@@ อู่ทองถูกบูชาแล้วครับมีหลวงพ่อปานสวยๆจ้า @@

ในห้อง 'ร้องเรียนและปัญหา' ตั้งกระทู้โดย พลังชาตรี 13, 31 มกราคม 2011.

  1. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,443
    ค่าพลัง:
    +1,851
    ชุดนี้ได้ส่งให้เจ้าของเสียงจริงอันเชิญไปต่างประเทศแล้วครับ

    ขอบพระคุณมากครับที่เข้ามาเยี่ยมชม
     
  2. honmaru07

    honmaru07 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +292



    สอบถามราคาลูกอมผงพรายกุมาร รายการนี้ครับ
     
  3. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,443
    ค่าพลัง:
    +1,851
    ขอบพระคุณมากครับที่ให้ความสนใจ
     
  4. Amata_club

    Amata_club เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    27,064
    ค่าพลัง:
    +52,162
  5. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,443
    ค่าพลัง:
    +1,851
    ขอบพระคุณมากครับท่าน Amata_club




    ขอให้มีความสุขในเทศกาลวาเลนไทน์

    [​IMG]
     
  6. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,443
    ค่าพลัง:
    +1,851
    หลวงพ่อจง วัดหน้าต่าง ผู้เรืองวิทยาคม เมืองกรุงเก่า

    .
    หลวงพ่อจง เป็นพระเถราจารย์ที่มีวิทยาคมแก่กล้า ได้รับการถ่ายทอดวิทยาคมจาก หลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ อำเภอบางบาล และหลวงพ่อปั้น วัดพิกุล อยุธยา พระอาจารย์ทั้งสองท่านนี้ ก็เป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค เช่นกัน หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก เป็นสหายธรรมสนิทสนมกับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค เป็นอันมาก เนื่องจากมีพระอุปัชฌาย์องค์เดียวกัน นัยว่าสองหลวงพ่อนี้เป็นศิษย์สำนักเดียวกัน จึงมีความสนิทสนมและต่างฝ่ายต่างเคารพนับถือธรรมปฏิบัติของกันและกันมากเป็นพิเศษ

    หลวงพ่อปาน มีสังฆกิจอย่างไร ต้องนิมนต์หลวงพ่อจงไปในพิธีเสมอ หลวงพ่อจงมีสังฆกิจเช่นไรก็จะต้องนิมนต์หลวงพ่อปานไปร่วมพิธีทุกครั้ง หลวงพ่อปาน ท่านมักพูดแก่ศิษย์ของท่านเองว่า พระอย่างหลวงพ่อจงนั้น เป็นทองคำทั้งองค์ พระขนาดนี้อย่า ไปขออะไรท่านนะ จะเป็นบาปหนัก เพราะแม้เทพยดาชั้นสูง ๆ ยังต้องขอเป็นโยมอุปัฎฐากเลย

    ด้วยเหตุนี้ ลูกศิษย์ของหลวงพ่อปานจึงเคารพนับถือหลวงพ่อจงมาก และท่านยังสั่งว่า “ถ้าฉันไม่อยู่ติดขัดเรื่องธรรมะ ให้ไปถามท่านจงนะ ท่านจงนี้น่ะ ท่านสอนเทวดามาแล้ว ถ้าเธอไปเรียนกับท่านจงได้ ก็นับว่าเป็นบุญของเธอ”

    การปฏิบัติอันเป็นกิจวัตรของหลวงพ่อจง บางอย่างก็แปลก ๆ เป็นปริศนาให้ผู้พบเห็นคิดอยู่นาน เช่นเดียวกับการปฏิบัติธรรมของหลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี กล่าวคือ พอตกกลางคืนท่านจะออกมาจากกุฏิ โดยถือไม้กวาดแล้วกวาดลานวัดไปเรื่อย ๆ กวาดจนรอบวัดแล้วยังกวาดใหม่อยู่อย่างนี้จนดึก

    หลังจากนั้นก็เดินขึ้นกุฏิไปเข้ามุ้ง แต่ไม่ดับตะเกียง ท่านจะนั่งสมาธิอยู่เป็นครู่ใหญ่ แล้วออกจากมุ้งมากวาดลานวัดอีก เมื่อกวาดรอบวัดเสร็จก็จะกลับขึ้นไปเข้ามุ้งในกุฎิ ทำสมาธิ หลังจากนั้นก็จะออกมากวาดลานวัดเป็นคำรบสาม เสร็จแล้วก็เข้ามุ้ง นั่งสมาธิ เป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นจึงดับตะเกียงจำวัด หลวงพ่อจงปฏิบัติธรรมของท่านเช่นนี้ตลอดมา

    บารมีทางวิทยาคม


    หลวงพ่อเริ่มมีชื่เสียงรุ่งโรจน์เป็นที่รู้จักแพร่หลาย เมื่อราว พ.ศ.2475 หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศเป็นต้นมา ซึ่งช่วงเวลานั้น เป็นเวลาที่บ้านเมืองต้องการทหารผู้กล้าหาญเข้มแข็ง เพื่อรับสถานการณ์ของบ้านเมือง ปัจจัยสำคัญในการปลุกใจทหารคือ เครื่องรางของขลัง

    ล่วงมาจนถึงปี พ.ศ. 2483 สงครามอินโดจีนอุบัติขึ้น เกียรติคุณของหลวงพ่อได้เลื่องลือไปทั่วประเทศไทย โดยได้จัดทำเสื้อแดงลงเลขยันต์ปลุกเสกด้วยวิทยาคม แจกจ่ายให้แก่ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และพลเรือนทั่ว ๆ ไป

    ด้วยอำนาจจิตตานุภาพอันทรงพลังของหลวงพ่อ บันดาลอัศจรรย์บำรุงขวัญทหารให้เข้มแข็งกล้าหาญในการสงคราม นับว่า หลวงพ่อได้มีส่วนในการบำรุงขวัญทหารไทยอยู่มิใช่น้อย

    บรรเทาภัยในสงครามโลก เมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่สองระเบิดขึ้นนั้น ทางพันธมิตรได้ส่งเครื่องบินเข้าโจมตีประเทศไทยหลายครั้ง จนเป็นที่หนักใจแก่ทางราชการของเรา โดยเฉพาะกองทัพอากาศที่ไม่มีกำลังอาวุธพอที่จะต่อต้านได้

    ดังนั้น ทางทหารอากาศจึงไปนิมนต์หลวงพ่อจง ถึงวัดหน้าต่างนอก โดยขอให้ท่านขึ้นเครื่องบินไปโปรยผงวิเศษและข้าวตอกดอกไม้ ลงมายังพื้นดินเบื้องล่าง เพื่อพรางตาข้าศึกที่ส่ง บี 29 มาทิ้งระเบิด และเป็นที่น่าประหลาดอย่างที่สุดว่า จุดที่หลวงพ่อโปรยผงวิเศษและข้าวตอกดอกไม้นั้น แคล้วคลาดจากการทิ้งระเบิดของฝ่ายพันธมิตรอย่างน่าอัศจรรย์ ไม่มีสถานที่ใดถูกระเบิดทำลายแม้แต่น้อย นี่คือกิตติคุณที่แสดงว่า ท่านเก่งในทางแคล้วคลาดจริงโดยปราศจากข้อสงสัย

    เมื่อกล่าวถึงวิทยาอาคมของหลวงพ่อที่มีผู้นิยมและต้องการนั้น เท่าที่ทราบมีสามสาขา คือ

    1. วิทยาคมทางด้านคงกระพันชาตรี
    2. วิทยาคมทางด้านเมตตา
    3. วิทยาคมทางน้ำมนต์

    ในบรรดาวิทยาคมทั้งสามสาขาที่ประมวลมานี้ วิทยาคมทางเมตตาเป็นที่เลื่องลือมากกว่าอย่างอื่น หลวงพ่อจงท่านเฝ้าสอนให้ทุกคนมีเมตตาต่อกัน อย่าเบียดเบียนกันเป็นนิตย์ แสดงว่าท่านให้ทั้งที่พึ่งพาทางกายและทางใจพร้อมกันไป แทนที่จะมุ่งให้ทุกคนยึดมั่นในวัตถุเช่นอาจารย์อื่น ๆ การกระทำของหลวงพ่อจง และวิทยาคมทางเมตตาของท่านจึงมุ่งเสริมสร้างสังคมให้รู้จักการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข อันเป็นยอดปรารถนาของคำสั่งสอนทั้งมวลอันเป็นโลกียะ ถ้าจะกล่าวว่าหลวงพ่อจงท่านเป็นนักสงเคราะห์ก็ไม่ผิดมิใช่หรือ

    เกี่ยวกับเครื่องรางของขลังซึ่งท่านปลุกเสกเวทวิทยาคม กระทำภาวนาด้วยบุญฤทธิ์อธิษฐาน อันเป็นพลังจิตแกร่งกล้าในแนวที่ให้ความนิยมกันมากนั้น ส่นมากแรก ๆ ท่านก็ใช้แนวทางความรู้อันที่เรียกมาจากท่านพระครูโพธิ์ เจ้าอาวาสวัดหน้าต่างใน ผู้เป็นปรมาจารย์องค์แรกของท่าน แต่ต่อมาเมื่อท่านได้ศึกษารอบรู้ในหลักการ อันเป็นกฎเกณฑ์ของผู้จะไต่เต้าเข้าหาความสำเร็จในอภิญญา อันเป็นพุทธวิธีชั้นสูงสุด

    จากนั้นมา ท่านก็ใช้ความรอบรู้อันเกิดจากภูมิปฏิภาณของผู้ใกล้เป็นสัพพัญญูเยี่ยงท่าน ผู้เป็นองค์อรหันต์แต่โบราณกาลมานั้น เข้าบำเพ็ญธรรมกิจ เพื่อให้บรรลุผลในทางอิทธิบารมี จนสามารถอาจดลบันดาลให้ผลดี ตามความต้องการของบุคคลที่เป็นคนดีสมมโนรสปรารถนา ดังนั้น ก็สามารถพูดได้ว่า วิทยาอาคมของท่านมิใช่ในแนวทางไสยศาสตร์ หลวงพ่อจงเมื่อให้นิ่งของปลุกเสกของท่านแก่ผู้ใด ท่านจะต้องบอกเตือนสติด้วยการให้คติเสมอว่า ขอให้รักษาตัว รักษาใจไว้ให้จงดี ศีลธรรมอย่าลืม หากหมั่นบูชาพระ รำลึกถึงพระ และหมั่นศรัทธาปฏิบัติพระธรรมคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่เป็นนิตย์แล้ว ยากนักจะมีโพยภัยเหล่าใดเบียดเบียนบีฑาราวี ขอให้ท่องไว้ในใจเสมอว่า เวรย่อมมีขึ้นเฉพาะเมื่อได้มีการก่อเวร มีหนี้ก็หนีไม่พ้น จะต้องชดใช้เขาในเวลาหนึ่ง คนเราไม่ทำบาปพึงไว้ใจได้ว่า ต้องไม่มีบาปใดติดตามสนองปองผลาญ จงหมั่นแจกจ่ายเมตตาอย่าให้ขาดสาย คงต้องได้กุศลแรงกว่ากุศลอื่นใดหลายเท่านัก

    มีเรื่องเล่าลือกันมาเรื่องหนึ่งซึ่งพูดถึงกันมาก เรื่องมีว่า ครั้งหนึ่ง ณ ตำบลบางช้าง บรรดาเกจิอาจารย์มากหลาย มีท่านโอภาสี หลวงพ่อแช่ม หลวงพ่อปาน หลวงพ่อเจิ่น ท่านพระอาจารย์ฟ้อน หลวงพ่อเดิม หลวงพ่อเงิน และหลวงพ่อจง ฯลฯ ได้รับนิมนต์ไปร่วมพิธีสงฆ์ ในงานพิธีนั้นเขาได้เอาไม้ไผ่มาจักตอกสลับเป็นรูปฉัตรเจ็ดชั้น รูปลักษณ์คล้ายเจดีย์ยอดสูงเรียว สูงราวสักสองวาเห็นจะได้ เจ้าของบ้านผู้นิมนต์พระสงฆ์ไป ได้เกิดกระทำพิธีขึ้นอย่างหนึ่ง แล้วอาราธนาขอให้เหล่าเกจิอาจารย์ปีนขึ้นไปบนยอดฉัตร ถือว่าเป็นเทพเจ้าแห่งสวรรค์มาประทานพรให้เจ้าของพิธี อันนี้จะเป็นกิจของสงฆ์หรือไม่อย่างไร เมื่อเขาอาราธนานิมนต์ สงฆ์เหล่านั้นท่านก็อีหลักอีเหลื่อ แต่บางองค์เห็นว่าจะกระทำมิได้ เพราะไม่ไผ่สานถักเป็นรูปฉัตรสูงตั้งสองวานั้นมีลักษณะแบบบาง ตามรูร่องที่ทำไว้ให้เหยียบไม่มั่นคง อาจงอหักหรือล่มล้มลงมา มีอันตรายโดยง่ายด้วย

    ซึ่งต่างองค์ต่างก็ปฏิเสธ มีหลวงพ่อเดิมเห็นว่าควรรับนิมนต์ ไม่ควรขัดอัธยาศัยของเจ้าของบ้าน แต่ดูเหมือนติดจะคิดลองดีหลวงพ่อจง ซึ่งขณะนั้นต่างมีชื่อโด่งดังในทางคล้ายคลึงกัน พร้อมกับถามหลวงพ่อจงว่า “หากท่านเห็นด้วย เราทั้งสองควรรับนิมนต์เป็นผู้แทนสงฆ์อื่นเสียด้วยก็จะดี จะได้เสร็จกิจไป เพราะเคยได้ยินว่าท่านก็มีพลังจิตในทางทำตัวเบาเยี่ยม”
    พลางก็ชี้ฉัตรด้านข้างเป็นสัญญานว่าให้หลวงพ่อจงไปที่นั่น ส่วนหลวงพ่อเดิมเอง ยึดเอาฉัตรที่ตั้งตรงหน้าตั้งท่าป่ายปีนขึ้นไป
    ควรทราบเสียก่อนว่า อันฉัตรที่ทำด้วยไผ่สานนี้ไม่มีที่เกาะจับ แม้จะสอดเท้าเข้ารูที่เว้นเป็นช่องไว้ก็จะสอดเข้าได้เพียงปลายนิ้วเท้าเท่านั้น ฝ่ายหลวงพ่อจงไม่ว่าอะไร หัวร่อ หึ หึ หึ ออกเดินดุ่มไปหาฉัตรที่ห่างออกไปราวสามวาทันที

    หลวงพ่อเดิมสอดปลายเท้าเข้ารู มือเพียงแตะฉัตรก้าวอย่างแผ่วเบาปราดขึ้นไปท่ามกลางผู้คนรอบ ๆ ชะเง้อมองอย่างตื่นเต้น พลางปรายตามองดูหลวงพ่อจง แต่แล้วก็ต้องตะลึง เพราะหลวงพ่อเดิมขึ้นไปได้ราวห้าศอก หลวงพ่อจงขึ้นไปยืนคร่อมยอดฉัตรซะแล้ว

    เรื่องราวเกี่ยวกับความเก่งกาจ แผลง ๆ ซึ่งบุคคลและสงฆ์อื่นยากจะทำได้ ยังมีเรื่องพิลึกพิลั่นมาเล่าลือสืบเนื่องกันอีกมาก หลายกระทงความ ครั้งหนึ่งหลวงพ่อจง ท่านไปปัตตานี และสงขลา ตามคำอาราธนาให้ไปประกอบพิธีมงคลทางพุทธศาสนา มีกลุ่มคนนอกศาสนาสติไม่ใคร่เรียบร้อย มักชอบตลบตะแลงลิ้นพ่นหาว่าพระสงฆ์ไทยไม่ดีจริงไม่เก่งจริง (ไม่รู้วาในทางใด แต่สันนิษฐานว่าคงจะเป็นในทางสำแดงอิทธิพลอย่างใดอย่างหนึ่ง) กล่าวท้าทายกระทำว้าวุ่นหลายครั้งครา ต่อภิกษุสงฆ์ไทยหลายองค์ วันที่เกิดกรณีนี้ พอดีหลวงพ่อจง ต้องเดินทางผ่านสวนยางพาราของเขาไป ซึ่งไม่ห่างจากบริเวณทางที่รถกำลังจะต้องหยุด เห็นมีไฟป่าลุกลามปามเข้าหาสวนยางกำลังคุโชนระบาด ส่วนตัวมนุษย์นอกศาสนานั้นก็เดินทางไปในรถโดยสาร (รถขนหินของกรมทางฯ) ขบวนนั้นไปด้วย เขาร้องเอ็ดตะโรและคร่ำครวญต่าง ๆ นานา ว่าฉิบหายแล้ว ฉิบหายแน่

    หลวงพ่อจง เห็นเป็นการน่าเวทนา จึงพูดว่า ไม่ฉิบหายน่า พูดแล้วท่านก็ปีนขึ้นไปขนยอดกอไผ่จีนข้างที่ทำการกรมทาง เอายอดไผ่มาอมในปาก สะบัดไปแล้วร้อง ดับ..ดับ...ดับ.. ซึ่งอีกสิบนาทีต่อมา ไฟป่าก็ดับโดยอัศจรรย์ ทำให้มนุษย์นอกศาสนาตะลึงจังงัง และแต่นั้นมา หมอนั่นไม่กล้ากระทำวุ่นวาย ท้าทายใครต่อใครในพุทธศาสนาอย่างคนปากพล่อยสามหาวอีก พร้อมทั้งมีจิตใจหันไปเคารพศรัทธาเลื่อมใสต่อภิกษุสงฆ์ในพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง


    ตะกรุดโทนหลวงพ่อจง เนื้อทองฝาบาตร พันเชือกลงลักน้ำเกลี้ยง 3.8 นิ้ว

    สนใจสอบถามรายละเอียดบูชาได้ครับ



    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กุมภาพันธ์ 2011
  7. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,443
    ค่าพลัง:
    +1,851
    [​IMG]


    หลวงพ่อทบ ธัมมปัญโญ เทพเจ้าแห่งความเมตตา

    มีพลังจิตแก่กล้าเหลือธรรมชาติวัดพระพุทธบาทชนแดนอ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์

    ออกแสวงหาความรู้ เมื่อหลวงพ่อทบได้ศึกษาวิชาความรู้จากพระอาจารย์สีและพระอาจารย์ปานจนเจนจบครบถ้วนหมดแล้ว ท่านจึงเข้าไปกราบลาพระอาจารย์สี เพื่อที่จะไปแสวงหาความรู้ต่อไปอีก พระอาจารย์สีเห็นความเด็ดเดี่ยวและตั้งใจจริงของท่าน จึงกล่าวอนุญาตให้ไป พร้อมกันนี้พระอาจารย์สียังได้กล่าวฝากวัดช้างเผือกกับท่านอีกว่า “หากจะถึงวาระสุดท้ายของชีวิตแล้ว ก็ให้กลับมาพัฒนาวัดช้างเผือก อย่าปล่อยให้ร้างนะ” ซึ่งท่านก็รับคำ จากนั้นท่านก็ได้ออกเดินทางไปจำพรรษาที่ วัดวังโป่ง อำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นเวลาอีก 2 พรรษา พอออกพรรษาจึงคิดที่จะออกจาริกแสวงหาวิชาความรู้ไปในที่ต่างๆ ต่อไปอีก หลังจากที่หลวงพ่อทบได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะออกท่องเที่ยว เพื่อเสาะแสวงหาความรู้อย่างแน่นอนแล้ว หลวงพ่อทบซึ่งในระยะนั้นกิตติศัพท์ชื่อเสียงของท่านยังไม่ค่อยมีใครรู้จัก ก็ได้ออกเดินทางจากวัดวังโป่งทันที โดยออกธุดงค์ไปตามป่าเขาลำเนาไพรแต่เพียงรูปเดียว ในช่วงที่ท่านได้ออกเดินธุดงค์นี้ ท่านได้บำเพ็ญศีลและเจริญภาวนาพร้อมกับแสวงหาวิชา ศึกษาเวทมนตร์คาถาตามถ้า หน้าผา ผนังหินใหญ่ ที่มีผู้จาริกได้เขียนไว้ในสมัยก่อน บางครั้งท่านได้เดินไปตกหุบเขาที่ไม่มีบ้านเรือนคนอาศัยอยู่เลย ซึ่งต้องอาศัยดำรงชีพด้วยผลไม้หรือใบไม้เท่านั้นในการประทังความหิวโหย แต่ท่านก็ไม่ได้ย่อท้อคงพากเพียรที่จะได้ศึกษาวิชาอาคมอย่างไม่หยุดยั้ง เคยมีคนกราบนมัสการถามท่านว่า หลวงพ่อเดินธุดงค์ฉันของป่าไม่กลัวอันตรายหรือ ท่านตอบว่าก็ดูพวกสัตว์ต่างๆ มันกิน ก็ไม่เห็นมันเป็นอันตรายเลยนี่ นอกจากนี้หลวงพ่อทบยังเคยผจญกับโขลงช้างป่า ซึ่งกำลังมุ่งหน้ามายังทิศที่ท่านปักกลดภาวนาอยู่หลายครั้ง พอพวกมันเดินเข้ามาใกล้กลดของท่าน ก็จะมีจ่าโขลงออกมายืนบังกลดของท่านเอาไว้ ไม่ให้ช้างเชือกอื่นๆ เข้ามาใกล้กลดของท่านได้เลย

    ผจญเสือสมิง ในป่าดงดิบมักจะมีสิ่งที่เราคาดไม่ถึง เช่น ผีป่า ผีโป่ง ผีกองกอย หรือเสือสมิง หลวงพ่อทบหลุดรอดมาได้ก็ด้วยการอาศัยเจริญเมตตาบารมีเป็นที่ตั้ง ทำให้ผีเหล่านั้นเกรงกลัวไม่กล้าเข้ามารบกวนท่านได้ ครั้งหนึ่งท่านได้เดินธุดงค์ผ่านไปพบกองกระดูกอยู่กับกองผ้าเหลืองเปื่อยๆ ผุๆ พร้อมกับกลดและบาตรที่สิ้นสภาพ หลวงพ่อทบจึงรู้ในขณะนั้นว่าพระธุงดงค์รูปที่มานอนมรณภาพอยู่ตรงหน้านี้ต้องอาบัติในธุดงค์วัตร มีวัตรอันไม่บริสุทธิ์ จึงต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้อย่างน่าอนาถ ท่านจึงได้รวบรวมผ้าเหลือง กระดูก กลด และบาตรเข้าด้วยกันแล้วนำไปฝังอย่างเรียบร้อย พร้อมกับสวดมาติกาบังสุกุลให้เป็นที่เรียบร้อยจึงตกลงใจปักกลดค้างคืนอยู่ที่ตรงนั้น พอตกดึกในคืนนั้นเอง ขณะที่ท่านกำลังทำสมาธิภาวนา พลันก็มีสิ่งแปลกปลอมเดินเข้ามาใกล้กลด กลิ่นสาบสางคละคลุ้งโชยเข้าจมูกแทบจะสำลัก หลวงพ่อทบยังคงนั่งสมาธิภาวนาอย่างแน่วแน่ ไม่ยอมขยับเขยื้อน เจ้าเสือพานกลอนขนาดใหญ่เห็นท่านไม่เกรงกลัวมัน มันจึงแยกเขี้ยวขู่คำรามอย่างดุร้ายหมายจะกัดกินท่านเป็นอาหาร ท่านจึงรวบรวมจิตแผ่เมตตาออกไปให้กับเสือ พร้อมปากก็พูดว่า “เอ็งหากินของเอ็ง ข้าก็ออกธุดงค์เพื่ออยู่ในทางธรรม เอ็งอาศัยสัตว์น้อยใหญ่ต่อชีวิต ข้าก็อาศัยภัตตาหารดำรงชีวิต เอ็งมาข้าก็ดีใจ ไม่มีอะไรก็นอนเสียเถิด” หลังจากกล่าวจบแล้ว หลวงพ่อทบก็น้อมชีวิตเป็นพุทธบูชา โดยอธิษฐานว่า หากเสือกับท่านมิได้เคยผูกพยาบาทอาฆาตจองเวรต่อกันในชาติปางก่อน ก็ขอให้เสือหลีกทางให้ ถ้าเคยผูกเวรกันมาก็ขอให้เอาท่านไปกินเพื่อชดใช้กรรม เป็นที่อัศจรรย์ปรากฏว่าเสือตัวนั้นหยุดคำราม และทำตามคำสั่งของท่านอย่างว่าง่าย เหมือนพูดกับนักเรียน มันลดความดุร้ายลง และค่อยๆ ล้มตัวลงนอนข้างๆ กลดของท่าน ส่วนท่านก็ได้เจริญสมาธิภาวนาจนรุ่งเช้า พอท่านลืมตาขึ้นมาดูอีกครั้ง ก็พบว่าเสือสมิงได้หายไปจากที่มันล้มตัวนอนเมื่อคืนนี้ คงเหลือแต่รอยเท้าของมันที่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ หลังจากนั้นท่านก็ได้เดินธุดงค์ต่อไป จนกระทั่งได้พบกับพระธุดงค์อีกรูปหนึ่ง จึงได้ชักชวนกันเดินธุดงค์ไปจนทะลุถึงเขตชายแดนพม่า ณ ที่นั้นเอง หลวงพ่อทบและพระธุดงค์รูปนั้นก็ได้แสดงอภินิหารซึ่งกันและกัน และได้แลกเปลี่ยนวิทยาคม จนเป็นที่พอใจแล้วต่างก็แยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง หลวงพ่อทบได้เดินธุดงค์ต่อไปจนถึงประเทศลาว ท่านได้เคยรู้จักคุ้นเคยกับพระเณรที่เวียงจันทร์หลายรูปด้วยกัน เมื่ออยู่ที่นครเวียงจันทร์ ท่านได้ช่วยเหลือพระเณรที่นั่นก่อสร้างสิ่งต่างๆ จนสำเร็จหลายแห่ง จนเป็นที่ชื่นชอบอัธยาศัยของพระเณรในเวียงจันทร์มาก ถึงกับนิมนต์ให้ท่านประจำวัดอยู่ด้วยกันตลอดไป แต่ท่านได้ปฏิเสธไป เพราะท่านยังมีภาระที่จะต้องทำอีกมาก เมื่อหลวงพ่อได้ปฏิเสธในการอยู่เวียงจันทร์แล้ว ท่านก็ได้เดินธุดงค์ออกจากเวียงจันทน์มุ่งหน้ามายังประเทศไทย ท่านเดินลัดเลาะจนมาถึงเขตชายแดนไทยติดต่อกับเขมรที่จังหวัดตราด ท่านได้เดินธุดงค์เข้าไปในเขตของเขมรต้องผจญกับพวกเขมรต่ำเจ้าแห่งอวิชชามนต์ไสยดำทั้งปวง ต้องกัน ต้องแก้ และทำลาย เรียกว่าไม่มีวิชาอาคมกล้าแข็งจริงๆ แล้ว ก็จะถูกพวกเขมรต่ำทดลองด้วยมนตร์ไสยดำ เช่น ยาสั่งบังฟันหรือบิดไส้ แต่ท่านก็สามารถเอาชนะพวกเดรัจฉานวิชาเหล่านี้ได้ ทำให้พวกเขาเหล่านั้นพากันศรัทธาในตัวท่านมาก นิมนต์ให้ท่านอยู่จำพรรษาในเขตแดนของเขมรตลอดไป แต่ท่านได้บอกปฏิเสธและได้เดินทางเข้าประเทศไทย ในที่สุดการเดินทางมหาธุดงค์แบบมาราธอนของหลวงพ่อทบก็สิ้นสุดลง จะเห็นได้ว่าท่านเดินด้วยเท้าเปล่าๆ ไปตามทางทุรกันดารแสนจะลำบากยากเข็ญ บางครั้งธุดงค์ไปในที่ห่างไกลหมู่บ้าน มีแต่ป่าดงดิบ และอาหารการกินก็ไม่มี ต้องฉันยอดไม้กับใบไม้แทนข้าว แต่ท่านก็ไม่เคยย่อท้อ ท่านได้เดินธุดงค์จากอำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์ ไปถึงเขตชายแดนพม่าแล้วย้อนกลับไปประเทศลาว และสุดท้ายก็เข้าชายแดนเขมร นับว่าท่านได้เดินทางด้วยเท้าเปล่าหลายพันกิโลเมตร

    เรียนวิชากับหลวงปู่ศุข หลังจากที่หลวงพ่อทบได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดศิลาโมงแล้ว ท่านยังคงตั้งใจที่จะแสวงหาวิชาความรู้อยู่อย่างไม่หยุดยั้ง เมื่อท่านทำการบูรณปฏิสังขรณ์วัดศิลาโมงเข้าที่เข้าทางแล้ว ท่านได้ยินชื่อเสียงเกียรติคุณของ พระครูวิมลคุณากร หรือ หลวงปู่ศุข แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท ว่าเป็นผู้สำเร็จวิชา 8 ประการ ซึ่งมีน้อยองค์นักที่จะสำเร็จได้ ท่านจึงได้เดินธุดงค์ออกจากวัดศิลาโมง มุ่งหน้าไปที่จังหวัดชัยนาท ในที่สุดท่านก็ได้กราบนมัสการหลวงปู่ศุขสมความปรารถนา และที่วัดปากคลองมะขามเฒ่านี้เอง ท่านก็ได้พบกับพระเกจิอาจารย์อีก 2 รูปที่ได้เดินทางมากราบนมัสการหลวงปู่ศุข เพื่อขอเรียนวิชาก่อนหน้าที่ท่านจะมาคือ 1. หลวงพ่อเอีย วัดบ้านด่าน 2. หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้งการเรียนวิชาจากหลวงปู่ศุขนั้นก่อนที่ท่านจะมอบวิชาอาคมอะไรก็ตามให้กับศิษย์นั้น ท่านจะทดสอบพลังจิตของศิษย์แต่ละองค์เสียก่อนว่ามีความกล้าแข็งสักเพียงใด จากนั้นจะถามถึง วัน เดือน ปี เกิด ของแต่ละองค์เสียก่อน ซึ่งการที่ท่านต้องทดสอบและไต่ถามก็เพื่อท่านจะได้ทราบถึงความสามารถ วาสนา บารมีของแต่ละองค์ ว่ามีมากน้อยเพียงใด ควรจะมอบวิชาอะไรให้ถึงจะเหมาะสมที่สุด ซึ่งหลวงปู่ศุขท่านก็ได้มีเมตตา มอบวิชาอาคมต่างๆ ให้กับหลวงพ่อทบหลายอย่าง ซึ่งท่านก็ได้ใช้วิชาเหล่านั้นสงเคราะห์ญาติโยมมาตลอดชีวิตของท่าน

    มอบตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อเง่า หลังจากที่หลวงพ่อทบได้กลับจากการธุดงค์ไปกราบนมัสการท่านพระครูวิมลคุณากรหรือหลวงปุ่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งหลวงพ่อทบก็ได้เดินธุดงค์กลับมาจำพรรษาที่วัดศิลาโมงตามเดิม หลังจากนั้นในระหว่างปี พ.ศ. 2461-พ.ศ.2468 หลังจากการออกพรรษาทุกปี ท่านได้ใช้เวลาในช่วงนี้เดินทางไปกราบนมัสการขอเรียนวิชาอาคมเพิ่มเติมกับ ท่านพระครูสังวรธรรมคุต หรือ หลวงพ่อเง่า พระเถระผู้เฒ่า อดีตเจ้าอาวาสวัดศรีภูมิ(วัดบ้านติ้ว) และอดีตเจ้าคณะจังหวัดหล่มสัก ซึ่งท่านก็ได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงพ่อเง่า และหลวงพ่อเง่าได้มีความเมตตาถ่ายทอดพระเวทวิทยาคมให้กับท่านอย่างไม่มีปิดบังอำพราง ไม่ว่าจะเป็นทางเมตตามหานิยม แคล้วคลาด คงกระพัน มหาอุด มหาอำนาจ กำบัง ล่องหนหายตัว ซึ่งท่านก็ใช้เวลาหลังออกพรรษาถึง 3 ปี จึงได้เล่าเรียนจนสำเร็จ

    มีวาจาสิทธิ์ คุณวิเศษอีกอย่างหนึ่งของหลวงพ่อทบก็คือ ท่านเป็นผู้มี วาจาสิทธิ์ คือกล่าวอะไรก็เป็นเช่นนั้น คนที่ทราบเรื่องดีต่างก็มีความยำเกรงมาก โดยเฉพาะพวกอันธพาลงานวัดหลายคนประสบมา ในสมัยที่หลวงพ่อทบเคยเป็นประธานในงานพระอุโบสถ กุฏิสงฆ์ วิหาร ที่ได้สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว บางแห่งได้มีพวกนักเลงหัวไม้ก่อการทะเลาะวิวาทตีหัวฟันแทนกันบ้าง เสร็จแล้วก็วิ่งมาหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจคนละทิศละทาง จนเป็นที่หวั่นเกรงของประชาชนทำให้ไม่กล้ามาเที่ยวงาน เป็นอุปสรรคในการจัดงานของทางวัดอย่างใหญ่หลวง แต่พอเรื่องราวทราบถึงหลวงพ่อทบเท่านั้น ท่านก็บอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เจ้าพวกที่มาก่อเรื่องนี้มันไปไหนไม่รอดหรอก วนเวียนอยู่กับวัดนี้แหละ แล้วเหตุการณ์ก็จริงอย่างที่ท่านว่าไว้ อันธพาลก่อกวนงานวัดมันหาได้หลบหนี้ไปพ้นไม่ เหมือนมีอะไรมาฉุดรั้งพวกมันไว้ ให้พวกมันวิ่งวนเวียนอยู่ภายในวัดนั้นเองไปไหนไม่รอด ในที่สุดก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจลากตัวไปเข้าห้องขังจนได้ เมื่อเหตุเกิดบ่อยครั้งเข้าข่าวก็ขจายไปทั่ว ทุกคนก็เริ่มเชื่อแล้วว่าต้องเป็นเพราะความที่หลวงพ่อทบท่านมีวาจาสิทธิ์นั่นเอง

    ตะกรุดโทนหลวงพ่อทบ เนื้อทองแดงเถื่อน พันเกลียวมาตรฐาน ยาว 5 นิ้ว ส่วนมากจะไม่ได้เห็นกันครับ 5 นิ้ว

    สนใจบูชาสอบถามมานะครับเบาๆๆ


    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  8. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,443
    ค่าพลัง:
    +1,851
    กระดาษสารพัดกัน หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ ปี 18

    [​IMG] <script src='http://img594.imageshack.us/shareable/?i=getauc1img.jpg&p=tl' type='text/javascript'></script><noscript>[​IMG]</noscript>

    กระดาษสารพัดกัน หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ ปี 18
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กุมภาพันธ์ 2011
  9. honmaru07

    honmaru07 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +292


    สวัสดีครับพี่ เมื่อครั้งก่อนได้ทราบราคาลูกอมไปแล้ว อยากจะทราบว่า ราคาลูกประคำ และตะกรุดคู่ตามรายการข้างต้น ราคาเท่าไหร่ครับพี่
    แล้วทั้ง 3 รายการยังมีให้บูชาอยู่รึป่าวครับ??:cool:
     
  10. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,443
    ค่าพลัง:
    +1,851
    ขอบพระคุณมากครับที่ให้ความสนใจ
     
  11. w.สุรพล

    w.สุรพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,216
    ค่าพลัง:
    +4,544
    หลวงพ่อทบ ธัมมปัญโญ เทพเจ้าแห่งความเมตตา
    ตะกรุดโทนหลวงพ่อทบ เนื้อทองแดงเถื่อน พันเกลียวมาตรฐาน ยาว 5 นิ้ว ส่วนมากจะไม่ได้เห็นกันครับ 5 นิ้ว

    พี่เล็กขอทราบราคาด้วยครับ
     
  12. ongvip

    ongvip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,511
    ค่าพลัง:
    +2,216
    บอกไม่ได้ครับเป็นความลับทางราชการครับ..............................อิอิ
     
  13. w.สุรพล

    w.สุรพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,216
    ค่าพลัง:
    +4,544
    เดี๋ยวส่งสายลับไปหาความลับทางเชิงลึกก็แล้วกัน
     
  14. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,443
    ค่าพลัง:
    +1,851
    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ w.สุรพล
    หลวงพ่อทบ ธัมมปัญโญ เทพเจ้าแห่งความเมตตา
    ตะกรุดโทนหลวงพ่อทบ เนื้อทองแดงเถื่อน พันเกลียวมาตรฐาน ยาว 5 นิ้ว ส่วนมากจะไม่ได้เห็นกันครับ 5 นิ้ว

    พี่เล็กขอทราบราคาด้วยครับ

    บอกไม่ได้ครับเป็นความลับทางราชการครับ..............................อิอิ

    ใช่ครับคุณ อ๋อง ยิ่ง พี่สุรพล มาเรียกว่า "พี่เล็ก" ด้วยแล้วอย่างนี้ต้องแพงๆๆๆ

    พี่สุรพลไปพักผ่อนมาเป็นหนุ่มขึ้น แล้วมาเพื่มความชราให้กัน 5555555
     
  15. w.สุรพล

    w.สุรพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,216
    ค่าพลัง:
    +4,544
    อันความหมายนี้เขาเรียกว่าให้เกียรติครับ(ไม่ใช่ให้ความชรา)
     
  16. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,443
    ค่าพลัง:
    +1,851
    ปิดรายการนี้แล้วครับ

    ขอบพระคุณทุกๆท่านมากครับที่สนใจ สอบถามมาครับ
     
  17. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,443
    ค่าพลัง:
    +1,851
    โชว์ครับโชว์

    ลูกอมผงพรายกุมารโค๊ดเลข 3 ฝังตะกรุดมีเส้นพระเกษาหลวงปู่ทิม

    ลูกใหญ่ๆครับใหญ่กว่าไข่นกกระทา


    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มีนาคม 2011
  18. devil_win0

    devil_win0 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    254
    ค่าพลัง:
    +272
    เห็นกระทู้นี้แล้วได้แต่อิจฉาตาร้อนครับมีแต่ของดีทั้งนั้นเลยครับ

    :cool::cool::cool:
     
  19. loongtow

    loongtow เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2010
    โพสต์:
    677
    ค่าพลัง:
    +1,266
    [​IMG]

    โอ้โห!!!...เกศาเพียบเลย สุดยอดๆๆ
    :cool:
     
  20. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,443
    ค่าพลัง:
    +1,851
    ครับสวยมากครับลูกนี้บูชาอยู่ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...