เงินเฟ้อที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นแล้ว??? รู้ทันโลก (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

สหรัฐงานเข้า! อิหร่านยืนยันบินลาดินตายก่อนหน้านี้นานแล้ว


มุสลิมไทยดอทคอม : 11 พค. 54 11:55:59




สำนักข่าวมุสลิมไทย อิหร่านยืนยันบินลาดินตายก่อนหน้านี้นานแล้ว

ข่าวเว็ปไซต์ en.rian.ru - สำนักข่าว ISNA รายงานเมื่อวันอังคาร (10/05) อ้าง ฮัยเดอร์ มอสลิฮี รัฐมนตรีกระทรวงข่าวกรองของอิหร่าน ซึ่งกล่าวว่า โอซามะ บินลาดิน ผู้นำอัล-กออิดะ ได้เสียชีวิตอย่างสงบไปนานแล้ว ด้วยอาการเจ็บป่วย และไม่ได้ตายเพราะถูกสังหารโดยหน่วยพิเศษของสหรัฐ ในปฏิบัติการเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา




มอสลิฮีกล่าวว่า ข่าวที่เขาได้รับสามารถเชื่อถือได้

เขาวิจารณ์สหรัฐที่ไม่ยอมเปิดเผยภาพศพของบินลาดิน และว่าสหรัฐออกข่าวใหญ่โตในเรื่องนี้ เป็นเพราะต้องการกลบข่าวความวุ่นวายในตะวันออกกลาง

โดยสหรัฐอ้างก่อนหน้านี้ว่า การเปิดเผยภาพดังกล่าวอาจกระตุ้นให้เกิดความรุนแรง และการแก้แค้น - www.muslimthai.com

 

คดี จตุพร หมิ่น สถาบันเจ้าตัวเครียด!! นอนคุกยาว ไม่มีวี่แววได้ออกวันไหน

มุสลิมไทยดอทคอม : 12 พค. 54 17:15:47

"ตู่"เครียด!! นอนคุกยาว ไม่มีวี่แววได้ออกวันไหน
นายโสภณ ธิติธรรมพฤกษ์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงการควบคุมตัว นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายนิสิต สินธุไพร แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ที่ถูกถอนประกันตัวในคดีก่อการร้าย ว่าทั้งสองคนถูกส่งตัวมายังแดนแรกรับ หลังศาลสั่งถอนประกันตัว ได้รับประสานให้รีบนำทั้งสองเข้าแดนแรกรับ เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ทันที โดยนายจตุพรมีสิทธิได้รับการเยี่ยมจากญาติตามกฎหมายในวันแรก จะเปิดให้เยี่ยมได้ถึงเวลา 15.00 น. แต่ระหว่างวันที่ 13-17 พฤษภาคม เป็นวันหยุดยาว ไม่สามารถให้เยี่ยมได้เพราะเป็นวันหยุดราชการ ตามระเบียบเรือนจำ ไม่อนุญาตให้เยี่ยม
ด้านนายนิสิต ตามระเบียบเรือนจำ ถือว่าเป็นผู้ต้องหาร่วมคดีความเดียวกัน ตามระเบียบต้องแยกควบคุม และจะพิจารณาแยกขับนายจตุพร และนายนิสิต ไม่ให้อยู่กับ นายสุรชัย แซ่ด่าน และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข
จากการได้พูดคุยกับนายจตุพรนั้น ค่อนข้างเครียดเนื่องจากเป็นการติดคุกครั้งแรก แม้ก่อนหน้านี้เคยติดคุกมาบ้างแต่เป็นช่วงเวลาเพียงไม่กี่วัน แต่ปัจจุบันยังไม่ชัดเจนว่าจะต้องถูกควบคุมตัวในเรือนจำนานเท่าใด

 

การเมือง : สถานการณ์โลก

วันที่ 15 พฤษภาคม 2554 07:37


ประธานไอเอ็มเอฟโดนรวบตัวข้อหาลวนลามพนักงานโรงแรม

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

โดมินิก สเตราส์-คาห์น ประธานไอเอ็มเอฟถูกตำรวจสหรัฐจับกุมและสอบสวนข้อหาล่วงละเมิดทางเพศพนักงานทำความสะอาดโรงแรมในนิวยอร์ก

นิวยอร์ก ไทมส์ รายงานว่า ประธานไอเอ็มเอฟถูกตำรวจการท่าอากาศยานนิวยอร์ก และนิวเจอร์ซีย์เชิญตัวลงจากเครื่องบินสายการบินแอร์ฟรานซ์เพียงไม่กี่นาทีก่อนเครื่องจะออกจากสนามบินจอห์น เอฟ เคนเนดี้ไปยังปารีส

สเตราส์-คาห์น ถูกตั้งข้อหาละเมิดทางเพศพนักงานทำความสะอาดโรงแรมโซฟิเทล นิวยอร์ก วัย 32 ปี หลังจากถูกจับกุมตัว คาดว่าสเตารส์ คาห์นจะถูกนำตัวไปยังสำนักงานของหน่วยสอบสวนบุคคลพิเศษแมนฮัตตัน

ตำรวจการท่าอากาศยานนิวยอร์กเข้าจับประธานไอเอ็มเอฟ ตามหมายของกรมตำรวจนิวยอร์กที่กำลังสอบสวนคดีทำร้ายร่างกายพนักงานโรงแรมโซฟิเทล นิวยอร์ก ย่านไทมส์ สแควร์

โดมินิก สเตราส์ คาห์น เป็นตัวเก็งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสสมัยหน้า โดยลงสมัครแข่งขันในนามพรรคสังคมนิยม

ก่อนหน้านี้ เขาเคยเผชิญกับเรื่องอื้อฉาวทางเพศมาแล้วกรณีมีความสัมพันธ์สวาทกับผู้ใต้บังคับบัญชาที่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไอเอ็มเอฟสาขาแอฟริกา

ต่อมาพนักงานคนดังกล่าวได้ลาออกจากไอเอ็มเอฟ ไปทำงานเป็นพนักงานธนาคารเพื่อการพัฒนาและฟื้นฟูแห่งยุโรป เนื่องจากไอเอ็มเอฟกำลังดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาวิกฤติการเงินโลกอยู่ สเตราส์ คาห์นจึงดำรงตำแหน่งประธานไอเอ็มเอฟต่อ และได้ออกมาขอโทษต่อการกระทำที่ผิดพลาด

เหตุเกิดเมื่อวันเสาร์เวลาบ่ายโมง เมื่อพนักงานทำความสะอาดโรงแรมวัย 32 ปีเข้าไปทำความสะอาดห้องพักหมายเลข 2806 ซึ่งเป็นห้องพักที่สเตราส์คาห์นเข้าพักตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา ตามคำให้การของพนักงานเล่าว่าเธอคิดว่าห้องดังกล่าวไม่มีคนอยู่ และระหว่างทำความสะอาดที่ห้องโถง ประธานไอเอ็มเอฟเดินออกจากห้องน้ำในสภาพล่อนจ้อน และตรงเข้ามาลวนลามหมายมีเพศสัมพันธ์ เธอขัดขืนแต่กลับถูกลากตัวเข้าห้องนอนและผลักลงบนเตียง

จากนั้นสเตราส์ได้ตรงไปล็อคห้อง พนักงานพยายามปกป้องตัวเองอีกครั้ง แต่สเตราส์คาห์นยังคงไม่ลดละความพยายามเข้าฉุดกระชากลากถูกเธอไปตามโถงห้องแล้วผลักเข้าห้องน้ำพยายามมีเพศสัมพันธ์อีกเป็นครั้งที่สอง แต่เธอต่อสู้จนสามารถหนีออกมาจากห้องได้ และเล่าเรื่องให้เพื่อนพนักงานฟังก่อนแจ้ง 911 เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงห้องพักไม่พบเงาของประธานไอเอ็มเอฟแล้ว ดูเหมือนเขาลุกลี้ออกจากห้องไปอย่างกระทันหัน โดยที่เกิดเหตุยังพบโทรศัพท์มือถือของสเตราส์คาห์นวางอยู่

 

ยุคเงินเฟ้อสูงกำลังมา
โดย สุรศักดิ์ ธรรมโม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ฟินันซ่าจำกัด
แม้ว่าในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบ WTI จะลดลงต่ำกว่าระดับ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลซึ่งมีส่วนช่วยนักการเมืองและนายธนาคารกลางทั่วโลกให้คลายความกังวลในเรื่องเงินเฟ้อเร่งตัวในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่า ราคาน้ำมันดิบนั้น มีความเป็นไปได้มากที่จะกลับมายืนอยู่เหนือระดับ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แม้ว่าวิกฤติความไม่สงบทางการเมืองที่ลิเบียจะยุติลงก็ตาม เพราะที่สุดแล้ว โครงสร้างการขับเคลื่อนของราคาน้ำมันจะยังคงกลับมาที่ปัจจัยอุปสงค์และอุปทาน
เมื่อพิจารณาในแง่ของอุปสงค์และอุปทานของน้ำมัน ความจริงที่เราเห็นคือ เศรษฐกิจโลกพ้นวิกฤติแล้ว โอกาสที่จะกลับมาอยู่ในภาวะตกต่ำนั้น เป็นไปได้น้อยมาก ในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาโดยเฉพาะ จีน อินเดีย กำลังขยายตัวอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง เศรษฐกิจประเทศพัฒนาแล้วโดยเฉพาะประเทศตะวันตก อาทิ สหรัฐและยุโรปกำลังค่อยๆฟื้นตัว
แม้จะมีความกังขาในเรื่องของการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่งของสหรัฐและบางประเทศในชายขอบของกลุ่มยูโรโซน (เช่น สเปน อิตาลี กรีซ โปรตุเกส) แต่ไม่มีนักวิเคราะห์คนใดคาดว่าประเทศเหล่านี้จะกลับมาพบกับภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวอย่างแรงดังเช่นเมื่อ 2 ปีก่อน
ในด้านอุปทานน้ำมัน ยังไม่มีการเจอหลุมน้ำมันใหม่ๆที่มีน้ำมันในปริมาณมากหรือเทคโนโลยีที่จะช่วยลดการใช้พลังงานฟอสซิลโดยเฉพาะน้ำมันอย่างมีนัยสำคัญ และการที่ญี่ปุ่นเผชิญวิกฤตินิวเคลียร์เมื่อไม่นานมานี้ ส่งผลให้โครงการผลิตพลังงานจากนิวเคลียร์ในหลายประเทศจะต้องเลื่อนหรือยกเลิกไป
ในแง่นี้ สรุปได้ว่า อุปสงค์น้ำมันจะขยายตัวตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในขณะที่การที่ไม่มีพลังงานที่ทดแทนน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอย่างมีนัยสำคัญ ผลคือ เรากำลังเผชิญกับภาวะอุปสงค์น้ำมันมากกว่าอุปทานน้ำมัน นั่นหมายความว่า ระดับราคาน้ำมันมีความเป็นไปได้มากที่จะยืนราคาในระดับที่สูงกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลยาวนานกว่าที่คาดไว้มาก และนี่คือปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้เงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้น
ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งคือการสิ้นสุดของยุคสมัยแรงงานราคาถูกที่จีน ในช่วง 10-15ปีที่ผ่านมาหลังการพังทลายของกำแพงเบอร์ลินและการเปิดประเทศของจีน มีส่วนช่วยให้จำนวนแรงงานจำนวนมากเข้าสู่ตลาดแรงงานโลก ผลคือค่าจ้างที่ต่ำ และมีส่วนโดยตรงที่ช่วยลดต้นทุนการผลิตสินค้าและบริการ
ภาพจาก GreekShares

อย่างไรก็ตาม บทความในหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 54 (China’s Rising Wages Propel U.S. Price) ได้อธิบายว่ากำลังจะเกิดเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างของค่าจ้างในประเทศจีน กล่าวคือ รัฐบาลจีนมีนโยบายที่จะปรับเพิ่มค่าจ้างให้สูงขึ้นเพื่อลดปัญหาความไม่สงบทางสังคมและแก้ปัญหาเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ เจ้าของโรงงานที่รับจ้างผลิตหรือ Outsource ขนาดใหญ่อย่าง นาย William Fung กรรมการผู้จัดการบริษัท Li & Fung ถึงกับประเมินว่าอีก 5 ปีข้างหน้า ค่าจ้างในจีนจะเพิ่มขึ้น 80 % จากปัจจุบัน นอกจากนี้ การที่อัตราแลกเปลี่ยนของจีน กำลังแข็งค่าขึ้นเพื่อลดแรงกดดันของเงินเฟ้อและแรงกดดันทางการเมืองของสหรัฐ ผลคือ จีนกำลังจะเปลี่ยนจากประเทศที่ “ส่งออกเงินฝืด” มาเป็น “ส่งออกเงินเฟ้อ” ในอนาคต นั่นบ่งชี้ว่า ระดับราคาสินค้าทั่วโลกที่ผลิตมาจากจีนหรือมีส่วนประกอบที่มาจากจีนจะมีราคาสูงขึ้น อันเป็นผลจากต้นทุนแรงงานและอัตราแลกเปลี่ยนที่สูงขึ้น ในกรณีของไทยเอง พรรคการเมืองบางพรรคได้ประกาศการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ เป็นนโยบายหาเสียงหลัก
อีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญคือ การที่สหรัฐอเมริกากำลังเผชิญปัญหาการขาดดุลการคลังอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ในอนาคต รัฐบาลสหรัฐมีความจำเป็นที่จะต้องออกพันธบัตรรัฐบาลจำนวนมาก ถ้าต้องการให้ต้นทุนการออกพันธบัตรอยู่ในระดับต่ำ ต้องทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อในประเทศหรือการทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า ผลคือ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับราคาขึ้นเพื่อชดเชยราคาขายในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐที่ลดลง
โดยสรุปแล้ว ผมคาดว่า “ยุคสมัยแห่งเงินเฟ้อสูง” กำลังจะมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในเชิงเศรษฐกิจ มหภาค อัตราเงินเฟ้อที่สูงบ่อนทำลายเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ในเชิงบุคคล อัตราเงินเฟ้อที่สูง ทำลายค่าของเงินและทำร้ายทางการเงินแก่ผู้ออมจำนวนมากที่ลงทุนในตราสารหนี้และผู้ที่กำลังจะเกษียณอายุ ดังนั้น บุคคลธรรมดา อาจจะต้องเร่งทำความเข้าใจเรื่องการลงทุนรวมทั้งความเสี่ยงในตราสารประเภทหุ้น และสินค้าโภคภัณฑ์อย่างเร่งด่วนที่สุดเพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ
หมายเหตุ: ขอบคุณ คุณวงจันทร์ ศรีเปารยะ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ฟินันซ่าจำกัด สำหรับการแลกเปลี่ยนความคิดในเรื่อง “ยุคของเงินเฟ้อ”
บทความนี้ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ 13 พ.ค. 2554

ยุคเงินเฟ้อสูงกำลังมา | Siam Intelligence

 

บิน ลาเดน ใช้ “อีเมล์” อย่างไร?! ไม่ให้สหรัฐฯ จับได้
ขณะที่ บิน ลาเดน ซ่อนตัวอยู่ เขาใช้อีเมล์เป็นสื่อกลางในการสื่อสารอย่างไรโดยไม่ให้สหรัฐฯ แกะรอยได้ การตรวจสอบระบบของเขาเป็นไปอย่างเชื่องช้าแต่ในที่สุดก็ประสบผลสำเร็จ และทำให้เขาได้กลายเป็นผู้เขียนอีเมล์จำนวนมากที่ไม่ต้องใช้ระบบอินเตอร์เน็ตหรือต่อสายสัญญาณโทรศัพท์ใดๆ


วิธีการของเขาถูกเปิดเผยโดยเจ้าหน้าที่ผู้ต่อต้านการก่อการร้ายผ่านสำนักข่าว AP และหน่วยสอบสวนของสหรัฐฯ จะเห็นได้ว่าชาติตะวันตกต้องเผชิญกับความสับสนยิ่งนักกับการสืบค้น ติดตามแกะรอย บิน ลาเดน ในโลกไซเบอร์
ระบบของ บิน ลาเดนถูกสร้างให้เกิดความเชื่อฟังและไว้วางใจได้ โดยเบื้องหลังการบันทึกข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมาก หลังจาก บิน ลาเดน เสียชีวิตเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เผยให้เห็นถึงข้อความกว่าพันฉบับ และรายชื่อทางอีเมล์ของผู้มีอิทธิพลกว่า 100 ราย
การใช้ e-mail เพื่อสื่อสารของ บิน ลาเดน ที่สร้างความฉงนให้สหรัฐฯ เนิ่นนาน

ปฏิบัติการดังกล่าวทำได้ โดยผู้ส่งสารนำเมมโมรี่ไดรฟ์ (Memory Drive/ Flash Drive) คัดลอกข้อความจากคอมพิวเตอร์ที่บิน ลาเดน ได้พิมพ์ข้อความไว้และนำส่งเผยแพร่ทางอีเมล์ และเมื่อมีข้อความนำเข้า (Inbox message) ผู้ส่งสารก็จะนำข้อความดังกล่าวจากอีเมล์ของเขา บันทึกลงเมมโมรี่ไดรฟ์ และนำกลับมาให้ บิน ลาเดนอ่าน โดยสถานที่ที่ผู้เดินสารดำเนินการก็คือ “อินเตอร์เน็ต คาเฟ่”!!?
กระบวนการดังกล่าวดำเนินไปอย่างเชื่องช้าและค่อนข้างระมัดระวังจากการจับจ้องของเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรอง แม้สหรัฐฯ เคยสงสัยก่อนหน้านี้แล้วว่า บิน ลาเดน จะมีการติดต่อสื่อสารผ่านคนเดินสารอย่างไร แต่ไม่คิดว่าการสื่อสารดังกล่าวของ บิน ลาเดน จะถูกเปิดเผยโดยหลักฐานที่ทิ้งไว้ในเบื้องหลังเอง
หน่วยนาวิกโยธินได้ฉกฉวยเอาเมมโมรี่ไดรฟ์กว่า 100 อันออกมาจากที่พักของ บิน ลาเดน หลังจากเขาเสียชีวิต เจ้าหน้าที่กล่าวว่า พวกเขามีผู้สนับสนุนที่ติดต่อกันอยู่ระหว่างบิน ลาเดน และเครือข่ายทั่วโลก

กลุ่มปฏิบัติการอัลกออิดะห์ทราบเรื่องดังกล่าวจึงเปลี่ยน e-mail address ใหม่ แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ายังมีอะไรที่ต้องสานต่อหลังบิน ลาเดน เสียชีวิต แต่รายชื่อและเบอร์โทรศัพท์อันยาวเหยียดในอีเมล์ ซึ่งเป็นที่คาดการณ์ว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ ดังนั้นอาจใช้หมายศาลเรียกตัวผู้ให้บริการทางอินเตอร์เน็ตมาดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม
เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ระบุว่า บิน ลาเดนติดต่อสื่อสารกับใครภายในสหรัฐฯ บ้าง อย่างไรก็ตามเอกสารทางอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ ต้องขอความช่วยเหลือของฝ่ายข่าวกรองจากทางการของรัฐอาหรับช่วยพิสูจน์ เจ้าหน้าที่บางรายกล่าวว่า ข้อความที่บันทึกไว้ได้ถูกเปิดเผยให้เห็นการก่อการร้ายรูปแบบใหม่ และยังแสดงให้เห็นอีกว่า บิน ลาเดน ยังคงเกี่ยวพันกับปฏิบัติการของอัลกออิดะห์อยู่ หลังจากเขาเสียชีวิต สหรัฐฯ สันนิษฐานว่าการบังคับบัญชาการทั้งหมดของบิน ลาเดน จะถูกส่งผ่านอำนาจไปยังนายไอมาน อัล ซาวาฮิรี (Ayman al-Zawahri)
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่ยึดได้จาก บิน ลาเดน ทั้งหมด ยังคงไม่เพียงพอที่จะช่วยให้สหรัฐฯ ค้นหาผู้นำกลุ่มอัลกออิดะห์รายอื่นต่อไป

ที่มา: Yahoo

บิน ลาเดน ใช้ "อีเมล์" อย่างไร?!! ไม่ให้สหรัฐฯ จับได้ | Siam Intelligence

 

มาเลเซียเสนอส่งทหารรักษาความสงบในบาห์เรนแทนทหารซาอุดี้

มุสลิมไทยดอทคอม : 16 พค. 54 10:07:25

มุสลิมไทยดอทคอม : มาเลเซียเสนอส่งทหารรักษาความสงบในบาห์เรนแทนทหารซาอุดี้

สำนักข่าวอัล-อาราบิญา, เอเจนซี่ - นายกรัฐมนตรีนาญิบ ราซัค แห่งมาเลเซีย เสนอส่งกองทหารไปช่วยรักษาความสงบในประเทศบาห์เรน และเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด

​

สำนักข่าวเอเอฟพี. รายงานว่า นายกมาเลเซียได้สนับสนุนความพยายามของราชอาณาจักรซาอุดี้ ที่มุ่งหวังจะช่วยแก้ปัญหาความไม่สงบในภูมิภาค แต่การมีทหารซาอุดี้อยู่ในบาห์เรนทำให้กลุ่มต่อต้านรัฐบาลไม่สบายใจ รวมทั้งอีกหลายประเทศที่มีชาวชีอะฮฺอาศัยอยู่แสดงความห่วงกังวล

การประท้วงของประชาชนในบาห์เรนเพื่อเรียกร้องเสรีภาพเริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา บาห์เรนมีชาวชีอะฮฺเป็นประชากรส่วนใหญ่ แต่ผู้ปกครองประเทศเป็นชาวซุนนี

คำแถลงของนายกรัฐมนตรีนาญิบมีขึ้นเมื่อวันศุกร์ (13/05) หลังจากได้เข้าเฝ้ากษัตริย์อับดุลเลาะฮฺ ที่กรุงริยาดฮฺ โดยว่า มาเลเซียถือเป็นเกียรติที่ได้เสนอความช่วยเหลือ และได้เตรียมกองทหารพร้อมไว้แล้ว ต้องการเพียงคำเชื้อเชิญจากผู้นำประเทศเท่านั้น

กลุ่มสิทธิมนุษยชนนานาชาติเรียกร้องให้บาห์เรนปล่อยผู้ประท้วงจำนวนหลายร้อยคนที่ได้จับกุมไป ตั้งแต่เริ่มมีเหตุการณ์ประท้วงเกิดขึ้น รัฐบาลบาห์เรนอ้างว่าตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ไม่สงบมีผู้เสียชีวิตไปเพียง 24 ราย ในจำนวนนี้เป็นตำรวจ 4 นาย – www.muslimthai.com

http://www.muslimthai.com/main/1428/content.php?page=sub&category=109&id=18124

 

อิหร่านอนุมัติสร้างเส้นทางคมนาคมผ่าน 5 ประเทศ
มุสลิมไทยดอทคอม : 16 พค. 54 10:12:06
มุสลิมไทยดอทคอม : อิหร่านอนุมัติสร้างเส้นทางคมนาคมผ่าน 5 ประเทศ


สำนักข่าวอัล-อาราบิญา - ทางการอิหร่านอนุมัติการริเริ่มข้อตกลงสร้างเส้นทางคมนาคมทางทะเล และทางบกเชื่อม 5 ประเทศในภูมิภาคเอเชียกลาง ซึ่งเป็นประเทศที่อุดมด้วยทรัพยากรด้านพลังงานแต่ขาดเส้นทางขนส่งติดต่อกัน ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมการค้าในภูมิภาค



หนังสือพิมพ์รายวันอิหร่านเดลี่ รายงานว่า ข้อตกลงร่วมดังกล่าวทำขึ้นที่อัชฆาบัติ เมืองหลวงของเติร์กเมนิสถาน เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา มุ่งหวังส่งเสริมโอกาสทางเศรษฐกิจโดยประเทศที่ร่วมลงนามได้แก่อิหร่าน เติร์กเมนิสถาน อุซเบกิสถาน กาต้าร์ และโอมาน
รัฐบาลอิหร่านโดยรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ อะลี อัคบาร์ ซอลิฮี มั่นใจว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะให้ผลลัพธ์ที่ดี และน่าชื่นชมสำหรับประเทศในภูมิภาค รวมทั้งจะเอื้อประโยชน์แก่ทั้ง 5 ประเทศในการเดินทางผ่านเส้นทางที่จะเชื่อมถึงกัน

เมื่อเมษายนที่ผ่านมา รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวอิหร่านได้กล่าวว่า อิหร่าน ตุรกี และซีเรีย จะพิจารณาริเริ่มทำข้อตกลงใช้ระบบวีซ่ารวมตามแบบที่ทำในสหภาพยุโรป แต่ยังไม่มีการแสดงทัศนะใดๆ มาจากอีก 2 ประเทศ

เดิมประชาชนในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปสามารถเดินทางเข้าออกในระหว่างประเทศสมาชิกด้วยกัน โดยใช้เพียงวีซ่าเดียว แต่เมื่อเร็วๆ นี้มีการพิจารณากฎระเบียบด้านหนังสือเดินทางใหม่ เพื่อหวังสกัดกั้นมุสลิมในประเทศแถบทวีปแอฟริกาเหนือ ที่อพยพลี้ภัยความไม่สงบมายังทวีปยุโรป - www.muslimthai.com

 

มุสลิมไทยดอทคอม : 14 พค. 54 17:21:48
มุสลิมไทยดอทคอม : เริ่มแล้ว ตอลิบานชำระแค้นให้บินลาดิน
สำนักข่าวอัล-อาราบิญา, เอเจนซี่ - เกิดเหตุระเบิดปลิดชีพ 2 ครั้งในศูนย์ฝึกทหารทางตะวันตกเฉียงเหนือของปากีสถานวันนี้ (13/05) ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 70 คน และบาดเจ็บจำนวนมาก โดยกลุ่มตอลิบันในปากีสถานออกมาอ้างว่าเป็นผู้ก่อเหตุ เพื่อล้างแค้นให้กับการสังหารบินลาดินเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา และนี่เป็นเพียงครั้งแรกเท่านั้น

​

อิฮฺซานุลเลาะฮฺ เอี๊ยะซาน โฆษกกลุ่มตอลิบันกล่าวกับสำนักข่าว เอเอฟพี.ทางโทรศัพท์ว่า จะมีการก่อเหตุล้างแค้นที่ใหญ่กว่านี้ทั้งในปากีสถาน และอัฟกานิสถาน
เหตุครั้งนี้รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เกิดเหตุระเบิดขึ้นในมัสยิดที่ Darra Adam Khel ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือเช่นกัน เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 68 ราย

ภายใน 4 ปีที่ผ่านมาปากีสถานมีผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดฆ่าตัวตายกว่า 4,300 คน นับตั้งแต่รัฐบาลได้เข้ากวาดล้างมัสยิดที่มีกลุ่มหัวรุนแรงดำเนินการในอิสลามาบัด เมื่อปี พ.ศ. 2550

เหตุระเบิดหลายครั้งมุ่งสังหารทหาร-ตำรวจ ในกองกำลังผสมรักษาความปลอดภัยทั้งที่ถูกเกณฑ์ และที่เป็นผู้สำเร็จการศึกษาด้านทหาร-ตำรวจ

รัฐบาลปากีสถานแถลงเมื่อวันพฤหัส (12/05) ว่า จะทบทวนความร่วมมือต่อต้านก่อการร้ายกับสหรัฐอเมริกา หลังถูกกดดันจากหลายฝ่ายในประเทศ อันเนื่องมาจากปฏิบัติการณ์ของกองกำลังสหรัฐเหนือดินแดนอธิปไตยของปากีสถานโดยไม่ได้รับการอนุญาต – www.muslimthai.com

​

 

มุสลิมไทยดอทคอม : 14 พค. 54 17:44:36

มุสลิมไทยดอทคอม : หญิงชนวนความขัดแย้งถูกจับข้อหามีสามีเกินกว่า 1 คนในเวลาเดียวกัน
ไคโร – เมื่อวันพฤหัส (12/05) หญิงชาวอียิปต์ชนวนความขัดแย้งระหว่างคริสต์คอปติค กับกลุ่มซาลาฟีย์มุสลิม ที่ปะทะกันจนทำให้มีผู้เสียชีวิต 15 คน และบาดเจ็บกว่า 200 คน ถูกจับแล้วด้วยข้อหาการมีสามีหลายคนในเวลาเดียวกัน


อะเบียร์ ทาลาต ฟาครี วัย 26 ปี แต่งงานอยู่กินกับสามีชาวคริสต์คอปติคในเมือง Assiut ทางตอนใต้ของประเทศ แต่ปรากฏว่าเธอหนีออกจากบ้านเนื่องจากปัญหาในครอบครัว หลังจากนั้นเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม และแต่งงานใหม่กับหนุ่มมุสลิมชื่อ ยัสซิน ทาเบต

กลุ่มซาลาฟีย์หลายร้อยคนบุกเข้าจู่โจมโบสถ์คริสต์ในเขตอิมบาบา เมื่อวันเสาร์สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากมีข่าวลือว่ามีหญิงที่เปลี่ยนมานับถืออิสลามถูกกักขังไว้

ตามความเชื่อของชาวคริสต์คอปติค บาทหลวงจะไม่ทำการหย่าให้คู่สามี-ภรรยาที่แต่งงานกัน เว้นแต่จะเข้าข่ายข้อยกเว้นที่มีอยู่ไม่กี่ข้อ ดังนั้น จึงมีหลายกรณีที่คู่สมรสเกิดความขัดแย้งในครอบครัว และฝ่ายหญิงหนีออกจากบ้านแล้วมาเข้าอิสลาม เพื่อให้หลุดพ้นจากศาสนาคริสต์ แต่หากผู้หญิงที่เข้ารับอิสลามไปแต่งงานใหม่กับมุสลิม การแต่งงานนั้นก็จะไม่ถูกต้องเนื่องจากเธอยังไม่ได้ถูกหย่าขาดตามศาสนา

ชาวคริสต์คอปติคในอียิปต์มีประมาณร้อยละ 10 ของประชากรทั้งประเทศ 80 ล้านคน – www.muslimthai.com

 

มุสลิมไทยดอทคอม : 14 พค. 54 17:29:19
มุสลิมไทยดอทคอม : นิตยสารแดนผู้ดีจัดโหวตให้ราชินีโมร๊อกโกงามสง่าที่สุด
สำนักข่าวอัล-อาราบิญา, เอเจนซี่ - นิตยสารข่าวคนดัง Hello แห่งดินแดนผู้ดีอังกฤษ จัดอันดับให้เจ้าหญิง ลัลลา ซัลมา พระชายากษัตริย์แห่งโมร๊อกโก เป็นผู้ได้รับเชิญที่แต่งกายได้สง่างาม และมีบุคลิกน่าประทับใจที่สุด ในพิธีแต่งงานของเจ้าชายวิลเลี่ยมที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 เมษายน ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติระดับผู้นำประเทศ และผู้มีชื่อเสียงที่ได้รับเชิญอย่างเป็นทางการ 1,900 คนจากทั่วโลก

​

นิตยสารเฮลโลรายงานว่า ชุดที่เจ้าหญิงทรงเป็นชุดประจำชาติที่สตรีชาวโมร๊อกโกนิยมสวมใส่ หรือที่เรียกกันว่า kaftan ชุดดังกล่าวสามารถดัดแปลงใส่ได้หลายโอกาส ไม่ว่าจะเป็นงานปาร์ตี้ตอนค่ำ งานหมั้น หรืองานแต่งงาน ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ในการปัก และตัดเย็บว่าจะให้หรูหราขนาดไหน​

ชุดที่เจ้าหญิงทรงเป็นสีชมพูอ่อนตกแต่งด้วยสีทอง เธอได้รับการโหวตร้อยละ 55 จากผู้อ่านนิตยสาร ส่วนผู้ที่ได้อันดับ 2 คือ ปิ๊บป้า มิดเดิลตั้น น้องของเจ้าสาว ซึ่งคอยช่วยเหลือ เคท มิดเดิลตั้น อยู่ไม่ห่างตลอดงาน ส่วนอันดับ 3 ที่คะแนนสูสีกัน คือ ชาร์ลีน วิตต์สต๊อก ซึ่งมีข่าวจะแต่งงานกับเจ้าชายอัลเบิร์ต แห่งโมนาโคในเดือนมิถุนายนนี้ และเจ้าหญิงเลทิเซีย แห่งสเปน – www.muslimthai.com

 

วันอาทิตย์ ที่ 20 มีนาคม 2554
ปัญหาของไข่ไก่ ที่ไม่ใช่เรื่องชั่งกิโลขาย ... แต่เป็นปัญหาที่สำคัญกว่านั้นมากมาย
Posted by สุรศักดิ์ ชวยานันท์

ปัญหาของไข่ไก่ ที่ไม่ใช่เรื่องชั่งกิโลขาย ... แต่เป็นปัญหาที่สำคัญกว่านั้นมากมาย

​

ไข่ ... อาหารยอดนิยมสำหรับคนไทยมาช้านานแล้ว ไม่ว่ายากดีมีจนแค่ไหน
ปัญหาของไข่ โดยเฉพาะไข่ไก่ ที่จะหยิบยกมานั้น ไม่ใช่เรื่องราคาถูกแพง
หรือเรื่องวิธีการขายแบบใหม่ ที่เป็นเรื่องชั่งกิโลขาย และผู้คนไม่ค่อยยอมรับกัน
เพราะผิดไปจากความเคยชิน และผู้บริโภคก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรเพิ่มขึ้นกว่า
วิธีการขายแบบเดิม


ปัญหานี้เป็นปัญหาที่ผู้เขียนเห็นว่าสำคัญมากสำหรับผู้บริโภค นั่นก็คือ ...

ไข่ไก่เป็นอาหารที่มีโคเลสเตอรอลสูงมากหรือไม่

หากเป็นอาหารที่มีโคเลสเตอรอลสูงมาก บริโภคเข้าไปมาก ๆ เป็นประจำ ก็อาจจะนำมาซึ่ง
โรคภัยที่ร้ายแรง เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคเส้นเลือดไปเลี้ยงสมองอุดตัน อัมพาต เป็นต้น


แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับไข่ไก่ ไว้ดังนี้



ไข่แดงเป็นอาหารที่มีโคเลสเตอรอลสูงมาก


ศาสตราจารย์ นายแพทย์ สุรัตน์ โคมินทร์ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาล
รามาธิบดี ได้เขียนบทความ "อาหารเพื่อหัวใจ" ลงในจุลสารข่าว ศูนย์การศึกษาต่อเนื่อง คณะแพทย
ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ฉบับที่ ๑๗ มกราคม - มีนาคม ๒๕๕๒ ส่วนหนึ่งความว่า

"วิธีการลดไขมันที่สำคัญ จึงมุ่งมาที่การควบคุมไม่ให้ร่างกายได้รับไขมันหรือวัตถุดิบที่ใช้สร้างไขมัน
เข้าไปมากเกินไป เราจึงต้องมารู้จักอาหารที่ทำให้ไขมันโคเลสเตอรอล และไขมันไตรกลีเซอไรด์สูง

อาหารที่มีโคเลสเตอรอลสูงมาก ได้แก่ ไข่แดง (ไข่ยิ่งฟองเล็ก ยิ่งมีโคเลสเตอรอลเข้มข้น)
สมองและหอยนางรม เครื่องในต่าง ๆ และหนังสัตว์ต่าง ๆ และส่วนที่เราคิดไม่ถึงคือ ส่วนคอ ปีก
และเท้าของสัตว์ปีก

อาหารที่มีโคเลสเตอรอลสูงปานกลาง ได้แก่ พวกเนื้อสัตว์ปนมันชนิดต่าง ๆ โดยเฉพาะเนื้อหมูและ
เนื้อวัว

ส่วนเนื้อสัตว์ที่มีโคเลสเตอรอลน้อย ได้แก่ ปลาและเนื้อไม่ติดมัน ไขม้นไม่อิ่มตัวจากน้ำมันพืช โดย
ทั่วไปช่วยให้การเผาผลาญโคเลสเตอรอลดีขึ้น แล้วมีผลให้โคเลสเตอรอลในเลือดลดลง ส่วนกะทินั้น
แม้จะไม่มีโคเลสเตอรอล แต่เนื่องจากมีไขมันอิ่มตัวอยู่มาก จึงกลับมีผลขัดขวางการเผาผลาญของ
โคเลสเตอรอล ทำให้โคเลสเตอรอลในเลือดสูงขึ้น

ฉะนั้น ควรเลือกและระวังในการรับประทานอาหาร เพื่อคุณจะได้ไม่ต้องเผชิญกับโรคต่าง ๆ และอยู่บน
โลกได้อย่างมีความสุข"

*+*+*




แพทย์อีกท่านหนึ่ง ได้แนะนำในเรื่องไข่ ไว้ดังนี้


ไข่ หมอรับประกันกินได้ทุกวัน ไม่ต้องกลัวคอเลสเตอรอล


แพทย์แนะกินไข่ทุกวัน ไม่อันตรายอย่างที่คิด แถมเป็นมิตรกับสุขภาพทั้งในเด็กและผู้ใหญ่
ช่วยเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี และลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีในเลือดได้พร้อมกัน ที่สำคัญช่วย
เสริมโปรตีนให้เด็กขาดสารอาหารได้เป็นอย่างดี

ผลการวิจัยล่าสุดของ นายแพทย์กรภัทร มยุระสาคร ผู้เชี่ยวชาญสาขาเวชศาสตร์ครอบครัว
โรงพยาบาลสมุทรสาคร ชี้ว่า การบริโภคไข่ไก่ทุกวัน วันละ ๑ - ๒ ฟอง ทำให้คอเลสเตอรอลใน
เลือดสูงจริง แต่เป็นคอเลสเตอรอลชนิดที่ดีต่อร่างกาย และดีต่อสุขภาพทั้งในเด็กและผู้ใหญ่

นายแพทย์กรภัทร เผยว่า คนทั่วไปมักเข้าใจกันว่า การกินไข่มากหรือกินไข่ทุกวัน จะทำให้
คอเลสเตอรอลในเลือดสูง ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว คอเลสเตอรอลมี ๒ ชนิด คือ คอเลสเตอรอล
ชนิดดี (HDL - cholesterol) และคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL - cholesterol) และจากการศึกษา
พบว่า การกินไข่นั้นช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีได้

นักวิจัยเผยถึงผลของการบริโภคไข่ไก่ในอาสาสมัครที่มีอายุระหว่าง ๒๐ - ๖๐ ปี ประกอบด้วย อาสา
สมัครชายจำนวน ๕๖ คน บริโภคไข่ทุกวัน วันละ ๑ ฟอง ติดต่อกันนาน ๓ เดือน โดยประกอบด้วย
ไข่ต้ม ไข่ดาวน้ำ ไข่ดาวธรรมดา ไข่พะโล้ ไข่ลูกเขย และไข่หวาน อีกกลุ่มหนึ่งเป็นอาสาสมัครหญิง
จำนวน ๑๑๗ คน บริโภคไข่ต้มทุกวัน วันละ ๒ ฟอง ติดต่อกันนาน ๒ เดือนครึ่ง

จากนั้น ตรวจวัดปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือดพบว่า ระดับคอเลสเตอรอลชนิดดีเพิ่มขึ้นทั้ง ๒ กลุ่ม
ในทางกลับกันระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี ก็ลดลงทั้ง ๒ กลุ่มเช่นเดียวกัน



นอกจากนี้ นักวิจัยยังศึกษาการเสริมไข่ในมื้ออาหารให้กับเด็กชนบทที่ร่างกายขายโปรตีน โดยทดลอง
ในเด็กชั้น ป. ๔ - ป. ๖ จำนวน ๒๗๓ คน แบ่งเป็น ๒ กลุ่ม กลุ่มแรกให้กินไข่ ๓ ฟองต่อสัปดาห์
อีกกลุ่มหนึ่ง ให้กินไข่ ๑๐ ฟองต่อสัปดาห์ นานติดต่อกัน ๓ เดือน

จากนั้นตรวจวัดปริมาณโปรตีนอัลบูลมินในเลือด พบว่า เด็กทุกคนมีระดับโปรตีนอัลบูลมินในเลือด
เพิ่มขึ้นเป็น ๑๐๐ % ระดับคอเลสเตอรอลชนิดดีก็เพิ่มขึ้น ส่วนระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีก็ลดลง
อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งให้ผลไม่แตกต่างกันทั้งกลุ่มที่กินไข่ ๓ ฟอง และ ๑๐ ฟองต่อสัปดาห์

ดังนั้น การให้เด็กที่ขาดโปรตีนกินไข่เพียง ๓ ฟองต่อสัปดาห์ สามารถช่วยทดแทนโปรตีนในเด็กที่
ขาดโปรตีน ซึ่งในชนบทประเทศไทยมีเด็กที่ขาดโปรตีนมากถึง ๒๙ % ซึ่งการขาดโปรตีนนั้น
อาจบอกไม่ได้ด้วยน้ำหนักตัว แต่ต้องตรวจสอบระดับโปรตีนอัลบูลมินในเลือด หากต่ำกว่า ๓.๓
มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร แสดงว่าร่างกายขาดโปรตีน

อย่างไรก็ดี นายแพทย์กรภัทร ชี้ว่า แม้การทดลองจะแสดงผลว่า การบริโภคไข่ไก่ทุกวันจะไม่มีผลเสีย
ต่อร่างกาย แต่ก็ควรยึดหลักความพอดี อาหารทุกชนิดควรบริโภคอย่างเหมาะสม ไม่มากหรือน้อย
เกินไป


ที่มา : บทความเรื่อง "ไข่ หมอรับประกันกินได้ทุกวัน ไม่ต้องกลัวคอเลสเตอรอล" ในหนังสือ
"เบอแรค โอแบเมอ ความฝัน ความหวัง และความเปลี่ยนแปลง ของบ้านที่แตกแยก มิติชุมชน ๓๓
Vol. 3 Issue 33 February 2008.


อีกทางเลือกหนึ่งที่รอคอย
โมน่าไรซ์…ผลิตไข่ไก่คอเลสเตอรอลต่ำ
โมน่าไรซ์…ผลิตไข่ไก่คอเลสเตอรอลต่ำ | แก้จนดอทคอม 108อาชีพเสริม

"โมน่าไรซ์" อาหารเสริมสำหรับ"ไก่ไข่" สู่ "ไข่ไก่"คอเลสเตอรอลต่ำ
Campus - Manager Online -

 

รุมกดดันบอสIMF'สละตำแหน่ง' ปท.กำลังพัฒนาหวังยึดเก้าอี้จากยุโรป

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 พฤษภาคม 2554 20:16 น.





เอเอฟพี / เอเจนซี - โดมินิก สเตราส์-คาห์น กรรมการผู้จัดการไอเอ็มเอฟ เผชิญแรงกดดันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากทั่วสารทิศ ให้ลาออกจากตำแหน่ง หลังตกเป็นผู้ต้องหาทำร้ายร่างกายและพยายามข่มขืนพนักงานหญิงของโรงแรมโซฟิเทลในนิวยอร์ก และถูกจองจำในคุกโดยห้ามประกันตัวระหว่างรอคณะลูกขุนใหญ่ตัดสินชะตากรรมว่ามีหลักฐานพร้อมมูลจะดำเนินคดีกับเขาต่อหรือไม่ในวันศุกร์นี้ (20) ทางด้านกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่เริ่มเปิดศึกชิงตำแหน่งหัวเรือไอเอ็มเอฟกับยุโรปแล้ว โดยพยายามตอบโต้และกดดันให้องค์การภาคการเงินแห่งนี้พิจารณาบุคลากรจากพวกประเทศกำลังพัฒนาบ้าง

ศึกชิงเก้าอี้นายใหญ่กองทุนไอเอ็มเอฟ ซึ่งเป็นสถาบันการเงินระหว่างประเทศที่มีบทบาทสำคัญต่อระบบโครงสร้างเศรษฐกิจและการเงินโลกควบคู่กับเวิลด์แบงก์ เริ่มร้อนระอุขึ้นทั้งที่สเตราส์-คาห์น ผ.อ.คนปัจจุบัน ยังไม่ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง ตลอดจนไอเอ็มเอฟเองก็ยังไม่ได้แถลงเกี่ยวกับชะตากรรมของเขาเลย โดยที่จีน, บราซิล และแอฟริกาใต้ ได้ออกมากดดันกองทุนการเงินระหว่างประเทศแห่งนี้เกี่ยวกับผู้นำคนใหม่ ด้วยบางประเทศหวังให้ไอเอ็มเอฟเปิดทางแก่บุคลากรจากชาติกำลังพัฒนาเข้ามานั่งเก้าอี้ตัวนี้บ้าง จากที่ผ่านๆ มา ครอบงำโดยคนจากยุโรปมาโดยตลอด ท่าทีของประเทศกำลังพัฒนาเหล่านี้เป็นการตอบโต้ข้อเสนอของนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิลของเยอรมนีก่อนหน้านี้ ที่ระบุว่า ผู้นำไอเอ็มเอฟคนใหม่ยังสมควรมาจากยุโรป

ถึงแม้กระทรวงต่างประเทศแดนมังกรจะปฏิเสธไม่แสดงความคิดเห็นต่อคดีของสเตราส์-คาห์น ทว่าโฆษกหญิงของกระทรวงได้จุดประเด็นถามถึงการคัดเลือกผู้นำไอเอ็มเอฟว่ามีวิธีการอย่างไร

จีน ซึ่งเป็นสมาชิกรายใหญ่อันดับสามของไอเอ็มเอฟ ระบุว่า การเฟ้นหาบอสไอเอ็มเอฟคนใหม่ควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของ “ความยุติธรรม, โปร่งใส และคู่ควร”

ขณะที่รัฐมนตรีคลังของแอฟริกาใต้ พราวิน กอร์ดแฮน ระบุว่า ผู้นำไอเอ็มเอฟคนถัดไปควรมาจากประเทศกำลังพัฒนา เพื่อให้กลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่มีปากมีเสียงบนเวทีโลกมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีคลังบราซิล กุยโด แมนเตกา กล่าวกับโทรทัศน์โกลบอล นิวส์ ว่า ไม่ควรนำกรณีของสเตราส์-คาห์น มากดดันให้มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการคัดสรรผู้นำของไอเอ็มเอฟ พร้อมกับคาดหวังว่า ปัญหาจะได้รับการสะสางและสเตราส์-คาห์นจะสามารถกลับมาได้

ทว่าในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศที่ส่งเงินเข้ากองทุนไอเอ็มเอฟเป็นสัดส่วนมากที่สุดในโลกนั้น พวกนักการเมืองอาวุโสเริ่มถกอภิปรายและตั้งคำถามเกี่ยวกับตำแหน่งของสเตราส์-คาห์น ในฐานะของหัวเรือองค์การระดับโลกที่กำลังจัดการรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจโลกและเป็นศูนย์กลางในการเจรจาต่อรองข้อตกลงเงื่อนไขด้านเงินกู้

“ผมไม่สามารถแสดงความคิดเห็นต่อกรณีนี้ได้ ทว่า เขา (สเตราส์-คาห์น) ไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะดำเนินงานไอเอ็มเอฟแล้ว” ทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าว

ขณะที่วุฒิสมาชิกจอห์น เคอร์รี ประธานคณะกรรมาธิการด้านวิเทศสัมพันธ์ของวุฒิสภา ก็ระบุว่า “หากหลักฐานพิสูจน์ว่าเขาผิดจริง ผมคิดว่านี่จะเป็นการยากสำหรับเขาที่จะบริหารงานไอเอ็มเอฟในฐานะของกรรมการผู้จัดการใหญ่ต่อ”

Around the World - Manager Online -

 

เทศมองลาว...ผู้เชี่ยวชาญกังวลกำลังถูกทุนต่างชาติกลืนกิน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 พฤษภาคม 2554 19:42 น.



ภาพถ่ายเมื่อวันที่ 11 พ.ค. รถยนต์เรียงแถวผ่านด่านตรวจข้ามพรมแดนในฝั่งลาวที่เมืองบ่อเต็น ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่จีนเช่าไว้ ในแขวงหลวงน้ำทา ทางเหนือของประเทศ ในปัจจุบันลาวยังคงพึ่งพาความช่วยเหลือจากต่างชาติ ขณะเดียวกันก็ได้ประโยชน์จากการลงทุนจำนวนมหาศาลจากประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งจีนและเวียดนาม.--AFP PHOTO/Hoang Dinh Nam.



เอเอฟพี - กาสิโนบ่อเต็นเต็มไปด้วยภาษาจีน เงินหยวน และเวลาที่ถูกตั้งให้ตรงกับกรุงปักกิ่ง แต่กาสิโนแห่งนี้ตั้งอยู่ในลาว ประเทศยากจนที่กำลังถูกบุกรุกด้วยการลงทุนจากประเทศเพื่อนบ้านโดยรอบ และกำลังพยายามที่จะกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ

ในช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา กาสิโนและโรงแรมสีสันสดใสหลายแห่งถูกพัฒนาขึ้นในเมืองบ่อเต็น ตัดกับฉากหลังที่เป็นภูเขา ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากพรมแดนจีนเท่าใดนัก

ชาวลาวไม่ได้รับการต้อนรับที่ดีนักจากเมืองใหม่แห่งนี้ที่อยู่ในความควบคุมของจีน ที่แม้จะอยู่ห่างไกลแต่ก็แสดงให้เห็นถึงการปรากฏตัวอย่างกว้างขวางของจีนในประเทศที่มีประชากรประมาณ 6 ล้านคน และไม่มีทางออกสู่ทะเล ทั้งนี้ โครงการของจีนหลายอย่างเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ เช่น เหมือง เขื่อน รถไฟความเร็วสูง และเกษตรกรรม ซึ่งสร้างความวิตกกังวลให้กับประเทศเล็กๆ แห่งนี้

“การปรากฏตัวของจีนในทุกภาคส่วนเริ่มเป็นประเด็นสนทนาของชาวลาวเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นที่ชัดเจนมากขึ้นและดูอันตรายมากขึ้น” ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติในลาว กล่าว

นายโดมินิค ฟาน เดอโบท์ จากองค์กรการกุศลออกซ์แฟม สำนักงานนครเวียงจันทน์ ระบุว่า จีน เวียดนาม และ ไทย ใช้ลาวเป็นส่วนขยายเขตแดนของตนเอง และการพึ่งพาความช่วยเหลือจากต่างชาติอย่างยาวนาน ทำให้ในตอนนี้ลาวเป็นแหล่งลงทุนจากต่างชาติจำนวนมาก

ตามสถิติของทางการลาว ระบุว่า เม็ดเงินลงทุนที่หลั่งไหลเข้ามาในประเทศเพิ่มขึ้นจาก 51 ล้านดอลลาร์ ในปี 2544 เป็น 13,600 ล้านดอลลาร์ ในปี 2553 แค่เฉพาะจากประเทศเพื่อนบ้านทั้ง 3 ประเทศ ก็มีการลงทุนรวมแล้ว 8,000 ล้านดอลลาร์ เมื่อปีที่แล้ว

ตัวเลขการลงทุนดังกล่าวคาดว่าสูงกว่าที่รายงานหลังมีการประกาศโครงการลงทุนใหม่ๆ ในลาว ซึ่งรวมถึงโครงการเส้นทางรถไฟสายแรกของประเทศบ่อเต็น-เวียงจันทน์ ที่มีมูลค่าการก่อสร้างถึง 7,000 ล้านดอลลาร์ โดยได้รับการสนับสนุนเงินจำนวนมากจากจีน แม้ว่าโครงการยังไม่เริ่มก่อสร้างแต่ได้กำหนดให้เสร็จสมบูรณ์ในปี 2558

ลาว ประเทศที่ยากจนที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง น่าจะรู้สึกยินดีกับการลงทุนครั้งนี้ แต่ นางริโอ พอลส์ ผู้ประสานงานเครือข่ายองค์กรภาคเอกชนระหว่างประเทศ INGO ที่ทำงานร่วมกับองค์กรช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมมากกว่า 70 แห่งในลาว แสดงความวิตกเกี่ยวกับความสามารถของรัฐบาลที่จะจัดการเม็ดเงินปริมาณมหาศาลเช่นนี้ได้อย่างเหมาะสม
.




ชาวเขาเผ่าม้งเดินผ่านหน้าโรงแรมสร้างใหม่ในเมืองบ่อเต็น ที่เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่จีนเช่าไว้ โดยผู้เชี่ยวชาญต่างชาติวิตกว่าการลงทุนของต่างชาติในลาวที่มากขึ้นและกระจายอยู่ในหลายภาพส่วนอาจส่งผลกระทบกับประชาชนหากไม่มีการจัดสรรและควบคุมที่ดี .--AFP PHOTO/Hoang Dinh Nam.


“พวกเขายังไม่มีความสามารถในตอนนี้ที่จะตรวจสอบว่าการลงทุนแต่ละโครงการเป็นการลงทุนที่มีคุณภาพหรือไม่” นางพอลส์ กล่าว

เศรษฐกิจของลาวขยายตัวเฉลี่ย 7.9% ในระหว่างปี 2549-2553 เนื่องมาจากการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในประเทศ ไม่ใช่การผลิตในเชิงอุตสาหกรรม

รายงานของธนาคารโลก ระบุว่า ป่าไม้ พื้นที่ทางการเกษตร แหล่งน้ำ และเขื่อนไฟฟ้า และแหล่งแร่ มีมูลค่ารวมเกินกว่าครึ่งหนึ่งของมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดของประเทศ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ควรให้ความใส่ใจกับทรัพยากรเหล่านี้

ผู้เชี่ยวชาญบางคนกังวลว่า ลาวที่เป็นประเทศสังคมชนบทและประชาชนยังคงพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ป่าไม้และแหล่งน้ำของชาติ จะได้รับผลกระทบจากการเติบโตของประเทศ

นางพอลส์ กล่าวว่า เป้าหมายของลาว คือ พ้นจากสถานะการเป็นประเทศพัฒนาน้อยที่สุดภายในปี 2563 อาจส่งผลกระทบบางอย่าง แต่ขณะเดียวกัน ต้องให้แน่ใจว่าการลงทุนที่เกิดขึ้นนั้นมีคุณภาพและเป็นประโยชน์แก่ประชากรทั้งหมด

นักวิเคราะห์บางคน กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่จะบรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี 2563 เนื่องจากในการประชุมใหญ่ผู้แทนทั่วประเทศในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา พรรคประชาชนปฏิวัติลาวซึ่งเป็นพรรคคอมมิวนิสต์ ได้ยืนยันเป้าหมายที่จะหลุดพ้นจากสถานะการเป็นประเทศที่ยากจนที่สุดแห่งหนึ่งในโลก

“เป้าหมายที่ตั้งไว้ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เมื่อดูจากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเมื่อเร็วๆ นี้” นายวัดทะนา พนเสนา จากสถาบันวิจัย Irasec ในสิงคโปร์กล่าว พร้อมชี้ว่าประเด็นไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจแต่ต้องกระจายรายได้ไปอย่างเท่าเทียมด้วย ขณะเดียวกัน ธนาคารโลกก็กระตุ้นให้ลาวพึ่งทรัพยากรในประเทศ แต่ต้องเป็นไปอย่างรอบคอบ

ธนาคารโลกระบุในรายงานฉบับล่าสุด ว่า ด้วยการจัดลำดับความสำคัญทางเศรษฐกิจมหภาคและการกำกับดูแลอย่างเหมาะสม ทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ของลาวสามารถช่วยให้ประเทศเติบโตอย่างรวดเร็วและยั่งยืน และลดปัญหาความยากจน

เจ้าหน้าที่ของลาวจำเป็นต้องหาหนทางในการควบคุมการลงทุนโดยที่ไม่ปิดโอกาสด้วย พวกเขาจำเป็นต้องยอมรับว่าการเติบโตอย่างรวดเร็วนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ต่อสังคมเช่นกัน

IndoChina - Manager Online -

 

วันที่ 19 พฤษภาคม 2554 01:00 ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น
คอลัมนิสต์ประจำคอลัมน์ "มองจีนมองไทย"
จำนวนคนอ่าน 901 คน เหตุอันใดนายกฯ จีน (บินข้ามไทย) ไปเยือนมาเลเซีย-อินโดนีเซีย
โดย : ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น




เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา นายเวินเจียเป่า นายกรัฐมนตรีของจีนเดินทางมา "ทัวร์อาเซียน" นานเกือบสัปดาห์

ด้วยการบิน (ข้ามประเทศไทย) ไปเยือนสองประเทศในอาเซียนที่อยู่ด้านใต้ของไทย คือ มาเลเซียและอินโดนีเซีย และประสบความสำเร็จบินกลับไปด้วยความชื่นมื่น

โดยเฉพาะที่อินโดนีเซีย นายกฯ จีนท่านนี้ได้ขึ้นเวทีร้องเพลงภาษาอินโด "Ayo Mama" ร่วมกับคณะนักศึกษา จากมหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงจาการ์ตา จนสามารถเรียกคะแนนนิยมได้ไม่น้อยกว่าตอนที่ประธานาธิบดีสหรัฐ นายบารัก โอบามา เยือนถิ่นเก่าที่อินโดนีเซียเลยค่ะ แล้วนายกฯ เวิน ยังหยอดคำหวานด้วยการบอกนักศึกษาอินโดนีเซีย ว่า "เริ่มรู้จักประเทศอินโดนีเซียตั้งแต่ตอนเด็ก เพราะเคยฟังเพลงภาษาอินโดนีเซียที่เก่าแก่เพลงนี้ และยังจำโทนของเพลงนี้ได้ดี" พร้อมย้ำว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีน-อินโดนีเซียย้อนกลับไปนานร่วมสองพันปีมาแล้ว

ส่วนการเยือนมาเลเซีย นายกฯ เวินก็ได้นัดพบกับอดีตนายกรัฐมนตรีชื่อดังของมาเลเซียอย่าง ดร. มหาธีร์ โมฮัมหมัด และยังได้เรียก ดร. มหาธีร์ ว่าเป็น "เพื่อนเก่า (เหล่าเผิงโหย่ว) ของประชาชนจีน" รวมทั้งการนัดพบกับอดีตนายกฯ อับดุลเลาะห์ อาหมัด บาดาวี ของมาเลเซียด้วยเช่นกัน

เรามาดูด้านเศรษฐกิจการค้า-การลงทุนกันบ้าง การเยือนทั้งสองประเทศในอาเซียนของผู้นำจีนรอบนี้ได้มีการลงนามในความร่วมมือและความตกลงหลายฉบับด้วยมูลค่ามหาศาล เช่น การร่วมลงนามในสารพัดความร่วมมือจีน-อินโดนีเซีย ทั้งด้านการค้า การลงทุน และพลังงาน ด้วยมูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ ในกรณีของมาเลเซีย ก็ได้ตอกย้ำเดินหน้าในโครงการที่ทั้งสองได้เคยลงนามไว้ เช่น แผนสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำ และโรงหลอมอะลูมิเนียมมูลค่า 11,000 ล้านดอลลาร์ ในซาราวัก เกาะบอร์เนียวของบริษัท State Grid Corporation of China และกองทุนเพื่อการพัฒนามาเลเซีย MDB รวมไปถึงการตกลงที่จะซื้อน้ำมันปาล์ม และทุเรียนแช่แข็งจากมาเลเซีย เป็นต้น

ทั้งหมดนี้ จึงสะท้อนถึงสิ่งที่ดิฉันขอเรียกว่า "ยุทธศาสตร์รุกลงใต้" ของจีน ได้เป็นอย่างดี ซึ่ง ทั้งสองประเทศในอาเซียนที่ผู้นำจีนตั้งใจไปเยือนครั้งนี้ ต่างมีความสำคัญยิ่งสำหรับจีน ดังนี้

เริ่มจาก มาเลเซีย เป็นประเทศในอาเซียนที่มีมูลค่าการค้ากับจีนมากที่สุด แซงหน้าสิงคโปร์มานานร่วม 3 ปีติดต่อกันแล้ว โดยมีมูลค่าการค้ารวมจีน-มาเลเซียทะลุ 74,000 กว่าล้านดอลลาร์ (ในขณะที่ การค้ารวมจีน-ไทย เพิ่งจะแตะหลัก 50,000 ล้านดอลลาร์ ในปีที่ผ่านมา) ส่วนจีนเองก็ขยับขึ้นมาเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของมาเลเซียตั้งแต่ปี 2008 แล้วค่ะ

สินค้าสำคัญที่มาเลเซียส่งออกไปจีน คือ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ คิดเป็นสัดส่วนมากถึงร้อยละ 51.4 ของสินค้าส่งออกทั้งหมดจากมาเลเซียไปจีน นอกจากนี้ มาเลเซียยังเป็นผู้ส่งออกปาล์มน้ำมันไปจีนมากที่สุด โดยมีส่วนแบ่งในตลาดจีนมากถึงร้อยละ 60 ของปาล์มน้ำมันนำเข้าทั้งหมดของจีน

มาดูด้านการลงทุนกันบ้าง หลายท่านอาจจะไม่ทราบว่า ในขณะนี้ นักธุรกิจมาเลเซียได้เข้าไปขยายการลงทุนในประเทศจีนเป็นอย่างมาก จะขอยกตัวอย่างง่ายๆ และเห็นกันชัดๆ สัก 2 ธุรกิจของทุนมาเลเซียที่ประสบความสำเร็จ และสามารถขยายกิจการครอบคลุมไปทั่วประเทศจีนจนแทบจะครบทุกมณฑลแล้วค่ะ กรณีแรก คือ ห้างสรรพสินค้า Parkson ของทุนมาเลเซีย ซึ่งเริ่มลงทุนในจีนปี 1994 จนถึงบัดนี้ได้ขยายไปเปิดสาขาตามเมืองใหญ่ของจีนรวมกว่า 30 สาขา ส่วนอีกกรณี คือ โรงแรม Shangri La ของเศรษฐีมาเลเซีย นายโรเบิร์ต ก๊วก เข้าไปเปิดโรงแรมแห่งแรกในจีนที่หางโจวในปี 1984 จนถึงวันนี้ได้ขยายกิจการเปิดให้บริการโรงแรมห้าดาวสุดหรูทั่วประเทศจีนแล้ว 32 แห่ง และกำลังจะเปิดอีก 11 แห่ง รวมไปถึงบริษัท Kerry Properties ของนายโรเบิร์ต ก๊วก ที่ได้เข้าไปขยายอาณาจักรธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตามหัวเมืองใหญ่ของจีนหลายแห่งเช่นกัน

สำหรับ กรณีของอินโดนีเซีย แม้ว่าจะมิได้มีปริมาณการค้าและการลงทุนกับจีนมากมายเทียบเท่ามาเลเซีย แต่ต้องไม่ลืมว่าอินโดนีเซียมีขนาดเศรษฐกิจ GDP ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน และยังเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในอาเซียน โดยเฉพาะชาวมุสลิม จึงย่อมมี ความสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์สำหรับจีน ที่สำคัญ อินโดนีเซียเป็นแหล่งทรัพยากรพลังงานที่จีนกำลังโหยหา

นอกจากนี้ ในบรรดาประเทศในอาเซียนทั้งหมด อินโดนีเซียดูจะมีท่าทีที่ไม่ค่อยปลื้มกับความตกลงการค้าเสรี ASEAN-China FTA จนถึงขั้นจะยื่นขอ renegotiate กันเลย และเมื่อปีกลายก็มีการออกมาเคลื่อนไหวของบางกลุ่มธุรกิจในอินโดนีเซียเพื่อต่อต้านการทำ FTA ฉบับนี้กับจีน จึงไม่ต้องสงสัยว่า ทำไมรอบนี้ ผู้นำจีนต้องเอาใจชาวอินโดนีเซียถึงขนาดที่ต้องขึ้นเวทีร้องเพลงภาษาอินโดโชว์กันเลยทีเดียว ที่สำคัญ ในการเยือนรอบนี้ รัฐบาลจีนยังได้ควักกระเป๋าให้การสนับสนุนเงินกู้แก่อินโดนีเซีย จำนวน 9,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานต่างๆ ในอินโดนีเซีย เป็นต้น

เนื้อที่หมดพอดี เพิ่งนึกได้ว่า ยังไม่ได้ตอบประเด็นที่จั่วหัวไว้ว่า "เหตุอันใดนายกฯ จีน บินข้ามไทยฯ" เอาเป็นว่า ขอฝากไว้ก่อนนะคะ แต่ก็หวังว่าคงจะไม่ใช่เป็นเพราะสาเหตุที่พูดกันไปเรื่อยว่า นายกฯ จีนท่านนี้เกรงว่าจะต้องรีบหนีขึ้นเฮลิคอปเตอร์กลับแดนมังกรดังเช่นเหตุการณ์ที่พัทยาปี 2009 หรอกค่ะ

 

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=Vz4I5rb3_BM&feature=channel_video_title"]Busby: Fukushima reactors a raging radioactive inferno[/ame]
จาก: RussiaToday | 17 พ.ค. 2011 | 29,249 ครั้ง



กำลังโหลด...

There are signs that two further reactors at Japan's troubled Fukushima plant may have gone into meltdown. Similar problems were earlier confirmed at the number one reactor. Its operators are suspected of failing to properly cool them after the earthquake. RT gets some insight on this from Professor Christopher Busby, who's from the European Committee on Radiation Risks.

 

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=I2DatBWf1v8&feature=channel_video_title"]'Arab spring against US-backed puppet dictators'[/ame]
จาก: RussiaToday | 19 พ.ค. 2011 | 308 ครั้ง



กำลังโหลด...

To discuss whether the revolution has brought freedom or further struggle for the Egyptian people is journalist Afshin Rattansi, who's been covering Arab and Middle East developments for years.

 

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=o3mW1eGBeoE&feature=channel_video_title"]Keiser Report: Suicide Banking (E148)[/ame]
จาก: RussiaToday | 19 พ.ค. 2011 | 305 ครั้ง



กำลังโหลด...

This time Max Keiser and co-host, Stacy Herbert, report on staging bomb blasts to unravel financial markets while Zimbabwe proposes a gold backed currency. In the second half of the show, Max talks to Gregor Macdonald of Gregor.us about paper versus real as future growth prospects dim on declining energy resources

 

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=YgIzyXf61UU&feature=channel_video_title"]War's necessary! US defense contractors 'raking in the dough'[/ame]
จาก: RussiaToday | 18 พ.ค. 2011 | 5,967 ครั้ง



กำลังโหลด...

America may be being dragged down by record debt and unemployment filtering throughout the economy - but there's one industry that's bucking the trend. It's a boom time for arms manufacturers right now, and they're branding themselves as saviours of the job market. RT's Kaelyn Forde reports on how Americans have little choice but to go gunning for work.

 

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=FQjRUIR-cNg&feature=channel_video_title"]Dictator Toppled: Long Live the Dictator![/ame]
จาก: RussiaToday | 18 พ.ค. 2011 | 2,878 ครั้ง



กำลังโหลด...

For more on post-revolution Egypt, RT joined by Professor Mark Almond, who's an historian and expert on international relations at Oxford University.

 

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=mPb6MDyVGF4&feature=channel_video_title"]'Freedom' hopes die as Egypt faiths cross swords in clashes[/ame]
จาก: RussiaToday | 18 พ.ค. 2011 | 2,866 ครั้ง



กำลังโหลด...

In Cairo, Muslim and Christian leaders have met to to try and ease religious tensions that have spilt over into deadly violence. They called on Egyptians to unite.
Clashes reportedly started because of an interfaith marriage, considered forbidden by religious purists. More than 10 people have been killed on both sides and 2 Christian churches burnt down since the trouble started. Christians, want more rights and say they are not being protected by the interim government put in place following the revolution that deposed President Hosni Mubarak. RT's Maria Finoshina reports on a post-dictatorship reality.