อ่าน...เอาเรื่อง ..... ล่าสุด .....

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย แสงแข, 27 พฤษภาคม 2014.

  1. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    จับมือสังหาร พล.อ.ร่มเกล้า ความจริงวันนี้ของ “ชายชุดดำ”

    โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 13 กันยายน 2557

    [​IMG]
    พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม


    -ภายหลังผ่านพ้นไปถึง 4 ปี ในเหตุการณ์ “ชายชุดดำ” ใช้อาวุธสังหารทหารที่บริเวณ ถ.ราชดำเนิน เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 ซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตของ “พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม” และนายทหารอีกหลายคน ในที่สุดเมื่อวันที่ 11กันยายน 2557 ตำรวจนำโดย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ว่าที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็สามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุได้

    ทั้งนี้ ผู้ต้องหาที่จับได้มีทั้งหมด 5 คน ประกอบด้วย นายกิตติศักดิ์ หรือ อ้วน สุ่มศรี ชาวกรุงเทพฯ, นายปรีชา หรือ ไก่เตี้ย อยู่เย็น ชาวเชียงใหม่, นายรณฤทธิ์ หรือ นะ สุริชา ชาวอุบลราชธานี, นายชำนาญ หรือ เล็ก ภาคีฉาย ชาวกรุงเทพฯ และ นางปุณิกา หรือ อร ชาวกรุงเทพฯ ส่วนที่อยู่ระหว่างหลบหนี 2 คน คือ นายธนเดช เอกอภิวัชร์ หรือ ไก่รถตู้ ชาวกรุงเทพฯ และ นายวัฒนะโชค หรือ โบ้ จีนปุ้ย ชาวเพชรบูรณ์

    [​IMG]
    ชายชุดดำ

    พล.ต.อ.สมยศเปิดเผยว่า การจับกุมผู้ต้องหาครั้งนี้เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างทหารกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยการรวบรวมพยานหลักฐานทำงานอย่างรอบคอบจนศาลอนุมัติหมายจับกุม ทำให้ เกิดความกระจ่างต่อสังคมว่าชายชุดดำที่เคยเป็นข่าวก่อนหน้านี้มีจริง และทุกคนก็ให้การรับสารภาพ หลังจากนี้จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนว่ามีความเชื่อมโยงกับใครบ้าง มีใครร่วมลงมือ มีใครให้การสนับสนุน

    ทั้งนี้ จากการสืบสวนทราบว่าผู้สั่งการคือนายจักรรินทร์ (เสธ.ไก่) เรืองศักดิ์วิชิต ซึ่งตอนนี้ถูกศาลจังหวัดทหารบกสระบุรี ออกหมายจับแล้วเลขที่ จ.8 ก./2557 เป็นบุคคลธรรมดา นอกจากนี้ผู้ต้องหากลุ่มนี้มีความเชื่อมโยงกับ น.ส.กริชสุดา คุณะแสน หรือ เปิ้ล นักกิจกรรมเสื้อแดง ที่ถูกศาลอนุมัติออกหมายจับไปก่อนหน้านี้ กรณีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดหาอาวุธสงครามให้กับผู้ต้องหาคดีใช้อาวุธสงครามยิงใส่สถานที่ต่างๆ โดยพบหลักฐานสลิปการโอนเงินจำนวนมากให้กับผู้ต้องหาเหล่านี้ในบ้านของ น.ส.กริชสุดา ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขได้ บอกได้แค่ว่าจำนวนมาก

    “สำหรับสาเหตุนั้นเป็นลักษณะขบวนการมีหัวโจก มีอุดมการณ์ มีความเกลียดชัง มีค่าจ้างจึงได้ร่วมกันทำ”รองผบ.ตร. กล่าว

    สำหรับเส้นทางการดำเนินการของกลุ่มคนร้ายมีทั้งหมด 8 คน รวมนายธัมมรัตน์(ดำ) สุ่มสี ที่เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ โดยทั้งหมดได้วางแผนและรับมอบอาวุธกันที่คอนโดบ้านริมน้ำ ถนนรามอินทรา 34 จากนั้นทั้งหมดได้เดินทางโดยใช้รถตู้ สีขาว เพื่อเดินทางไปที่เกิดเหตุ จากนั้นทั้งหมดได้ขับรถขึ้นทางด่วนรามอินทรา มาลงยมราช และจอดรถที่ซอยวัดมหรรพาราม ถ.ตะนาว เมื่อลงจากรถก็เดินไปตามถนนตะนาวมุ่งหน้าไปที่แยกคอกวัว ก่อนถึงแยกคอกวัวได้ผ่านจุดคัดกรองเจอการ์ดของกลุ่ม นปช.ซึ่งมีตำรวจร่วมด้วยแต่ตำรวจจุดนั้นไม่มีอาวุธ ตรงจุดนี้พบว่ากลุ่มคนร้าย 3 คนมีอาวุธไปด้วย การ์ดของกลุ่มนปช.เข้ามาตรวจถ่ายรูป จากนั้นได้ปล่อยเข้าไปด้วยรหัสผ่าน “พิราบขาว” ก่อนที่คนร้ายได้เดินไปตรงธนาคารออมสิน จากนั้นเริ่มใช้อาวุธยิง ระดมยิงใส่ชุดทหารที่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม หลังจากยิงเสร็จได้ถอนย้อนกลับมาที่จุดรถตู้จอด ระหว่างทาง นายธัมมรัตน์ ซึ่งถือเครื่องยิงเอ็ม 79 มาด้วย ถูกตำรวจล็อกตัวไว้พร้อม ยึดเครื่องยิงเอ็ม 79 เอาไว้ได้ ส่วนคนร้ายกลุ่มผู้ชุมนุมใช้คนมากดดันแย่งตัวไปได้ จากนั้นคนร้ายทั้งหมดได้มารวมตัวกันอีกครั้งที่รถตู้จอดไว้ขับรถอ้อมไปถนนตะนาว เข้าถนนดินสอ มาสวนกันเจ้าหน้าที่ทหารที่ใช้รถฮัมวี จุดนั้นคนค่อนข้างเยอะก็เบียดกันคนร้ายได้ลดกระจกลงมา หนึ่งในผู้ต้องหาตะโกนด่าทหาร "ไปทำเหี้ยอะไรที่นี่ ทำไมไม่ไปปฏิบัติการที่ภาคใต้" คำพูดนี้ทำให้ทหารสามารถจำหน้าได้ 1 คน ที่อยู่ในรถ หลังจากนั้นกลุ่มคนร้ายก็แยกย้ายหลบหนีกันไปหลายปี ตำรวจทหารก็เฝ้าสืบสวนสอบสวนต่อเรื่องจนมีหลักฐานแน่ชัดขออนุมัติหมายศาลออกหมายจับจนจับกุมได้

    จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่าได้ใช้อาวุธสงครามก่อเหตุที่บริเวณแยกคอกวัวจริง โดยนายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า พวกตนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ต่างคนต่างมา มารู้จักกันเพราะมาร่วมทำงานนี้ โดยได้เจอกันที่สถานีวิทยุชุมนุม เอฟเอ็ม 91.75 ส่วนอาวุธก็ไม่เคยฝึกใช้มาก่อน วันเกิดเหตุก็ไปรับอาวุธที่บ้านริมน้ำ จากนั้นนายธนเดช หรือไก่ ก็ได้สอนการใช้อาวุธว่าทำแบบไหน แล้วก็ตามๆกันไป โดยไม่ได้เจาะจงว่าให้ยิงใครเป็นการเฉพาะ บอกให้ยิงในซอยนั้นก็ยิง ไม่ได้บอกให้ยิงทหารคนไหนเป็นพิเศษ

    สำหรับวันเกิดเหตุโดยนายกิตติศักดิ์ใช้อาวุธปืนเอ็ม 79 และระเบิด เอ็มเค-2 นายธรรมรัตน์ ใช้อาวุธเอ็ม 79 นายธนเดช ใช้อาวุธปืน เอ็ม 203 นายวัฒนะโชค ใช้อาวุธปืนเอเค 47 นายปรีชาใช้อาวุธปืน เอเค 47 นายรณฤทธิ เฝ้ารถไม่มีอาวุธ นายชำนาญ ใช้อาวุธปืน เอ็ม 16 ส่วนนางปุณิกา ใช้ระเบิดเพลิง เอ็ม100

    ด้านนางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ และภรรยา พล.อ.ร่มเกล้า โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “Nicha Hiranburana Thuvatham” ว่า ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งทหาร ตำรวจ ที่ติดตามคดีให้ หลังจากหมดหวังไปแล้ว ขอขอบคุณ คสช. และท่าน ผบ.ตร. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่กรุณาติดตามคดี เพื่อเรียกความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมกลับคืนมา ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการปรองดองสมานฉันท์ ซึ่งข้ามผ่านไม่ได้ และเป็นมาตรฐานสากล ในเรื่องการค้นหาข้อเท็จจริงและกระบวนการยุติธรรม

    “วันนี้อย่างน้อยก็ได้ข้อสรุปให้สังคมประจักษ์ว่ามีชายชุดดำที่ทำร้ายทหารและประชาชนผู้บริสุทธิ์จริง หวังว่า จะโยงถึงผู้สั่งการ ผู้เกี่ยวข้องกับคดีทั้ง 89 ศพ ในปี 53 และอยากฝากให้เร่งติดตามคดีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ชุมนุมปี 56 - 57 ด้วย เพราะเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน ยังมีความหวังที่จะได้ตัวผู้กระทำผิด อย่าปล่อยให้คดีล่วงเลยเหมือนปี 53”นางนิชากล่าว

    คงไม่ต้องถามว่า ทำไมตำรวจถึงใช้เวลานานถึง 4 ปีจึงสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้

    แต่ที่แน่ๆ คือการจับกุมครั้งนี้ได้ยืนยันว่า “ชายชุดดำ” ซึ่งเป็นกองกำลังของคนเสื้อแดงนั้นมีตัวตนอยู่จริง ส่วนจะโยงไปถึง “ผู้บงการตัวจริง” หรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป


    �Ѻ����ѧ��� ��.�.������� ������ԧ�ѹ���ͧ ���ªش�Ӕ - Astv Weekend - Manager Online
     
  2. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
  3. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410

    เปลว สีเงิน
    Saturday, 13 September, 2014 - 00:00

    'แนวรบ' ที่ยังไม่สงบ!

    ศุกร์ที่ ๑๒ กันยายน ที่ผ่านมา เป็นวันของ "ลุงตู่" เขาจริงๆ ครับ!

    เช้าเข้าสภาฯ แถลงนโยบาย ตกบ่ายไปจังหวัดสุโขทัย เยี่ยมผู้ประสบภัยน้ำท่วม ค่ำๆ ออกรายการคืนความสุขให้ คนในชาติ

    แต่ละเวทีหลากลีลา ณ วินาทีนี้บอกได้คำเดียว หามวยมาเปรียบยาก โดยเฉพาะที่สุโขทัย ผมนั่งดูทีวีช่องเอ็นบีทีถ่ายทอดสด "ลุงตู่" พูดจาพาทีกับชาวบ้าน มีลูกหยอด ลูกแหย่ ลูกเฮ ไหลลื่น ราวกับผ่านเวทีปราศรัยมาอย่างช่ำชอง

    นึกในใจได้อยู่ยาวก็คราวนี้แหละ เพราะชาวบ้านชอบครับ

    พูดง่ายๆ ถ้าถอดชุดทหาร ก็กลายเป็นนักการเมืองได้ทันที ไม่ต้องไปปรุงแต่งอะไรเพิ่มเติม

    และ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มีสิ่งที่เหนือกว่านักการเมืองนั่นคือ เป็นคนที่สามารถสร้างบรรยากาศตึงเครียดให้ผ่อนคลาย ทำเรื่องขำขันให้จริงจัง แต่ยังคงไว้ซึ่งความเด็ดขาด

    ภาวะผู้นำจึงไม่เป็นที่สงสัย จะเหลือก็แค่การบริหารราชการแผ่นดินหลังจากนี้ ที่จะเจอของจริง ซึ่งประเคนมาทุกทิศทาง
    เรื่องเศรษฐกิจ ปากท้องประชาชน ถ้าผ่านไปได้ การสร้างความปรองดอง หรือสารพัดปฏิรูปจะได้แรงหนุนเยอะครับ

    แต่ปัญหาเฉพาะหน้าคือความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้านใช่ว่าจะวางใจได้ เพราะบรรดาแกนนำเสื้อแดงที่แกล้งตายบางคนเริ่มขยับแล้ว เท่าที่เห็นก็แอบตอดสร้างพื้นที่ข่าวไปเรื่อยๆ

    จับใจความจากรายการคืนความสุขให้คนในชาติ เมื่อคืนวันศุกร์ พลเอกประยุทธ์ท่านยืนยันว่า จะไม่เป็นรัฐบาลที่อยู่ไปวันๆ ก็น่าจะเป็นเช่นนั้นครับ เพราะอย่างน้อยมีการเกาะติดความเคลื่อนไหวของสมุนระบอบทักษิณที่เคลื่อนไหวในต่างประเทศ

    "ขณะนี้ก็มีข่าวในเรื่องของการเริ่มมีการต่อต้านกันทั้งทางเปิดเผยบ้าง ลับบ้าง ทั้งในประเทศและต่างประเทศมากขึ้นตามลำดับ มีการกล่าวให้ร้ายกันทางโซเชียลมีเดียกันมากพอสมควร ผมอยากจะขอร้องช่วยกันลืมตาให้กว้าง ไตร่ตรอง ใคร่ครวญ ว่าเราแต่ละคนมีหน้าที่อย่างไร ต้องทำอย่างไรเพื่อร่วมกันทำให้ประเทศชาติไทยของเราเดินหน้าต่อไปให้ได้ หากทุกคนจะรออย่างเดียวว่าเมื่อไรเราจะยกเลิกกฎอัยการศึก ยกเลิกกฎหมายพิเศษ เพื่อจะได้มีการเคลื่อนไหวต่อไป ผมคิดว่าเราปฏิรูปไม่ได้แน่นอน เป็นหน้าที่ของผม ของคณะรัฐบาลที่จะพิจารณากันอีกครั้งหนึ่ง เราเข้าใจดีถึงปัญหาในเรื่องนี้ เราก็พยายามจะทำให้ดีที่สุด"

    ความพยายามลากความขัดแย้งในประเทศสู่เวทีโลก ยังคงดำเนินต่อไป แต่กลับไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร

    กระนั้นก็ตาม มันเป็นเดิมพันที่บริวารโจรปล้นชาติถอยไม่ได้ครับ เช่นกรณีของ น.ส.กริชสุดา คุณะแสน หรือ "เปิ้ล สหายสุดซอย" นักกิจกรรมคนเสื้อแดง ที่พยายามทำตัวให้อยู่ภายใต้ความคุ้มครองของสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ที่นครเจนีวา

    ยิ่งนานวันเธอก็ยิ่งเป็นจิ๊กซอว์ตัวสำคัญที่จะโยงใยไปยังผู้สั่งการกองกำลังติดอาวุธ ซึ่งทำงานคู่ขนานกับระบอบทักษิณและคนเสื้อแดง

    เป็นเรื่องน่าประหลาดใจพอควรว่า ทำไมเด็กผู้หญิงดูไม่มีพิษสงใดๆ ถึงได้เป็นคนจัดหาอาวุธให้กองกำลังชุดดำนำไปก่อเหตุ สังหารประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐในหลายเหตุการณ์

    หากไปดูข่าวสารในฝั่งคนเสื้อแดง มีการตั้งข้อสังเกตที่น่าสนใจครับ โดยเฉพาะกรณีกลุ่มติดอาวุธสังหารพลเอกร่มเกล้า ธุวธรรม ที่เพิ่งจะถูกจับกุม ได้ซัดทอดไปยัง น.ส.กริชสุดา ซึ่งตำรวจยืนยันว่ามีสลิปการโอนเงินเป็นหลักฐานโยงใยมัดแน่นหนา

    เพราะเมื่อปี ๒๕๕๓ เธออายุแค่ ๒๓ ปี ยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง เพิ่งหัดขึ้นเวทีปราศรัย จะมีความสามารถบงการกองกำลังติดอาวุธได้อย่างไร

    ก็นั่นน่ะซิครับ!

    แต่เรื่องราวของ น.ส.กริชสุดา ยังมีอีกหลายประเด็นที่เข้าใจยาก

    หลังรัฐประหารชื่อของเธอปรากฏหน้าจอทีวี ถูก คสช.เรียกไปปรับทัศนคติ แต่กลับมีข่าวลือว่า ถูกทหารทารุณกรรมถึงขั้นเสียชีวิต

    เดือดร้อนถึง ฮิวแมนไรต์วอตช์ ต้องออกมาแถลงเรียกร้องให้ คสช.ชี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมให้เผยสถานที่คุมตัว

    คงจำกันได้นะครับ วันที่ ๒๓ มิถุนายน ที่ผ่านมา รายการจับประเด็นข่าวร้อน ออกอากาศทาง ททบ.๕ เผยแพร่ภาพและคำสัมภาษณ์ของ น.ส.กริชสุดา จากค่ายทหาร เจ้าตัวยืนยันว่าได้รับการปฏิบัติจากเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี ไม่ได้ถูกทำร้ายแต่อย่างใด

    ดูแล้วก็ไม่น่าจะถูกทำร้าย เพราะภาพที่ปรากฏในทีวี หน้าตาจิ้มลิ้มไม่มีแม้ริ้วรอย แถม คสช.ยังใจดีอนุญาตให้แฟนหนุ่มไปเยี่ยม และรับประทานอาหารด้วยกัน

    ไม่นานจากนั้น น.ส.กริชสุดาได้รับการปล่อยตัว

    ก็เหมือนแกนนำเสื้อแดงทั่วไปครับ เช่นพวกจตุพร พรหมพันธุ์, ณัฐวุฒิ ใสยเชื้อ, ธิดา ถาวรเศรษฐ เมื่อได้รับการปล่อยตัวแล้วก็กลับไปใช้ชีวิตตามเรื่องตามราว
    แต่สำหรับ น.ส.กริชสุดา เธอเลือกหลบหนีไปต่างประเทศ ไปตอนไหนสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังไม่รู้เลยครับ มารู้อีกทีก็ไปโผล่ในคลิปโจมตี คสช.เสียแล้ว

    แสดงว่าระหว่าง น.ส.กริชสุดา กับแกนนำเสื้อแดงบิ๊กเนมทั้งหลายมีความต่าง เป็นความต่างที่ขณะนั้นไม่มีใครรู้ว่าคืออะไร

    ก่อนตกเป็นข่าวว่าอยู่เบื้องหลังกองกำลังชุดดำ มีการตั้งข้อสงสัยเยอะครับว่า เธอหนีไปทำไม เพราะขนาด ตู่-เต้น-นกแสก ยังไม่มีแผนจะหนีไปไหน

    ไม่ใช่ดูถูกนะครับ เธอเป็นแดงกลางแถว ไม่น่าจะมีความสำคัญถึงขนาด คสช.ต้องทุ่มสรรพกำลังจับตาดูตลอดเวลา

    หากย้อนกลับไปดูแกนนำเสื้อแดงที่หลบหนีไปต่างประเทศแทบทุกคน ชิงเผ่นออกไปก่อนเพราะมีข้อมูลอินไซด์ว่าไม่รอดแน่ อยู่ไปก็มีโอกาสนอนดูดโอเลี้ยง กินข้าวผัดในคุกสูง

    จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ
    จักรภพ เพ็ญแข
    พ.อ.อภิวันท์ วิริยะ
    สุนัย จุลพงศธร

    คนพวกนี้ล้วนมีพรายกระซิบให้หลบออกไปก่อนทั้งสิ้น
    แต่สหายสุดซอยเธอไปทั้งที่ไม่มีคดี ไม่มีใครไปแจ้งความ แตกต่างไปจากคนอื่นครับ
    อะไรทำให้เด็กสาววัย ๒๗ ตัดสินใจทิ้งบ้านเกิด ทิ้งคนอันเป็นที่รักไป โดยที่รู้ว่าโอกาสกลับประเทศอีกครั้งนั้นยากพอๆ กับการกลับบ้านของนายใหญ่

    บอกตรงๆ ผมไม่กล้ายืนยันว่า นักศึกษาสาววัย ๒๓ มีส่วนอยู่เบื้องหลังการสังหารพลเอกร่มเกล้า พอๆ กับไม่กล้าปฏิเสธว่าเธอไม่เกี่ยวกับกรณีการจัดหาอาวุธให้กองกำลังชุดดำใช้ถล่มมวลมหาประชาชน เมื่อตอนเธออายุ ๒๗

    เพราะอายุไม่ได้บ่งบอกอะไรมากนัก

    "ตั้ง อาชีวะ" อายุคงจะน้อยกว่ากริชสุดา แต่กลับสร้างแรงกระเพื่อมมุมกลับ ให้กับขบวนการเสื้อแดงมหาศาลทีเดียว

    เจ้าหมอนี่ช่วยตอกย้ำว่าขบวนการล้มเจ้ามีจริง และอยู่รายล้อมทักษิณ ชินวัตร

    การเคลื่อนไหวของคนกลุ่มนี้จะประสบความสำเร็จไม่ได้เลย หากประชาชนรู้จักแยกแยะข้อมูลข่าวสาร และชั่งใจต่อการชี้นำของผู้อื่น

    "ผมเห็นใจ คนมีรายได้น้อยจริงๆ ก็มีลักษณะการถูกเอารัดเอาเปรียบ ทำจนท่านก็เครียด รายได้ไม่พอเลี้ยงลูกเมีย ครอบครัวทนไม่ได้ พอมีคนมายุแหย่ ปลุกปั่น ท่านก็หยุดตัวเองไม่ได้ก็คล้อยตามเขาไป แล้วก็ทำให้เกิดปัญหา ท่านต้องตั้งสติใหม่นะครับ หารือ พูดคุย อดทน ถ้าใครเขามาบอกอะไรก็เชื่อหรือไม่เชื่อ ท่านหาข้อมูลก่อน อย่าไปเชื่อใครคนใดคนหนึ่งพูด แล้วเสร็จแล้วก็วุ่นวาย ท่านก็รวมกลุ่มขึ้นมา ท่านก็มาเดินขบวนท่านก็มาต่อต้าน"

    พลเอกประยุทธ์ท่านมีความเป็นพหูสูตครับ รู้ทุกเรื่องที่ต้องรู้ แต่การร้องขอประชาชนจะสำเร็จได้ ผู้นำต้องแสดงให้เห็นเป็นตัวอย่างในระดับหนึ่ง ซึ่งต้องให้เวลาท่าน ดังเช่นที่เนลสัน แมนเดลา ร้องขอจากชาวแอฟริกาใต้ยุคที่มีความเกลียดชังทางเชื้อชาติสูง

    "ไม่มีใครเกิดมาแล้วเกลียดคนที่สีผิว หรือที่ภูมิหลัง หรือที่ศาสนาตั้งแต่เกิด พวกเขาต้องเรียนรู้ที่จะเกลียด และถ้าพวกเขาสามารถเรียนรู้ที่จะเกลียดได้ พวกเขาก็สามารถถูกสอนให้รักได้ เพราะโดยส่วนมากแล้วความรักเกิดขึ้นในหัวใจของคนได้ง่ายกว่าความเกลียดชัง".

    ผัดกาดหอม

    'แนวรบ' ที่ยังไม่สงบ! | ไทยโพสต์
     
  4. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410

    “ประยุทธ์” โต้ถูกใส่ร้ายมีเงินหมื่น ล. ย้อนถ้ารวยจริงจะใช้หนี้ให้คนไทย ลั่นฟันทุจริตทำตาม กม.อย่ากดดัน

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 กันยายน 2557 21:57 น.


    “ประยุทธ์” โต้ถูกใส่ร้ายมีเงินหมื่น ล. ย้อนถ้ารวยจริงจะใช้หนี้ให้คนไทย ลั่นฟันทุจริตทำตาม กม.อย่ากดดัน


    นายกรัฐมนตรี โต้โซเชียลเน็ตเวิร์กใส่ร้ายมีเงิน 2 หมื่นล้าน ย้อนถ้ารวยขนาดนั้นจะเอาเงินมาใช้หนี้ให้คนไทย - สร้างประโยชน์ให้แผ่นดิน ยันปราบทุจริตเป็นเรื่องเร่งด่วน แต่ต้องตรวจสอบระมัดระวัง ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ลั่นใช้กฎหมายเป็นตัวตัดสินอย่าใช้อารมณ์ วอนอย่ากดดัน ไม่เช่นนั้นคนทำงานจะไม่เป็นอิสระ อาจตัดสินใจผิดพลาด


    [​IMG]

    วันนี้ (12 ก.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ครั้งที่ 13 ตอนหนึ่งว่า วันนี้ น่ายินดีว่า เมื่อช่วงเช้ารัฐบาลได้แถลงนโยบายให้กับสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็หมายความว่า รัฐบาล โดย ครม. รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี สามารถเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้สมบูรณ์ ในเรื่องของทั้งการสั่งการ การลงนามเอกสาร การขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติ ตนในฐานะนายกรัฐมนตรี ก็มีความสบายใจที่ได้ปฏิบัติงานตามกฎระเบียบ และจารีตประเพณี จากนี้พวกเราคณะรัฐมนตรีและประชาชนจะได้ร่วมมือกันในการขับเคลื่อนประเทศชาติเพื่อความสุขของคนในชาติ

    สำหรับนโยบายรัฐบาลฉบับนี้ร่างขึ้นมาโดยใช้เงื่อนไขสำคัญ ก็คือ การสานต่อการปฏิบัติงานของ คสช. ซึ่งได้ดำเนินงานมาในภาวะบ้านเมืองไม่ปกติ มีความเดือดร้อนของประชาชนมากมาย ซึ่งมีทั้งได้แก้ไขแล้ว และยังไม่ได้แก้ไข บางอย่างแก้ไขได้เป็นการเฉพาะหน้า ชั่วคราวยังไม่เกิดความยั่งยืน คงต้องอาศัยเวลาซักระยะหนึ่ง

    นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ช่วงต่อไปนี้เป็นระยะที่ 2 ของโรดแมป ซึ่งมีความสำคัญต่อประเทศชาติเป็นอย่างยิ่ง อันจะทำให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนตลอดไป รัฐบาลในวันนี้นั้นอยากจะเรียนอีกครั้งหนึ่งว่า ต่างจากรัฐบาลในอดีตก็คือมีหน้าที่ถึง 3 ประการด้วยกัน นอกจากการบริหารราชการแผ่นดินแล้ว ยังมีหน้าที่ในการปฏิรูป และสร้างสภาวะความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ด้วยการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ควบคู่ไปด้วย เรารู้ดีว่า เป็นงานที่ยาก มีทั้งวิกฤตและโอกาส แต่เราจะใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดในการที่จะถือเอาวิกฤตเหล่านั้น หรือปัญหาทุกอย่างเหล่านั้นให้เป็นโอกาส ซึ่งนับว่าเป็นความท้าทายของพวกเราทุกคนที่ต้องทำให้ได้ ด้วยระยะเวลาที่จำกัด

    เราจะไม่เป็นรัฐบาลที่อยู่ไปวันๆ เพื่อรอการปฏิรูป หรือรอการเลือกตั้ง เราจะพยายามทำงานในลักษณะที่ทำก่อน ทำจริง ทำทันที ให้มีผลสัมฤทธิ์ และเพื่อให้เกิดความยั่งยืนต่อไปในอนาคต คำว่าอนาคตนั้นไม่ได้หมายความว่า แค่ปีต่อไปหรือรัฐบาลต่อไป แต่ต้องเป็นการปูรากฐานของประเทศให้เข้มแข็ง ไม่ล่มสลายลงอีกเป็นอันขาด รัฐบาล หรือ คสช. ทำฝ่ายเดียวไม่มีทางสำเร็จ อยากให้คนไทยทุกคนคิดถึงเรื่องนี้ให้มากแม้กระทั่งผู้ที่เห็นต่างก็ต้องมาดูว่าเราจะอยู่ร่วมกันอย่างไรต่อไปโดยไม่ขัดแย้งกัน ไม่ก่อความรุนแรง หรือจะเอาชนะกันต่อไปอีก ใครผิดถูกให้กฎหมาย - กระบวนการยุติธรรมทำหน้าที่

    พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้เริ่มมีการต่อต้านกัน ทั้งทางเปิดเผยและทางลับ ทั้งในประเทศและต่างประเทศมากขึ้นตามลำดับ มีการกล่าวให้ร้ายกันทางโซเชียลมีเดีย ตนอยากขอร้องให้ช่วยกันลืมตาให้กว้าง ไตร่ตรอง ใคร่ครวญ ว่าแต่ละคนมีหน้าที่อย่างไร ต้องทำอย่างไร เพื่อร่วมกันทำให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปให้ได้ หากทุกคนจะรออย่างเดียวว่าเมื่อไรจะยกเลิกกฎอัยการศึก เลิกกฎหมายพิเศษ เพื่อจะได้เคลื่อนไหวต่อไป ตนคิดว่าปฏิรูปไม่ได้แน่นอน

    เราเข้าใจดีถึงปัญหา ซึ่งก็พยายามจะทำให้ดีที่สุด ถ้าท่านอยากให้เราดำเนินการต่อไปได้ด้วยดี ท่านก็ต้องหยุดการเคลื่อนไหวในลักษณะที่เป็นการต่อต้าน หรือเป็นการแสดงความคิดเห็นในลักษณะที่สร้างความขัดแย้ง ถ้าติเพื่อก่อ หรือว่าติดตาม ดูแล กำกับ เสนอแนะที่จำเป็น ที่สำคัญ ตนรับได้ทุกเรื่อง แต่อย่าทำให้เกิดข้อขัดแย้ง หรือเอาปัญหาเก่าๆ มาพูดกันใหม่อีก เรื่องเดิมๆ ก็ต้องแก้กันด้วยกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมไป

    “ผมยกตัวอย่างง่ายๆ กรณีผมเองก็มีการถูกบิดเบือนในโซเชียลเน็ตเวิร์ก มีปลอมเอกสารหัวท้าย มีลายเซ็นผมเอง ข้อความภายใน ท่านก็คิดเอาเองว่าจริงหรือไม่จริง วันนี้ธนาคารมาชี้แจงแล้วว่าผมไม่เคยมีบัญชีเงินฝากเหล่านั้น มีการสั่งการให้ผมปกปิดเงินผม น้องชายผมสองหมื่นกว่าล้าน ผมคงไม่บ้าไปเป็นอย่างนั้น ทำอย่างนั้นคงไม่ใช่ ถ้าเรามีเงินขนาดนั้นจริงก็ดี ผมจะได้เอาเงินมาใช้หนี้ให้พ่อแม่พี่น้อง หรือสร้างอะไรให้มันเป็นประโยชน์เป็นประวัติศาสตร์ให้กับแผ่นดินนี้บ้าง ให้สมกับที่เราเกิดมาบนแผ่นดินนี้ ใครรวยก็ต้องทำแบบนั้น เผอิญผมยังไม่รวยขนาดนั้น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

    นายกรัฐมนตรี กล่าวต่ออีกว่า การเขียนข้อความเท็จโจมตี คสช. และตน หรือเจ้าหน้าที่อะไรก็ตาม วันก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมไว้ได้ ก็สอบถามว่า ทำไมถึงโพสต์ข้อความอย่างนั้น เขาตอบว่าสนุกดี ทำแล้วสนุก ตนก็สงสัยว่าทำไมประเทศมีคนเหล่านี้อยู่เป็นจำนวนมาก โพสต์ข้อความอะไรออกมาแล้วรู้สึกว่าเป็นพระเอกเป็นฮีโร่ เข้าใจว่าอาจจะป่วยทางจิต เพราะฉะนั้นอย่าไปช่วยกันโพสต์ต่อ ถ้าสงสัยอะไรก็สอบถามมาที่ คสช. หรือรัฐบาล แม้กระทั่งส่งข้อความมาถามตนก็ได้ พอถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการทางกฎหมายก็อ้างว่า ถูกทำร้าย อย่างบางคนก็ไปเคลื่อนไหวที่ต่างประเทศ จะไปร้องเรียนที่โน้นที่นี่ก็ถ้าหากท่านคิดว่าท่านถูกไม่ได้ผิดอะไร กลับมาสิ แล้วจะส่งใครก็ได้ที่ท่านไว้วางใจไปดูแล แล้วก็ต่อสู้กันในศาล ให้กระบวนการยุติธรรมตัดสิน น่าจะดีกว่า อย่าไปพูดกันในทางลับ ในต่างประเทศ หรือประชุม สร้างความวุ่นวายอะไรต่างๆ อย่าเอาอะไรที่มันไม่ถูกต้องไปเล่าให้ต่างชาติฟัง น่าอับอายเขานะ

    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาได้ไปร่วมงานขององค์กรเอกชนในการป้องกนและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งถือเป็นวาระแห่งชาติ หลายคนบอกว่า มันจะเป็นได้ไหม ที่ผ่านมาทุกรัฐบาลก็เป็นอย่างนี้ อย่างนั้น ตนว่าถ้าเราช่วยกันมันทำได้ รัฐบาลยังถือว่าการปราบทุจริตเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องแก้ไขให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว ทั้งเร่งด่วนระยะสั้น ระยะกลาง และยั่งยืน แต่ทั้งนี้ ต้องใช้ความระมัดระวังในการตรวจสอบ ต้องมีการใช้กฎหมายที่ถูกต้อง ให้ความเป็นธรรม เสมอภาค อย่าใช้อารมณ์ หรือความเกลียดชัง มาเป็นตัวตัดสิน ถ้าใช้อารมณ์ ใช้ความเกลียดชังมาตัดสินไว้ก่อน กฎหมายมันเดินตามไม่ได้ เราต้องทำเรื่องกฎหมายให้ทั่วถึง ทุกกลุ่มทุกฝ่ายต้องให้เข้าถึงกระบวนการยุติธรรมให้ได้ ทุกระบบ เรื่องใดที่เกิดแล้ว ก็ต้องให้รอบคอบ เรื่องใดที่ยังไม่เกิดก็ต้องป้องปราม ป้องกันไว้ก่อน อย่าไปตัดสินกันเอง ถ้าอย่างนั้นก็เหมือนเดิม ไม่ต้องมีกฎหมายหรอก

    “จำคำผมไว้ให้ดี อย่าตำหนิติเตียนกันมากนักเลย การกดดันมากๆ นั้นมันทำให้คนทำงานไม่เป็นอิสระ ภายใต้ความกดดัน ผมเองก็ยังกดดันตัวเองเลย ฉะนั้นจะทำให้การตัดสินใจมันผิดพลาด เราต้องพยายามตั้งสติ และอดทน อดกลั้น ถ้าต่างฝ่ายต่างช่วยกัน ไม่ดีกว่าหรือ” นายกรัฐมนตรี ระบุ

    คำต่อคำ : รายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” วันที่ 12 ก.ย. 2557


    สวัสดีพ่อแม่พี่น้องประชาชนคนไทยที่เคารพรักทุกท่านครับ พบกันอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 13 ผมอาจจะพบกับท่านในหลายบทบาทด้วยกัน ด้วยวันนี้ก็เป็นที่น่ายินดีว่า เมื่อช่วงเช้ารัฐบาลได้แถลงนโยบายให้กับสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้รับทราบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็หมายความว่า รัฐบาล โดย ครม. รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี สามารถเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้สมบูรณ์ ในเรื่องของทั้งการสั่งการ การลงนามเอกสาร การขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติ ผมในฐานะนายกรัฐมนตรี ก็มีความสบายใจที่ได้ปฏิบัติงานตามกฎระเบียบ และจารีตประเพณี คือการแถลงนโยบายรัฐบาลให้กับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และประชาชนทราบ หมายความว่า จากนี้พวกเรา คณะรัฐมนตรี และประชาชน จะได้ร่วมมือกันในการขับเคลื่อนประเทศชาติไปด้วยกัน เพื่อความสุขของคนในชาติ ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ตลอดจนการสร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างประเทศได้ในทุกมิติ


    สำหรับนโยบายรัฐบาลฉบับนี้ ร่างขึ้นมาโดยใช้เงื่อนไขสำคัญก็คือ การสานต่อการปฏิบัติงานของ คสช. ซึ่งได้ดำเนินงานมาในภาวะบ้านเมืองไม่ปกติ มีความเดือดร้อนของประชาชนมากมาย ซึ่งมีทั้งได้แก้ไขแล้ว และยังไม่ได้แก้ไข บางอย่างแก้ไขได้เป็นการเฉพาะหน้า ชั่วคราวยังไม่เกิดความยั่งยืน คงต้องอาศัยเวลาซักระยะหนึ่งนะครับ


    ช่วงต่อไปนี้เป็นระยะที่ 2 ของโรดแมป ซึ่งมีความสำคัญต่อประเทศชาติเป็นอย่างยิ่ง อันจะทำให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนตลอดไป รัฐบาลในวันนี้นั้นอยากจะเรียนอีกครั้งหนึ่งว่า ต่างจากรัฐบาลในอดีตก็คือมีหน้าที่ถึง 3 ประการด้วยกัน นอกจากการบริหารราชการแผ่นดินแล้ว ยังมีหน้าที่ในการปฏิรูป และการสร้างสภาวะความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ด้วยการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ควบคู่ไปด้วย เรารู้ดีว่า เป็นงานที่ยากมีทั้งวิกฤตและโอกาส แต่เราจะใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดในการที่จะถือเอาวิกฤตเหล่านั้น หรือปัญหาทุกอย่างเหล่านั้นให้เป็นโอกาส ซึ่งนับว่าเป็นความท้าทายของพวกเราทุกคนที่ต้องทำให้ได้ ด้วยระยะเวลาที่จำกัด เราจะไม่เป็นรัฐบาลที่อยู่ไปวันๆ เพื่อรอการปฏิรูป หรือรอการเลือกตั้ง เราจะพยายามทำงานในลักษณะที่ทำก่อน ทำจริง ทำทันที ให้มีผลสัมฤทธิ์ และเพื่อให้เกิดความยั่งยืนต่อไปในอนาคต


    คำว่าอนาคตนั้นไม่ได้หมายความว่า แค่ปีต่อไปหรือรัฐบาลต่อไปแต่ต้องเป็นการปูรากฐานของประเทศให้เข้มแข็ง ของการเป็นประชาธิปไตยอย่างที่ได้กล่าวไว้ ช่วยกันเติมอิฐ หิน ปูน ทราย จัดทำโครงสร้างให้เข้มแข็ง ไม่ล่มสลายลงอีกเป็นอันขาด พวกเราทุกคน คนไทยทุกคนต้องช่วยกันเป็นสถาปนิกนะครับ และช่วยกันก่อสร้างประเทศชาติกันใหม่ให้ถาวรและยั่งยืนตลอดไปทุกคนมีความสุขนะครับ


    หากพวกเราหรือรัฐบาล หรือ คสช. ทำฝ่ายเดียว ผมว่าไม่มีทางสำเร็จนะครับอย่างแน่นอน อยากให้คนไทยทุกคนคิดถึงเรื่องนี้ให้มากแม้กระทั่งผู้ที่เห็นต่างก็ต้องมาดูว่าเราจะอยู่ร่วมกันอย่างไรต่อไปโดยไม่ขัดแย้งกัน ไม่ก่อความรุนแรง หรือจะเอาชนะกันต่อไปอีก ด้วยข้อกฎหมาย ด้วยช่องว่างต่างๆ ที่มีอยู่ ใครจะผิดจะถูก ผมว่าให้กฎหมาย กระบวนการยุติธรรมทำหน้าที่ แล้วก็ต้องเข้มแข็ง เป็นธรรม เจ้าหน้าที่ไม่เลือกปฏิบัติ เรามีเวลาน้อยนะครับ


    ขณะนี้ก็มีข่าวในเรื่องของการเริ่มมีการต่อต้านกัน ทั้งทางเปิดเผยบ้าง ลับบ้าง ทั้งในประเทศและต่างประเทศมากขึ้นตามลำดับ มีการกล่าวให้ร้ายกันทางโซเชียลมีเดียกันมากพอสมควร ผมอยากจะขอร้องนะครับ ช่วยกันลืมตาให้กว้าง ไตร่ตรอง ใคร่ครวญ ว่าเราแต่ละคนมีหน้าที่อย่างไร ต้องทำอย่างไร เพื่อร่วมกันทำให้ประเทศชาติไทยของเรานั้นเดินหน้าต่อไปให้ได้ หากทุกคนจะรออย่างเดียวว่าเมื่อไรเราจะยกเลิกกฎอัยการศึก ยกเลิกกฎหมายพิเศษ เพื่อจะได้มีการเคลื่อนไหวต่อไป ผมคิดว่าเราปฏิรูปไม่ได้แน่นอนนะครับ มันเป็นหน้าที่ของผม ของคณะรัฐบาล ที่จะพิจารณากันอีกครั้งหนึ่ง เราเข้าใจดีถึงปัญหาในเรื่องนี้ เราก็พยายามจะทำให้ดีที่สุดนะครับ ถ้าท่านคิดว่าอยากให้เราดำเนินการต่อไปได้ด้วยดี ท่านก็ต้องหยุดการเคลื่อนไหวในลักษณะที่เป็นการต่อต้าน หรือเป็นการแสดงความคิดเห็นในลักษณะที่สร้างความขัดแย้ง ถ้าท่านติเพื่อก่อ หรือว่าติดตาม ดูแล กำกับ เสนอข้อเสนอแนะที่จำเป็น ที่สำคัญ ผมรับได้ทุกเรื่องนะครับ แต่อย่าทำให้เกิดข้อขัดแย้ง หรือเอาปัญหาเก่าๆ มาพูดกันใหม่อีก เรื่องเดิมๆ ก็ต้องแก้กันด้วยกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมไป เพราะฉะนั้นถ้าเราเอาเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรือเรื่องเก่าทั้งหมดมาจับผิดจับถูกในวันนี้ ยังมาพูดให้ร้ายซึ่งกันและกันโดยไม่ปล่อยให้กระบวนการทางกฎหมายเขาทำ เราทำงานไม่ได้ หรือทำได้ก็ไม่มีประสิทธิภาพ ทุกคนก็จะออกมาต่อสู้กันอีก มีความขัดแย้งกันอีก และประเทศช่าติจะสงบได้อย่างไร สถานการณ์ในปัจจุบันตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคมเป็นต้นมา วันนี้บ้านเมืองก็ดูมีความสุขดี เราจะกลับไปเวลานั้นอีกหรือไง


    ผมยกตัวอย่างง่ายๆ กรณีผมเองก็มีการถูกบิดเบือนในโซเชียลเน็ตเวิร์ก มีปลอมเอกสารหัวท้าย มีรายเซ็นผมเอง ข้อความภายใน ท่านก็คิดเอาเองว่าจริงหรือไม่จริง วันนี้ธนาคารมาชี้แจงแล้วว่าผมไม่เคยมีบัญชีเงินฝากเหล่านั้น มีการสั่งการให้ผมปกปิดเงินผม น้องชายผมสองหมื่นกว่าล้าน ผมคงไม่บ้าไปเป็นอย่างนั้น ทำอย่างนั้นคงไม่ใช่ ถ้าเรามีเงินขนาดนั้นจริงก็ดี ผมจะได้เอาเงินมาใช้หนี้ให้พ่อแม่พี่น้อง หรือสร้างอะไรให้มันเป็นประโยชน์เป็นประวัติศาสตร์ให้กับแผ่นดินนี้บ้าง ให้สมกับที่เราเกิดมาบนแผ่นดินนี้ ใครรวยก็ต้องทำแบบนั้น เผอิญผมยังไม่รวยขนาดนั้น ทราบว่าตอนนี้ธนาคารก็ออกมาชี้แจงแล้ว ช่วยกันดูด้วยนะครับว่า เรื่องต่างๆ มันพูดจริงบ้างเท็จบ้างอะไรต่างๆ ผมคิดว่าบางคนผมเกรงว่าบางคนก็จะเชื่อ ถ้าผมไม่พูดเลยก็เป็นอย่างนี้ไปตลอด


    ในเรื่องของการทำงานนั้น เราเป็นทหาร เราเป็นผู้บัญชาการระดับสูงในกองทัพ เราก็ต้องประพฤติปฏิบัติตนเป็นตัวอย่างให้ทำอย่างไรให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเคารพนับถือ ไม่อย่างนั้นปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาที่ถืออาวุธเป็นจำนวนมากไม่ได้จนถึงวันนี้หรอกครับ เพราะฉะนั้นผมเคยบอกแล้วว่า เราจะต้องเอาชนะความช่วยด้วยความดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมคุ้มครองนะครับ ย่อมเป็นบุคคลอันเป็นที่รักของทุกๆ คนในกองทัพ



    อีกเรื่องๆ การเขียนข้อความเท็จโจมตี คสช. โจมตีผม หรือเจ้าหน้าที่อะไรก็ตาม วันก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมไว้ได้ ก็สอบถามว่า ทำไมถึงโพสต์ข้อความอย่างนั้นให้ร้ายคน สร้างความรุนแรง และหยาบคายบ้างอะไรบ้าง เขาตอบว่าสนุกดี ทำแล้วสนุก ผมก็สงสัยว่า ทำไมประเทศเรามีคนเหล่านี้อยู่เป็นจำนวนมาก มีมากพอสมควร เขียนและโพสต์ข้อความข้อความอะไรออกมา และรู้สึกว่า เป็นพระเอกเป็นฮีโร่ ผมเข้าใจว่าอาจจะป่วยทางจิตนะคนเหล่านี้ เขียนให้คนทะเลาะเบาะแว้งกัน เขียนโดยไม่มีข้อเท็จจริง เขียนโดยที่เอาจับต้นชนปลายเอามาแล้วมาต่อกัน ทำนองนี้บ้านเมืองไม่น่าจะดีนะ เพราะฉะนั้นก็อย่าไปช่วยกันโพสต์ต่อไปเลย ท่านอ่านดูท่านน่าจะรู้ว่า ข้อความเหล่านี้มันเป็นไปได้หรือมันเชื่อได้หรือเปล่า ถ้าสงสัยอะไรก็สอบถามมาได้ที่ คสช. หรือที่รัฐบาล แม้กระทั่งที่ผมเองก็ส่งข้อความอะไรถามมาก็ได้ พอถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเขาดำเนินการทางกฎหมายก็อ้างว่า ถูกทำร้าย อย่างบางคนก็ไปเคลื่อนไหวที่ต่างประเทศ จะไปร้องเรียนที่โน้นที่นี่ก็ถ้าหากท่านคิดว่า ท่านถูกท่านไม่ได้ผิดอะไร ท่านกลับมาสิครับ แล้วท่านจะให้ผมส่งหรือให้เจ้าหน้าที่อะไรที่ท่านไว้วางใจไปดูแลท่าน แล้วก็ต่อสู้กันในศาล ให้กระบวนการยุติธรรมตัดสิน น่าจะดีกว่านะครับ ถ้าท่านไม่ไว้ใจเรา ไม่ไว้ใจทหารก็ ผมให้โอกาสทุกท่านเลย อย่าไปพูดกันในทางลับ ในต่างประเทศ หรือประชุม สร้างความวุ่นวายอะไรต่างๆ เหล่านี้นะครับ ผมเห็นว่ายังมีการเคลื่อนไหวทางนี้อยู่นะครับ เพราะฉะนั้นท่านต้องเข้าใจ เห็นใจพวกเราด้วย ในการที่จะปฏิรูปประเทศ เพราะฉะนั้นอย่าทำอะไรให้ประเทศเสียหาย อย่าเอาอะไรที่มันไม่ถูกต้อง ไม่ดี ไม่จริง ไปเล่าให้ชาวต่างประเทศเขาฟัง น่าอับอายเขานะครับ วันนี้เราไม่ได้ทำอะไรอย่างนั้นเลย อยากให้คนไทยทั้งประเทศ อย่าไปร่วมมือ แล้วก็ร่วมกันต่อต้านเขาด้วย อันที่จริงแล้วก็อยากจะให้ไม่สนใจดีกว่านะครับ อย่าไปสนใจคนเหล่านี้เลย ถ้าเราสนใจ เราโพสต์กันต่อ มันก็เป็นเรื่องเป็นราว แล้วสื่อก็ต้องมาแพร่กันอีก พอแพร่กันไปแพร่กันมา ก็ทะเลาะกันอีก เพราะฉะนั้นการที่ประเทศชาติจะสงบ ประชาชนจะมีความสุข เศรษฐกิจเดินไปข้างหน้าได้ มันก็จะกลับไปอย่างเดิมอีก แล้วเราจะได้นำพาการปฏิรูปไปสู่การเลือกตั้งให้ได้โดยเร็วนะครับ ถ้าเรายังเป็นอย่างนี้กันอยู่ ไม่ร่วมมือกัน แล้วเราจะก้าวไปสู่จุดนั้นได้อย่างไร


    สำหรับข้อมูลหลายประการที่เกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธสงคราม พฤติกรรมทั้งการยิง M79 การยิง M16 ขว้างระเบิด ทั้งในปี 53 และ 56-57 นั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการจับกุมได้หลายคน จากการสืบสวนสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสอบสวน มีความก้าวหน้ามากมาย ถ้าผมกล่าวว่า เอ๊ะ มีใครบ้างที่สนับสนุนทั้งอาวุธ เงินทอง ทุกท่านอาจจะตกใจก็ได้นะครับ วันนี้ผมยังไม่พูดนะครับ ให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม สอบสวนสืบสวนให้ชัดเจน ให้ความชอบธรรม และความเป็นธรรม เราคงไม่ไปยัดข้อหาให้ หรือไปสร้างพยานเท็จ พยานเทียมอะไร เพราะฉะนั้นหลายคนเกี่ยวข้องก็หนีไปต่างประเทศหมดที่มีรายชื่ออยู่ ฉะนั้นถ้าท่านคิดว่าไม่ได้เกี่ยวข้อง ก็กลับมา เพราะมันจะมีการโยงใยไปถึงหลายๆส่วนด้วยกัน ทั้งบุคคล ทั้งกลุ่ม ทั้งผู้ให้การสนับสนุน เตรียมตัวไว้นะครับ ถ้าใครคิดว่า ไม่ผิด และเมื่อมีพยานหลักฐานพร้อม ท่านสู้คดีไม่ได้ ท่านต้องถูกดำเนินคดีแน่นอน มอบตัวเถอะครับ เผื่อจะได้รับความกรุณาจากศาลบ้าง


    ในเรื่องของนโยบายรัฐบาล หลักการสำคัญก็คือเราได้ใช้ยุทธศาสตร์พระราชทานเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา เข้าใจทั้งคน เข้าใจทั้งพื้นที่ เข้าใจถึงปัญหา มันถึงจะหาทางแก้ปัญหาได้ และอีกอันคือ ใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เป็นแนวทาง โดยนำสิ่งที่เป็นปัญหาทั้งหมด ความล้าสมัย ไม่เป็นสากล หรือการทำให้ประชาชนมีความยากลำบาก ไม่เท่าเทียม เหลื่อมล้ำ มาเป็นเวลานานนั้นมาพิจารณาดำเนินการให้เกิดผลสัมฤทธิ์นะครับ โดยอะไรที่เร่งด่วนมากๆ เราก็ทำทันที อะไรที่ต้องใช้เวลา แก้ไข อะไรเกี่ยวข้องเยอะแยะ ก็ไปปานกลาง 1 ปี ยั่งยืน ก็เป็นเรื่องของรัฐบาลต่อๆไปที่ต้องทำงานอย่างยั่งยืน


    ทั้งหมดนั้นเราพยายามจะทำให้มีการต่อเนื่อง หลายคนก็เป็นห่วงว่า จะทำจบเหรอ เรื่องเป็นร้อยๆเรื่อง ก็ทำอย่างนี แบ่งทุกกลุ่มปัญหา มาเป็นระยะเร่งด่วน และปานกลาง ระยะยาว ยั่งยืน ฉะนั้นแผนต่างๆนั้นที่เรานำมาใช้ในการจัดทำนโยบายครั้งนี้ ก็ประกอบไปด้วยแผนทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคมวิทยา ต่างประเทศ กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และอื่นๆ อีก ปัญหาที่ผ่านมาผมเรียนว่า นโยบายรัฐบาลมักจะเป็นนามธรรมมากกว่ารูปธรรมคืออ่านดูก็เพลิดเพลินเข้าใจ แล้วก็ถึงเวลาปฏิบัติมันปฏิบัติไม่ได้ ขับเคลื่อนไม่ได้ เพราะอะไร เพราะไม่ชัดเจนและก็ไม่ได้นำมาใช้ ทำให้เกิดความไม่เป็นประสิทธิภาพ ไม่มีผลสัมฤทธิ์เท่าที่ควรก็มีอยู่บาง สิ่งที่ผมดูว่าเป็นปัญหาหลักคือขาดความมีเอกภาพของหน่วยงาน การประสานและการบูรณาการ 2 อันนี้มันคนละคำกัน ทำให้ไม่เกิดผลผลิตในระยะยาว ไม่ต่อเนื่องและเราไม่รู้อนาคตของเรา หรือของประชาชนของประเทศชาติ ไม่รู้อนาคตนะครับ


    วันนี้เราได้พยายามกำหนดนโยบายและแบ่งมอบงานให้ทุกกระทรวงขับเคลื่อนชัดเจน อะไรที่เป็นงบฟังก์ชั่น งบบูรณาการ งบลงทุน งบบุคลากร งบบริหารจัดการ ใครจะรับผิดชอบ หลัก รอง หรือเสริมในงานกลุ่มเดียวกัน ซึ่งน่าจะทำให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างคุ้มค่า มีมาตรการตรวจสอบความโปร่งใสทั้งในระดับนโยบาย ระดับนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติและผู้ปฏิบัติต้องสอดคล้องกันทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น รวมทั้งมุ่งเน้นให้ประชาชนทราบได้ว่าใน 5 ปี 10 ปีข้างหน้าของเรา ท้องถิ่นของเรา บ้านเมืองของเราจะเกิดอะไรขึ้นมาบาง จะพัฒนากันไปอย่างไร

    ทั้งนี้ เพื่อลดความขัดแย้ง ลดการต่อต้าน ลดความเหลื่อมล้ำ ประชาชนทุกคนต้องรู้อนาคตของชาติบ้านเมือง สนใจ เอาใจใส่ อย่ามองเฉพาะเรื่องครอบครัวของตัวเองอย่างเดียวต้องมองว่าบ้านเมืองจะไปอย่างไร และเราจะได้ปรับตัวได้ถูก บางคนอาจต้องเสียสละบาง บางคนอาจต้องได้ คนได้คือคนที่ยากจน คนที่เสียสละคือคนรวย อาจต้องเสียสละผลประโยชน์บ้าง เพื่อให้ประเทศชาติมันเดินหน้าไปได้ ลดความเหลื่อมล้ำ

    การบริหารราชการจะเป็นไปตามนโยบายนี้เป็นหลักนะครับ ผมได้กำหนดให้ทุกภาคส่วน ทุกส่วนราชการ รายงานผลการดำเนินงานด้านงบประมาณในทุกไตรมาส ทั้งนี้ จะต้องมีผลเป็นรูปธรรม จับต้องได้ งานใดทำก่อน ทำเลย ต้องจัดลำดับความเร่งด่วน ด้วยการวางแผนที่ดี ประชาชนได้รับประโยชน์เร็ว ไม่ต้องรอใกล้สิ้นปีงบประมาณ จึงจะมาเร่งกันทำ


    วันนี้รัฐบาลเราไม่ได้มาจากพรรคการเมือง ไม่ต้องหาเสียง ไม่ต้องมีเสียงข้างมาก ไม่ต้องรักษาฐานเสียง ไม่ต้องการคะแนนนิยม เพียงแต่ต้องการแก้ปัญหา และปฏิรูปอย่างยั่งยืน ซึ่งไม่ใช่ของง่ายนะครับ เราไม่ใช่พรรคการเมือง เพราะฉะนั้นเราก็คงไม่ต้องไปทำโครงการประชานิยม ทำอย่างไรให้คนรักเรามากๆ ไม่ใช่ เราจะแก้ปัญหาให้เขานะครับ ปัญหาเกิดมามากกว่า 10 ปี ไม่ได้เกิดมาหลังการควบคุมอำนาจ 22 พฤษภาฯ ดังนั้น ต้องร่วมกันคิด ร่วมมือ ช่วยกันทำนะครับ แม้กระทั่งใครขัดแย้งกันมาตลอดก็ต้องช่วยกัน ถ้าไม่ช่วย ผมถือว่าท่านก็ไม่ได้รักคนไทยจริงๆ นะ ถ้ารักคนไทยจริงต้องช่วยเราตอนนี้นะครับ เรื่องอื่นๆ ท่านก็ไปต่อสู้กันทางกระบวนการยุติธรรมก็แล้วกัน


    ผมเห็นใจคนมีรายได้น้อยจริงๆ นะครับ ก็มีลักษณะการถูกเอารัดเอาเปรียบ ทำจนท่านก็เครียด รายได้ไม่พอเลี้ยงลูกเมีย ครอบครัว ทนไม่ได้ พอมีคนมายุแหย่ปลุกปั่น ท่านก็หยุดตัวเองไม่ได้ ก็คล้อยตามเขาไป แล้วก็ทำให้เกิดปัญหา ท่านต้องสติใหม่นะครับ หารือพูดคุย อดทน ถ้าใครเขามาบอกอะไร เชื่อ หรือไม่เชื่อ ท่านหาข้อมูลก่อน อย่าไปเชื่อใครคนอื่นๆ พูด แล้วเสร็จแล้วมันก็วุ่นวาย ท่านก็รวมกลุ่มขึ้นมา ท่านก็มาเดินขบวน ท่านก็มาต่อต้าน ซึ่งผมว่ามันมีสาเหตุทั้งสิ้น และตอบได้ โดยเฉพาะช่วงนี้เราตอบท่านได้ทุกเรื่อง แต่ขอให้ท่านพยายามอดทนฟังข้อเท็จจริงก่อน แต่ท่านจะให้เราช่วยอะไรก็ว่ามาอีกที ถ้าท่านไม่ฟัง ท่านจะเอาแต่ที่ท่านเรียกร้อง มันก็ยากนะครับ ที่เราจะสามารทำตามใจท่านได้ เพราะว่างบประมาณเราก็มีจำกัด อย่างที่เคยเรียนไปหลายครั้งแล้ว เพราะฉะนั้น ผมไม่อยากให้พวกเราต้องบังคับใช้กฎหมายกับท่านตลอดเวลา เราก็เข้าใจดีถึงสิทธิมนุษยชน เข้าใจถึงโลกสากล เห็นใจเราบ้างเถอะครับ ในฐานะที่เราจะต้องเป็นรัฐบาล และทำงานเพื่อจะขับเคลื่อนประเทศ



    เพราะฉะนั้นถ้ามีการทะเลาะเบาะแว้งกัน มีการต่อต้าน มีการ ... ที่มันไม่ถูกต้อง ผมใช้คำว่าไม่ถูกต้องดีกว่า ท่านต้องคิดว่าท่านถูก แต่มันไม่ถูกในทำนองคลองธรรม ไม่ถูกในกฎหมาย ระเบียบของสังคม อย่าทำลายพวกเราเลยนะครับ อย่าทำลายความตั้งใจของพวกเราเลย เราไม่ได้ต้องการอำนาจ ไม่ต้องการผลประโยชน์ ท่านก็ทราบดีว่าการทำงานนั้นมีหลายระดับ หลายหน่วยงาน โอกาสที่คนเลวๆ ก็ยังมีอยู่ ที่จะแอบซ่อน ปิดบัง ก็ต้องใช้เวลานะครับ แล้วก็ร่วมกันตรวจสอบด้วยกฎหมาย พร้อมกับการเดินหน้าประเทศไปด้วย อย่าให้ประเทศต้องหยุดเลยนะครับ ถ้าเราต่อสู้กันเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง ประเทศหยุดไปด้วย ทุกอย่างก็เดือดร้อนไปหมด ประชาชนเดือดร้อน บ้านเมืองเสียหาย เพราะฉะนั้นถ้าเราไปดำเนินการเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง หรือไม่กี่คน มันจะทำให้เกิดปัญหากับประเทศชาติอย่างที่เคยเกิดมาแล้ว จะผิดจะถูกไปว่ากันมาอีกทีนะครับ ส่วนใหญ่มักจะอ้างว่าไม่ชอบธรรม ให้เวลาเขาทำงาน ฝ่ายกฎหมายเขาก็ต้องทำงาน เขาต้องรัดกุม มีหลักฐาน อะไรต่างๆ ให้เรียบร้อย ทั้งเอกสาร ทั้งพยาน ทั้งการตรวจสอบหลายคณะ ถ้าทำชัดเจนแล้วก็จะได้บิดพลิ้วกันไม่ได้ เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งตำหนิกันไปมาเลย ให้เวลา ให้กำลังใจกัน ท่านจะรู้เองว่าถ้าท่านต้องมาทำตรงนี้ ท่านจะรู้ว่าไม่ง่ายหรอกนะครับ ที่จะทำให้ถูกใจคนทุกคนไม่ได้ ทั้งฝ่ายบริหาร ฝ่ายกฎหมาย ทำนองนี้นะ ไม่สามารถจะทำให้ถูกใจทุกคนได้หรอกครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎหมาย มันมีไว้สำหรับตัดสินคนถูกผิด เพราะฉะนั้นให้เวลาเขาในการทำงานให้เกิดความยุติธรรม ไม่ให้เกิดปัญหาอีกต่อไปในอนาคต ถ้าใครผิดมันก็ต้องผิดอยู่ดี ถ้าพยายามพบ หลักฐานมันพบก็ต้องผิด หนีไปไหนก็ไม่ได้ไม่มีความสุขต้องถูกดำเนินคดี และหาความสุขไม่ได้หรอกนะครับ ร้อนรน และเราทำไมจะต้องไปเจ็บร้อนแทนคนอื่นเขาด้วย ถ้าเขาไม่ผิดก็ดีใจกับเขา ถ้าเขาผิดก็ต้องถูกลงโทษ ให้กระบวนการยุติธรรม กฎหมายดำเนินการ ให้รอบคอบจะดีกว่า อย่าเพิ่งเคลื่อนไหวกันเวลานี้เลย ผมคิดว่าวันนี้น่าจะมีคนที่กล้าทำผิดน้อยลง เขาคงไม่เสี่ยง เพราะเราได้ประกาศนโยบายของรัฐบาลของ คสช. ไปแล้ว เราจะไม่ช่วยเหลือคนผิด


    เพราะฉะนั้นหากประชาชนไม่กดดัน มันก็จะไม่เกิดปัญหาในการทำงาน อย่าเร่งรีบจนเกินไป เพราะฉะนั้นประชาชนส่วนใหญ่มักจะเป็นเหยื่อ ส่วนใหญ่จะถูกดำเนินคดี เห็นมีคดีมากมาย บางทีก็เป็นคดีการเมือง แต่บางอย่างก็เป็นคดีอาญา เพราะฉะนั้นคนจนเท่านั้นแหละจะไม่มีกำลังสติปัญญาพอที่จะไปต่อสู้กับกฎหมายได้ เพราะฉะนั้นอย่าเป็นเครื่องมือของคนอื่นเขาเลย เราจะดูแลให้ดีที่สุด มันไม่มีคดีก็ดีอยู่แล้ว หาเงินหาทองก็ยังไม่พอใช้อยู่แล้ว วันนี้ทุกคนก็หาเงินตัวเป็นเกลียว และถ้าหากมีคดีขึ้นมาถูกจับกุมผิดกฎอัยการศึกบ้างอะไรบ้าง ลูกเมียก็เดือดร้อน และทำอย่างไร ใครจะเลี้ยงดูเขา คิดถึงเขาบ้าง อย่าคิดว่าทำอย่างนี้แล้วมันถูกต้อง มันไม่ใช่ทั้งนั้น บางอย่างก็ใช่ บางอย่างก็ไม่ใช่ บางอย่างก็เป็นมีการปลุกระดมทำนองนี้ เพราะฉะนั้นผมอยากให้ทุกคนคิดมีสติให้กับครอบครัวที่เป็นที่รักของท่านทุกคน วันนี้ประเทศเราข้าราชการ ตำรวจ ทหารนั้น มีความเข้มแข็งขึ้นมากแล้ว มีผลงานมากมาย ไม่งั้นเราคงขับเคลื่อนประเทศมาไม่ได้ถึง 4 เดือน ทั้งข้าราชการ พลเรือน ทหาร ขอให้ไปทบทวนดูสิว่า เกิดอะไรขึ้นมาบ้างใน 4 เดือน


    สัปดาห์ที่ผ่านมาได้ไปร่วมงานขององค์กรเอกชนในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งถือเป็นวาระแห่งชาติ หลายคนบอกว่า มันจะเป็นได้ไหม ที่ผ่านมาทุกรัฐบาลก็เป็นอย่างนี้ อย่างนั้น ผมว่า ถ้าเราช่วยกันมันได้นะครับ น่าชื่นใจในการรวมตัวของประชาชน ที่ผ่านมาในการต้านทุจริตคอร์รัปชัน ทุกคนทราบดีว่าเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เกิดความแตกแยกของคนในชาติ ทำให้ขาดความเชื่อมั่นของต่างประเทศ รัฐบาลยังถือว่าเร่งด่วนที่ต้องแก้ไขให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว ทั้งเร่งด่วนระยะสั้น ระยะกลาง ยั่งยืน แต่ทั้งนี้ต้องใช้ความระมัดระวังในการตรวจสอบ ต้องมีการใช้กฎหมายที่ถูกต้อง ให้ความเป็นธรรม เสมอภาค อย่าใช้อารมณ์ หรือความเกลียดชัง มาเป็นตัวตัดสินไว้ก่อน ถ้าท่านใช้อารมณ์ ใช้ความเกลียดชังมาตัดสินไว้ก่อน กฎหมายมันเดินตามไม่ได้นะครับ เดินตามมามันก็เข้าทางนี้ ใครผิดใครถูกก็เข้าอีกข้าง ลำบากนะครับ ให้กฎหมายเขาว่าดีกว่า อะไรที่ไม่ใช่เรื่อง เราก็นำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เสร็จแล้วก็จบ ก็คอยดูว่าเขาจะทำอะไรต่อไป ก็ตรวจสอบเขาได้นะครับ


    ฉะนั้น เราต้องทำเรื่องกฎหมายให้ทั่วถึง ทุกกลุ่มทุฝ่ายต้องให้เข้าถึงกระบวนการยุติธรรมให้ได้ ทุกระบบ เรื่องใดที่เกิดแล้ว ก็ต้องให้รอบคอบ เรื่องใดที่ยังไม่เกิดก็ต้องป้องปราม ป้องกันไว้ก่อน อย่าไปตัดสินกันเอง ถ้าอย่างนั้นก็เหมือนเดิม ไม่ต้องมีกฎหมายหรอก กลับไปสู่อดีต หลายร้อยปีมาแล้ว ใช้อาวุธ ตั้งกลุ่ม ตั้งแก๊งกัน ต่อสู้ฆ่าฟันกันมา


    ฉะนั้น สถานการณ์เหล่านี้ อย่าให้เกิดขึ้นอีกนะครับในประเทศไทยของเรา ต่างชาติมีให้เห็นอยู่แล้วทุกคืน ท่านกรุณาไปดูข่าวต่างชาติท่านจะเห็นว่าบ้านเมืองหลายๆ ประเทศ ซึ่งเคยเจริญ สวยงาม ก้าวหน้า ต้องพังทลายลงมาเพราะการต่อสู้ของคนในชาติ เราอย่าไปทำเลยนะครับ เราไม่มีอะไรที่มันถึงขนาดนั้นนะครับ ฉะนั้นจำคำผมไว้ให้ดี อย่าตำหนิติเตียนกันมากนักเลย การกดดันมากๆนั้นมันทำให้คนทำงานไม่เป็นอิสระ ภายใต้ความกดดัน ผมเองก็ยังกดดันตัวเองเลย ฉะนั้นจะทำให้การตัดสินใจมันผิดพลาดนะครับ เราต้องพยายามตั้งสติ และอดทน อดกลั้น ถ้าต่างฝ่ายต่างช่วยกัน ไม่ดีกว่าเหรอครับ


    ในเรื่องของภาพรวมเศรษฐกิจ ปัญหารายได้ ปากท้อง ของประชาชน รัฐบาลได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ในช่วง คสช. ด้วย ได้มีการแก้ปัญหามากมายในช่วงที่ผ่านมาตามลำดับ



    วันพุธที่ผ่านมานั้น ก็ได้เชิญหน่วยงานทางด้านเศรษฐกิจ ประกอบไปด้วยสภาพัฒน์ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงบประมาณ กระทรวงพาณิชย์ และผู้แทนกระทรวงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ นักวิชาการ มาร่วมกันหารือ เกี่ยวกับสถานการณ์ของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน และแนวโน้มของภาวะเศรษฐกิจไทยในอนาคต ซึ่งเป็นการหารือ ลงลึกในรายละเอียดของตัวเลขต่างๆในด้านเศรษฐกิจ ก็ยังพบว่า ภาพรวมของความเชื่อมั่นนักลงทุนและผู้บริโภค มีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังคงมีความอ่อนไหวต่อปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ เช่น ขีดความสามารถในการแข่งขัน สถานการณ์การสู้รบของต่างประเทศในภูมิภาคต่างๆ เป็นต้น การพัฒนาระบบเศรษฐกิจไทยเพื่อให้แข่งขันได้ก็ได้แก่การส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่ทันสมัย การผลิตสินค้าที่เป็นความต้องการของตลาด การพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่ง การปรับปรุงมาตรการอำนวยความสะดวกผู้ประกอบการและนักลงทุน การปรับกฎหมาย ระเบียบ วิธีการขั้นตอนให้เอื้อต่อการค้าการลงทุน การบริหารจัดการเกษตรที่ทันสมัย ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาในการดำเนินการทั้งสิ้น



    อีกทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะช่วงต้นนี้อาจส่งผลดีต่อประชาชนผู้ประกอบการเพียงบางกลุ่ม ยังมีประชาชนที่มีรายได้น้อยอีกจำนวนมากในท้องถิ่น ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศที่ยังมีปัญหาอยู่ ที่ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังไม่ส่งผลต่อเขาเหล่านั้นมากนัก ผมจึงมีความห่วงใยประชาชนกลุ่มดังกล่าว ทุกคนต้องช่วยกันหามาตรการเร่งรัดให้มีการใช้จ่ายงบประมาณตั้งแต่ไตรมาส 1 ตั้งแต่เดือนตุลาคม เพื่อให้เม็ดเงินกระจายเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจให้ถึงประชาชนโดยเร็วที่สุด ก็ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ กระทรวงมหาดไทย กรมบัญชีกลางได้ช่วยกันทำมาตรการดูแลประชาชนในท้องถิ่นหรือในภูมิภาคเหล่านั้น โดยให้พิจารณานำเงินงบประมาณที่ตากค้างต่างๆ เช่น งบ 1 ปี งบ อปท. งบไทยเข้มแข็งมาจัดทำโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ชุมชน เพื่อให้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ ตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของประชาชนทุกกลุ่ม ทุกภูมิภาคอย่างเท่าเทียมทั่วถึงโดยเร็วที่สุด



    สำหรับการดำเนินงานของศูนย์ดำรงธรรมและกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งร่วมกันทำมาโดยตลอดขอขอบคุณและชื่นชมทั้งในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด ข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร ภาคประชาชนเป็นอย่างมากที่ได้ร่วมมือกัน จนผลการดำเนินงานที่ผ่านมาได้อำนวยความสะดวก บริการประชาชนมีผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมในหลายพื้นที่ ทั้งการรวบรวมปัญหาความเดือดร้อน ความต้องการของประชาชน รับเรื่องร้องเรียน แก้ไขปัญหาช่วยเหลือลดขั้นตอนให้ความรู้ เช่น เกษตรกรอำเภอบางปลาม้ายังไม่ได้รับเงินจากการขายข้าวกว่า 10 ล้านบาท ก็ได้ประสานเชิญเอกชน ผู้ประกอบการมาหารือแนวทางในการแก้ไข ซึ่งผลการดำเนินการเกษตรกรได้รับเงินทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว



    กรณีประชาชน ต.หนองสาหร่าย อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี มีความเดือดร้อน ไฟฟ้าไม่เพียงพอ ยังไม่ได้ติดตั้งก็ได้เร่งประสานการไฟฟ้า อ.ดอนเจดีย์ ผลจากการดำเนินการการไฟฟ้าจัดสรรงบประมาณขยายเขตไฟฟ้าเรียบร้อยครับ คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายเดือนกันยายนนี้ กรณีปัญหาแย่งชิงน้ำทางการเกษตรในพื้นที่ ต.ห้วยชัน อ.อินทร์บุรี การเปิดปิดประตูน้ำไม่เป็นเวลา มีกลุ่มนายทุนครอบครองกุญแจ ผลการดำเนินการหน่วยงานราชการได้เข้าไปเคลียร์ตัดสินจัดสรรแหล่งน้ำได้เท่าเทียมกันเป็นที่เรียบร้อย ประชาชนในพื้นที่มีความพึงพอใจ กรณีการสร้างสะพานอุตตมานุสรณ์ หรือสะพานมอญ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ที่มีความล่าช้า ผลจากการดำเนินการตอนนี้ข้าราชการ และประชาชน รวมทั้งทหารช่างได้เข้าไปแก้ไขแล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้


    4 เดือนที่ผ่านมานั้น กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ได้รับทราบปัญหาความเดือดร้อน และความต้องการของประชาชนทั้งประเทศ 8,880 ปัญหา นี่คนละส่วนกันที่ปลัดสำนักนายกฯ รวบรวมมา ได้แก้ไขในพื้นที่ไปแล้ว 7,420 ปัญหา และส่งต่อให้ศูนย์ดำรงธรรม 1,460 ปัญหา ก็ถือว่าเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ไม่ต้องเดินทางเข้ามาร้องเรียนร้องทุกข์ที่ทำเนียบรัฐบาล หรือที่อื่นๆ ซึ่งไม่เป็นประโยชน์ ผมทราบว่าในบางอำเภอ บางจังหวัด เอกชนได้ให้การสนับสนุนได้ให้ความอนุเคราะห์พื้นที่ในศูนย์การค้า จัดตั้งศูนย์ดำรงธรรม เช่น โลตัส จ.กาญจนบุรี ขอขอบคุณนะครับ หากเป็นไปได้ พื้นที่หรืออาคารของศูนย์ดำรงธรรม ศูนย์อะไรต่างๆ ที่อำนวยความสะดวกเหล่านี้ ควรตั้งอยู่ในที่ๆ มีความสะดวกสบายต่อประชาชนเข้าถึงได้ง่าย


    เรื่องการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ วันนี้ล่าสุดได้ให้เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เดินทางไปประเทศมาเลเซีย ได้หารือกับเลขาฯ สมช.มาเลเซีย เพื่อยืนยันเป็นทางการว่า ไทยจะเดินหน้าเพื่อสันติสุขต่อไป โดยให้มาเลเซียนั้นเป็นผู้อำนวยความสะดวกเช่นเดิม รัฐบาลกับ คสช.ได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ แต่คงต้องด้วยความระมัดระวัง


    สำหรับการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในช่วงนี้ด้วยความห่วงใย ผมได้สั่งการให้แม่ทัพภาคต่างๆ ประสานงานร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยฝ่ายพลเรือน และเจ้าหน้าที่ส่วนงานต่างๆ ช่วยกันลงพื้นที่ ดูแลประชาชนให้ทันต่อสถานการณ์ รวมทั้งการเตรียมการรับมือสถานการณ์น้ำที่จะเกิดขึ้นต่อไป และเป็นระยะๆ


    อย่างไรก็ตามในสิ้นเดือนกันยายนนี้ คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำก็กำลังที่จะเสนอแผนงานโครงการ งบประมาณในการดำเนินการไปแล้วที่ 1 ให้ได้โดยเร็ว ทั้งการแก้ไขปัญหาการระบายน้ำ การกระจายน้ำ การเก็บกักน้ำ เพื่อไม่ให้เกิดน้ำท่วม และน้ำแล้งอย่างยั่งยืน ตอนนี้กำลังจัดทำแผนอยู่นะครับ คิดว่าสิ้นเดือนนี้น่าจะเสร็จ เพื่อจะนำเข้า ครม. ได้ เพื่อจะแก้ปัญหาให้ได้ด้วยความประชาชนและอย่างยั่งยืน


    เรื่องการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ยอดรวม 7,362 คน โดยประมาณขณะนี้กรุงเทพมหานครเสนอชื่อมากที่สุด 133 คน สำหรับการปฏิรูปด้านต่างๆ มีสมัครด้านการศึกษามากที่สุดถึง 777 คน น้อยที่สุดก็คือด้านสื่อสารมวลชน 194 คน หลังจากนี้จะเป็นขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติ และอยู่ในขั้นตอนการคัดสรร ขอให้รอฟังการคัดสรรอีกครั้งหนึ่ง ที่เหลือก็ช่วยกันเป็นกลุ่มเป็นพวกในการที่จะให้ข้อมูลต่างๆ เพิ่มเติม ผมคิดว่าทุกคนเป็นประโยชน์กับประเทศชาติ ขอบคุณทุกคนนะครับที่มาสมัครทั้ง 7-8 พันคน อย่างไรก็ตามเราจะดูแลให้เกิดความเป็นธรรมให้มากที่สุดด้วยความรอบคอบให้ผู้ที่มีความชำนาญมีความรู้ความสามารถเฉพาะด้าน และผู้อื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบด้วย ที่เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในแต่ละกลุ่ม และทุกภาค พยายามจะให้ครบ ให้การปฏิรูปเดินหน้าต่อไปได้ เกิดประโยชน์ ได้รับการยอมรับอย่างแท้จริง


    สุดท้ายนั้นพวกเราทุกคนก็คงต้องกล่าวคำว่าคิดถึงนะครับ และห่วงใยประชาชนทุกคนเหมือนเดิม เพราะปัญหาทุกอย่างมันยังแก้ไขไม่ได้ทั้งหมด บางอย่างแค่ทุเลา บางอย่างอยู่ในขั้นตอน ผมคิดว่าในสัปดาห์หน้าเป็นต้นไป บรรดารัฐมนตรีทุกคน คณะรัฐมนตรีก็จะเริ่มทำงานอย่างเต็มรูปแบบ ก็จะนำแผนงาน โครงการต่างๆ ที่เริ่มต้นไว้แล้ว อะไรที่ดีของ คสช. ก็จะทำต่อเนื่อง อะไรที่จะต้องปรับปรุง ก็มาปรับปรุงหารือกันใน ครม. นะครับ แล้วก็หาทางจัดสรร ปรับเปลี่ยนงบประมาณต่างๆ ให้มันเหมาะสม เป็นการคิดร่วมกันของรัฐมนตรี ของคณะรัฐมนตรีทั้งหมด แต่ทั้งหมดนั้นผมเรียนเลยว่า เอามาจากพี่น้องทั้งสิ้นนะครับ เอามาจากปัญหา เอาจากสิ่งที่มันทำให้ประชาชนนั้นยังมีความเดือดร้อน ยังไม่มีความสุข ยังมีช่องว่างของคุณภาพชีวิตอยู่มากมาย เราจะพยายามค่อยๆ ทำให้ได้ อย่าคิดว่าเรามาแล้วไม่ทำอะไร หรือทำอะไรไม่ได้ ทุกอย่างที่ผ่านมาในห้วง 4 เดือน บริหารราชการปกติมาตลอดนะครับ โดย คสช. นี่ล่ะครับ ก็ทำงานโดยข้าราชการ ทหาร ฟังความคิดเห็นจากประชาชน บางอย่างก็เป็นคำแนะนำมาจากที่ปรึกษา มาจากภายใน ภายนอก ฟังทุกวัน มันถึงจะมาได้วันนี้ เราก็จะส่งที่เราทำวันนั้น ส่งไปให้คณะรัฐมนตรีดำเนินการต่อไป ขอให้ทุกคนได้ร่วมกับพวกเราในการคาดหวังที่จะเดินหน้าประเทศไทยไปสู่อนาคตนะครับ อย่างยั่งยืน ขอบพระคุณนะครับ ขอเวลาให้พวกเราหน่อยนะครับ ขอบพระคุณครับ สวัสดีครับ


     
  5. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410

    วันที่ 13 กันยายน 2557 10:56

    ดัน'ภาษีทรัพย์สิน-มรดก'ปีนี้



    นายกฯเร่งดันกฎหมายสำคัญ 2 ฉบับ "ภาษีมรดก-ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง" พร้อมสั่งยกเลิกหมดสิทธิภาษีคนรวย ลั่นต้องเสร็จภายในปีนี้

    [​IMG]



    รัฐบาลเร่งเดินหน้าออกกฎหมายภาษี 2 ฉบับ คือกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง หรือเรียกว่า"ภาษีทรัพย์สิน" และกฎหมายภาษีมรดก หลังจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายต่อสภานิติบัญญัติ (สนช.) ว่าจะพิจารณาให้เสร็จภายในปีนี้


    หากรัฐบาลสามารถผลักดันกฎหมายดังกล่าวออกมาบังคับ ก็จะถือเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยมีกฎหมาย หลังจากที่มีการเสนอมาหลายรัฐบาล แต่ไม่สามารถทำได้ และอย่างดีที่สุดเท่าที่รัฐบาลก่อนหน้านี้ทำได้ ก็เพียงการบรรจุเป็นวาระต่อสภาผู้แทนราษฎร


    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่านอกจากการปรับปรุงการจัดเก็บและโครงสร้างภาษีบางประเภท รัฐบาลจะขยายฐานการจัดเก็บภาษีประเภทใหม่ คือ ภาษีมรดก ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยจะไม่กระทบต่อผู้มีรายได้น้อย


    "การจัดเก็บภาษีในปีนี้ จะเก็บภาษีใหม่เพื่อสร้างรายได้ให้ประเทศ สร้างความเท่าเทียมกันให้เกิดขึ้นในสังคม ได้แก่ ภาษีมรดก ภาษีที่ดิน จะรีบดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีนี้"


    ด้านนายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่าขณะนี้ร่างกฎหมายภาษีมรดก ยังอยู่ในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา
    ซึ่งจากนี้จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป แต่ไม่สามารถบอกได้ว่ากฎหมายจะมีผลบังคับใช้ได้ทันในปีนี้หรือไม่


    นายประสงค์ กล่าวว่า หลักการของการจัดเก็บภาษีมรดกที่เสนอ คือ จัดเก็บจากผู้รับมรดกในวันที่มีการโอนมรดกเท่านั้น หากไม่มีการชำระภาษี ผู้รับโอนมรดกจะต้องเสียค่าปรับตามประมวลรัษฎากร ฉะนั้น หากมรดกยังไม่มีการโอนถึงผู้รับ ซึ่งมรดกอาจจะถูกตั้งเป็นกองทุน ภาระภาษีของผู้รับก็จะยังไม่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ผลประโยชน์ที่เกิดจากการบริหารมรดก จะมีภาระภาษีตามประมวลรัษฎากร


    "ถามว่า กรมสรรพากรเสียเปรียบไหม ถ้ายังไม่มีการโอนก็ตอบว่าไม่ เพราะรายได้ที่เกิดขึ้นระหว่างการบริหารมรดก ก็จะต้องเสียภาษีตามประมวลรัษฎากร เมื่อถึงเวลาที่ต้องโอนให้แก่ผู้รับ ซึ่งอาจใช้เวลานาน แต่ที่สุดแล้ว ผู้รับก็ต้องเสียภาษีอยู่ดี ถามว่า เราจะมีรายได้เท่าไร ก็ตอบไม่ได้ เพราะรายได้จะเกิดเมื่อมีการโอนมรดก"
    คนจน-คนชั้นกลางไม่เดือดร้อน


    หลักการของทรัพย์ที่มีการจัดเก็บที่เสนอนั้น คือ เก็บจากทรัพย์ที่มีการขึ้นทะเบียน เช่น บ้าน ที่ดิน หุ้น พันธบัตร รถยนต์ เป็นต้น ส่วนอัตราการจัดเก็บนั้น กรมฯได้เสนอไป แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่า เป็นอัตราใด ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะรัฐมนตรี และ สนช.


    "หลักของการจัดเก็บ คือ คนจนและชั้นกลางต้องไม่เดือดร้อน
    ฉะนั้น คนที่เข้าข่าย คือ คนที่รวยมากๆ เรียกว่า เป็นอภิมหาเศรษฐี แต่เรื่องอัตรานั้น ต้องเรียนว่า ยังไม่นิ่ง เพราะต้องขึ้นอยู่กับสนช.ด้วย และ ปีนี้จะมีผลใช้ทันหรือไม่ ก็ไม่แน่ใจ เพราะการพิจารณาของกฤษฎีกามีความรอบคอบมาก โดยเชิญผู้เกี่ยวข้องมาแสดงความเห็นในทุกเรื่อง เช่น การตีราคาทรัพย์สิน รวมถึง เกณฑ์จัดเก็บที่ต้องชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดการตีความ เป็นต้น"เขากล่าว

    ส่วนคนที่มีมรดกอยู่ในต่างประเทศนั้น นายประสงค์ กล่าวว่าทรัพย์สินที่อยู่ในต่างประเทศนั้นอาจยากต่อการจัดเก็บ แต่เมื่อมีการโอนแก่ผู้รับ ภาระภาษีก็ต้องเกิดขึ้น หากมีการหลีกเลี่ยง กรมฯจะประสานความร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อให้ทราบถึงเส้นทางการรับมรดกด้วย

    กรณีการให้โดยเสน่หาก่อนที่ทรัพย์จะเป็นมรดกนั้น นายประสงค์กล่าวว่าประเด็นดังกล่าวมีการพูดคุยในรายละเอียดกับคณะกรรมการกฤษฎีกาด้วย โดยจะมีการกำหนดคำนิยามที่ชัดเจน โดยแยกออกจากการจัดเก็บภาษีในลักษณะดังกล่าวตามประมวลรัษฎากร

    แก้ไขก.ม.ประมวลรัษฎากรกว่า10ฉบับ

    นายประสงค์ กล่าวว่า การปรับปรุงการจัดเก็บนั้น กรมสรรพากรมีแผนที่จะเสนอแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับประมวลรัษฎากรจำนวนกว่า 10 ฉบับ เพื่อให้รัฐบาลได้พิจารณา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการปรับแก้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และ เป็นมาตรฐานสากล อาทิ การเสนอให้มีการจัดเก็บภาษีการจัดตั้งคณะบุคคล , การปฏิบัติตามข้อตกลงในการส่งข้อมูลการเงินของชาวต่างชาติตามกฎแฟทก้าของสหรัฐ การลดหย่อนภาษีสำหรับการจัดตั้งสำนักงานสาขาต่างประเทศในไทย เป็นต้น

    สำหรับอัตราการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลในอัตราปัจจุบัน จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธ.ค.2557 คาดว่า จะประกาศต่ออายุได้ในเร็วๆ นี้ โดยกรมสรรพากรจะเสนอต่ออายุไปอีก 1 ปี หรือสิ้นสุดในปี 2558



    "ณรงค์ชัย"ยันปรับพลังงานตามต้นทุน


    สำหรับมาตรการภาษีด้านพลังงาน นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่านโยบายของรัฐบาลจะปฏิรูปโครงสร้างราคาเชื้อเพลิงให้สอดคล้องกับต้นทุน และให้มีภาระภาษีที่เหมาะสมระหว่างน้ำมันต่างชนิดและผู้ใช้ต่างประเภท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของประเทศและให้ผู้บริโภคระมัดระวังที่จะไม่ใช้อย่างฟุ่มเฟือย


    นอกจากนี้ จะให้มีการสำรวจและผลิตก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบรอบใหม่ทั้งในทะเลและบนบก และดำเนินการให้มีการสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นโดยหน่วยงานของรัฐและเอกชน ทั้งการใช้ฟอสซิลเป็นเชื้อเพลิงและจากพลังงานทดแทนทุกชนิด ด้วยวิธีการที่เปิดเผย โปร่งใส เป็นธรรม และเป็นมิตรต่อสภาวะแวดล้อม พร้อมกับร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการพัฒนาพลังงาน


    "กระทรวงพลังงานต้องพยายามที่จะสื่อสารให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้เข้าใจว่าหลักการตามนโยบายเรื่องของพลังงานที่กำหนดเอาไว้เช่นนี้ เป็นหลักการที่ถูกต้อง เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจในภาพรวม และต่ออนาคตของประเทศ ไม่มีเรื่องของประชานิยมด้านพลังงาน ยกเว้นเรื่องของการช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้น้อยที่จะได้รับผลกระทบ ในรูปของสวัสดิการด้านต่างๆเท่านั้น " นายณรงค์ชัยกล่าว

    ปรับตามต้นทุน-น้ำมันเสียภาษีอัตราเดียว


    นายณรงค์ชัย กล่าวว่าภายในกรอบระยะเวลาการทำงานของรัฐบาลชุดนี้จะต้องมีการปรับโครงสร้างของภาคพลังงานใน 4 ด้านสำคัญ
    คือ ด้านแรกเป็นด้านการใช้ หรือดีมานด์ ที่จะต้องมีการปรับราคาพลังงานให้เหมาะสมกับต้นทุน เพื่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยปัจจุบัน ไทยยังมีมูลค่าการใช้พลังงานต่อรายได้ประชาชาติในอัตราที่สูงเกินความเหมาะสม คือ 18%



    "ที่ผ่านมา การทำให้ราคาดีเซลต่ำกว่าเบนซิน โดยกำหนดเพดานราคาไว้ที่ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ถือเป็นนโยบายประชานิยมของรัฐบาลยุคก่อนๆ ซึ่งทำให้ยอดการใช้ดีเซลสูงถึงประมาณ 60 ล้านลิตรต่อวัน ในขณะที่เบนซินที่เราเก็บทั้งภาษีและเงินกองทุน มีราคาที่สูงคนจึงใช้เพียงประมาณ 20 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่ง ทำให้โรงกลั่นน้ำมันมีเบนซินเหลือส่งออก ผู้ซื้อจากต่างประเทศรู้อยู่แล้วว่าโรงกลั่นน้ำมันของไทย จะต้องมีเบนซินเหลือ ก็กดราคา ทำให้โรงกลั่นต้องส่งออกเบนซินไปในราคาที่ต่ำกว่าที่ขายอยู่ในประเทศ ซึ่งในแนวทางการปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน จะต้องทำให้น้ำมันทุกชนิดต้องเสียภาษีในอัตราเดียวกัน ไม่ให้มีการบิดเบือนที่ทำให้เกิดการใช้ที่บิดเบือนและไม่มีประสิทธิภาพ " นายณรงค์ชัย กล่าว

    ในส่วนของแอลพีจี นั้น กระทรวงพลังงานสนับสนุนให้ใช้แอลพีจีเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และการนำไปใช้เป็นก๊าซหุงต้มในภาคครัวเรือน เท่านั้น ส่วนแอลพีจีภาคขนส่ง จะไม่สนับสนุน ซึ่งจะต้องมีแนวทางในการปรับโครงสร้างราคา ส่วนเอ็นจีวีนั้น เกี่ยวข้องกับเรื่องของการขนส่งเอ็นจีวีว่าทำอย่างไรจะลดต้นทุนลงได้ หลังจากนั้นจึงค่อยมาดูเรื่องราคา

    เล็งพลังงานถ่านหิน-นิวเคลียร์ผลิตไฟฟ้า


    สำหรับด้านที่สอง ด้านซัพพลาย
    คือการผลิตไฟฟ้าที่พึ่งพาจากก๊าซธรรมชาติมากเกินไป เพราะไม่สามารถสร้างโรงไฟฟ้าได้ตามแผนงาน และผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทางเลือกได้ไม่มากพอ เป็นความเสี่ยงต่อความมั่นคงด้านพลังงาน ซึ่งต้องหาเชื้อเพลิงหลักมาทดแทน โดยมองว่าถ่านหินสะอาดและนิวเคลียร์ มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า(พีดีพี)ฉบับใหม่ และจะต้องพิจารณาดูว่าจะมีการเปิดประมูลไอพีพีรอบใหม่ หรือไม่


    ในแนวทางการทำงานด้านที่ สาม
    จะเป็นเรื่องของเทคโนโลยี ที่มีความเจริญก้าวหน้าในเรื่องการประหยัดพลังงาน แต่การใช้ยังไม่แพร่หลาย ซึ่งจะต้องนำมาช่วยให้เกิดการประหยัดพลังงานให้มากขึ้น และ และด้านที่สี่ คือหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านพลังงาน ที่ต้องเร่งสร้างระบบธรรมาภิบาลจนถึงระดับที่จะสร้างความมั่นใจให้สังคมไทยได้มากพอว่า ประชาชนจะมีพลังงานใช้อย่างมั่นคง ทั่วถึง โปร่งใส และเป็นธรรม


    นายณรงค์ชัย กล่าวว่าการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 และการพิจารณาเรื่องของสัมปทานที่ใกล้จะหมดอายุนั้น ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องทำให้แล้วเสร็จภายในรัฐบาลนี้ ส่วนเรื่องของพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย กัมพูชา ที่คาดว่าจะมีปิโตรเลียมจำนวนมากนั้น เนื่องจากเป็นประเด็นทางการเมืองที่มีการโยงไปเกี่ยวกับเขตแดนบริเวณปราสาทเขาพระวิหาร อาจจะต้องมีการทำความเข้าใจ และกำหนดไว้กรอบการเจรจาเอาไว้ ซึ่งไม่มั่นใจว่าจะสำเร็จในรัฐบาลชุดนี้



    �ѹ'���շ�Ѿ���Թ-�ô�'�չ�� - ��ا෾��áԨ �͹�Ź�
     
  6. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    <iframe width="740" height="370" src="//www.youtube.com/embed/lyUahtJ9reo" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>



    กราบพระบาท ขอพระองค์ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 กันยายน 2014
  7. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 กันยายน 2014
  8. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    https://www.facebook.com/Paisal.Fanpage?ref=stream&fref=nf
    Paisal Puechmongkol

    ถามจริงๆเถอะ การแยกอำเภอในโคราชไปตั้งจังหวัดใหม่มีประโยชน์ใด


    1 มีแต่เพิ่มรายจ่ายของแผ่นดิน เพิ่มข้าราชการอีกจังหวัด

    2 การบริหารพื้นที่ใหญ่ ยกฐานะเป็นเทศบาลนครหรือมหานคร จะมีประสิทธิภาพกว่าหรืออาจตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษดีกว่า

    3 ราชการส่วนภูมิภาคต้องน้อยลงและเล็กลง เพราะเป็นแค่องค์กรประสานงานส่วนกลางกับท้องถิ่น
    ื่
    4 พอทีเถิดกับกลวิธีทำให้ท้องถิ่นอ่อนแอแบบที่เคยแยกสุขาภิบาล เพื่อไม่ให้เป็นเทศบาลนั้นฉิบหายขนาดไหนมาแล้ว
     
  9. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    น้ำที่ไหลบ่ามา คือโจทก์ฟ้องการโกงงบน้ำท่วม!

    โดย สิริอัญญา


    [​IMG]

    ดาวเดือนดินฟ้าอากาศและฤดูกาลย่อมหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามธรรมชาติ ยามนี้เทศกาลฝนกำลังก้าวผ่านจากภาคเหนือและภาคอีสานสู่ภาคกลาง และโฉมหน้าไปทางภาคใต้เหมือนกับทุกปีที่ผ่านมา

    เมื่อเป็นเช่นนี้ โดยปกติฝนจะขาดหายจากภาคเหนือและภาคอีสานแล้ว กระแสลมจะคงนิ่งอยู่สักระยะหนึ่ง จากนั้นลมหนาวก็จะค่อย ๆ โชยมาตามเทศกาลที่หน้าหนาวจะเข้ามาแทนที่


    แต่เนื่องเพราะประเทศไทยของเรานี้ดี ตั้งอยู่ในถิ่นที่อันเป็นเขตมรสุม เมื่อถึงปลายฝนต้นหนาว กระแสลมก็จะแปรปรวนเกิดเป็นมรสุมขึ้น ซึ่งพัดมาแต่ฝั่งมหาสมุทรอินเดียและทะเลอันดามัน และจะมาปะทะเข้ากับกระแสลมฝนที่พัดมาแต่แปซิฟิกในเทศกาลฝน ก็จะเกิดพายุลมฝนเป็นกระแสใหญ่ อันเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้น้ำท่วมผิดฤดูกาล


    แม้ฤดูฝนจะผ่านพ้นเหนือและอีสานมาแล้ว แต่เพราะลมมรสุมพัดพาฝนมาหลายระลอก ในช่วงสิบกว่าวันที่ผ่านมา กระแสน้ำจึงไหลหลากบ่าลงมาเป็นสองทาง

    ทางหนึ่งก็บ่าล้นแม่น้ำสี่สายหลัก คือ ปิง วัง ยม น่าน ซึ่งตื้นเขินและยังมิได้ขุดลอกใด ๆ เลย ทั้งๆ ที่ได้ใช้เงินงบประมาณไปมากมายแล้ว เมื่อสี่แม่น้ำหลักตื้นเขิน ฝนตกลงมาไม่ทันมากน้ำก็ท่วม พอผสมกับฝนจากมรสุมก็ท่วมหนัก ทั้งภาคเหนือและภาคกลางตอนบน


    ทางหนึ่งก็ไหลบ่าจากอีสานตอนล่าง เพราะจากอีสานตอนบนนั้นไหลลงแม่น้ำชี แม่น้ำมูล ไปออกแม่น้ำโขง ส่วนทางอีสานล่างหรืออีสานใต้ก็ไหลล่าเข้าท่วมทางปราจีนบุรี กบินทร์บุรี จนรถวิ่งอยู่บนถนนดี ๆ ก็ถูกน้ำท่วมมิดคันเป็นจำนวนมาก นั่นก็เนื่องจากไม่ได้คิดอ่านป้องกันใด ๆ เลย เพราะเงินงบประมาณได้ถูกนำไปแบ่งใช้จ่ายกันจนหมดสิ้น


    ก็ต้องบอกว่าปริมาณน้ำในปีนี้ไม่ได้มากกว่าปี 2554 และการบริหารจัดการก็มิได้โง่เขลาเบาปัญญาหรือบ้าบอคอแตกเหมือนกับปี 2554

    เพราะรัฐบาลปัจจุบันทำการรับศึกนอกเมือง ไม่เหมือนกับปี 2554 ที่ปล่อยให้ข้าศึกหลั่งไหลลงมาจากทุกทิศทางแล้วมาตั้งรับอยู่ในเมือง จากนั้นก็ให้พวกคนจัญไรไปไถเขื่อนคันดินตามพระราชดำริที่พระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริให้สร้างไว้ทางเหนือเป็นคันดินกว้าง 1.50 เมตรเพื่อปกป้องคุ้มครองกรุงเทพฯ จากน้ำเหนือที่ไหลบ่ามาเป็นเวลานานแล้ว

    พวกลิ่วล้อบริวารผีโม่แป้งทั้งหลายไปทำลายเขื่อนตามพระราชดำรินั้นหลายจุด น้ำจึงไหลบ่าเข้ามาในกรุงเทพฯ แล้วก็มีการแก้ไขจัดการแบบหน้าโง่ ด้วยความหลงผิดคิดว่ากรุงเทพฯ มีถนนหนทางกว้างขวาง หากปล่อยให้เป็นทางน้ำไหลแล้วน้ำก็จะท่วมอยู่ไม่นาน จึงปล่อยน้ำเข้ากรุงเทพฯ ด้วยความโง่บัดซบที่คิดว่าน้ำที่ท่วมมานั้นจะเคารพกฎจราจร ไหลไปตามถนนตามที่ไฟจราจรจะกำหนด แล้วไปออกทะเล

    แต่ที่ไหนได้ น้ำไหลบ่าฝ่าเขื่อนตามพระราชดำริ เข้ากรุงแล้วกลับไม่ไหลไปตามถนน ถึงสี่แยกก็ไม่เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา เจอไฟเขียว ไฟแดง ไฟเหลืองก็ไม่ให้ความเคารพ ไหลท่วมบ่าดะไป แต่ที่สะใจคนกรุงก็คือไหลไปท่วมบ้านนักการเมืองต้นคิด ที่ปล่อยให้น้ำไหลท่วมกรุงเทพฯ ไปออกทะเล จนพินาศป่นปี้

    อา! พระแม่คงคาเอย ท่านได้ชำระแค้นให้กับชาวกรุงได้สะใจยิ่งนัก

    แต่กระนั้น น้ำท่วมกรุงในปี 2554 ก็ได้สร้างความพินาศให้กับประเทศไทยคิดเป็นราคาเงินถึง 1.4 ล้านล้านบาท เป็นมหาวินาศจากน้ำมือนักการเมืองโดยแท้

    รัฐบาลประยุทธ์คงเห็นตัวอย่างความโง่เขลาเบาปัญญาที่ตั้งหน้ารับศึกน้ำเหนือในกรุงเมื่อปี 2554 มาแล้ว และคงเห็นว่านั่นเป็นวิธีการแบบขุนหลวงขี้เรื้อนเมื่อครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง ที่ปล่อยให้พม่าเข้ายึดทั่วประเทศ แล้วมาตั้งค่ายล้อมกรุงอยู่ ในที่สุดก็เสียกรุงครั้งที่สอง

    รัฐบาลประยุทธ์จึงใช้ยุทธวิธีสั่งการให้ทหารขึ้นไปรับมือน้ำเหนือทั้งในพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลาง ดูไปก็คล้ายกับยุทธวิธีของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่รู้ว่าพม่ายกมาก็ไม่รีรอตั้งรับอยู่ในกรุง เคลื่อนทัพออกไปรับศึกที่นอกเมือง ไม่ว่าที่พิษณุโลกหรือกาญจนบุรี จึงสามารถเอาชัยชนะแก่ข้าศึกได้


    คราวนี้ก็เหมือนกัน เมื่อบรรดาสรรพกำลังทั้งทหารและพลเรือนเคลื่อนพลขึ้นไปตั้งหน้ารับน้ำตั้งแต่ภาคเหนือ ภาคกลาง ก็ย่อมเป็นอันมั่นใจได้ว่ามวลน้ำที่จะไหลหลากบ่ามา คงจะถูกทำให้สลายกระจายแยกทางไปลงทะเล หรือไหลบ่าลงแม่น้ำสายต่าง ๆ โดยไม่ท่วมภาคกลางตอนบน หรือกรุงเทพฯ เหมือนเมื่อปี 2554

    ดังนั้นความระมัดระวังภัยจากน้ำท่วมก็อย่าได้ผ่อนคลายลงไป แต่ก็อย่าได้ตกใจเพราะจะไม่เหมือนกับปี 2554 อีกแล้ว

    แต่สำหรับรัฐบาลก็ควรจะอ่านภาษาน้ำที่ไหลหลากมาครั้งนี้ให้กระจ่าง ว่าพระแม่คงคาท่านมาร้องอุทธรณ์ฟ้องว่าอย่างไร หากเอาใจเข้าอ่านใจก็คงต้องการมาฟ้องต่อรัฐบาลว่า บรรดางบประมาณป้องกันแก้ไขน้ำท่วมทั้งหลายกี่แสนแสนล้านที่ทุ่มลงไปนั้น มันโกงกันหมด มันไม่ได้ป้องกันบ้านเมืองให้พ้นจากอันตรายเลย จงเร่งแก้ไขเถิด!


    https://www.facebook.com/Paisal.Fanpage?ref=stream&fref=nf
     
  10. น้องใหม่ 2008

    น้องใหม่ 2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    690
    ค่าพลัง:
    +1,906
    ดีใจครับ ที่ชายชุดดำโดนรับโทษ ความผิดนี้ใหญ่หลวง ถ้าไม่มีรัฐประหารเกิดขึ้น สงสัยจะเงียบ น่าสงสารผู้ที่สูญเสียจากเหตุการณ์ปี 53 ยังดีที่ความจริงเปิดเผย ไม่งั้นผมคงจะต้องโดนบังคับให้กินแต่หญ้าทุกวัน
     
  11. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    ตามข่าวว่า...ตั้งข้อหาชายชุดดำ แค่...เรื่องมีและพกพาอาวุธปืนเท่านั้น

    ที่สำคัญคนต้องการเห็นการลงโทษ คนบงการ

    คอยติดตามฝีมือคณะทำงาน เรื่องนี้จะออกมาอย่างไร... เอาใจช่วยกันค่ะ
     
  12. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    Paisal Puechmongkol
    https://www.facebook.com/Paisal.Fanpage

    เวลาเขาจะหลอกรัฐมนตรีมหาดไทยให้แยกจังหวัดก็จะอ้างว่าเพื่อเป็นเกียรติแก่ท่านรัฐมนตรีและวงศ์ตระกูล ให้จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเป็นผู้ตั้งจังหวัด

    เสร็จทุกราย

    แต่ พลออนุพงษ์ไม่ใช่คนพวกนั้นเว้ย

    ท่านย่อมทราบว่าการเพิ่มรายจ่ายแผ่นดินที่ชาติและประชาชนไม่ได้ประโยชน์จะเป็นที่สาปแช่งไปตลอดกาล
     
  13. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    [​IMG]

    ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ
     
  14. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410

    เปลว สีเงิน
    Monday, 15 September, 2014 - 00:00

    'สังคมแห่งอวิชชา'

    ผ่านไป ๔ ปีเกือบครึ่ง บทเรียนที่สังคมไทยได้จากเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองปี ๒๕๕๓ คือความพยายามปกปิดว่า "กองกำลังชุดดำ" เป็นเรื่องแต่ง เพื่อดิสเครดิตพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดง

    ความคิดย่ำอยู่กับที่ หลอกกระทั่งตัวเอง มโนภาพเอาว่าทุกสิ่งที่ทำลงไปนั้น เพื่อประชาธิปไตย ทั้งที่เต็มไปด้วยเบื้องหลังอันแสนสกปรก เกิดพฤติกรรมหมู่ดำดิ่งด้วยจินตนาการที่ถูกปรุงแต่ง จนกลายเป็นสังคมแห่งอวิชชา

    เรายังอยู่ในสังคมที่ ไม่รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด ไม่รู้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว อะไรควรอะไรไม่ควร จริงๆ ครับ ทั้งๆ ที่ปรากฏหลักฐานซึ่งสามารถจับต้องได้ แต่ยังมีเสียงปฏิเสธ ไม่เคยมีชายชุดดำ

    ผมเองไม่คิดว่าวันนี้จะต้องมาพูดกันเรื่องชายชุดดำอีก เพราะโดยกระบวนการควรเป็นเวลาที่คนกลุ่มนี้ต้องไปค้นหาความจริงสู้กันในศาลแล้ว

    แต่กลับกลายเป็นว่า ๒ ปี กับ ๒๗๕ วัน ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ คดีชายชุดดำถูกเป่าหายเข้ากลีบเมฆ มีการรับใช้กันเป็นทอดๆ

    ก็อย่างที่เห็น "ริดสีดวง" พากรมสอบสวนคดีพิเศษพังย่อยยับทั้งกรม เพื่อตอบสนองตัณหาในอำนาจของตัวเอง วันนี้สภาพของดีเอสไอจึงไม่ต่างจากกองขยะ เดือดร้อนคนมาทีหลังต้องกอบกู้ภาพพจน์ชนิดต้องล้างกรม แต่ใช่ว่าศรัทธาจะกลับคืนมาง่ายๆ

    เมื่อต้องพูดถึงชายชุดดำกันอีกครั้ง คนที่พูดแล้วสังคมต้องฟังมากที่สุดคงหนีไม่พ้น นายคณิต ณ นคร อดีตประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.)

    ท่านบ่นหลายครั้งครับว่ารายงานของ คอป.เป็นแค่เศษกระดาษเพราะผู้มีอำนาจไม่นำไปต่อยอด เพื่อสร้างความสมานฉันท์ในประเทศ

    ทันทีที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก้าวขึ้นมา รายงาน คอป.ก็ถูกนำไปซุกไว้ในลิ้นชัก แล้วหันไปใช้บริการของ "อุกฤษ มงคลนาวิน" ตั้งคณะกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ (คอ.นธ.) ขึ้นมา กลายเป็นภารกิจลับลวงพรางเพื่อเข็นกฎหมายนิรโทษกรรมไปหน้าตาเฉย

    สำหรับคนที่ทำงานอย่างเหนื่อยยาก กว่าจะได้รายงานสรุป ย่อมรู้สึกตื้นตันครับ หากรัฐบาลจะนำสิ่งที่อุตส่าห์รวบรวมมาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อแผ่นดิน

    วานนี้ (๑๔ กันยายน) นายคณิต ณ นคร ออกมาพูดถึงรายงานของ คอป.อีกครั้ง

    "สำหรับเหตุการณ์สลายการชุมนุมปี ๒๕๕๓ คอป.เคยเสนอเอาไว้ในรายงานว่า มีชายชุดดำไม่ทราบฝ่ายก่อเหตุ แต่ตอนนั้นพอ คอป.สรุปออกมาแบบนี้ก็ปฏิเสธกันว่า คอป.ทำไม่ถูกต้อง และไม่มีการนำรายงานฉบับดังกล่าวไปใช้เพื่อสอบสวนต่อ แต่ปล่อยเอาไว้เฉยๆ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ แต่ล่าสุดพอมีการจับกุมชายชุดดำได้จริง ผมก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร อย่างไรก็ดี ในรายงานของ คอป.เอง ไม่ได้ระบุว่ามีชายชุดดำที่สี่แยกคอกวัวเท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงกับหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนั้น ผมคิดว่าสื่อมวลชนและฝ่ายต่างๆ ควรจะนำสิ่งที่อยู่ในรายงานไปขยายผลต่อด้วย และหากเจ้าหน้าที่ตำรวจสนใจข้อมูลที่มีอยู่ในรายงานของ คอป. เรายินดี โดยสามารถหาได้ตามห้องสมุดทั่วราชอาณาจักร ซึ่ง คอป.ได้ตีพิมพ์เอาไว้จำนวนมาก"

    ครับ..ไม่ใช่เหตุการณ์เดียว แต่กลุ่มชายชุดดำเคลื่อนไหวโจมตีเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนในหลายเหตุการณ์ เช่น

    ถนนราชดำเนิน

    "เวลาประมาณ ๑๙.๐๐ น. ก่อนที่เจ้าหน้าที่ทหารจะถูกโจมตีด้วยระเบิด มีผู้พบเห็นรถตู้สีขาวขนคนชุดดำสองสามคนพร้อมอาวุธสงครามมาส่งลงบริเวณวงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ด้านร้านหนังสือเมืองโบราณและร้านเมธาวลัย (ศรแดง) โดยมีการ์ด นปช.คอยห้อมล้อมเดินไปทางร้านแมคโดนัลด์ หัวมุมถนนดินสอติดกับโรงเรียนสตรีวิทยา เข้าไปในกลุ่มผู้ชุมนุม โดยการ์ด นปช.ห้ามมิให้ใครถ่ายรูป และมีผู้ชุมนุมบางคนพูดว่า 'ส่งคนมาช่วยแล้ว' แต่ถูกการ์ด นปช. ห้ามไม่ให้พูด

    ยังปรากฏภาพรถตู้สีขาวในกล้องวงจรปิดบริเวณวงเวียนสี่กั๊กพระยาศรี ๒ ครั้ง ระบุเวลา ๒๐.๑๙ น. และอีกครั้งในเวลา ๒๑.๐๑ น. และยังปรากฏภาพคนชุดดำถือเครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม ๗๙ ยืนอยู่ข้างรถตู้สีขาวจอดอยู่ในบริเวณที่มีผู้ชุมนุมอยู่ แต่ไม่สามารถยืนยันแหล่งที่มาของภาพได้ เจ้าหน้าที่ทหารคนหนึ่งให้ข้อมูลว่า หลังเหตุการณ์ความรุนแรง มีรถตู้สีขาวซึ่งมีกลุ่มคนชุดดำ มีอาวุธสงครามโดยสารมาด้วย ขับผ่านมาที่บริเวณหน้าวัดตรีทศเทพ คนในรถโผล่หน้าออกมาเยาะเย้ยทหารที่ได้รับบาดเจ็บ โดยเจ้าหน้าที่ทหารคนหนึ่งยืนยันว่าเห็นชายฉกรรจ์พร้อมอาวุธสองสามคนนั่งอยู่ในรถคันดังกล่าว"

    ถนนพระรามที่ ๔ ชุมชนบ่อนไก่

    "การปฏิบัติการของชายชุดดำบริเวณบ่อนไก่ ตั้งแต่วันที่ ๑๔ ถึง ๑๘ พฤษภาคม เมื่อเจ้าหน้าที่เริ่มวางกำลังปิดล้อมพื้นที่ โดยวางลวดหนามบนถนนพระรามที่ ๔ หน้าสถานีบริการน้ำมัน ปตท.ชุมชนบ่อนไก่ ตลอดช่วงเวลาดังกล่าวมีการยิงลูกระเบิดเอ็ม ๗๙ จากคนชุดดำเข้ามายังแนวที่ตั้งของเจ้าหน้าที่ทหาร รวมแล้วไม่น้อยกว่า ๓๐ นัด และมีการใช้ ปลย.ยิงโจมตีเจ้าหน้าที่ด้วย

    มีผู้พบเห็นกลุ่มคนชุดดำมีอาวุธ ปลย.และเครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม ๗๙ อย่างน้อย ๕ คนอ้างว่าเป็นลูกน้อง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล เคลื่อนไหวในซอยต่างๆ บริเวณชุมชนบ่อนไก่และซอยงามดูพลี โดยควบคุมการปฏิบัติการของการ์ดผู้ชุมนุม เชื่อได้ว่าเป็นกลุ่มที่ใช้อาวุธสงครามโจมตีเจ้าหน้าที่ทหาร ผู้ให้ข้อมูลยังได้พบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ๒ ถึง ๓ นายแต่งกายครึ่งท่อน ซึ่งผู้ให้ข้อมูลรู้จัก อยู่ในบริเวณนั้นด้วย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มดังกล่าวได้ห้ามมิให้ชาวบ้านพูดเรื่องคนชุดดำให้คนอื่นทราบ

    ปรากฏภาพคนชุดดำซึ่งปะปนอยู่กับผู้ชุมนุมกำลังยิงอาวุธจากบริเวณต้นซอยงามดูพลี ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธให้ความเห็นว่าน่าจะเป็นลูกระเบิดเอ็ม ๗๙ และมีภาพคนชุดดำถืออาวุธปืนเอ็ม ๑๖ ปะปนกับผู้ชุมนุมบริเวณเดียวกัน นอกจากนี้ยังพบว่า การ์ดผู้ชุมนุมส่วนใหญ่แต่งกายด้วยเสื้อสีดำหรือสีเข้ม และคนชุดดำยังมีวิทยุสื่อสารด้วย"

    รายงาน คอป.ท่อนนี้สำคัญครับ เพราะพูดถึงความเกี่ยวพันระหว่างคนชุดดำ กับเวทีปราศรัยราชประสงค์

    "มีคนชุดดำปะปนอยู่กับผู้ชุมนุมและร่วมปฏิบัติกับการ์ดผู้ชุมนุมและผู้ชุมนุมบางคนอยู่บนถนนพระรามที่ ๔ และซอยต่างๆ ซึ่งสามารถเชื่อมต่อไปถนนสารสินและสี่แยกราชประสงค์ได้ เช่น กำกับดูแลให้ผู้ชุมนุมบางคนประกอบอาวุธประดิษฐ์ เช่น ระเบิดปิงปอง และระเบิดขวด เป็นต้น
    ทั้งยังมีภาพวิดีโอคนชุดดำมีอาวุธสงครามปรากฏตัวอยู่ในบริเวณเดียวกับผู้ชุมนุม โดยอาศัยสถานการณ์ความวุ่นวายจากการตอบโต้ระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ และควันจากการเผายางเป็นกำบังในการใช้อาวุธสงครามโจมตีเจ้าหน้าที่ และสามารถใช้เส้นทางดังกล่าวลำเลียงเสบียงอาหารและอื่นๆ เข้าไปและออกมาจากสี่แยกราชประสงค์ได้"

    บริเวณถนนราชปรารภ

    "เมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม เวลาประมาณ ๒๐.๐๐ น. ถึง ๒๒.๐๐ น. มีคนร้ายยิงลูกระเบิดเอ็ม ๗๙ จำนวนมาก และจรวดอาร์พีจี ๑ ลูก มายังบริเวณสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ และถนนราชปรารภ บริเวณโรงแรมอินทรา ซึ่งเป็นบริเวณที่เจ้าหน้าที่ทหารปฏิบัติหน้าที่อยู่ แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

    ในช่วงเวลาเดียวกัน มีนักข่าวต่างประเทศที่อยู่ในพื้นที่ให้ข้อมูลว่า พบเห็นกลุ่มคนชุดดำจำนวน ๓ คนปะปนอยู่กับการ์ด นปช.ที่บริเวณเต็นท์ภายในแนวกีดขวางของผู้ชุมนุม นปช. บนสะพานข้ามคลองแสนแสบ โดยชายชุดดำถือถุงขยะสีดำเข้ามาในเต็นท์ แล้วมีคนหนึ่งถือเครื่องยิงลูกระเบิดชนิดเอ็ม ๗๙ เดินออกไปทางประตูน้ำ โดยบอกกับผู้สื่อข่าวว่า ' ไปทำงาน' อีก ๒ นาทีต่อมาก็มีเสียงปืนดังขึ้น และได้ยินเสียงระเบิดจำนวนสองสามลูก และผู้ชุมนุมและการ์ด นชป.ที่อยู่ในบริเวณนั้นก็พากันโห่ร้องและปรบมือด้วยความดีใจ

    กลุ่มคนชุดดำดังกล่าวสามารถเข้า-ออกพื้นที่ชุมนุมได้โดยไม่มีการตรวจค้น และยังให้ข้อมูลว่า หนึ่งในกลุ่มคนชุดดำนั้นเป็นที่รู้จักในกลุ่มการ์ด นปช.และผู้ชุมนุม และน่าจะเกี่ยวข้องกับ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล"

    นี่เป็นเพียงส่วนน้อยของเหตุการณ์ที่มีชายชุดดำเข้าไปเกี่ยวข้อง จึงไม่แปลกครับที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์จงใจเขี่ยทิ้ง

    เพราะการยอมรับถึงการมีตัวตนของชายชุดดำ เท่ากับยอมรับว่า การต่อสู้ของคนเสื้อแดงมิได้สงบ สันติ ปราศจากอาวุธ ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ซ้ำร้ายแทนที่จะเป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย กลับกลายเป็นการก่อการร้ายเพื่อชิงอำนาจ

    วันนี้แกนนำเสื้อแดง นักการเมืองในพรรคเพื่อไทย จึงพยายามหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงข้อเท็จจริงเหล่านี้

    การชุมนุมของมวลมหาประชาชน เกิดเหตุการณ์ลักษณะใกล้เคียงกันนั่นคือ "มือปืนป็อปคอร์น"

    ไม่เคยมีมวลมหาประชาชนคนไหนปฏิเสธการมีตัวตนของ "มือปืนป็อปคอร์น" กลับยอมรับ และไม่ขัดขวางให้มีการดำเนินคดีไปตามกระบวนการยุติธรรม

    น่าเป็นห่วงจริงๆ ครับ "สังคมแห่งอวิชชาที่แกล้งตาย" ประหนึ่งว่าจำศีล และพร้อมที่จะตื่นขึ้นมาหลังรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผ่านพ้นไป


    เพื่อปฏิบัติการความเชื่อที่ทำมาแล้วเมื่อปี ๒๕๕๓.



    'สังคมแห่งอวิชชา' | ไทยโพสต์
     
  15. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    ดูเขาโกงภาษีรถหรูกันกลางเมือง!
    โดย สิริอัญญา


    คสช. และรัฐบาลประกาศแนวทางนโยบายสำคัญประการหนึ่งคือการต่อต้านการทุจริต และจะปราบปรามอย่างเฉียบขาด ไม่ไว้หน้า ทำให้ส่วนราชการต่าง ๆ ตื่นตัว เป็นผลให้การทุจริตผุดที่โน่น โผล่ที่นี่ไม่หยุดไม่หย่อน แม้กระทั่งในวงการพระสงฆ์

    ในขณะที่มีข่าวคราวว่าจัดเก็บภาษีขาดเป้าไป 100,000 ล้านบาท แล้วจะเร่งรัดจัดเก็บหรือรีดภาษีให้ได้ตามเป้าหมาย ก็เกิดเหตุข่าวคราวที่เกี่ยวข้องกันสองเรื่องใหญ่

    เรื่องหนึ่งคือการโกงภาษีมูลค่าเพิ่มที่มีขบวนการทำหลักฐานเท็จเพื่อขอคืนภาษีจากรัฐบาล ซึ่งเรื่องเก่าที่มีข่าวคราวมาเกือบปีว่าข้าราชการระดับสูงในกรมสรรพากรและขบวนการโกงภาษีได้โกงภาษีมูลค่าเพิ่มไปเป็นจำนวนนับหมื่นล้านบาท เฉพาะที่ตรวจสอบพบแล้วก็เป็นจำนวนเงินถึง 4,000 ล้านบาท แต่ยังเอาผิดกับสุนัขตัวไหนไม่ได้เลย ก็เกิดเรื่องพบขบวนการโกงภาษีมูลค่าเพิ่มรายใหม่ ที่มีการทำหลักฐานการโกงภาษีมูลค่าเพิ่มหลายพันล้านบาทผุดขึ้นมาอีก

    อีกเรื่องหนึ่งก็คือการโกงภาษีศุลกากร ซึ่งครึกโครมลั่นสนั่นเมืองยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ นั่นคือรถหรูประมาณ 400 คัน ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ และเก็บไว้ที่คลังสินค้าทัณฑ์บนเพื่อรอการเสียภาษีได้หายไปจากคลังสินค้า โดยหาตัวผู้รับผิดชอบไม่ได้เลย

    รถหรูเหล่านี้เป็นรถเศรษฐีหรือนักการเมืองใช้ และไม่ใช่รถที่ชาวบ้านอย่างเราท่านจะใช้กันเพราะราคาแพงลิบลิ่ว คันละ 30-80 ล้านบาท แต่ก็เป็นที่น่าแปลกใจว่าคนที่กล้าซื้อรถราคาแพงลิบลิ่วขนาดนี้ แต่ทำไมจึงไม่ยอมเสียภาษีให้กับรัฐให้ถูกต้องครบถ้วน

    เพราะข่าวคราวเรื่องขบวนการโกงภาษีศุลกากรในการนำเข้ารถหรูไม่ใช่เพิ่งมีขึ้น แต่มีมาระยะเวลา 5-6 ปีมาแล้ว บางครั้งเทวดาท่านก็ทนไม่ไหว จึงบันดาลให้รถหนีภาษีเหล่านี้ไฟไหม้กลางถนน เพื่อบอกให้คนทั้งหลายได้รู้เหตุ

    แต่ฤทธิ์เทวดาที่บันดาลขนาดนั้นแล้วยังไม่สามารถทำให้พวกขี้โกงสำนึกผิด ยังคงใช้อิทธิฤทธิ์อิทธิเดชหนีภาษีและลอยนวลอยู่ต่อไป และขยายขบวนการโกงภาษีศุลกากรคึกคักครึกโครมต่อไปอีก แล้วทำกันอย่างโจ่งแจ้งโจ๋งครึ่มในลักษณะที่ยิ่งกว่าเดิม

    มีการนำเข้ารถหรูจากต่างประเทศเข้ามาเก็บไว้ที่คลังสินค้าทัณฑ์บนเพื่อรอเสียภาษีประมาณ 400 คัน และก็คงทำอย่างที่เคยทำกันมา คือค่อยๆ ทยอยเอารถออกไปโดยไม่ต้องเสียภาษี และทำลายหลักฐานการนำเข้า จากนั้นก็เอาไปจดทะเบียนสวมทะเบียนรถเก่า

    เป็นไปได้อย่างไร รถหรูถึง 400 คัน หายออกไปจากคลังสินค้าทัณฑ์บนโดยไม่มีคนรับผิดชอบ และไม่มีการเอาผิดเอากับใครเลยแม้แต่สักคนเดียว

    ข่าวคราวเรื่องนี้มาปูดขึ้นเนื่องจาก คสช. ได้มีการปรับย้ายอธิบดีกรมศุลกากร พออธิบดีคนใหม่มานั่งตำแหน่งเก้าอี้ไม่ทันร้อน ข่าวคราวเรื่องนี้ก็ประดังขึ้นมา จะถือว่าเทวดาบอกเหตุอีกก็ได้ แต่จนถึงวันนี้ก็เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งส่อว่าผู้มีอิทธิฤทธิ์อิทธิเดชในเรื่องการโกงภาษียังมีฤทธิ์เดชเหนือรัฐบาลและ คสช. เหมือนกับยุคที่มีรัฐบาลนักการเมืองหรืออย่างไร?

    ข่าวคราวเรื่องนี้ดังกระหึ่มไปตามสื่อมวลชนและโซเชี่ยลเน็ทเวิร์ค ต้อนรับนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 และท้าทายคำประกาศต่อต้านการทุจริตอย่างแหลมคมที่สุดอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นที่เชื่อได้ว่าเรื่องนี้ก็จะถูกจัดการอย่างเฉียบขาด หลังจากรัฐบาลแถลงนโยบายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติสิ้นสุดลง

    เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2557 มีรายงานข่าวตามโซเชี่ยลเน็ทเวิร์คว่าหัวหน้า คสช. มีคำสั่งให้ปราบปรามการทุจริตรายนี้อย่างเฉียบขาด และให้ทหารเข้าร่วมในการตรวจสอบและยึดรถที่หายไปกลับคืนโดยเร็วที่สุด

    ถ้าจะให้ประมาณการภาษีศุลกากรจากจำนวนรถหรูเหล่านี้แล้ว ก็คงจะจัดเก็บได้ราว ๆ 4,000 ล้านบาท และถ้ารวมเงินเพิ่ม เบี้ยปรับ ก็อาจจะถึง 8,000 ล้านบาท

    แต่กรณีดังกล่าวนี้อาจต้องถูกบังคับอีกแบบหนึ่ง เพราะการเอารถหรูออกไปจากคลังสินค้าทัณฑ์บนโดยไม่เสียภาษีศุลกากรให้ถูกต้องก่อนนั้น อาจถูกกล่าวหาได้ว่าเป็นการลักทรัพย์จากคลังสินค้าทัณฑ์บน และถ้าหากผู้ลักเป็นผู้นำเข้าก็อาจต้องถูกยึดทรัพย์ของกลางเหล่านั้นไว้เป็นของแผ่นดิน และยังต้องเสียเบี้ยปรับและถูกดำเนินคดีตามกฎหมายศุลกากรอีกต่างหากด้วย

    ว่าที่จริงแล้วการกระทำอย่างนี้เป็นการไม่คุ้มค่าและมีความเสี่ยงสูง ทั้งในโทษทางอาญาและในด้านค่าปรับ จนถึงขนาดล่มจมหรือเสียผู้เสียคนไปเลย

    ปานนี้แล้วเหตุไฉนจึงมีผู้กล้าหาญชาญชัยกระทำการอย่างนี้ ถ้าคิดเป็นจำนวนรถ 400 คันที่มีเจ้าของคันละ 1 คน ก็อาจเกี่ยวข้องกับผู้คนถึง 400 คน ที่เป็นเจ้าของรถนำเข้า แล้วมันจะคุ้มกันที่ตรงไหน? แต่ที่กล้าทำไปเช่นนั้นก็เพราะมั่นใจในอิทธิฤทธิ์อิทธิเดชที่กระทำกันจนเป็นปกติ เหมือนกับการจัดเก็บค่าเสื้อวินมอเตอร์ไซต์ที่กำลังจัดระเบียบกันอยู่นั่นแหละ

    รถ 400 คันหายออกไปจากคลังสินค้าทัณฑ์บน ก็ต้องมีคนวงในเกี่ยวข้องเป็นแน่แท้ แต่มือของกฎหมาย มือของรัฐบาล และมือของ คสช. จะกล้าเอื้อมไปถึงหรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งสังคมไทยกำลังจับตาดูอยู่อย่างไม่กะพริบตา!


    https://www.facebook.com/Paisal.Fanpage?hc_location=timeline
     
  16. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410

    ท่านขุนน้อย
    Monday, 15 September, 2014 - 00:00

    ตาดูดาว-เท้าติดคุก!!!

    ชักเริ่มๆ ขยับๆ ขึ้นมาบ้างแล้ว...สำหรับ ตาดูดาว เท้าติดดิน ตาดูดาว เท้าติดคุก หรือ ตาดูดาว เท้าตีตรวน ก็แล้วแต่จะเรียก เปิดผ้าม่านกั้งด้วยหนังการ์ตูนของ ลูกโอ๊ค ตามด้วยบรรดาลิ่วล้อ บริวาร โผล่หน้า โผล่ตา ออกมาประชันความโง่เพื่อให้เข้าตากรรมการ ไม่ต่างไปจากผีหลอก วิญญาณหลอน อะไรประมาณนั้น...
    ---------------------------------------------
    อย่างที่ว่าเอาไว้แล้วนั่นแหละว่า... ตาดูดาว รายนี้ เอาไป-เอามาไม่ได้เฉลียวฉลาดอย่างที่ใครเคยคิดๆ เผลอๆ ออกไปทางกะโหลกหนา ปัญญาทึบ ซะอีกต่างหาก แต่อาจเพราะเคยผ่านประสบการณ์ประเภท คร่อกก์ก์ก์ๆ มาตั้งแต่เด็กๆ อาศัยความลื่นไหล เอาตัวรอด ประคับประคองเส้นทางชีวิตของตัวเองด้วย ความรู้รอบโต๊ะ อะไรประมาณนั้น ความยิ่งใหญ่ เกรียงไกร มั่งคั่ง ร่ำรวย ตลอดไปจนอิทธิพล อำนาจ จึงมีที่มาจาก ความคร่อกก์ก์ก์ ไม่ใช่ ความเฉลียวฉลาด ใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย...
    --------------------------------------------
    คือถ้าหากฉลาดจริงๆ แล้วล่ะก็...ในเงื่อนไขเช่นนี้ สถานการณ์เช่นนี้ น่าจะไม่มีอะไรดีไปกว่าอยู่เฉยๆ เงียบๆ ซุ่มซ่อนนอนกิน หรือซุ่มซ่อนยาวนานไปเรื่อยๆ รอให้ คสช.หรือรัฐบาลของ คสช.สะดุดหัวแม่เท้าตัวเอง ล้มหน้าทิ่มไม้จิ้มฟันแทงเหงือกจนเสือกตาย หรือรอให้พวกใจร้อน ใจเร็ว เกิดอาการหงุดหงิด ดาหน้าออกมาทำลายมิตร ทำลายแนวร่วม โดยที่ตัวเองไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องออกเรี่ยว ออกแรง น่าจะสบายกว่ากันเยอะเลย ไม่ต้องเสียเลือด เสียเหงื่อ และที่สำคัญที่สุดคือไม่ต้องเสียเงิน อันเป็นสุดยอดปรารถนาของตัวเอง ให้ต้อง ขาดทุนกำไร มากไปกว่านี้
    -----------------------------------------------
    แต่ก็อย่างว่านั่นแหละท่าน...คนเรานั้น ถ้าหากไม่คิดจะหันเข้าหาธรรมะ ไม่คิดจะสร้างบุญ สร้างกุศลติดปลายนวมเอาไว้บ้าง ส่วนใหญ่...มันมักจะถูก อวิชชา บดบังปัญญา จนมืดบอด มืดสนิท เอาง่ายๆ ยิ่งถ้าหากโง่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่ได้มีสติ มีปัญญา มีแต่อาศัย ความคร่อกก์ก์ก์ เอาตัวรอดไปวันๆ การคิดอ่านอะไรต่อมิอะไรมันมักต้องออกอาการมืดตึ๊ดตื๋อ หนักยิ่งไปกว่านั้น การขยับหัว ขยับหาง เริ่มแผ่แม่เบี้ย ชูคอขู่ฟ่อๆ ของบรรดาพลพรรคเผาไทย ทั้งส่วนหัว ส่วนหาง ในช่วงสถานการณ์ขณะนี้ จึงมีโอกาสที่จะเจ็บหนัก เจ็บนาน เจ็บชนิดลืมไม่ลงยิ่งกว่าที่ผ่านมาไม่รู้กี่สิบ กี่ร้อยเท่า...
    --------------------------------------------
    พูดง่ายๆ ว่า...ขนาดตัวเองเป็นรัฐบาล มีอำนาจแทบทุกชนิดอยู่ในมือ สุดท้ายยังโดนถีบหัวทิ่ม หัวตำ ล้มลุกคลุกคลานมาครั้งแล้ว ครั้งเล่า แล้วขณะที่ต้องกลายสภาพไปเป็นสัมภเวสี ทั้งลูกน้อง ทั้งนาย หาที่เหยียบ ที่ยืน หาฐานที่มั่นถาวรยังไม่เจออยู่ในทุกวันนี้ ถ้ายังออกอาการเสี้ยน ยังกระเหี้ยนกระหือรือ คิดจะอวดโชว์พาว ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีอะไรติดไม้ ติดมือ นอกจากลมล้วนๆ งานนี้...แค่เจอกับหนังมินิซีรีส์เรื่อง ชายชุดดำ เรื่องเดียวเท่านั้น ก็มีแต่ตายกับตาย หรือถึงไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตไปด้วยกันทั้งสิ้น!!!
    ----------------------------------------------
    อย่างที่หัวหน้า คสช.และนายกรัฐมนตรีของ คสช.ท่านได้ชี้ ทางสว่าง เอาไว้ด้วยความเมตตา ปรานี นั่นแหละว่าในช่วงระยะนี้ หรือนับจากนี้ ย่อมไม่มีอะไรดีไปกว่า การหันมาต่อสู้ หันมาพิสูจน์ความถูก-ผิด กันด้วยแนวทางของ กฎหมาย เพราะอย่างน้อย...ก็ยังพอได้ ยืดเวลา กฎแห่งกรรม โดยอาศัยขั้นตอนและกระบวนการของระบบยุติธรรม ที่มีทั้งศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา แถมยังเปิดปลายเอาไว้ให้ทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาได้อีกต่างหาก กว่าจะพิสูจน์ว่าใครถูก ใครผิด ใครแพ้ ใครชนะ อาจ โชคดี...ที่ตายก่อน หรือถูกมะเร็งไข่รับประทานโดยไม่ต้องเสียเวลามาติดคุกเอาเลยก็ไม่แน่!!!
    ----------------------------------------------
    แต่ถ้าหากคิดจะสู้โดยงัดเอากรรมวิธีนอกกฎหมาย มาใช้สัประยุทธ์ซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะใต้ดินหรือบนดิน โอกาสที่จะฟื้นคืนกลับมาสู่ยุทธศาสตร์ในขั้นยัน ขั้นรุก แบบแต่ก่อนนั้น ยังไงๆ ก็ยังมองไม่เห็น ความเป็นไปได้ เอาเลยแม้แต่น้อย คือแค่เริ่มขยับเนื้อ ขยับตัว เท่านั้น บรรดาผู้ที่ใจร้อน ใจเร็ว ทั้งหลาย ซึ่งชักจะเริ่มหุดๆ หิดๆ กับรัฐบาล คสช.หรือคณะคสช.ต่างออกอาการสะดุ้ง สติและปัญญาหวนกลับคืนมาสู่ความรู้สึก แทนที่จะหันไปไล่ถีบ ไล่ทิ่ม คณะ คสช. ก็กลับหันมาออกอาวุธใส่ผีหลอกวิญญาณหลอน หรือผีลืมหลุม กันแทนที่...
    -------------------------------------------------
    เนื่องจากตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา บรรดาผู้คนที่กลัวผีเหล่านี้ ใช่ว่าจะมีอยู่แค่คน สองคน ซะเมื่อไหร่ แต่มีอยู่เป็นล้านๆ ถ้าคิดออกมาสู่ท้องถนน ออกมาสู่แสงสว่าง ขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็เล่นเอารัฐบาลของผีลืมหลุม มีอันต้องล้มลุก คลุกคลาน ซะทุกทีไป ยิ่งมีกองทัพทั้งกองทัพ ยืนปักหลักอยู่เคียงข้าง โอกาสที่จะเอาชนะคะคาน ฟื้นยุทธศาสตร์แก้ว 3 ประการ หรือกะละมัง 3 ใบ ยังไงๆ มันย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วแน่ๆ เพราะไม่ว่า พรรค ก็ออกอาการหัวขาด หางขาด ต่อไม่ติดไปตลอดทั้งลำตัว มวลชน ก็แตกสลาย กระจัดกระจาย แทบไม่เหลือ หมู่บ้านแดง ให้เกะกะสายตาอยู่ในแห่งหน ตำบลใด เอาเลยแม้แต่น้อย เหลืออยู่แต่ หมู่บ้านศีล 5 ชาวประชาเป็นสุข กันแทนที่ ส่วน กองกำลัง ไม่ว่าประเภททราบฝ่าย หรือไม่ทราบฝ่าย กว่าครึ่งหนึ่งก็กำลังฝึกอาวุธ ฝึกหิ้วโซ่ หิ้วตรวน อยู่ในคุกซะเป็นหลัก...
    -------------------------------------------------
    แล้วยังงี้มันจะไปเหลืออะไร!!! เหลือแต่ตัวเองกับสากกะเบืออันเดียวโด่ๆ แถมยังเป็นสากกะเบือที่ดันมีมะเร็งไข่ติดปลายสากมาอีกด้วย ด้วยเหตุนี้...หนทางที่ดีที่สุด ย่อมหนีไม่พ้นต้องพยายามเงียบๆ เฉยๆ เข้าไว้ เก็บเนื้อ เก็บตัว ไม่พยายามโฉบไป โฉบมา อาศัย กระบวนการยุติธรรมที่ล่าช้า ยืดเวลา กฎแห่งกรรม ไปจนกว่าผู้คนจะลืมๆ ไปเอง หรือตัวเองเกิด “สำนึก” ขึ้นมาได้เอง อันนั้นนั่นแหละ...ที่ถือเป็นความกรุณา ปรานี อันหาที่สุดมิได้!!!
    ---------------------------------------------------
    ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Anon...“An elephant hanging over a precipice with his tail tied to a daisy---Your Life.- ชีวิตของคนเราเปรียบได้กับตัวช้างที่แขวนอยู่บนหน้าผา โดยมีหางของมันผูกไว้กับดอกเดซี...”
    ---------------------------------------------------​



    ข่าวหน้า 1 | ไทยโพสต์
     
  17. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    https://www.facebook.com/Paisal.Fanpage?hc_location=timeline

    Paisal Puechmongkol

    คลื่นใต้น้ำก่อตัวและท่าทางจะลำพอง


    คงลืมไปว่า คสช ยังอยู่

    กฎอัยการศึกยังอยู่

    คิดบ้างสิว่าบ้านเมืองที่เป็นอยู่นี้ดีกว่าหรือแย่กว่าก่อนยึดอำนาจ

    ถ้าดีกว่า จะก่อปัญหาทำไม

    เสือแม้หมอบอยู่อย่าได้หมายความว่าเสือตาย

    ข้อยบอกได้อย่างนี้แหละพระคุณท่าน
     
  18. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    https://www.facebook.com/Paisal.Fanpage?hc_location=timeline

    Paisal Puechmongkol

    ก็แปลกดี

    เทศกาลนี้เป็นเทศกาลฝน

    กรีดยางได้น้อยหรือไม่ได้

    ไฉนจึงเกิดคลื่นยาง

    ไม่ค่อยเนียนมั๊ง

    ทว่าราคายางตกนั้นต้องแก้

    ปมหลักต้องทำลายการผูกขาดของบริษัทจีน

    ต้องรีบตั้งศูนย์แปรรูปยางโลกที่ภาคตะวันออกแล้วส่งเสริมการลงทุนในการแปรรูปยางให้เต็มที่

    กุมอำนาจต่อรองตลาดยางเสียเอง ก็จะแก้ปัญหายางถาวรได้
     
  19. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    https://www.facebook.com/Paisal.Fanpage?hc_location=timeline

    Paisal Puechmongkol


    บ้านเมืองนี้เป็นของเราทุกคน

    แต่บางคนไม่ต้องการให้สงบสุข ปล่อยข่าวจังเลยว่าจะปฏิวัติซ้อน

    อย่าตื่นตามการปล่อยข่าวเลย

    ครับ ทหาร เขาใจถึงใจ รุ่นพี่รุ่นน้อง โยงใย

    เขาไม่เหมือนนักการเมืองหรอกครับ
     
  20. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410

    เปลว สีเงิน
    Tuesday, 16 September, 2014 - 00:00

    ภาวะ 'ฟักตัว'-ภัยความมั่นคง


    ประชุมนัดแรกวันนี้ (๑๖ กันยายน) หลังเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน คณะรัฐมนตรีประยุทธ์ยังมิได้เข้าไปประเดิมไมค์ทองคำ ในห้องประชุมชั้น ๕ ตึกบัญชาการ ๑ ครับ...!

    เหตุผลอย่างเป็นทางการ ต้องรอผลการตรวจสอบของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐ (คตร.) ตั้งข้อสังเกตเรื่องราคาไมค์แพงเกินจริงออกมาก่อน

    ส่วนสาเหตุ "ไม่เป็นทางการ" แต่สำคัญกว่า ว่ากันว่า เหมือนหมอดูทักว่าจะได้เนื้อคู่เป็นคนมีตำหนิ จำต้องชักขากลับ

    คืนแรกส่งตัวเข้าห้องหอ ดันไปนอนกับโจร...ก็บรรลัยซิครับ...!

    อดทนรอกันอีกนิด แต่ความจริงเริ่มแพลม อาจไม่มีคนผิด ผลสอบแค่ไมค์สเปกสูง ฉุดราคาสูงไปด้วยจะให้ทำไง ก็เขาลดราคาให้แล้ว ก็เอวังด้วยประการฉะนั้นซิ

    ส่วนตัวผมไม่เกี่ยงว่าท่านจะรักษาความลับ เก็บความลึก ของผลการประชุม ต่อให้ใช้ไมค์ตัวละล้าน ขอแค่ทุกอย่างโปร่งใสตรวจสอบได้

    ที่สำคัญพูดคำเดียวต้องจบ ไม่ใช่ปล่อยคลุมเครือจนตกเป็นเหยื่อสมุนโจรปล้นชาติเอาไปเมาธ์กันมันปาก

    มันเสียความรู้สึก...!

    พูดเรื่องลึกเรื่องลับต้องวกเข้าเรื่องความมั่นคงของชาติ ได้เวลาตบตูด ตบแต่ง บุคลากรกันใหม่ ขึ้นชื่อว่ารัฐบาลพรรคข้าราชการ ย่อมมีบุคลิกต่างไปจากรัฐบาลจากการเลือกตั้งแน่นอน

    พวกข้ามห้วย มุดหนอง หากมี...ถือว่าผ่าเหล่า...! ประเภทว่ากระโดดจากเลขาฯ สมช.ไปเป็นปลัดกระทรวงคมนาคมในยุคยิ่งลักษณ์ มันอัปลักษณ์เกินไปครับ

    ๒ หน่วยงานหลัก สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) ถึงวาระต้องเปลี่ยนหัว

    จะเป็นการเปลี่ยนถ่ายที่เป็นธรรมชาติ "ถวิล เปลี่ยนศรี" เสนอชื่อ "อนุสิษฐ คุณากร" รองเลขาธิการ ลูกหม้อ สมช. อาวุโสลำดับที่ ๑

    ๓-๔ เดือนมานี้ ชื่อ "อนุสิษฐ" ใครติดตามข่าว ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้คงได้ยินบ่อยๆ เพราะ "ถวิล เปลี่ยนศรี" ถางทางไว้ให้พอควร

    ส่วนสำนักข่าวกรองฯ นี่ก็ลูกหม้อ "ฉัตรพงศ์ ฉัตราคม" รอง ผอ.ข่าวกรองฯ อาวุโสลำดับที่ ๑ จะขึ้นเป็น ผอ.คนใหม่

    "ฉัตรพงศ์ ฉัตราคม" นักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ (วปอ.) รุ่นที่ ๕๑ มี พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าที่ผู้บัญชาการทหารบก เป็นเพื่อนร่วมรุ่น

    งานความมั่นคงในยุค คสช. จึงไม่ควรมีที่ว่างของความผิดพลาด ไม่ว่าจะเป็นความมั่นคงใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือภัยความมั่นคงภายใน ซึ่งก็คือการเมือง

    ปัญหา ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ต้องพึ่งข่าวกรองค่อนข้างมาก แต่ฟัง "สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ" รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พูดแล้ว ไม่สบายใจจริงๆ ครับ...!

    "ผมเชื่อว่าหากรัฐบาลได้มีโอกาสแก้ปัญหาภาคใต้ประมาณสัก ๓ เดือน ก็น่าจะเห็นอะไรบางอย่างที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น"

    สำนวนแบบนี้ปล่อยให้นักการเมืองมาจากการเลือกตั้งเขาพ่นกันเถอะครับ อย่าเปิดประเด็นให้มันระบาดเข้าไปในรัฐบาลประยุทธ์สุดที่รักของผมเลย!!!

    รับปากสุ่มสี่สุ่มห้า ๓ เดือนมันจะไปเห็นอะไร...ผมคนหนึ่งหละที่ไม่เชื่อ..!

    ไม่ใช่พวกท่านไม่มีฝีมือ แต่ความจริงคือปัญหามันไม่ได้แก้กันง่ายๆ จนเห็นความเปลี่ยนแปลงในเวลา ๓ เดือน ๖ เดือน

    ที่ผ่านมากองทัพเองก็มีส่วนในการแก้ปัญหา แม้ไม่ใช่ฐานะผู้กำหนดนโยบาย แต่ก็รับรู้ในฐานะผู้ปฏิบัติว่า ขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่นั้นทำได้แค่ไหน

    "บางคนบอกเราไม่ต้องไปคุยกับใคร ไม่ต้องสันติภาพกับใคร เอาทหารกวาดล้างให้หมด นั่นแหละจะเข้าเงื่อนไขของยูเอ็นทันที เค้าไม่ต้องพูด ถ้าใช้กำลังทางทหารเมื่อไร เมื่อนั้นจะยิงกันสนั่นทั้งเมือง แล้วเป็นการรบกับประชาชน ใช้ทหารไปกวาดล้างประชาชน ยิ่งประชาชนที่นับถือกันคนละศาสนา จะเข้าเงื่อนไขที่ต่างชาติจะส่งกำลังเข้ามาในไทยทันที ต้องการอย่างนั้นหรือเปล่า เรื่องนี้ต้องเข้าใจ อย่าใจร้อน วันนี้มันมีพวกมีอิทธิพล ค้าของเถื่อนผิดกฎหมายผสมกันอยู่ด้วย เราต้องค่อยๆ แก้กันไป ทหารตายทุกวันเจ็บปวดทุกวัน แต่เราเป็นทหารต้องอดทน"

    ท่านนายกฯ ประยุทธ์พูดกับนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นปี ๒๕๕๖ ณ ห้องมัฆวานรังสรรค์ สโมสรทหารบก วิภาวดีฯ วานนี้ (๑๕ กันยายน) ครับ

    ปัญหา ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้คงต้องยกยอดไปก่อนครับ ๑ ปีภายใต้รัฐบาล คสช. ว่ากันแบบไม่เกรงใจ ไม่น่าจะมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แค่ตีกรอบให้ปัญหาอยู่กับที่ผมว่าประเสริฐแล้ว

    แต่ความมั่นคงภายใน หากย่ำอยู่กับที่ก็ถือว่าประเทศพ่ายแพ้ เพราะมันจะกลับไปช่วงที่เถียงกันว่าจะปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง หรือเลือกตั้งก่อนปฏิรูปนะซิครับ

    “จริงๆ หนักใจอยู่ในการทำงาน ซึ่งระยะที่สองที่ทำในเรื่องการปฏิรูป ๑๑ เรื่อง สิ่งไหนทำได้ก็ทำก่อน ทำจริง และมีผลภายใน ๑ ปี และมีผลยั่งยืน เกิน ๑ ปีไปแล้วรัฐบาลไหนมาก็ส่งไป วางพื้นฐานประเทศไว้ให้ได้ เรามาช่วยกันก่ออิฐ ถือปูน ใส่เหล็กเข้าไปให้แข็งแรง ที่จะยุบลงมาจะได้ไม่ยุบ สามอำนาจยังไม่ทันล้ม ก่อน ๒๒ พฤษภาคม ผมไม่ได้ไปแย่งอำนาจใครมา เพราะรัฐบาลไม่มีอำนาจเต็ม เราเลยมาทำแทน”

    ลีลาของพลเอกประยุทธ์คนที่จะโกรธคงโกรธไม่ลง...นั่นผมหมายถึงคำพูดนะครับ...

    แต่โลกความเป็นจริง แม้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์จะไม่ได้เจอในสิ่งที่รัฐบาลอภิสิทธิ์แทบกระอักเลือด นั่นคือการประกาศศักดาของคนเสื้อแดงและชายชุดดำ แต่ใช่ว่า ๑ ปีนับจากนี้ไปจะราบเรียบเป็นผ้าพับ

    ผมไม่อยากให้ ๑ ปีของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์เป็นแค่การพักยก เพื่อรอการกลับมาอีกครั้งของทักษิณ แต่ควรใช้เวลาที่มีค่า เฉลี่ยความรู้สึกของคนไทยทั้งชาติ เกลี่ยความรักความชัง ให้มาอยู่ในจุดสมดุล

    แบบนี้ พูดง่ายทำยากนะซิครับ..!

    ผมไม่มีอะไรจะเถียง ทำให้เลือดตาแทบกระเด็นก็อาจยังไม่รู้ว่า จะหาจุดสมดุลของประเทศได้หรือไม่ เพราะแค่เรื่องชายชุดดำ ยังเถียงกันไม่จบว่ามี...ไม่มี...

    แม้จะมีหลักฐานคาตาก็เถอะ

    บรรยากาศการเมือง ณ เวลานี้ ไม่ได้ดุเดือดพล่าน แต่เสื้อแดงชักจะเดือดปุดๆ ซะแล้วซิครับ

    "จตุพร พรหมพันธุ์" แดงตัวพ่อ ที่ คสช.ควรให้ราคา ด้วยการเชิญไปปรับทัศนคติใหม่อีกสักรอบ น่าจะเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม เพราะสารที่ส่งกันในหมู่เสื้อแดงเวลานี้จะกระเทือนในวันหน้าแน่นอน

    ภัยความมั่นคงของชาติ ของสถาบันเบื้องสูง พูดไปเหมือนทำซ้ำ ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ผมคงไม่พูดอะไรมาก เพราะคิดว่า ขนาดผมยังได้เห็น ก็คงจะผ่านตาหน่วยงานความมั่นคงเช่นกัน

    ไหนๆ ปรับเปลี่ยนคนทำงานด้านความมั่นคงใหม่ยกชุดแล้ว น่าจะสกัดไม่ให้ลุกลามได้ หากทำงานกันอย่างจริงจัง

    ทิ้งให้เป็นปริศนาไว้ตรงนี้...!

    มาว่ากันเรื่องที่ฝอยได้ กรณี "กองกำลังชุดดำ" ได้ก่อความไม่พอใจถึงขั้นกบดานในถ้ำเฉยๆ ไม่ได้อีกต่อไป

    จากที่ฟัง "จตุพร พรหมพันธุ์" ไปออกทีวีเสื้อแดง จังหวะจะโคนแบบนี้ อยู่ในช่วงสุมไฟครับ

    "ขอเตือนพี่น้องอย่าตกเป็นเหยื่อของสถานการณ์ที่อธิบายเรื่องชายชุดดำ ไม่มีใครสามารถอธิบายได้ เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นใคร"

    "วันนี้เป็นการพูดถึงความตายด้านเดียว แต่กรณี ๙๐ กว่าศพไม่พูดถึง"

    "ไม่ต้องการเห็นฝ่ายหนึ่งกระทืบอีกฝ่ายหนึ่งในบรรยากาศที่บ้านเมืองต้องการความปรองดอง"

    ถ้าพูดแบบนี้ ไม่ต้องไปค้นหาความจริงกันครับ จะให้ซุกคดีเอาไว้แบบที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์เคยทำอย่างนั้นหรือ?

    ไม่ยอมรับเรื่องชายชุดดำ ยังเหมาเข่ง ๙๐ ศพเป็นเสื้อแดงล้วน เป็นวิธีการเก่าๆ ที่ใช้กันมาตลอด พอจะหาความจริงกลายเป็นไปกระทืบหางเข้า ก็ไม่แปลกครับถึงได้แยกเขี้ยวใส่...!

    ครับ..๑ ปีรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ อย่าเป็นเพียงการพักยก

    อย่าปล่อยเสื้อแดงเป็น "ปลาอัดเม็ด" รอฟักตัวตอนได้น้ำ.


    ผักกาดหอม

    http://www.thaipost.net/news/160914/96258
     

แชร์หน้านี้

Loading...