาใช้ ธงเรียกคน อย่าเอาชายธงทิ่มหัวลงดินครับ<O></O><!-- google_ad_section_end -->

 

ปฏิบัติการกูักระทู้เก่าภาค 3
ตอน ประสบการณ์ตรง โดยคุณ incubus666

<!-- google_ad_section_end -->ของผมก็ประสบการณืตรงครับแต่ผมขอบอกไว้ก่อนว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะครับ
ผมเล่าให้ฟังไม่ต้องเชื่อผมก็ได้เมื่อประมาณสามเดือนก่อนบ้านผมเป็นหวัดสองพันเก้ากันหมดทั้งบ้านเริ่มจากพี่สาวผมและก็มาหลานผมอีกสองคนและก็มาแม่ผมส่วนผมไปเยี่ยมหลานที่ร.พ.กลับมาก็เป็นไข้พอรุ่งขึ้นก็ไข้ขึ้นสูงพอกินยาไข้ลงแป๊บเดียวก็ขึ้นอีกผมก็ทนอีกวันคราวนี้ไข้สูงมากคอเจ็บไปหาอนามัยเขาบอกให้รีบไปเจาะเลือดผมก็ยังไม่ไปเพราะตรวจหาเชื้อนี่ใช้ค่าใช้จ่ายเยอะพอตกกลางคืืนผมไข้ขึ้นจนตัวผมสั่นมือสั่นผมจะช็อคอยู่แล้วเพื่อนผมเลยจะพาไปร.พ.ผมกำลังจะไปแต่พอหันไปเห็นรูปหลวงปู่ที่บูชาอยู่ก็เลยลองเอาน้ำมาแก้วใหญ่แก้วนึงผมก็จุดธูปแล้วผมก็ถือสมเด็จปรกโพธ์หลวงปู่แล้วอธิฐานถึงหลวงปู่ให้ช่วยผมด้วยผมไม่ไหวแล้วเงินก็ไม่มีพอเสร็จธูปยังไม่หมดดอกเลยครับผมก็กินน้ำพอน้ำหมดแก้ว
อึกสุดท้ายลงคอเชื่อมั๊ยครับเหงื่อผมแตกท่วมคอท่วมหัวไปหมดมันออกมาเหมือนทะลักออกมาเลยครับแต่มันออกที่คอที่หน้าที่หัวเท่านันนะครับตามตัวนี่ไม่ออกเลยพอออกมาซักพัก
ก็หยุดเชื่อมั๊ยครับไข้ผมหายไปเลยตัวไม่ร้อนรู้สึกสบายตัวเลยครับเพื่อนผมยังงงผมหายเลยเหลือแต่เจ็บคอนิดหน่อยแต่ไข้นี่หายเลยครับหลังจากนั้นเพื่อนผมกลับบ้านไปปรากฎว่ามันเป็นหวัดสองพันเก้าครับเพราะติดจากผม555หลวงปู่ท่านของจริงครับผมเจอมาหลายครั้งแล้วครับรถผมผมก็ให้ท่านเจิมครับท่านเมตตามากๆไม่เลือกคนจนคนรวยท่านช่วยหมดครับ
ผมขอเล่าเรื่องความเมตตาของท่านอีกสักเรื่องนะครับผมไปหาท่านครั้งแรกก็คือวันที่จะเอารถไปให้ท่านเจิมผมไม่เคยไปเลยครับพอไปถึงท่านจำวัดอยู่พี่ที่ตู้วัตถุมงคลบอกท่านพึ่งจำวัดคงอีกนานแต่ผมก็มีธุระต้องรีบไปหายายต่อที่สิงห์บุรีก็เลยจะกลับแต่ก็เช่าตระกรุดกับรูปถ่ายหลวงปู่มาด้วยพอจะกลับผมกับแฟนก็เลยก้มกราบลาท่านหน้ากุฎิในใจผมก็คิดว่าผมมากราบหลวงปู่แล้วนะครับแต่วันนี้คงไม่มีวาสนาได้พบไว้ผมจะมาใหม่พอผมจะลงจากศาลาพี่ที่ตู้ก็เรียกผมบอกหลวงปู่ตื่นแล้วหลวงปู่ให้เข้าพบได้เลยผมก็กราบท่านให้ท่านเสกวัตถุมงคลให้อีกรอบท่านเสกนานมากๆเสร็จแล้วผมก็บอกท่านว่าผมเพิ่งซื้อรถจะให้หลวงปู่เจิมให้ท่านยักหน้าแล้วท่านก็ลุกเดินลงไปเลยครับท่านเจิมให้นานมากๆพอเจิมเสร็จท่านเดินขึ้นกุฎิผมจะถวายปัจจัยให้ท่านๆว่าให้ไปใส่ตู้บริจาคให้วัดเถอะท่านไม่ต้องใช้นาทีนั้นผมศรัทธาท่านหมดหัวใจเลยครับแล้วแป้งที่ท่านเจิมที่ฝากระโปรงรถนี่ลุยฝนเป็นเดือนยังไม่หลุดเลยนะครับลองไปกราบท่านดูครับแล้วจะรู้ว่าหลวงปู่ท่านเป็นพระที่กราบได้สนิทใจจริงๆครับ<!-- google_ad_section_end -->

 

วันนี้ไปที่วัดมาครับ ได้กราบหลวงปู่ และท่านรดน้ำมนต์ให้

ลงชื่อจองเป็นเจ้าภาพกฐิน กองละ 5000 บาท หลวงพี่ที่ดูแลตู้วัตถุมงคลของวัด แจ้งว่า

จะมีพระบูชาขนาด3 นิ้ว และพระผงอีกจำนวนหนึ่ง ให้ครับ กองเล็กก็มี กองละ 2500 บาท ทอดกฐินในวันที่ 16 ตุลาคม 2554 ปัจจัยยังไม่ต้องจ่าย ลงชื่อไว้ก่อน ทางวัดจะโทรติดต่ออีกครั้ง

เหรียญสมปารถนา ปทุมมาศ สิงห์สุพรรณ ยังมีให้บูชาอยู่นะครับ เห็นมีสิงห์งาแกะ และพระขรรค์เขาควายเผือกให้บูชา เป็นชุด ชุดละ2000 บาท หลวงพี่ท่านบอกว่ามี 39 ชุด
เช่ามา3 ชุด ขนาดพระขรรค์ประมาณ 3 นิ้วครับ

 

พอดีจะฝากเพื่อนไปบูชาวัตถุมงคล หนุมาน ที่อุดผงฝังตะกรุด ที่วัดน้อยชมพู่ครับ ที่วัดยังมีอยู่ป่าวครับ เเล้ว วัดศรีจันต์มีเหลือไหมครับ อยากได้หนุมานครับ

 

หากพี่น้องๆคนไหนได้ไปวัดน้อยชมพู่ฝากดูหนุมานเผื่อผมด้วยนะครับ ขอราคาด้วยนะครับ ขอบพระคุณมากครับ

 

ไม่ทราบว่าพี่ศรีอุทุมพร มีรูปพระขรรค์ ของหลวงปู่หรือเปล่า อยากเห็นครับ ถ้ามีรบกวนด้วยครับ

 

หนุมานที่วัดน้อยไม่มีแล้วครับ ไม่เห็นมานานแล้ว ที่วัดศรีจันต์ไม่ทราบครับ แต่ไม่น่าเหลือครับ ตอนออกแรกๆ ผมก็ไปเช่ามา เห็นคนไปเช่ากันเยอะมาก

 

ขอบคุณมากครับ สำหรับข้อมูล

 

สิงห์สุพรรณจ้า

 

กฐินหลวงปู่นาม วัดน้อยชมภู่ 16 ต.ค.54

ใจเย็นๆครับ ยังไม่สรุปครับว่า มีกองเล็ก กองใหญ่ และได้พระอะไร จำนวนเท่าไร แต่รับรองได้ว่า กฐินมีจริงในวันที่16ต.ค.54 ส่วนรายละเอียด ผมจะแจ้งให้ทราบนะครับ ใจเย็นๆครับ แต่ตอนนี้สามารถลงชื่อจองกฐิน ที่วัดได้ แต่รายละเอียดรออีกนิดครับ กำลังรอ หลวงปู่ท่านสรุปครับ