อาลัย "หลวงตามหาบัว"

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย aprin, 30 มกราคม 2011.

  1. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    อริยสงฆ์แห่งวัดป่าบ้านตาด หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

    [​IMG]

    บำเพ็ญเพียรปฏิบัติจนกลายเป็นอริยสงฆ์

    ชีวประวัติกำเนิด “นายบัว โลหิตดี”


    หากย้อนเวลาถอยหลังกลับไปเกือบ 100 ปี ครอบครัว “โลหิตดี” นำโดยนายทองดี และนางแพง สองสามีภรรยา พากันโยกย้ายถิ่นฐานจากดินแดนลุ่มน้ำชี เมืองมหาสารคาม มาตั้งหลักปักฐานอยู่ ยังหมู่บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี สมัยก่อนยังเป็นป่ารกชัฏเต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์ แต่สองผัวเมียก็หนักเอาเบาสู้ขยันขันแข็งทั้งทำนา เก็บหาของป่าขาย จนมีฐานะดีขึ้นเรื่อย ๆ จัดได้ว่าเป็นผู้มีอันจะกินของหมู่บ้านก็ว่าได้

    ...ปีฉลู ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 9 ครอบครัว “โลหิตดี” ได้ลูกชายคนที่ 2 มาเชยชม นางแพง ดูเป็นกังวลเป็นพิเศษสำหรับลูกที่อยู่ในท้อง ไม่ใช่ความกังวลเหมือนคนท้องแรก แต่สัมผัสได้ถึงความผิดปกติของลูกน้อย บ่อยครั้งที่ลูกไม่ยอมดิ้นเหมือนลูกคนอื่น แต่ครั้นดิ้นคราใดก็แรงเสียจนแม่เจ็บระบมไปทั้งท้อง วันอังคารที่ 12 สิงหาคม พ.ศ.2456 ทารกน้อยเพศชาย รูปร่างหน้าตาน่ารักน่าชังได้ถือกำเนิดขึ้น มารดาตั้งชื่ออันเป็นมงคลให้กับทายาทคนที่สองว่า “บัว”

    ตาของเด็กน้อยทำนายอนาคตหลานที่ตอนคลอดออกมามีสายรกพันเฉียงพาดลำตัวว่า ไม่แน่สายรกอาจเปรียบเสมือน สายบาตร โตขึ้นจะเป็นนักปราชญ์ผู้เหยียบแผ่นดินสะเทือน, หรือไม่อาจเป็นตัวแทนของ สายกำยำ (ถุงใส่ดินปืน) ของนายพรานชำนาญไพร, หากเลวร้ายกว่านั้นอาจเป็น สายโซ่ โจรที่ติดคุกตะรางแตก ด้วยความกังวลเหล่านี้ทำให้ผู้เป็นตาพยายามสอนหลานคนนี้อย่างใกล้ชิดเป็น พิเศษแบบไม่คลาดสายตาตั้งแต่เล็กจนโต

    เด็กชายบัว เป็นคนใจบุญสุนทานแตกต่างจากเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด เคารพเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ชอบตื่นเช้าใส่บาตรอยู่ประจำ เรียนจบเพียงแค่ชั้นประถมศึกษาที่ 3 ซึ่งถือเป็นภาคบังคับชั้นสูงสุดในสมัยนั้น พอเริ่มก้าวสู่วัยหนุ่มกระทงก็ช่วยพ่อแม่ทำนาอย่างขยันขันแข็ง เพราะครอบครัวโลหิตดีถือเป็นครอบครัวใหญ่มีลูกถึง 16 คน ครั้นอายุครบบวช พ่อพยายามเอ่ยรบเร้าในวงข้าวถามว่า พร้อมจะบวชทดแทนคุณพ่อแม่ได้เมื่อไร แต่บุตรชายกลับนิ่งเฉย พร้อมเปรยออกมาทำนองว่าตัวเองมีคนรักแล้วยังไม่อยากบวช ถ้อยคำพูดไม่กี่คำถึงกับทำให้พ่อน้ำตาร่วง

    “หลวงตาบัว ญาณสัมปันโน”
    ...ถึงพร้อมแล้วด้วยการหยั่งรู้ !!


    เรื่องที่ทำให้ผู้บังเกิดเกล้าน้ำตาร่วง หนุ่มบัวถึงกับต้องครุ่นคิดหนักทบทวนตัวเอง

    สุดท้ายตัดสินใจทดแทนบุญคุณ โกนหัวก้าวเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ เมื่อวันอังคารที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2477 ณ วัดโยธานิมิตร จ.อุดรธานี ได้รับฉายาว่า “ญาณสัมปันโน” แปลว่า “ถึงพร้อมแล้วด้วยการหยั่งรู้” โดยมีท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์ ด้วยแรกเริ่มต้องการบวชเพียงระยะสั้น ๆ แต่หลังจากได้มีโอกาสเรียนรู้แนวทางวิปัสสนาจากเจ้าอาวาสวัดที่บวชอยู่ทำให้ เริ่มสนใจหลักธรรมอย่างจริงจัง โดยแรกคิดอยากไปสวรรค์ คิดจะไปพรหมโลก พอวิปัสสนามาก ๆ เข้าก็อยากไปนิพพาน อยากเป็นพระอรหันต์อย่างเดียวแน่แท้ จิตจึงมุ่งตรงไปทางนั้น

    คำถามเหล่านี้ผุดขึ้นในใจหลวงตาบัวเพื่อรอวันหาคำตอบ ถึงกับตั้งจิตอธิษฐานไว้ว่า “เมื่อจบเปรียญ 3 ประโยคแล้ว จะออกปฏิบัติธรรมอย่างเดียวเท่านั้น ไม่มีข้อแม้ ไม่มีเงื่อนไข เพราะอยากพ้นทุกข์เหลือกำลัง” จนเมื่อเรียนจบเปรียญ 3 ประโยคในปีที่ท่านบวชได้เพียง 7 พรรษาเท่านั้นเอง ก็ย้ายมาเรียนต่อที่วัดสุทธจินดาในเมืองโคราช แวะเวียนหาเวลาว่างไปฟังเทศน์จาก พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม วัดป่าสาลวัน ซึ่งเป็นศิษย์รุ่นแรกของ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

    ก่อนจะเข้ากรุงเทพฯ มาศึกษาพระธรรมต่อที่วัดบรมนิวาส และช่วยดูแลคณะตามมอบหมาย ก่อนจะเดินทางต่อไปศึกษาปริยัติที่วัดเจดีย์หลวง จ.เชียงใหม่

    กราบปวารณาตัวเป็นลูกศิษย์
    “หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต”


    ดูเหมือนการมาที่วัดเจดีย์หลวง เป็นโอกาสดีที่หลวงตามหาบัว ได้มีโอกาสพบเจอ หลวงปู่มั่น เพราะเป็นจังหวะที่ท่านเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวง ได้อาราธนาหลวงปู่มั่นมาจำวัดแห่งนี้พอดี มีการเล่าขานกันว่าตอนนั้นหลวงตามหาบัวทำได้แต่เพียงแอบมองหลวงปู่มั่นจาก รอยแยกไม้ฝากุฏิ ด้วยความชื่นชมอริยสงฆ์ผู้น่านับถือ ไม่นานหลวงปู่มั่นได้เดินทางไปจำวัดที่อื่น ทำให้ความคิดการฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของหลวงตาบัวต้องพับเก็บไว้ก่อน หลังจากนั้นหลวงตาบัวสอบได้มหาเปรียญ ภาษาบาลี 100 คะแนนเต็ม พร้อมได้นักธรรมตรี–โท–เอก

    แต่ด้วยมุ่งหมายจะฝากตัวเป็นศิษย์กับหลวงปู่มั่น ก็ต้องรอนแรมเดินทางจากโคราชออกไปปฏิบัติธรรมกรรมฐานตามป่าเขาอย่างจริงจัง โดยตั้งจิตมุ่งมั่นจะพ้นทุกข์ให้ได้ในชาตินี้ จากนั้น ปีพ.ศ.2485 เดินทางไปยัง จ.อุดรธานี เพื่อตามหาหลวงปู่มั่น แต่กลับคลาดกันเมื่อหลวงปู่ไปกิจนิมนต์ที่ จ.สกลนคร ทำให้หลวงตาบัวต้องพักจำวัดอยู่สามเดือน ก่อนติดตามไปยัง จ.สกลนคร เพื่อขอกราบเป็นลูกศิษย์ตามเป้าหมายที่วางไว้ พอไปถึงก็มืดค่ำ ศิษย์ที่คิดจะฝากตัวเดินไปในความมืดจนเจอศาลาเล็ก ๆ ตามคำบอกเล่าของชาวบ้านจึงเดินเข้าไปจนเจอพระอาจารย์มั่นกำลังเดินจงกรม

    แม้ได้ฝากตัวเป็นศิษย์สมใจหมาย แต่คำถามเกี่ยวกับ “นิพพาน” ยังคงวนอยู่ในหัวสมอง จนต้องถามหาคำตอบกับพระอาจารย์มั่น ผู้เป็นอาจารย์ช่วยไขปริศนาธรรม โดยตอบว่า “ท่านมหามรรคผลนิพพานอยู่ที่ดินเป็นดิน น้ำเป็นน้ำ ลมเป็นลม ไฟเป็นไฟ ฟ้าอากาศเป็นอากาศ แร่ธาตุต่าง ๆ เป็นของเขาเอง เขาไม่ได้เป็นมรรคผลนิพพาน เขาไม่ได้เป็นกิเลส ...มรรคผลจริง ๆ อยู่ที่หัวใจ ขอให้ท่านกำหนดจิตจดจ่อด้วยสติที่หัวใจ ท่านจะเห็นความเคลื่อนไหวของทั้งธรรมทั้งกิเลสอยู่ในใจ แล้วขณะเดียวกันท่านจะเห็นมรรคผลนิพพานไปตามลำดับ”

    หลักธรรมที่พระอาจารย์ไขความข้องใจ ส่งผลให้การบำเพ็ญเพียรปฏิบัติธรรมของหลวงตามหาบัวเริ่มแน่วแน่มากขึ้น ถึงระยะแรกจะทดท้อบ้าง แต่มีความมุ่งมั่น จนย่างเข้าสู่พรรษาที่ 2 จึงออกธุดงค์ไปยังป่าเขาต่าง ๆ แต่เมื่อทราบข่าวว่าพระอาจารย์มั่นล้มป่วยอย่างหนักที่วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร หลวงตามหาบัวจึงกลับมาดูแลปรนนิบัติรับใช้อาจารย์อย่างใกล้ชิด เมื่อยามว่างจากการดูแลก็ยังฝึกเดินจงกรมไม่ขาด จนราวตี 2 เศษของวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2492 หลวงปู่มั่นจึงได้ละสังขารอย่างสงบ ที่วัดป่าสุทธาวาส สิริรวมอายุได้ 80 ปี

    ภายหลังต้องสูญเสียพระอาจารย์ที่เคารพบูชา หลวงตามหาบัวจึงได้ออกธุดงค์นั่งบำเพ็ญเพียรภาวนา มีโอกาสไปจำวัดหลายแห่ง ทั้งใน จ.สกลนคร มุกดาหาร จนถึง จ.จันทบุรี กระทั่งปี พ.ศ.2498 ได้หวนกลับคืนมาตุภูมิ จ.อุดรธานี เพื่อมาปรนนิบัติโยมมารดาที่ล้มป่วยด้วยโรคชรา ชาวบ้านซึ่งเลื่อมใสศรัทธาจึงร่วมใจบริจาคที่ดินประมาณ 163 ไร่ ให้สร้างวัดป่าบ้านตาด เพื่อให้หลวงตามหาบัว ได้ใช้ปฏิบัติธรรมกรรมฐาน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2499 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน วัดป่าบ้านตาดขยายใหญ่มากขึ้น มีอาณาบริเวณประมาณ 300 ไร่ มีประชาชนจากทั่วประเทศมาปฏิบัติธรรม ในปี พ.ศ. 2542 ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นธรรม ที่พระธรรมวิสุทธิมงคล ท่านจำวัดอยู่วัดป่าบ้านตาดจวบจนวาระสุดท้ายของชีวิตจึงได้ละสังขารไปอย่าง สงบ เมื่อเวลา 03.53 น. วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2554 สิริอายุรวม 97 ปี 5 เดือน 18 วัน (77 พรรษา)

    ....การเติบใหญ่ของผู้คนไม่ต่างจากต้นไม้โน้มเอนหาแสงแดดเพื่อสังเคราะห์ เลี้ยงตน แต่กว่าจะโอนเอนให้สมดังหมายต้องผ่านการชนะใจตนเองก่อน เหมือนกับปริศนาธรรมของหลวงตามหาบัว ที่ได้ค้นพบหลักธรรมนำทางบำเพ็ญเพียร !!.

    เราจะทำความดีให้โลกทั้งหลายได้เห็นเป็นตัวอย่าง

    “โครงการผ้าป่าช่วยชาติ”
    บรรลุเป้าหมายมอบทองคำ 12,087.50 กิโลกรัม
    เงินดอลลาร์ 10,803,600 ดอลลาร์สหรัฐ


    หากถอยหลังกลับไปประมาณ 10 ปีที่แล้ว ราวในปีพ.ศ. 2540 หลวงตามหาบัว เคยมีอาการอาพาธอย่างรุนแรงด้วยโรคท้อง อาการเช่นนี้เป็นติดต่อกันถึง 8 เดือนไม่ปรากฏว่าจะมีแนวโน้มดีขึ้นแต่อย่างใด มีแต่หมดกำลังลงไปทุกวัน ๆ จนทำให้หลวงตาเริ่มปลงใจ พูดเปรยกับคนใกล้ชิดทำนองว่า “ธาตุขันธ์ของร่างกายเรานี้ จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงวันเข้าพรรษา ปี พ.ศ. 2541” แต่ราวปาฏิหาริย์ หลวงตาได้รักษาตัวด้วยการฉันยาสมุนไพรโบราณและใช้ธรรมโอสถทำให้อาการต่าง ๆ ค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นกลับมาเป็นเสาหลักในด้านพระพุทธศาสนา ด้านการปฏิบัติธรรม และด้านการช่วยเหลือความทุกข์ยากต่าง ๆ ให้กับชาวบ้าน โดยเฉพาะโครงการ “ผ้าป่าช่วยชาติ” ที่ดึงพุทธศาสนิกชนชาวไทยหลอมดวงใจเป็นหนึ่ง ร่วมกันช่วยเหลือประเทศชาติที่กำลังประสบสภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจ

    โครงการผ้าป่าช่วยชาติ ของหลวงตามหาบัว มีความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือประเทศชาติ สังคม และประชาชนทั่วไปให้หลุดพ้นจากความเดือดร้อนทางด้านจิตใจและทางวัตถุ หลวงตาจึงสละตัวออกมาเป็นผู้นำทำโครงการที่จะช่วยประเทศชาติประชาชน เชิญชวนประชาชนช่วยกันบริจาคทองคำ เงินดอลลาร์สหรัฐ เพื่อนำเข้า “คลังหลวง” ช่วยกอบกู้สถานภาพของประเทศ เริ่มต้นเปิดโครงการมาตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน พ.ศ.2541 โดยมีสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงเป็นองค์ประธาน

    หลวงตามหาบัว ตั้งเป้าจะระดม ทองคำเข้าคลังหลวงให้ได้ทองคำน้ำหนัก 10 ตัน หรือ 10,000 กิโลกรัม และเงินดอลลาร์ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นำเข้าท้องพระคลังหลวง บัญชีฝ่ายออกบัตร ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นทุนสำรอง เพื่อเพิ่มพูนพระคลังหลวงให้แน่นหนามั่นคงมีเสถียรภาพยิ่งขึ้น เป็นศักดิ์ศรีและหลักประกันประเทศชาติในอนาคต สำหรับสินทรัพย์ (ทองคำและดอลลาร์) ที่ “โครงการช่วยชาติ โดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน” ที่เปิดรับบริจาคตั้งแต่ 12 เม.ย.41 -9 ม.ค.53 นำเข้าคลังหลวงแล้วทั้งสิ้น 15 ครั้ง นับรวมทองคำและดอลลาร์ที่มอบเข้าคลังหลวงไปแล้วทั้งสิ้น ทองคำ 967 แท่ง น้ำหนัก 12,087.50 กิโลกรัม ดอลลาร์ (รวมดอกเบี้ย) 10,803,600 ดอลลาร์สหรัฐ

    ในวันที่ 3 มี.ค.54 ก่อนจะถึงกำหนดพระราชทานเพลิงสรีระสังขารหลวงตามหาบัว จะมีกำหนดการนำทองมอบคลังหลวง เป็นครั้งที่ 16 ถือเป็นครั้งสุดท้ายซึ่งเป็นการปิดโครงการ “ผ้าป่าช่วยชาติ กับหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน” จากเดิมได้มอบทองคำไปแล้วประมาณ 12 ตันเศษ จะเพิ่มเป็น 12.5 ตัน หรือเทียบเท่ากับทองคำประมาณ 1,000 แท่ง โดยพระลูกศิษย์จะมาถวายบังสุกุลระดมทองด้วย ถือเป็นการปิดโครงการผ้าป่าช่วยชาติฯ หลังจากเปิดโครงการมายาวนานกว่า 14 ปี

    ’การเสนอหลวงตามหาบัวบันทึกในกินเนสส์บุ๊กก็เพื่อให้โลกได้รับรู้ถึงความ ประเสริฐของท่านได้มีต่อประเทศไทยและเป็นการบูชาคุณต่อหลวงตามหาบัว ผลงานเช่นนี้ไม่รู้ว่าในรอบ 100 ปีจะมีใครทำได้บ้างหรือไม่“ นายถนอม บุตรเรือง อดีตผู้บริหารสำนักผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยและอดีตรองอธิการบดีมหา วิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย (มมร.) พร้อมคณะของธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ทำหนังสือยื่นใบสมัครหนังสือบันทึกสถิติโลกกินเนสส์หรือกินเนสส์บุ๊ก (Guinness Book of World Records) ซึ่งเป็นหนังสือที่บันทึกที่สุดในโลกด้านต่าง ๆ เพื่อลงบันทึกเรื่องราวของหลวงตามหาบัว ว่า เป็นเอกชนหรือปัจเจกบุคคลเพียงคนเดียว ที่สามารถรวบรวมทองคำบริสุทธิ์ 99.99 % ตามมาตรฐานสากลแต่ละแท่งมีน้ำหนัก 12.5 กก. ภายใต้โครงการผ้าป่าช่วยชาติ ได้ทั้งหมดกว่า 12 ตัน มอบให้แก่ประเทศไทย ขณะนี้ทางกินเนสส์บุ๊กได้รับใบสมัครเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับได้แจ้งหนังสือตอบกลับมาแล้วว่าขอเวลาพิสูจน์เรื่องราวประมาณ 3 เดือนจึงจะทราบผล

    “เราจะทำความดีให้โลกทั้งหลายได้เห็นเป็นคติตัวอย่างอันดีงาม และทำด้วยความเมตตาสงสาร” นี่คือปณิธานของหลวงตามหาบัว ด้วยอุปนิสัยที่โดดเด่นประจำตัวหลวงตามหาบัว ตั้งแต่วัยหนุ่มนั้น คือมีเมตตาธรรม มีน้ำใจชอบช่วยเหลือคนอื่น และผู้ด้อยโอกาสกว่า จตุปัจจัยไทยทานที่ได้รับมาจึงไม่เคยเหลือเก็บ มีเท่าไหร่นำออกแจกจ่ายคนรอบข้างตลอดมา เห็นได้จากตอนเริ่มตั้งวัดป่าบ้านตาด ปี พ.ศ.2499 ก็สงเคราะห์ช่วยเหลือคนทุกข์ยาก คนจน คนเจ็บป่วย คนพิการ และเด็กกำพร้าจำนวนมาก รวมทั้งการช่วยเหลือเพื่อสาธารณประโยชน์ ซึ่งท่านเน้นเป็นกรณีพิเศษจนถือเป็นกิจวัตรประจำวันก็ว่าได้

    มีคำกล่าวหลายตอนที่แสดงได้ชัดเจนถึงความเสียสละของท่าน “…พอตื่นขึ้น…สิ่งแรกที่คิดถึงก่อนอื่นก็คือเรื่องการช่วยโลก ไม่มีแม้แต่น้อยที่คิดถึงเรื่องตัวเอง… พระช่วยโลกไม่ได้ ใครเล่าจะช่วยได้…”
    หรือคำกล่าวที่ว่า “…ไปดูที่ไหน ๆ เราดูจริง ๆ ช่วยจริง ๆ… ถ้าเรายังไม่ตายแล้ว เราจะช่วยตลอดไป ไม่ว่าโรงพยาบาลไหน ๆ ช่วยทั้งนั้น โรงร่ำโรงเรียนก็ปลูกให้เป็นหลัง ๆ ขาดอุปกรณ์อะไร ๆ บ้าง ให้ ให้ ให้ ไม่ว่าแต่โรงพยาบาล สถานสงเคราะห์ต่าง ๆ เราก็ให้…” ว่ากันว่าความมุ่งมั่นจริงจังของหลวงตา ได้ช่วยสงเคราะห์โลกในหลาย ๆ ด้าน คิดเป็นจำนวนเงินมากมายมหาศาลหลายพันล้านบาท นอกเหนือจากโครงการผ้าป่าช่วยชาติแล้ว ด้านการแพทย์ ท่านได้บริจาคครุภัณฑ์ อุปกรณ์การแพทย์ และเครื่องอุปโภคบริโภค ให้สถานพยาบาล และโรงพยาบาลต่าง ๆ จำนวน 217 แห่ง ใน 49 จังหวัด รวมไปถึงประเทศเพื่อนบ้าน คือที่ประเทศลาว อีก 7 แห่ง และพม่า 1 แห่ง

    ด้านสังคม ได้จัดตั้งกองทุนและมูลนิธิ เพื่อช่วยเหลือผู้ยากจน ผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ เช่น กองทุนสงเคราะห์คนพิการ กองทุนช่วยเหลือผู้ยากจนและไร้ที่พึ่ง มูลนิธิเมตตามหาคุณ ฯลฯ รวมถึงการช่วยเหลือสถานสงเคราะห์ต่าง ๆ นอกจากนี้ ยามเกิดน้ำท่วม พายุถล่ม หรือไฟไหม้ ท่านก็จะสั่งซื้อข้าวสารอาหารสดและแห้ง ข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นไปแจกจ่ายช่วยเหลือผู้ประสบภัย

    ด้านการศึกษา ได้ช่วยเหลือเรื่องสื่อการเรียนการสอน อุปกรณ์ ทุนการศึกษา ค่าอาหารกลางวัน ไปจนถึงสร้างอาคารเรียน ห้องสมุด และอื่น ๆ ให้โรงเรียนหลาย ๆ แห่ง นอกจากนี้ท่านยังได้แต่งหนังสือธรรมะ มากเกือบ 100 เล่ม อาทิ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ คือมหาคุณของชาติ, เกิดกับชาติ ต้องช่วยชาติ, ธรรมวินัยกู้ศาสนา, สู่จุดหมายแห่งชัยชนะ, แว่นส่องธรรม, เข้าสู่แดนนิพพาน, รากแก้วของศาสนา พระธุดงคกรรมฐาน, และธรรมะออกจากใจ ฯลฯ

    ในส่วนของด้านศาสนา หลวงตามหาบัว ได้ให้ความสำคัญกับวัดกรรมฐานเป็นอย่างมาก เพราะเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การบำเพ็ญสมณธรรมอันเป็นงานหลักในพุทธศาสนา ท่านจึงให้การอุปถัมภ์ค้ำชูในด้านต่าง ๆ จำนวนมาก เช่น ซื้อที่ดินสร้างวัด ศูนย์ปฏิบัติธรรม สร้างศาลา และขุดสระ สร้างกำแพงล้อมรอบเพื่อรักษาสัตว์ป่าและสภาพป่าภายในวัด บริจาคจตุปัจจัยไทยทานให้กับวัดกรรมฐานในถิ่นทุรกันดารกว่า 100 วัด ในจังหวัดใกล้เคียง ทั้งยามปกติ และในเทศกาลบุญสำคัญ

    ขณะเดียวกัน ก็ให้ความอนุเคราะห์หน่วยราชการต่าง ๆ มากมาย รวมทั้งการสร้างสาธารณประโยชน์ ทั้งสร้างถนน สร้างสะพาน ขุดสระน้ำให้ชาวบ้านได้ใช้ รวมทั้งการเมตตาต่อสัตว์ ทั้งการช่วยเหลือสัตว์พิการนานาชนิด ทั้งสร้างตึก 3 ชั้น และซื้อที่ดิน ให้เงินค่าอาหารทุกเดือนเดือนละนับแสนบาทให้แก่สัตว์พิการหลายพันชีวิต ที่สถานสงเคราะห์สัตว์พิการ นนทบุรี, บ้านสัตว์พิการ พุทธมณฑล กรุงเทพฯ และอีกหลายแห่งที่มิได้เก็บบันทึกไว้ นับว่าท่านได้สร้างคุณอเนกอนันต์ให้แก่โลกใบนี้โดยแท้.

    เราตายแล้ว จะไม่กลับมาเกิดในโลกนี้อีก

    ละสังขารสู่พระนิพพาน


    ’…เราตายแล้ว เราจะไม่กลับมาเกิดในโลกนี้อีกต่อไป เป็นตลอดอนันตกาล !!“

    ช่วงปี พ.ศ. 2541 ช่วงที่หลวงตามหาบัว อาพาธทรุดหนักก็เริ่มปลงใจ พูดเปรยกับคนใกล้ชิดทำนองว่า “ธาตุขันธ์ของร่างกายเรานี้ จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงวันเข้าพรรษา ปี พ.ศ. 2541 อย่างแน่นอน จึงอยากให้สร้างเมรุ เตรียมเอาไว้เผา ตรงบริเวณหน้าศาลาการเปรียญหลังใหญ่” ซึ่งทางลูกศิษย์ก็ได้จัดสร้างเมรุ แบบเรียบง่าย ใช้ก้อนอิฐก่อเป็นเชิงตะกอน เมื่ออาการอาพาธของหลวงตามหาบัว เริ่มทรุดหนักลงไปเรื่อย ๆ ทางคณะสงฆ์และญาติโยมได้กราบเรียนขออนุญาตหลวงตา ให้คณะแพทย์ของโรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น มาช่วยตรวจรักษา ซึ่งในครั้งนั้นคณะแพทย์ได้ตรวจพบก้อนผิดปกติบริเวณลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย อย่างไรก็ตามหลวงตาก็ไม่อนุญาตให้คณะแพทย์ตรวจวินิจฉัยรักษาต่อแต่ประการใด จากนั้นหลวงตาก็ได้รักษาตัวด้วยการฉันยาสมุนไพรโบราณและใช้ธรรมโอสถ จนทำให้อาการต่าง ๆ ของหลวงตาเริ่มดีขึ้นค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้น มีกำลังวังชามากขึ้น จนหายเกือบเป็นปกติ

    เวลาเนิ่นนานผ่านมา 12 ปี ราวปลายปี พ.ศ. 2553 อาการอาพาธได้กำเริบขึ้นมาอีกต้องเข้ารับการตรวจรักษาจากแพทย์โรงพยาบาล อุดรธานี แต่หลวงตามหาบัว ไม่ยอมนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล คณะแพทย์จึงต้องไปคอยดูแลที่วัดป่าบ้านตาด โดยมีแพทย์จากโรงพยาบาลศิริราช และโรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น มาร่วมให้การรักษาจนเดือนมกราคม พ.ศ. 2554 อาการอาพาธไม่ดีขึ้น คณะแพทย์และคณะสงฆ์จึงอาราธนานิมนต์หลวงตาไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯ เมื่ออาการเริ่มดีขึ้นบ้าง หลวงตามหาบัวจึงขอให้คณะแพทย์ช่วยพากลับไปที่วัดป่าบ้านตาด แต่ทางคณะแพทย์ยังเฝ้าดูแลรักษาหลวงตาอย่างใกล้ชิด โดยให้นอนรักษาตัวอยู่ในห้องปลอดเชื้อภายในกุฏิ โดยห้ามประชาชนศิษยานุศิษย์เข้าเยี่ยม แพทย์ต้องงดให้ฉันอาหารเพราะหลวงตาจะอาเจียนออกมาตลอดเวลา โดยเปลี่ยนมาให้สารอาหารทางเส้นเลือด แต่ก็ไม่อาจยื้อชีวิตเอาไว้ได้ ในวาระสุดท้ายของการครองผ้าเหลือง ท่านละสังขารอย่างสงบที่กุฏิวัดป่าบ้านตาด ตอนช่วงใกล้สางวันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม พ.ศ.2554 ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของประชาชนทั่วไป รวมทั้งศิษยานุศิษย์และญาติโยม

    พุทธศาสนิกชนชาวไทยและลูกศิษย์ลูกหาทั้งในและต่างประเทศ ต่างพากันโศกเศร้าเมื่อทราบข่าวร้าย ภาพคลื่นมหาชน จากทั่วสารทิศ ทั้งพระภิกษุและประชาชนหลั่งไหลมุ่งหน้าไปที่วัดป่าบ้านตาดเพื่อกราบสรีระ ของท่าน สื่อมวลชนทุกแขนงนำเสนอข่าวอย่างต่อเนื่องทุกแง่ทุกมุม หลังจากที่หลวงตามหาบัวได้ละสังขารไปแล้ว คณะสงฆ์และญาติโยมจึงได้นิมนต์สรีระของท่านมาไว้บนชั้น 2 ของศาลาเล็กหลังเก่า ที่สร้างมาพร้อมกับการตั้งวัดใหม่ ๆ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปและศิษยานุศิษย์ได้ไปสักการะ

    “เวลามีชีวิตอยู่นี้ เราจะทำความดีให้โลกทั้งหลายได้เป็นคติตัวอย่างอันดีงาม และทำด้วยความเมตตาสงสารต่อโลก เพราะหลังจากนี้ไปแล้ว เราตายแล้ว เราจะไม่กลับมาเกิดในโลกนี้อีกต่อไป เป็นตลอดอนันตกาล และเงินทุกบาททุกสตางค์ที่บริจาคมาทั่วประเทศ เราจะยกให้คลังหลวงของเราหมด เป็นวาระสุดท้ายของเราที่ช่วยโลกอย่างเต็มหัวใจ” คำกล่าวของหลวงตามหาบัว ที่เคยสั่งเสียไว้กับลูกศิษย์

    “ในหลวง” ทรงรับสรีระสังขาร หลวงตามหาบัว
    ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์


    นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งนัก ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานโกศโถและทรงรับสรีระหลวงตามหาบัวไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ 7 วัน ในการนี้พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ได้ถวายพวงมาลาพระราชทานที่หน้าโกศสรีระสังขารหลวงตามหาบัว (และได้กราบบังคมทูล สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ให้ทรงทราบ และขอพระราชทานเพลิงสรีระหลวงตามหาบัว ในวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2554 ณ เมรุจำลองใหม่หน้าศาลาการเปรียญหลังใหญ่)

    ในส่วนของเมรุ (จิตกาธาน) ที่จัดไว้ในงานพระราชทานเพลิงสรีระสังขารหลวงตามหาบัว ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานีร่วมกับเทศบาลนครอุดรธานี ออกแบบเป็นรูปทรงกลม ฐานกว้างประมาณ 40 เมตร เป็นเนินดิน 3 ชั้น สูงประมาณ 3.80 เมตร โดยชั้นที่ 1 จะปลูกต้นจั๋งป่า (ไม้ตระกูลปาล์ม ที่หลวงตาชอบปลูกไว้ในบริเวณวัด) แล้วจะวางกระถางบัวหลวงสลับกันไป ชั้นที่ 2 พื้นปูด้วยหินศิลาแลง และชั้นที่ 3 ซึ่งเป็นที่ตั้งเมรุ รอบ ๆ ฐานจะตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับ โดยไม้ดอกไม้ประดับนั้น จะวางอยู่บนกระบอกไม้ไผ่สูงประมาณ 1.20 เมตร แล้วฐานกระบอกไม้ไผ่นั้น จะผ่าแยกออกเป็นสามแฉกเพื่อเป็นฐานรองรับน้ำหนักของต้นไม้

    ส่วนบนยอดสุดเป็นกลดกว้าง 8 เมตร คล้ายกับเมรุของ พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ขึงลอยอยู่ด้านบน เพื่อที่จะคลุมสรีระองค์หลวงตามหาบัว รวมทั้งการประดับประดาด้วยโคมไฟรอบ ๆ ฐานแต่ละชั้นประมาณ 200 ดวง โดยหลอดไฟจะส่องเข้าไปหาเมรุ นอกจากนั้น ก็มีการติดตั้งไฟแบบขาสูง 1.50 เมตร ประดับตามบันไดแต่ละชั้นอีก 40 จุด ความกว้างของเมรุ (จิตกาธาน) ประมาณ 175.5 เซนติเมตร ยาว 262.5 เซนติเมตร สูง 172 เซนติเมตร โดยใช้ก้อนอิฐประสานก่อรอบนอก จำนวน 842 ก้อน นอกจากนี้ยังใช้อิฐทนไฟทนความร้อน จำนวน 653 ก้อน ก่อรอบภายในเมรุ ใช้สีทองทาอิฐตัวเมรุ มีประตูเป็นแผ่นสเตนเลส และช่องลมแต่ละด้านนั้นมีลูกกรงเหล็กติดตั้งอยู่รอบนอก ส่วนภายในจะมีตะแกรงสเตนเลสไว้รองรับละอองเถ้าถ่านไม่ให้กระจายออกไปข้างนอก สำหรับพื้นของชั้นที่ตั้งเมรุ จะปูด้วยหินอ่อนรอบเมรุ

    สำหรับฟืนที่เลือกมาใช้ในงานพระราชทานเพลิง เลือกใช้ “ต้นจิก” แปรรูปเป็นท่อน ๆ แต่ละท่อนมีขนาดกว้าง 4x4 นิ้ว ยาว50 เซนติเมตร สาเหตุที่เลือกต้นจิก เพราะคนโบราณมีความเชื่อว่าจะช่วยเผาให้อัฐิเป็นสีขาวนวล นอกจากนี้ต้นจิก ตามพุทธประวัติกล่าวว่า หลังจากที่พระพุทธเจ้าได้ประทับอยู่ใต้ต้นโพธิ์และต้นไทร แห่งละ 7 วัน แล้ว จึงเสด็จไปประทับใต้ต้นจิกอีก 7 วัน ในขณะที่ประทับใต้ต้นจิกนี้ ได้มีฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน อากาศก็เย็นมาก จึงมีพญานาคชื่อมุจลินท์มาขดเป็นวง 7 รอบล้อมพระองค์ พร้อมกับแผ่พังพานปรกพระองค์ไว้ อัศจรรย์!! “หลวงตามหาบัว”

    แม้หลวงตามหาบัวจะละสังขารไปแล้ว แต่ยังมีเรื่องราวอัศจรรย์ปรากฏให้พุทธศาสนิกชนได้รับรู้ อย่างเช่นเรื่อง เส้นเกศาของท่าน กลายเป็นพระธาตุ โดยลูกศิษย์รายหนึ่งที่เลื่อมใสศรัทธาในตัวหลวงตามาช้านาน ได้นำเส้นเกศาหลวงตาไปบูชาไว้บนหิ้งพระประมาณ 1 ปี พอท่านอาพาธหนักจึงไปกราบไหว้เกศา ตั้งจิตอธิษฐานขอให้ท่านหายจากอาการอาพาธ หลังจากนั้นได้เปิดฝาที่ใส่เส้นเกศาออกดู ก็ต้องประหลาดใจ เมื่อพบเส้นเกศาแข็งราวกับเส้นใยไหม หรือใยแก้ว มีแสงเปล่งประกายเป็นสายรุ้ง และมีพระธาตุเป็นก้อนกลมเล็ก ๆ 4 ก้อน อยู่รวมกับเส้นเกศา เมื่อพระเลขาฯ ของหลวงตาเห็น ก็ยืนยันว่าเป็นพระธาตุจริง

    เหมือนกับฟันของหลวงตามหาบัวที่ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อดีต ผบ.ตร. และ รมว.แรงงานฯ ลูกศิษย์ใกล้ชิด ได้ไปบูชาก็กลายเป็นพระธาตุไปแล้ว รวมทั้งน้ำเหลืองและเลือดที่ได้มาจากการทำความสะอาดบาดแผลนิ้วเท้าของหลวงตา ตอนที่ยังไม่ละสังขาร ก็กลายเป็นก้อนแข็งคล้ายเม็ดทราย หรือเม็ดน้ำตาลทราย ส่องแสงประกายแวววับเช่นกัน หรือเรื่องที่ญาติโยมซึ่งไปร่วมกราบสรีระสังขารหลวงตาที่วัดป่าบ้านตาด และได้นั่งฟังเทศนาธรรมเสร็จสิ้นในตอนเย็น ทันทีที่กล่าวคำว่า “สาธุ” ก็จะได้ยินเสียงของสรรพสัตว์ที่เลี้ยงไว้ภายในวัดร้องเซ็งแซ่ดังขึ้นด้วย รวมไปถึง “เต่า” ตัวหนึ่ง คลานต้วมเตี้ยมมุ่งหน้าไปยังศาลาตั้งบำเพ็ญสรีระสังขารของหลวงตา ซึ่งญาติโยมส่วนใหญ่เชื่อว่ามันต้องการจะไปกราบสรีระสังขารของหลวงตา เพราะปกติเต่าซึ่งอาศัยอยู่ในป่าตัวนี้มักเดินไปยังกุฏิหลวงตาบ่อย ๆ เมื่อครั้งท่านยังมีชีวิตอยู่

    หรือปริศนาเรื่องการต่ออายุขัยของหลวงตามหาบัว ที่พระอาจารย์แบน หรือหลวงปู่แบน ธนากโร วัดดอยธรรมเจดีย์ จ.สกลนคร เคยกล่าวกับศิษย์ตอนหลวงตามหาบัว เจริญอายุได้ 90 ปี ว่า “ให้รีบไปกราบหลวงตามหาบัวเสียไวๆ ที่สุดเถิด เพราะหลวงตาท่านเข็นสังขาร (ต่ออายุ) มาให้นานถึง 10 กว่าปีนี่แล้วนะ!!”.

    Daily News Online > โลกสีสวย > โลกหลากสี > อริยสงฆ์แห่งวัดป่าบ้านตาด หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
     
  2. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    น้ำตาท่วม ส่งหลวงตามหาบัว

    ปลื้มปีติ'ราชินี'เสด็จพิธี 'ฟ้าหญิง'ทรงร่วมอาลัย พุทธนับล้านเศร้าสลด ไหว้ภาวนาสู่วิมุตธรรม

    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ เสด็จฯวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี พระราชทานเพลิงศพ"หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน" ท่ามกลางคลื่นชาวพุทธร่วมไว้อาลัยนับล้านคน โดยพิธีเก็บอัฐิธาตุ จะเลื่อนไปจากคืน 5 มี.ค. เป?นวันที่ 6 มี.ค.



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    'สมเด็จพระนางเจ้าฯ' เสด็จฯ พระราชทานเพลิง 'หลวงตามหาบัว' ท่ามกลางคลื่นพุทธศาสนิกชนนับล้านเฝ้าฯ รับเสด็จ จนวัดป่าบ้านตาดและพื้นที่โดยรอบแน่นขนัดไปด้วยสาธุชน ที่มาร่วมไว้อาลัยกันเป็นครั้งสุดท้าย ต่างแห่มาเฝ้ารอกันตั้งแต่เช้ามืด 'ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์' ทรงบาตรพระสงฆ์ 19 รูปในตอนเช้า ทรงวางไม้จิก ทอดพระเนตรจนถึงช่วงประชุมเพลิงจริง รวมทั้งสมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ และพระป่าอีสานสายวิปัสสนากรรมฐานหลายหมื่นรูป มาร่วมอาลัย ญาติโยมพนมมือภาวนาอธิษฐานจิตส่งหลวงตาสู่วิมุตธรรม บางคนถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ร้องระงมกันทั้งวัด ที่ต้องสูญเสียพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ

    รอพิธีสำคัญตั้งแต่เช้ามืด

    เมื่อวันที่ 5 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากวัดป่าเกษรศีลคุณ หรือวัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ว่าในวันนี้เป็นวันพระราชทานเพลิงศพพระธรรมวิสุทธิมงคล หรือหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน พระเถราจารย์ สายลูกศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์ใหญ่วิปัสสนากัมมัฏฐานแห่งภาคอีสาน โดยตั้งแต่เช้ามืดมีพุทธศาสนิกชนเดินทางหลั่งไหลมายังวัดป่าบ้านตาดไม่ขาดสาย เพื่อร่วมพิธีสำคัญ และรอเฝ้าฯ รับเสด็จ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่จะเสด็จพระราชดำเนินมาทรงเป็นประธานในพิธี ในช่วงเย็น

    ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า โดยเฉพาะที่โรงทาน บรรดาลูกศิษย์ลูกหาและญาติโยมต่างช่วยงานกันขะมักเขม้น ตระเตรียมอาหารคาวหวาน และน้ำดื่ม สำหรับตักบาตรในตอนเช้า และบริการพุทธศาสนิกชนที่เดินทางมาร่วมพิธี ส่วนเมรุสำหรับพระราชทานเพลิงศพนั้น อาจารย์โรงเรียนช่างฝีมือในวังชาย สำนักพระราชวัง นำหยวกกล้วยแกะสลักลายไทย และรูปดอกบัวขาวจากมะละกอดิบ จำนวน 50 ดอก ประดับตกแต่งจิตกาธานจนเสร็จสมบูรณ์แล้ว มองดูงดงามอย่างเรียบง่าย ขณะที่บริเวณรอบเมรุถูกจับจองไปด้วยคลื่นสาธุชนที่พร้อมใจใส่เสื้อขาว รวมทั้งผู้เฒ่าผู้แก่นั่งหลับตาภาวนาอยู่โดยรอบพื้นที่ ส่วนญาติโยมรอบนอกก็จับจองพื้นที่สำหรับตักบาตรกันอย่างเนืองแน่น มองสุดลูกหูลูกตาหลายแสนคน

    'ฟ้าหญิง'ทรงบาตรพระ 19 รูป

    ต่อมาเวลา 05.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร จ.อุดรธานี พร้อมด้วยกำลังทหารจากมณฑลทหารบกที่ 24 กรมทหารราบที่ 23 และทหารอากาศกองบินที่ 23 เริ่มจัดเตรียมสถานที่ และดูแลความเรียบร้อย เพื่อรอรับเสด็จสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ที่จะเสด็จมาทรงบาตรพระภิกษุสงฆ์ จำนวน 19 รูป ที่ทรงนิมนต์ไว้ พร้อมทั้งให้เจ้าหน้าที่ซึ่งประจำอยู่บริเวณทางเข้าวัดทุกด้านห้ามประชาชนนำรถยนต์เข้าภายในวัด เนื่องจากขณะนี้พื้นที่ภายในวัดแน่นขนัด อีกทั้งยังให้ประชาสัมพันธให้ประชาชนทราบว่า พื้นที่รอบเมรุไม่สามารถเข้าได้แล้ว เพราะเนืองแน่นไปด้วยผู้คน

    จากนั้นเวลา 06.25 น. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จโดยรถยนต์พระที่นั่งมาถึงวัดป่าบ้านตาด เสด็จประทับที่พระตำหนัก และเสด็จออกมารอทรงบาตรในเวลา 06.58 น. โดยมีพระอาจารย์บำรุง นวภโร พระลูกวัดปฏิบัติกิจนิมนต์แทนพระอาจารย์สุดใจ ทันตมโน รักษาการเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด ถือบาตรพระอาจารย์สุดใจ นำพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่อีก 18 รูป รับบาตรสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี แล้วทรงกรวดน้ำ เสด็จกลับพระตำหนัก และเสด็จกลับที่ประทับ

    ยอดบริจาค 330 ล.-ทอง 78 ก.ก.

    ต่อมาเวลา 07.20 น. พระภิกษุสงฆ์ และสามเณร ออกรับบาตรจากญาติโยม แล้วเดินกลับมาเตรียมฉันภัตตาหารเช้าที่ใต้ถุนศาลา 2 ชั้น โดยมีญาติโยมมารอรับศีลรับพรรอบศาลาจนแน่นขนัด จากนั้นพระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก เจ้าอาวาสวัดป่านาคำน้อย ต.บ้านก้อง อ.นายูง จ.อุดรธานี กล่าวกับญาติโยมว่า หลวงตามหาบัวละสังขารมาถึง 1 เดือน กับ 7 วันแล้ว เมื่อวานนี้คณะศรัทธาญาติโยมเคลื่อนย้ายศพจากศาลาการเปรียญหลังเก่าไปไว้ที่เมรุด้วยความเรียบร้อย
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]


    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า สำหรับยอดเงินและทองคำจากการบริจาคนั้น ยอดเฉพาะเงินสดจากตู้รับบริจาค 53 ตู้ ตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค. ถึงวันที่ 4 มี.ค. รวม 262,099,724 บาท ยอดรายรับจากธนาคาร แบ่งเป็นเงินสดจากตู้บริจาค เงินโอน และเช็ค บัญชีออมทรัพย์ 3 บัญชี ตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค. ถึงวันที่ 4 มี.ค. รวมทั้งสิ้น 330,527,589.74 บาท ยอดทองคำเฉพาะจากตู้รับบริจาค 53 ตู้ ตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค. ถึงวันที่ 4 มี.ค. รวม 78 กิโลกรัม 29 บาท 13 สตางค์

    'สังฆราช'ประทานผ้าไตร

    ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ในช่วงเที่ยงสภาพอากาศภายในวัดป่าบ้านตาดร้อนระอุ จนประชาชนบางส่วนต้องคว้าร่มออกมากางบังแสงแดด หรือนำผ้ามาคลุมศีรษะไว้ ขณะที่บางส่วนนำพัดออกมาพัดคลายความร้อน ส่วนบริเวณเต็นท์ขาวด้านขวาของพลับพลาที่ประทับ พระเถรานุเถระประมาณ 30,000 รูป นั่งประจำอาสนะ เพื่อร่วมพิธีรับผ้าไตรประทานของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และผ้าไตรของสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง เจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม วรวิหาร กรุงเทพฯ

    ต่อมาเวลา 13.00 น. นายสาโรจน์ แสงอรุณ รอง ผวจ.อุดรธานี เป็นตัวแทนนำผ้าไตรสมเด็จพระมหาธีราจารย์มาทอด จากนั้นพระอุดมญาณโมลี หรือหลวงปู่จันทร์ศรี จันททีโป เจ้าอาวาสวัดโพธิสมภรณ์ จ.อุดร ธานี และที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 9 ฝ่ายธรรมยุต ซึ่งเป็นพระเถระที่สมณศักดิ์สูงสุดในภาคอีสาน และเป็นสหธรรมิกของหลวงตามหาบัว แสดงพระธรรมเทศนา 1 กัณฑ์ มีใจความตอนหนึ่งว่า มนุษย์ทุกคนอยากได้บุญ เพราะเป็นความสุขกายสุขใจ ทุกคนที่มาร่วมในงานวันนี้มาด้วยความเคารพศรัทธาหลวงตามหาบัว อาตมาทราบข่าวการมรณภาพของหลวงตามหาบัว ในวันที่ 30 ม.ค.ช่วงเช้ามืด ขณะที่นอนหลับและฝันว่า หลวงตามหาบัวมาลา โดยก้มกราบ พร้อม กล่าวว่า "ผมจะไปล่ะ" อาตมาจึงถามว่า "จะไปไหน" หลวงตามหาบัวตอบว่า "ผมไปไม่กลับ ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของผม"

    'หลวงปู่จันทร์ศรี'มอบทอง 100 บ.

    "อาตมารู้จักหลวงตามหาบัวที่วัดเจดีย์หลวง จ.เชียงใหม่ เมื่อครั้งไปปฏิบัติศาสนกิจ ขณะที่พักอยู่ด้วยกันหลวงตามหาบัวไม่มีมุ้งนอน อาตมาได้สละมุ้งให้หลวงตามหาบัว 1 หลัง และจากนั้นก็รักกันชอบกัน เหมือนเกิดท้องเดียวกัน เมื่อเสร็จสิ้นการปฏิบัติศาสนกิจต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกันไปปฏิบัติศาสนกิจ แต่ยังไปมาหาสู่กัน กระทั่งหลวงตามหาบัวเป็นอาจารย์ใหญ่ของพระธุดงค์กรรมฐานในยุคปัจจุบัน นำพระธุดงค์กรรมฐานช่วยชาติช่วยคลังหลวง ถือว่ามีคุณูปการอย่างมาก" หลวงปู่จันทร์ศรีแสดงพระธรรมเทศนา

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังแสดงพระธรรมเทศนาจบ หลวงปู่จันทร์ศรีมอบทองคำ น้ำหนัก 100 บาท หรือประมาณ 1 กิโลกรัม 75 กรัม สมทบโครงการผ้าป่าช่วยชาติของหลวงตามหาบัว ขณะที่พระธรรมมงคลญาณ หรือหลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร เจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล กรุงเทพฯ จะมอบเงินสดสมทบผ้าป่าช่วยชาติ อีกจำนวน 45,000 บาท โดยพระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก เป็นผู้รับมอบ

    เผยเหตุใช้ไม้จิกแทนไม้จันทน์

    ต่อมาเวลา 15.00 น. พระเถรานุเถระไม่ต่ำกว่า 30,000 รูป ทยอยเดินนำไม้จิกไปวางที่กระบะไม้ขนาดใหญ่ ซึ่งเจ้าหน้าที่วัดจัดวางโดยรอบเมรุชั่วคราว จำนวน 8 กระบะ อีกทั้งยังจัดวางกระบะไว้ภายนอกเมรุ ให้ศิษยานุศิษย์ได้ร่วมวางไม้จิกอีกด้วย สำหรับการใช้ไม้จิกแทนไม้จันทน์ในพิธีศพ หลวงตามหาบัวนั้น เนื่องจากหลวงตามหาบัวเคยบอกเล่ากับลูกศิษย์ว่า ฟืนไม้จิกจะช่วยทำให้กระดูกขาวสะอาด และรู้เรื่องนี้มาจากพระเถราจารย์ในสมัยก่อน

    ถัดมาเวลา 15.20 น. พระเทพสารเวที ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ในฐานะเลขานุการสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก อัญเชิญผ้าไตรประทานจากสมเด็จพระสังฆราชฯ จำนวน 5 ไตร ขึ้นสู่เมรุ โดยมีพระราชาคณะ 5 รูป ประกอบด้วย พระธรรมมงคลญาณ, พระราชญาณวิสุทธิโสภณ หรือหลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน ต.นาอ้อ อ.เมือง จ.เลย, พระวิมลญาณเถร วัดสุวรรณจินดาราม จ.ปทุมธานี, พระอาจารย์อุทัย สิริธโร วัดเขาใหญ่เจริญธรรม อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา และพระอาจารย์อินถวาย พิจารณาผ้าไตรประทาน

    เวลา 15.40 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ และนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เดินทางถึงวัดป่าบ้านตาด

    'ฟ้าหญิง'ทรงทอดผ้าไตร

    จากนั้นเวลา 15.50 น. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จพร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ มายังวัดป่าบ้านตาด เสด็จขึ้นเมรุ ทรงทอดผ้าไตรพระราชทาน 5 ไตร ที่จิตกาธานรอบโกศศพ โดยมีพระราชาคณะ 5 รูป ประกอบด้วย พระธรรมกวี วัดราชาธิวาส กรุงเทพฯ, พระราชภาวนาพินิจ วัดพุทธบูชา กรุงเทพฯ, พระราชสารเวที วัดสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ, พระญาณวิศิษฏ์ วัดอโศการาม จ.สมุทรปรา การ, และพระพิศาลศาสนกิจ วัดเขาศาลา จ.สุรินทร์ พิจารณาผ้าไตร 5 ไตร แล้วเสด็จลงจากเมรุ

    จากนั้นสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จลงมายังพลับพลาที่ประทับ เพื่อรอรับเสด็จสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดยพสกนิกรต่างเปล่งเสียงทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ กึกก้องไปทั้งวัด

    ปีติ'ราชินี'ทรงประกอบพิธี

    จนกระทั่งเวลา 17.20 น. สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราช ดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งมาถึงวัดป่าบ้านตาด เสด็จฯ เข้าพลับพลา ทรงสวมกอด สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ก่อนประทับพระราชอาสน์ จากนั้นเสด็จขึ้นเมรุ ทรงทอดผ้าไตรพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 10 ไตร ที่จิตกาธานรอบโกศ พระสงฆ์ 10 รูปบังสุกุล ประกอบด้วย สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ วัดสัมพันธวงศ์, สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม, สมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศวิหาร, พระพรหมวชิรญาณ วัดยานนา วา, พระพรหมมุนี วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม, พระธรรมวราภรณ์ วัดเครือวัลย์, พระธรรมเจติยาจารย์ วัดพระศรีมหาธาตุ, พระธรรมบัณฑิต วัดพระรามเก้ากาญจนา ภิเษก, พระธรรมดิลก วัดป่าแสงอรุณ จ.ขอนแก่น และพระญาณสิทธาจารย์ วัดสามัคคีอุปถัมภ์ จ.หนองคาย แล้วลงจากเมรุ

    สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงหยิบกระทงข้าวตอกดอกไม้ ทรงจุดไฟดอกไม้จันทน์แก่นไม้จิก วางหน้าโกศพระธรรมวิสุทธิมงคล ชาวพนักงานประโคมปี่ กลองชนะ ก่อนเสด็จลงจากเมรุไปประทับพระราชอาสน์ จากนั้นสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ เสด็จขึ้นวางดอกไม้จันทน์แก่นไม้จิกที่โกศ ก่อนเสด็จลงพลับพลา ประทับพระราชอาสน์

    สาธุชนนับล้านเฝ้าฯรับเสด็จ

    ต่อมาเวลา 17.30 น. สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ นำพระเถระชั้นผู้ใหญ่ 33 รูป ที่มีพรรษา 40 ปีขึ้นไป อาทิ หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ วัดป่านาคูณ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี, พระภาวนาวิสุทธิญาณเถร หรือหลวงปู่แบน ธนากโร วัดดอยธรรมเจดีย์ อ.โคกศรีสุ พรรณ จ.สกลนคร, หลวงปู่ลี กุสลธโร วัดเกสรศีลคุณธรรมเจดีย์ (ภูผาแดง) อ.หนอง วัวซอ จ.อุดรธานี และพระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก วัดป่านาคำน้อย อ.นายูง จ.อุดรธานี ขึ้นวางไม้จิก ท่ามกลางบรรยา กาศที่เศร้าสลด ขณะที่บริเวณพระราชอาสน์ที่ประทับ นายคมสัน เอกชัย ผวจ.อุดรธานี ทูลเกล้าฯ ถวายหนังสือที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพ จากนั้นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรี และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ขึ้นวางไม้จิกที่หน้าจิตกาธาน

    จากนั้นเวลา 17.45 น. สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ จากพระราชอาสน์ แล้วทรงมีพระราชปฏิสันถารกับสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับโดยรถยนต์พระที่นั่ง หมายเลขทะเบียน 1 ด 9902 กรุงเทพมหานคร ท่าม กลางพสกนิกร พุทธศาสนิกชนเกือบล้านคนภายในวัด และตลอด 2 ข้างทางที่เฝ้าฯ รับเสด็จ ต่างโบกธงชาติ ธงประจำพระองค์ และเปล่งเสียงทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ กึกก้องไปทั่วบริเวณ จนสิ้นสุดขบวนเสด็จฯ

    ประชุมเพลิงส่งหลวงตา

    จากนั้นเวลา 18.30 น. พระสงฆ์วัดป่าบ้านตาด ขึ้นเมรุวางไม้จิกอีกครั้ง ก่อนที่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จขึ้นเมรุวางดอกไม้จันทน์แก่นไม้จิก แล้วเสด็จลงประทับพระราชอาสน์ ในพลับพลาที่ประทับ ทอดพระเนตรพิธีพระราชทานเพลิงศพหลวงตามหาบัว ท่ามกลางบรรยากาศเศร้าสลด

    ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า โดยเฉพาะที่บริเวณรอบเมรุ บรรดาญาติโยมพุทธศาสนิกชน ยังคงนั่งพนมมือภาวนาจิตเพ่งไปที่จิตกาธาน ที่ไฟกำลังลุกโชน ควันลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า เพื่อส่งหลวงตามหาบัวสู่วิมุตธรรม โดยบอกว่าหลวงตาจะไม่กลับมาเกิดอีกแล้ว ขณะที่บางส่วนภาวนาสังโฆ สังโฆ ด้วยดวงตาที่แดงก่ำ น้ำตาคลอเบ้า และร้องไห้กันระงมไปทั่ววัด

    น้ำตาท่วม-เปิดเสียงเทศน์

    นางรตี แก่นพุทธ อายุ 60 ปี ชาวบ้านจาก จ.สระแก้ว กล่าวทั้งน้ำตาอาบแก้มว่า ดีใจที่ได้มาส่งหลวงตา แต่ก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก ที่ต้องสูญเสียพระดีๆ ไปอย่างไม่มีวันกลับ ตอนประชุมเพลิงจริงได้นั่งภาวนา ตั้งจิตอธิษฐานให้ไปสู่สุคติ และจะนำคำสอนของหลวงตาไปบอกต่อสั่งสอนลูกหลาน ให้ยึดถือปฏิบัติเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต และจะอยู่เฝ้ารับเสด็จสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ที่จะเสด็จมาทรงบาตรในช่วงเช้า และตักบาตรอุทิศกุศลบุญแด่หลวงตา

    ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างประชุมเพลิงศพหลวงตามหาบัว เจ้าหน้าที่วัดเปิดเสียงเทศนาธรรมของหลวงตา เพื่อให้พุทธศาสนิกชนนำกลับไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน แต่เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้นเล็กน้อย เมื่อมีประชาชนลุกฮือจะขึ้นไปบนเมรุ จนเจ้าหน้าที่ต้องประกาศให้ทุกคนหยุดและนั่งอยู่กับที่ เพียงไม่นานสถานการณ์จึงสงบ

    ทำพิธี 3 หาบเก็บอัฐิ

    จนกระทั่งเวลา 20.00 น. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จเข้าประทับยังพระตำหนัก และเสด็จกลับที่ประทับในเวลาต่อมา ส่วนเถ้าอัฐิของหลวงตามหาบัวนั้น ในคืนวันที่ 5 มี.ค.นี้จะยังไม่เก็บกระดูก เพราะต้องรอพิธีหลวง ในเวลา 06.00 น. ของวันที่ 6 มี.ค. ซึ่งเป็นประเพณีที่ใช้กับบุคคลที่มีบรรดาศักดิ์ โดยญาติผู้ใหญ่ถือผ้าไตรนำหน้า ตามด้วยคนแบกหาบ อีก 3 คน 3 หาบ แต่ละหาบจะมีเครื่องอัฐบริขาร อาหารคาว หวาน เดินเวียนเมรุทางด้านซ้าย 3 รอบ โดยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงเป็นประธานในพิธี

    จากนั้นจึงเป็นการเก็บอัฐิและขี้เถ้าของหลวงตามหาบัว โดยทางวัดได้เตรียมหีบเหล็กขนาดเท่าโลงศพ ไว้บรรจุและจะนำไปเก็บในกุฏิพ่อแม่ครูอาจารย์ของหลวงตามหาบัว โดยล็อกกุญแจ 8 ดอก ก่อนมอบกุญแจให้พระเถราจารย์ชั้นผู้ใหญ่เก็บรูปละ 1 ดอก และในวันที่ 11 มี.ค. จึงนำอัฐิธาตุหลวงตาแจกจ่ายให้วัดสาขา ที่มีอยู่ 130 แห่ง นำไปบูชา และเก็บส่วนหนึ่งไว้ที่วัด เพื่อรอบรรจุในเจดีย์ที่เตรียมสร้างครอบเมรุเผาศพหลวงตามหาบัว เพื่อให้สาธุชนกราบไหว้บูชาสักการะ อย่างไรก็ตาม ในคืนวันที่ 5 มี.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร จัดกำลังเฝ้าบริเวณเมรุอย่างเคร่งครัด และไม่อนุญาตให้ประชาชนเข้าใกล้อย่างเด็ดขาด

    [FONT=Tahoma,]หน้า 1[/FONT]

    http://www.khaosod.co.th/view_news....ionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE1TMHdNeTB3Tmc9PQ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มีนาคม 2011
  3. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD align=middle height=10>
    สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เสด็จเป็นประธาน พิธีพระราชทานเพลิงศพหลวงตามหาบัว
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>
    <!-- google_ad_section_start -->
    [​IMG]

    ผู้สื่อข่าวรายงานวันที่ 5 มี.ค. ที่วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานีตั้งแต่ ช่วงเช้ามืดของวันพระราชทานเพลิงศพ พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) ในช่วงเช้านี้ยังคงมีพุทธศาสนิกชนหลั่งไหลมาวัดไม่ขาดสาย เพื่อร่วมงานพระราชทานเพลิงสรีระสังขารองค์อริยสงฆ์สายวัดป่ากรรมมัฏฐาน และเฝ้ารับเสด็จสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในวันนี้มีจำนวนคลื่นลูกศิษย์ลูกหาประชาชนเกิน 5 แสนแล้ว


    [​IMG]

    ส่วนจิตกาธานวางสรีระองค์หลวงตา คณาจารย์จากร.ร.ช่างฝีมือในวังชาย สำนักพระราชวัง นำหยวกกล้วยที่แกะสลักลวดลายไทยเน้นความเรียบง่าย และดอกบัวขาวจากมะละกอดิบ จำนวน 50 ดอก ไปประดับตกแต่งจิตกาธานจนเสร็จสมบูรณ์แล้ว นอกจากนี้สำนักพระราชวังได้เชิญเมรุเบญจา ขึ้นตั้งข้างจิตตาการเมรุ เพื่อประกอบพิธีพระราชทานเพลิง ขณะที่บริเวณรอบเมรุ ปรากฏว่า ขณะนี้พื้นที่เกือบทั้งหมดเต็มไปด้วยคลื่นสาธุชนศิษย์หลวงตามหาบัว ที่พร้อมใจใส่เสื้อขาวจับจองพื้นที่ เพื่อรอส่งสรีระองค์หลวงตาในช่วงเย็นวันนี้อย่างใกล้ชิด

    กระทั่งเวลา 17.20 น. สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ประทับรถยนต์พระที่นั่งมาถึงวัดป่าบ้านตาด เสด็จฯเข้าพลับพลาทรงสวมกอดสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ก่อนประทับพระราชอาสน์จากนั้นเสด็จฯ ขึ้นเมรุ ทรงทอดผ้าไตร 10 ไตรที่จิตกาธานรอบโกศสรีระสังขารพระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) พระสงฆ์ 10 รูปบังสุกุล ได้แก่ ประกอบด้วยสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ วัดสัมพันธวงศ์ สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ วัดราชบพิธฯ สมเด็จพระวันรัต วัดบวรนิเวศฯ พระพรหมวชิรญาณ วัดยานนาวา พระพรหมมุนี วัดราชบพิธฯ พระธรรมวราภรณ์ วัดเครือวัลย์ พระธรรมเจติยาจารย์ วัดพระศรีมหาธาตุ พระธรรมบัณฑิต วัดพระรามเก้า กาญจนภิเษก พระธรรมดิลก วัดป่าแสงอรุณ จ.ขอนแก่น และพระญาณสิทธาจารย์ วัดสามัคคีอุปถัมภ์ จ.หนองคาย

    [​IMG]

    จากนั้นทรงหยิบกระทงข้าวตอกดอกไม้ ทรงจุดไฟดอกไม้จันท์แกนไม้จิก วางหน้าโกศพระธรรมวิสุทธิมงคล ชาวพนักงานประโคม ปี่ กลองชนะ ก่อนเสด็จฯ ลงจากเมรุไปประทับพระราชอาสน์ จากนั้นสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ พร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ขึ้นวางดอกไม้จันท์แก่นไม้จิกที่โกศ ก่อนเสด็จฯ ลงพลับพลา ประทับพระราชอาสน์

    ต่อมาเวลา 17.45 น. สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินกลับโดยรถยนต์พระที่นั่ง ประชาชนเกือบล้านที่เฝ้ารับเสด็จต่างๆโบกธงชาติ และเปล่งเสียงทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ จนขบวนเคลื่อนผ่าน

    [​IMG]

    กระทั่งเวลา 18.00 น.พิธีพระราชทางเพลิงศพ สรีระสังขาร พระธรรมาวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) ท่ามกลางเสียงร้องไห้จากสาธุชนศิษย์หลวงตามหาบัว เกือบล้านคนระงมวัดป่าบ้านตาด

    http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRJNU9UTXhORFUxTmc9PQ==§ionid=<!-- google_ad_section_end -->​
    <!-- google_ad_section_end -->
    .....................................................................

    ประชาชนนับล้านมุ่งสู่วัดป่าบ้านตาด-ร่วมไว้อาลัยสรีระสังขาร"หลวงตามหาบัว" "ราชินี"พระราชทานเพลิง
    </TD></TR><TR><TD align=middle height=10>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD align=middle height=10>
    </TD></TR><TR><TD>
    ประชาชนนับล้านมุ่งสู่วัดป่าบ้านตาด-ร่วมไว้อาลัยสรีระสังขาร"หลวงตามหาบัว"


    <CENTER>
    "ราชินี"พระราชทานเพลิง
    ฟ้าหญิงฯเสด็จทรงบาตรถวายกุศล
    สมเด็จพระสังฆราชประทานผ้าไตร
    ศิษย์ร่วมทำผอบสีเหลี่ยมบรรจุอัฐิธาตุ
    จัดแบ่งนำไปประดิษฐ์ฐาน 130 วัด

    </CENTER>
    เมื่อวันที่ 5 มีนาคม เวลา 17.00 น. สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชทานเพลิงศพพระธรรมวิสุทธิมงคล หรือ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ณ เมรุชั่วคราววัดเกษรศีลคุณ หรือ วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ เสด็จพระราชดำเนินขึ้นเมรุ ทรงทอดผ้าไตร 10 ไตรที่จิตกาธานรอบโกศศพ พระสงฆ์ 10 รูปบังสุกุล ทรงหยิบกระทงข้าวตอกดอกไม้ จากเจ้าพนักงานพระราชพิธีวางข้างโกศศพ ทรงหยิบธูปเทียนดอกไม้จันทน์จากเจ้าพนักงานพระราชพิธี และทรงจุดไฟที่โคม พระราชทานเพลิง ชาวพนักงานประโคมปี่ กลองชนะ เสด็จฯ ลงจากเมรุไปประทับพระราชอาสน์ โดยมีบุคคลสำคัญทั้งนักการเมือง นักธุรกิจ ข้าราช การ และประชาชน ร่วมพิธีจำนวนมาก


    <CENTER>[​IMG]
    ทอดผ้าไตร : สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงทอดผ้าไตรพระราชทาน ในพิธีพระราชทานเพลิงสรีระสังขารหลวงตามหาบัว

    </CENTER>ฟ้าหญิงฯทรงบาตรถวาย"หลวงตาบัว"

    ก่อนหน้านี้เวลา 06.24 น. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จเป็นการส่วนพระองค์ไปยัง วัดเกษรศีลคุณ หรือ วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ทรงบำเพ็ญพระกุศล ทรงบาตรพระสงฆ์ เพื่ออุทิศถวายแด่หลวงตามหาบัว ซึ่งมีพุทธศาสนิกชนไปร่วมตักบาตรพระสงฆ์เป็นจำนวนมาก

    ต่อมา เวลา 09.00 น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผู้แทนพระองค์ นำพวงมาลาพระราชทานวางหน้าจิตกาธาน


    <CENTER>[​IMG]
    ลาลับ : สรีระสังขารพระธรรมวิสุทธิมงคล หรือหลวงตามหาบัว ในหีบทองคำ ประดิษฐานเด่นเป็นสง่า ณ เมรุชั่วคราว วัดป่าบ้านตาด </CENTER>
    ปชช.ทุกสารทิศแห่เข้าวัดป่าบ้านตาด

    ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่วัดป่าบ้านตาด ตลอดทั้งวันมีประชาชนนับล้านคน ทยอยเดินทางมา ร่วมพระราชทานเพลิงสรีระสังขารหลวงตามหาบัว อย่างต่อเนื่อง จนทำให้บริเวณโดยรอบของวัดแน่นขนัดไปด้วยคลื่นมหาชนที่เดินทางมาจากทั่วสารทิศ ประชาชนบางส่วนไม่สามารถเข้ามาในบริเวณงานได้ โดยทางวัดได้เปิดเทปบรรยายถึงคุณงามความดีของหลวงตามหาบัว ให้กับผู้ที่มาร่วมงานได้รับฟัง

    ทั้งนี้ ทางวัดป่าบ้านตาด ได้แจกดอกไม้จิก ที่มีลักษณะเป็นฟืนแท่งเล็ก เพื่อใช้ในพิธีพระราชทานเพลิงสรีระสังขาร แก่ประชาชนที่มาร่วมงาน โดยประชาชนที่ได้รับไม้จิกแล้ว ต่างต่อแถวนำไม้จิกไปวางไว้ในหีบที่ทางวัดจัดให้ บริเวณด้านหน้าจิตกาธาน และทั่วบริเวณวัด

    สำหรับพื้นที่ลานจอดรถที่ทางวัดจัดเตรียมไว้ 18 จุดนั้นเต็มหมดแล้ว ทำให้ประชาชนต้องเดินเท้าเข้าวัดเป็นระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร ขณะที่บางส่วนต้องใช้บริการรถรับส่งที่ทางวัดจัดไว้ให้ ทางด้านโรงทาน ที่มีการแจกจ่ายอาหารกว่า 1,000 จุด มีประชาชนต่อแถวรอรับอาหารคิวยาวเหยียด ซึ่งทางวัดห้ามมิให้มีการซื้อขายใดๆ ทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามได้มีพ่อค้า - แม่ค้า ส่วนหนึ่งไม่กลัวบาปได้นำพัดมาขายในราคาอันละ 20 บาท เสื่อพลาสติกรองนั่งผืนละ 20 บาท ธงชาติ ธงสัญญาลักษณ์อันละ 10 บาท พร้อมกับมีรถสามล้อเครื่อง (สกายแล็ป) ฉวยโอกาสมารับประชาชนที่ต้องการมาวัดป่าบ้านตาดในระยะทางไม่เกิน 100 เมตร ราคา 10 - 20 บาท
    <CENTER>[​IMG]
    อาลัย : ประชาชนศิษยานุศิษย์หลวงตามหาบัว จำนวนมหาศาล ร่วมงานพิธีพระราชทานเพลิงสรีระสังขาร ส่งพระอาจารย์ดังแห่งภาคอีสานสู่สรวงสวรรค์

    </CENTER>ตร.ทหารนับหมื่นรักษาความปลอดภัย

    นายคมสัน เอกชัย ผวจ.อุดรธานี เปิดเผยว่า การเตรียมกำลังของเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจ ทหาร อพปร.และอีกหลายหน่วยเตรียมพร้อมเต็มที่ มากกว่า 10,000 นาย นอกจากนี้ยังมีกำลังทหารจากกองทัพภาคที่2 อีก 2,000 นายเพื่อดูแลการจราจรและความปลอดภัยในงานพิธีครั้งนี้ด้วย

    ทางหลวงเผยเส้นทางมุ่งเข้าอุดรฯโล่ง

    พ.ต.อ.ธนวัฒน์ ภัคคะธนิตศักดิ์ ผกก.กองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจทางหลวง กล่าวว่า สภาพการจราจร ที่มุ่งหน้าเข้าสู้วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี การจราจรบริเวณโดยรอบสามารถเคลื่อนตัวได้ดี โดยตลอดเส้นทางจะมีป้ายบอกเส้นทางเพื่อให้หลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีการจราจรติดขัด ตลอดเส้นทางหลวงที่มาจาก จ.ขอนแก่น,หนองบัวลำภู,สกลนคร และหนองคาย

    สำหรับการจัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ได้จัดเตรียมรถสำหรับนำขบวนพระบรมวงศานุวงศ์ พระเกจิ และคณะรัฐมนตรี มาร่วมพิธีพระราชทานเพลิงสรีระขององค์ตา โดยจัดส่งกำลังเจ้าหน้าที่จำนวน 150 นาย และรถนำขบวนจำนวน 26 คัน ซึ่งมีการเตรียมการรอรับและนำขบวนตั้งแต่ แยกบายพาส จ.ขอนแก่น

    ปชช.ร่วมงาน ป่วยพุ่ง 3 หมื่นราย

    ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ รมช.สธ. เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ที่ให้บริการดูแลสุขภาพประชาชน ที่วัดป่าบ้านตาด ว่า จากการให้บริการตั้งแต่ เวลา 07.00 น. -13.00 น. มีประชาชนเจ็บ ป่วยเข้ารับบริการรวมทั้งหมด 31,000 คน ส่วนใหญ่เป็นลมแดด เนื่องจากสภาพอากาศค่อนข้างร้อน และยังพบไข้หวัด วิงเวียนศีรษะ และปวดท้อง โดยมีผู้ป่วย ที่นำส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลอุดรธานี 6 ราย เป็นผู้ป่วยถูกไฟฟ้าช๊อต 1 ราย และผู้ป่วยที่เป็นโรคไตวายเรื้อรังอยู่แล้วเพื่อล้างไต ทั้งหมดอาการปลอดภัย

    นอกจากนี้ ยังมีผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรง แต่แพทย์ให้นอนสังเกตอาการอยู่ที่โรงพยาบาลสนาม และหน่วยปฐมพยาบาลรวม 45 ราย ส่วนใหญ่มีอาการไข้ ระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบ ท้องเสีย อย่างไรก็ตามหน่วยปฐมพยาบาลและหน่วยแพทย์เคลื่อนที่จะยังคงให้บริการฟรีต่อไปจนถึงเย็นวันที่ 6 มี.ค.นี้ ส่วนโรงพยาบาลสนามจะให้บริการจนถึงวันที่ 7 มี.ค.

    "หลวงปู่จันทร์ศรี" มอบทองคำ 10 บาท

    เวลา 13.00 น. หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป เจ้าอาวาส วัดโพธิสมภรณ์ อ.เมือง จ.อุดรธานี ได้ขึ้นแสดงพระธรรมเทศนา ณ ศาลาใหญ่หน้าเมรุชั่วคราว หลังเทศนาเสร็จหลวงปู่จันทร์ศรี ได้มอบทองคำแท่งน้ำหนักกว่า 10 บาท เข้าคลังหลวงตามโครงการทอดผ้าป่าทองคำช่วยชาติ มีพระอาจารย์อินทร์ถวาย สัน ตัสสโก เจ้าอาวาสวัดป่านาคำน้อย อ.นายูง จ.อุดรธานี เป็นผู้รับมอบ ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมายังบริเวณงานเมื่อเวลาประมาณ 15.40 น.

    ต่อมา เวลา 16.00 น. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงเป็นประธานทอดผ้าไตรพระราชทาน ที่บริเวณจิตกาธาน โดยสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก พระราชทานผ้าไตร จำนวน 5 ไตร ให้กับผู้แทนพระองค์ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ และพระเทพสารเวที พระเลขาในสมเด็จพระสังฆราชฯ ทอดผ้าไตรพระราชทาน

    พระอินโดฯร่วมงานหลวงตาบัว

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระครูประกาศธรรมนิเทศอายุ 55 ปี เจ้าอาวาสวัดวิปัสสนาคราหะ และประธาน กรรมการบริหารคณะสงฆ์ธรรมยุตในประเทศอินโดนีเซีย พร้อมคณะสงฆ์จากวัดเกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย ได้เดินทางมาร่วมงานพระราชทานเพลิงศพด้วย โดยพระครูประกาศธรรมนิเทศ เปิดเผยว่า ไปอยู่วัดในประเทศอินโดนีเซียกว่า 10 ปีรู้สึกเลื่อมใสศรัทธาหลวงตามหาบัว จึงได้ปรึกษาหารือร่วมกับคณะสงฆ์เดินทางมากราบสรีระหลวงตามหาบัว เมื่อเสร็จงานงานพระราชทานเพลิงศพวันที่ 5 มี.ค. จากนั้นก็จะเดินทางกลับวัดที่ประเทศอินโดนีเซียต่อไป

    เตรียมที่รองรับอัฐิหลวงตามหาบัว

    ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด้านการเตรียมการป้องกันเถ้าถ่านและอัฐิของหลวงตามหาบัว จะหลุดรอดออกมาจากเมรุนั้น ทางวัดได้จัดเตรียมหีบที่รองรับเถ้าถ่านสรีระสังขารของหลวงตาเอาไว้เป็นอย่างดี โดยจัดทำเป็นหีบสี่เหลี่ยมทำด้วยสเตนเลส ด้านข้างส่วนยาวจะมีรูปดอกบัวข้างละหนึ่งดอก พร้อมมีอักษรชื่อ "บัว" ด้วย สำหรับด้านล่างของหีบนั้น จะมีล้อเลื่อนข้างละสามอัน และมีตะแกรงสเตนเลสรองรับเถ้าถ่านสรีระของหลวงตา นอกจากนั้น ยังมีฝาคลอบทรงนูนพร้อมที่ล็อคกุญแจ และในตัวเมรุ จะมีรางเหล็กสี่รางไว้ใช้ในการเลื่อนเข้าเลื่อนออกด้วย โดยจะนำไปประดิษฐ์ฐาน 130 วัด

    สำหรับยอดเงิน ที่ร่วมบริจาคกับหลวงตามหาบัว จากตู้รับบริจาค และ3 ธนาคาร ( กสิกร,ไทยพานิชย์,กรุงไทย) ตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค. - 4 มี.ค. 2554 มีจำนวนเงินทั้งสิ้น 330,527,589.74 บาท

    </TD></TR></TBODY></TABLE>http://www.naewna.com/news.asp?ID=252068
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มีนาคม 2011
  4. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="98%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>Short Biography of Luangta Maha Bua ประวัติโดยย่อ และคำสั่งหลวงตา กรณีเงินที่ได้รับบริจาคในงานพระราชทานเพลิงพระสรีระสังขาร</TD></TR><TR><TD bgColor=#339900>[​IMG]</TD></TR><TR align=right><TD>Posted Date : วันที่ 5 มี.ค. 2554 เวลา 13:59 น. </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="95%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>
    ประวัติหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน


    ..................................





    หลวงตา ถือกำเนิดในครอบครัวชาวนาแห่งสกุล “โลหิตดี” ณ ตำบลบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี เมื่อวันอังคารที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๕๖ ตรงกับวันขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๙ ปีฉลู บิดาชื่อ “นายทองดี” มารดาชื่อ “นางแพง” ได้ให้มงคลนามว่า “บัว”
    <O:p</O:p

    วัยเด็ก

    ขณะที่แม่ตั้งครรภ์นั้น ได้ปรารภขึ้นในครอบครัวและหมู่ญาติว่า “ธรรมดาทารกในครรภ์ เมื่อเติบใหญ่ขึ้นมา ต้องดิ้นบ้างไม่มากก็น้อยพอให้แม่รู้สึก แต่กับลูกคนนี้แปลกกว่าคนอื่น ตรงที่นอนนิ่งเงียบเหมือนไม่มีลมหายใจ จนบ่อยครั้งทำให้แม่คิดตกอกตกใจว่า “ไม่ใช่ตายไปแล้วหรือ? ทำไมจึงเงียบผิดปกตินัก” ครั้นเวลาจะดิ้น ก็ดิ้นผิดทารกทั่วๆไป คือดิ้นเสียจนแม่เจ็บในท้อง ครั้นพอถึงระยะจะคลอด ก็เจ็บท้องอยู่ถึง ๓ วัน ก็ไม่เห็นว่าจะคลอดแต่อย่างใด ตอนเจ็บท้องอยู่นั้น ก็ชนิดจะเอาให้ล้มตายไปเลย เสร็จแล้วก็หายเงียบไป จนกระทั่งคิดว่า ไม่ใช่ตายไปอีกแล้วหรือ? แล้วก็กลับดิ้นขึ้นมาอีก...”
    <O:p</O:p
    คุณตาของท่านทายถึงอุปนิสัยของทารกในครรภ์ว่า “ถ้าหากเป็นชาย ชอบไปทางไหน เรียกว่า ขาดเลยทีเดียว เป็นคนจิตใจหนักแน่น ลงได้ทำอะไรแล้ว ต้องจริงทุกอย่าง ไม่มีเหลาะๆแหละๆ” เมื่อทารกคลอดออกมา มีสายรกพาดเฉวียงบ่าออกมาด้วย คุณตาเห็นดังนั้น จึงพูดขึ้นว่า “สายบาตรๆ” แล้วทำนายไว้เป็น ๓ อย่าง คือ
    <O:p</O:p
    ๑. สายบาตร ถ้าเป็นนักปราชญ์จะเหยียบแผ่นดินสะเทือน<O:p</O:p
    ๒. สายกำยำ ถ้าเป็นนายพราน ก็จะมีความชำนาญลือลั่นสะท้านป่า<O:p</O:p
    ๓. สายโซ่ ถ้าเป็นโจร ก็เป็นประเภทคุกตารางแตก
    <O:p</O:p

    <O:p</O:pการศึกษา


    <O:p</O:p


    ท่านเป็นเด็กที่เรียนหนังสือเก่ง มีความขยัน อดทน และ มีความรับผิดชอบสูง จะเห็นได้จากผลการเรียนอันดีเยี่ยม โดยสอบได้ที่สองในชั้นประถมปีที่ ๑ พอขึ้นชั้นประถมปีที่ ๒, ที่ ๓ ก็สอบได้ที่หนึ่งมาโดยตลอด เมื่อเรียนจบชั้นประถมปีที่ ๓ ซึ่งเป็นการศึกษาภาคบังคับสูงสุดในสมัยนั้นแล้ว ท่านก็ไม่ได้เรียนต่อในชั้นใดอีกเลย
    <O:p</O:p

    อุปนิสัย


    <O:p</O:p


    ท่านมีอุปนิสัยถือความสัตย์ความจริง ทำอะไรก็ทำจริง เวลาทำการทำงานจะไม่อยากให้คนรู้คนเห็น แม้ในยามบวชเป็นพระแล้ว เวลาทำความเพียร ท่านไม่ยอมให้ใครเห็นได้ง่ายๆ ทำทางจงกรมหลบอยู่ในป่า และในยามค่ำคืนต้องรอจนหมู่คณะขึ้นกุฏิหมดแล้ว ท่านจึงจะลงเดินจงกรม และที่เด่นมาก ก็คือ มีความทรหดอดทนเป็นเลิศ สังเกตได้จากการทำงานของท่าน จะทำไปเรื่อยๆจนเสร็จงาน ถ้าไม่มืด หรือไม่ใช่เวลากินข้าวกลางวัน ก็ไม่ยอมเลิก จนพวกน้องๆพากันมาบ่นให้พ่อแม่ฟังว่า “ถ้าพ่อแม่ไม่ไปทำงานด้วย พี่ชายทำงานไม่ยอมเลิกยอมหยุด ยังกับว่า จะเอาให้น้องๆตายไปข้างหนึ่งเลยทีเดียว”
    <O:p</O:p

    มูลเหตุแห่งการบวช


    <O:p</O:p

    เมื่อท่านมีอายุครบสมควรจะบวชได้แล้ว พ่อได้ปรารภเรื่องนี้ขึ้น ในขณะที่กำลังรับประทานอาหารว่า มีลูกชายหลายคน แต่ไม่มีลูกคนใดคิดบวชให้ พอให้ได้เห็นผ้าเหลืองก่อนตาย ได้ตายอย่างเป็นสุข หายห่วง ลูกคนอื่นๆพ่อไม่สนใจพอจะอาศัยใคร มีแต่ท่านเท่านั้นที่พอจะอาศัยได้
    <O:p</O:p
    พ่อชมท่านว่า ลงได้ทำการทำงานอะไรแล้วพ่อไว้ใจได้ทุกอย่าง พ่อทำยังสู้ไม่ได้ แต่พอพ่อขอให้บวชให้ทีไร ท่านไม่เคยตอบ ไม่เคยพูดเลย เหมือนไม่มีหูไม่มีปาก บทเวลาพ่อตายแล้ว จะไม่มีใครฉุดลากขึ้นมาจากหม้อนรก พ่อพูดว่า ถ้าพ่ออาศัยท่านไม่ได้แล้ว พ่อก็หมดหวัง เพราะลูกชายหลายคน พ่อหวังใจอาศัยท่านเท่านั้น
    <O:p</O:p
    “พอพ่อว่าอย่างนั้น น้ำตาพ่อร่วงปุ๊บปับ แม่เอง พอมองไปเห็นพ่อน้ำตาร่วง แม่ก็เลยน้ำตาร่วงเข้าอีกคน เราเห็นอย่างนั้น เกิดอาการสะเทือนใจทนดูอยู่ไม่ได้ ก็โดดออกจากวงรับประทานอาหาร ปุ๊บปับหนีไปเลย นั่นแหละ เป็นต้นเหตุให้เราตัดสินใจบวช...”
    <O:p</O:p
    <O:p</O:pสู่ร่มกาสาวพัสตร์
    <O:p</O:p

    ท่านได้บรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดโยธานิมิตร บ้านหนองขอนกว้าง ตำบลหนองบัว อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี เมื่อวันอังคารที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๗๗ ตรงกับวันขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๗ ปีจอ พระอุปัชฌาย์คือ ท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) วัดโพธิสมภรณ์ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ได้ให้ฉายานามว่า “ญาณสมฺปนฺโน” แปลว่า “ผู้ถึงพร้อมด้วยญาณ”
    <O:p</O:p
    ด้วยความที่เป็นคนมีอุปนิสัยจริงจัง คิดว่า “พอบวชแล้ว เราจะตั้งหน้าบวชให้สมบูรณ์แบบ ไม่ให้ตำหนิติเตียนเจ้าของได้ในหลักธรรมหลักวินัยข้อใดเลย เราจะเอาจริงเอาจังจนกระทั่งวันสึก กะไว้อย่างนาน ๒ ปี จะทำหน้าที่บวชให้สมบูรณ์ที่สุด จะเรียนหนังสืออะไรๆก็แล้วแต่เถอะ จะทำหน้าที่ให้สมบูรณ์”
    <O:p</O:p

    แม้เรียนปริยัติ ก็ไม่ทิ้งเรื่องภาวนา


    <O:p</O:p


    ท่านได้ไปถามคำภาวนาจากท่านพระครู “กระผมอยากภาวนา จะให้ภาวนายังไง?” “เออ! ให้ภาวนา พุทโธ นะ เราก็ภาวนา พุทโธ เหมือนกัน ท่านได้ฝึกหัดภาวนาอย่างไม่ลดละ แรกๆจิตใจก็ไม่สงบเท่าใดนัก แต่เมื่อทำอยู่หลายครั้งหลายหน จิตก็เริ่มสงบตัวลงไปโดยลำดับ จนกระทั่งเห็นความอัศจรรย์ของจิต
    <O:p</O:p
    “เมื่อเรียนธรรมะไปตรงไหน มันสะดุดใจเข้าไปเรื่อยๆ นับตั้งแต่ นวโกวาท ที่เป็นพื้นฐานแห่งการศึกษาเบื้องต้น ยิ่งได้อ่านพุทธประวัติ ทำให้เกิดความสลดสังเวช สงสารพระพุทธองค์ ในเวลาที่ทรงลำบาก เพราะทรมานพระองค์เองก่อนตรัสรู้ธรรม จนถึงกับน้ำตาร่วงไปเรื่อยๆ พออ่านจบ เกิดความสลดใจอย่างยิ่ง ในความพากเพียรของพระองค์ซึ่งเป็นกษัตริย์ทั้งองค์ ทรงสละราชสมบัติออกทรงผนวช เป็นคนขอทานล้วนๆ ซึ่งสมัยนั้นไม่มีศาสนา คำว่าการให้ทานได้บุญอย่างนั้น การรักษาศีลได้บุญอย่างนี้ ไม่เคยมี พระองค์ก็ต้องเป็นคนอนาถา และขอทานเขามาโดยตรง และฝึกอบรมพระองค์เต็มพระสติกำลังทุกวิถีทาง เป็นเวลา ๖ ปี ถึงได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าขึ้นมา
    <O:p</O:p
    ในขณะที่อ่านประวัติของพระพุทธเจ้าที่ได้ตรัสรู้ธรรม รู้สึกอัศจรรย์อย่างยิ่ง ถึงกับน้ำตาร่วงเช่นเดียวกัน เมื่อได้อ่านประวัติของพระสาวกอรหันต์ทั้งหลาย ที่ท่านออกมาจากสกุลต่างๆกัน ตั้งแต่พระราชามหากษัตริย์ มหาเศรษฐี กุฎุมพี พ่อค้า ประชาชน ตลอดคนธรรมดา ท่านกล่าวว่า
    <O:p</O:p
    “...องค์ไหนออกมาจากสกุลใด หลังจากได้รับพระโอวาทจากพระพุทธเจ้าแล้ว ต่างก็ไปบำเพ็ญในป่าในเขาอย่างเอาจริงเอาจัง เดี๋ยวองค์นั้นสำเร็จเป็นพระอรหันต์อยู่ที่นั่น องค์นั้นสำเร็จอยู่ในป่านั้น ในเขาลูกนั้น ในถ้ำนั้น ในทำเลนี้มีแต่ที่สงบสงัด ก็เกิดความเชื่อเลื่อมใสขึ้นมา ทำให้ใจหมุนติ้ว เรื่องภายนอกก็ค่อยจืดไปจางไป...”
    <O:p</O:p
    “...ทีแรกก็คิดจะไปสวรรค์ ไปพรหมโลก พออ่านประวัติพระสาวกมากๆเข้า มันไม่อยากไปล่ะสิ อยากไปนิพพาน สุดท้ายก็อยากไปแต่นิพพานอย่างเดียว อยากเป็นพระอรหันต์อย่างเดียวเท่านั้น ไม่มีเปอร์เซ็นต์อื่นเข้ามาเจือปนเลย ทีนี้จิตมันก็พุ่งลงตรงนั้น ลงช่องเดียว ความตั้งใจเดิมว่าจะบวชเพียง ๒ พรรษา แล้วละสิกขาลาเพศไปนั้น ค่อยจืดจางลงไปทุกขณะ กลับเพิ่มพูนความยินดีในเพศนักบวชมากเข้าไปทุกที เรื่องธรรมะก็รู้สึกดูดดื่มยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จิตใจก็เปลี่ยนแปลงไป...”
    <O:p</O:p
    ด้วยเหตุนี้เอง ในระยะต่อมาท่านจึงได้ออกจากบ้านตาด ไปศึกษาเล่าเรียนในที่ต่างๆ จนกระทั่งได้ตั้งสัจจอธิษฐานไว้เลยว่า “เมื่อจบเปรียญ ๓ ประโยคแล้ว จะออกปฏิบัติโดยถ่ายเดียวเท่านั้น ไม่มีข้อแม้ ไม่มีเงื่อนไข เพราะอยากพ้นทุกข์เหลือกำลัง อยากเป็นพระอรหันต์นั่นเอง”
    <O:p</O:p
    แต่ถึงกระนั้น ก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่า “เวลานี้มรรคผลนิพพาน จะมีอยู่เหมือนครั้งพุทธกาลหรือไม่?” ท่านได้เก็บความสงสัยนี้ฝังอยู่ภายในใจ เพราะไม่สามารถจะระบายให้ผู้ใดฟังได้ เป็นเหตุให้ท่านมุ่งหวังอยากพบ ท่านพระอาจารย์<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]มั่น ภูริทัตโต</st1:personName> ซึ่งท่านเคยได้ยินชื่อเสียงมานาน และเชื่อมั่นอยู่ภายในใจลึกๆว่า ท่านพระอาจารย์มั่น จะสามารถแก้ข้อสงสัยนี้ได้
    <O:p</O:p
    ในปี พ.ศ. ๒๔๘๔ ท่านเรียนจบปริยัติที่วัดเจดีย์หลวง นับได้ ๗ พรรษาพอดี โดยสอบได้ทั้งนักธรรมเอก และเปรียญ ๓ ประโยค ในปีเดียวกัน ท่านเล่าว่า “ในช่วงเรียนปริยัติ อยู่ ๗ ปี การปฏิบัติไม่ค่อยเต็มที่เท่าใดนัก เป็นเพียงสงบเล็กๆน้อยๆธรรมดาๆ มีเพียง ๓ หน ที่จิตลงถึงขนาดอัศจรรย์เต็มที่ คือ ลง กึ๊ก เต็มที่แล้วอารมณ์อะไรขาดหมดในเวลานั้น เหลือแต่รู้อันเดียว กายก็หายเงียบเลย..”
    <O:p</O:p
    ครั้นเมื่อเรียนจบแล้ว ท่านระลึกถึงคำสัตย์ที่ตั้งไว้แต่ต้น จึงเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อหาโอกาสกราบลาพระเถระผู้ใหญ่ อาจารย์ของท่าน พอดีท่านรับนิมนต์ไปต่างจังหวัด จึงถือโอกาสนั้นเข้านมัสการกราบลาสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ติสโส อ้วน) ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดบรมนิวาสในขณะนั้น ท่านก็ยินดีอนุญาตให้ไปได้
    <O:p</O:p

    ออกปฏิบัติเต็มตัว เป็นตายฝากไว้กับธรรม
    ท่านออกเดินทางมุ่งสู่จังหวัดนครราชสีมา โดยพกหนังสือปาฏิโมกข์เพียงเล่มเดียวติดย่ามไปเท่านั้น และเข้าจำพรรษาที่วัดในอำเภอจักราช เป็นปีพรรษาที่ ๘ ท่านเร่งทำความเพียรทั้งวันทั้งคืน ตั้งแต่มาถึงทีแรกจนตลอดพรรษา
    <O:p</O:p
    “คราวนี้จะเอาให้เต็มเม็ดเต็มหน่วย เต็มเหตุเต็มผล เอาเป็นเอาตายเข้าว่าเลย อย่างอื่นไม่หวังทั้งหมด หวังความพ้นทุกข์อย่างเดียวเท่านั้น จะให้พ้นทุกข์ในชาตินี้แน่นอน ขอแต่เพียงท่านผู้หนึ่งผู้ใด ได้ชี้แจงให้เราทราบ เรื่องมรรคผลนิพพาน ว่า มีอยู่จริงเท่านั้น เราจะมอบกายถวายชีวิตต่อท่านผู้นั้น และมอบกายถวายชีวิตต่ออรรถต่อธรรม ด้วยข้อปฏิบัติอย่างไม่ให้อะไรเหลือหลอเลย ตายก็ตายไปกับข้อปฏิบัติ ไม่ได้ตายด้วยความถอยหลัง จิตปักลงเหมือนหินหัก”
    <O:p</O:p
    ท่านออกเดินทางจากจังหวัดนครราชสีมา มุ่งหน้าไปจังหวัดอุดรธานี ตั้งใจว่าจะไปจำพรรษากับท่านพระอาจารย์มั่น ที่วัดป่าโนนนิเวศน์ แต่ก็ไม่ทันท่าน เพราะท่านรับนิมนต์ไปจังหวัดสกลนครเสียก่อน ท่านจึงไปพักที่วัดทุ่งสว่าง จังหวัดหนองคาย พอดีมีพระมาจากวัดบ้านโคกนามน เล่าให้ฟังว่า “ท่านพระอาจารย์มั่นดุมาก ไม่เพียงแต่ดุเท่านั้น พอไล่ได้ ก็ไล่หนีเลย”
    <O:p</O:p
    ท่านฟังแล้วรู้สึกถึงจิตถึงใจกับความเด็ดของท่านพระอาจารย์มั่น และแอบคิดอยู่แต่ผู้เดียวในใจว่า “...อาจารย์องค์นี้ล่ะ จะเป็นอาจารย์ของเรา ต้องให้เราไปเห็นเอง ท่านจะดุแบบไหน ครูบาอาจารย์ชื่อเสียงโด่งดังทั่วประเทศไทยมานานขนาดนี้ จะดุด่าขับไล่ไสส่งโดยหาเหตุผลไม่ได้นี้ เป็นไปไม่ได้...”
    <O:p</O:p

    พบท่านพระอาจารย์มั่น


    <O:p</O:p

    ท่านพักอยู่ที่วัดทุ่งสว่าง ประมาณ ๓ เดือน พอถึงเดือนพฤษภาคม ๒๔๘๕ เป็นพรรษาที่ ๙ ของท่าน ก็ออกเดินทางจากหนองคาย ไปสกลนคร เพื่อมุ่งสู่ท่านพระอาจารย์มั่น ซึ่งพักอยุ่ที่บ้านโคก ตำบลตองโขบ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร
    <O:p</O:p
    ถามทางชาวบ้านเดินลัดเลาะไปตามทางด่าน ถึงวัดพอดีมืดค่ำ ก็ไปเห็นศาลาหลังหนึ่ง เกิดสงสัยขึ้น “ถ้าเป็นศาลา มันก็ดูว่าเล็กไป ถ้าว่าเป็นกุฏิ ก็จะใหญ่ไป” พอดีท่านพระอาจารย์มั่น กำลังเดินจงกรมอยู่ที่ข้างศาลา ท่านก็เดินไปพบท่านพระอาจารย์มั่นบนทางจงกรม ท่านพระอาจารย์มั่นจึงถามขึ้นว่า “ใครมานี่?” ท่านกราบเรียนว่า “ผมครับ” ท่านพระอาจารย์มั่นก็กล่าวขึ้นอย่างดุๆ พร้อมกับใส่ปัญหาให้คิดในทันทีว่า “...อันผมๆนี้ ตั้งแต่คนหัวล้านมันก็มีผม ตรงที่มันไม่ล้าน...” พอได้ยินดังนั้น ท่านรู้สึกว่า พลาดไปอย่างถนัดใจ จึงกราบเรียนขึ้นใหม่ทันทีว่า “ผม ชื่อ พระมหาบัวครับ” “เออ! ก็ว่าอย่างนั้นสิ มันถึงจะรู้เรื่องกัน อันนี้ว่า ผม ผม ใครมันก็มี ผมเต็มหัว ทุกคน”
    <O:p</O:p
    พอได้โอกาสจึงได้เข้ากราบเรียนถวายตัวเป็นศิษย์ และเรียนให้ท่านทราบถึงที่มาที่ไปพอท่านได้รู้จัก พอกราบเรียนเสร็จ ก็ครุ่นคิดวิตกกังวลอยู่ภายในใจ “ไม่อยากได้ยินเลย คำที่ว่า ที่นี่เต็มแล้ว รับไม่ได้แล้ว กลัวว่าหัวอกจะแตก...” สักครู่หนึ่ง ท่านพระอาจารย์มั่นก็พูดว่า “นี่ พอดีนะนี่ เมื่อวานนี้ท่านเนตรไปจากนี้ แล้ววันนี้ท่านมหาก็มา ไม่เช่นนั้นก็ไม่ได้อยู่ กุฏิไม่ว่าง” ท่านพระอาจารย์มั่นพูดธรรมดาๆ ถึงจะเมตตารับท่านไว้แล้วก็ตาม แต่ก็ทำให้ท่านรู้สึกหวาดเสียวอดใจหายใจคว่ำไม่ได้ เพราะเกรงว่าจะไม่ได้อยู่
    <O:p</O:p

    สิ้นกังขาใน มรรค ผล นิพพาน


    <O:p</O:p


    ท่านพระอาจารย์มั่น พูดเหมือนจะล่วงรู้วาระจิตของท่าน จึงพูดจี้เอาตรงๆในคืนแรกนี้เลยว่า
    <O:p</O:p
    “...ท่านมาหามรรคผลนิพพาน มรรคผลนิพพานอยู่ที่ไหน? ดินเป็นดิน น้ำเป็นน้ำ ลมเป็นลม ไฟเป็นไฟ ฟ้าอากาศเป็นฟ้าอากาศ แร่ธาตุต่างๆเป็นของเขาเอง เขาไม่ได้เป็นมรรคผลนิพพาน เขาไม่ได้เป็นกิเลส”
    <O:p</O:p
    “กิเลสจริงๆ มรรคผลนิพพานจริงๆอยู่ที่หัวใจ ขอให้ท่านกำหนดจิตจ่อด้วยสติที่หัวใจ ท่านจะเห็นความเคลื่อนไหวของทั้งธรรม ของทั้งกิเลสอยู่ภายในใจ แล้วขณะเดียวกัน ท่านจะเห็นมรรคผลนิพพานไปโดยลำดับลำดา...”
    <O:p</O:p
    ท่านพระอาจารย์มั่น แสดงเรื่องมรรคผลนิพพาน ชนิดที่ถอดออกมาจากใจท่านแท้ๆ ทำให้ท่านเกิดความมั่นใจ และเชื่อแน่ว่า มรรคผลนิพพานมีอยู่จริง ความสงสัยในเรื่องนี้ที่เคยค้างคามาแต่เดิมก็หมดสิ้นไป
    <O:p</O:p

    ทุกข์เพราะจิตเสื่อม


    <O:p</O:p


    เพราะเหตุทำกลด ทำให้สมาธิของท่านเริ่มเสื่อมลง “...เป็นสภาวะที่จิตรู้สึกเข้าสมาธิไม่ค่อยสนิทเหมือนที่เคยเป็นมา บางครั้งเข้าสงบได้ แต่บางครั้งเข้าไม่ได้ ภาวะเสื่อมนี้ มันถึงขนาดจะเป็นจะตายจริงๆ เพราะทุกข์มาก เหตุที่ทุกข์มาก เพราะได้เคยเห็นคุณค่าของสมาธิที่แน่นปึ๋งมาแล้ว และก็กลับเสื่อมเอาชนิดไม่มีอะไรติดเนื้อติดตัวเลย มีแต่ฟืนแต่ไฟเผาหัวใจตลอดเวลา ทั้งวันทั้งคืน ทั้งยืนทั้งเดิน ทั้งนั่งทั้งนอน จึงเป็นทุกข์ เพราะอยากได้สมาธินั้นกลับมา ก็เป็นมหันตทุกข์จริงๆ”
    <O:p</O:p
    แต่ด้วยความเด็ดเดี่ยว ความมุ่งมั่นจริงจัง เพื่อที่จะครองชัยชนะในการต่อสู้กับกิเลสนี้ให้ได้ ท่านพูดเสมอว่า “ถ้ากิเลสไม่ตาย เราก็ต้องตายเท่านั้น จะให้อยู่เป็นสอง ระหว่างกิเลสกับเรานั้น ไม่ได้” ท่านได้รับอุบายจากท่านพระอาจารย์มั่นในตอนจิตเสื่อมว่า “ จงปล่อยความคิดถึงมันเสีย แล้วให้คิดถึงพุทโธติดๆกันอย่าลดละ พอบริกรรมพุทโธ ถี่ยิบติดๆกันเข้า มันวิ่งกลับมาเอง คราวนี้แม้มันกลับมาก็อย่าปล่อยพุทโธ มันไม่มีอาหารกิน เดี๋ยวมันก็วิ่งกลับมาหาเรา”
    <O:p</O:p
    พรรษาที่ ๙ เป็นพรรษาแรกที่ท่านได้จำพรรษากับท่านพระอาจารย์<st1:personName w:st="on" ProductID="มั่น ณ บ้านโคก">มั่น ณ บ้านโคก</st1:personName> จังหวัดสกลนคร ท่านตั้งคำมั่นสัญญาขึ้นว่า “...อย่างไรจะต้องนำคำบริกรรมพุทโธ มากำกับจิตตลอดเวลา ไม่ว่าเข้าสมาธิ ออกสมาธิ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน แม้ที่สุดปัดกวาดลานวัด หรือทำกิจวัตรต่างๆ จะไม่ยอมให้สติพลั้งเผลอจากคำบริกรรมนั้นเลย...” ด้วยความมุ่งมั่นจริงจัง จิตก็เป็นสมาธิ ไม่เสื่อมอีกต่อไป
    <O:p</O:p

    โหมเร่งความเพียรเต็มกำลัง นั่งสมาธิตลอดรุ่ง


    <O:p</O:p


    พรรษาที่ ๑๐ จำพรรษาที่บ้านนามน จังหวัดสกลนคร เป็นปีที่ ๒ ของการไปอยู่กับท่านพระอาจารย์มั่น ในพรรษานี้ท่านเร่งความเพียรอย่างเต็มเหนี่ยวยิ่งกว่าธรรมดา หักโหมทั้งร่างกายและจิตใจ กลางวันไม่นอนเลย เว้นแต่วันที่นั่งสมาธิตลอดรุ่ง วันนั้นจึงจะยอมให้พักกลางวัน ถ้าวันไหนทำความเพียรธรรมดาๆ กลางวันท่านจะไม่ยอมพักเลย ในคืนที่นั่งสมาธิตลอดรุ่งนั้น ท่านจะไม่ยอมให้พลิกเปลี่ยน หรือขยับแข้งขาใดๆ ความทุกข์ทรมานที่ปรากฏนั้น ท่านเล่าว่า
    <O:p</O:p
    “...เหมือนกับก้นมันพองไปหมด กระดูกเหมือนจะแตกทุกข้อทุกท่อน กระดูกมันต่อกันตรงไหน หรือแม้แต่ข้อมือเหมือนมันจะขาดจากกัน ทุกขเวทนาความเจ็บปวดเวลาขึ้น มันขึ้นหมดทุกอย่างทุกแง่ทุกมุมในร่างกายเลย...”
    <O:p</O:p
    การโหมความเพียรหลายต่อหลายครั้ง นั่งสมาธิตลอดรุ่ง ๙ คืน ๑๐ คืน เช่นนี้ ทำให้ก้นของท่านถึงกับพอง และแตกเลอะเปื้อนใส่สบงเลยทีเดียว แต่ท่านได้เห็นความอัศจรรย์ของจิต ก็ตอนต่อสู้กับเวทนาจากการนั่งตลอดรุ่งนี่เอง ดังนั้น ท่านที่สามารถพิจารณาทุกขเวทนาจนถึงความจริงของกาย ของเวทนา ของจิตได้ ย่อมเห็นธรรมอย่างประจักษ์ใจ
    <O:p</O:p

    ติดสมาธิอยู่ ๕ ปี


    <O:p</O:p


    ในระยะนั้น สมาธิของท่านมีความแน่นหนามั่นคงมาก ถึงขนาดที่ว่า จะให้แน่วอยู่ในสมาธิสักกี่ชั่วโมงก็ได้ และเป็นความสุขอย่างยิ่ง ไม่อยากจะออกยุ่งกับอะไร มีความพอใจกับการที่จิตหยั่งลงสู่ความรู้อันเดียวแน่วแน่อยู่อย่างนั้น สุดท้ายก็นึกว่า ความรู้เด่นๆนี่เองจะเป็นนิพพาน ท่านติดสุขในสมาธิอยู่เช่นนี้ ถึง ๕ ปีเต็ม จนท่านพระอาจารย์มั่น ต้องใช้อุบายฉุดลากออกมา “ท่านจะนอนตายอยู่นั่นหรือ? ท่านรู้ไหม? สุขในสมาธิเหมือนเนื้อติดฟัน ท่านรู้ไหม? สมาธิของพระพุทธเจ้า สมาธิต้องรู้สมาธิ ปัญญาต้องรู้ปัญญา อันนี้มันเอาสมาธิเป็นนิพพานเลย มันบ้าสมาธินี่ สมาธินอนตายอยู่นี่หรือ? เป็นสัมมาสมาธิน่ะ”
    <O:p</O:p

    เพลินทางด้านปัญญา


    <O:p</O:p


    พอออกจากสมาธิด้วยอำนาจธรรมอันเผ็ดร้อนของท่านพระอาจารย์มั่นเข่นเอาอย่างหนัก ก็พิจารณาทางด้านปัญญาอย่างรวดเร็ว หมุนติ้วทั้งกลางวันกลางคืนไม่ได้หลับได้นอน ก็มาตำหนิสมาธิ ว่านอนตายอยู่เปล่าๆไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร อันที่จริง ถ้าพอดี สมาธิก็เป็นเครื่องพักจิต เป็นเหมือนหินลับปัญญาให้แหลมคม ท่านพระอาจารย์มั่นจึงเข่นเอาอีกว่า “ นั่นละ มันบ้าสังขาร บ้าหลงสังขาร” เพราะใช้สังขารจนเลยเถิดเกินประมาณ สังขารก็กลายเป็นสมุทัย หากใช้ให้พอเหมาะพอดี สังขารจึงเป็นมรรคฆ่ากิเลส
    <O:p</O:p

    พิจารณาผ่านกามราคะ


    <O:p</O:p


    ท่านพิจารณาด้านอสุภะ มองดูคนมีแต่หนังห่อกระดูก มีแต่เนื้อแต่หนังแดงโร่ไปหมด ราคะนี้ไม่ปรากฏเลย ค่อยหมดไปๆ โดยไม่บอกกาล บอกเวลา บอกสถานที่ ว่าหมดไปขณะนั้น เวลานั้น ท่านจึงต้องพลิกเอาสุภะ เดินจงกรมเอารูปสวยๆงามๆเข้ามาบังคับติดแนบกับตัวเอง ท่านเอาวิธีการนี้มาปฏิบัติได้ ๔ วันเต็มๆ พอคืนที่ ๔ สัก ๓-๔ ทุ่มล่วงไปแล้ว มันมีลักษณะยุบยับภายในจิต เหมือนจะกำหนัดในรูปสวยๆงามๆ นั่น แสดงว่ายังไม่สิ้น จากนั้น ก็นั่งกำหนดอสุภะไว้ตรงหน้า ตั้งให้คงที่อยู่อย่างนั้น แล้วจิตเพ่งดูด้วยความมีสติจดจ่อ ดูว่า กองอสุภะนี้จะเคลื่อนที่หรือเปลี่ยนตัวไปไหนมาไหน พอกำหนดเข้าไป อสุภะที่ตั้งอยู่ตรงหน้านั้น มันถูกจิตกลืนเข้ามา อมเข้ามาหาจิต สุดท้ายเลยรู้เห็นว่า เป็นจิตเสียเองเป็นตัวอสุภะนั้นน่ะ จิตตัวไปกำหนดว่าอสุภะนั้นน่ะ มันกลืนเข้ามาๆ เลยมาที่จิตเสียเองไปเป็น สุภะ และ อสุภะ หลอกตัวเอง จิตก็ปล่อยผลัวะทันที ปล่อยอสุภะ ข้างนอกว่า เข้าใจแล้วทีนี้ เพราะมันขาดจากกัน มันต้องอย่างนี้สิ
    </O:p

    มหาสติมหาปัญญา


    <O:p</O:p


    ตอนที่จิตว่างเต็มที่ ความรู้อันนี้จะเด่นเต็มที่ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ มันรู้รอบหมดแล้ว มันปล่อยของมันหมดไม่มีอะไรเหลือ เหลือแต่ความรู้นี้อย่างเดียว มันมีความปฏิพัทธ์อ้อยอิ่งอยู่อย่างละเอียดสุขุม มันมีความดูดดื่มอยู่กับความรู้อันนี้อย่างเดียว พออาการใดๆเกิดขึ้นพั๊บ มันก็ดับพร้อม ถ้าครั้งพุทธกาล เรียกว่า มหาสติมหาปัญญา แต่สมัยทุกวันนี้ เรียกว่า สติปัญญาอัตโนมัติก็เหมาะสมกันแล้ว จิตดวงนี้ถึงได้เด่น และสว่างไปหมด ท่านนำเรื่องนี้ไปเล่าถวายท่านพระอาจารย์มั่น ท่านก็พูดอย่างขึงขังตึงตังว่า “เอ้อ! ถูกต้องแล้ว ได้หลักได้เกณฑ์แล้ว อย่างนี้ละ... ผมเป็นที่ถ้ำสาริกา เป็นอย่างท่านมหานี่ละ เอาเลยได้การ”<O:p</O:p

    <O:p</O:p



    ดับอวิชชาทำลายกรงขังแห่งวัฏฏะ


    <O:p</O:p


    พรรษาที่ ๑๖ เป็นปีที่ ๙ แห่งการออกปฏิบัติ ณ วัดดอยธรรมเจดีย์ วันจันทร์ที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๔๙๓ คืนเดือนดับ แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๖ เวลา ๕ ทุ่มตรง เป็นคืนแห่งความสำเร็จระหว่างกิเลสกับธรรมภายในใจตัดสินกันลงได้ ท่านได้เมตตาเล่าขณะจิตตอนนั้นว่า<O:p></O:p>
    พอสติปัญญาเริ่มหันความสนใจเข้ามาพิจารณาจิตดวงนี้ ความรู้ชนิดหนึ่งที่ไม่คาดไม่ฝันก็ผุดขึ้นมาภายในใจว่า “ความเศร้าหมองก็ดี ความผ่องใสก็ดี ความสุขก็ดี ความทุกข์ก็ดี เหล่านี้เป็นสมมุติทั้งสิ้น และเป็นอนัตตาทั้งมวลนะ” เท่านั้นแล สติปัญญาก็หยั่งทราบว่า จิตที่ถูกอวิชชาครอบงำอยู่นั้นว่า เป็นสมมุติที่ควรปล่อยวางโดยถ่ายเดียว ไม่ควรยึดถือเอาไว้
    <O:p</O:p
    หลังจากความรู้ที่ผุดขึ้นบอกเตือนสติปัญญาผู้ทำหน้าที่ตรวจตราอยู่ขณะนั้นผ่านไปครู่เดียว จิตและสติปัญญา เป็นราวกับว่า ต่างวางตัวเป็นอุเบกขามัธยัสถ์ ไม่กระเพื่อมตัวทำหน้าที่ใดๆ ในขณะนั้นจิตเป็นกลางๆ ไม่จดจ่อกับอะไร ไม่เผลอส่งใจไปไหน ปัญญาก็ไม่ทำงาน สติก็รู้อยู่ตามธรรมดาของตนไม่จดจ่อกับสิ่งใด ขณะจิต สติ ปัญญา ทั้งสามเป็นอุเบกขามัธยัสถ์นั้นแล เป็นขณะที่โลกธาตุภายในจิต อันมีอวิชชาเป็นผู้เรืองอำนาจ ได้กระเทือนและขาดสะบั้นบรรลัยลงจากบัลลังก์คือใจ กลายเป็นวิสุทธิจิตขึ้นมาแทนที่
    <O:p</O:p

    ฝึกตนเองดีแล้ว จึงฝึกผู้อื่น ชื่อว่า ทำตามพระพุทธเจ้า


    <O:p</O:p


    หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ถือเป็นปูชนียบุคคลที่สำคัญยิ่งในพระพุทธศาสนา เป็นผู้มีคุณูปการต่อชาวไทยอย่างใหญ่หลวง ข้อวัตรปฏิปทาอันหมดจดงดงามย่อมเป็นเนติแบบอย่างที่ดีแก่อนุชนรุ่นหลังได้เจริญรอยตาม การทำอัตตัตถจริยา คือ การบำเพ็ญประโยชน์ตน ก็ถึงที่สุดแล้ว โดยอยู่จบพรหมจรรย์เสร็จกิจในพระพุทธศาสนาบรรลุคุณธรรมขั้นสูงสุด การทำญาตัตถจริยา คือ การสงเคราะห์ญาติมิตร ก็ถึงที่สุดแล้ว โดยเทศนาอบรมพระเณร และโปรดโยมมารดา จนตั้งอยู่ในอริยภูมิ การทำโลกัตถจริยา คือ การบำเพ็ญประโยชน์ต่อโลก ก็ถึงที่สุดแล้ว ด้วยเมตตาธรรมอันเปี่ยมล้นแผ่ไปในเหล่าสรรพสัตว์ ดังเช่น การช่วยเหลือ โรงพยาบาล หน่วยงานราชการ โรงเรียนต่างๆ ผู้ด้อยโอกาส ผู้ประสบทุกข์ภัย การทำนุบำรุงพุทธศาสนา การจัดตั้งเครือข่ายสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน และที่สำคัญยิ่งคือ เทศนาธรรมที่ตรงแน่วต่อมรรคผลนิพพานขององค์หลวงตา ที่ยังให้ผู้ปฏิบัติตาม ถึงซึ่งธรรมที่พาพ้นจากทุกข์ทั้งมวลได้ ซึ่งเป็นกิจสำคัญของพระพุทธศาสนา เป็นธรรมสมบัติอันล้ำค่าที่ได้มอบไว้แก่ปวงศิษย์และมนุษยชาติ
    <O:p</O:p
    แม้ในวาระสุดท้าย ที่ดับขันธ์เข้าสู่พระนิพพาน กระแสแห่งเมตตาธรรมขององค์หลวงตา ยังคงแผ่ซ่านปกคลุมไปทั่วผืนแผ่นดินไทย หลวงตาเคยพูดไว้ “ศพของเราจะเผาด้วยฟืน ส่วนเงินให้เอาไปซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวง” พวกเราเคยได้ยินคำพูดเช่นนี่ที่ไหนบ้าง? ไม่เคยได้ยินใครพูดเช่นนี้มาก่อนเลย แต่หลวงตาซึ่งอยู่ในวัยอันชราภาพมากแล้ว กลับพูดได้อย่างองอาจกล้าหาญ และไม่สะทกสะท้าน
    <O:p</O:p
    ท่านเป็นพระมหาเถระที่มีคุณูปการต่อประเทศชาติอย่างใหญ่หลวง มีลูกศิษย์ลูกหาเคารพนับถือมากมาย ใช่แต่เท่านั้น หลวงตา ยังเป็นท่านพ่อ “ของทูลกระหม่อมน้อย” เจ้าฟ้าหญิง<st1:personName w:st="on" ProductID="จุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี">จุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี</st1:personName> ดังนั้น หากจะกระทำการใดๆ เพื่อความยิ่งใหญ่แบบโลกๆแล้ว จะให้ยิ่งใหญ่ขนาดไหนก็สามารถทำได้
    <O:p</O:p
    แต่มาบัดนี้ สิ่งที่ปรากฏท้าทายต่อสายตาของพวกเราทุกคน กลับเป็นเชิงตะกอนแบบสมถะเรียบง่าย แต่สง่างามและภูมิฐานอยู่ในที จิตกาธานอันเป็นที่ตั้งสรีระสังขารขององค์หลวงตา จะกลายเป็นภาพความงามที่ประทับอยู่ในความทรงจำของปวงศิษย์ทุกคน และตรึงทุกสายตาให้หยุดนิ่ง เมื่อยามได้ประสบพบเห็น
    <O:p</O:p
    หลวงตาได้ใช้สรีระสังขารของท่าน หล่อหลอมหัวใจของคนไทยทั้งชาติ ให้เป็นหนึ่งเดียว กลายเป็นทองคำศักดิ์สิทธิ์ ประดิษฐานในคลังหลวง เปล่งรัศมีเหลืองอร่ามงามตระการตา มอบเป็นของขวัญชิ้นสุดท้าย คือ “หัวใจทองคำ” แก่ลูกหลานชาวไทย ให้ช่วยกันปกป้องคุ้มครอง “คลังหลวง” ให้อยู่คู่ชาติไทย ไปตลอดอนันตกาล
    <O:p</O:p
    บัดนี้ หลวงตาได้ละสังขาร เข้าสู่แดนอมตะมหานฤพาน ลาลับจากพวกเราไป ไปแล้วไปลับไม่หวนคืนกลับ พวกเรามาส่งท่าน ณ จุดสุดท้ายปลายแดน อันเป็นรอยต่อระหว่างสมมุติ กับ วิมุติ เมื่อหวนรำลึกถึงคำกล่าวขององค์หลวงตาที่ว่า
    <O:p</O:p

    “เวลามีชีวิตอยู่นี้ เราจะทำความดีให้โลกทั้งหลายได้เป็นคติตัวอย่างอันดีงาม <O:p</O:p


    และทำด้วยความเมตตาสงสารต่อโลก เพราะหลังจากนี้แล้ว...เราตายแล้ว...<O:p</O:p


    เราจะไม่กลับมาเกิดในโลกนี้อีกต่อไป เป็นตลอดอนันตกาล”
    <O:p</O:p

    นี้...ช่างเป็นคำกล่าวที่องอาจกล้าหาญ ดุจพระยาไกรสรสีหราชผู้เป็นจอมไพร บันลือสีหนาทด้วยอานุภาพอันยิ่งใหญ่ ภิกษุผู้เฒ่าในวัยอันชราภาพมากแล้ว ได้ประกาศแสนยานุภาพแห่งพระพุทธศาสนา ดัวยเมตตาธรรมอันบริสุทธิ์ล้ำค่าไม่มีประมาณ ก่อให้เกิดคุณูปการแผ่ไปในเหล่าสรรพสัตว์ เปรียบหยาดน้ำฝนตกจากนภากาศ รดราดผืนพสุธาอันแห้งผาก...ให้ชุ่มฉ่ำเย็น ฉะนั้น
    <O:p</O:p
    พ่อแม่ครูอาจารย์... องค์หลวงตา...ของปวงศิษย์ทุกคน ผู้เปรียบประดุจ ร่มโพธ์แก้ว ร่มไทรทอง ที่ให้ความร่มเย็นแก่ปวงศิษย์มาช้านาน พลันมาละสังขาร ลาลับจากพวกเราไป ช่างยากเย็นยิ่งนัก ที่จะข่มจิตหักใจ หักห้ามน้ำตามิให้หลั่งไหล ศิษย์ทั้งหลายจะขอปฏิบัติบูชา ตามรอยบาทขององค์หลวงตา เข้าสู่พระนิพพานเมืองแก้วให้จงได้ พ่อแม่ครูอาจารย์...หลวงตา... ได้ดับขันธ์ปรินิพพานจากไปแล้ว เหลือไว้แต่พระคุณนามอันเพริศแพร้วบรรเจิดจ้า กิตติศัพท์อันงามเฟื่องฟุ้งทั่วไตรโลกา เปล่งรัศมีธรรมงามสง่า ให้โลกนี้ได้ร่ำลือว่า นี่คือ หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ผู้เป็นมหาบุรุษรัฐอัศจรรย์ยิ่งใหญ่ ผู้ทรงคุณธรรมอันล้ำเลิศ มีคุณูปการแผ่ไปในไตรโลกธาตุไม่มีผู้ใดเสมอเหมือน ผู้เหยียบแผ่นดินสะท้านสะเทือน...<O:p</O:p
    เอวัง.
    </O:p

    ข้อมูลจำเพาะ<O:p</O:p
    วันเกิด : วันอังคารที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๔๕๖<O:p</O:p
    วันละสังขาร : วันอาทิตย์ที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๕๔ เวลา ๓.๕๓ น.<O:p</O:p
    รวมสิริอายุ : ๙๗ ปี ๕ เดือน ๑๗ วัน พรรษา ๗๗<O:p</O:p
    วันบรรลุธรรมสิ้นกิเลส : วันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๔๙๓ เวลา ๒๓.๐๐ น.<O:p</O:p

    http://www.luangta.com/info/news_text.php?cginews_id=361&type
    </TR></TBODY>​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มีนาคม 2011
  5. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    Short Biography of Luangta Maha Bua Yannasampanno




    Background
    <O:p</O:p

    Luangta was born into a farmer’s family with the last name “Lohitdee” in the ffice:smarttags" /><?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]village</st1:placeType> of <st1:placeName w:st="on">Ban Tad</st1:placeName>, Amper Munag District, <ST1:place w:st="on"><st1:placeName w:st="on">Udorn</st1:placeName> <st1:placeName w:st="on">Thanee</st1:placeName> <st1:placeType w:st="on">Province</st1:placeType></ST1:place> on Tuesday 12<SUP>th</SUP> August 1913 . This date falls on the 11<SUP>th</SUP> night of the waxing moon 9<SUP>th</SUP> Month , the Year of the Ox. His Father’s name is “Mr Thongdee”, his mother’s name is “Mrs Pang”. His parents gave him the auspicious name “Bua” (which means lotusflower).<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    Childhood
    <O:p</O:p

    When his Mother was pregnant, she mentioned to the family and relatives that “The nature of the baby in the womb as it grows, it will move and this the mother will be able to feel. However, the nature of this child differs from others for it sleeps and stays still, very quiet as if there is no breathing. The Mother often thought and worried why is the baby not moving, why is it so quiet, can it be that the baby is already dead?”. However when the baby did moves, it also moved around more than other babies, it really trashed inside her and his Mother felt very intense pain at the stomach. When the birth drew near, the Mother felt the birth pangs for 3 days but there was no sign of birth. While in such a great pain she thought she is going to die, but then suddenly inside her it became again so quiet that she thought has the baby already died? Then the baby starts wriggleling again...”
    <O:p</O:p
    His grandfather guessed the character of the baby in the womb like that: “If it is a boy, whatever he desires, he will be very firm about it, with great determination and seriousness about everything he does and not being ambiguent”. When the baby was finally born, the placenta was thrown over his shoulder. When grandfather saw that, he said “ alms-bowl strap” and predicted three things:
    <O:p</O:p
    1. alms-bowl strap: if he becomes a philosopher, he will shake the earth.<O:p</O:p
    2. robust strap: if he becomes a hunter, his skills will shake the forests.<O:p</O:p
    3. chain strap: if he becomes a thief, there will be no prison that is able to lock him up.

    Education
    <O:p</O:p
    Luangta is an intelligent child, diligent, patient and very responsible. It is reflected in his excellent school grade. He was ranked second in Primary 1 and when he was in Primary 2 and 3, he ranked first in both. When he finished Primary 3 which was the highest compulsory education level at that time, he did not continue education at any level.
    <O:p</O:p

    Character
    <O:p</O:p

    Luangta’s character is honest and determined. Whatever he does, he does with great determination and sincerity. When he works, he does not want people to see or know. Even though he has been ordained as a monk, when he was practicing, he would not allow anybody to spot him easily, so when he was doing walking meditation he hid in the forest. At night, he waited for everybody to go back to the monks’ dwellings, before he started doing his walking meditation. His outstanding point is his immense patience. It could be inferred from his working style, that he will continue working until his work is completely done. If it was not too dark or it was time to eat, he would not quit his work until his siblings complained to his parents “If his parents do not go and work as well, our older brother will not stop working, and does not let us stop working as if we his siblings should have to work until we die”.<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    Reason for Ordainment
    <O:p</O:p

    When Luangta was old enough to ordain as a monk, his Father raised the subject of becoming a Monk while having dinner: I have many sons but none of them even thinks about ordination for the well being of his Father. I really want to see someone in the yellow robes before I pass away, because then I and can pass away peacefully and without any worries. Among all his children, the Father wasn't interested in any of them except Luangta. Luangta was the only one he really could depend on.
    <O:p</O:p
    The Father praised Luangta that whatever Luangta does he can trust and depend on him – even he himself cannot achieche the level of skills of Luangta. Whenever his Father asked him to be ordained, he stayed quiet and did not reply, as if he did not have any ears and a mouth to speak. The Father told that if he passed away, there will be no one able to lift him out from the hell. His father said, that if he cannot depend on Luangta, there is no hope, for under all his sons, he can only depend on Luangta.
    <O:p</O:p
    “After his Father said this, he broke instantly out in tears. When his Mother saw her husband crying she also started to cry. When Luangta saw this, he felt terrible and could not stand this. I instantly left the dinner table and fled into his room. This was the reason for him to become ordained ……………….....”
    <O:p</O:p

    Entering the Monkhood
    <O:p</O:p

    He ordained as a monk at the Monastery of Yothanimit in the <st1:placeType w:st="on">village</st1:placeType> of <st1:placeName w:st="on">Ban Nongkonkwang</st1:placeName>, sub district of Nongbua , district of Udon Thanee, in the <ST1:place w:st="on"><st1:placeType w:st="on">Province</st1:placeType> of <st1:placeName w:st="on">Udon Thanee</st1:placeName></ST1:place>. He ordained on Tuesday 12<SUP>th</SUP> May 1934, which falls on the 9<SUP>th</SUP> Night of the Waxing Moon, 7<SUP>th</SUP> Month, the Year of the Dog. His preceptor was Lord Abbot Prathammajedi (Jum Panutulo), Monastery of Pothisomporn, Muang District, district of Udon Thanee, in the <ST1:place w:st="on"><st1:placeType w:st="on">Province</st1:placeType> of <st1:placeName w:st="on">Udon Thanee</st1:placeName></ST1:place>. He received as his ordination name the name “Yannasampanno” which means “accomplished with insight”
    <O:p</O:p
    As his personal character was a to be determined and sincere, he thought to himself, “that after being ordained, I will be ordained completely and stay within Dhamma Principle and the Discipline that no one will be able to criticize me. I will be earnest and serious until the day I leave the monkhood which is probably in about two years time. I will fulfill my duty as a monk as best as I can and if that means to study, I will do my best to accomplish my duty”.<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    Despite of Studying Buddhism, he did not forsake to practice meditation.
    <O:p</O:p

    Luangta asked his Teacher about the practice of meditation. “Dear teacher I would like to practice, can you tell me how I can do this?” He replied: “Hmm! Well, the practice of Buddho, I do the same sort of practice. Luangta practiced diligently. In the beginning, his mind would not calm down much. However, after practicing often and repeatedly, his mind started to calm down respectively until one day he saw the wonder of the citta (mind -heart).
    <O:p</O:p
    “When I study the Dhamma, it makes me, since my training as a Novice in the Monks Teachings, which is the basic education background, wonder and it strikes me. After I have read the Buddha’s biography, I felt depressed, because I pitied our Lord Buddha when he faced hardship. He seems to torture himself for His Enlightenment until my tears were running continuously. When I have finished reading, I was so inpired by the Lord Buddhas perseverance. He was a Prince who abandoned a kingdom to become a monk. He became a so-called beggar. At that time, there was not any religion. In the sense terms such as to give to receive this kind of merit, to maintain the precepts will yield that kind of merit. This did not exist at that time. Siddhartha was impoverished and had to beg directly. For six years he trained is mind and body through his own abilities in every sort of way until he became enlightened to become the Lord Buddha.”
    <O:p</O:p
    While Luangta was reading the Lord Buddha’s biography of his Enlightenment, he felt so amazed and wonderful until he brake out in tears. At the same time, when Luangta also read the biographies of the many Buddhist Arahants at the time of the Lord Buddha, who were from different family background, e.g. from royality, millionaires, well-to-do, traders, public as well as normal people, he told himself:
    <O:p</O:p
    “...after anyone from any kind of family background has listened to the Buddha’s Teachings, they went into the forests to practice seriously. Then one by one succeeded to become an Arahant at that forest, or this mountain, that cave or that place. These were always quiet places. Faith arouse in him and mis mind startet to ponder about these matters and slowly the outside(worldly) matters disappeared…….”
    <O:p</O:p
    “...In the beginning, I thought I would like to go to heaven and the Brahma worlds, but the more I read the biographies of His disciples, I did not want to go to these places anymore, instead I wanted to attain Nibbana. In the end, I desired only alone to attain Nibbana. I only want to become a Buddhist Arahant. That is my sole intention. Now my mind settled only on this one option. My original intention to become a monk for only 2 years dissipated slowly. On the contrary I became more and more pleased with being a monk. I got more and more absorbed into the Dhamma and this also changed my mind…………”
    <O:p</O:p
    As a result of this, he left the <ST1:place w:st="on"><st1:placeType w:st="on">village</st1:placeType> of <st1:placeName w:st="on">Ban Tad</st1:placeName></ST1:place> later to study in different places. He swore to himself, that “When I have graduated the from the Buddhas Teaching level 3 , I will practice only, without any excuse or condition, because I want to be free from dukkha (dissatisfaction), I want to become an Arahant.”
    <O:p</O:p
    Nevertheless, he was doubtful at that time “Is in this time and day, the attainment of Nibbana still possible, just like in the time of the Lord Buddha?” He kept this doubt deep in his heart burried, for he could not express this to anyone else. This is the reason why he wanted to meet Than Acharn Mun Buridattho. He had heard of his fame for a long time. Luangta felt deeply in his heart that Than Acharn Mun Buridattho will be able to resolve his doubt.
    <O:p</O:p
    In 1941, Luangta graduated in from the <ST1:place w:st="on"><st1:placeType w:st="on">School</st1:placeType> of <st1:placeName w:st="on">Buddhist Scriptures</st1:placeName></ST1:place in the monastery of Chedi Luang. It was his seventh year as a monk. He passed the Doctor of Teaching and Buddhist Teaching - level 3 – (there are 9 levels) that same year. He said that “While I am studying the Buddhist Scriptures for 7 years, I could not practice wholeheartedly. I could only be peaceful for a short periods of time. Only three times in these years was I able to go deep into meditation, my mind became extremely quiet, until everything around me, the world, my body disappeared from my awareness, the only thing left was “knowingness” (this state of meditation is also known as appana samadhi) …..”
    <O:p</O:p
    After his graduation, Luangta thought about his oath he undertook in the beginning, so he traveled to <st1:City w:st="on"><ST1:place w:st="on">Bangkok</ST1:place></st1:City> to bid goodbye to his senior monk, his Teacher. But his teacher was invited to a rural province, therefore, he went to pay his respects to the Supreme Monk Maha Weerawong (Tisso Uan), who was at that time the Abbot of the monastery of Baromnivat. So he went to pay respects and asked for permission. The Supreme Monk Maha Weerawong was glady giving Luangta the permission to leave.<O:p</O:p
    <O:p</O:p


    Practicing seriously and

    putting his life at the stake of Dhamma
    <O:p</O:p
    Luangta traveled to <ST1:place w:st="on"><st1:placeName w:st="on">Nakorn</st1:placeName> <st1:placeName w:st="on">Rachasrima</st1:placeName> <st1:placeType w:st="on">Province</st1:placeType></ST1:place and carried only the book of the monastic discipline (the 227 Rules for the monk) in his shoulderbag. He stayed for the rainsretreat at a monastery in the Jakkarat District. This is now the eighth year of his monkshood. He practiced diligently day and night since the first moment and throughout the rainsretreat.
    <O:p</O:p
    “This time I will practice earnestly and to full measures so as to obtain good result, no matter if I will stay alive or die. I don’t hope for any other things except to be free from dukkha. This very life I will make it sure to transcend dukkha! I only ask that somebody will help me to explain if there is a way to Nibbana for real. Then I will give my whole life to that person and will devout body and mind to the essence of Dhamma. I will not ask for anything else than to put everything into my practice, no matter if I am going to die. If I die I want to die practicing the Dhamma, I don't want to die while retreating from my practice, or die with a deteriorated mind or a broken spirit .”
    <O:p</O:p
    Luangta traveled from Nakorn Rachasrima Province and headed towards Udon Thanee Province. He intended to stay the rainsretreat with Than Acharn Mun at the the forest monastery of Nonniwet Temple. However, Luangta could not catch up with him, for Than Acharn Mun has been invited to go to the Sakon Nakorn Province. Therefore, Luangta went to stay at the monastery of Tungsawang in Nongkai Province. At the same time, there was a monk from the monastery of Ban Koknamon that told him: “Than Acharn Mun is very fierce, he is not only fiercely admonishing us, but if necessary he will kick us out as well.”
    <O:p</O:p
    After Luangta heard this, he felt a conviction in his heart about the determination of Than Acharn Mun and thought to himself: “.. This Monk will become my Teaching Master. I must go and see for myself about how fierce he is. It is not possible that such a famous Teaching Master, who is well-known all over Thailand, scold us and chase us away without any reason....”

    Meeting with Than Acharn Mun
    <O:p</O:p

    Luangta stayed at the monastery of Tungsawang for 3 months. In May 1942, his 9<SUP>th</SUP> year of being a Monk, he traveled out of Nongkai to Sakon Nakorn and headed towards Than Acharn Mun, who stayed at the Bankok, Tongkob Sub-District, city-District of Sakon Nakorn, Sakon Nakorn Province.
    <O:p</O:p
    Luangta asked the direction to the monastery from the villagers and walked along the path until he arrived there at the start of night. When he saw a pavilion, he became suspicious: “If this is a saala (meetinghall), then this is too small but if it is a monk’s dwelling, then this is too big.” Than Acharn Mun happened to be walking in meditation at the side of the saala. Luangta walked up to meet Than Acharn Mun on the meditation path. Than Acharn Mun then asked “Who has come?” Luangta replied: “Pom krab (It’s me.) ”. Than Acharn Mun scowled and replied immediately with wit “Even a bald head person has also pom (hair), not to say a person with hair….(pom in thai means hear and I)” When Luangta heard that, he knew he has made a mistake and therefore replied again “My name is Maha Bua” Than Acharn Mun replied: “Yes, just introduce yourself properly like that, so that people understand. When you only mentioned “pom” (I), everyone has pom(hair) on their head.”
    <O:p</O:p
    Then Luangta had the opportunity to explain to Than Acharn Mun about his background and where he was coming from, where he stayed and asked for permission to stay with him. But within his heart he was a bit worried “I don’t want to hear that this place is full and cannot accept any more. I cannot take this, I will be heart broken…..” After a while, Than Acharn Mun said that “ Today, the Monk Nate happened to leave this temple and you Maha Bua came today, otherwise you could not have stayed, for a monk’s dwelling would not have been available.” Than Acharn Mun said this with a normal voice. Even though he already out of his compassion accepted Luangta to stay, nevertheless, Luangta could not help to fear that he would not be accepted to stay.<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    No more suspicion about Attainment of Nibbana
    <O:p</O:p

    Than Acharn Mun said, as if he could read Luangta’s thought, directly on the first night:
    <O:p</O:p
    “.. . You have come to look for attainment of Nibbana. Where is nibbana? Soil is soil, water is water, wind is wind, fire is fire, weather is weather, and the elements they are made out of exists on themselves. These things are not path fruit and Nibbana and they are not the kilesas (defilements).”
    <O:p</O:p
    “The real kilesas, and the real path fruit and Nibbana is in the heart. You should fix your awareness at your heart and then you will see the movement of Dhamma and kilesas in the heart. At the same time, you will also see the path fruit and Nibbana respectively..........”
    <O:p</O:p
    Than Acharn Mun explained him about the attainment of Nibbana from the bottom of his true heart. Luangta then felt confident and believed that the attainment of Nibbana still exists. His former suspicion on this matter, that stayed in his heart, now totally disappeared.. <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    Discontent because of a not concentrated Mind
    <O:p</O:p

    Luangta’s meditation began to deteriorate because he fixed his umbrella, that also serves as a small tent. “...
    <O:p</O:p
    It is the condition of the mind, that cannot concentrate enough to make the citta stable enough, like he had experienced before. Sometimes he could concentrate enough to make the mind calm, sometimes not. His practiced deteriorated in a way, that he thought he is going to die real. Therefore he experienced heavy dukkha, for he has tasted the great value of deep concentration. However, his meditation has deteriorated and he felt restless all the time as if his heart was burning alight day and night, standing or walking, sitting or sleeping. This is really extreme dukkha , for he wanted to have that kind of samadhi (concentration) again, that he had experienced before.”
    <O:p</O:p
    However, Luangta put up his resoluteness and determination to fight the kilesas. He always says that “If the kilesas do not die, I will die. They cannot stay together, kilesas and me! This is unacceptable.” He has received a trick from Than Acharn Mun: Don't think that your mind deterioated, just think Buddho. Replace every thought about it repeatedly with Buddho.. After repeating Buddho continuously, the concentration will come on its own. If the mind concentrates and you loose Buddho, then it will deterioate, for the mind has nothing to concentrate on. Concentrate on the “Buddho” and your mind becomes stable again.”
    <O:p</O:p
    The 9<SUP>th</SUP> year of his monkhood is the first year that Luangta stayed during the rainsretreat with Than Acharn Mun at Ban Kok, Sakon Nakorn Province. He promised himself that “……….I must use the meditation word “Buddho” to control my citta all the time regardless whether I am meditating or not or wherever I am. Even though I am sweeping the monastery grounds or do other daily activities, I will not let my mind slip out of the “Buddho”….” Because of Luangta’s determination, his citta came to peace and did not deteriorate again!<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    Practicing diligently and meditating all Night long
    <O:p</O:p

    The 10<SUP>th</SUP> year of his monkhood he spend at Ban Namon, Sakon Nakorn Province. This is the second year that Luangta stayed with Than Acharn Mun. During that year, he practiced more diligently and with all his might, than before both concerning the mind and body. He did not sleep at all during daytime except for the days he sat meditating through the night (6p.m. til 6.a.m.). Then he would take a rest during the day. Otherwise when he practiced normally he would not rest at all during the day. On the night that he meditated through the night, he would not change his sitting position nor move his legs. The dukkha tormentation, that he experienced because of this he would explain as follows:
    <O:p</O:p
    “...as if the whole buttock was swollen up, my bones felt like broken every piece and at every joint and even the wrist felt like it was in two pieces. Feelings of dukkha and very painful feelings when they occurred, then everywhere, at each location at each point within the body …...”
    <O:p</O:p
    His diligence in meditation through the night for nine or ten nights like this let his buttock swell up and the skin burst and stained the robe. But because of this sitting through the night and sitting through painful feelings he did experience the wonder of the citta. Therefore and because he was able to investigate thoroughly through painful feelings, through the the nature of body and the mind, he was able to experience the heartfelt Dhamma.<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    Addiction to Samadhi for Five Years
    <O:p</O:p

    During that period, his meditation was very solid and stable. He could determine to sit in samadhi(concentration) for as many hours as he liked and on top of it experienced a high intensity of happiness. He did not want to leave samadhi and be disturbed with anything whatsoever and was just satisfied to be able to firmly concentrate in onepointedness, in other words, just knowingness. Finally, he thought that this outstanding knowingness is nothing else than Nibbana. He got addicted to this kind of happiness arising from samadhi for 5 full years. Finally Than Acharn Mun had to use a trick to lure him out, by saying “Would you like to lie down and die like this? Do you know that the happiness in samadhi is like meat that gets stuck between your teeth?. Do you know the samadhi of the Lord Buddha? Samadhi must know it is samadhi and investigation must know it is investigation. You just take samadhi and think this is Nibbana. You are really crazy about samadhi. Samadhi, that looks like you are liying there dead, do you think that is Right samadhi?”<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    Enjoying Investigation
    <O:p</O:p

    Through the power of the Dhamma scolding of Than Acharn Mun, Luangta came out of his samadhi. Once out he learned to practice investigation very fast. His mind turned around day and night and he did not sleep. And he even critizied his samadhi: “you just sleep and don't get anything from it!” Actually, practicing samadhi, when it is done properly, this is the way how to rest the mind and it is like a whetstone that sharpens the knife of wisdom. Hoiwever, when he turned to investigation he did not rest the mind, so Than Acharn Mun reprimanded him again and said “Now you are crazy of thoughts and you fall for them! You use too much thinking, falling from one extreme into the other. Then of course thoughts into worldly things. If you would use your thoughts of investigation appropriately, then this would be the way how to kill the kilesas!” <O:p</O:p

    <O:p</O:p



    Investigation to overcome Sexual Desire
    <O:p</O:p

    Luangta uses the contemplation of asubha (loathsomeness) of the body. He trains him to see people as a bag of bones wrapped in by skin. There is only red meat and skin. Because of this sexual desire did not appear in him. The sexual (sensual) desire slowly disappeared without letting him know the time and place of disappearance. There was something wrong here he thought, so he switched during walking meditation to see the beauty in things and sticked to beautify things. He took this kind of practice and practiced it for four full days. After the fourth day of this practice around 9.00 -10.00 pm,, suddenly something arose in his heart. He felt a bit restless as if he was still attached to beauty. Then he told himself, sensual desire is not yet over. Then he chose to do the practice asubha in front of his eyes. He concentrated down on this image and looked if it was stable or if it was moving here and there. He put all his attention on it, until he could discern that asubha itself came from his own mind. No matter if it is beautiful or loathsome, the citta is the one who decides on it and falls for its own decision perceiving it as beautiful or ugly! Once he had this insight the citta let instantly go of the external beauty and loathsomeness. It was gone now for good! And that is the way it should happen!<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    Great Awareness, Great Wisdom
    <O:p</O:p

    Once the mind (had finished the investigation of the mind Groups) and was completely empty, knowledge arouse completely about the nature of the five groups: body, feeling, memory, thought and consciousness. It knew about everything already, there is nothing more to know about this. And the only thing left was this knowingness. There was something about this Knowingness, that sucks us in and make us drink it. Whatever has arisen in the citta, the moment it arose, it instantly fell away. At the time of the Lord Buddha this was called Great awareness and Great wisdom, but today we could call it automatic awareness and wisdom. This would be a proper description for the citta is very bright and outstanding. Luangta then went to see Than Acharn Mun and related this experience to him. Than Acharn Mun said loudly and pronounced : “Yes, that’ s right. Now you are experienced You have come to the right path and criteria. I myself achieved this stage at Sarika Cave, just the same as Maha (Bua). That is the correct way.”<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    Destroying Ignorance and getting rid of the Cycle of Rebirth
    <O:p</O:p

    This is his 16<SUP>th</SUP> year of monkhood. It is the 9<SUP>th</SUP> year of practice and he is at the monastery of Doi Dhammmachedi. On Monday 15<SUP>th</SUP> May 1950 which is the 14<SUP>th</SUP> night of waning moon, 6<SUP>th</SUP> month at exactly 11.00 pm Luangta successfully cleared the problem between the kilesas and Dhamma in his heart. Luangta compassionately said about his mind at that point:
    <O:p</O:p
    When Awareness and Wisdom focused in on this kind of citta a strange knowledge arose in his heart: “Whether it is sorrow, brightness, happiness, suffering - all these are only worldly things and are not permanent” At this point awarness and wisdom knew that while the citta is hold in custody by ignorance, and all these things are impermanent, one should let go of this. One should not cling to this. After this knowledge arose and warned awareness and wisdom, the things responsible for investigation, it just took a second to realizeit so that the citta and sati panna could completely come to a halt in equanimity. They all stood dead still, nothing moved. The citta had no focus of attention and was just as still, wisdom was not working and awareness was just aware, not focused on anything. The citta, wisdom and awareness, are completely at peace. At this point the worldy elelements within the citta, with avijja as its sole disturber, exploded, broke apart and left from the heart. What remained was the liberated citta.<O:p</O:p


    First Practice yourself, then Train Others

    This is following the Example of the Lord Buddha
    <O:p</O:p

    Luangta Pra Maha Bua Yannasampanno is considered as an important figure in Buddhism who has greatly contributed to the Thai nation. His Practice and behavior is adorable and serves as a good example for the next generation to follow his footsteps. He practiced himself by achieving the highest level of Dhamma in Buddhism. His work has been finished. He is also compassionate towards his friends and relatives to the highest levels. Through his Dhamma instrauctions for the monks and novices and his mother. He trained his mother until she reached the noble land.
    <O:p</O:p
    He Engaged in good deeds for the world. His compassion has spread widely such as donations to hospitals, government departments, schools, the Poor, victims of disasters, support Buddhism, establish a Dhamma radio network for the public. Most importantly, Luangta gave Dhamma Talks with the objective of how to attain Nibbana. This is the Riches of Dhamma of endless value that he gave to everyone of us.
    <O:p</O:p
    Even at the last moment before passing to attain Parinibbana, Luangta’s compassion still shines and covers the whole of Thailand. For Luangta has said that “My corpse will be burned by firewood. The money (that is given) must be used to buy gold and put as national reserve in the Central Treasury” Have you ever heard anybody saying such things? You wont have heard such words ever before. However, Luangta despite of his old age, said this with openly and with firm conviction!
    <O:p</O:p
    Luangta is a very senior monk who has made great contributions to his country. He has many disciples who highly respect him. Luangta is also a father (in Dhamma) to “Her youngest Royal Highness” Princess Chulaporn Valailuck. Therefore, at the worldly level how great the things might be, he can manage to accomplish these great things.
    <O:p</O:p
    However, what now appears before our very eyes is the simple funeral pyre, but elegant and dignified. The sarcophagus where Luangta’s remaining body lays will remain as a beautiful picture in the memory of every disciple and draws attention to everyone who has seen it.
    <O:p</O:p
    Luangta has used his body to make the hearts of the whole Thai nation to one single heart and thus become the sacred gold which is kept at the National Treasury. The gold shines in bright yellow rays. This is the last piece of gift: “The Golden heart” that he gives to his Thai brothers and sisters and help to protect the “National Treasury” to stay with the Thai nation forever.
    <O:p</O:p
    Now, Luangta has passed away and entered Parinibbana, gone from all of us and will not return again. We have come here to send Luangta until the last point on the border, which is the borderline between the World and Freedom. Let us recall about some of Luangta’s words:
    <O:p</O:p

    “When I’m living this life, I will do good deeds for the world as an example and have compassion for the world, because after this...when I die... will I not return to this world, nor will I be born in this world ever again”<O:p</O:p


    <O:p</O:p

    This is such a courageous thing to say, just like that Roar of the lion king with great powers. This old aged monk has proclaimed Buddhism with great power and compassion towards all living things. This is like raining water from the sky to a dried out earth, so that the soil will become cool and moist.
    <O:p</O:p
    Luangta is also Parents, Master and Teacher to every disciple. Luangta has been a huge and comforting shelter for all the disciples for a long time. It is difficult for us not to be saddened by his sudden passing away from us. We cannot stop our tears. We, his disciples, would like to pay respect and follow Luangta by trying our best to attain to Nibbana as well. Luangta who is like our Parents, Master and Teacher has passed away. His legacy of contribution remains in the hearts of the Nation. His great Dhamma has shone brightly in this world and the world has acknowledged him: Luangta Pra Maha Bua Yannasampanno, the great figure, the virtuous monk who has made great contributions to this world. Luangta Pra Maha Bua Yannasampanno he just cannot be compared to anyone else …………….
    <O:p</O:p

    The End<O:p</O:p


    <O:p</O:p

    Specific Information<O:p</O:p
    Birthdate : Tuesday 12<SUP>th</SUP> August 1913.<O:p</O:p
    Passing Away: Sunday 30<SUP>th</SUP> January 2044 Time: 3.53 am.<O:p</O:p
    At the Age : 97 years 5 months 17 days, 77<SUP>th</SUP> year of monkhood<O:p</O:p
    Date of attaining Artahantship: May 15<SUP>th</SUP> 1950 Time: 23.00 pm.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มีนาคม 2011
  6. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    คำสั่งหลวงตา กรณีเงินที่ได้รับบริจาคในงานพระราชทานเพลิงพระสรีระสังขารองค์หลวงตา


    [​IMG]

    พระพุทธเจ้าสลบสามหน ผลรายได้ที่เกิดขึ้นมาสว่างจ้าครอบโลกธาตุ ตรัสรู้ธรรมเป็นศาสดาองค์เอก นี่ก็ฟาดเสียจนเต็มเหนี่ยว จ้าเต็มภูมิของตัวเอง หนูตัวหนึ่งก็จ้าเต็มภูมิหนูเข้าใจไหมล่ะ เราไม่ได้อวด เราไม่ได้สวมรอยพระพุทธเจ้า เราพูดตามทางธรรมของท่านที่แสดงเอาไว้
    เดินตามรอยของศาสดา เท่ากับตามเสด็จพระพุทธเจ้าตลอดเวลา ด้วยการสร้างความดีไปตามหลักธรรมหลักวินัย เอาละพอ..."
    [​IMG]

    [​IMG]

    http://www.luangta.com/info/news_text.php?cginews_id=361&type
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มีนาคม 2011
  7. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    ประติมากรรมงาน (มือ) สร้าง ส่งสรีรสังขาร 'หลวงตามหาบัว'

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ภาพของสานุศิษย์จำนวนมหาศาลที่ยังหลั่งไหลไปวัดป่าบ้านตาดอย่างไม่ขาดสาย ภายหลังการละสังขารของพระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน) เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2554 คงเป็นเครื่องยันยืนได้เป็นอย่างดีว่า ความโศกเศร้าในจิตใจของพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศนั้นยังคงไม่เสื่อมคลายไปไหน

    ซึ่งตรงนี้อาจจะเป็นเพราะคุณูปการนานัปการที่ท่านได้มอบให้แก่โลกใบนี้ โดยเฉพาะโครงการผ้าป่าช่วยชาติที่ท่านเป็นแกนนำคนสำคัญในการรวบรวมเงินและทองคำจำนวนมาก เพื่อเป็นทุนสำรองของประเทศ

    แต่ในอีกมุมหนึ่งก็ต้องไม่ลืมว่า ท่านยังเป็นพระสายกัมมัฏฐานอันดับต้นๆ ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งได้ฝากธรรมะและแนวทางการใช้ชีวิต ตามครรลองที่พระพุทธองค์ได้วางเอาไว้ให้อย่างมากมายมหาศาล

    และเนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถจะเสด็จฯ ไปพระราชทานเพลิงศพหลวงตามหาบัว ในวันที่ 5 มีนาคม 2554 นี้ ด้วยความสำนึกต่อความเมตตาและความดีที่ท่านได้ทำมาตลอด จึงขอนำเรื่องราวของเมรุที่จะใช้ในการเผาสรีรสังขารของท่านในครั้งนี้มาเผยแพร่ เพราะนี่คือตัวแทนและสัญลักษณ์สำคัญ ซึ่งบอกเล่าถึงพลังความร่วมไม้ร่วมมือ และร่วมน้ำใจของพระภิกษุ สานุศิษย์ ประชาชนและพุทธศาสนิกชนที่ต้องพร้อมใจกันทำเพื่อระลึกถึงบูรพาจารย์ที่เคารพเป็นครั้งสุดท้าย

    [1]

    หลายคนอาจจะคิดว่า เมรุที่ออกมานี้จะต้องเป็นงานที่เต็มไปด้วยวิจิตรพิสดาร แต่แท้จริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะงานนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากการออกแบบของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นความร่วมไม้ร่วมมือของสานุศิษย์ที่หลั่งไหลกันมาช่วยกันอย่างเต็มที่ต่างหาก

    “ตัวเมรุสีทองที่ตั้งตรงกลางนั้น พระช่วยกันทำกับมือ ตั้งแต่การออกซ์เหล็กมาเลย จะมีฆราวาสมาช่วยบ้างก็เฉพาะส่วนของวัสดุที่นำมาใช้ นอกจากนั้นก็จะมีศิษยานุศิษย์นับพันคนที่มาช่วยกันลงแรง ลงเงิน ทุกคนมีส่วนร่วมหมด ส่วนงบประมาณที่ใช้นั้นเราประเมินไม่ได้นะ เพราะไม่ได้รับเงินของใครมาเลย มีแต่คนเอาของเอาแรงมาร่วมกันสร้างขึ้นมา” สำเริง สำฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักช่าง เทศบาลนครอุดรธานี ในฐานะของผู้ประสานงานและผู้ให้คำปรึกษาด้านการก่อสร้าง กำลังฉายภาพความยิ่งใหญ่ของงานพระราชทานเพลิงศพครั้งนี้

    ภาพร่างของตัวเมรุเกิดขึ้นทันที หลังจากที่หลวงตาได้ละสังขารแล้ว แม้จะเป็นการระดมพลกันมาช่วย แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนยึดเอาไว้ในใจก็คือ การที่เมรุนั้นจะต้องสามารถแสดงตัวตนของหลวงตาออกมาได้อย่างชัดเจน

    รูปแบบอันเรียบง่ายเป็นจุดสะท้อนให้เห็นถึงชีวิตอันแสนสมถะของหลวงตามหาบัวได้เป็นอย่างดี ลักษณะเป็นเนินดินทรงกลมสูง 3 ชั้น ความสูงทั้งสิ้น 3.80 เมตร เสริมรากฐานด้วยการตอกเสาเข็มบนฐานเป็นดินถมชั้นละ 1 เมตร กว้าง 26-40 เมตร ทั้งหมด 214 เสา เพื่อให้เกิดความมั่นคงแข็งแรง และรองรับน้ำหนักเตาเผา ประดับดอกไม้สีขาวรอบตัวฐานทั้ง 3 ชั้น มีกลดขนาดใหญ่อยู่ส่วนยอด คล้ายกับเมรุของอาจารย์ฝั้น อาจาโร ขึงลอยอยู่ด้านบนสุด

    โดยมีพระอาจารย์สุลาน ปภสฺสโร ลูกศิษย์ของท่านหลวงตามหาบัวรับหน้าที่เป็นหัวเรือใหญ่ที่คอยตัดสินใจเกี่ยวกับตัวพระเมรุ ส่วนคนที่ทำโครงสร้างรอบๆ ก็คือกิตติชัย ไชยเอีย อดีตรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ทำหน้าที่เป็นวิศวกร

    “เราเน้นที่ความเรียบง่ายเป็นหลัก เครื่องไม้เครื่องมือที่มีเราก็ช่วยกันหมดแหละ หรืออย่างที่เนินดินก็จะมีการปูหญ้า และระหว่างทางเดินก็จะประดับด้วยกระถางบัว และโคมไฟที่ส่องสว่างออกมาเป็นรูปกลีบบัวตามชื่อของหลวงตา ส่วนตัวเตาที่ยอดเนินนั้น ก่อสร้างโดยฝีมือของพระลูกศิษย์ล้วนๆ ด้านนอกจะเป็นอิฐดินธรรมดา ส่วนด้านในจะเป็นอิฐทนไฟ มีตระแกรงวางฟืนเพื่อใช้เผาสรีระหลวงตา” กิตติชัยอธิบายรูปแบบของงาน

    ส่วนพื้นที่รอบๆ ก็ได้ก็ติดตั้งเสาไฟฟ้าสูง 60 เมตร เพื่อติดตั้งลวดสลิง 3 เส้นขึงกลดขนาดใหญ่กางคลุมบริเวณเมรุหลวงตามหาบัว และมีลาดพระบาทยาวมาถึงศาลาใหญ่เพื่อเป็นทางเดินขึ้นวางไม้จิก ไม้เนื้อแข็งที่พบมากในพื้นที่ สำหรับวางหน้าเมรุพระราชทานถวายเพลิงสรีรสังขารหลวงตามหาบัว

    บริเวณเมรุถวายสรีรสังขารหลวงตามีการนำต้นไม้มาประดับ ประกอบด้วยต้นไม้ 4 ชนิด ได้แก่ จั๋ง วาสนา ข่อย และบัวหลวง โดยเฉพาะ ต้นจั๋ง เป็นต้นไม้ที่มีความผูกพันกับหลวงตามหาบัวอย่างยิ่ง เพราะเดิมเป็นต้นไม้ที่ขึ้นอยู่รอบกุฏิของหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ซึ่งขณะนั้นหลวงตาได้จำพรรษาอยู่กับหลวงปู่มั่น ต้นจั๋ง มีใบสวยโดดเด่นด้วยสีเขียวช่วยสร้างความผ่อนคลาย สงบร่มรื่น รวมทั้งสร้างความสมดุลให้กับระบบนิเวศ

    [2]

    ไม่ใช่เพียงแต่องค์ประกอบของเมรุเท่านั้น อีกมุมหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือความงามในเชิงศิลปะ เพราะอย่างที่ทราบว่าหลวงตาถือเป็นบุคคลสำคัญและเป็นที่ศรัทธาของผู้คนในถิ่นอีสานมากที่สุดอีกคนหนึ่ง

    ซึ่งเรื่องนี้ ติ๊ก แสนบุญ อาจารย์ประจำคณะศิลปะประยุกต์และการออกแบบ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ในฐานะผู้เชี่ยวชาญเรื่องศิลปะอีสานก็ได้วิเคราะห์เอาไว้ว่า ถ้าดูจากแบบก็ต้องยอมรับว่าสะท้อนถึงสกุลช่างอีสานค่อนข้างจะน้อยถึงน้อยมาก โดยยกตัวอย่างการสร้างเมรุของพระในพื้นฐานจังหวัดอุบลราชธานีที่ไม่ปรากฏในงานครั้งนี้ เช่น การสร้างนกหัสดีลิงค์ ซึ่งเป็นนกในป่าหิมพานต์ รูปตัวส่วนใหญ่เป็นนก เว้นแต่จะงอยปากเป็นงวงอย่างงวงช้าง โดยเชื่อกันว่าสามารถรองรับวิญญาณของผู้มีบุญบารมีไปสู่สรวงสวรรค์ได้

    “พระบ้านบางรูปยามที่มรณภาพก็มีการสร้างนกหัสดีลิงค์ขึ้นมา ซึ่งเดิมเป็นศิลปะอยู่ในกลุ่มชนชั้นเจ้าเมืองที่สืบสายมาจากวัฒนธรรมทางสิบสองปันนา เชียงรุ่งเท่านั้น พอถึงสมัยปฏิรูประบบการปกครองยุครัชกาลที่ 5 ก็มีการยกเลิกระบบเจ้าเมือง แต่มีคนที่อยากอนุรักษ์ประเพณีนี้ไว้ เมื่อใช้กับเจ้าเมืองไม่ได้ก็ลดฐานานุศักดิ์ลงมาใช้กับพระที่มีวัตรปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ประเพณีนี้จะมีแถวอีสานกลางกับที่อุบลฯ

    “หรือที่ผมมองว่าน่าจะใส่ความเป็นท้องถิ่นได้มาก คือหีบศพหรือโลงศพในภาษากลาง เท่าที่ดูในแบบมันไม่ได้สะท้อนอัตลักษณ์ของความเป็นอีสาน โลงศพที่ใช้เป็นโลงศพแบบภาคกลางที่เป็นทรงสี่เหลี่ยมธรรมดา แต่ถ้าเป็นกลุ่มวัฒนธรรมลาวหรือแม้แต่ทางเชียงใหม่ ปากโลงศพจะผายออก ทางอีสานจึงเรียกว่าหีบศพ ซึ่งเป็นอัตลักษณ์ของวัฒนธรรมไทยลาว แต่ของหลวงตาบัวจะเป็นโกศแล้วถือเป็นการให้เกียรติ”

    อย่างไรก็ตาม แม้เมรุลอยที่ก่อสร้างขึ้นนี้จะสะท้อนวัฒนธรรมสกุลช่างอีสานค่อนข้างน้อย แต่ทว่าภาพที่ออกมากลับสะท้อนสิ่งที่อยู่ในตัวของหลวงตาค่อนข้างมากนั่นคือ 'ปรัชญาธรรม'

    “การก่อสร้างเมรุลอยนี้สะท้อนปรัชญาของพระสายนี้ที่เน้นการปฏิบัติ ซึ่งท่านหลวงตาให้ดำริไว้ก่อนมรณภาพว่า ท่านอยากทำแบบเรียบง่าย สิ่งนี้สะท้อนว่าท่านมีวิธีคิดตามปรัชญาที่ท่านสอน คือไม่อยากให้ไปยึดติดกับรูปแบบอย่างโลกๆ ก่อนหน้านี้อย่างกรณีหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ซึ่งเป็นสายพระป่าเช่นกัน ก็ทำเมรุลอยลักษณะนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นแบบนี้เสมอไป เพราะขึ้นกับสานุศิษย์ที่อยู่ด้วยว่าต้องการให้วิจิตรอลังการแค่ไหน”

    [3]

    เห็นความงามและความหมายที่ซ่อนอยู่ในเมรุของหลวงตามหาบัวกันไปแล้ว คราวนี้จะลองหันไปดูถึงกระบวนการเตรียมงานและจัดการสรีรสังขารของหลวงตากันบ้าง

    โดยเรื่องนี้ พยัคฆ์ รัตนปกรณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านตาด เล่าว่า ตอนนี้เมรุของหลวงตาได้ดำเนินการเสร็จครบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว ซึ่งตอนนี้ได้มีกำหนดการไว้เป็นที่เรียบร้อย

    โดยเริ่มตั้งแต่วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม 2554 เวลา 10.00 น. พระสงฆ์จะประกอบพิธีขอขมาต่อองค์หลวงตาจากนั้นก็จะอัญเชิญโกศสรีรสังขารหลวงตาจากศาลการเปรียญไปสู่เมรุ ซึ่งมีตำรวจตระเวนชายแดน 20 นาย ที่เคยรับใช้หลวงตามา 20 ปี แต่งเครื่องแบบขาวหามหีบศพหลวงตาตามด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ คณะสงฆ์และญาติพี่น้อง เพื่อนำสรีรสังขารของหลวงตาขึ้นเมรุที่อยู่ตรงกลางวัด

    พอวันรุ่งขึ้น พระสงฆ์ก็พิจารณาผ้าบังสกุล เวลา 17.00 น. จากนั้นสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถจะทรงทอดผ้าไตร และพระสงฆ์ 10 รูปสวดบังสุกุล

    จากนั้นพอถึงเวลา 18.00 น. ก็จะเข้าสู่การพระราชทานเพลิงศพ โดยงานนี้พยัคฆ์ได้ย้ำว่าจะไม่มีการเผาหลอกแน่นอน โดยในส่วนนี้จะเปิดโอกาสให้ประชาชนและผู้ที่เข้าร่วมงานได้เข้ามาใกล้ชิดกับบรรยากาศ ไม่ว่าจะวางไม้จิก ซึ่งถูกนำมาใช้แทนดอกไม้จันทร์ เพื่อทำให้เถ้ากระดูกที่เผาออกมาสวยงาม โดยทางวัดได้เตรียมเอาไว้ร่วม 100,000 ดอก รวมไปถึงการเฝ้ารอจนกว่าเพลิงจะเผาร่างจนมอดดับซึ่งน่าจะใช้เวลาประมาณ 10 ชั่วโมง

    จากนั้นก็มีการเข้าเก็บรักษาอัฐิหลวงตาอย่างรัดกุม โดยใช้หีบเหล็กอย่างดี พร้อมกุญแจล็อก 8 ดอก โดยให้พระเถระผู้ใหญ่ 8 รูป เป็นผู้ถือคนละดอก ซึ่งจะเก็บพระอัฐิไว้ที่ไหนนั้นยังเป็นความลับ
    ………

    แม้สิ่งที่กำลังจะเกิดในวันเสาร์ที่ 5 มีนาคม 2554 นี้จะมีคลื่นมหาชนมาร่วมงานกันมากแค่ไหน หรือมีคนเข้ามาช่วยงาน เพื่อสักการะหลวงตาเป็นครั้งสุดท้ายเยอะแยะขนาดไหนก็ตาม

    แต่เชื่อเถอะว่า ภาพดังกล่าวคงเทียบไม่ได้กับความเมตตาที่หลวงตามหาบัวได้หยิบยื่นให้แก่ผู้คนในประเทศนี้ตลอดระยะเวลาครึ่งศตวรรษ ซึ่งก็คงเป็นอย่างที่ ติ๊ก แสนบุญ กล่าวว่า แม้ตอนนี้หลวงตามหาบัวจะละสังขารสิ้นแล้ว แต่สุดท้ายท่านก็ยังอดทิ้งคำสอนสุดท้ายไว้แก่โลกไม่ได้

    นั่นคือ...'การละวาง'
    >>>>>>>>>
    ………
    เรื่อง : ทีมข่าว CLICK
    ภาพ : ทีมภาพ CLICK


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right height=10>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9540000028041
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มีนาคม 2011
  8. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>Queen leads 1 million to pay last respects to monk

    Her Majesty the Queen yesterday presided over the cremation ceremony of Luangta Maha Bua Yannasampanno, attended by large crowds of devoted followers at Wat Pa Ban Tad forest temple in Udon Thani's Muang district.
    [​IMG] FINAL FAREWELL: Her Majesty the Queen presides over the cremation ceremony of Luangta Maha Bua Yannasampanno at Wat Pa Ban Tad forest temple in Udon Thani’s Muang district.


    At 5.15pm, Her Majesty arrived at the temple's grounds, which had been filled with mourners since early morning. Among them was Her Royal Highness Princess Chulabhorn. The mourning crowds observed in silence as Her Majesty proceeded with the ceremony. She made offerings of 10 sets of saffron robes, placed sandalwood, cut flowers and lit the funeral pyre to complete the symbolic cremation.

    Next came the turn of HRH Princess Chulabhorn and senior monks, followed closely by senior government officials led by Prime Minister Abhisit Vejjajiva.
    The actual cremation of Luangta Maha Bua took place at about 6pm, shortly after Her Majesty left.

    The followers, who patiently waited their turn, moved forward row by row and placed sandalwood, cut flowers and logs around the crematorium before the funeral pyre was lit.
    [​IMG] Her Royal Highness Princess Chulabhorn places a set of monk’s robes at the funeral pyre of the late Luangta Maha Bua Yannasampanno. PHOTO: TAWATCHAI KEMGUMNERD


    Several people remained at the temple and watched the fire. Many stayed overnight and will today join the alms giving and ash-collecting ceremony, which will be held at around midnight.

    Luangta Maha Bua's ashes will be kept in a metal box which was locked by eight master keys for security. Eight revered monks hold one key each.
    The ashes will be divided into two portions on Friday. One portion will be distributed among various forest temples, while the other will be put in a golden urn and also kept at Wat Pa Ban Tad.

    It is estimated up to one million people joined yesterday's ceremony.
    Those who attended the funeral received mementoes ranging from amulets to pictures and booklets.

    One of the most sought-after items at the service was a chronicle of the life of Luangta Maha Bua compiled by Wat Pa Ban Tat.

    Only 100,000 copies of the book have been printed for distribution under a budget of 20 million baht.

    Several thousand police officers and soldiers were deployed yesterday to ensure order and traffic flow in the area.
    [​IMG] Above right, flames engulf the coffin containing the body of Luangta Maha Bua. PHOTO: TAWATCHAI KEMGUMNERD

    [​IMG] smoke billows as the body of Luangta Maha Bua is cremated. PHOTO: TAWATCHAI KEMGUMNERD

    [​IMG] monks file past to pay their respects to the body of Luangta Maha Bua. PHOTO: TAWATCHAI KEMGUMNERD

    [​IMG] up to one million mourners weathered the heat to attend the cremation of Luangta Maha Bua. PHOTO: NATHITI AMPRIWAN

    [​IMG] mourners hold up photos of Luangta Maha Bua during the cremation ceremony. PHOTO: NATHITI AMPRIWAN

    http://www.bangkokpost.com/news/local/225025/queen-leads-1-million-to-pay-last-respects-to-monk

    ..............................................................
    ศรัทธา! ศิษย์ทำผอบทองคำจัดเก็บอัฐิอังคารหลวงตามหาบัว

    </TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>พระอาจารย์นภดล นันทโน ชี้แจงถึงการจัดเก็บอัฐิหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ไม้จิก ถูกเลือกใช้เป็นฟืนเผาสรีระสังขารหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ลูกศิษย์เหลาไม้จิก ใช้แทนไม้จันทร วางหน้าหีบบรรจุสรีระสังขารหลวงตา</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ศูนย์ข่าวขอนแก่น -มหาศรัทธา!ศิษยานุศิษย์ทำผอบด้วยทองคำหนัก 1 กิโลกรัม สำหรับจัดเก็บอัฐิสังขาร “องค์หลวงตามหาบัว” เพื่อเตรียมบรรจุไว้ในเจดีย์ที่อาจจะมีการสร้างเป็นอนุสรณ์สถานองค์หลวงตาในอนาคต ขณะที่อัฐิอังคารส่วนหนึ่งจะมอบให้วัดป่าสายวัดป่าบ้านตาดทั่วประเทศ นำไปให้ศรัทธาญาติโยมสักการบูชา

    พระอาจารย์นพดล นันทะโน เจ้าอาวาสวัดป่าดอยลับงา อ.เมือง จ.กำแพงเพชร กล่าวว่า ภายหลังพระราชทานเพลิงสรีระสังขารหลวงตามหาบัว ซึ่งจะมีขึ้นในเวลา 18.00 น.วันนี้ (5 มี.ค.) ว่า หลังไฟมอดแล้วในคืนเดียวกันนี้ ทางคณะสงฆ์จะจัดเก็บอัฐิอังคารขององค์หลวงตาทันที โดยจะนำไปบรรจุในหีบเหล็กแล้วล็อกด้วยกุญแจ 8 ดอก

    โดยหีบเหล็กที่ใช้จัดเก็บอัฐิอังคารดังกล่าว ทางศิษยานุศิษย์ได้จัดทำให้กับทางคณะสงฆ์ไว้ทั้งหมด 4 หีบแต่จะเลือกหีบที่คิดว่าดี และเหมาะสมที่สุดสำหรับจัดเก็บอัฐิอังคารขององค์หลวงตาเพียงหีบเดียว

    ขณะที่พิธีสามหาบจัดเก็บอัฐิตามประเพณีในเช้าของวันที่ 6 มี.ค.นี้ ยังมีตามกำหนดการเช่นเดิมในเวลา 06.00 น.โดยจะมีพระผู้ใหญ่ 3 ท่านเป็นผู้ทำพิธีจัดเก็บ คือ พระอุดมญาณโมลีหรือหลวงปู่จันทร์ศรี จันททีโป ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 8 เจ้าอาวาสวัดโพธิสมภรณ์ อ.เมือง จ.อุดรธานี พระอาจารย์บุญเพ็ง เขมาถิรโต วัดถ้ำกองเพล และพระอาจารย์ธวัชชัย สุตธิมาโม วัดป่าน้ำตกจำปาทอง จ.พะเยา

    หลังจากนี้สักระยะ จะมีการจัดแบ่งอัฐิอังคารหลวงตามหาบัว ออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือ การคัดสรรอัฐิอังคารขององค์หลวงตาส่วนที่สมบูรณ์และสวยที่สุดบรรจุไว้ในผอบทองคำหนัก 1กิโลกรัม เพื่อเตรียมไว้บรรจุในเจดีย์ที่อาจจะมีการจัดสร้างขึ้นในอนาคต ให้ญาติธรรมประชาชนได้กราบสักการะรำลึกถึงพระคุณขององค์หลวงตา ซึ่งผอบที่ทำด้วยทองคำดังกล่าวทางลูกศิษย์ลูกหาขององค์หลวงตาเป็นผู้จัดทำขึ้นด้วยความศรัทธา

    สำหรับอัฐิอังคารอีกส่วนที่เหลือ จะแบ่งมอบให้กับวัดป่าต่างๆ ทั่วประเทศที่พระลูกศิษย์หลวงตาไปปกครอง หรือวัดป่าที่องค์หลวงตามหาบัว เคยไปตั้งกองทุนผ้าป่าทองคำช่วยชาติไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งวัดป่าต่างๆ เหล่านี้ ก็จะนำอัฐิอังคารหลวงตาไปจัดเก็บด้วยรูปแบบใดก็ตาม เพื่อให้ญาติธรรมในพื้นที่นั้นๆ ได้สักการบูชา และรำลึกถึงคำเทศนาสั่งสอนของท่าน

    พระอาจารย์นพดล อธิบายต่อว่า กรณีที่ว่าจะมีการสร้างเจดีย์เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานให้องค์หลวงตาหรือไม่นั้น จริงๆ แล้วองค์หลวงตามหาบัวไม่เคยพูดชัดเจนว่า จะให้จัดสร้างหรือไม่ แม้ก่อนหน้านี้ที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ พระลูกศิษย์เคยปรารภ แต่ท่านก็เลี่ยงที่จะพูดถึง พูดสั้นๆ ว่าเรื่องนี้เอาไว้ก่อน อย่างไรก็ตาม การจัดสร้างเจดีย์ถือเป็นสิ่งที่คู่ควรกับพระอรหันต์ ซึ่งมีพระเถระผู้ใหญ่หลายท่านที่ละสังขารไปแล้ว ลูกศิษย์ลูกหาจะสร้างเจดีย์เป็นที่ระลึกเพื่อให้สมเกียรติเป็นที่สักการะรำลึกบูชา

    พระอาจารย์นพดล ยังได้อธิบายให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้ไม้จิกแทนไม้จันทน์เป็นเชื้อเพลิงในการเผาสรีระสังขารขององค์หลวงตามหาบัวอีกว่า การใช้ไม้จิกเป็นเชื้อเพลิงนั้นถือเป็นการสืบทอดภูมิปัญหาไทยที่ใช้กันมานานตั้งแต่บรรพบุรุษ เพราะไม้จิกเป็นไม้เนื้อแข็ง หลังเผาไหม้แล้วจะเหลือส่วนที่เป็นเถ้าน้อยมาก อีกทั้งไม่เป็นมลภาวะทางอากาศ ที่สำคัญอัฐิอังคารเก็บได้จะสมบูรณ์ จัดเก็บได้ปริมาณมาก และสะอาดสวยงามมากกว่า




    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right height=10>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    Local - Manager Online -
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มีนาคม 2011
  9. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    เก็บอัฐิหลวงตาที่กุฏิแบ่งวัดป่า11มี.ค.

    [​IMG]


    คณะสงฆ์เก็บอัฐิธาตุหลวงตามหาบัวใส่หีบกลับกุฏิเดิม รอแบ่งให้วัดสายป่า พร้อมมอบกุญแจ 8 ดอกให้พระลูกศิษย์ ด้านประชาชนนับหมื่นแห่เก็บอัฐิ เผยนำผ้าชุบน้ำมาซับถนน-กำแพงรอบเมรุลอย หวังเพียงได้เถ้าอัฐิไปบูชา พร้อมใจเก็บดอกไม้-หญ้า-ดินใกล้เมรุเป็นมงคลทางจิตใจ

    เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 6 มีนาคม วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี คณะสงฆ์ประกอบด้วยพระเถรชั้นผู้ใหญ่ พร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ร่วมเก็บอัฐิธาตุพระธรรมวิสุทธิมงคล หรือหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน บนจิตกาธาน หรือ เมรุลอย หลังจากมีพิธีพระราชทานเพลิงสรีระสังขารเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยมีประชาชนนับหมื่นร่วมส่งอัฐิธาตุหลวงตามหาบัวด้วยจิตศรัทธาที่มุ่งมั่น

    ทั้งนี้ หลังจากเก็บอัฐิธาตุหลวงตามหาบัวเสร็จสิ้น คณะสงฆ์นำอัฐิธาตุบรรจุในหีบเหล็ก ก่อนจะลั่นกลอนด้วยกุญแจ 8 ดอก จากนั้นคณะสงฆ์มอบกุญแจ 8 ดอกให้แก่พระลูกศิษย์หลวงตามหาบัวเก็บไว้ ประกอบด้วย พระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก พระอาจารย์สุลาน พระอาจารย์สุดใจ ทันตมโนจ พระอาจารย์บำรุง พระอาจารย์กนก พระอาจารย์พรหม พระอาจารย์สมบูรณ์ พระอาจารย์ชาตรี

    ต่อมาเวลา 04.30 น. คณะสงฆ์ได้เคลื่อนหีบเหล็กบรรจุอัฐิธาตุออกจากจิตกาธาน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน 8 นาย เคลื่อนหีบเหล็กดังกล่าวไปยังห้องหลวงตามหาบัวที่กุฏิเดิม โดยตลอดเส้นทางประชาชนนับหมื่นที่ร่วมส่งอัฐิธาตุต่างเปล่งเสียงสาธุดังกึกก้อง ทั้งนี้ในส่วนอัฐิธาตุหลวงตามหาบัวจะเก็บไว้ภายในกุฏิเดิมจนถึงวันที่ 11 มีนาคมนี้ จากนั้นคณะสงฆ์จะแบ่งอัฐิธาตุให้วัดป่าต่างๆ ที่มีลูกศิษย์หลวงตามหาบัวดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส นอกจากนี้อัฐิธาตุหลวงตามหาบัวจะถูกแบ่งให้วัดที่ร่วมทำบุญในงานพระราชทานเพลิงสรีระสังขาร โดยก่อนจะถึงวันแบ่งอัฐิธาตุทางวัดป่าบ้านตาดจะเปิดให้ญาติโยมเข้ากราบสักการะอัฐิธาตุหลวงตาที่กุฏิเดิม

    ขณะเดียวกันมีรายงานว่า หลังจากคณะสงฆ์เคลื่อนอัฐิธาตุหลวงตามหาบัวไปเก็บไว้ในกุฏิเดิมแล้ว ประชาชนนับหมื่นคนที่เดินทางมาร่วมพิธีเก็บอัฐิธาตุต่างพากันหาอัฐิธาตุที่ปลิวมาตกบริเวณรอบจิตกาธาน เพื่อนำไปบูชาเป็นสิริมงคล บางคนพยายามฝ่าแนวกั้นบริเวณชั้นในที่มีทั้งทหารและตำรวจยืนเฝ้า เพื่อเข้าไปให้ใกล้จิตกาธานมากที่สุด นอกจากนี้ยังมีประชาชนส่วนพยายามจะเก็บดอกไม้ หญ้า และดินในเมรุ ไว้เป็นวัตถุมงคลแก่จิตใจ โดยทุกคนต่างแสดงอาการดีใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเจอผงเชิงตะกอนที่ลอยออกมา ซึ่งมีลักษณะใสๆ หลากหลายสี บางคนเก็บไว้กับตัวเป็นจำนวนมาก บางคนนำไม้จิก ไม้จันทน์ ไปบูชาที่บ้านเพื่อเป็นสิริมงคลอีกด้วย

    มีรายงานว่า ตลอดทั้งวันประชาชนผู้มีจิตศรัทธาจำนวนมากยังคงค้นหาอัฐิธาตุหลวงตามหาบัวบริเวณรอบจิตกาธานไม่ขาดสาย โดยหลังพระอาทิตย์ตกดิน อากาศคลายความร้อน ปรากฏว่ามีญาติโยมจำนวนมากนำผ้าขนหนูผืนเล็กๆ ลักษณะคล้ายผ้าเย็น ชุบน้ำเดินลูบตามบริเวณต่างๆ ใกล้สถานที่พระราชทานเพลิงหลวงตามหาบัว หวังจะเก็บเศษอัฐิธาตุ หรือเชิงตะกอนของหลวงตามหาบัวไปไว้บูชา โดยต่างนำผ้าชุบน้ำไปซับบริเวณพื้น กำแพง แม้แต่เต็นท์ผ้าใบที่กางไว้ บางส่วนก็นำผ้าชุบน้ำไปเช็ดที่พื้นถนน

    นางอุสิชา วงศ์สุวรรณ ชาวกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า มาหาเศษขี้เถ้า เพราะคิดว่าเป็นเศษเสี้ยวอัฐิของหลวงตา ไม่ว่าเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง เมื่อได้มาก็พอใจแล้ว ส่วนวิธีการได้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดบริเวณลาน และแถวรอบๆ ที่เผาสรีระหลวงตา โดยก่อนจะหาเจอได้อธิษฐานขอหลวงตาว่า ขอให้ได้เศษเถ้ากระดูกของหลวงตา เพราะที่ผ่านมาเป็นคนที่ปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด ดังนั้นขอให้ได้เพียงเศษเสี้ยวนิดเดียวก็พอ เมื่อได้ไปแล้วจะเอาไปเก็บไว้บูชา โดยจะนำผ้าทั้งผืนไปใส่ไว้ในกรอบ ทั้งนี้มีคนบอกว่า ถ้าเป็นเศษเถ้าจริงเก็บไปแล้วจะมีการงอกออกมา

    ด.ต.หญิง วชิราพร บัวใหญ่รักษา กล่าวว่า ตั้งใจเก็บเถ้ากระดูกหลวงตา แต่ถึงตอนเย็นยังไม่ได้อะไร วันนี้ได้อธิษฐานขอหลวงตา แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เห็นคนเขามาหากัน คลื่นมหาชนที่มาคอยหาทุกคนก็อยากได้เถ้านี้ แต่สำหรับตนแล้วคิดว่าถ้าได้แค่เศษเถ้าแค่เศษธุลีก็พอใจแล้ว ถือว่าเป็นบุญที่สุดแล้ว สิ่งที่ได้ถึงแม้จะเป็นอะไรก็ช่าง คิดว่า เมื่อเก็บอยู่ในบริเวณนี้ ถือว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ทุกอย่าง โดยจะนำไปเคารพบูชาที่บ้าน

    "ได้หรือไม่ได้ไม่เป็นไร เพราะคิดว่าจะเป็นเวลาไหนหลวงตาท่านก็เมตตาทุกอย่าง ในบริเวณนี้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด เรามาที่นี่ก็ถือว่าได้มาในที่ที่ศักดิ์สิทธิ์แล้ว ก็จะเอาผ้าลูบเช็ดไปเรื่อยๆ แล้วจะเอาผ้าไปเก็บไว้บูชา เราเคารพอยู่ที่ใจ หลวงตาจะอยู่ในใจตลอดไป" ด.ต.หญิง วชิราพรกล่าว

    วันเดียวกัน พระธรรมเจติยาจารย์ เจ้าคณะภาค 8 ธรรมยุต เป็นประธานในพิธีมอบใบตราตั้งเจ้าอาวาสวัดเกษรศีลคุณ หรือวัดป่าบ้านตาด ให้แก่ พระสุดใจ ทันตมโน รักษาการเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด อย่างเป็นทางการ หลังจากก่อนหน้านี้เจ้าคณะตำบลบ้านตาดได้ลงนามแต่งตั้งให้เป็นรักษาการเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด และต่อมาเจ้าพระคุณสมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดพระศรีมหาธาตุ ได้ลงนามใบตราตั้งให้ พระสุดใจ ทันตมโน เป็นเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด ปัจจุบันพระสุดใจ ทันตมโน อายุ 67 ปี 38 พรรษา

    http://www.komchadluek.net/detail/20110306/90717/เก็บอัฐิหลวงตาที่กุฏิแบ่งวัดป่า11มี.ค..html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มีนาคม 2011
  10. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    “เก็บอัฐิหลวงตามหาบัว” เช้ามืดวันนี้ พร้อมจัดแบ่งอัฐิให้วัดสาขา 11 มี.ค.

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>อุดรธานี - คณะสงฆ์เก็บอัฐิธาตุหลวงตามหาบัวแล้ว เมื่อเช้ามืดวันนี้ (6 มี.ค.) เก็บรักษาไว้ในหีบเหล็กล็อคด้วยกุญแจ 8 ดอก เตรียมเปิดหีบจัดแบ่งอัฐิเป็น 3 ส่วน 11 มี.ค.นี้ ด้าน สมเด็จพระวันรัตน์ ทรงแต่งตั้งพระอาจารย์สุดใจ ทันตมโน เป็นเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด มีผล 6 มี.ค.เป็นต้นไป

    วันนี้ (6 มี.ค.) เมื่อเวลา 07.45 น.มีประกาศแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด อย่างเป็นทางการ โดยสมเด็จพระวันรัตน์ รักษาการเจ้าคณะใหญ่ฝ่ายธรรมยุต วัดบวรนิเวศน์วิหาร ได้มอบหมายให้ พระธรรมเจดีย์เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนเจ้าคณะภาค 8 ฝ่ายธรรมยุต มอบใบประกาศตราตั้งให้พระสุดใจ ทันตมโน รักษาการเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาดเป็นเจ้าอาวาส ตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค.เป็นต้นไป

    ทั้งนี้ โดยมี นายวีระพงษ์ สารบรรณ ผู้อำนวยการ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอุดรธานีเป็นผู้อ่านประกาศตราตั้งโดยมีใจความว่า ตราประกาศที่ 01/2554 ประกาศแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาดโดยอาศัยอำนาจตามข้อ 27 แห่งกฎเถระสมาคมฉบับที่ 24 พ.ศ.2541 ว่า ด้วยการแต่งตั้งถอดถอนออกตาม พ.ร.บ.สงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 (พ.ศ.2535) แต่งตั้งให้พระสุดใจ ทันตมโน อายุ 67 ปี พรรษา 38 พรรษาเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด ตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม 2554 พระราชวราลังการ เจ้าคณะจังหวัดอุดรธานีฝ่ายธรรมยุตผู้รับบัญชา

    พระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก กล่าวว่า การเก็บเถ้าอัฐิอังคารของหลวงตาพระมหาบัวซึ่งจากากรประชุมของคณะสงฆ์หลายรอบ ได้เห็นชอบว่าต้องเก็บทันทีหลังที่เพลิงมอดลงแล้วซึ่งการจัดเก็บได้ทำกันตั้งแต่ เวลา 03.30 น.ของวันที่ 6 มี.ค.ซึ่งหีบที่ใช้สำหรับเก็บก็คือรางสแตนเลสที่สอดอยู่ใต้จิตกาธาน โดยใช้ฝาครอบและใสกุญแจรอบหีบจำนวน 8 ดอก นำเอาไปเก็บไว้ที่กุฏิหลวงตาบัว

    โดยมีพระภิกษุ 8 รูป ถือกุญแจที่ล็อกหีบเก็บอัฐิประกอบด้วยพระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก, พระอาจารย์สุลานปภัสโร, พระอาจารย์สุดใจ ทันตธัมโม, พระอาจารย์บำรุง นวพโล, พระอาจารย์กนก กนโก, พระอาจารย์พรหม กิตติวันโน, พระอาจารย์สมบูรณ์ ธิตตาโน, พระอาจารย์ชาตรี นิสโก

    การดำเนินการต่อไป จะมีการประชุมสงฆ์ทั้งนั้น ซึ่งเป็นพระสงฆ์อธิการระดับเจ้าอาวาสทั่วประเทศและเปิดหีบบรรจุอัฐิหลวงตาในวันที่ 11 มีนาคม 54 นี้ เพื่อจัดแบ่งเถ้าอัฐิอังคารออกเป็น 3 ส่วน คือ 1.เก็บไว้ที่วัดป่าบ้านตาด ซึ่งในขณะนี้ลูกศิษย์ได้ทำ ผอบทองคำหนัก 1 กิโลกรัม รูปแบบเป็นดอกบัวกำลังบาน มาให้เพื่อใช้บรรจุเถ้าอัฐิ แล้วนำไปเก็บในตู้เซฟ 2 แบ่งใส่ผอบมี 2 ขนาด คือ ขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เพื่อแจกจ่ายให้กับวัดป่าทั่วประเทศจำนวนประมาณ 130 แห่ง เพื่อนำไปเก็บไว้ตามวัดต่างๆ ดังกล่าว และส่วนที่ 3 จะแจกให้กับลูกศิษย์และลูกหลานของหลวงตามหาบัว

    ทั้งนี้ เถ้าอัฐิอังคารของหลวงตา จะไม่มีการแจกจ่ายให้กับประชาชนทั่วไป โดยประชาชนศรัทธาญาติโยมที่ต้องการกราบไหว้หลวงตาสามารถที่จะเดินทางไปกราบไหว้ได้ตามวัดป่าต่างที่ได้รับอัฐิไปเก็บไว้ทั่วประเทศ ส่วนการสร้างพิพิธภัณฑ์หรือเจดีย์ที่บริเวณเมรุวัดป่าบ้านตาด นั้นก็แล้วแต่มติของคณะสงฆ์ละชาวบ้านจังหวัดอุดรธานี จะดำเนินการอย่างไรเป็นเรื่องของอนาคต

    ส่วนการเก็บรักษาเมรุที่ใช้ประชุมเพลิงหลวงตาบัว ในระยะต่อไปเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันจะได้ทำตาข่ายหรือลูกกรุงสแตนเลส มาคลุมตัวจิตกาธานเอาไว้ ตั้งแต่ยอดจนถึงพื้นของตัวเมรุและจะทำการยึดด้วยหมุดอย่างแข็งแรงเพื่อป้องกันผู้ไม่หวังดีเข้าไปขุดคุ้ยภาพในตัวจิตกาธาน

    นอกจากนี้ พระอาจารย์อินทร์ถวาย ได้กล่าวขอบคุณและขอบใจไปยังลูกศิษย์ ประชาชน ที่เดินทางมาร่วมงานพระราชทานเพลิงสรีระสังขารของหลวงตามหาบัวในครั้งนี้ ให้พรคุ้มครอง ให้ทุกคนปลอดภัยเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพอยู่ร่มเย็นเป็นสุขทำมาค้าขายให้รุ่งเรือง

    ขณะเดียวกัน เมื่อเวลา 09.00 น.สมเด็จเจ้าลูกเธอฟ้าหญิงจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัคราชกุมารี เสด็จฯไปยังกุฏิหลวงตาบัว พร้อมด้วยพระเถระชั้นผู้ใหญ่ นำโดยพระอาจารย์อินทร์ถวาย เพื่อทอดพระเนตรเถ้าอัฐิอังคารของหลวงตาบัว โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงในการทอดพระเนตร

    ด้าน พระอาจารย์นภดล นันทโน เจ้าอาวาสวัดป่าดอยลับงา จ.กำแพงเพชร กล่าวว่า กิจกรรมต่อไปของวัดป่าบ้านตาด จะทำพิธีส่งมอบทองคำและปิดโครงการทอดผ้าป่าทองคำช่วยชาติ ในวันที่ 12 เมษายน 54 ที่วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยจะทูลเชิญสมเด็จเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จฯมาเป็นองค์ประธาน

    ส่วนกิจกรรมต่อไปในช่วงเดือนพฤษภาคม 54 จะมีการทำบุญครบ 100 วัน และในวันที่ 30 พฤษภาคม 54 ทางวัดจะจัดงานวัดเปิดโลกธาตุ ที่องค์หลวงตามหาบัว จัดเป็นประจำต่อเนื่องทุกปี และในวันที่ 12 สิงหาคม จะจัดงานทำบุญวันเกิดหลวงตามหาบัว ที่วัดป่าบ้านตา

    สำหรับยอดรับบริจาคตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค.-5 มี.ค.54 ยอดรายรับจากบัญชีชีออมทรัพย์ 3 บัญชี ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกรุงไทย ยอดรวมทั้งสิ้น 378,785,834.23 บาท ส่วนทองคำรวมทั้ง 100 กิโลกรัม 29.33 บาท

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=102 height=25>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/TabGalleryUBG.gif height=25>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=11 height=25>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle height=7>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#ede9e8><TABLE cellSpacing=8 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width="33%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle width="33%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle width="33%">เช้ามืดวันนี้ (6มี.ค.54) เมื่อเวลา 03.30 น.ทางคณะสงฆ์ได้จัดเก็บอัฐิหลวงตามหาบัว</TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width="33%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle width="33%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle width="33%">คณะสงฆ์กำลังรวบรวมอัฐิหลวงตาจากรางรองรับอัฐิ</TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width="33%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle width="33%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle width="33%">หีบเหล็กที่บรรจุอัฐิอังคารหลวงตา จะมีพระภิกษุ 8 รูปถือกุญแจล็อคไว้อย่างแน่นหนา</TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle>เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน กำลังเคลื่อนย้ายหีบบรรจุอัฐิไปเก็บไว้กุฎิหลวงตา </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width="33%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle width="33%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle height=7>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=right width=12 height=24>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/TabGalleryDBG.gif height=24>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=11 height=24>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9540000029024
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มีนาคม 2011
  11. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    ประมวลภาพเก็บอัฐิธาตุหลวงตาบัว

    อัศจรรย์อัฐิธาตุหลวงตามหาบัวลอยฟุ้งรอบจิตกาธาน ประชาชนรุมเก็บนำไปบูชา ด้านที่ประชุมสงฆ์วัดป่าบ้านตาดตั้งพระอาจารย์สุดใจ เป็นเจ้าอาวาส

    เมื่อเวลา 06.00 น. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารีเสด็จทรงบาตร ภายในวัดเกษรศีลคุณ หรือวัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ก่อนจะเสด็จกลับพระตำหนักในเขตวัด รวมทั้งได้มีพิธีพระราชทานผ้าไตรและ อัฐบริขาร พร้อมเครื่องอาหารคาว หวาน 3 หาบได้มอบให้พระอุดมญาณโมลี หลวงปู่จันศรี จันทะทีโป รองสมเด็จพระราชาคณะเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ สมภรณ์ จ.อุดรฯ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 8 เป็นประธานในพิธี

    นอกจากนี้ในช่วงค่ำจะมีพิธีการทางศาสนาอีก 2 พิธีการสำคัญ โดยในเวลา 19.30 น. พระเถระจะแสดงธรรมเทศนา 1 กัณฐ์ และเวลา 20.00 น. พระเถระ 10 รูป จะขึ้นพิจารณาผ้าบังสุกุล เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีพระราชทานเพลิงสรีระสังขาร พระธรรมวิสุทธิมงคล หรือ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

    ทั้งนี้ สมเด็จพระวันรัต รักษาการเจ้าคณะใหญ่ธรรมยุตได้เป็นประธานในพิธีอ่านประกาศแต่งตั้งพระอาจารย์สุดใจ ทันตมโน รักษาเจ้าอาวาสวัดเกสรศีลคุณ หรือวัดป่าบ้านตาด เป็นเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด สืบต่อหลวงตาพระมหาบัว ท่ามกลางที่ประชุมคณะสงฆ์วัดป่าบ้านตาด

    เมื่อเวลา 07.30 น.สมเด็จพระวรรณรัต รักษาการแทนเจ้าคณะใหญ่ธรรมยุต เป็นประธานในที่ประชุมสงฆ์วัดป่าบ้านตาด อ่านประกาศแต่งตั้ง พระอาจารย์สุดใจ ทันตมโน รักษาการเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด อายุ 67 ปี 38 พรรษา เป็นเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด สืบต่อจากหลวงตามหาบัว ก่อนที่ทางผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนา ประจำจังหวัดอุดรธานี นำคำสั่งดังกล่าวติดประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

    คณะสงฆ์เก็บอัฐิธาตุหลวงตามหาบัวตั้งแต่3.00น.
    พระอาจารย์ อินถวาย เจ้าอาวาสวัดป่านาคำน้อย อ.นายูง จ.อุดรธานี ว่า ในการจัดเก็บอัฐิหลวงตามมหาบัว คณะสงฆ์ได้มีการจัดเก็บตั้งแต่เวลา 03.00 น. โดยรางสเตนเลสที่จัดเก็บนั้นจะมีฝาครอบล็อกกุญแจ 8 ตัว กุญแจ 8 ดอก รักษาไว้ที่พระศิษยานุศิษย์ 8 รูป ซึ่งระหว่างการจัดเก็บมีการถ่ายวีดีโอบันทึกตลอดเวลา ซึ่งนำไปเก็บรักษาไว้ที่กุฎิของหลวงพระมหาบัว

    ทั้งนี้ได้เรียนต่อสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯแล้วว่า เนื่องจากหลวงตาเป็นพระผู้ใหญ่ลูกศิษย์มากหากนำอัฐิออกมาในช่วงเช้าเช้าจะเกิดปัญหาได้ ซึ่งสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ ทรงรับทราบแล้ว ซึ่งมติที่ประชุมได้ให้แบ่งอัฐิธาตุออกเป็น 3ชุด โดยในวันที่ 11 มี.ค. จะมีการประชุมคณะศิษยานุศิษย์พระผู้ใหญ่อีกครั้งเพื่อพิจารณาแยกอัฐิของหลวงเพื่อแบ่งเป็น 3 ชุด เพื่อนำไปบรรจุไว้ในเจดีย์ที่คณะศิษย์จะสร้างขึ้นในอนาคต เพื่อแจกแขกสำคัญและ เพื่อแจกให้กับวัดสาขาของวัดป่าบ้านตาด

    พระอาจารย์อินถวาย กล่าวด้วยว่าสำหรับ จิตกาธาน (เมรุชั่วคราว) นั้นทางวัดจะนำตะแกรงเหล็กไปครอบไว้ทั้ง 4 ด้าน เพื่อป้องกันคนเข้าไป และรอจนกว่าจะมีการออกแบบก่อสร้างเจดีย์และพิพิธภัณฑ์เสร็จสิ้น ซึ่งจะสร้างในพื้นที่ดังกล่าวเพื่อให้ประชาชนได้มาสักการะต่อไป

    เปิดให้ญาติโยมกราบอัฐิหลวงตาที่กุฎิ
    พระอาจารย์นพดล นันทโน เจ้าอาวาสวัดป่าดอยลับงา อ.เมือง จ.กำแพงเพชร เปิดเผยว่า ขณะนี้อัฐิธาตุของ พระธรรมวิสุทธิมงคล หรือ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด จะเก็บไว้ภายในกุฏิเดิมของหลวงตา ถึงวันที่ 11 มี.ค.นี้

    จากนั้นคณะสงฆ์จะมีการประชุมเพื่อจัดแบ่งอัฐิสำหรับเก็บไว้ในเจดีย์ที่จะมีการสร้างขึ้นที่วัดป่าบ้านตาดในอนาคต รวมทั้งให้วัดป่าต่าง ๆ ที่เจ้าอาวาสเป็นลูกศิษย์ของหลวงตา และวัดที่ร่วมทำบุญในงานพระราชทานเพลิงสรีระ จะได้รับแบ่งอัฐธาตุ ซึ่งก่อนที่จะถึงวันแบ่งอัฐิธาตุ ทางวัดป่าบ้านตาด จะยังคงให้ญาติโยมที่เดินทางมา เข้านมัสการกราบอัฐิธาตุของหลวงตา ที่กุฏิเดิมด้วย

    นอกจากนี้สำหรับอัฐบริขารและเครื่องใช้ของหลวงตา ทางวัดจะจัดเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์เพื่อให้ประชาชนได้ชมต่อไป

    เตรียมแจกหนังสือที่ระลึกงานแสนเล่ม
    ขณะที่ในวันที่ 12 ส.ค. ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของหลวงตามหาบัวนั้น ทางวัดจะแจกหนังสือที่ระลึกในพิธีพระราชทานเพลิงสรีระสังขาร หลวงตามหาบัวให้กับผู้ที่มาร่วมงานจำนวน 1 แสนเล่ม โดยใช้งบประมาณในการจัดพิมพ์ 16 ล้านบาท โดยขณะนี้ได้แจกคูปองให้กับผู้ที่มีสิทธิได้รับหนังาสือแล้ว โดยทางวัดจะแจกหนังสือให้กับผู้ที่มีคูปองเท่านั้น

    พระอาจารย์นพดลกฃ่าวว่า ยอดทองคำและเงินที่ญาติโยมบริจาคสมทบซื้อทองเข้าคลังหลวง ณ วันที่ 5 มี.ค. มีทองคำบริจาคจำนวนทั้งสิ้น 1,000กิโลกรัม 29บาท 33 สตางค์ ส่วนยอดเงินบริจาคจำนวน 378,785,834 ล้านบาท โดยในวันที่ 12เม.ย.นี้ คณะศิานย์จะนำทองคำและเงินบริจาคทั้งหมด มอบให้ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อนำเข้าคลังหลวง ซึ่งลูกศิษย์จะมีการติดตามอย่างต่อเนื่องว่าได้ถูกนำไปเป็นทุนสำรองของประเทศตามที่หลวงตาต้องการ

    อัศจรรย์อัฐิธาตุลอยทั่วบริเวณจิตกาธาน
    ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 06.00 น.ที่ผ่านมา ประชาชนที่เดินทางไปร่วมในพิธีพระราชทานเพลิงสรีระสังขารหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ต่างรุมกันเก็บ อัฐิธาตุของหลวงตามหาบัว ซึ่งลอยออกมาจากจิตกาธาน ทั้งนี้ อัฐิธาตุ ดังกล่าวประชาชนเชื่อว่า เป็นการเอื้อเฟื้อของหลวงตามหาบัว ให้กับญาติโยมที่เดินทางมาร่วมในพิธีพระราชทานเพลิงศพ แต่ไม่สามารถเข้าถึงเมรุได้

    น.ส.ทักษิณา อินแบ 35 ปี ชาวจ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า หลังมีการพระราชทานเพลิงศพเมื่อวานนี้ช่วงเวลาประมาณ ตีสาม ขณะที่ประชาชนซึ่งเดินทางมาร่วมงานนั่งสมาธิ เพื่อถวายแก่หลวงตามหาบัว ปรากฏว่าได้เสียงปะทุจากจิตกาธาน และเกิดอัฐิธาตุลอยปลิวละล่องไปทั่วบริเวณ ทำให้ประชาชน ต่างรุมล้อมเพื่อเก็บสิ่งดังกล่าว บางรายสามารถเก็บได้จำนวนมาก สำหรับเถ้าถ่านหรือธาตุ มีลักษณะเป็นเกร็ดก้อน มีทั้ง สีดำ เหลือง น้ำตาล

    นางบุษบง เสมอ่วม อายุ 59 ปี กทม. กล่าวว่า อัฐิธาตุที่เก็บได้มีลักษณะเป็นเม็ดคล้ายพริกไทย มีสีน้ำตาลและสีขาวขุ่น ซึ่งจะเก็บเอาไปบูชาที่บ้านต่อไป

    ประมวลภาพพิธีการเก็บอัฐิหลวงตามหาบัว

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
    อัฐิธาตุที่ประชาชนเก็บได้

    [​IMG]
    ประชาชนรุมเก็บอัฐิธาตุที่ลอยฟุ้งออกมาจากจิตกาธาน

    [​IMG]
    โพสต์ทูเดย์ กทม.-ภูมิภาค : เก็บอัฐิธาตุหลวงตาบัว
     
  12. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    วัดบ้านตาดเปิดให้ญาติโยมกราบอัฐิหลวงตามหาบัว

    วัดบ้านตาดเปิดให้ประชาชนกราบอัฐิหลวงตามหาบัวที่เก็บไว้ในกุฎิหลวงตา พร้อมเตรียมแจกหนังสือที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงสรีระสังขารแสนเล่ม

    พระอาจารย์นพดล นันทโน เจ้าอาวาสวัดป่าดอยลับงา อ.เมือง จ.กำแพงเพชร เปิดเผยว่า ขณะนี้อัฐิธาตุของ พระธรรมวิสุทธิมงคล หรือ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด จะเก็บไว้ภายในกุฏิเดิมของหลวงตา ถึงวันที่ 11 มี.ค.นี้

    จากนั้นคณะสงฆ์จะมีการประชุมเพื่อจัดแบ่งอัฐิสำหรับเก็บไว้ในเจดีย์ที่จะมีการสร้างขึ้นที่วัดป่าบ้านตาดในอนาคต รวมทั้งให้วัดป่าต่าง ๆ ที่เจ้าอาวาสเป็นลูกศิษย์ของหลวงตา และวัดที่ร่วมทำบุญในงานพระราชทานเพลิงสรีระ จะได้รับแบ่งอัฐธาตุ ซึ่งก่อนที่จะถึงวันแบ่งอัฐิธาตุ ทางวัดป่าบ้านตาด จะยังคงให้ญาติโยมที่เดินทางมา เข้านมัสการกราบอัฐิธาตุของหลวงตา ที่กุฏิเดิมด้วย

    นอกจากนี้สำหรับอัฐบริขารและเครื่องใช้ของหลวงตา ทางวัดจะจัดเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์เพื่อให้ประชาชนได้ชมต่อไป

    ขณะที่ในวันที่ 12 ส.ค. ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของหลวงตามหาบัวนั้น ทางวัดจะแจกหนังสือที่ระลึกในพิธีพระราชทานเพลิงสรีระสังขาร หลวงตามหาบัวให้กับผู้ที่มาร่วมงานจำนวน 1 แสนเล่ม โดยใช้งบประมาณในการจัดพิมพ์ 16 ล้านบาท โดยขณะนี้ได้แจกคูปองให้กับผู้ที่มีสิทธิได้รับหนังาสือแล้ว โดยทางวัดจะแจกหนังสือให้กับผู้ที่มีคูปองเท่านั้น

    พระอาจารย์นพดล กล่าวว่า ยอดทองคำและเงินที่ญาติโยมบริจาคสมทบซื้อทองเข้าคลังหลวง ณ วันที่ 5 มี.ค. มีทองคำบริจาคจำนวนทั้งสิ้น 1,000กิโลกรัม 29บาท 33 สตางค์ ส่วนยอดเงินบริจาคจำนวน 378,785,834 ล้านบาท โดยในวันที่ 12เม.ย.นี้ คณะศิษย์จะนำทองคำและเงินบริจาคทั้งหมด มอบให้ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อนำเข้าคลังหลวง ซึ่งลูกศิษย์จะมีการติดตามอย่างต่อเนื่องว่าได้ถูกนำไปเป็นทุนสำรองของประเทศตามที่หลวงตาต้องการ

    โพสต์ทูเดย์ กทม.-ภูมิภาค : วัดบ้านตาดเปิดให้ญาติโยมกราบอัฐิหลวงตามหาบัว
     
  13. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    ไม่มาเกิดไม่มาตายเรียกว่า ชาติสุดท้าย

    ในโอกาสวันถวายเพลิงสรีระสังขาร หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา คณะศิษย์วัดภูสังโฆ ได้จัดทำหนังสือ ไม่มาเกิดมาตายเรียกว่า “ชาติสุดท้าย”...

    หมายเหตุ - ในโอกาสวันถวายเพลิงสรีระสังขาร หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา คณะศิษย์วัดภูสังโฆ ได้จัดทำหนังสือ ไม่มาเกิดมาตายเรียกว่า “ชาติสุดท้าย” แจกเป็นที่ระลึก ก่อนหน้านี้คณะผู้จัดทำได้เคยจัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้แล้วนำถวายหลวงตามหาบัวครั้งยังดำรงขันธ์อยู่มาก่อนแล้ว เนื่องจากการพิมพ์ครั้งล่าสุดนี้หนังสือมีจำนวนจำกัด

    ทางกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์จึงได้ขออนุญาต พระอาจารย์วันชัย วิจิตโต เจ้าอาวาสวัดภูสังโฆ นำรายละเอียดของหนังสือมาเผยแผ่ซึ่งท่านได้แจ้งว่า ให้พิจารณาว่าจะเป็นประโยชน์หรือไม่ ทางกองบรรณาธิการจึงจะนำเสนอต้นฉบับตามเดิม โดยเพิ่มเนื้อหาที่เป็นเทศนาของพ่อแม่ครูอาจารย์แต่ละรูปเข้ามาอีกส่วนหนึ่ง แล้วนำเสนอต่อเนื่องไปคราวละสัปดาห์จนกว่าจะสิ้นความหลักในหนังสือ มีรายละเอียดดังนี้

    คำนำ
    “ครูบาอาจารย์เหล่านี้มีแต่ประเภทน้ำหนึ่งนะ น้ำสองมีแทรกนิดหน่อย มีเพชรน้ำหนึ่ง ดูเอาพระอรหันต์ในสมัยปัจจุบันให้ดูเอา ไม่ต้องตีตรา พระภายในท่านรู้กันหมดนั่นละ ไม่รู้แต่ภายนอก เพราะถึงกันมีแต่อรรถแต่ธรรมถอดออกมาจากหัวใจ ถอดออกมาจากหัวใจมาสนทนากันเป็นชั่วโมงๆ มีแต่ประเภทเพชรน้ำหนึ่ง น้ำสองมีน้อยมาก

    [​IMG]

    น้ำสองก็คือจวนแล้วจวนจะเข้าแล้ว นี่ประเภทเข้าแล้ว เพชรน้ำหนึ่งเข้าเต็มสัดเต็มส่วน พระอรหันต์ในสมัยปัจจุบันดูเอา ท่านรู้กันหมด การปฏิบัติวงภายในรู้กันละ แต่ภายนอกท่านไม่ออก เฉย ภายในท่านรู้กันหมด เพราะสนทนาธรรมใครจะสนทนาสนิทสนมยิ่งกว่าพระปฏิบัติสนทนาต่อพระปฏิบัติด้วยกัน มีเรื่องอะไรก็รู้กันหมด แต่รู้แล้วก็แล้วเลยเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ นี่มีแต่เพชรน้ำหนึ่งเหล่านี้ ของเล่นเมื่อไรเหล่านี้ เพชรน้ำหนึ่งเข้าถึงวิมุตติหลุดพ้นแล้ว

    เพชรน้ำหนึ่งเข้าใจไหม มีแต่องค์สำคัญๆ นี่ ไม่ว่าหนุ่มว่าแก่ จิตใจไม่มีวัยชำระได้เท่าไรก็บริสุทธิ์เท่านั้นๆ

    เพชรน้ำหนึ่ง...น้ำสองมีน้อยมาก เพชรน้ำหนึ่งมีมาก อยากดูพระอรหันต์ในสมัยปัจจุบันให้ดูเอา ถอดออกมาจากหัวใจคุยกันพอแล้วเหล่านี้ ไม่ใช่มาโม้เฉยๆ นะ มีแต่ประเภทเพชรน้ำหนึ่งละมาก”

    เมื่อวันที่ 1 ต.ค. พุทธศักราช 2552 (15.10 น.)

    อย่าให้มีใจหมายโทษขออานุภาพบารมีพระรัตนตรัยและอานิสงส์แห่งบุญที่ได้จัดทำหนังสือเล่มนี้เพื่อบูชาคุณองค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน จงอำนวยผลให้ธาตุขันธ์ขององค์หลวงตาสมบูรณ์แข็งแรง อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของลูกหลานตราบนานเท่านาน และขอให้ข้าพเจ้า ตลอดจนผู้มีจิตศรัทธาที่เสียสละทรัพย์ในการจัดพิมพ์ทั้งหลายจงเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณธนสารสมบัติทุกประการ เป็นผลเป็นปัจจัยให้ถึงซึ่งพระนิพพานในอนาคตอันใกล้นี้เทอญ

    คณะศิษยานุศิษย์

    พระสมบูรณ์แบบ
    พระเราที่จะเป็นพระสมบูรณ์แบบขึ้นอยู่กับพระวินัยเป็นหลักประกันพระในขั้นแห่งความเป็นพระทั่วๆ ไปตามหลักนิยมของพุทธศาสนา การประพฤติทางกาย ทางวาจา มีใจเป็นธรรมนำมารับผิดชอบการเคลื่อนไหวของกาย วาจา อยู่ด้วยความระมัดระวังเสมอ นี่คือพระที่ชอบธรรมตามหลักของศาสดาที่สอนไว้ นี่เป็นขั้นหนึ่งแห่งความสมบูรณ์ของพระเจ้าของก็มีความอบอุ่น คนอื่นมองเห็นก็น่าเคารพเลื่อมใส

    ขั้นที่สองก็คือธรรม เจริญธรรมขึ้นภายในใจ มีสมถธรรมหรือสมาธิธรรมเป็นขั้นๆ ด้วยความพากเพียร และปัญญาธรรม ถึงวิมุตติหลุดพ้น เรียกว่าวิมุตติธรรม ทรงไว้ซึ่งธรรมซึ่งวินัยโดยสมบูรณ์ในหลักธรรมชาติของพระ นี้เป็นพระสมบูรณ์แบบ เป็นพระที่ควรอย่างยิ่งต่อความเป็นสรณะของโลกได้ ดังพระในครั้งพุทธกาลที่ท่านได้เป็นสรณะของโลกเรื่อยมา

    พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ ก็คือพระพุทธเจ้าเป็นผู้บรรลุวิสุทธิธรรมอันล้ำเลิศ ด้วยการประพฤติปฏิบัติชอบยิ่งของพระองค์เอง

    ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ พระธรรมอันประเสริฐเลิศเลอยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดในโลก ได้ปรากฏขึ้นในพระทัยเพราะการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบยิ่งของพระองค์

    สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ได้เกิดความเชื่อความเลื่อมใสในหลักธรรมที่พระองค์ทรงสอนแล้ว นำไปประพฤติปฏิบัติด้วยความเอาจริงเอาจัง เนื่องมาจากความเชื่ออย่างถึงใจ การทำทุกสิ่งทุกอย่างย่อมถึงใจ เมื่อถึงใจแล้วก็ถึงทั้งสิ่งที่ชั่วมีอยู่ภายในจิตใจของตนมาดั้งเดิม ทั้งสิ่งที่ดีซึ่งควรจะเกิดขึ้นได้ เพราะความถึงใจในความเชื่อเหตุผลดีชั่วนั้น แล้วประพฤติปฏิบัติด้วยความถึงใจ

    สุดท้ายก็ปรากฏเป็น สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ขึ้นมาอย่างเต็มดวง นี่คือหลักแห่งความสมบูรณ์ของผู้ปฏิบัติตามหลักศาสนธรรมของพระพุทธเจ้าจริงๆ เพราะฉะนั้นศาสนธรรมจึงไม่ใช่เป็นเครื่องประกาศอยู่ธรรมดา โดยหาตัวจริงไม่ได้ ธรรมที่ประกาศออกมาแต่ละแง่ละกระทงของศาสนธรรมนั้นออกมาจากความจริง และพร้อมที่จะแสดงความจริงให้แก่ผู้ปฏิบัติตามขั้นตามภูมิของตนอยู่ทุกระยะกาล จึงเรียกว่าอกาลิโก ธรรมไม่มีกาล ไม่มีเวลา ให้ผลได้ทุกเมื่อจากการกระทำของผู้ไม่เลือกกาล เครื่องหล่อหลอมพระเราให้สมบูรณ์แบบ หรือให้มนุษย์สมบูรณ์แบบก็ไม่มีสิ่งใดนอกเหนือไปจากธรรม สิ่งใดงามก็ตามไม่ซาบซึ้งไม่ถึงใจ ไม่แน่ใจ ไม่ตายใจ ไม่อบอุ่นใจยิ่งกว่าธรรม ธรรมจึงเลิศ ธรรมจึงประเสริฐกว่าความดีอื่นใดทั้งสิ้น

    เมื่อวันที่ 15 ก.ย. พุทธศักราช 2523 เทศน์อบรมพระ ณ วัดป่าบ้านตาด

    พระอรหันต์ 4 ประเภท
    นตฺถิ เสยฺโยว ปาปิโย ได้แก่จิตที่บริสุทธิ์หลุดพ้นเรียบร้อยแล้วนั้นเสมอกันหมด นอกนั้นมีความเหลื่อมล้ำต่ำสูงต่างกัน ภูมิของศาสดาก็รู้ลึกซึ้งกว้างขวางเต็มภูมิของศาสดา สาวกแต่ละองค์ๆ ก็เป็นตามนิสัยวาสนาของตนที่สร้างมามากน้อย กว้างแคบเป็นลำดับลำดามาเพราะฉะนั้น ท่านถึงยกพระอรหันต์ขึ้นเป็น 4 ประเภทด้วยกัน ประเภทที่หนึ่ง สุกขวิปัสสโก การปฏิบัติอย่างเรียบๆ ราบๆ ไปเรื่อยๆ สม่ำเสมอไปเรื่อย วิปัสสโกเกี่ยวกับเรื่องวิปัสสนา สติปัญญาติดตามฆ่ากิเลสเรียบไปเลยรู้อย่างสงบสบาย ไม่กระทบกระเทือน ไม่ตื่นไม่เต้นเกี่ยวกับเรื่องธาตุเรื่องขันธ์มากนัก ภูมิจากนั้นกระเทือนธาตุขันธ์ กระเทือนจิตใจเป็นพักๆ การบำเพ็ญกิเลสมีหลายคลื่น ธรรมะต้องมีหลายคลื่นด้วยกัน รับกัน ตอบรับกัน ฟัดกันบนเวที สำหรับสุกขวิปัสสโก รู้สึกท่านจะไปอย่างเรียบๆ แต่เราเล็งเอาตามศัพท์ที่ท่านแปลออกมา แล้วการปฏิบัติของเรามันก็เข้ากันทุกอย่าง เพราะฉะนั้นเราจึงไม่สงสัยที่เทียบเคียงเหล่านี้ สุกขวิปัสสโก ผู้ที่รู้อย่างสงบเรียบไปเลย ได้แก่

    ประเภทที่ 1 เตวิชโช บรรลุแล้วยังได้วิชชา 3 ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ระลึกชาติย้อนหลังได้ จุตูปปาตญาณ อาสวักขยญาณ จากนั้นก็ฉฬภิญโญ ได้อภิญญา 6 นี่หมายถึงกรณีพิเศษ เครื่องประดับท่านเป็นพิเศษๆ ไป ลำดับที่ 4 นี่เรียกว่าสุดยอดบารมีของพระอรหันต์ท่าน จตุปฏิสัมภิทัปปัตโต เรียกว่าผู้แตกฉานมากอัตถปฏิสัมภิทา ธัมมปฏิสัมภิทา นิรุตติปฏิสัมภิทา ปฏิภาณปฏิสัมภิทา นี้แตกฉานหมด นี่เรียกว่า จตุปฏิสัม-ภิทัปปัตโต อรหันต์ประเภทที่ 4 เครื่องประดับของท่านเรียกว่าหยดย้อยมากทีเดียว นี่ก็คือเป็นไปตามความปรารถนาของท่าน

    เวลาท่านปรารถนา เช่น ความวิมุตติหลุดพ้นต้องการด้วยกัน แต่มีความปรารถนาปลีกย่อยในเครื่องประดับ เหมือนต้นไม้ ต้นลำของมันเป็นต้นไม้ชนิดเดียวกันก็ตาม แต่กิ่งก้านสาขาแตกแขนงไปจะต่างกันๆ มีลักษณะต่างกันอย่างนั้น อรหันต์ 4 นี้เหมือนกัน หลักของอรหันต์นั้นก็ได้แก่ ผู้สิ้นจากกิเลสด้วยกันเรียบร้อยแล้ว นี่เสมอกันหมด เรียกว่าต้นลำทีนี้กิ่งก้านสาขาที่แตกออกไปก็แตกไปเป็น สุกขวิปัสสโกเตวิชโช ฉฬภิญโญ จตุปฏิสัมภิทัปปัตโต 4 ประเภท แยกสาขา คือกิ่งก้านของท่านออกไปตามนิสัยวาสนาที่ผู้มีความปรารถนาอย่างไรๆ เป็นเครื่องประดับความบริสุทธิ์ ท่านก็ปรารถนามา เวลาสำเร็จแล้ว กิ่ง ก้าน สาขาดอก ใบ ซึ่งเป็นความปรารถนาปลีกย่อยก็รวมๆ เป็นกิ่งเป็นก้านสวยงามตามนิสัยวาสนาของท่านที่ได้ทำความปรารถนามา นี่อรหันต์ 4 ท่านทั้งหลายให้ทราบเสียนะ ว่าอรหันต์ 4 อยู่ในศาสนาพระพุทธเจ้า ที่เป็นต้นลำของพุทธศาสนาเรียกว่าชั้นเอกอุ ในสามแดนโลกธาตุไม่มีศาสนาใดที่จะเทียบเสมอเหมือนพุทธศาสนาได้เลย เป็นศาสนาคู่โลก

    คู่สงสารจริงๆ ไม่บกพร่องเลย นี่เป็นอันหนึ่ง คือพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงสมบูรณ์อรรถธรรมทั้งหลายเต็มภูมิของศาสดา จากนั้นก็มาสอนสาวก นี่คือออกจากพุทธศาสนานะ พอแตกออกมาก็เป็นสาวกบารมีญาณ สาวกทั้งหลายไปศึกษาอบรมจากท่าน แตกกระจัดกระจายออกมาเป็นมรรคเป็นผล แตกกระจัดกระจายไปหมดจากพุทธศาสนา เรื่อยมาจนกระทั่งบัดนี้ เมื่อยังมีผู้ปฏิบัติตามหลักศาสนธรรมอยู่มรรคผลนิพพานจะกระจายอยู่อย่างนี้ตลอด

    เมื่อวันที่ 14 ก.ย. พุทธศักราช 2545 อรหันต์ 4 มีในพุทธศาสนาเท่านั้น

    พระอรหันต์ที่สิ้นกิเลสหายากมาก สมัยทุกวันนี้จะมีหรือไม่มีก็ไม่รู้ แต่แน่ใจมี หากไม่มากเท่านั้น มีนี้ส่วนมากจะหาได้ในป่าในเขา ในตลาดลาดเลกระดูกหมูกระดูกวัวนี้ไม่มี มีตั้งแต่ส่วนมากอยู่ในป่าในเขาท่านภาวนาของท่านๆ ในสมัยปัจจุบันนี้ก็หลวงปู่มั่นอยู่ในป่าในเขา หลวงปู่เสาร์ก็เช่นเดียวกัน เป็นอาจารย์ของพวกเราทั้งหลายเรียกว่าปรมาจารย์เป็นอาจารย์ชั้นเยี่ยมในสมัยปัจจุบัน ท่านก็อยู่ในป่าในเขาสำเร็จอยู่ในป่าในเขา ออกมาเป็นสรณะในปัจจุบันของพวกเรา ก็คือท่านทั้งสองพระองค์นี้ละ ท่านอาจารย์เสาร์-ท่านอาจารย์มั่นเป็นพระอรหันต์ในสมัยปัจจุบันเมื่อวันที่ 21 ก.พ. พุทธศักราช 2551 วันนี้ให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์พระกรรมฐานรู้สึกจะมากทางภาคอีสานและมากเรื่อยมา เพราะรากแก้วของกรรมฐานในสมัยปัจจุบันก็อยู่
    ที่ภาคอีสานเป็นพื้นฐาน หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น เป็นรากฐานของกรรมฐานมานาน เพราะฉะนั้นบรรดาลูกศิษย์ลูกหาที่ต้องการอรรถธรรมจริง จึงต้องหมุนหาครูหาอาจารย์ซึ่งเป็นที่แน่ใจได้ แล้วก็ไม่พ้นหลวงปู่ทั้งสององค์นี้

    หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น หลวงปู่เสาร์เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร ท่านไม่ค่อยเทศน์ เงียบแต่ว่าไม่เทศน์ ถ้าจะเทศน์ก็พูดเพียงสองสามประโยคแล้วหยุดเลย สำหรับหลวงปู่มั่นการเทศนาว่าการทุกสิ่งทุกอย่างอยู่นั้นหมดเลย ธรรมทุกขั้นอยู่นั้นหมด ออกจ้าๆ เลยจากนั้นมาบรรดาลูกศิษย์ลูกหาที่ไปศึกษากับท่านทั้งสององค์นี้มา ก็กลายเป็นครูเป็นอาจารย์ของพระทั้งหลายต่อมาเรื่อยๆ ดังที่เราเห็น เช่น อาจารย์นั้น อาจารย์นี้ ออกจาก เฉพาะอย่างยิ่งหลวงปู่มั่น ออกจากนี้เรียกว่ามีอยู่ทั่วประเทศไทยทุกภาค บรรดาที่ได้รับจากครูบาอาจารย์ที่ท่านศึกษามาจากหลวงปู่มั่น ยกตัวอย่างเช่น

    หลวงปู่ฝั้น หลวงปู่ขาว หลวงปู่คำดี เหล่านี้มีแต่ออกจากนี้ล้วนๆ เลย นี่เราพูดเพียงเอกเทศนะ ทีนี้แต่ละองค์ๆ นี้ลูกศิษย์มากน้อยเพียงไรมาศึกษาอบรม แล้วก็แตกกระจายออกไป ซึ่งก็มีอยู่ทุกภาคๆ เป็นรุ่นหลาน รุ่นลูกก็คือลูกศิษย์ผู้ใหญ่ของท่าน รุ่นหลานก็เป็นลูกศิษย์ของลูกศิษย์ผู้ใหญ่อีกทีนึง แตกกระจายออกไป ถึงจะไม่ได้แบบฉบับของครูของอาจารย์ ก็พอเป็นร่องเป็นรอยบ้างก็ยังดี เรียกว่าฐานอนุโลม ดีกว่าไม่ได้ไปศึกษาอบรมมา

    ตั้งแต่หลวงปู่สิงห์ จ.นครราชสีมา ที่สร้างวัดสาลวันขึ้น นั่นเป็นลูกศิษย์ผู้ใหญ่ของท่าน เท่าที่เราจำได้ก็อาจารย์สุวรรณ ท่านเสียไปแล้ว แล้วก็ไล่เลี่ยกัน อาจารย์สุวรรณท่านเคยไปอยู่ทางท่าบ่อ เคยสนิทสนมกับเราเพราะเราไปเที่ยวทางท่าบ่อ ไปพบกับท่านที่นั่น นี่เรียกว่าอาจารย์สุวรรณ คู่เคียงกันกับหลวงปู่สิงห์ วัดสาลวัน หลวงปู่มหาปิ่น เป็นน้องของหลวงปู่สิงห์ เป็นเจ้าอาวาสวัดศรัทธารวม ด้านตะวันออกโคราช ติดกัน แต่ก่อนอยู่ชานเมืองไป ห่างจากตัวเมืองไปประมาณ 2 กิโล เดี๋ยวนี้มันจะกลายเป็นใจเมืองเข้าไปแล้ว บ้านครอบหมด นี่ก็องค์หนึ่ง

    นอกจากนั้นเราก็จำไม่ค่อยได้ ลูกศิษย์ผู้ใหญ่ของท่านมาหาหลวงปู่แหวนอย่างนี้ ไล่เลี่ยๆ กันมาแต่ก่อนท่านอยู่ในป่าจริงๆ เพราะหลวงปู่มั่นท่านไม่ได้ออกมานอกๆ นาๆ ง่ายๆ ท่านอยู่ในป่าๆ จากป่าก็ภูเขา ออกมาตีนเขาตีนอะไร ถ้าไม่ใช่อยู่ภูเขาก็ต้องอยู่ในป่า ส่วนมากท่านจะอยู่ในภูเขา เอาจริงเอาจัง นี่ละต้นเป็นอย่างนั้น ทีนี้เวลากิ่งก้านแตกแขนงออกไปมันก็ปลอมก็แปลมไปเรื่อยๆ อย่างนั้น อย่างเรานี่เป็นวาระสุดท้ายท่านจริงๆ เรานี้เรียกว่าเหลนก็ถูก เรานี่เป็นรุ่นเหลนไป หรือยกๆ ขึ้นบ้างก็ว่าหลาน แต่ไม่เต็มใจนัก ถ้าว่าเหลนนั้นจะพอดี เพราะครั้งสุดท้ายของท่าน ลูกศิษย์ต้น ที่สองลำดับมาที่สาม สุดท้ายก็น่าจะเป็นอย่างพวกเรานี้

    ต้นจริงๆ ก็ท่านอาจารย์สิงห์ อาจารย์สุวรรณ แล้วต่อเนื่องมาท่านอาจารย์ฝั้น เกี่ยวโยงกันมาตลอดนะเรื่อยมา แล้วก็ค่อยต่อกันมาๆ ครูอาจารย์ทั้งหลายเหล่านี้ได้รับการอบรมมาแล้วมาเป็นหลักเป็นเกณฑ์ก็แนะนำสั่งสอน เป็นหลานไปละนะ เราจะอยู่ในขั้นหลานนี่ละ

    เมื่อวันที่ 29 เม.ย. พุทธศักราช 2545 รากแก้วของกรรมฐาน

    โพสต์ทูเดย์ ธรรมะ-จิตใจ : ไม่มาเกิดไม่มาตายเรียกว่า ชาติสุดท้าย
     
  14. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    "เจ้าฟ้าหญิงเล็ก"รับสั่ง สร้างสถูปเป็นที่ระลึก


    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    เก็บอัฐิ- พระสงฆ์นำหีบเหล็กบรรจุเถ้าอัฐิหลวงตามหาบัว ไปยังกุฏิวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี เพื่อนำอัฐิไปเก็บรักษา ไว้ โดยใช‰กุญแจล็อกไว‰ถึง 8 ตัว เมื่อวันที่ 6 มี.ค.


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    เผยอัศจรรย์เถ้าที่เผาหลวงตามหาบัวแตกเป็นพลุฟุ้งกระจายขึ้น ก่อนจะโปรยปรายลงมากลายเป็นละอองเพชร ฮือเก็บไปบูชาโกลาหล อีกอัศจรรย์ตอนเผาจริงต้องจุดไฟเป็นรอบที่สอง "เจ้าฟ้าหญิงเล็ก" เสด็จขึ้นเมรุเอง คณะสงฆ์ทำพิธีตี 4 เก็บอัฐิธาตุก่อนอัญเชิญไปเก็บภายในกุฏิหลวงตาล็อกกุญแจ 8 ดอก โดยพระป่าลูกศิษย์ 8 รูป นัดวันที่ 11 มี.ค.แบ่ง 3 ส่วนเก็บไว้ที่วัดป่าบ้านตาด วัดป่า 133 แห่งทั่วประเทศ อีกส่วนมอบให้ญาติๆ หลวงตา เผยเจ้าฟ้าหญิงเล็กทรงมีรับสั่งอยากให้สร้างสถูปเป็นอนุสรณ์ ส่วนยอดบริจาคจนถึงวันพระราชทานเพลิงสูงถึง 680 ล้าน ทองหนัก 100 กิโล

    ศิษย์แห่ส่องหาอัฐิธาตุหลวงตา

    เมื่อเวลา 04.30 น. วันที่ 6 มี.ค. ที่วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศหลังพิธีพระราชทานเพลิงศพพระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) อายุ 98 ปี พรรษา 77 ว่าในช่วงเช้ามืดเริ่มมีประชาชนทั่วทุกสารทิศทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนาอย่างต่อเนื่อง หลังอยู่เป็นสักขีพยานจนวาระสุดท้ายจนไฟมอดเหลือแต่เถ้าถ่าน

    ส่วนบรรยากาศภายในวัดมีศิษยานุศิษย์จำนวนมาก หลั่งไหลเข้าไปบริเวณถนนรอบ เมรุ ส่วนใหญ่จะนั่งคุกเข่าก้มหน้าต่ำระนาบเดียวกับพื้นเพื่อส่องหาอัฐิธาตุ ส่วนหนึ่งใช้มือเปล่าควานหา ส่วนหนึ่งใช้กระดาษทิชชูซับ ส่วนหนึ่งใช้ภูมิปัญญาชาวบ้าน คือ นำข้าวเหนียวที่ติดตัวมารับประทานปั้นเป็นก่อนเล็กๆ ซับอัฐิธาตุ เมื่อได้มาก็จะห่อกับกระดาษทิชชูอย่างประณีต ก่อนพนมมือที่มีอัฐิธาตุอยู่จดศีรษะ อธิษฐานจิตให้ตนสม หวังในเรื่องที่ปรารถนา เมื่อผู้สื่อข่าวลองสังเกต ดูก็พบว่า บริเวณผิวถนนนั้นถ้าเพ่งดูดีๆ จะพบว่ามีประกายคล้ายกากเพชรระยิบระยับเต็มไปหมด นอกจากนี้ ยังมีสานุศิษย์บางส่วนเก็บไม้จิก ดอกไม้จันทน์ ที่วางอยู่ในกระบะไม้ นำไปบูชาอีกด้วย

    ปีติ-เถ้าแตกพวยพุ่งละอองฟุ้ง

    น.ส.ประภาดา ศิริวัฒนกาล ชาวอุบล ราชธานี วัย 53 ปี เปิดเผยด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ตื่นเต้น พร้อมโชว์อัฐิธาตุที่เก็บได้ว่า เดินทางมาตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค. เพื่อกราบสรีระหลวงตา พอตกกลางคืนจึงมาจับจองพื้นบริเวณถนนรอบเมรุกับกลุ่มเพื่อนที่เดินทางมาด้วยกัน เนื่องจากต้องการอยู่ใกล้สรีรสังขารที่เชิญมาไว้ที่จิตกาธาน จากนั้นได้นั่งภาวนาจิตฟังเทศนาของหลวงตา ที่เจ้าหน้าที่วัดเปิดผ่านเครื่องกระจายเสียงจนถึงวันพระราชทานเพลิงศพ

    "ขณะนั่งอยู่อากาศร้อนมาก แต่พอฟังเทศนาของหลวงตา ที่สอนเราว่า ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน จึงคิดว่าร้อนแค่นี้ทนได้และเราก็ทนได้จริงๆ พอถึงช่วงเผาจริงถามว่าอยากขึ้นไปไหม ก็อยาก แต่เข้าใจว่าเราเป็นผู้หญิงขึ้นไม่ได้ จึงนั่งฟังธรรมเทศนา ขององค์หลวงตาต่อไป กระทั่งประมาณเกือบตี 2 จู่ๆ กลับมีเสียงดังมาจากเชิงตะกอน บนเมรุ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าเถ้าของหลวงตาพุ่งขึ้นไปฟุ้งอยู่เต็มท้องฟ้า เป็นเม็ดๆ เกิดมาฉันไม่เคยเห็นมาก่อน เสียดายที่หยิบกล้องมาถ่ายรูปไว้ไม่ทัน เพราะฉันเห็นชัดเจนเนื่องจากเมรุและบริเวณถนนรอบเมรุเปิดไฟอยู่" น.ส. ประภาดา กล่าวและว่า จากนั้นเวลาประมาณ 03.00 น. เถ้าอัฐิหลวงตาก็ส่องประกายคล้ายเพชร จึงรู้ว่าเป็นอัฐิธาตุ เป็นสิ่งที่สัมผัสได้จริง คิดว่าตัวเองโชคดีมาก เพราะถ้าไม่มา ก็จะไม่รู้ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง

    ด้านยายปู ดำกาฬ ชาวลำปาง วัย 87 ปี กล่าวถึงอัฐิธาตุหลวงตาว่าช่วงนั่งอยู่บริเวณเมรุ นั่งมองเปลวไฟอยู่ จู่ๆ เห็นอัฐิหลวงตาระเบิดจากจิตกาธานคล้ายพลุ ก่อนท้องฟ้าจะเต็มไปด้วยละอองสีทอง ระยิบระยับ ก่อน ตกลงพื้นกลายเป็นประกายเพชรในเวลาต่อมา คนที่นั่งด้วยกันยังพูดเหมือนกันว่าบารมีหลวงตาแผ่ไปถึงศิษย์ทุกคน บางคนโชคดีได้อัฐิขนาดใหญ่มองเห็นเป็นก้อนกลมๆ ตนเก็บได้ส่วนหนึ่ง แต่ยังไม่แน่ใจเพราะว่าตามองเห็นไม่ชัด อย่างไรก็ดี จะเก็บไปบูชาที่บ้าน เนื่องจากหินทุกก้อน ทรายทุกเม็ดในวัดแห่งนี้ เป็นสิ่งที่คู่ควรแก่การเคารพสักการะ
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    แรงศรัทธา - พุทธศาสนิกชนที่ปักหลักอยู่บริเวณเมรุวัดป่าบ้านตาด แย่งกันเก็บเถ้าอัฐิหลวงตามหาบัว หลังเกิดระเบิดคล้ายพลุจากเมรุจนเถ‰าอัฐิโปรยปรายไปทั่วบริเวณ เมื่อเช้าวันที่ 6 มี.ค.


    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    พิธีเก็บอัฐิธาตุ-นำใส่กุญแจ 8 ชั้น

    ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ศพพระธรรมวิสุทธิมงคล มีพิธีพระราชทานเพลิงศพในเวลา 17.00 น. วันที่ 5 มี.ค. และฌาปนกิจจริงในเวลา 18.00 น. กระทั่งเวลา 04.00 น. วันที่ 6 มี.ค. คณะสงฆ์ศิษย์หลวงตามหาบัว ได้เก็บอัฐิใส่หีบเหล็กล็อกแม่กุญแจไว้ 8 ชั้น และแจกจ่ายลูกกุญแจ 8 ดอก ให้พระเถระพระป่าจำนวน 8 รูป ก่อนนำหีบเหล็กไปเก็บรักษาไว้ในกุฏิพ่อแม่ครูอาจารย์ของหลวงตา ซึ่งการเก็บอัฐิก่อนกำหนดการพิธีหลวงในครั้งนี้ เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันในการแย่งชิงอัฐิหลวงตา และให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการพินัยกรรมหลวงตานั่นเอง

    จากนั้น เวลา 06.40 น. สมเด็จพระเจ้าลูก เธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ เสด็จโดยรถยนต์พระที่นั่งมาถึงวัดป่าบ้านตาด เพื่อทรงบาตรภิกษุสงฆ์ จำนวน 19 รูป ที่ทรงนิมนต์ไว้ในเวลา 07.00 น. จากนั้นทรงกรวดน้ำ และ เสด็จกลับพระตำหนักภายในวัดป่าบ้านตาด ก่อนเสด็จกลับที่ประทับในเวลา 10.30 น.

    เวลาเดียวกัน ที่เมรุหลวงตามหาบัว พระอุดมญาณโมลี หรือหลวงปู่จันทร์ศรี จันททีโป ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 8 และเจ้าอาวาส วัดโพธิสมภรณ์ จ.อุดรธานี เป็นประธานสงฆ์ ในพิธี 3 หาบ ซึ่งเป็นประเพณีการเก็บอัฐิสมัยโบราณ นิยมนำอาหารคาว หวาน อย่างละ 3 ชุด ใส่หม้อดินและกระทงใบตอง วางบนกระจาด และใส่สา แหรก แบ่งเป็น 3 ชุด ชุดละหาบ ผู้หาบนิยมเป็นผู้ชาย โดยจะเดินหาบไปยังที่เผาศพ ที่สำคัญไม่นิยมหาบเดินตามกันไป แต่จะแยกกันไปคนละทิศ พร้อมทั้งส่งเสียงกู่ตะโกนเรียกกันคล้ายคนหลงทาง แล้วมาพบกันที่เผาศพ ซึ่งมีญาติและพระ 3 รูปรออยู่ เมื่อทำพิธีเก็บอัฐิเสร็จ ก็นำอาหารทั้ง 3 หาบ มาถวายพระ 3 รูปนั้น

    จากนั้น พระอุดมญาณโมลี และพระเทพวรคุณ รองเจ้าคณะภาค 8 วัดบรมนิวาส กรุงเทพฯ และพระราชสารโกศล เจ้าคณะจังหวัดนครพนม ฝ่ายธรรมยุต บังสุกุลผ้าไตรซึ่งมีสายโยงทอดไปถึงรูปภาพหลวงตา บริเวณทางขึ้นเมรุ

    ตั้งพระอจ.สุดใจ-เจ้าอาวาส

    กระทั่งเวลา 07.20 น. พระภิกษุสามเณรได้ออกบิณฑบาตที่หน้าวัดป่า ขณะที่เต็นท์ด้านขวาข้างเมรุหลวงตา มีพิธีแต่งตั้งพระอาจารย์สุดใจ ทันตมโน รักษาการเจ้าอาวาสวัดเกษรศีลคุณ (วัดป่าบ้านตาด) เป็นเจ้าอาวาสองค์ใหม่อย่างเป็นทางการ มีสมเด็จพระวันรัต รักษาการแทนเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต มอบให้พระธรรมเจติยาจารย์ เจ้าคณะภาค 8 (ธรรมยุต) พระศรีมหาธาตุวร มหาวิหาร บางเขน กรุงเทพฯ เป็นประธานส่งมอบตราตั้งเจ้าอาวาส

    หนังสือแต่งตั้งมีใจความว่า "สมเด็จพระวันรัต รักษาการแทนเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต อาศัยอำนาจตามความในข้อ 27 แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 (พ.ศ. 2541) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆา ธิการออก ตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 จึงแต่งตั้งให้ พระสุดใจ ฉายา ทันตมโน อายุ 67 พรรษา 38 วิทยฐานะ น.ธ.ตรี วัดเกษรศีลคุณ ต.บ้านตาด อ.เมืองอุดรธานี จ. อุดรธานี ปัจจุบันมีตำแหน่งในทางการปก ครองคณะสงฆ์ เป็นผู้รักษาการแทนเจ้า อาวาสวัดเกษรศีลคุณ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเกษรศีลคุณ มีอำนาจและหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 พระภิกษุสามเณรและคฤหัสถ์ที่อยู่ในวัดดังกล่าวข้างต้น จงอยู่ในโอวาทของเจ้าอาวาสที่ได้รับแต่งตั้งโดยชอบด้วยพระธรรมวินัย กฎหมาย กฎมหาเถรสมาคม ข้อ บังคับ ระเบียบ คำสั่ง ประกาศของมหาเถรสมาคม ขอให้จงถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ในพระพุทธศาสนาตลอดกาลนาน เทอญฯ แต่งตั้ง ณ วันที่ 6 เดือน มี.ค. พ.ศ. 2554 ลงชื่อ พระราชวราลังการ เจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี (ธรรมยุต)"

    จากนั้นเป็นพิธีมอบตราตั้งเจ้าอาวาส พระสงฆ์บนอาสนะ 10 รูป เจริญชัยมงคลคาถา 1 จบ พระอาจารย์สุดใจ ถวายผ้าไตร 10 ไตร แก่ภิกษุสงฆ์บนอาสนะ เป็นอันเสร็จพิธี ขณะที่บริเวณรอบเมรุยังคงมี ศิษยานุศิษย์นั่งหาอัฐิธาตุเกจิดังภาคอีสานอย่างไม่ย่อท้อ อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ได้ประกาศเสียงตามสายห้ามไม่ให้ญาติโยมเข้าใกล้เมรุ ในระยะ 10 เมตร โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารอากาศโยธิน ยืนประจำการรักษาการณ์ อยู่โดยรอบเมรุ
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    1.มอบหนังสือแต่งตั้งพระอาจารย์สุดใจ ทันตมโน เป็นเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาดรูปใหม่
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    เผยอัศจรรย์ต้องเผาจริง2ครั้ง

    ด้านพระครูอรรถกิจนันทคุณ (พระอาจารย์ นภดล นันทโน) เจ้าอาวาสวัดป่าดอยลับงา จ.กำแพงเพชร และประธานฝ่ายประชา สัมพันธ์ แถลงข่าวที่โรงกล้วย หลังศาลา 2 ชั้นหลังในว่า เมื่อวันที่ 5 มี.ค. ช่วงประชุมเพลิงจริงปรากฏว่าเกิดปาฏิหาริย์ต้องเผาจริงถึง 2 ครั้ง คือครั้งแรกเวลา 18.00 น. และครั้งที่ 2 เวลา 18.30 น. เหมือนหลวงตาแสดง ปาฏิหาริย์เป็นครั้งสุดท้าย ครั้งที่ 2 นี้ สมเด็จ พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ ต้องเสด็จขึ้นอีกครั้ง จากนั้นทรงลงประทับพระราชอาสน์ในพลับพลาเพื่อทอดพระ เนตร กระทั่งเวลา 20.00 น. จึงเสด็จเข้าพระตำหนัก จากนั้นทรงตรัสถามคณะสงฆ์ว่าจะมีการทำวัตรเย็นไหม เพราะทรงโปรดการทำวัตรเย็น เมื่อเสด็จมาวัดทุกครั้ง จะทรงร่วมทำวัตรเย็นด้วยเสมอ คณะสงฆ์วัด ป่าบ้านตาด จึงทำวัตรเย็นที่เมรุในเวลา 23.00 น. ซึ่งสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ ได้ทรงร่วมสวดมนต์ทำวัตรที่พลับพลาที่ประทับ พร้อมประชา ชนที่อยู่รายรอบเมรุใช้เวลาประมาณ 1 ช.ม. จึงทรงเสด็จกลับ จากนั้นศิษยานุศิษย์เดินเวียนทักษิณาวรรตรอบเมรุหลวงตา

    "คณะสงฆ์ได้ทูลปรึกษากับสมเด็จฟ้าหญิงเกี่ยวกับพิธีหลวง 3 หาบ ซึ่งเป็นพิธีบำเพ็ญพระราชกุศล เป็นกระบวนการหนึ่งของการแปรกระดูกลงไฟ จัดอัฐิ และบังสุ กุล ในการพระราชทานเพลิงศพ ทรงตรัสกับคณะสงฆ์ให้อนุโลมให้ทำตามประเพณีวัดป่าได้ เมื่อถึงเวลาประมาณตี 3 พระสงฆ์ จึงจัดแจงอัฐิตามแบบวัดป่า เมื่อส่องดูก็พบว่าไฟได้มอดไม่มีถ่านแดงแล้ว จึงแยกอังคาร ซึ่งมีจำนวนพอดีกับโลงศพ และอัฐิออกจากกัน สำหรับอังคารจะเก็บไว้ไม่นำไปลอย ส่วนอัฐิเมื่อแยกออกจากขี้เถ้าอังคารแล้ว ก็นำใส่หีบเหล็กล็อกแม่กุญแจ 8 ดอก ให้พระอัญเชิญลงจากเมรุส่งต่อให้ ตชด.นำไปเก็บในห้องจำวัดของหลวงตาในกุฏิพ่อแม่ครูอาจารย์" พระครูอรรถกิจนันทคุณ กล่าว

    ′ฟ้าหญิงเล็ก′รับสั่งสร้างสถูป

    พระอาจารย์นภดล แถลงต่อว่า เบื้องต้นยังไม่ได้คุ้ยอัฐิหลวงตา เนื่องจากยังมีความร้อนอยู่ แต่เท่าที่เห็นก็เป็นกระดูกธรรมดา เห็นเป็นกระดูกช่วงแขน ส่วนช่วงศีรษะคงอยู่ด้านล่าง พอถึงช่วงเช้าพระฉันเสร็จ พระเถระชั้นผู้ใหญ่ จึงทูลเชิญสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ เสด็จยังกุฏิหลวงตา เพื่อทอดพระเนตรอัฐิ และทรงบังสุกุล จากนั้นรับสั่งจะเป็นธุระเรื่องเจดีย์หลวงตา ซึ่งเรื่องนี้มีคำกล่าวในคัมภีร์พระพุทธศาสนาว่า พระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ เป็นผู้สมควรแก่การสร้างสถูปเจดีย์ ฉะนั้นหลวงตาซึ่งถือว่าเป็นอริยสงฆ์จึงคู่ควรเป็นอย่างยิ่ง สำหรับสถูปหรือเจดีย์นี้ คณะสงฆ์เริ่มคิดว่าจะสร้างแบบรักษาธรรมชาติ ต้น ไม้ต้นหญ้าเอาไว้ สร้างเป็นสถูปหรือเจดีย์แก้วครอบติดแอร์ รูปแบบเหมือนพิพิธภัณฑ์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต และอาจารย์ฝั้น อาจาโร ที่พระ ราชทานเพลิง หรือประชุมเพลิงตรงไหน ก็จะสร้างเจดีย์ไว้ตรงนั้น และมีประวัติ และเครื่องอัฐบริขารของหลวงตาเก็บอยู่ข้างใน เดิมทีฝ่ายสงฆ์ยังมีธุระต้องสะสางอยู่มาก จึงไม่ได้ตั้ง เป้าว่าจะต้องเสร็จเมื่อใด เมื่อสมเด็จพระ เจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ ทรงรับสั่งเป็นธุระริเริ่มแล้ว จึงคาดว่าคงแล้วเสร็จในไม่นาน

    "ส่วนอัฐิธาตุหลวงตานั้น ส่วนหนึ่งจะเก็บไว้ที่วัดป่าบ้านตาด เพื่อบรรจุในสถูปหรือเจดีย์ ส่วนหนึ่งแบ่งปันให้วัดสายวัดป่าธรรมยุต ที่มีความผูกพันกับหลวงตา ทั้งที่เคยเป็นลูกศิษย์ก่อนแยกออกไป อย่างไรก็ดี คณะกรรมการ ไม่ได้ปิดกั้นสหธรรมิกฝ่ายมหานิกาย ถ้ามีความผูกพันเกี่ยวข้องกับประวัติของหลวงตา หรือเคยมีน้ำใจช่วยเหลือโครงการช่วยชาติ ถ้าเคยทำงานร่วมกัน ก็ยินดีมอบอัฐิธาตุให้บูชา" เจ้าอาวาสวัดป่าดอยลับงา กล่าว

    แจกจ่ายอัฐิธาตุหลวงตา11มี.ค.

    ประธานฝ่ายประชาสัมพันธ์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 11 มี.ค. จะแจกอัฐิธาตุหลวงตา วันที่ 20 มี.ค. ทำบุญ 50 วัน วันที่ 12 เม.ย. มอบทองคำช่วยชาติเข้าคลังหลวง ที่วัดป่าบ้านตาด เบื้องต้นคณะสงฆ์ทูลเชิญสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ ทรงเป็นประธานและปิดโครงการช่วยชาติ หลวงตามหาบัว และแจกคูปองเพื่อแลกหนังสือที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพ จากนั้นวันที่ 30 พ.ค. ทำบุญ 100 วัน พร้อมจัดงานเปิดโลกธาตุ ซึ่งหลวงตาจัดเป็นประจำทุกปี เพื่ออุทิศบุญกุศลให้โยมแม่ และวันที่ 12 ส.ค. ซึ่งเป็นวันเกิดของหลวงตา จะแจกหนังสือที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพจำนวน 1 แสนเล่ม ให้พุทธศาสนิกชนที่มีคูปองดังกล่าว เป็นอันสิ้นสุดการจัดงานศพหลวงตามหาบัว

    ยอดบริจาค 680 ล.-ทอง100ก.ก.

    ผู้สื่อข่าวรายงานยอดรายรับเฉพาะเงินสดจากตู้รับบริจาคจำนวน 53 ตู้ ประจำวันที่ 5 มี.ค. จำนวน 48,754,373 ล้านบาท รวมยอดรายรับ เฉพาะตู้รับบริจาค ตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค.- 5 มี.ค. จำนวน 310,354,097 ล้านบาท ส่วนยอดรายรับทองคำจากตู้รับบริจาคจำนวน 53 ตู้ ประจำวันที่ 5 มี.ค. จำนวน 22 กิโลกรัม 20 บาท รวมยอดรายรับเฉพาะตู้รับบริจาค ตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค.-5 มี.ค. จำนวน 100 กิโล กรัม 29 บาท 33 สตางค์ ขณะที่ยอดรายรับจากธนาคาร (เงินสดจากตู้เอทีเอ็ม + เงินโอน + เช็ค) จากบัญชีออมทรัพย์ 3 บัญชี (ธนาคารกสิกรไทย + ธนาคารไทยพาณิชย์ + ธนาคารกรุงไทย) ตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค.-5 มี.ค. รวมทั้งสิ้น 378,785,834.23 ล้านบาท

    เผยชื่อ8พระเถระคุมกุญแจ

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับกรรมการเก็บรักษากุญแจ 8 รูป ประกอบด้วย พระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก พระอาจารย์สุลาน ปภัสโร พระอาจารย์สุดใจ ทันตมโน พระอาจารย์บำรุง นวธโร พระอาจารย์กนโก พระ อาจารย์สมบูรณ์ ฐิติญาโณ พระอาจารย์ชาตรี นิสสโก และพระอาจารย์พรหม กิตติวัณโณ ซึ่งกรรมการดังกล่าวนอกจากจะเป็นผู้รับผิดชอบดูแลกุญแจรูปละดอกแล้ว ก็ยังมีหน้าที่คอยจัดแบ่งเถ้าอัฐิอังคารของหลวงตามหาบัวในวันที่ 11 มี.ค.ด้วย

    พระอาจารย์นภดล นันทโน กล่าวว่าส่วนการดำเนินการต่อไปจะประชุมสงฆ์ระดับเจ้าอาวาสป่าทั่วประเทศในวันที่ 11 มี.ค. เพื่อจัดการแบ่งเถ้าอัฐิอังคารออกเป็น 3 ส่วนคือ ส่วนที่หนึ่ง เก็บไว้ที่วัดป่าบ้านตาด ซึ่งในขณะนี้ลูกศิษย์ได้ทำผอบทองคำหนัก 1 กิโลกรัมรูปดอกบัวกำลังบาน มาให้เพื่อใช้บรรจุเถ้าอัฐิ แล้วนำไปเก็บในตู้เซฟของวัด ส่วนที่สอง แบ่งใส่ผอบมี 2 ขนาดคือขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เพื่อแจกจ่ายให้วัดป่าทั่วประเทศประมาณ 130 แห่ง เพื่อนำไปเก็บไว้ตามวัดต่างๆ ดังกล่าว และส่วนที่สามจะแจกให้ลูกศิษย์และลูกหลานของหลวงตาบัว ทั้งนี้เถ้าอัฐิอังคารของหลวงตาจะไม่มีการแจกจ่าย

    ติดรั้วสเตนเลสครอบจิตกาธาน

    ส่วนการเก็บรักษาเมรุที่ใช้ในพิธีพระราชทานเพลิงศพ พระอาจารย์นภดลกล่าวว่าในระยะต่อไปเจ้าหน้าที่จะได้ทำตาข่ายหรือลูกกรงสเตนเลส มาคลุมตัวจิตกาธาน เอาไว้ตั้งแต่ยอดจนถึงพื้นของตัวเมรุและจะยึดด้วยหมุดอย่างแข็งแรง เพื่อป้องกันผู้ไม่หวังดีเข้าไปขุดคุ้ยภายในตัวจิตกาธาน

    เวลา 09.00 น.วันเดียวกัน สมเด็จพระ เจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ เสด็จฯ ไปยังกุฏิหลวงตาบัว พร้อมด้วยพระเถระชั้นผู้ใหญ่นำโดยพระอาจารย์อินทร์ถวายฯ เพื่อทอดพระเนตรเถ้าอัฐิธาตุหลวงตามหาบัวโดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง

    ผู้สื่อข่าวรายงานมาเพิ่มเติมว่า เวลา 17.00 น.วันเดียวกันเจ้าหน้าที่ของวัดป่าบ้านตาด ได้นำรั้วสเตนเลส ความสูงประมาณ 3 เมตร มาติดตั้งรอบจิตกาธานทั้ง 4 ด้าน เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้คนเข้าไปที่จิตกาธาน ส่วนด้านล่างเมรุนั้น ก็นำรั้วลวดหนามขยับเข้ามาติดตั้งรอบ ๆ บนถนนยางก่อนถึงเมรุประมาณ 5 เมตร

    [FONT=Tahoma,]หน้า 1[/FONT]


    http://www.khaosod.co.th/view_news.p...MHdNeTB3Tnc9PQ<!-- google_ad_section_end -->
     
  15. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    ชาวบ้านนับหมื่นเฮแห่เก็บเถ้านำกลับบ้านไปบูชา

    รักษาเข้มอัฐิหลวงตาบัว 'ฟ้าหญิง'ทำพิธีกราบลา เก็บอัฐิ-อังคาร "หลวงตามหาบัว" บรรจุหีบเหล็ก เก็บรักษาไว้ในกุฎิหลวงตา พร้อมจัดทหาร-ตำรวจเฝ้าดูแลเข้มงวด ก่อนแบ่งใส่โกศแจกจ่าย

    วัดสาขา 130 แห่ง พระเถระชั้นผู้ใหญ่ และส่วนหนึ่งเก็บไว้ที่วัดป่าบ้านตาด มอบกุญแจพระสงฆ์ 8 รูปเก็บรักษา ขณะที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จยังจิตกาธาน กราบลาหลวงตามหาบัว ด้านชาวบ้านนับหมื่นควานหาเศษละอองเถ้าถ่านไม้จิกและดอกไม้รอบเมรุ หยิบดินเก็บหญ้าเป็นที่ระลึกกราบไหว้บูชา ก่อนทยอยเดินทางกลับ “สาวอุดรฯ” สุดปลื้มได้พระธาตุหลวงตาไปบูชา หลังตั้งจิตอธิษฐานแล้วนำข้าวเหนียวมาบีบให้เป็นก้อน เอาไปแตะกับลานรอบ ๆ เมรุนานนับชั่วโมงจนกลายเป็นก้อนกลมสีขาวขุ่น แถลงข่าวยันเดินหน้าสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน ต่อตามเจตนารมณ์หลวงตา

    หลังพิธีพระราชทานเพลิงสรีระสังขารพระธรรมวิสุทธิมงคล หรือหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน อดีตเจ้าอาวาสวัดเกษรศีลคุณ หรือวัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 5 มี.ค. ที่ผ่านมา ผ่านพ้นไปแล้วอย่างราบรื่น ท่ามกลางคลื่นพุทธศาสนิกชนหลายแสนคนจากทั่วสารทิศที่หลั่งไหลเดินทางมาร่วมไว้อาลัยอย่างเนืองแน่น โดยหลังเสร็จสิ้นพิธีประชาชนต่างทยอยเดินทางกลับ แต่ยังมีลูกศิษย์และประชาชนจำนวนมากปักหลักอยู่ที่วัดและบริเวณโดยรอบตลอดทั้งคืน เพื่อฟังเทศน์และเฝ้ารอการเก็บอัฐิและอังคารเถ้าถ่านของหลวงตามหาบัว

    ต่อมาเมื่อวันที่ 6 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 5 มี.ค. ที่ผ่านมา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จขึ้นยังจิตกาธาน (เมรุ) เพื่อกราบลาหลวงตามหาบัว โดยมีพระอาจารย์อินทร์ถวาย สนฺตุสฺสโก วัดป่านาคำน้อย บ้านนาคำน้อย ต.บ้านก้อง อ.นายูง จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นศิษย์ที่ใกล้ชิดหลวงตารูปหนึ่ง คอยถวายคำแนะนำขั้นตอนการ
    กราบลา หลังพระองค์ทรงนั่งฟังเทศนาธรรมตลอดทั้งคืน พร้อม ๆ กับประชาชนและศิษยานุศิษย์อีกจำนวนมาก ต่อมาเวลา 06.00 น.
    สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์อัครราชกุมารี เสด็จทรงบาตรที่บริเวณหน้าประตูวัดป่าบ้านตาด โดยมีพสกนิกรรอรับเสด็จ จำนวนมาก

    ขณะที่ ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 03.40 น. ทางวัดได้ทำพิธีเก็บหีบบรรจุอัฐิ และอังคาร (ขี้เถ้า) ของหลวงตามหาบัว โดยเจ้าหน้าที่ได้มาเก็บหีบสเตนเลสที่รองรับอัฐิและอังคารซึ่งอยู่ใต้เมรุ หรือจิตกาธาน ทุกขั้นตอนอยู่ในความดูแลของคณะกรรมการฝ่ายสงฆ์ ซึ่งล้วนเป็นพระผู้ใหญ่ จำนวน 8 รูป หลังจากนั้นได้นำกุญแจ 8 ดอก มาล็อกปิดหีบเอาไว้แน่นหนา ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของ ตชด.24 และทหารอากาศจากกองบิน 23 อุดรธานี จากนั้นมีการเคลื่อนหีบไปเก็บไว้ที่กุฏิหลวงตามหาบัว ซึ่งอยู่ห่างจากศาลาการเปรียญหลังเก่า ประมาณ 300 เมตร และจัดตำรวจ-ทหาร คอยสลับผลัดเปลี่ยนดูแลอย่างเข้มงวด ไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไปใกล้

    กระทั่งเวลา 07.30 น. คณะกรรมการได้เปิดหีบอัฐิและอังคารเพื่อตรวจสอบ ปรากฏว่ากุญแจได้หายไป 1 ดอก ไม่สามารถเปิดหีบได้ จึงต้องตามช่างมาใช้เลื่อยตัดเหล็กออกจนสำเร็จ สำหรับอัฐิและอังคารของหลวงตามหาบัวจะเก็บรักษาไว้ที่กุฏิของหลวงตา ไปจนถึงวันที่ 11 มี.ค.นี้ จากนั้นจะแยกและแบ่งใส่โกศเล็ก ๆ ให้กับวัดสาขาสายหลวงตา ประมาณ 130 แห่ง และให้กับพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ขณะที่ส่วนหนึ่งจะเก็บไว้ที่วัดป่าบ้านตาด ซึ่งในอนาคตจะมีการสร้างเป็นเจดีย์สำหรับบรรจุอัฐิ ส่วนครอบเมรุหรือไม่นั้น สุดแท้แต่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี จะทรงตัดสินพระทัย แต่ในชั้นนี้จะมีการอนุรักษ์สภาพเมรุให้เป็นธรรมชาติที่สุดตามเจตนารมณ์ของหลวงตา สำหรับการรักษาความปลอดภัยอัฐิและอังคารของหลวงตาที่กุฏินั้นมี ตชด.24 อุดรธานี มารักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.

    ขณะที่เมรุหลวงตามหาบัว นั้นเจ้าหน้าที่ได้ปรับปรุงเพื่อให้เกิดความสวยงามและเหมาะสม โดยได้นำลูกกรงสเตนเลสมาปิดที่เตาและจิตกาธานทั้ง 4 ด้าน ส่วนด้านบนได้นำมณฑปมาครอบที่เตาและจิตกาธาน โดยส่วนบนสุดเป็นกลดทรงขนาดใหญ่ที่เด่นสง่าและมีคุณค่ายิ่ง

    ขณะเดียวกัน ประชาชนนับหมื่นคนได้พยายามฝ่าแนวกั้นของตำรวจ-ทหาร เข้าไปใกล้พื้นที่เมรุให้มากที่สุด เพื่อควานหาเศษละอองเถ้าถ่านของไม้จิกและดอกไม้ที่ปลิวมาตกรอบ ๆ เมรุ โดยใช้ข้าวเหนียวและกระดาษทิซชูสุ่มแตะกับพื้นดินรอบ ๆ เมรุ รวมทั้งกระบะไม้สำหรับรองไม้จิกในพิธีพระราชทานเพลิงอย่างละเอียดยิบ โดยประชาชนจำนวนมากที่ควานหาและเก็บได้ต่างดีอกดีใจ บอกว่าจะเก็บเอาไว้บูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิต ทั้งกับตัวเองและครอบครัว รวมทั้งเพื่อระลึกว่าครั้งหนึ่งในชีวิตได้มาร่วมในพิธีพระราชทานเพลิงพระอริยสงฆ์ผู้ยิ่งใหญ่ ขณะที่บางคนก็เก็บเอาหญ้าและดินไปเป็นที่ระลึก หลังจากนั้นได้เริ่มทยอยเดินทางกลับ โดยก่อนกลับได้ตระเวนกราบไหว้และกราบลาที่ศาลาการเปรียญหลังใน ศาลาฯ หลังนอก กุฏิ เมรุตลอดจนสถานที่สำคัญต่าง ๆ ซึ่งทางวัดจัดไว้อย่างเหมาะสมเพื่อขอพรจากหลวงตามหาบัว

    นางประภาพร ทันที อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 114 หมู่ 2 ต.นาดี อ.เมือง จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นคนหนึ่งที่เก็บก้อนกลม สีขาวขุ่น ๆ ขนาดเท่ากับเมล็ดถั่วเหลือง จำนวน 2 เม็ดได้ และเชื่อว่าเป็นพระธาตุของหลวงตา เปิดเผยว่า เคารพนับถือหลวงตามหาบัวมานานและได้มาทำบุญกับหลวงตาครั้งสุดท้าย โดยการทำโรงทานได้ 4–5 วัน ซึ่งวันนี้ตั้งใจอย่างมากที่อยากจะได้อะไรสักอย่างของหลวงตาเพื่อนำไปบูชา จึงได้ตั้งอธิษฐานจิตขอเมตตาจากหลวงตา จากนั้นตนได้นำเข้าเหนียวมาบีบให้เป็นก้อนขนาดเท่าหัวแม่มือแล้วนำไปแตะกับลานรอบๆ เมรุ อยู่นานนับชั่วโมง ปรากฏว่ามีก้อนกลมสีขาวขุ่นเล็ก ๆ ติดขึ้นมาทำให้ตนตื่นเต้นและดีใจอย่างมาก ทำให้หลายคนที่กำลังหาอัฐิและอังคารที่อยู่ในบริเวณนั้นเข้ามาขอดูจำนวนมาก ตนคิดว่าเป็นสิ่งที่หลวงตาเมตตาให้มา ซึ่งตนจะนำพระธาตุนี้ขึ้นหิ้งพระไว้กราบไหว้บูชาต่อไป

    ขณะที่ นางประคอง ธรรมวิเศษ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 86 หมู่ 8 ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี กล่าวต่อ พยายามหาอัฐิ และอังคารหลวงตารอบๆ เมรุ มาตั้งแต่เช้าแต่ไม่พบอะไรเลย จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายสถานที่ได้รื้อถอนสิ่งไม่จำเป็นออกจากเมรุ และได้นำโครงเหล็กประดับดอกไม้บนเมรุมามอบให้ ตนรู้สึกดีใจมากและคิดว่าอะไรก็ได้ที่ได้มาจากพิธีนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ดี และเป็นมงคลแก่ชีวิต ซึ่งตนจะนำโครงเหล็กนี้ไปจัดหิ้งในห้องพระ เพื่อกราบไหว้บูชาจนชั่วลูกหลาน

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนังสือพิมพ์ทุกฉบับตามร้านต่าง ๆ ใน จ.อุดรธานี ต่างขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เนื่องจากประชาชนซื้อหาไปอ่านข่าวการพระราชทานเพลิงสรีระสังขารของหลวงตามหาบัว รวมทั้งต้องการเก็บภาพไว้เคารพบูชา หรือเป็นที่ระลึก โดยเฉพาะภาพถ่ายเหตุการณ์ขณะพระราชทานเพลิง เมื่อช่วงเวลาประมาณ 19.30 น. ที่จู่ ๆ ควันสีขาวนวลที่พวยพุ่งออกมาจากเมรุ มีลักษณะคล้ายรูปหลวงตามหาบัวกำลังนั่งสมาธิอยู่เหนือเมรุ จากนั้นร่างค่อย ๆ ลอยขึ้นสู่ฟากฟ้า แล้วเลือนหายไป

    ต่อมาเวลา 13.00 น. พระอาจารย์นภดล นันทโน เจ้าอาวาสวัดป่าดอยลับงา จ.กำแพงเพชร และฝ่ายประชาสัมพันธ์ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า กุญแจดอกที่หายไปเป็นเรื่องอุบัติเหตุ ไม่มีเจตนาเป็นอย่างอื่น เพราะลูกกุญแจทั้งหมดอยู่รวมกัน ยังไม่ได้มอบหมายให้พระกรรมการรูปใด ซึ่งจะมีการเพิ่มกุญแจใหม่แทนดอกที่หายไป โดยมีพระที่อยู่จำพรรษาที่อื่นเพียง 1 รูป ที่จะได้กุญแจ คือพระอาจารย์อินทร์ถวาย กตสฺสโก เจ้าอาวาสวัดป่านาคำน้อย ต.บ้านก้อง อ.นายูง จ.อุดรธานี นอกนั้นเป็นพระที่อยู่จำพรรษาอยู่ที่วัดป่าบ้านตาด ประกอบด้วยพระอาจารย์สุดใจ ทันตมโน เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด, พระอาจารย์ สุลาน ปภสฺสโร, พระอาจารย์สมบูรณ์ ถิตญาโน, พระอาจารย์กนก กนโน, พระอาจารย์บำรุง นวพโล, พระอาจารย์พรหม และพระอาจารย์ชาตรี

    พระอาจารย์นภดล กล่าวต่อว่า สำหรับการดำเนินงานของสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน ซึ่งเป็นสถานีที่หลวงตามหาบัวอุปถัมภ์อยู่ จำนวน 120 สถานีทั่วประเทศนั้น เป็นเจตนารมณ์ของหลวงตาที่ต้องการเผยแผ่ธรรมะของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เป็นหลัก จะยังคงดำเนินการต่อไปเพราะแต่ละสถานีดูแลตนเองและค่าใช้จ่ายไม่มากนัก หากมี กสทช.มาดูแลก็น่าจะทำให้ค่าใช้จ่ายลดลงไปบ้าง ส่วนวิทยุโทรทัศน์ช่องหลวงตานั้น เดิมหลวงตาจะให้การสนับสนุนค่าใช้จ่ายทั้งหมด เมื่อไม่มีหลวงตาแต่ก็ยังมีกองทุนมูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชนนี้อยู่ แต่มีเงินไม่มากนักซึ่งต้องอาศัยลูกศิษย์ลูกหาและประชาชนช่วยกันดูแลและประคับประคองให้สถานียังอยู่เหมือนครั้งที่ยังมีองค์หลวงตาอยู่

    เจ้าอาวาสวัดป่าดอยลับงา ยังกล่าวว่า ส่วนกรณีเงินคลังหลวงที่หลวงตาได้นำมาหลอมเป็นทองคำเข้าคลังหลวงนั้นพระทุกรูปที่เป็นลูกศิษย์หลวงตา ตลอดจนประชาชนทั่วไปต้องหวงแหน ช่วยกันตรวจสอบติดตามเพื่อไม่ให้มีการนำไปใช้เป็นอย่างอื่น เพราะเจตนารมณ์ของหลวงตาต้องการให้เป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน ซึ่งในวันที่ 12 เม.ย. 54 เป็นวันครบรอบวันเริ่มต้นโครงการหลวงตาช่วยชาติ ซึ่งในวันนี้จะมีพิธีมอบทองคำเข้าคลังหลวงครั้งสุดท้าย และจะเป็นวันปิดโครงการฯ ของหลวงตา ส่วนที่มีข่าวว่าได้มีการแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาดตัวจริงนั้น ตนไม่ทราบแต่ได้ข่าวมาเหมือนกัน ซึ่งการแต่งตั้งนั้นเมื่อมีการแต่งตั้งได้ก็ปลดได้ อาจเป็นความเห็นของพระผู้ใหญ่ แต่ตนไม่ติดใจเรื่องนี้ ปัจจุบันพระอาจารย์สุดใจ ก็มีความเหมาะสม

    อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวรายงานว่า ได้มีหนังสือเลขที่ 1/2524 ตามระเบียบของพระเถระสมาคม ข้อ 27 แห่งกฎเถระสมาคม ฉบับที่ 24/2541 โดยสมเด็จพระวรรณรัตน รักษาการเจ้าคณะใหญ่ มีบัญชาให้มีการแต่งตั้งพระอาจารย์สุดใจ ทันตมโน เป็นเจ้าอาวาสวัดเกษรศีลคุณ ตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค. 2554 เป็นต้นไป.

    Daily News Online > หน้าสังคม > ชาวบ้านนับหมื่นเฮแห่เก็บเถ้านำกลับบ้านไปบูชา
     
  16. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    ศรัทธา”หลวงตาบัว”เงินบริจาคพุ่งกว่า400 ล.

    [​IMG]



    ยอดเงินบริจาคทั้งหมด 400,104,893 บาท นำเข้าคลัง เจ้าหน้าที่รพ.อุดรธานี เคลียร์พื้นที่ ออกจากวัดป่าบ้านตาด

    วันนี้ 7 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศที่วัดป่าบ้านตาด ขณะนี้ มีเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลอุดรธานี และจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ได้เดินทางมาเก็บอุปกรณ์ทางการแพทย์ เต็นท์หน่วยปฐมพยาบาล และอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ส่วนญาติโยมลดลงอย่างถนัดตา ในการทำบุญตักบาตรเมื่อเช้านี้ ส่วนมากจะมีเพียงเจ้าหน้าที่ช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาดรอบๆ บริเวณวัด

    ในขณะที่ยอดบริจาคทั้งหมด เป็นเงินจำนวน 400,140,893 บาท ทองคำทั้งหมด 109 กิโลกรัม 58 บาท โดยเงินทั้งหมดและทองคำ จะนำเข้าสู่คลังหลวงตามเจตนารมณ์ของ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ต่อไป

    Daily News Online > หน้าภูมิภาค > ศรัทธา”หลวงตาบัว”เงินบริจาคพุ่งกว่า400 ล.
    ................................................

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD align=middle height=10>ฟ้าหญิงฯประธานเก็บอัฐิ ปชช.เฝ้าเมรุหลวงตาบัว </TD></TR><TR><TD align=middle height=10>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD align=middle height=10>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>
    <CENTER>ฟ้าหญิงฯประธานเก็บอัฐิ
    ปชช.เฝ้าเมรุหลวงตาบัว
    หาวัตถุรอบจิตกาธานไปบูชา
    ตั้ง"พระสุดใจ"เป็นเจ้าอาวาส
    </CENTER>

    ผู้สื่อข่าวรายงานจากวัดเกษรศีลคุณ หรือวัดป่าบ้านตาด ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานีเมื่อวันที่ 6 มีนาคมว่า หลังเสร็จสิ้นพิธีพระราชทานเพลิงสรีระสังขาร พระธรรมวิสุทธิมงคล หรือหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ต่อมาเวลา 04.00 น.วันที่ 6 มีนาคม สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัคราชกุมารี เสด็จฯ ทรงร่วมเก็บอัฐิธาตุของหลวงตามหาบัวบนจิตกาธาน หรือเมรุลอย พร้อมคณะสงฆ์ ที่มีพระอาจารย์อินถวาย สันตุสันโก เจ้าอาวาสวัดป่านาคำน้อย อ.นายูง จ.อุดรธานี เป็นผู้นำร่วมกับคณะสงฆ์

    โดยอัฐิธาตุของหลวงตาพระมหาบัวได้ตกลงในหีบอะลูมิเนียม ที่ใส่ไว้ก่อนที่จะมีการพระราชทานเพลิงฯ จากนั้นคณะพระสงฆ์ ได้เคลื่อนหีบฯออกมา โดยในเวลา 04.30 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน 8 นายเคลื่อนหีบบรรจุอัฐิของหลวงตาจากจิตกาธาน โดยปิดกุญแจที่หีบบรรจุอัฐิธาตุของหลวงตาไว้ 8 ดอก ซึ่งจะมีพระเก็บกุญแจไว้รูปละ 1 ดอก ก่อนที่เคลื่อนนำไปไว้ยังห้องนอนของหลวงตาฯที่กุฏิเดิม ซึ่งตลอดเส้นทางที่เคลื่อนอัฐิธาตุของหลวงตาฯ ญาติโยมที่เฝ้ารอการพระราชทานเพลิงศพฯ ได้ร่วมส่งอัฐธาตุของหลวงตาฯ ตลอดเส้นทาง พร้อมเปล่งเสียงสาธุ

    สำหรับพระที่เก็บกุญแจ 8 ดอกและเก็บไว้เป็นคู่คือ พระอาจารย์อินถวาย คู่กับพระอาจารย์สุลาน พระอาจารย์สุดใจคู่กับพระอาจารย์บำรุง พระอาจารย์กนกคู่กับพระอาจารย์พรหม และพระอาจารย์สมบูรณ์คู่กับพระอาจารย์ชาตรี ซึ่งพระทุกรูปที่เก็บกุญแจไว้ เป็นพระลูกศิษย์คนสนิทของหลวงตามหาบัว

    ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า อัฐิธาตุของหลวงตามหาบัว จะเก็บไว้ภายในกุฏิเดิมของหลวงตา ถึงวันที่ 11 มีนาคม จากนั้นคณะพระสงฆ์จะนำมาแบ่งให้วัดป่าต่างๆ ที่เจ้าอาวาสเป็นลูกศิษย์ของหลวงตา และวัดที่ร่วมทำบุญในงานพระราชทานเพลิงสรีระสังขาร จะได้รับแบ่งอัฐธาตุซึ่งก่อนที่จะถึงวันแบ่งอัฐิธาตุ ทางวัดป่าบ้านตาด จะยังคงให้ญาติโยมที่เดินทางมา เข้านมัสการกราบอัฐิธาตุของหลวงตา ที่กุฏิเดิมด้วย

    ส่วนบรรยากาศบริเวณวัดป่าบ้านตาดตลอดทั้งวัน ยังคงมีประชาชนบางส่วนเดินทางมาที่วัดไม่ขาดสาย ขณะที่บางส่วนยังคงนอนค้างคืนที่วัดต่ออีกหลายวัน โดยเฉพาะบริเวณจิตกาธานหรือเมรุฯ ของหลวงตามหาบัว ที่ยังมีประชาชนจำนวนมากคงเดินรอบๆ เมรุเพื่อเก็บหากากเพชรที่เชื่อว่าลอยมาจากเมรุหลังพิธีพระราชทานเพลิง รวมถึงอังคาร อัฐิ ดอกบัว และต้นกล้วย กลับบ้านไปบูชา เพื่อความเป็นศิริมงคลให้กับตนเองและครอบครัว

    ขณะที่บริเวณจิตกาธานของหลวงตามหาบัวฯ เจ้าหน้าที่ได้นำลูกกรงสแตนเลสมาปิดทั้งสี่ด้าน และยอดมณฑปครอบไว้อีกชั้นหนึ่ง และรอบๆ จิตกาธานจะมีลวดหนามรอบเอาไว้เพื่อกันประชาชนไม่ให้เข้าไปบริเวณเมรุฯ หลวงตามหาบัวฯ

    ส่วนบริเวณศาลาการเปรียญภายในวัดป่าบ้านตาด ยังมีประชาชนเดินทางมากราบไหว้สถานที่เก็บสรีระสังขารหลวงตามหาบัวฯ บนศาลาการเปรียญตลอดทั้งวัน และต่อแถวรับรูปเหมือนของหลวงตามหาบัวฯ นอกจากนี้ บริเวณอาสน์ที่หลวงตามหาบัวฯ เคยนั่งเทศนาแก่ญาติโยมเป็นประจำ ศิษยานุศิษย์ได้นำดอกไม้สดมาใส่พานพุ่มไว้ตรงหน้าอาสน์ และดอกบัวจำนวนหนึ่งมากราบไหว้ ประชาชนบางรายได้นั่งสมาธิ เพื่อรำลึกบุญบารมีคุณงามความดีของหลวงตามหาบัวฯ ญาณสัมปันโน อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาดที่มีให้กับคนไทยทุกคน

    ด้านพระอาจารย์นภดล นันทโน เจ้าอาวาสวัดป่าดทอยลับงา จ.กำแพงเพชร เปิดเผยว่า งานพระราชทานพิธีเพลิงศพหลวงตามหาบัวฯ ผ่านพ้นไปด้วยดี โดยความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่ายทั้งเจ้าหน้าที่ศิษยานุศิษย์ทั่วประเทศ ในส่วนของจิตกาธานจะคงรูปเดิมเอาไว้ระยะหนึ่ง เพื่อให้ประชาชนเดินทางมากราบไหว้ สักการะ ส่วนอัฐิหลวงตามหาบัวฯ จะแบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกจะเก็บไว้ที่วัดป่าบ้านตาด ส่วนที่ 2 เก็บไว้ให้กับวัดป่าสายกรรมฐานหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต 130 วัดและส่วนที่ 3 แจกจ่ายให้กับวัดต่างๆ ที่มาขออัฐิธาตุต่อไป

    ช่วงเช้าวันเดียวกัน มีพิธีแต่งตั้งเจ้าอาวาสใหม่วัดเกสรศีลคุณ หรือ วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี รูปใหม่ แทนหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน โดยพระราชวราลังการ เจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานในพิธีการแต่งตั้งให้พระอาจารย์สุดใจ ฉายา ทนฺตมโน รักษาการเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด

    โดยพระอาจารย์สุดใจ ฉายา ทนฺตมโน อายุ 67 พรรษา บวชมาแล้ว 38 พรรษา วิทยฐานะนักธรรมตรี ซึ่งเป็นพระที่อยู่วัดป่าบ้านตาด ทำงาน และดูแลหลวงตามหาบัวมายาวนาน แม้จะมีพระหลายรูปไปปลีกวิเวก แต่พระอาจารย์สุดใจ ก็ยังคงอยู่กับหลวงตาจนวาระสุดท้าย

    ทั้งนี้ ช่วงค่ำวันเดียวกัน มีพิธีการทางศาสนา 2 พิธีสำคัญ โดยเวลา 19.30 น.พระเถระแสดงธรรมเทศนา 1 กัณฐ์ และเวลา 20.00 น.พระเถระ 10 รูป ขึ้นพิจารณาผ้าบังสุกุล เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีการทั้งหมด</TD></TR></TBODY></TABLE>

    http://www.naewna.com/news.asp?ID=252176
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มีนาคม 2011
  17. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    <LI sizset="12" sizcache="0">[​IMG]

    <LI sizset="12" sizcache="0">



    <LI sizset="13" sizcache="0">
    [​IMG]




    [​IMG]



    <LI sizset="15" sizcache="0">
    [​IMG]






    <LI sizset="16" sizcache="0">
    [​IMG]






    <LI sizset="17" sizcache="0">
    [​IMG]



    [​IMG]

    <LI sizset="8" sizcache="0">
    [​IMG]

    <LI sizset="8" sizcache="0">

    <LI sizset="9" sizcache="0">
    [​IMG]


    <LI sizset="10" sizcache="0">
    [​IMG]


    <LI sizset="11" sizcache="0">
    [​IMG]


    <LI sizset="12" sizcache="0">
    [​IMG]


    <LI sizset="13" sizcache="0">
    [​IMG]
    <LI sizset="17" sizcache="0">
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มีนาคม 2011
  18. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    ปปช.เฝ้าร่วมเก็บอัฐิหลวงตามหาบัว

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>
    ประชาชนซึ่งเฝ้าร่วมเก็บชมการเก็บอัฐิหลวงตามหาบัว และประชาชนส่วนหนึ่งได้เก็บเปลวพระธาตุสรีระหลวงตามหาบัว บริเวณเมรุ เพื่อนำกลับไปบูชา หลังการทำบุญตักบาตรพระสงฆ์แล้ว ได้มีการรวบรวมอัฐิหลวงตามหาบัว บนเมรุชั่วคราว เพื่ออัญเชิญไปประดิษฐานสร้างเจดีย์บรรจุ ไปยังวัดสาขาต่างๆที่มีศิษยานุศิษย์ของหลวงตามหาบัว


    [​IMG]

    [​IMG]

    บรรยากาศบริเวณวัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี หลังจากเมื่อวานนี้ ได้มีพิธีพระราชทานเพลิงสระรีสังขาร หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน โดยในวันนี้ ต่อเนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมา ประชาชนนับหมื่นคน ได้กรูกันเข้าไปในพื้นที่ถนนโดยรอบเมรุ โดยเชื่อว่า มีพระธาตุของหลวงตามหาบัว จากจิตกาธาน จะได้เก็บนำไปบูชาเป็นสิริมงคล ทั้งนี้ ยังคงมีบางคน ที่มีความพยายามที่จะฝ่าแนวกั้นบริเวณชั้นใน ที่มีทั้งทหารและตำรวจ เข้าไปใกล้เมรุ ให้ได้มากที่สุด และมีความพยายามที่จะเก็บดอกไม้ เก็บหญ้า และดิน ในเมรุไว้เป็นวัตถุมงคลแก่จิตใจ รวมไปถึงเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว ในการดำเนินชีวิต ทั้งนี้ มีบางคนถึงกับแสดงอาการดีใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเจอผงเชิงตะกอนที่ลอยออกมา ซึ่งมีลักษณะใสๆ มีหลากหลายสี บางคนเก็บไว้กับตัวเป็นจำนวนมาก ส่วนบางคนนั้น ก็ได้นำไม้จิก ไม้จันทน์ กลับบ้านไป เพื่อนำไปบูชาเป็นสิริมงคลแก่ตัวอีกด้วย
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    <IFRAME title="YouTube video player" src="http://www.youtube.com/embed/gYuJM0fSc_o" frameBorder=0 width=480 height=390 allowfullscreen></IFRAME>

    <IFRAME title="YouTube video player" src="http://www.youtube.com/embed/X8ZsWBs3kvQ" frameBorder=0 width=480 height=390 allowfullscreen></IFRAME>​



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=102 height=25>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/TabGalleryUBG.gif height=25>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=11 height=25>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle height=7>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#ede9e8><TABLE cellSpacing=8 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width="33%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle width="33%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width="33%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle width="33%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width="33%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle width="33%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle height=7>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=right width=12 height=24>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/TabGalleryDBG.gif height=24>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=11 height=24>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9540000029008&Keyword=%cb%c5%c7%a7%b5%d2%c1%cb%d2%ba%d1%c7<!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>
     
  19. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    “เก็บอัฐิหลวงตามหาบัว” เช้ามืดวันนี้ พร้อมจัดแบ่งอัฐิให้วัดสาขา 11 มี.ค.

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>อุดรธานี - คณะสงฆ์เก็บอัฐิธาตุหลวงตามหาบัวแล้ว เมื่อเช้ามืดวันนี้ (6 มี.ค.) เก็บรักษาไว้ในหีบเหล็กล็อคด้วยกุญแจ 8 ดอก เตรียมเปิดหีบจัดแบ่งอัฐิเป็น 3 ส่วน 11 มี.ค.นี้ ด้าน สมเด็จพระวันรัตน์ ทรงแต่งตั้งพระอาจารย์สุดใจ ทันตมโน เป็นเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด มีผล 6 มี.ค.เป็นต้นไป

    วันนี้ (6 มี.ค.) เมื่อเวลา 07.45 น.มีประกาศแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด อย่างเป็นทางการ โดยสมเด็จพระวันรัตน์ รักษาการเจ้าคณะใหญ่ฝ่ายธรรมยุต วัดบวรนิเวศน์วิหาร ได้มอบหมายให้ พระธรรมเจดีย์เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนเจ้าคณะภาค 8 ฝ่ายธรรมยุต มอบใบประกาศตราตั้งให้พระสุดใจ ทันตมโน รักษาการเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาดเป็นเจ้าอาวาส ตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค.เป็นต้นไป

    ทั้งนี้ โดยมี นายวีระพงษ์ สารบรรณ ผู้อำนวยการ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอุดรธานีเป็นผู้อ่านประกาศตราตั้งโดยมีใจความว่า ตราประกาศที่ 01/2554 ประกาศแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาดโดยอาศัยอำนาจตามข้อ 27 แห่งกฎเถระสมาคมฉบับที่ 24 พ.ศ.2541 ว่า ด้วยการแต่งตั้งถอดถอนออกตาม พ.ร.บ.สงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 (พ.ศ.2535) แต่งตั้งให้พระสุดใจ ทันตมโน อายุ 67 ปี พรรษา 38 พรรษาเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด ตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม 2554 พระราชวราลังการ เจ้าคณะจังหวัดอุดรธานีฝ่ายธรรมยุตผู้รับบัญชา

    พระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก กล่าวว่า การเก็บเถ้าอัฐิอังคารของหลวงตาพระมหาบัวซึ่งจากากรประชุมของคณะสงฆ์หลายรอบ ได้เห็นชอบว่าต้องเก็บทันทีหลังที่เพลิงมอดลงแล้วซึ่งการจัดเก็บได้ทำกันตั้งแต่ เวลา 03.30 น.ของวันที่ 6 มี.ค.ซึ่งหีบที่ใช้สำหรับเก็บก็คือรางสแตนเลสที่สอดอยู่ใต้จิตกาธาน โดยใช้ฝาครอบและใสกุญแจรอบหีบจำนวน 8 ดอก นำเอาไปเก็บไว้ที่กุฏิหลวงตาบัว

    โดยมีพระภิกษุ 8 รูป ถือกุญแจที่ล็อกหีบเก็บอัฐิประกอบด้วยพระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก, พระอาจารย์สุลานปภัสโร, พระอาจารย์สุดใจ ทันตธัมโม, พระอาจารย์บำรุง นวพโล, พระอาจารย์กนก กนโก, พระอาจารย์พรหม กิตติวันโน, พระอาจารย์สมบูรณ์ ธิตตาโน, พระอาจารย์ชาตรี นิสโก

    การดำเนินการต่อไป จะมีการประชุมสงฆ์ทั้งนั้น ซึ่งเป็นพระสงฆ์อธิการระดับเจ้าอาวาสทั่วประเทศและเปิดหีบบรรจุอัฐิหลวงตาในวันที่ 11 มีนาคม 54 นี้ เพื่อจัดแบ่งเถ้าอัฐิอังคารออกเป็น 3 ส่วน คือ 1.เก็บไว้ที่วัดป่าบ้านตาด ซึ่งในขณะนี้ลูกศิษย์ได้ทำ ผอบทองคำหนัก 1 กิโลกรัม รูปแบบเป็นดอกบัวกำลังบาน มาให้เพื่อใช้บรรจุเถ้าอัฐิ แล้วนำไปเก็บในตู้เซฟ 2 แบ่งใส่ผอบมี 2 ขนาด คือ ขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เพื่อแจกจ่ายให้กับวัดป่าทั่วประเทศจำนวนประมาณ 130 แห่ง เพื่อนำไปเก็บไว้ตามวัดต่างๆ ดังกล่าว และส่วนที่ 3 จะแจกให้กับลูกศิษย์และลูกหลานของหลวงตามหาบัว

    ทั้งนี้ เถ้าอัฐิอังคารของหลวงตา จะไม่มีการแจกจ่ายให้กับประชาชนทั่วไป โดยประชาชนศรัทธาญาติโยมที่ต้องการกราบไหว้หลวงตาสามารถที่จะเดินทางไปกราบไหว้ได้ตามวัดป่าต่างที่ได้รับอัฐิไปเก็บไว้ทั่วประเทศ ส่วนการสร้างพิพิธภัณฑ์หรือเจดีย์ที่บริเวณเมรุวัดป่าบ้านตาด นั้นก็แล้วแต่มติของคณะสงฆ์ละชาวบ้านจังหวัดอุดรธานี จะดำเนินการอย่างไรเป็นเรื่องของอนาคต

    ส่วนการเก็บรักษาเมรุที่ใช้ประชุมเพลิงหลวงตาบัว ในระยะต่อไปเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันจะได้ทำตาข่ายหรือลูกกรุงสแตนเลส มาคลุมตัวจิตกาธานเอาไว้ ตั้งแต่ยอดจนถึงพื้นของตัวเมรุและจะทำการยึดด้วยหมุดอย่างแข็งแรงเพื่อป้องกันผู้ไม่หวังดีเข้าไปขุดคุ้ยภาพในตัวจิตกาธาน

    นอกจากนี้ พระอาจารย์อินทร์ถวาย ได้กล่าวขอบคุณและขอบใจไปยังลูกศิษย์ ประชาชน ที่เดินทางมาร่วมงานพระราชทานเพลิงสรีระสังขารของหลวงตามหาบัวในครั้งนี้ ให้พรคุ้มครอง ให้ทุกคนปลอดภัยเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพอยู่ร่มเย็นเป็นสุขทำมาค้าขายให้รุ่งเรือง

    ขณะเดียวกัน เมื่อเวลา 09.00 น.สมเด็จเจ้าลูกเธอฟ้าหญิงจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัคราชกุมารี เสด็จฯไปยังกุฏิหลวงตาบัว พร้อมด้วยพระเถระชั้นผู้ใหญ่ นำโดยพระอาจารย์อินทร์ถวาย เพื่อทอดพระเนตรเถ้าอัฐิอังคารของหลวงตาบัว โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงในการทอดพระเนตร

    ด้าน พระอาจารย์นภดล นันทโน เจ้าอาวาสวัดป่าดอยลับงา จ.กำแพงเพชร กล่าวว่า กิจกรรมต่อไปของวัดป่าบ้านตาด จะทำพิธีส่งมอบทองคำและปิดโครงการทอดผ้าป่าทองคำช่วยชาติ ในวันที่ 12 เมษายน 54 ที่วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยจะทูลเชิญสมเด็จเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จฯมาเป็นองค์ประธาน

    ส่วนกิจกรรมต่อไปในช่วงเดือนพฤษภาคม 54 จะมีการทำบุญครบ 100 วัน และในวันที่ 30 พฤษภาคม 54 ทางวัดจะจัดงานวัดเปิดโลกธาตุ ที่องค์หลวงตามหาบัว จัดเป็นประจำต่อเนื่องทุกปี และในวันที่ 12 สิงหาคม จะจัดงานทำบุญวันเกิดหลวงตามหาบัว ที่วัดป่าบ้านตา

    สำหรับยอดรับบริจาคตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค.-5 มี.ค.54 ยอดรายรับจากบัญชีชีออมทรัพย์ 3 บัญชี ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกรุงไทย ยอดรวมทั้งสิ้น 378,785,834.23 บาท ส่วนทองคำรวมทั้ง 100 กิโลกรัม 29.33 บาท

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=102 height=25>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/TabGalleryUBG.gif height=25>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=11 height=25>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle height=7>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#ede9e8><TABLE cellSpacing=8 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width="33%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle width="33%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle width="33%">เช้ามืดวันนี้ (6มี.ค.54) เมื่อเวลา 03.30 น.ทางคณะสงฆ์ได้จัดเก็บอัฐิหลวงตามหาบัว</TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width="33%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle width="33%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle width="33%">คณะสงฆ์กำลังรวบรวมอัฐิหลวงตาจากรางรองรับอัฐิ</TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width="33%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle width="33%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle width="33%">หีบเหล็กที่บรรจุอัฐิอังคารหลวงตา จะมีพระภิกษุ 8 รูปถือกุญแจล็อคไว้อย่างแน่นหนา</TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle>เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน กำลังเคลื่อนย้ายหีบบรรจุอัฐิไปเก็บไว้กุฎิหลวงตา </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width="33%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle width="33%"><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/a_up.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_L.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=right width=2 background=/images/a_R.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=2 height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/a_Dn.gif height=2>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=2 height=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle>[​IMG] </TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=baseline align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle width="33%"></TD><TD vAlign=center align=middle width=4 background=/images/linedot_vert2.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle height=7>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=right width=12 height=24>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/TabGalleryDBG.gif height=24>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=11 height=24>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://www.manager.co.th/Local/ViewN...cb%d2%ba%d1%c7<!-- google_ad_section_end -->
     
  20. aprin

    aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    เก็บอัฐิหลวงตามหาบัว แบ่งให้วัดสาขา-ตะลึงเปลวพระธาตุ

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ASTVผู้จัดการรายวัน - คณะสงฆ์เก็บอัฐิธาตุหลวงตามหาบัวแล้ว โดยเก็บรักษาไว้ในหีบเหล็กล็อคด้วยกุญแจ 8 ดอก เตรียมเปิดหีบจัดแบ่งอัฐิเป็น 3 ส่วน 11 มี.ค.นี้ "สมเด็จพระวันรัตน์" ทรงแต่งตั้ง "พระอาจารย์สุดใจ ทันตมโน" เป็นเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด มีผล 6 มี.ค.เป็นต้นไป เผยมีประชาชนเก็บเปลวพระธาตุสรีระได้บริเวณเมรุ นำกลับไปบูชาที่บ้าน

    วานนี้ (6 มี.ค.) ในช่วงเช้า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงเป็นประธานในพิธีฝนสามหาบ หรือพิธีเก็บอัฐิธาตุ และบังสุกุลเป็น บังสุกุลตาย โดยมีพระสงฆ์ 3 รูป จะนำอัฐิมาธาตุมาต่อกันเป็นรูปหลวงตามหาบัว ส่วนศีรษะจะหันไปทางทิศตะวันตก และเท้าหันไปทางทิศใต้ ซึ่งถือเป็นการเสร็จสิ้นพิธีพระราชทานเพลิงศพหลวงตามหาบัว

    พระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก กล่าวว่า การเก็บเถ้าอัฐิอังคารของหลวงตาพระมหาบัว ซึ่งจากากรประชุมของคณะสงฆ์หลายรอบ ได้เห็นชอบว่าต้องเก็บทันทีหลังที่เพลิงมอดลงแล้ว ซึ่งการจัดเก็บได้ทำกันตั้งแต่เวลา 03.30 น.ของวันที่ 6 มี.ค.ซึ่งหีบที่ใช้สำหรับเก็บก็คือรางสแตนเลสที่สอดอยู่ใต้จิตกาธาน โดยใช้ฝาครอบและใสกุญแจรอบหีบจำนวน 8 ดอก นำเอาไปเก็บไว้ที่กุฏิหลวงตาบัว

    โดยมีพระภิกษุ 8 รูป ถือกุญแจที่ล็อคหีบเก็บอัฐิประกอบด้วยพระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก พระอาจารย์สุลานปภัสโร พระอาจารย์สุดใจ ทันตธัมโม พระอาจารย์บำรุง นวพโล พระอาจารย์กนก กนโก พระอาจารย์พรหม กิตติวันโน พระอาจารย์สมบูรณ์ ธิตตาโน พระอาจารย์ชาตรี นิสโก

    การดำเนินการต่อไปจะมีการประชุมสงฆ์ทั้งนั้น ซึ่งเป็นพระสงฆ์ อธิการระดับเจ้าอาวาสทั่วประเทศและเปิดหีบบรรจุอัฐิหลวงตาในวันที่ 11 มี.ค.นี้เพื่อจัดแบ่งเถ้าอัฐิอังคารออกเป็น 3 ส่วนคือ 1.เก็บไว้ที่วัดป่าบ้านตาด ซึ่งในขณะนี้ลูกศิษย์ได้ทำผอบทองคำหนัก 1 กิโลกรัม รูปแบบเป็นดอกบัวกำลังบาน มาให้เพื่อใช้บรรจุเถ้าอัฐิแล้วนำไปเก็บในตู้เซฟ 2.แบ่งใส่ผอบมี 2 ขนาด คือ ขนาดเล็กและขนาดใหญ่เพื่อแจกจ่ายให้กับวัดป่าทั่วประเทศจำนวนประมาณ 130 แห่งเพื่อนำไปเก็บไว้ตามวัดต่างๆดังกล่าว และ 3.จะแจกให้กับลูกศิษย์และลูกหลานของหลวงตามหาบัว

    ทั้งนี้ เถ้าอัฐิอังคารของหลวงตาบัว จะไม่มีการแจกจ่ายให้กับประชาชนทั่วไป โดยประชาชนศรัทธาญาติโยมที่ต้องการกราบไหว้หลวงตาสามารถที่จะเดินทางไปกราบไหว้ได้ตามวัดป่าต่างที่ได้รับอัฐิไปเก็บไว้ทั่วประเทศ ส่วนการสร้างพิพิธภัณฑ์หรือเจดีย์ที่บริเวณเมรุวัดป่าบ้านตาด นั้นก็แล้วแต่มติของคณะสงฆ์ละชาวบ้านจังหวัดอุดรธานี จะดำเนินการอย่างไรเป็นเรื่องของอนาคต

    ส่วนการเก็บรักษาเมรุที่ใช้ประชุมเพลิงหลวงตาบัว ในระยะต่อไปเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันจะได้ทำตาข่ายหรือลูกกรุงสแตนเลส มาคลุมตัวจิตกาธานเอาไว้ ตั้งแต่ยอดจนถึงพื้นของตัวเมรุและจะทำการยึดด้วยหมุดอย่างแข็งแรงเพื่อป้องกันผู้ไม่หวังดีเข้าไปขุดคุ้ยภาพในตัวจิตกาธาน

    พระอาจารย์อินทร์ถวาย ยังได้กล่าวขอบคุณและขอบใจไปยังลูกศิษย์ ประชาชน ที่เดินทางมาร่วมงานพระราชทานเพลิงสรีระสังขารของหลวงตามหาบัวในครั้งนี้ ให้พรคุ้มครอง ให้ทุกคนปลอดภัยเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพอยู่ร่มเย็นเป็นสุขทำมาค้าขายให้รุ่งเรือง

    ขณะเดียวกันเมื่อเวลา 09.00 น.สมเด็จเจ้าลูกเธอฟ้าหญิงจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัคราชกุมารี เสด็จฯ ไปยังกุฏิหลวงตามหาบัว พร้อมด้วยพระเถระชั้นผู้ใหญ่ นำโดยพระอาจารย์อินทร์ถวาย เพื่อทอดพระเนตรเถ้าอัฐิอังคารของหลวงตาบัว โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงในการทอดพระเนตร

    พระอาจารย์นภดล นันทโน เจ้าอาวาสวัดป่าดอยลับงา จ.กำแพงเพชร กล่าวว่า กิจกรรมต่อไปของวัดป่าบ้านตาดจะทำพิธีส่งมอบทองคำและปิดโครงการทอดผ้าป่าทองคำช่วยชาติ ในวันที่ 12 เม.ย.นี้ที่วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยจะทูลเชิญสมเด็จเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จมาเป็นองค์ประธาน

    ส่วนกิจกรรมต่อไปในช่วงเดือน พ.ค.54 จะมีการทำบุญครบ 100 วัน และในวันที่ 30 พ.ค.54 ทางวัดจะจัดงานวัดเปิดโลกธาตุที่องค์หลวงตามหาบัว จัดเป็นประจำต่อเนื่องทุกปีและในวันที่ 12 ส.ค.จะจัดงานทำบุญวันเกิดหลวงตามหาบัว ที่วัดป่าบ้านตา

    สำหรับยอดรับบริจาคตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค.-5มี.ค.54 ยอดรายรับจากบัญชีชีออมทรัพย์ 3 บัญชี ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกรุงไทย ยอดรวมทั้งสิ้น 378,785,834.23 บาท ส่วนทองคำรวมทั้ง 100 กิโลกรัม 29.33 บาท

    ***พระอาจารย์สุดใจเป็นเจ้าอาวาสคนใหม่

    เวลา 07.45 น.ได้มีประกาศแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด อย่างเป็นทางการ โดยสมเด็จพระวันรัตน์ รักษาการเจ้าคณะใหญ่ฝ่ายธรรมยุติ วัดบวรนิเวศน์วิหาร ได้มอบหมายให้พระธรรมเจดีย์ เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนเจ้าคณะภาค 8 ฝ่ายธรรมยุติ มอบใบประกาศตราตั้งให้พระสุดใจ ทันตมโน รักษาการเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด เป็นเจ้าอาวาส ตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค.เป็นต้นไป

    โดยมีนายวีระพงษ์ สารบรรณ ผู้อำนวยการ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอุดรธานีเป็นผู้อ่านประกาศตราตั้งโดยมีใจความว่า ตราประกาศที่ 01/2554 ประกาศแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาดโดยอาศัยอำนาจตามข้อ 27 แห่งกฎเถระสมาคมฉบับที่ 24 พ.ศ.2541 ว่า ด้วยการแต่งตั้งถอดถอนออกตาม พ.ร.บ.สงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 (พ.ศ.2535) แต่งตั้งให้พระสุดใจ ทันตมโน อายุ 67 ปี พรรษา 38 พรรษาเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด ตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม 2554 พระราชวราลังการ เจ้าคณะจังหวัดอุดรธานีฝ่ายธรรมยุติผู้รับบัญชา

    สำหรับพระอาจารย์สุดใจ ซึ่งมีฉายาทนฺตมโน มีอายุ 67 พรรษา บวชมาแล้ว 38 พรรษา วิทยฐานะนักธรรมตรี ซึ่งเป็นพระที่อยู่วัดป่าบ้านตาด ทำงานและดูแลหลวงตามหาบัวมายาวนาน แม้จะมีพระหลายรูปไปปลีกวิเวก แต่พระอาจารย์สุดใจ ก็ยังคงอยู่กับหลวงตาจนวาระสุดท้ายขององค์หลวงตา

    ผู้สื่อข่าวรายงายบรรยากาศการเก็บอัฐิธาตุว่าประชาชนเชื่อว่า มีพระธาตุของหลวงตามหาบัว จากจิตกาธาน จะได้เก็บนำไปบูชาเป็นสิริมงคล ยังคงมีบางคน ที่มีความพยายามที่จะฝ่าแนวกั้นบริเวณชั้นใน ที่มีทั้งทหารและตำรวจ เข้าไปใกล้เมรุ ให้ได้มากที่สุด และมีความพยายามที่จะเก็บดอกไม้ เก็บหญ้า และดิน ในเมรุไว้เป็นวัตถุมงคลแก่จิตใจ รวมไปถึงเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว ในการดำเนินชีวิต ทั้งนี้ มีบางคนถึงกับแสดงอาการดีใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเจอผงเชิงตะกอนที่ลอยออกมา ซึ่งมีลักษณะใสๆ มีหลากหลายสี บางคนพบเปลวพระธาตุ บางคนเก็บไว้กับตัวเป็นจำนวนมาก ส่วนบางคนนั้น ก็ได้นำไม้จิก ไม้จันทน์ กลับบ้านไป เพื่อนำไปบูชาเป็นสิริมงคลแก่ตัวอีกด้วย.</TD></TR></TBODY></TABLE>

    http://www.manager.co.th/Daily/ViewN...cb%d2%ba%d1%c7<!-- google_ad_section_end -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...