อัลบั้มพระ ประวัติ และวัตถุมงคล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ปู ท่าพระ, 26 ธันวาคม 2013.

  1. Kenny17

    Kenny17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2011
    โพสต์:
    2,979
    ค่าพลัง:
    +10,866
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    พระอาจารย์วัง ฐิตสาโร วัดศรีวิชัย จ.นครพนม สร้างแจกในงานวางศิลาฤกษ์พระอุโบสถ ออกพร้อมกันกับเหรียญพุทโธ ธมฺโท สงฺโฆ ลป.ชม โฆสโก ปี 2520

    พระอาจารย์วัง ฐิติสาโร เกิดที่บ้านหนองคู ตำบลกระจาย อำเภอลุมพุก จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งบัดนี้ได้ขึ้นกับอำเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธร แล้ว ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๕๕ ตรงกับวันพุธ ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๕ ปีชวด บิดา-มารดาชื่อว่า นายหลวงลา และนางคำ ขันเงิน ภายหลังเพราะเหตุไรไม่อาจทราบได้ มีการเปลี่ยนนามสกุล ขันเงิน นี้มาเป็น สลับสี ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด ๗ คน

    ท่านได้เล่าว่าเรียนจบชั้น ป. ๔ ที่โรงเรียนบ้านหนองคูนั้นเอง ท่านเป็นคนสมองทึบ แม้จะเรียนจบชั้น ป. ๔ ก็เขียนไม่ได้ อ่านไม่ออก แต่ต่อมาเมื่อท่านบรรพชาอุปสมบทได้เล่าเรียนจากครูบาอาจารย์แล้ว ท่านจึงอ่านออกเขียนได้ ทั้งหนังสือไทย หนังสือธรรม กลับเป็นคนละคนคือสมองท่านกลับเป็นผู้จำง่ายขึ้น คงเป็นเพราะอำนาจของสมาธิภาวนานั่นเอง อุปนิสัยของท่านชอบเป็นนายหมู่ในหมู่เด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน มีเด็กเป็นฝูงห้อมล้อมท่าน บางทีก็สมมติท่านเป็นพระ แล้วหมู่เด็กทั้งหลายก็กราบท่าน อย่างนี้เป็นต้น

    ท่านได้เล่าถึงการออกบวชของท่านเมื่ออายุ ๑๓ ปี ใน พ.ศ. ๒๔๖๘ ว่า เป็นเหตุการณ์พิเศษกว่าการออกบวชของท่านผู้อื่น จึงขอเล่าตามที่ท่านเล่าให้ฟังดังนี้

    นางคำ มารดาของท่านเป็นคนใจบุญ เข้าวัดจำศีลฟังธรรม และถวายอาหารแด่พระภิกษุสามเณรที่วัดบ้านหนองคูทุกวัน วันหนึ่ง ท่านพระอาจารย์ทองสา ที่อยู่ที่วัดนั้นถามถึง เด็กชายวัง สลับสี ว่า เขาทำอะไร บอกให้เขามาบวชด้วย หลังจากมารดาของท่านบอกให้ทราบว่า ท่านอาจารย์ที่วัดถามหา ขอให้ไปบวชด้วย เท่านั้นเองท่านก็บอกทันทีว่าไม่บวช แม้บิดามารดาจะขอร้องบอกกล่าวอย่างไร ท่านก็ยืนยันคำเดียวว่าไม่บวชอยู่นั้นเอง หลายวันต่อมา ท่านได้ออกไปเลี้ยงวัวควายกับบรรดาเด็กทั้งหลายเหมือนทุกวัน ท่านคิดว่า ถึงอย่างไรบิดามารดาคงจะนำเราไปบวชแน่นอน ดังนั้น จะไม่กลับเข้าบ้านอีก ได้ฝากวัวควายที่ไปเลี้ยงไล่กลับบ้านกับเพื่อนฝูง ตัวท่านเองอาศัยนอนที่บนเถียงนาซึ่งมีฟางข้าวใส่ไว้เกือบเต็ม ท่านก็นอนในระหว่างกองฟางเหล่านั้น เถียงนานี้ห่างจากบ้านประมาณ ๑ กิโลเมตรครึ่ง เมื่อเพื่อนเด็กเลี้ยงควายทั้งหลายออกไปในวันใหม่ ท่านก็ได้อาศัยกินข้าวน้ำจากเด็กเหล่านั้น ท่านอยู่ในสภาพนั้นประมาณ ๔-๕ คืน

    ส่วนทางวัด ท่านพระอาจารย์ทองสา ได้ถามถึงว่า เถียงนานั้นเป็นของใคร อยู่ในที่นาใคร เมื่อท่านทราบแล้ว ภายหลังจากฉันข้าวเสร็จวันหนึ่งได้พาเณรตัวโตๆ ๓ รูปออกไปด้วย เมื่อออกไปถึงเถียงนานั้นแล้ว ท่านจึงบอกให้เณร ๓ รูปยืนเป็นแถวกั้นอยู่ทางบันได แล้วท่านเรียกออกไปว่า “นายวัง” ๓-๔ ครั้ง ขณะนั้นท่านนอนอยู่ในนั้น พอได้ยินเสียงเรียกก็เข้าใจทันทีว่าคราวนี้คงมาตามเราไปบวชแน่ จึงคิดจะหนีไปให้พ้น เมื่อรู้ว่ามีเณรยืนอยู่ทางบันได ท่านจึงผลักเถียงนาทางด้านหลัง แล้วกระโจนลงจากเถียงนา วิ่งหนีสุดกำลัง สามเณรทั้ง ๓ รูปจึงวิ่งตามไปจับตัวไว้ กว่าจะทันก็วิ่งผ่านไปหลายไร่นา เมื่อจับได้แล้วจึงเอาผ้าอาบน้ำมัดที่ข้อมือแล้วท่านก็ตามกลับมาโดยดี เมื่อกลับถึงวัดแล้วพระอาจารย์ก็ให้โกนผมทันที แล้วนำไปบวชกับ ท่านพระครูวิจิตรวิโสธนาจารย์ ที่วัดบ้านหนองคูนั้นเอง หลังบวชแล้วท่านก็อยู่จำพรรษาที่นั้น ๑ พรรษา

    พระอาจารย์วังเกิดมาในตระกูลหมอปะกำช้าง ปู่ของท่านเป็นผู้มีวิชาคาถาอาคมขลัง ท่านจึงได้เรียนรู้คาถาอาคมจากปู่ตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก เมื่อครั้งเป็นสามเณรท่านอยากเห็นวิชาวัวธนูครูหน้าน้อย จึงขอร้องให้ปู่ทำให้ดู ปู่ของท่านก็เอาไม้ไผ่มาทำหน้าไม้เล็กๆ เหลาลูกให้พอดี จากนั้นก็พาหลานชายจัดทำขันธ์ ๕ ขันธ์ ๘ บูชาครู เมื่อถึงเวลากลางคืนจึงนำลูกหน้าไม้ไปทำพิธีลงคาถาอาคมใส่ ปู่ของท่านทำพิธีอยู่ ๗ คืน เมื่อครบพิธีแล้วจึงบอกให้หลานมาดู โดยให้คนเอามีดไปทำเครื่องหมายไว้ที่ต้นไม้ใหญ่กลางป่าต้นหนึ่ง จึงยิงหน้าไม้ออกไปโดยยิงทะลุหลังคาบ้านที่มุงด้วยหญ้าคาในตอนกลางคืน ก็บังเกิดเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น รุ่งเช้าพระอาจารย์วังก็ได้ไปดูต้นไม้ที่ทำเครื่องหมายไว้ ก็ปรากฏว่าเห็นลูกหน้าไม้เสียบอยู่ตรงนั้นพอดี ซึ่งวิชาวัวธนูครูหน้าน้อยนั้นเป็นวิชาฆ่าคนที่แพร่หลายในแถบลุ่มแม่น้ำโขง คนโบราณสมัยก่อนชอบเรียนกันมาก

    หลังจากออกพรรษาแล้ว ท่านพระอาจารย์ทองสา ได้พาเดินวิเวกหาที่สงบสงัดและแสวงหาครูบาอาจารย์ เดินไปเรื่อยๆ แถวจังหวัดอุบลราชธานี นครพนม สกลนคร หนองคาย อุดรธานี เมืองเลย ขอนแก่น และกาฬสินธุ์ นิสัยของท่านชอบอยู่ตามภูเขามากเป็นพิเศษ

    ต่อมาท่านพระอาจารย์ทองสา ซึ่งเป็นพระอาจารย์ที่พาท่านเดินธุดงค์กัมมัฏฐานมาด้วยกันหลายปี กลับมาลาสิกขาไปจากท่าน เหลือแต่ท่านเพียงผู้เดียว จึงเป็นโอกาสให้เป็นอิสระที่จะเดินกัมมัฏฐานตามใจชอบ ท่านจึงได้แสวงหาครูบาอาจารย์ที่เป็นที่เคารพนับถือในสมัยนั้น เมื่อมีโอกาสอันเหมาะ ท่านได้เข้าไปกราบ หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล กราบขอเป็นศิษย์ท่าน หลวงปู่เสาร์ก็รับเป็นศิษย์ แล้วก็ได้รับการอบรมจากท่านเป็นอย่างดี

    เมื่อท่านได้รับการอบรมแล้วก็เร่งบำเพ็ญสมาธิภาวนาให้ยิ่งขึ้นอย่างแรงกล้า และได้เกิดความรู้สึกปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในภายหน้าหรือเรียก ปรารถนาพุทธภูมิ นั้นเอง ท่านจึงได้เข้ากราบเรียนเรื่องนี้ให้หลวงปู่เสาร์ทราบ หลวงปู่เสาร์ได้ชี้แจงว่าการปรารถนาพุทธภูมินี้ กว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าได้ต้องใช้เวลาสร้างบารมีมาหลายกัป หลายภพหลายชาติ เนิ่นนานมาก ท่านได้แนะนำให้เลิกการปรารถนานี้เสีย

    แต่พระอาจารย์วังก็ได้กราบเรียนท่านหลวงปู่เสาร์ว่า มีความมุ่งมั่นรักในพุทธภูมินี้มาก แม้จะมีผู้มีอำนาจมาบังคับว่าถ้าไม่ยอมถอนจากความปรารถนานี้ จะฆ่าให้ตาย ก็ไม่ยอมถอน แม้จะฆ่าให้ตายก็ยอม เมื่อเป็นอย่างนั้นท่านหลวงปู่เสาร์ก็พลอยอนุโมทนาด้วย และบอกว่าขอให้ตั้งใจต่อไป ในเวลาต่อมา ท่านได้เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า เมื่อการภาวนาของท่านก้าวหน้าไปจนชำนาญทางด้านสมถกัมมัฏฐานแล้ว เมื่อยกจิตพิจารณาวิปัสสนากัมมัฏฐานมากขึ้น จิตจะสะดุด แล้วประหวัดถึงความปรารถนาภูมิทันที ไม่สามารถไปต่อได้มากกว่านั้น แต่ท่านก็ยังคงมุ่งมั่นในพุทธภูมินี้เรื่อยไป

    เมื่อท่านมีอายุครบ ๒๐ ปี คือปี พ.ศ. ๒๔๗๕ ท่านได้ไปอุปสมบทที่พัทธสีมาวัดศรีเทพประดิษฐาราม ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม โดยมี พระเทพสิทธาจารย์ (หลวงปู่จันทร์ เขมิโย) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระครูสารภาณพนมเขต เป็นพระอุปัชฌาย์ และ พระราชสุทธาจารย์ (หลวงปู่พรหมา โชติโก) เมื่อครั้งที่เป็น พระมหาพรหมา โชติโก ป.ธ. ๕ เป็นพระกรรมวาจาจารย์

    เมื่อท่านบวชพระแล้ว ท่านก็เร่งความเพียรให้ยิ่งๆ ขึ้น เมื่อมีครูบาอาจารย์ใดที่จะเป็นที่พึ่งได้ในสมัยนั้น ท่านก็ไปกราบขอปวารณาตัวเป็นศิษย์ เช่น หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ได้เคยอยู่จำพรรษากับท่านด้วย ดังนั้น ท่านหลวงปู่ฝั้น อาจาโร จึงถือว่าท่านพระอาจารย์วังเป็นศิษย์ของท่านรูปหนึ่ง และด้วยความเป็นคนเอาจริงต่อการปฏิบัติของท่านพระอาจารย์วัง ท่านหลวงปู่ฝั้น อาจาโร มักสอนลูกศิษย์รูปอื่นๆ ว่า “ให้ทำเหมือนท่านวัง เอาจริงเอาจังเหมือนท่านวัง”

    เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๙ และ ๒๔๘๐ จำพรรษาที่วัดอรัญญิกาวาส บ้านม่วงไข่ ตำบลม่วงไข่ อำเภอสว่างแดนดิน (ปัจจุบันคือ อำเภอพังโคน) จังหวัดสกลนคร โดยมี พระอุดมสังวรวิสุทธิเถร (พระอาจารย์วัน อุตฺตโม) ขณะยังเป็นสามเณร อยู่จำพรรษาด้วย ต่อมาหลังออกพรรษา พ.ศ. ๒๔๘๐ ท่านได้เดินจากอำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร พร้อมด้วยสารเณรวัน (พระอาจารย์วัน อุตฺตโม) และสามเณรสุณา สามเณรสุพี เดินไปทางอำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม ไปถึงวัดโพธิ์ชัย บ้านสามผง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม เป็นเวลาที่ พระอาจารย์เกิ่ง อธิมุตฺตโก ท่านกำลังเตรียมการถวายเพลิงศพท่านอาจารย์คำดี ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของท่าน เมื่อพระอาจารย์วังไปถึง จึงกราบขอรับภาระช่วยในการตัดเย็บสบงจีวรที่จะใช้ในงานนี้ทั้งหมดแต่ผู้เดียว ท่านได้เร่งเย็บผ้าทั้งกลางวันและกลางคืนเพื่อจะให้เสร็จทันในวันงาน แล้วก็ทำเสร็จทันงานพอดี

    เมื่องานเพลิงศพเสร็จแล้ว ท่านพระอาจารย์บุญมา มหายโส (พระครูไพโรจน์ปัญญาคุณ) ซึ่งเป็นคนบ้านสามผงนั้นเอง ได้ขอร้องพระอาจารย์วังให้อยู่เฝ้าวัดโพธิ์ชัยก่อน จนกว่าท่านพระอาจารย์บุญมาจะกลับจากการติดตามท่านพระอาจารย์เกิ่งไปวัดวิเวการาม ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ดังนั้น ท่านจึงอยู่จำพรรษาที่วัดโพธิ์ชัย ๒ ปี คือ พ.ศ. ๒๔๘๑ และ ๒๔๘๒ ส่วนท่านพระอาจารย์บุญมาเมื่อกลับมา ก็ไม่ได้อยู่จำพรรษาที่วัดโพธิ์ชัย แต่ย้ายไปอยู่ที่วัดอรัญญิกาวาส ตำบลอรัญญิกาวาส อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม แทน

    เมื่อออกพรรษา พ.ศ. ๒๔๘๒ ท่านตั้งใจจะออกธุดงค์กัมมัฏฐานเหมือนที่เคยทำมา มีผู้ติดตามไปด้วยคือ สามเณรคำไพ ผงราช, สามเณรเพ็ง นนทจันทร์, สามเณรสุข ทิธรรมมา, สามเณรทองดี ปทุมมากร และสามเณรทุ่ม ยอดพันปา ส่วนสามเณรวันได้กราบลาไปศึกษาด้านปริยัติธรรมที่วัดป่าสุทธาวาส จังหวัดสกลนคร คณะของท่านได้พากันออกเดินทางไปทางทิศตะวันตกของบ้านสามผงไปถึงบ้านศรีเวินชัย ซึ่งสมัยนั้นเรียกว่า บ้านดงพระเนาว์ ห่างจากวัดโพธิ์ชัยประมาณ ๑.๘ กิโลเมตร เมื่อไปถึงบ้านดงพระเนาว์ ชาวบ้านทุกคนซึ่งสมัยนั้นมีบ้านเรือนประมาณ ๔๐-๕๐ หลังคาเรือน ได้พร้อมใจกันขอกราบอาราธนาท่านให้อยู่จำพรรษาที่หมู่บ้านดงพระเนาว์นี้

    ในปี พ.ศ. ๒๔๙๔ ท่านเริ่มอาพาธหนักขึ้น โรคท้องมานของท่านก็โตขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะทนไม่ไหว ท่านจึงให้หมอคนหนึ่งเอาเข็มแทงเข้าไปในท้อง เอาน้ำออกจากท้องได้หลายลิตร ทำให้ท้องแฟบลง จึงได้เห็นสิ่งหนึ่งภายในท้องแทงโผล่ขึ้นมา เอามือจับดูก็มีลักษณะแข็งๆ ไม่ทราบว่าเป็นโรคอะไรในท้อง เมื่อเอาน้ำออกท้องแฟบลงก็ทำให้ท่านสบายขึ้นบ้าง เพราะไม่อึดอัดและเดินได้สบายกว่า แต่การรักษาก็ไม่มีอะไรพิเศษกว่าเดิม ต่อมาท้องท่านกลับค่อยโตขึ้นทีละน้อยๆ อีก เมื่อไม่มีทางเลือกจึงตกลงกันว่าจะต้องนำท่านไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลจังหวัดนครพนม ขณะนั้นเป็น พ.ศ. ๒๔๙๖ แต่ก็มาคิดว่าการจะนำท่านเดินตามทางหลังภูเขาขึ้นๆ ลงๆ กว่าจะพ้นหลังภูเขาประมาณ ๒ กิโลเมตร จะใช้พาหนะอย่างอื่นไม่ได้แน่นอนนอกจากเดินเท่านั้น แม้ว่าท่านยังพอที่จะเดินได้อยู่ แต่ขนาดกำลังคนปกติเดินทางบนภูเขา ๒ กิโลเมตรก็เหนื่อยพอดู ไม่ต้องกล่าวถึงคนป่วยเช่นท่านเลย ดังนั้น เมื่อพร้อมกันก็จัดคนเดินเคียงข้างท่านสองคน นอกนั้นเดินออกหน้าก็มี ตามหลังก็มี เป็นคณะทั้งพระเณรและญาติโยม เมื่อเห็นว่าท่านเหนื่อยก็หยุดพักตั้งหลายครั้งตั้งแต่เช้าจนถึงบ่ายสี่โมงจึงลงพ้นภูเขา

    เมื่อลงถึงพื้นดินราบแล้วจึงได้ช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรจะไม่ให้ท่านต้องเดิน แต่ก็จนใจเพราะหนทางนี้เป็นหนทางคนเดินเท่านั้น เกวียนรถไปไม่ได้ บังเอิญนึกถึงรถแทรกเตอร์ของโรงงานไร่ยาสูบ ทางโรงงานไร่ยาสูบก็ได้ให้ความช่วยเหลือ ได้นั่งรถแทรกเตอร์ก็ยังดีกว่าท่านเดินมาเอง ถ้าคนปกติก็คงไม่ลำบากอะไรมาก แต่นี้ท่านป่วยร่างกายซูบผอม ก็กระทบกระแทกพอสมควร แล้วรถก็พาไปถึง วัดชัยมงคล บ้านแพง อำเภอบ้านแพง วัดนี้ก็ท่านพระอาจารย์วัง, คุณแม่สาลี และญาติโยมบ้านแพงสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๘

    เมื่อถึงวัดชัยมงคลนี้ ได้พักรอเรือกลไฟที่เดินระหว่างบ้านแพงถึงนครพนม พอดีได้เวลาแล้ว จึงได้โดยสารเรือกลไฟไปนครพนม ได้รับการรักษาอยู่โรงพยาบาลจังหวัดนครพนมนั้นเดือนกว่า หมอก็เอาใจใส่รักษาพยาบาลเป็นอย่างดี แต่หมอก็ไม่บอกอะไรและไม่ได้ให้ความหวังว่าจะหายหรือไม่อย่างไรเลย

    ต่อมาวันหนึ่ง นายอำเภอประสงค์ กาญจนดุล นายอำเภอนาแก จังหวัดนครพนม (ในขณะนั้น) ได้มากราบนมัสการเยี่ยมพระอาจารย์วัง ท่านได้เล่าอาการป่วยให้นายอำเภอนาแกฟังว่า ในช่องท้องมีอะไรไม่ทราบแข็งเป็นช่ออยู่ข้างซ้าย เอามือคลำดูก็ได้ ไม่รู้ว่าจะต้องได้ผ่าตัดหรือจะต้องรักษาอย่างไรหมอก็ไม่บอก นายอำเภอนาแกกราบเรียนว่า “ผมมีหมอคนหนึ่งเป็นเพื่อนกัน ประจำอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ กรุงเทพฯ ชื่อประกอบ เรื่องผ่าตัดนี้เขาเก่งมาก จึงขอกราบนิมนต์ท่านไปรักษาอยู่กรุงเทพฯ”

    ดังนั้น เมื่อได้มารักษาอยู่โรงพยาบาลจังหวัดนครพนมนี้ได้เดือนกว่า แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น จึงตกลงออกจากโรงพยาบาลแห่งนี้ เดินทางโดยสารรถยนต์ไปขึ้นรถไฟที่จังหวัดอุดรธานี ระยะทาง ๒๔๐ กิโลเมตร เป็นถนนลูกรังตลอดสาย ตอนเย็นวันนั้นได้ขึ้นรถไฟด่วนไปกรุงเทพฯ ตื่นเช้าก็ถึงกรุงเทพฯ ได้เข้ารักษาอยู่โรงพยาบาลตำรวจ การไปโรงพยาบาลตำรวจนี้ นายอำเภอประสงค์ท่านได้โทรศัพท์ติดต่อเรื่องการไปนี้ก่อนแล้ว จึงได้รับความสะดวกสบายทุกอย่าง ขอขอบคุณท่านนายอำเภอในการนี้ด้วย

    เมื่อแรกที่ทำการรักษา ได้เจาะเอาน้ำที่ท้องท่านออกจนท้องแฟบลง หมอคลำดูที่เป็นช่อแข็งๆ นั้น จากนั้นหมอก็มีการฉีดยาและถวายยาให้ฉันอยู่หลายวัน แต่ก็ไม่ได้บอกว่าต้องผ่าตัดหรือจะรักษาต่อไปอย่างไรไม่บอกเลย (แต่มาทราบภายหลังจากท่านได้มรณภาพแล้วว่า ท่านเป็นโรคตับแข็ง จะผ่าตัดก็ไม่ได้ จะรักษาก็ไม่หาย ที่หมอรับรักษานี้ก็เพื่อให้ท่านมีกำลังพอเดินทางกลับวัดได้เท่านั้น เรื่องนี้ผู้เฝ้าปฏิบัติใกล้ชิดไม่ทราบเลย จนท่านมรณภาพแล้วจึงได้รู้) แต่อาการไม่ดีขึ้นเลยมีแต่อาการทรงกับทรุดลงเท่านั้น

    มาวันหนึ่งพระอาจารย์วังได้อาเจียนและถ่ายเป็นเลือดออกมาไม่มาก ตั้งแต่ตอนเช้ามาจนกระทั่งถึงตอนเย็น วันนั้นดูอาการของท่านอ่อนเพลียมาก อาการทางกายก็ไม่มีอะไรอีก ท่านได้พูดเบาๆ แต่เสียงปกติว่า “มันจะตายก็ให้มันตายไป” แล้วก็ไม่พูดอะไรอีก จากนั้นประมาณหนึ่งชั่วโมงท่านก็ได้มรณภาพไปด้วยอาการอันสงบ เมื่อเวลา ๒๐.๑๘ น. ของวันที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๖ รวมสิริอายุได้ ๔๑ ปี เมื่อท่านมรณภาพแล้วก็มีการฉีดยาป้องกันการเน่า และไม่มีรถบริการเคลื่อนศพไปจากกรุงเทพฯ ได้ เพราะได้รับคำบอกว่า นอกเสียจากเรามีรถส่วนตัวจึงนำศพกลับต่างจังหวัดได้ จึงตกลงเอาศพฝากวัดดวงแข หัวลำโพง กรุงเทพฯ ไว้ก่อน

    ในปีต่อมา ท่านพระอาจารย์โง่น โสรโย ได้นำอัฐิของพระอาจารย์วังออกจากวัดดวงแข หัวลำโพง ไปจัดงานถวายเพลิงศพที่วัดศรีเทพประดิษฐาราม จังหวัดนครพนม โดยได้รับความเมตตาจาก พระเดชพระคุณท่านพระครูวิจิตรวินัยทร (พรหมา โชติโก) (ต่อมาได้ดำรงสมณศักดิ์เป็น พระราชสุทธาจารย์) ซึ่งเป็นพระกรรมวาจาจารย์ของพระอาจารย์วังนั้นเอง ได้กรุณาช่วยจัดการถวายเพลิงศพให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีทุกประการ

    ท่านพระอาจารย์วัง ฐิติสาโร ท่านมีลูกศิษย์เป็นพระภิกษุอยู่ ๓ รูป คือ

    ๑. ท่านเจ้าคุณพระอุดมสังวรวิสุทธิเถร (พระอาจารย์วัน อุตฺตโม) วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม (วัดถ้ำพวง) ตำบลปทุมวาปี อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร

    ๒. ท่านพระอาจารย์โง่น โสรโย วัดพระพุทธบาทเขารวก ตำบลวังหลุม อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร

    ๓. ท่านเจ้าคุณพระจันโทปมาจารย์ (หลวงปู่คำพันธ์ จันทูปโม) วัดศรีวิชัย ตำบลสามผง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม

    ข้อมูลจาก dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=20794&view=next
     
  2. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,514
    ค่าพลัง:
    +53,107
    [​IMG][​IMG]
     
  3. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,514
    ค่าพลัง:
    +53,107
    [​IMG]
     
  4. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,514
    ค่าพลัง:
    +53,107
    [​IMG]
     
  5. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,514
    ค่าพลัง:
    +53,107
    [​IMG][​IMG]
     
  6. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,514
    ค่าพลัง:
    +53,107
    สวัสดีครับ พี่ปู พี่เอ๊ะ พี่กูน พี่ตี๋ พี่โญ พี่ช้าง พี่รุ่ง พี่อ้วน พี่บอย พี่วรรณ น้องโอ๊ต คุณเหน่ง น้องเอ๋ น้องเขี้ยว คุณวุฒิ คุณกันตปัญโญ น้องกานต์ คุณแพน พี่ pp2 และทุกๆสมาชิกอัลบั้มพระด้วยครับผม
     
  7. Kenny17

    Kenny17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2011
    โพสต์:
    2,979
    ค่าพลัง:
    +10,866
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    หลวงปู่อ่อนตา เขมฺงกโร เนื้ออัลปาก้าแก่เงิน เหรียญรุ่น 3 ออกปี 2531 (ไม่ทันท่าน)

    พระครูศาสนูปกรณ์ (อ่อนตา เขมังกโร)

    ท่านพระครูปลัดอ่อนตา เขมังกโร เป็นคนบ้านเหล่า ต่อมาบวชพระฝ่ายมหานิกาย แล้วมาญัตติกรรม เมื่ออายุ ๔๑ ปี โดยท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ วัดโพธิสมภรณ์ เป็นพระอุปัชญาย์ ท่านพระครูเป็นลูกศิษย์ของท่านพระอาจารย์สุวรรณ สุจิณโณ (เป็นคนพิบูลมังสาหาร อุบลราชธานี ซึ่งเป็นเพื่อนกับท่านพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม)

    ท่านพระครูชอบพระธุดงค์และตั้งใจปฏิบัติในพระธรรมวินัยและกรรมฐานโดยอาศัยท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ ต่อมาท่านมาเป็นสมภารอยู่วัดโยธานิมิตร

    อุปนิสัยของท่านนั้น ชอบการก่อสร้าง ชอบการพัฒนา แต่การปฏิบัติ ก็ไม่ท้อถอย เป็นคนจริงเป็นพระมหาเถระที่เป็น ปฐมบทแห่งอรหันต์ ของเมืองอุดรฯก็ว่าได้ จากหนังสือ ญาณสัมปันโนธัมมานุสรณ์ ของ ( หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ) แห่งวัดป่าบ้านตาด อุดรธานี ได้เขียนถึงท่านพระครู (หลวงปู่อ่อนตา )ไว้มากมาย

    ตั้งแต่สมัยที่องค์หลวงตาบัวช่วงนั้นเป็นนาคอยู่ ท่านนอนอยู่หน้าโบสถ์กับเพื่อนนาคด้วยกัน 3 คน ส่วนท่านพระครูฯวัดโยธานิมิตร ท่านจำวัดอยู่หลังพระประธาน ทุกเช้าตอนตีสี่จะเห็นท่านพระครูฯลงมาเดินจงกรมเป็นประจำดูท่านจริงจังมาก พอสว่างก็กลับเข้ามาทำวัตร ทำวัตรเสร็จแล้วก็ไปบิณฑบาต ซึ่งหลวงตามหาบัวได้คอยสังเกตุและได้นำมาเป็นแบบอย่างในการปฎิบัติธรรมอย่าง ศรัทธา เลื่อมใสยิ่งนัก หลวงตามหาบัวได้ เข้าบรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ.วัดโยธานิมิตร เมื่อวันขึ้น 9 ค่ำ เดือน7 ปีจอ เวลา14นาฬิกา 45 นาที ตรงกับวันอังคารที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ.2477 โดยมีหลวงพ่อจูม พันธุโลเป็นพระอุปัชฌาย์ และมี( พระครูปลัดอ่อนตา เขมังกโร ) แห่งวัดโยธานิมิตร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และหลวงปุ่อ่อนตา ถึอเป็นอาจารย์คนแรกของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน อรหันต์ชาติกาลแห่งวัดป่าบ้านตาดอุดรธานี ) ตั้งแต่เริ่มแรกที่เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ และปฐมฤกษ์แห่งการภาวนา

    หลวงตาได้ เล่าเหตุการณ์ในช่วงนี้ไว้ว่า " ท่านพระครูฯท่านชอบภาวนานะ ท่านสวดมนต์เก่ง และชอบภาวนา ตื่นตอนตี4ท่านออกไปเดินจงกรมที่หน้าโบสถ์ มันโล่งหมดนะ แต่ก่อนเราเป็นนาค ท่านออกไปเมื่อไหร่เราก็เห็นอยู่ เวลาท่านเดินจงกรมเราก็คอยสังเกตดูอยู่ แล้วเราก็ไปถามคำภาวนากับท่าน" กระผมอยากภาวนา อยากจะเดินจงกรมอยากจะนั่งภาวนาจะต้องทำอย่างไร"ท่านพระครูตอบ " เออ ให้ภาวนาว่าพุทโธ นะ เราก็ภาวนาพุทโธ เหมือนกันแหละ" ส่วนการนั่งภาวนาสวดมนต์สวดอยู่หลายบทหลายสูตร" เมื่อทราบดังนั้นภิกษุบวชใหม่ก็จับใจความได้ทันทีแล้วน้อมนำไปเป็นหลักปฎิ บัติของตนบ้าง และก็ได้ทดลองภาวนาตามลำพังดังนี้ "เราก็เอาพุทโธมาภาวนาตามประสีประสา ไม่คาดไม่ฝันไม่คิดไม่อ่านว่ามันจะแสดงความแปลกประหลาดขึ้นมา ก็พุทโธๆ วันนี้วันนั้นไปตามประสา แต่บทเวลามันจะเป็น พุทโธๆ สติติดอยู่นั้น สักเดี๋ยวกระแสของจิตที่มันคิดฟุ้งซ่าน เหมือนเราตากแห ที่นี้พอจิตจะเริ่มสงบก็เหมือนเราดึงจอมแห พุทโธๆนี่เหมือนจับจอมแหค่อยๆดึงเข้ามา ตีนแหก็หดเข้ามาๆ จนกระทั่งเป็นกองแห ที่นี้กระแสของจิตมันรวมตัวเข้ามาๆ จนกระทั่งเป็นกองความรู้ที่อยู่เป็นจุดเดียว นี่ละ พอมันเข้ามาถึงนี้กึ๊กเท่านั้น จะว่าเป็นสมาธิไม่สมาธิพูดไม่ถูกนะ พอเข้าถึงกึ๊ก ขาดหมดเลยโลกอันนี้ ปรากฎไม่มีอะไรเหลือ เหลือแต่ธรรมชาติที่อัศจรรย์สุดส่วนคือใจดวงนั้นขาดออกจากอารมณ์ทั้งหลาย ขาดหมด เกิดความอัศจรรย์ ความตื่นเต้น

    นี่เราเป็นทีแรกนะ รู้สึกแรกคือค่อยหดเข้ามาๆ พอกิริยาของจิตหดเข้ามา สติยิ่งจ่อเข้าๆ เข้ามาถึงจุดกลางกึ๊กเท่านั้น ทีนี้มันจ้าอยู่ภายในเจ้าของ อัศจรรย์อันนี้ " มันอัศจรรย์เกินคาด เกินหมาย โถ ทำไม่ถึงเป็นอย่างนี้ เดี๋ยวนี้ก็ยังไม่ลืมนะ นี่ละเป็นปฐมฤกษ์แห่งการภาวนาของเรา"

    หลวงตามหาบัวบวชเมื่อปี 2477 ( 1 ปีต่อมา 2478 ) หลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร ได้เข้าถือครองนาคอยู่ที่วัดโยธานิมิตร และอุปสมบท ณ.พัทธสีมา วัดโยธานิมิตร เมื่ออายุครบ 21 ปี เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2478 เวลา 13.47 น.โดยมีพระครูศาสนูปกรณ์ (หลวงปู่อ่อนตา เขมังกโร) เจ้าอาวาสวัดโยธานิมิตรเป็นพระอนุสาวนาจารย์ และหลวงปู่อ่อนตา ถือเป็นอาจารย์คนแรกของหลวงปู่อ่อนสา เช่นกันกับหลวงตามหาบัว

    มรณภาพเมื่อปี ๒๕๑๓ อายุ ๘๗ ปี องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ตอบแทนคุณพระกรรมวาจาจารย์โดยจัดการศพถวายท่านพระครู

    ข้อมูลจาก dharma-gateway.com/monk/monk_biography/lt-bua/lt-bua-hist-yarn-03.htm
     
  8. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,514
    ค่าพลัง:
    +53,107

    กราบหลวงพ่อสีทน

    สวัสดีพี่กันด้วยครับผม

    เคยได้ยินชื่อท่านมานาน เพิ่งได้อ่านประวัติท่าน ขอบคุณครับ
     
  9. Kenny17

    Kenny17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2011
    โพสต์:
    2,979
    ค่าพลัง:
    +10,866
    [​IMG]

    [​IMG]


    หลวงปู่อ่อนตา เขมังกโร วัดโยธานิมิตร ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี เหรียญรุ่นแรก ไม่ทราบปี
     
  10. Kenny17

    Kenny17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2011
    โพสต์:
    2,979
    ค่าพลัง:
    +10,866
    สวัสดีครับคุณเอ็ม ผมมัวแต่หาประวัติหลวงปู่อยู่ครับ ลองหาประวัติฉบับเต็มของหลวงปู่ต่างๆในเนตดูนะครับ มีข้อมูลอีกเยอะเลยครับ ผมตัดสั้นๆมาเองครับ ของหลวงปู่อ่อนตานี่หายากจัง
     
  11. jumbo_a44

    jumbo_a44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    6,518
    ค่าพลัง:
    +68,125
    สวัสดียามเช้าครับ สมช."อัลบั้มพระ" ทุกท่าน​
     
  12. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,514
    ค่าพลัง:
    +53,107
    [​IMG] [​IMG]
     
  13. Kenny17

    Kenny17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2011
    โพสต์:
    2,979
    ค่าพลัง:
    +10,866
    สวัสดีครับ พี่เอ๊ะ พี่ตี๋
     
  14. jumbo_a44

    jumbo_a44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    6,518
    ค่าพลัง:
    +68,125

    น้อมกราบหลวงพ่อสีทน...
    สวัสดีครับคุณกันต์...
     
  15. jumbo_a44

    jumbo_a44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    6,518
    ค่าพลัง:
    +68,125


    สวัสดียามเช้าครับคุณเอ็ม คุณกันต์ และทุกท่านครับ....

     
  16. Kenny17

    Kenny17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2011
    โพสต์:
    2,979
    ค่าพลัง:
    +10,866
    ขอถามความเห็นหน่อยนะครับว่า เวลาลงประวัติหลวงปู่ต่างๆตัวหนังสือเล็กและเยอะไปหรือเปล่าครับ ครั้นจะใส่ตัวใหญ่ก็กลัวเปลืองที่น่ะครับ
     
  17. jumbo_a44

    jumbo_a44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    6,518
    ค่าพลัง:
    +68,125

    ก็พออ่านได้ครับ...ขนาด4-5 กำลังงามครับ...:cool:
     
  18. ddd445

    ddd445 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2013
    โพสต์:
    7,468
    ค่าพลัง:
    +38,819
    สวัสดียามเช้า คุณปู คุณกันต์ คุณเอ๊ะ คุณเอ็ม อฺโญ คุณกันต์ คุณกูล คุณอ้วน คุณวุฒิ คุณรักษ์ คุณชาญ คุณโอ๊ต คุณอ้วน คุณบอย คุณรุ่ง คุณแพน119 คุุณเหน่ง คุณเคี้ยวและทุกๆท่านครับ
    ทำการทำงานใด ทำมาค้าขายใด ขอให้เจริญรุ่งเรือง ปลอดโปร่ง ราบรื่น กันนะครับ
     
  19. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,514
    ค่าพลัง:
    +53,107
    ปรับเป็นตัวใหญ่หน่อยก็ดีครับพี่ :cool::cool:
     
  20. Kenny17

    Kenny17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2011
    โพสต์:
    2,979
    ค่าพลัง:
    +10,866
    ขอบคุณครับ คราวหน้าผมลองตัวหนังสือขนาดที่พี่ว่าดูดีกว่าครับ จะได้ถนอนสายตาคนอ่านหน่อย
     

แชร์หน้านี้

Loading...