อิทธิพล บาบิโลเนี่ยนในหลักคำสอนพระพุทธศาสนา

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย DuchessFidgette, 30 ธันวาคม 2012.

  1. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    เอานะ... ให้อภัยกันนะ

    ไม่ได้มีเจตนามาทำให้อารมณ์เสีย
    ต่อไปไม่มาล้อเล่นแล้วจ้ะ

    อภัยกันนะ ไม่โกรธ ไม่โมโห ไม่ด่ากันนะ... ลาล่ะจ้ะ
     
  2. มังกรน้อย101

    มังกรน้อย101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,376
    ค่าพลัง:
    +4,390
    ขอขอบคุณกับเนื้อหาสาระที่เจ้าของกะทู้หามาให้อ่าน และศึกษา และขอบพระคุณกับเนื้อหาที่มาเสริมครับได้ความรู้มากเลยทีเดียว เรื่องราวหลายๆอย่างมันชังซับซ้อนจริงๆแต่ก็สนุกดีครับ เป็นกำลังใจให้ครับผม
     
  3. หลบภัย

    หลบภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,207
    ค่าพลัง:
    +3,123
    อ่านแล้วก็สนุกดี เปิดใจให้กว้าง ยอมรับสิ่งใหม่ๆ
    และเรียนรู้ให้เข้าใจด้วยปัญญาตนเอง
     
  4. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    อย่างแรก "ข้อมูลจากการสอบถามคนปัจจุบัน"


    ที่กล่าวมาว่าได้สอบถามเรื่องเชื้อชาติจากคนท้องถิ่น
    ก็แสดงว่าไปถาม ณ เวลาปัจจุบัน ในกรณีนี้ ไม่นับได้
    ว่าเป็นหลักฐานที่น่าเชื่อถือในระดับสากลครับ เรื่องของ
    เชื้อชาตินั้น ถ้าถามคนปัจจุบัน จำย้อนหลังได้อย่างมาก
    ก็ ๒๐๐ ปี นี่ก็สุดยอดแล้ว แต่นี่ พระพุทธศาสนาย้อนไป
    ตั้ง เกือบ ๒๕๐๐ กว่าปี


    หลักฐานที่จะใช้อ้างอิงตามหลักวิชาการได้เป็นสากล
    ในเรื่อง "เชื้อชาติบรรพบุรุษเมื่อ ๒๕๐๐ กว่าปีมาแล้ว"
    จะไม่ได้มาจากการสอบถามคนปัจจุบันนะครับ การถาม
    แบบนั้น ทางวิชาการทำได้แค่ ของปัจจุบันนะครับ


    ดังนั้น หลักฐานนี้ ยังไม่น่าเป็นที่ยอมรับระดับสากลได้ครับ
     
  5. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    ชื่อที่ใช้เป็นภาษาสันสฤติ???


    เป็นไปได้หลายทางนะครับ เช่น เพราะพิจารณาเห็นแล้วว่าแคว้น
    ของตนเล็ก แต่คนส่วนใหญ่ เขาใช้ภาษาสันสฤติกัน ก็เลยทำให้
    คนรุ่นหลัง บันทึกเรื่องราวไว้เป็นภาษาสันสฤติ เหมือนเราคนไทย
    ก็ใช้ภาษาอังกฤษในการคุยกับชาวโลก นี่ก็อาจเป็นไปได้ นั่นคือ
    พพจ. อาจมีภาษาของตนเองอีกแบบ แต่ไม่ได้ใช้ภาษานั้นในการ
    เผยแพร่ศาสนา แต่ใช้ภาษาสันสฤติ ที่ดูเป็นสากลมากกว่า?


    ชื่อ ก็อาจแผลงไปตามภาษาที่ใช้ได้ เหมือน แจกกี้ ชาง ก็คือใครละ?
     
  6. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    เรื่องพระพุทธเ้จ้าบวชให้พ่อค้าที่ไปตั้งสำนักสงฆ์


    ผมเห็นว่าเป็นการ "โกหกของพวกแขก" ครับ เป็นไปไม่ได้เลย
    ที่พระสาวกที่พระพุทธเจ้าบวชให้นั้น จะไปตั้งสำนักสงฆ์ครับ นี่
    เป็นสิ่งที่ไม่มีในพุทธประเพณี เพราะการทำเช่นนั้น ไม่ต่างอะไร
    กับการทำสังฆเภท ไม่มีพระสาวกรูปไหนเขาทำกัน คนที่ตั้งสำนัก
    สงฆ์นั้น ก็มีแต่คนยุคเราๆ ท่านๆ นี่แหละ หรือพูดตรงๆ เลย ก็คือ
    แขกพวกนี้ "โกหก ลวงโลก สร้างหลักฐานเท็จ" โดยกล่าวว่าตน
    ได้รับการบวชจากพระพุทธเจ้านะ จะได้ดูน่าเชื่อถือ แล้วอาศัยสิ่ง
    ที่น่าเชื่อถือนี้ ในการทำให้สำนักสงฆ์ของตน เป็นที่ยอมรับ


    พระสาวกแท้ที่พระพุทธเจ้าบวชให้นั้น ท่านดูอย่างดีแล้ว แต่ละท่าน
    ชั้นเยี่ยมทั้งนั้น พระพุทธเจ้า ไม่ได้บวชให้สาวกเองทุกรูปนะ มีไม่มาก
    หรอก ยอดๆ ทั้งนั้น และท่านเหล่านี้ "ไม่มีทางตั้งสำนักสงฆ์" เพราะว่า
    ท่านมีปัญญาเข้าใจจริงว่ามันคือ "สังฆเภท" แสดงว่าพวกแขกเหล่านี้
    โกหกไม่เนียน ศึกษาธรรมวินัยมาน้อย เลยโกหกพลาดเรื่องนี้นะครับ
     
  7. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    ตำนานบันทึกพระเนตรสีนิลละ??


    อันนี้ ผมไม่แน่ใจว่าหลักฐานอันไหนนะ? คำว่า "นีลละ" แปลว่าเขียวหรือฟ้า
    ก็ได้ อันนี้จริง ไม่ใช่ดำ แต่คนไทยเอามาใช้หมายถึงสีดำ มันก็เป็นไปได้ตั้ง
    หลายทาง เช่น ท่านตาสีดำจริงๆ แต่คนไทยเขียนตำราโดยใช้คำว่า "นิล" ก็
    ด้วยเข้าใจว่าแปลว่าสีดำ หรือต้นตอของตำรา อาจใช้คำว่านิล เพราะเข้าใจผิด
    ว่าแปลว่าสีดำ เลยใช้คำว่านิลตามๆ กันมา (ทั้งที่ไม่ใช่สีดำ แต่นึกว่าเป็นสีดำ)


    เพราะตำราไตรปิฎก หรือตำราทางพุทธที่เก่าแก่มากๆ และใช้สืบๆ กันมานี่ ผม
    สงสัยว่าของใครเก่าสุด? ของเราก็เขียนใหม่เมื่อต้นรัตนโกสินเอง ของพม่าละ?
    ของอินเดียนี่ไม่้ต้องหาแล้ว หมดสิ้นไปนานเหลือเกินแล้ว ของทิเบตก็ใหม่มาก
    เกิดมายุคข่านครองจีน ใครก้อปใคร? ใครเริ่มต้นเขียนคำว่า "นิล" ด้วยเข้าใจผิด
    ก่อนใคร อันนี้ มันไม่ชัดเจน ถ้าพวกแขกมาก้อปตำราเราทีหลังละ? แล้วเอาคำว่า
    "นิล" ที่เราเข้าใจผิด และใช้หมายถึงสีดำ ไปใช้ แล้วพวกเขามาสืบสาวภาษาใน
    ภายหลัง เข้าใจว่า มันแปลว่าสีฟ้า ไม่ใช่ดำ ก็เลยคิดว่า ต้องฟ้า ไม่ใช่ดำ ทว่า ก็
    มันผิดตั้งแต่ต้นตอไง นึกออกไหม กะจะบอกว่าสีดำ แต่ใช้คำว่านิล พอก้อปต่อๆ
    ไป คนก้อปก็ใช้คำว่า นิล แต่ดันคนปัจจุบัน สืบสาวภาษาแล้วดันเข้าใจว่าสีฟ้า ซึ่ง
    สีฟ้า ถูกต้องตามหลักภาษา ก็จริง แต่อาจจะผิดไปจากเจตนาของผู้สื่อสารก็ได้ครับ
     
  8. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    เชื้อสายของ "พระอาทิตย์" อันนี้ อ้างกันทั่วโลกครับ


    เริ่มจาก ญี่ปุ่น ก็อ้่างว่าตัวเองสืบสายมาจากพระอาทิตย์ เรียกว่าชาวอาทิตย์อุทัย
    ชาว มองโกล (จีน) ก็ถือว่าตัวเองสืบสายมาจากพระอาทิตย์เหมือนกัน ราชวงศ์
    หมิง ก็ใช้คำว่า "หมิง" หมายถึง อาทิตย์ + จันทร์ เหมือนกัน ของไทย ราชวงศ์
    สุโขทัย ก็มาจากคำว่า "สุข + อโณทัย" ทั้งพระนามของปฐมกษัตริย์ คือ พ่อขุน
    ศรีอินทราทิตย์ ก็ผสมคำว่า "อาทิตย์" เช่นกัน ของอียิปต์เล่า ก็มี "เทพพระอาทิตย์"
    มา่เกิดเป็นฟาโรห์อยู่ด้วยองค์หนึ่ง โอ้ย เยอะแยะ เรียกว่า เขียนกันมันส์ทั้งโลกครับ


    การที่แขกอ้างว่า เชื้อสายพระอาทิตย์ มีต้นบรรพบุรุษมาจากพวกแขกนั้น เห็นว่า
    ก็ไม่ต่างจากชาติอื่นๆ ที่ต่างก็อ้างตนว่ามีเชื้่อสายมาจากพระอาทิตย์ เหมือนกัน
     
  9. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964

    พระเจ้ามิลินท์ มีชีวิตอยู่หลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานนานแล้ว
    ท่านได้พบกับพระนาคเสน ซึ่งเป็นศิษย์ของพระอีกรูป (ต่อมา
    หลายรุ่นนะครับ) ดังนั้น ท่านคงไม่ได้เห็นพระพุทธเจ้าว่าเป็น
    ชนผิวสีอะไร? และถ้าท่านเจอกันจริงๆ ยอมรับกันจริงๆ เช่นนี้
    แคว้นของท่าน ก็ต้องนับเข้าเป็น ๑ ใน ๗ แว่นแคว้นที่ พพจ.
    เสด็จโปรดด้วย ดังนั้น ไม่มีว่าท่านพบพระพุทธเจ้า แล้วเห็นว่า
    พระพุทธเจ้าเป็นคนผิวขาวอะไรนะครับ ท่านพบแต่พระนาคเสน
    เท่านั้นเอง ดังนั้น การยอมรับศาสนานั้น ไม่น่าจะมาจากการที่
    เห็นพระพุทธเจ้า เป็นชาวผิวขาวเลยครับ
     
  10. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    นิลละเป็นภาษาสันสฤตและโดยภาษาสันสกฤตนั้นโดยตัวมันเองแปลว่าสีฟ้านิล
    ในภาษาอินเดีย คำว่านิลแปลว่าสีฟ้า ก็มาตั้งแต่เขาสร้างภาษานี้กันขึ้นมาแล้ว


    ส่วนเรื่องที่พระพุทธเจ้าทรงบวชให้ พ่อค้าชาวอัฟกานีสถานก็จริง
    อีกเช่นกัน เพราะสำนัสงฆ์ที่ท่านไปตัง ก็คือที่เราเห็นในข่า
    ว พระพุทธรูปที่โดน เอาว์ไกด้าห์ alkeidah ระเบิดนั้นแหละคะ
    แขกที่อยู่ในเมือง Balkh ในอัฟกานีสถาน จะคล้ายคน
    ยุโรปตะวันออก คือ เมืองนี้จะอยู่ทางเหนือ อัฟกานีสถาน
    และเคยอยู่ภายใต้จักรวรรดิเปอร์เซียเช่นกัน และเคยตก
    เป็นของกรีกสมัพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ สมัยนั้นเมืองนี้คือ
    แบกเธรียนั้นเอง


    ในพระไตรปิฏกฉบับของมคธ ที่ฝรั่งแปลมาเขียนกันใน
    เวปต่างๆ ก็กล่าวว่าทรงมีพระเนตรสีฟ้า และผมหยักศก คะ
    ภาษาบาลี ด้วยตัวคำว่า นิลละในภาษาบาลี คนที่เขาแปล
    ภาษานี้ออกเขาบอกว่านิลละ ก็คือสีฟ้า ยึดตามอินเดีย
    เพราะบาลีป็นภาษาเก่าของอินเดียโบราณ

    ส่วนข้อพุทธลักษณะอื่นๆ
    ก็ดูเหมือนจะตรงกับลักษณะของชาวคอเคซอยด์ ทางภาคใต้
    เสียทั้งหมด ไม่มีส่วนใดเลยที่บอกว่าเหมือนคนมองโกลลอยด์ เช่นผมหยักศก
    รูปร่างสูง, สันจมูกตรงเป็นคันศร,
    มีอุณาโลมระหว่างพระโขนง หมายถึงมีคิ้วต่อกันนะคะ
    คนคิ้วต่อกัน
    เท่าที่รู้ ไม่ค่อยเจอคนเอเชียมีคิ้วต่อ นอกจาก (พวกแขกร้อยเปอร์เซนต์มีคิ้วต่อ)
    แม็กซิกัน หรือ ฝรั่ง (มีบางคน ไม่แยะเท่าแขก แต่เยอะกว่าคนเอเชียตะวันออกแน่นอน)

    แถมฝรั่งยังแปลพระไตรปิฏกได้ ชัดเจนกว่ากว่าของไทย
    อย่างที่ของไทยบอกว่า พระเนตรแจ่มใสดุจลูกวัวเพิ่งคลอด ความจริง
    ถ้าแปลจากฝรั่งแปลพระไตรปิฏกฉบับมคธแท้มา ความหมายจะต่างกันมาก
    ของฝรั่งแปลตรงตัว ว่า พระองค์ ทรงมีขนตางอนงามดุจ กระทิง 30(Eyelashes like a royal bull)
    , ขนดก และ หยักศก (13.Body hair graceful and curly) ,
    ร่างกายเหมือนมีรัศมีสีทอง หรือสว่างสดใส( 14.Golden-hued body)
    ไม่ได้แปลว่าผิวเหลืองนะคะ แต่แปลคล้ายกับว่า ร่างพระองค์ท่านมีราศี ร่างกายสว่างนวลอร่าม

    ส่วนเรื่องที่ตั้งกรุงเทวทหะ อันนี้ก็อย่างที่บอก สมัยโบราณ ไม่มี
    อินเดียเนปาล แต่เป็นชมพูทวีป และที่แน่นอนก็คือตามบันทึก
    ของอินเดียกล่าวว่าวงค์ ศากยะจัดเป็นวงค์ กษัตริยะ ซึ่ง กษัตริยะ
    เป็นภาษาเปอร์เซีย ถ้าอ่านที่ดิฉันอธิบายชื่อเทพ เปอร์เซีย
    ไปก่อนหน้า จะเห็นว่ามีเทพเปอร์เซีย ชื่อ กษัตริยาด้วย




    จากรูปนี้สำหรับคนที่ไม่เคยเห็นขนตางอนแบบกระทิง จะได้ดูกันว่า
    กระทิงนั้นขนตายาวและงอนทีเดียว



    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2013
  11. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301


    ถ้าไม่อิงว่าภาษาที่ใช้ในพระไตรปิฏก เป็นบาลี สันสฤต งั้นเหตุใด พระนามของ ทั้งพระพุทธเจ้า, พระราชบิดา, มารดา และ คนอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ถึงได้ไปใช้ชื่อแบบอินเดียได้เล่าคะ อย่างชื่อ
    สิทธัตถะ, สุทธโธธนะ, ราหุล, กัณหา, อมิตตา ฯฯ เหล่านี้ต่างเป็นชื่อ ที่คนอินเดียใช้กันเป็นปกติอยู่แล้ว

    ดิฉันเคยดูในหนังอินเดียสมัยใหม่ ยังมีพระเอกนางเอกชื่อ ยโสธรา บ้าง ราหุล บ้าง บางคนเป็นอิสลามด้วยซ้ำ ดังนั้นการจะมาบอกว่าคนอินเดียสมัยนี้ไปใช้ชื่อเหล่านั้นตามพุทธประวัติก็ดูจะไม่เกี่ยว เพราะขนาดบางคนไม่ใช่พุทธ แต่เป็นคนอินเดีย ก็ยังใช้ชื่อเหล่านี้, เพราะเป็นชื่อตามวัฒนธรรม เขาใช้กันมาตั้งแต่กำเนิดภาษาสันสฤตแล้ว เหมือนกับชื่อ แดง ชื่อ ดำ เป็นชื่อ ไทยร่วมสมัยเผลอๆ สมัยบ้านเชียงยังมีืชื่อนี้


    ดังนั้นจากที่เราเห็นในประวัติศาสตร์คนเนปาลมองโกลลอยด์ และธิเบต สมัยพุทธกาลยังไม่รู้จักใช้ภาษา บาลี สันสฤต และใช้ชื่อ แบบอินเดีย แต่พระพุทธเจ้าไม่เพียงใช้ ชื่ออินเดีย
    แต่ทรงยังได้เรียนคำภีร์ พระเวทย์ ซึ่งเป็น วิชาชั้นสูงของอารยัน ที่อย่าว่าแต่ชาวต่างชาติในสมัยนั้นจะมีโอกาสได้เรียนเลย แม้แต่คนอินเดียที่ไม่ได้อยู่ในวรรณะ
    พรามณ์ และกษัตริย์ก็ไม่มีโอกาสเรียน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2013
  12. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    อีกเรื่องที่วิเคราะห์ได้ว่า เหตุการณ์ในสมัยพุธกาลกำเนิดขึ้นใน อนาจักรทีเป็นอินเดีย ปัจจุบันมิใช่ไทย ก็คือเรื่องวัฒนธรรมความเชื่อ ประเพณี, จารีต
    ค่านิยมต่างๆ ที่ปรากฏในพระไตรปิฏกนั้น ไปตรงกับวัฒนธรรม ตลอดจนเรื่อง อาหารการกินแบบ อินเดียทั้งหมด เช่นเรื่อง การ บริโภคนม เนย


    เรื่องธรรมเนียมแบบอินเดียในพระไตรปิฏก, อย่างตอนที่ศากยวงศ์นั้นได้ชื่อว่า มีความหยิ่งในความเป็นวงศ์จากพระอาทิตย์ของตน และถือปฎิบัติ เรื่องการแต่งงานในสายเลือดอย่างเคร่งครัด จะไม่ยอมให้เลือดของตนไปปนกับผู้อื่นยกเว้นโกลิยวงศ์ แห่งกรุงเทวทหะ ที่เป็นเครือญาติกันเท่านั้น ครั้งเมื่อเจ้าประเทศราชจากแคว้นมหาอำนาจโกศลยื่นคำขอ
    ธิดามา ก็เลยส่งพระธิดาที่กำเนิดกับมารดาที่เป็นนางทาสไปให้แทน เพราะถือว่าแคว้นอื่นต่ำกว่าตน เอาแค่เจ้าหญิงลูกครึ่งกษัตริย์กับนางทาสก็พอ
    ครั้นพอส่งตัวเจ้าสาวไปถึง, แต่งงานได้สักพักจน เจ้าหญิงลูกครึ่งนางทาสประสูติพระโอรส

    พวกพระญาติมารู้ทีหลังว่าได้กราบไหว้สะใภ้มีเชื้อนางทาส จึงโกรธมากหาว่าดูหมิ่นพวกราชวงค์ของตนอย่างแรง จนเวลาพระชายา นาคะมณฑา ลูกครึ่งกษัตริย์กับทาสไปไหนเลยต้องเอาน้ำนมลาดตรงนั้นเพื่อล้างเสนียด อย่างเรื่องระบบวรรณะเนียะจะอธิบายว่ายังไง ไทยก็ไม่มีระบบวรรณะ และสอง คนไทยไม่เคยเลี้ยงวัวนม และไม่เคยดื่มนม ยิ่งสมัยนั้นด้วยมีแต่วัวป่าใช้ควายไถ่นา ในขณะที่อินเดียเป็นพวกคอเคเซี่ยนมี วัฒนธรรมหลายอย่าง โดยพื้นฐาน คล้ายคนตะวันตก เช่น เรื่อง ดื่มนม, ทำชีสใส่แกง, ข้าวมธุปายาสของ
    นางสุชาดาก็มีนมผสม และก็มีชาดก ตอนที่นางอะไรสักอย่างสองคน เอาน้ำเนยสาดกัน เมืองไทยในเวลานั้นก็ไม่มีทั้ง เนย ทั้งนม ทั้งวัวนม.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2013
  13. I_am_free

    I_am_free เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +207
    ขอบคุณ จขกท นะครับสำหรับบทความที่ไม่เคยอ่านจากที่ไหนมาก่อน ผมเข้าใจว่าเป็นงานวิจัยหรือเปล่าครับ พอจะมีบทคัดย่อให้ดูมั้ย เพราะผมไม่มีความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ตามอ่านก็ยังงงๆ ถ้ามีบทคัดย่อให้อ่านบางทีจะได้เข้าใจมากขึ้นว่าเหตุของงานนี้คืออะไรและวัตถุประสงค์ของงานเพื่ออะไร แต่ถ้าไม่ใช่งานวืจัยเป็นงานเขียนธรรมดาก็ไม่เก็นไรครับ
     
  14. ดูงาน

    ดูงาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    569
    ค่าพลัง:
    +2,671
    เจ้าของกระทู้เหมือนกับว่าเป็นคนในยุคสมัยนั้นเลย เชื่อหมดทุกอย่าง 2600 ปี

    แต่จะอะไรก็ว่าเถอะ อย่าเอาหลักธรรมพระพุทธองค์บิดเบือนเป็นใช้ได้ อะไรอื่นๆก็ว่าไปไม่เป็นไร ก็ผมไม่รู้จริงๆนี้ ว่ายุคนั้นเป็นยังไง
     
  15. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    ธรรมชาติอย่างแรกที่ควรเข้าใจในการศึกษาประวัติศาสตร์


    คือ เรื่องในอดีต ไม่มีใครรู้จริง ๑๐๐% นะครับ เพราะมันผ่านมาแล้ว จบไปแล้ว
    เราผู้ศึกษา ณ เวลาปัจจุบัน อาจได้ข้อมูล, หลักฐาน ฯลฯ ต่างกันไป เราก็อ้างไป
    ตามข้อมูล, หลักฐาน ฯลฯ ของแต่ละคนครับ ดังนั้น มันจึงไม่มีใครผิดถูกได้ ๑๐๐%
    เขาเรียกว่า "ศิลปะ" เช่น คนจีน เขาก็อ้างหลักฐานของเขา เพื่อบอกว่าเกาะนี้ชื่อ
    เกาะเตียวหยู คนฝรั่งก็อ้างหลักฐานของเขา บอกว่าเกาะนี้ชื่อ "สแปซลี่ย์" อย่างนี้


    นักวิชาการทางโบราณคดี เข้าใจกันครับ เหมือนเราทำงานวิจัยนี่แหละ อาจได้ผล
    ออกมาต่างกันก็ไำด้ ตามองค์ประกอบในการทำงานที่ต่างกัน ไม่มีใครผิดหรอกครับ
    สุดท้าย มันก็ขึ้นอยู่กับ "ใครจะมีอิทธิพล" ทำให้หลักฐานของตนได้ ได้รับความ
    เชื่อถือ "ในระดับสากล" มากกว่า ก็เท่านั้นเองครับ


    หลักฐานต่างๆ ที่คุณ จขกท. อ้างมานั้น ผมยังมองว่า "อ่อนมาก" ในทางวิชาการ
    นะครับ ยังไม่น่าเชื่อถือเท่าไรเลย มีจุดพร่อง ช่องโหว่เยอะ แต่ไม่อยากเถียงให้
    เสียอารมณ์นะ ฮ่าๆๆ จะำได้มีกำลังใจทำงานในมุมของตัวเองต่อไป


    จะว่าไปแล้ว อายุของโบราณวัตถุมันยังไม่ชัดเจนเลย มั่วมากๆ ตอนแรกออกข่าว
    มาว่า "อายุเลย ๒,๕๐๐ พันปีใช่ไหม?" ทำเอาคุณหนุมาน คิดว่า คงเป็นยุคของ
    พระพุทธเจ้าองค์ก่อนพระสมณโคดมด้วยซ้ำไป ต่อมา ไหง มั่วมาลดอายุ ไปก็ไม่
    รู้ ตกลงอะไรกันแน่? ใครคนวัดอายุของพวกนั้น? น่าเชื่อถือแค่ไหน? คนในหรือคน
    ระดับสากลโลก? ดูให้ดีนะครับ แล้วพอออกข่าวดังๆ อย่างนี้ แล้วระเบิดตูมๆๆ มัน
    ก็ทำลายหลักฐานหมดไปแล้ว จบเห่ ทีนี้ คนอื่นเขาจะไปตรวจสอบว่าที่ออกข่าวมา
    มันจริงอย่างนั้นไหม? ถามหน่อย ไม่เหลือซากแล้ว จะรู้ได้อย่างไรว่าแขกไม่หลอก?
     
  16. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    [​IMG]


    นี่ก็หลักฐานว่า พระธาตุของพระพุทธเจ้ากัสสปะ
    อายุเท่าไรนะ เลย ๒๕๐๐ ปีน่ะ แต่คำนวณดูแล้ว
    มันไม่ตรงกับอายุของยุคพระพุทธเจ้ากัสสปะจริงๆ
    นี่ เขาเชื่อกันอย่างนั้น ไอ้เราก็รับมา ไม่ได้ค้านอะไร
    แปลว่า "ยอมรับ" แต่ว่าความจริงมันใช่ไหม? ก็ไม่รู้!
     
  17. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964

    เรื่องชื่อยังสรุปไม่ได้อยู่ดีึครับ "ไก่กับไข่ อะไรเกิดก่อนกัน" ประมาณนั้น


    เป็นไปได้สองทางนะครับ ๑. คนอินเดีย อาจได้รับอิทธิพลของพุทธ ตั้งแต่
    ยุคพระเจ้าอโศก เป็นต้น สมมุตินะครับ ยุคไหนบ้างไม่แน่ใจ สมมุติยุค X ละกัน
    ๒. พระพุทธเจ้าต่างหาก ที่เป็นฝ่ายรับเอาอิทธิพลนั้นมา


    มุมมองของคุณ จขกท. เสนอว่า ศาสานาพุทธ เป็นฝ่ายรับเอาอิทธิพลเขามา
    ประมาณนั้น แต่ผมกำลังบอกว่า ยังสรุปไม่ไ่ด้อยู่ดี ว่าใครรับของใครมากันแน่?
    เหมือนไก่กับไข่ อะัไรเกิดก่อนกัน ประมาณนั้น แล้วเรื่องภาษานี่ ๒๖๐๐ ปีมา
    แล้ว อินเดีย เปลี่ยนภาษาไปเยอะครับ ไม่ได้ใช้มคธหรือสันสฤติมาตลอดหรอก
    อย่างไทยเหมือนกัน ง่ายๆ เลย ตัวอักษรยุคพ่อขุนฯ เป็นอย่างหนึ่ง เดี๋ยวนี้ละ
    แค่ไม่ถึง ๗๐๐ หรือ ๙๐๐ ปีเอง มันก็เปลี่ยนไปแล้ว จริงๆ แล้วสำเนียงพูด มัน
    ก็ไม่เหมือนยุคพ่อขุนฯ ด้วยนะ ลองดูดีๆ ครับ เรื่องวิวัฒนาการของภาษาต่างๆ
    ผมว่ามันซับซ้อนมากกว่าที่จะด่วนสรุปเอาเช่นนั้น
     
  18. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964

    เมืองไทย ไม่ใช่แน่ครับ ยุคนั้น ไทยคงเป็นป่า มีแต่คนป่าอยู่เต็ม
    ความเป็นเมือง เป็นรัฐ ยังไม่รู้ว่ามีอยู่ เกิดขึ้นหรือยังเลยนะครับ
    เริ่มมาบุกป่า หมดไข้ป่า คนเข้าอยู่ได้ นี่ก็คงหลังพุทธศาสนามา
    แล้วนานพอควรครับ


    ผมคิดว่า พระพุทธเจ้าไม่ได้เกิดที่ไทยหรอก แต่เชื้่อสายหรือสาย
    ธรรมของท่าน อาจเคลื่อนย้ายมาที่ไทยบ้างนะครับ อันนี้ พอเป็น
    ไปได้มากกว่าครับ


    แต่เรื่องอินเดียนี่ เป็นไปได้ว่าคือ "สถานที่เกิดเหตุ ในสมัยพุทธกาล"
    แต่เรื่องเชื้อชาตินี่ ผมมองว่า อินเดีย มีการเปลี่ยนแปลง หลายยุคเช่น
    กันนะ ไม่รู้เคลื่อนย้าย อพยพ กันไปอย่างไร ใครออกไป ใครเข้ามา
    อันนี้ ก็ลองสืบสาวดูด้วยครับ เพราะผมยังไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์
    อินเดียเท่าไร (ตอนนี้ แค่ประวัติศาสตร์ไทย, กัมพูชา, จีน, เกาหลี
    ญี่ปุ่น, อเมริกา, ไต้หวัน, สิงคโปร์, ลาว โอ้ย ก็จะอ้วกแล้วครับ หุุๆๆ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มกราคม 2013
  19. tanaxxir

    tanaxxir เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +190
    ขอบคุณบทความดีๆ ที่คุณ DuchessFidgette เอามา share นะครับ จากใจจริงผมไม่สนใจว่าจะจริง หรือไม่จริงหรอกครับ เพราะในการอ่านผู้อ่านย่อมพิจรณาเองได้ว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ แต่ประเด็นสำคัญคือเป็นการเปิดประเด็นใหม่ที่ยังไม่ค่อยมีการนำเสนอกันครับ และน่ายินดีที่มีผู้สนใจเข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดวิชาการเชิงสร้างสรรกัน
    ผมเข้าใจว่าการทำความเข้าใจกับโลกในสมัยโบราณเมื่อสามพันกว่าปีก่อน โดยยึดโลกปัจจุบันเป็นบรรทัดฐานย่อมลำบาก อยางไรก็ตามผมเปิดใจรับได้กับบทความดีๆ นี้ครับ ขอเป็นกำลังใจครับ
     
  20. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    [​IMG]


    ที่ต่างประเทศ เรื่องพระพุทธเจ้าเป็นชาวคอร์เคเซี่ยนนี้รู้กันอย่างกว้างคะ เรื่องนี้ไม่จัดว่าเป็นเรื่องใหม่อะไร แต่ที่ค่อนข้างใหม่ละยังไม่มีคนค่อยพูดถึงหรือกล้าพูดก็คือ อิทธิพลเปอร์เซียที่มีต่อพระพุทธศาสนา ซึ่งดิฉันว่ามันก็มีส่วนจริงอยู่ไม่น้อยคะเพราะเปอร์เซียในยุคพุทธกาลนั้น เป็นอาณาจักรที่มีอำนาจ และ วิทยาการทางเทคโนโลยีและวัฒนธรรมสูง ไม่เช่นนั้นคงไม่มีที่มาของสุดยอดชนชาติมนุษย์ หรือ อารยัน ให้ได้ยินกันขึ้นมาแน่
     

แชร์หน้านี้

Loading...