อธิบาย "นิพพาน" ด้วยวิทยาศาสตร์

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย nyeb, 30 มกราคม 2012.

  1. COME&Z

    COME&Z เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +234
    เราไม่มีทางรู้หรอก ว่าใครจะนิพพานหรือไม่นิพพาน ที่พระพุทธเจ้าสอนให้ปล่อยวางนั้นหน่ะ ปล่อยวางอะไรๆทู๊กกกอย่าง แม้แต่ขันธ์๕ ที่ต้องทำ ต้องปฏิบัติ ต้องฝึกกันมา อย่างเร็วเจ็ดวัน อย่างช้าเจ็ดปีนั้นหน่ะ เพื่อที่จะเอามาใช้ในด่านสุดท้าย ก็คือตอนที่จะขาดใจตายจริงๆนั่นแหล่ะ วินาทีนั้นหน่ะ จะปล่อยวางได้จริงมั๊ย จะนิพพานมั๊ย วัดกันตรงนั้นแหล่ะ ถ้าปล่อยวางได้หมดจริง จิตก็จะสลายไป เพราะนิพพานคือปฏิสสารของจิตนั่นเอง นี่แหล่ะคือนิพพานสำหรับเรา เป็นไง เราอธิบายง่ายๆอย่างเนี๊ยยยย ท่านคิดว่าไงจ้ะๆๆๆ555+ เชิญๆๆๆ ทุกท่าน แต่อย่าด่ากันนะ อย่าดูถูกกันดีกว่าจ้ะ คนเรา นะ(f)
     
  2. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
  3. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    ไม่มีใครสงสัยการมีชีวิตนิรันดร์กันมั่งเหรอ hello8hello8
     
  4. HLC

    HLC เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    466
    ค่าพลัง:
    +259
    สงสัยแล้วบ้าแบบ Messiah คงไม่มีใครอยากรู้หรอกนะ
    5555555


    http://palungjit.org/threads/ผม-คือ-messiah.323915/

    ยังไม่มีใครไปถาม มัมมี่อียิปต์อายุ 5 พันปีซะที ว่าได้ความยังไง

    (||)(||)(||)(||)(||)(||)
     
  5. COME&Z

    COME&Z เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +234

    ในแก้วมีอากาศและฝุ่น....
    นิพพานนี้ไม่มีแม้แต่ที่จะให้ฝุ่นจับ ใช่ป่ะ
     
  6. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    COME&Z<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5656850", true); </SCRIPT>
    สมาชิก




    [​IMG]


    ในแก้วมีอากาศและฝุ่น....
    นิพพานนี้ไม่มีแม้แต่ที่จะให้ฝุ่นจับ ใช่ป่ะ



    ...........................................................



    แก้วเปล่า แก้วว่าง ไม่มีอากาศ ไร้ฝุ่น... คือภาพที่เรานำมา paste

    ตอนนี้ มันก็ยังไม่มีอากาศและไร้ฝุ่น... แต่ มันก็ไม่ใช่แก้วเปล่าหรือแก้วว่างเสียแล้ว
    เพราะมันถูกบรรจุความคิดและความเห็นลงไป
    ตราบเมื่อความคิดและความเห็นหมดไป มันถึงจะกลับไปเป็นแก้วเปล่าได้อีกวาระ







    ตาดีชิบเป๋งเรย... มองเห็นอากาศกับฝุ่นด้วยเว๊ย
     
  7. COME&Z

    COME&Z เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +234

    ฟังดูดี แต่ไม่อยู่บนพื้นฐานของความจริง!

    ไม่ต้องเห็นก็รู้ เหมือนไม่เห็นเม็ดเลือดขาว คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ฯลฯ
    ไม่ต้องเห็นกับตาก็รู้ว่ามี เชอะ

    เธอตาดีกว่าเราอีกนะ มองเห็นความคิดในแก้วด้วย อิอิ ล้อเล่นจ้าาา:)

    ช่างมันเถอะ โน๊ะ เพราะนิพพานมันมีสภาพที่ไม่มีการปรุงแต่ง แต่ที่คุยๆกันอยู่นี่มันก็ปรุงแต่งมาคุยกันทั้งนั้นแหล่ะ ใช่ป่าว ถ้าไม่ปรุงมันก็จะใบ้รับประทาน อย่างที่คุณเคยบอกนั่นแหล่ะ อิอิ :cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2012
  8. Kinglondon

    Kinglondon Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2010
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +70
    ^ ^

    สภาวะนิพพาน ไม่สามารถ อธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์ครับ
    เพราะวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องของทางโลก มีตัวตน
    แต่สภาวะนิพพาน ไม่มีตัวตน จากเอามาอธิบายคงไม่ได้
    สภาวะนิพพานเป็นเรื่องของปัจเจคบุคคล รับรู้ได้ด้วยจิตตนเท่านั้น

    แต่ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีครับที่มีจิตใฝ่รู้ในเรื่องสภาวะนิพพาน ^ ^
     
  9. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,134
    อนาคต อาจจะอธิบายได้ก็ได้ครับ เมื่อวิทยาศาสตร์ก้าวหน้าจนถึงจุดที่เครื่องมือต่างๆ สามารถวัดได้
    เหมือนกับเมื่อก่อน ในยุคฟิสิกส์คลาสสิก ก็ไม่สามารถอธิบายฟิสิกส์ชั้นสูงในปัจจุบันได้เหมือนกันครับ
     
  10. COME&Z

    COME&Z เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +234
    วิทยาศาสตร์การแพทย์ยอมรับว่า
    "การพักผ่อนที่ดีที่สุดคือการนอนหลับ.....โดยไม่ฝัน"
    ในทางพระพุทธศาสนา นิพพานคือสุขอย่างยิ่ง ว่างอย่างยิ่ง ไม่มีการปรุงแต่งต่อไป "นิพพานังปรมัง สุขขัง, นิพพานัง ปรมัง สุญญัง"
    ......เราว่า มันก็คล้ายๆกันอยู่นะ ใช่ป่ะ(deejai)
     
  11. kountee

    kountee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +166
    ถือศีล 5 อย่างเครงครัดได้ไปนิพพานไหมครับ
     
  12. COME&Z

    COME&Z เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +234
    ศีลมันเป็นปัจจัย เป็นเรือ เป็นมรรค เป็นทาง เป็นธรรมฝ่ายโลกียะ นิพพานเป็นจุดหมาย เป็นฝั่ง เป็นผล เป็นโลกุตตระ และทางเข้ามันเล๊กกกก เล็กมว๊าาาก อิๆๆ หุๆๆ แหะๆๆ^-^
     
  13. COME&Z

    COME&Z เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +234
    ขอตอบใหม่นะ ได้แน่นอนจ้ะ เพราะศีลเป็นปัจจัยให้จิตสงบได้ดี เมื่อจิตสงบได้ก็เป็นปัจจัยเสริมให้เกิดสมาธิ เมื่อมีสมาธิแม้จะแค่เล็กน้อย ก็จะเป็นปัจจัยเสริมให้เกิดปัญญา ศึกษาพิจารณาธรรมต่างๆได้ดี จิตปล่อยวาง ละวางได้ดี ได้มากแค่ไหนก็ว่ากันไปตามสังโยชน์๑๐ ก็เป็นปัจจัยให้ถึงซึ่งพระนิพพานได้ ก็เอวังด้วยประการฉะนี้จ้ะ
     
  14. illanzer

    illanzer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +840
    เท่าที่ผมรู้นะครับ สภาวะนิพพานคือ สภาวะที่ ดวงจิตสูญจากกิเลศอย่างถาวร ครับ หากผิดพลาดอันใดก็ขออภัยด้วยนะครับ
     
  15. barking dog

    barking dog เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2012
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +152
    ไม่คิดว่าตัวเองจะเข้ามากระทู้นี้เลย
    เข้ามาก็ไม่รู้จะเขียนอะไร
    ในใจมีพระเหลืองนั่งอยู่หน้าพระขาวๆองค์ใหญ่ๆ
    ในพระขาวองค์ใหญ่ๆมีจุดดำเล็กๆ 1 จุด
    มีคำพูดว่าจุดดำๆนี้คือนิพพาน
    สติปัญญาบอกว่านี่เป็นมุมมองของผู้มีตาในและฝึกธรรมกาย ส่วนผู้ที่ใช้สัมผัสอื่นอาจมีมุมมองแตกต่างกันไป
    เราต้องการนิพพานเพราะมันอธิบายได้รึเปล่า หรือว่าถึงอธิบายไม่ได้ก็จะไป ?
     
  16. barking dog

    barking dog เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2012
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +152
    พระเหลือง สัญญาที่ผุดเรียกสัมโภคกาย แต่สติปัญญาอยากจะบอกว่านิรมานกาย
    พระขาวเรียกธรรมกาย
    sun dog ว่าเป็นปัตจัตตัง
     
  17. Kinglondon

    Kinglondon Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2010
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +70

    ไม่ต้องรอถึงอนาคตหรอกครับ วิทยาศาสตร์ที่สอนเรื่องนิพพาน มีมาตั้งมากกว่า 2555 ปีแล้ว ถ้าวิทยาศาสตร์ หมายถึง สิ่งที่ต้องพิสูจน์ได้ ต้องมีสมมุติฐาน ต้องมีการทดลอง ฯ
    งั้นกฎข้อแรกของวิทยาศาสตร์ก็น่าจาเป็น
    กฏไตรลักษณ์หมายถึงลักษณะทางธรรมชาติ 3 ประการ ที่พระพุทธองค์ทรงเห็นธรรมชาติ และนำมาสอนให้มวลมนุษย์เข้าใจคือ “อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา” ซึ่งสั้นและเข้าใจได้ดีที่สุด อนิจจังคือทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยง เป็นอนิจจัง ซึ่งเป็นกฎของธรรมชาติ ไม่ว่าอะไรก็ไม่ยืนยงคงอยู่ ดูโลกที่เราอยู่นี้ก็เปลี่ยนสภาพมาหลายครั้งหลายครา ที่เคยเป็นภูเขาก็กลายเป็นทะเลจมอยู่ใต้น้ำ และคงเปลี่ยนต่อไปจนถึงวันหนึ่งก็อาจเปลี่ยนไปจนหมดสภาพของความเป็นโลก ตัวเราเองก็ไม่มีอะไรคงสภาพเดิม หากความเชื่อของศาสนาอื่นที่ว่าพระเจ้า พระพรหม พระอัลลาห์ ฯ เป็นองค์ที่สร้างโลกขึ้นมา พระผู้สร้างเหล่านี้จะไม่เที่ยงเช่นกัน จะมีการเปลี่ยนพระผู้เป็นเจ้าเหล่านั้นตามวาระเวลา ตามกฎแห่งอนิจจัง โดยไม่มีข้อยกเว้น

    แม้แต่ธรรมะของพระพุทธองค์เองก็อยู่ในกฎเกณฑ์เดียวกันจะยืนยงอยู่ได้ประมาณห้าพันปีซึ่งอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของมนุษย์หรือของธรรมชาติของโลก ซึ่งพุทธศาสนาเองก็ได้มีเกิดดับมาหลายครั้งก่อนหน้านี้แล้ว เพราะมีพระพุทธเจ้ามาก่อนแล้วหลายพระองค์ นอกจากเรื่องทางกายภาพที่เป็นอนิจจังแล้ว ทุกสิ่งไม่เที่ยง แม้เรื่องทางอารมณ์ความรู้สึกนึกคิด ความสุขความทุกข์ ยิ่งไม่เที่ยงมากขึ้น เปลี่ยนแปลงให้เราเห็นได้ทุกวัน ชาวพุทธจึงต้องระลึกไว้เสมอว่า “ทุกสิ่งไม่เที่ยง” เพื่อไม่ให้ลืมตน มีสิ่งเดียวที่เที่ยงคือความไม่เที่ยง

    กฎที่สำคัญข้อที่สอง ของไตรลักษณ์ก็คือ “ทุกขัง” หมายถึงว่าทุกสิ่งเป็นทุกข์ ในส่วนของความสุขเองก็มีทุกข์แฝงอยู่ กลัวจะไม่ยั่งยืน เปลี่ยนแปรไป ซึ่งเรื่องของทุกข์นี้ได้เขียนไว้แล้ว ทุกข์จึงเป็นองค์ประธานของพุทธศาสนาเพราะเป็นกฎของธรรมชาติ

    ข้อที่สาม ก็คือ อนัตตา ซึ่งแปลตามตัวว่าไม่มีอัตตาซึ่งหมายถึงไม่มีตัวตน ซึ่งมิได้หมายความว่าไม่มีตัวไม่มีตนทางกายภาพ จึงควรแปลว่าไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนหมายถึงว่าสิ่งที่ว่าเป็นตัวนั้นก็ไม่ใช่ตัว สิ่งที่เรียกกันว่าอย่างโน้นอย่างนี้ก็ไม่ใช่สิ่งนั้นเป็นข้อสมมุติทั้งสิ้น ความจริงแล้วไม่มีอะไร ตัวตนที่ชื่อนั้นชื่อนี้ไม่ช้าก็สลายกลายเป็นดิน น้ำ ลม ไฟ ถึงแม้จิตที่จะไม่ตาย ก็เปลี่ยนไปไม่ใช่จิตของนาย ก นาย ข จนกว่าจิตดวงนั้นจะถึงนิพพาน ซึ่งก็เป็นอนัตตาอีกเช่นกัน ที่ว่า นิพพานัง สุญญัง

    กฏวิทยาศาสตร์ข้อนี้ใครสามารถหักล้างได้เหล่าครับ ไม่ต้องรอกฏในอนาคตเลยเพราะมีมานานแล้ว ส่วนผู้ใดจาสามารถมองเห็นและเข้าใจก็ต้องมีปัญญาในการพิจารณากันตามแต่ละบุคคล ถ้าคุยกันแบบวิทยาศาสตร์ก็ต้องมาคิดต่อว่าปัญญานี้มาจากไหน ถ้าตั้งสมมุติฐานก็ต้องลองดูว่า ถ้าเรากำลังเคลียดๆ หรือมีเรื่องรบกวนจิตใจเราจะสามารถเกิดปัญญาได้หรือไม่ ส่วนใหญ่จาตอบว่าไม่
    งั้นสภาวะที่จะให้เกิดปัญญาก็ต้องอยู่ที่จิตใจที่สงบมีสมาธิไม่มีสิ่งรบกวนจิตใจ
    หรือที่ฝรั่งเค้าเรียก Focus งั้นถ้าเราจะเกิดปัญญาได้ก็ต้องเกิดสมาธิก่อน แล้ว
    ก็มาตั้งคำถามกันแบบวิทยาศาสตร์อีกว่า แล้วทำอย่างไรนะถึงจะทำให้เกิดสมาธิ ก็ขอถามว่า ถ้าเราไม่ปกติผิดปกติ มีเรื่องร้อนรนในชีวิตประจำวันจะสามารถมีสมาธิได้หรือไม่ (เช่นวันนี้โกหกภรรยาว่าไปหาลูกค้า กลับดึก แต่ปรากฎว่าแอบไปหากิ๊ก แล้วก็ไปกินเหล้าเมามายกับกิ๊ก แล้วขับรถกลับไปชนคนตาย ฯ)เกิดเหตุการณ์แบบนี้ใครก็คงจามีสมาธิได้ยากหรือเรียกว่าไม่น่าจะเกิดสมาธิได้เลย แล้วทำอย่างไรละถึงจะทำให้เกิดสมาธิ คำตอบก็น่าจะเป็น
    ทำตัวให้ปกติ อยู่ในศีลในธรรม จะ 5ข้อ 8ข้อ หรือมากกว่านั้น ก็แล้วแต่ใครคิดว่าเหมาะสมกับตน
    สรุปก็คือ การรักษาศีลเพื่อดำรงรงตนให้ปกติ เมื่อเป็นปกติก็จะมีสติและสมาธิ
    เพื่อเป็นพื้นฐานทำให้เกิดปัญญา สิ่งที่กล่าวมาล้วนเป็นวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้น
    ไม่ต้องรอชาติหน้า ไม่ต้องรออนาคต วิทยาศาสตร์เพื่อเข้าถึงสภาวะนิพพาน พระพุทธเจ้าท่านค้นพบมานานแล้ว และสามารถอธิบาย เพื่อให้เราท่านได้พิจารณาตามหลักวิทยาศาสตร์ทุกอย่าง สามารถทดสอบได้ วัดผลได้
    ถ้าวิทยาศาสตร์ ของพวกเรานิยามเดียวกันนะครับ ผมว่านี้ละวิทยาศาสตร์ของแท้หนึ่งเดียวในจักรวาลเลยทีเดียว ^ ^
     
  18. Ganymede101

    Ganymede101 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +0
    ที่แน่ๆนิพพานไปได้เฉพาะบุรุษเพศ ใช่ไม๊จ๊ะ
     
  19. Kinglondon

    Kinglondon Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2010
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +70
    ก็ไม่แน่นอนหรอกครับ เพราะ กฎของวิทยาศาสตร์ข้อหนึงบอกว่าไม่มีสิ่งที่แน่นอนตายตัวทุกสิ่งล้วนเปลี่ยนแปลง เพียงแต่ว่าตามหลักวิทยาศาสตร์แล้ว สตรีเพศเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีผัสสะเอื้อแก่การยึดติดในกิเลสได้มากกว่า ยกตัวอย่างเช่น เสื้อผ้าแบบเดียวกัน
    โดยปกติผู้ชายจะรับรู้สีหรือแบบเสื้อได้ไม่เท่ากับสตรีเพศ ซึ่งสตรีเพศจะมีผัสสะรับรู้สี กลิ่น ฯ ได้ไวและมากกว่า ผมขอใช้คำว่าสตรีเพศนะครับ เพราะผู้ชายบางคนก็เข้าข่ายสตรีเพศ เพราะฉะนั้นสตรีเพศจะต้องใช้ความพยายามมากกว่าในการตัดกิเลส ส่วนคำถามนี้ผมแนะนำให้ไปถามพระอาจารย์ที่วัดดีกว่าครับ ผมมีความรู้ไม่ถึงจริงๆ ^ ^
     
  20. starcom1

    starcom1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +726
    ทางพุทธศาสนา มีผู้ไปยังดาวต่างๆ และไปจักรวาลอื่นๆ เจอสิ่งมีชีวิตที่มีวิทยาการมากกว่าเรามากมาย ยังคงลำบากต้องหากินหาทรัพยกรมาใช้ พอหมดก็ไปยังดาวดวงใหม่ บางพวกก็เข้าไปเดินในดวงอาทิตย์ และอีกมากมายที่วิทยาศาตร์ทำไม่ได้ มีคนทำได้เป็นแสน และมีการสอนกันหลายที่ อย่างวัดท่าซุง และที่อื่นๆ การใช้กายหยาบทำอะไรมันมีขีดจำกัดเยาะ ใช้กายหยาบมาตั้งทฤษฎีอายุไขของกายก็สั้นเหลือเกินข้อมูลมันน้อยเกินไป แต่การที่เราชินกับมันเลยคิดว่ามันนาน ความรู้ที่น้อยก็คิดว่ามันมาก 1วันของเทวดาชั้นพรหม เป็นล้านปีของมนุษย์ ยังไม่ทันได้เรียนรู้อะไรอายุไขก็หมดเสียแล้วครับ

    พระนิพาน จึงไม่ใช้ที่มนุษย์ธรรมดาจะมาพูด ต้องเป็นผู้ที่ไปมาแล้ว หรือไปถึงแล้วครับที่จะมาบอกได้ ไม่มีคำพูดอะไรที่จะอธิบายพระนิพานได้ หลวงพ่อฤือษีลิงดำท่านพูดไว้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 กุมภาพันธ์ 2012

แชร์หน้านี้

Loading...