เชิญบูชา...รูปหล่อหลวงตาดำ สัมผัสอภินิหารพระอภิญญาในดง แดนนิพพานเหนือโลก

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย หนุ่มเมืองแกลง, 2 ตุลาคม 2014.

  1. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    ข้อควรจำที่สำคัญยิ่ง

    ๑.ลำดับความรู้สึกจากสมาธิขั้นต้นถึงสมาธิขั้นสูงดังกล่าวแล้ว พระอาจารย์ในดงสอนว่าอย่าจำ เวลาฝึกสมาธิต้องลืมทุกอย่างให้หมด ถ้าไปจดจำยึดมั่นไว้ก็จะทำให้นึกคิดล่วงหน้าไปว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร หรือเกิดความยากที่จะให้เป็นในลำดับถัดไปซึ่งจะทำให้สมาธิถอยต่ำลง ความจริงแม้จะเป็นคนเดียวกันทำสมาธิครั้งหลังๆ สมาธิก็เลื่อนลำดับขึ้นไม่เหมือนกัน อาจข้ามขั้นไปได้ต่างๆแล้วแต่ความละเอียดของลมหายใจและจิตจะเกิดได้ส่วน (สมส่วนกันเพียงใด) บางทีนั่งเล่นอยู่ธรรมดา จิตก็เกิดสมาธิขั้นใดขั้นหนึ่งขึ้นได้เองโดยมิได้ตั้งใจจะทำสมาธิ แต่จิตและลมบังเอิญไปสมส่วนกันขึ้น

    ๒.การรู้สึกว่าไม่มีการหายใจหรือรู้สึกว่าไม่มีกาย ก็เป็นความรู้สึกที่ดีที่ถูกเพราะสมาธิดีขึ้น จึงไม่ควรตกใจ ไม่ควรเลิกฝึกเสีย

    ๓.บางคนบ่นว่าฝึกสมาธิมานานแล้วไม่เห็นอะไรสักที เกิดท้อใจไม่อยากฝึก ความจริงนิมิตหรือภาพต่างๆนั้น ไม่จำเป็นต้องเห็น ไม่จำเป็นที่จะเกิดภาพทางใจขึ้น สมาธิอาจจะข้ามขั้นเลยไปก็ได้ และอาจเป็นสมาธิที่ดีกว่าเห็นภาพ ข้อสำคัญให้เกิดความสบายปลอดโปร่งมีความสุข เป็นเรื่องที่จำเป็นจะต้องมีขึ้นเกิดขึ้น อยากรู้ว่าถูกหรือผิดหรือสมาธิก้าวหน้าไปเพียงใดแล้ว ก็ย้อนกลับไปดูวิธีตรวจสอบผลการฝึกจิตที่กล่าวมาแล้ว

    ๔.อาการชา อาการรู้สึกว่าตัวพองใหญ่ขึ้น อาการรู้สึกว่าตกเหว หรืออาการรู้สึกว่าตัวลอยสูงขึ้นสูงขึ้น ล้วนเป็นอาการที่มีสมาธิที่ถูกและจะเลื่อนไปสู่สมาธิขั้นกลาง เช่นขาชามากขึ้นก็รู้สึกเหมือนไม่มีขา และชาขยายต่อไปจนทั่วตัวก็รู้สึกว่าไม่มีตัวกลายเป็นสมาธิขั้นกลาง อาการรู้สึกว่าตัวพองใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ใหญ่มากขึ้นจนในที่สุดก็ไม่มีตัวไม่มีกาย อาการรู้สึกว่าตัวลอยสูงขึ้น ยิ่งสูงขึ้นไปมาก ก็รู้สึกว่าตัวเล็กลงทุกทีๆ จนเล็กที่สุดคือไม่มีตัวไม่มีกาย ที่รู้สึกว่าตัวตกเหวลึกลงไปเรื่อยๆ ยิ่งลึกลงมากๆ ตัวก็เล็กลง เล็กลงจนไม่มีตัว ไม่มีกาย จิตก็เป็นสมาธิขั้นกลาง อาการต่างๆดังกล่าวต้องจำไว้ว่า อย่าไปสนใจหรือนึกคิดว่าจะเป็นอย่างไรล่วงหน้า เพียงแต่รู้อยู่เฉยๆ ตั้งจิตให้มั่นคงอยู่ที่เดียวตามเดิมสมาธิจึงจะก้าวหน้าไปได้ ในการนั่งสมาธิขั้นต้นๆ อาจมีอาการปวดขามากเพราะจิตเริ่มเป็นสมาธิรับรู้ได้ดี จะต้องทนสู้ไปเมื่อเอาชนะได้ต่อไปจะไม่ปวดอีก

    ๕.ลักษณะการฝึกสมาธิผิดที่สำคัญมากก็คือการขาดสติ เมื่อขาดสตินั้นเป็นการผิดทาง คือผิดจากมรรคมีองค์แปดในข้อให้ตั้งสติไว้ชอบ (สัมมาสติ) การพยายามบังคับจิตมากเกินไปจะกลายเป็นสะกดตัวเอง จะทำให้ตัวแข็งทื่อขาดสติ ก่อนที่จะขาดสติตัวแข็งนั้นพระอาจารย์ในดงสอนไว้ว่าจะเกิดความรู้สึกเย็นวูบเหมือนถูกน้ำแข็งจากปลายเท้าขึ้นไป ถ้าเย็นขึ้นไปถึงสะดือตัวก็จะตัวแข็งขาดสติ ต้องรีบแก้ไขโดยวิธีลืมตาขึ้นเล็กน้อย และเปลี่ยนการหายใจให้ถูกต้องเสียใหม่ ต้องรีบแก้ทันทีถ้าเกิดตัวแข็งขึ้นแล้ว

    การนั่งครั้งต่อไปก็จะตัวแข็งขาดสติทุกครั้งไป จะแก้ให้เป็นสมาธิที่ถูกต้องตัวไม่แข็งขาดสติ พระอาจารย์กล่าวว่าจะต้องหยุดฝึกสมาธิโดยเด็ดขาดเป็นเวลา ๕ ปีจึงจะเริ่มฝึกใหม่ พระอาจารย์ในดงอธิบายวิธีทำให้ตัวแข็งขาดสติเช่นนั้นต่อเมื่อ ผู้ฝึกได้ฝึกสมาธิถึงขั้นสูงและได้ความว่างอันแท้จริงแล้วเท่านั้น และท่านอนุญาตให้ทำตัวแข็งได้เพียงครั้งเดียว เพื่อเป็นความรู้ไว้สอนศิษย์ต่อไป อาการขาดสติตัวแข็งนั้นมักจะเกิดขึ้นน้อย ที่มักจะเกิดขึ้นมากนั้นได้แก่การขาดสติและอยู่ในอาการหลับ ซึ่งจะสังเกตได้จากคอเอียงพับไปบ้าง น้ำลายไหลบ้าง หรือมีเสียงกรนขึ้นบ้าง วิธีแก้ให้ดูการแก้นิวรณ์ ๕

    ๖.อาการภวังค์เป็นสมาธิหัวต่อ ที่จะเปลี่ยนระดับสมาธิให้ดีขึ้นและก้าวหน้าสูงขึ้น เช่นจากสมาธิขั้นต้นจะเปลี่ยนเป็นสมาธิขั้นกลาง และจากขั้นกลางเปลี่ยนเป็นขั้นสูง ภวังค์เป็นสมาธิที่สงบนิ่งดิ่งลึกมั่นคงไม่หวั่นไหว อาการภวังค์อาจเป็นเพียงประเดี๋ยวเดียวแล้วก็เปลี่ยนเป็นสมาธิสูงขึ้น หรืออาจเป็นอยู่หลายชั่วโมงอาจทรงตัวเป็นอาการภวังค์อยู่ได้ถึง ๒ วันก็เคยมี การที่จิตละทิ้งรูปกายที่หยาบไปอยู่ในรูปละเอียดคือ ความมืดทึบที่กลมกลืนทุกสิ่งในโลก หรือจิตที่แยกไปอยู่ในแสงโอภาสนั้นอาจจะติดความมืดทึบอยู่นาน นั่งสมาธิวันหลังก็ได้พบจิตอยู่ในความมืดอย่างนั้นอีก บางคนติดอยู่ถึง ๖ เดือนจึงจะก้าวขึ้นเป็นแสงโอภาส และแสงโอภาสก็อาจติดหรือเป็นอยู่หลายชั่วโมง หรือหลายวันหลายเดือนเช่นเดียวกับความมืดทึบ เพราะไม่เที่ยงแท้ตายตัวอาจจะข้ามขั้นไปได้หลายขั้น แล้วแต่จิตและลมหายใจจะสมส่วนกันได้ดีเพียงใด ฉะนั้นจึงไม่ควรมีความหวัง ไม่ควรมีความนึกคิดว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร ควรวางจิตให้ทรงตัวเป็นกลางๆ ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ คือทำจิตเป็นอุเบกขาไม่อยากได้ ไม่อยากเป็นอย่างไรทั้งหมด

    ระดับที่จิตเป็นสมาธิดิ่งดีในขั้นภวังค์ ขั้นความมืดหรือแสงโอภาสนั้น พระอาจารย์ในดงสอนให้ทำซ้ำจนชำนาญ คือเมื่อได้สมาธิระดับนั้นแล้วห้ามเลิกทำสมาธิ พอสมาธิถอยก็รีบเข้าให้ได้อีกซ้ำซากจนชำนาญ (เป็นวสี) อาจเป็นเวลาหลายชั่วโมงหรือทำต่อเนื่องไปถึง ๒ วัน จนแน่ใจว่าเข้าถึงได้แม่นยำดีไม่ลืมแล้วจึงพักการทำสมาธิได้ เมื่อทำสมาธิครั้งต่อไปก็มีหน้าที่ทำให้สมาธิระดับนั้นเกิดเร็วขึ้น จะได้มีเวลาในการทำสมาธิให้ดีขึ้นในระยะนานขึ้น ระยะยาวขึ้น จะได้มีโอกาสก้าวหน้าต่อไป ไม่ให้พยายามที่จะให้จิตทรงตัวระดับนั้นอยู่นานๆ

    ความรู้สึกในระดับภวังค์ระดับความมืดทึบ หรือระดับแสงโอภาสนั้น เป็นระดับที่เบากายเบาใจ มีความสุขมากเหลือเกิน ไม่มีความเมื่อย ไม่มีความหิว ไม่มีการปวดปัสสาวะหรืออุจจาระ เพราะไม่รู้สึกว่ามีรูปกาย ไม่มีการง่วง ไม่มีการเบื่อ ถึงแม้จะเป็นอยู่อย่างนั้นนานหลายชั่วโมง ก็รู้สึกว่าเป็นเวลาประเดี๋ยวเดียว ถ้าได้ถึงความมืดหรือแสงโอภาสนานหน่อย พอสมาธิถอยออกก็ไม่ทำซ้ำ คือหยุดพักเสียส่วนมาก เมื่อนั่งสมาธิครั้งหลังวันหลังจะไม่ได้สมาธิดีเช่นนั้นอีก บางทีก็ไม่ได้ถึงสมาธิระดับนั้นเป็นเวลา ๑๐ ปี ๒๐ ปีก็มี เพราะจำทางเข้าไม่ได้และมีความอยากที่จะได้สมาธิระดับนั้น หรือความสุขระดับนั้นอีก จึงทำไม่ได้ผลเท่าเดิมต้องอดทนพยายามทำให้มาก

    คำว่า “ภวังค์” มีหลายระดับบางแห่งก็มีความหมายต่างกัน แม้ในสมาธิขั้นฌานก็มีการตกภวังค์ได้และอาจพาให้สมาธิที่ผิดขาดสติรับรู้ไปหมด ไม่มีความจำได้หมายรู้ คือไม่มีสัญญาทางธรรมเรียกว่า “อสัญญีภาพ” จิตเข้าอยู่ในอสัญญีภาพ ตัวอย่างได้แก่ อสัญญีพรหม ทั้งนี้เพราะยังเป็นฌานโลกีย์อยู่ เพื่อป้องกันการเป็นสมาธิที่ผิด ท่านจึงให้หมั่นพิจารณากายให้เห็นเป็นของว่างไม่ใช่ตัวตนเพื่อให้ห่างจากโลกีย์

    ๗.การฝึกเริ่มต้นให้ตั้งกายตรง พอจิตเริ่มสงบมีหลายคนที่ร่างกายโค้งลงหรือเอนไปข้างหน้าข้างหลัง พอสมาธิถอยไปหน่อยก็รู้ว่ากายไม่ตรงคิดว่าผิดรีบแก้ให้กายตั้งตรงใหม่ เอนไปอีกก็ตั้งให้ตรงอีก แก้วนเวียนอยู่ดังนี้สมาธิจึงไม่ก้าวหน้าดีขึ้น ซึ่งที่ถูกนั้นพระอาจารย์ในดงสอนว่า กายจะโค้งจะเอนไปอย่างไรก็ปล่อยไว้ไม่ต้องแก้ให้กายตั้งตรง เมื่อสมาธิก้าวหน้าดีขึ้น จิตซึ่งเป็นธรรมชาติรู้จะจัดกายให้ตรงเอง ไม่ให้จงใจไปแก้ เรื่องนี้ก็มีเหตุผลคือ ในมหาสติปัฏฐานสี่ขั้นที่ ๑ (จะตุกะที่ ๑) มีใจความสำคัญข้อที่สองว่า ให้รู้เฉพาะลมหายใจ ดังนั้นการไปรับรู้ที่กาย ไปแก้กายจึงไม่ถูกต้อง ที่ถูกคือเป็นการฝึกจิตจะต้องจดจ่อตั้งใจควบคุมจิต และลมหายใจ ปล่อยวางกายเสีย
     
  2. newmoon30

    newmoon30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    111
    ค่าพลัง:
    +1,059
    ขอบคุณมากๆครับ เชื่อว่าทุกๆคนจะได้รับประโยชน์จากความตั้งใจนี้แน่นอน เป็นกำลังใจให้ครับ อนุโมทนาบุญด้วยนะครับ ขอตั้งใจรอรับหนังสือด้วยคน ครับ ^^
     
  3. พลานุภาพ

    พลานุภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +244
    แจ้งโอนเงินครับ
    20141104_115409.jpg
     
  4. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    ยินดีเลยครับ ผมก็ตั้งใจจะรวบรวมให้ดีและครบถ้วนมากที่สุด เพราะคิดว่าจะเกิดประโยชน์ในวันหน้าแน่นอนทั้งคนที่สนใจในแนวทางการทำสมาธิด้วยตนเอง หรือคนที่สนใจในศาสตร์ของอำนาจพลังจิต คนที่สนใจในอำนาจของคุณพระคุณเจ้า คนที่สนใจแนวทางการเรียนรู้ในบุพกรรมในอดีต คนที่สนใจปรัชญาชีวิตแนวเมตาฟิสิคส์ ตอนนี้ก็ตาบวมไปมากเพราะอ่านทั้งวันๆมาเป็นเดือนๆแล้วครับ แต่อยากทำและต้องทำให้ดีพอควร ใครทำบุญกับวัดทองไปแล้ว จะได้รับฟรีแน่นอน นอกจากได้บุญกับศาสนาเต็มๆแล้วอย่างหนึ่ง และหนังสือนี้ไม่มีขายหรอกครับ
     
  5. มดดำน้อย

    มดดำน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    621
    ค่าพลัง:
    +2,826
    ขอบพระคุณพี่หนุ่มฯ นะครับ ที่แนะนำการทำสมาธิ
     
  6. Nattawut8899

    Nattawut8899 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +7,050
    เป็นกำลังใจให้อีกแรงครับ :cool:
     
  7. moo noi

    moo noi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    6,328
    ค่าพลัง:
    +23,902
    [FONT=&quot]เงื่อนไขการจองบูชา[/FONT]

    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot] ปิดรับจอง (ขยายเวลา).... ในวันที่ [/FONT][FONT=&quot] 17 พฤศจิกายน 2557 เวลา 24.00[/FONT]

    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ชำระเงินค่าจองบูชาทั้งหมด ภายในวันอังคารที่ [/FONT][FONT=&quot]17 พฤศจิกายน 2557 เวลา 24.00[/FONT]

    [FONT=&quot][/FONT][FONT=&quot]ผู้ที่จองบูชาไว้ในหน้ากระทู้ จะได้รับการส่งมอบวัตถุมงคลทางพัสดุไปรษณีย์เท่านั้น งดการส่งมอบในพิธีถวายพระประธานที่วัดทองฯ เพื่อป้องกันความยุ่งยากและปัญหาต่างๆที่จะตามมา[/FONT]

    [FONT=&quot] *** [/FONT][FONT=&quot]โปรดช่วยค่าจัดส่ง [/FONT][FONT=&quot]80.-บาท ทุกครั้งในการจัดส่งพัสดุ เพื่อเป็นค่ากล่องและค่าส่ง ems[/FONT]

    http://palungjit.org/threads/เชิญบู...ง-แดนนิพพานเหนือโลก.539420/page-9#post9291666

    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ หนุ่มเมืองแกลง
    หนังสือ 2 เล่ม พร้อมรูปหล่ออุดผง(บรรจุกล่อง 2องค์) จะใส่ลงพอดีในกล่องพัสดุขนาด ข. มีน้ำหนักชั่งได้ประมาณครึ่งกิโล รวมค่ากล่อง12บาท ค่าจัดส่งems อีก 50.บาท ค่าวัสดุกันกระแทก 6 บาท ดังนั้นหากท่านใดจองไว้เกิน2องค์และขอรับหนังสือครบตามจำนวน ก็ลองพิจารณาค่าจัดส่งพัสดุให้สักนิดครับ แต่หนังสือนี้ดีมากสำหรับคนแขวนพระและเชื่อในอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อำนาจพระพุทธคุณ ธรรมคุณและสังฆคุณ แต่ยังบูชาใช้พระไม่ค่อยได้ผลมากเต็มประสิทธิภาพ เมื่อมีไว้และอ่านโดยพิจารณาอย่างรอบคอบพร้อมฝึกไปด้วยตนเองแล้ว จะพบวิธีกำหนดจิตในการอาราธนาบูชาที่ให้ผลอย่างที่ใจปรารถนา เป็นแขนงหนึ่งของวิชาทางวิทยาศาสตร์และไสยศาสตร์ผนวกเข้าด้วยกัน

    2 องค์ พร้อมหนังสือ 2เล่ม หนัก 500 กรัม ค่าส่ง ems 50.บาท
    4 องค์ พร้อมหนังสือ 4เล่ม หนัก 1,000.กรัม ค่าส่ง ems 70.บาท


    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ผู้ที่โอนชำระค่าบูชาช้ากว่ากำหนด หรือขาดการโอนตามกำหนด ถือว่าสละสิทธิ์การจอง[/FONT]
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ผู้ที่โอนชำระค่าจองบูชาแล้ว กรุณาแสดงหลักฐานไว้หน้ากระทู้ หรือส่งสำเนาให้คุณ[/FONT][FONT=&quot]moo noi เพื่อบันทึกไว้เป็นหลักฐาน
    [FONT=&quot] [/FONT]เพราะผมไม่สามารถตรวจสอบได้ตามปกติเช่นที่เคยทำมา[/FONT]


    [FONT=&quot]***[/FONT][FONT=&quot]ค่าบูชาวัตถุมงคลและค่าจัดส่งทั้งหมด ให้โอนเข้าบัญชีของวัดทองฯ ตามรายละเอียดดังนี้[/FONT]

    [FONT=&quot] ชื่อบัญชี กองทุน สร้างกุฏิพระอภิชิโต ภิกขุ[/FONT]
    [FONT=&quot] ธนาคาร กสิกรไทย สาขา บางขุนนนท์[/FONT]
    [FONT=&quot] หมายเลขบัญชี [/FONT][FONT=&quot]753 – 2 – 38758 – 7[/FONT]


    update ยอดโอนเงินค่าบูชา ณ วันที่ 6 พ.ย. 57....

    <a href="http://picture.in.th/id/f082c22e4eb8e9504a41ddb63698b653" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/v/2013/is/141106091731.jpg" alt="images by free.in.th" /></a>
    <a href="http://picture.in.th/id/6d6d19c3c620dee653c6c250482429dc" target="_blank"><img border="0" src="http://image.free.in.th/v/2013/io/141106091900.jpg" alt="images by free.in.th" /></a>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2014
  8. viboonc

    viboonc เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +833
    เปิดรับจององค์พระอยู่ใช่ไหมครับ
     
  9. big_tool

    big_tool เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2010
    โพสต์:
    268
    ค่าพลัง:
    +1,683
    สวัสดี์คับพี่ๆทุกๆท่านคืนนี้เจอกันคับ ทักได้นะคับ ผมbigtoolคับ
     
  10. big_tool

    big_tool เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2010
    โพสต์:
    268
    ค่าพลัง:
    +1,683
    เจอกันที่งานคับ
     
  11. preechaniy

    preechaniy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    345
    ค่าพลัง:
    +2,356
    คุณmoo noi
    วันที่ขยายเวลาจองพระฯ น่าจะเป็น วันศุกร์ที่ 7 พ.ย.57และชำระเงิน
    วันจันทร์ที่ 17 พ.ย.57 หรือเปล่าครับ.
     
  12. Pj_2518

    Pj_2518 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +108
    อยากไปร่วมพิธีสวดมนต์ข้ามคืนด้วยจัง... แต่อยู่ไกล คงได้แต่ร่วมอนุโมทนา และยินดีกับทุกๆ ท่านที่มีโอกาสไปร่วมพิธีค่ะ
     
  13. moo noi

    moo noi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    6,328
    ค่าพลัง:
    +23,902
    ขยายเวลารับจองไปถึงวันที่ 17 พ.ย. เลยค่ะ
    รับจองพร้อมรับการชำระเงินวันเดียวกันเลย ^-^
     
  14. Thana 2

    Thana 2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    653
    ค่าพลัง:
    +2,878
    สวัสดีครับ คุณ moo noi ผมโอนเงินจากบัญชีผมธ.ไทยพาณิชย์ เวลา 13.00 น วันนี้เข้าบัญชีของธ.กสิกรไทยแล้วนะครับ เป็นจำนวนเงิน 2080.09 บาท แต่ผมเอารูปใบโอนลงทางหน้าเนทไม่เป็นและได้ฝากน้อง kengeg ส่งให้คุณ moo noi ทาง pm แล้วนะครับขอบคุณมากครับ
     
  15. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    โลกและธรรม
    “ ที่ว่าจริงนั้นก็จริง ที่ว่าไม่จริงนั้นก็จริง แต่ที่จริงแน่ๆไม่มีการแปรเปลี่ยน ไม่มีข้อขัดแย้ง จึงจะเรียกว่าจริงแท้ ”

    ธรรมเป็นสิ่งที่ละเอียดลึกซึ้ง เข้าใจให้ถูกต้องได้ยาก จะต้องอาศัยธัมมะหลายหมวดมาประกอบมาขยายความและต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ และด้วยสมาธิ พระพุทธองค์เป็นสัพพัญญู ผู้รู้แจ้ง ธรรมทุกหมวดทุกข้อของพระองค์จึงไม่ขัดแย้งกัน จะเห็นได้หลายตัวอย่าง เช่นเรื่องคำว่า สัมภเวสี ในพระไตรปิฎกและสวดมนต์แปลบทเมตตาสูตร ได้แปลคำ สัมภเวสี ว่าเป็นผู้กำลังแสวงหาภพ จึงขัดแย้งกัน พระอภิธรรมที่ว่าตายแล้วจะเกิดทันทีไม่มีการรีรอ (ไม่มีระวาง) พระอาจารย์ในดงลึกสอนว่า “สัมภเวสี แปลว่า วิญญาณประจำร่างซึ่งประจำอยู่กับกายในหรือกายทิพย์ เวลาตายแล้ว วิญญาณแท้ไปเกิดตามกรรมทันที วิญญาณประจำร่างพร้อมกายทิพย์ก็แยกออกจากกายหยาบทันที คือเกิดขึ้นทันที ไปหลอกไปเข้าทรง ไปช่วยเหลือคนได้ จึงไม่ขัดแย้งกับอภิธรรมและยังยืนยันว่าผีมีจริงด้วย แต่ก็ยังมีผีประเภทอื่นอีก ดังกล่าวมาแล้ว เรื่องมีผี มีเปรต เป็นเรื่องพิสูจน์ได้จริง ทั้งการได้พบเห็นของคนตายแล้วฟื้น การพบเห็นในป่า ในผีเข้าคน เข้าทรงและมีหลักฐานในพระไตรปิฎก หลักฐานจากการถ่ายภาพด้วยกล้องแบบเกอร์เลียน ส่วนการเชื่อว่าผีไม่มี เทวดาไม่มีนั้น ไม่มีหลักฐานอ้างอิงและพิสูจน์ไม่ได้ว่าไม่มี

    บทบาทของกายในหรือกายทิพย์ที่มีวิญญาณประจำร่างกำกับอยู่นั้นมีแง่คิดพิจารณาว่าเป็นความจริงได้หลายประการ เป็นการช่วยให้รู้ความจริงว่า ผี เปรต เทวดามีจริงตามที่กล่าวไว้พร้อมกับตัวอย่างในพระไตรปิฎกที่ยังปรากฏในปัจจุบันว่า ผีหลอก การเข้าทรง วิญญาณติดตาม ตัวอย่างเช่น วิญญาณฑิต วัดหลวง อ.บางแพ จ.ราชบุรี การเห็นเป็นตัวคนจริง ๆ มาพูดด้วยชั่วคราว เพียง ๒ หรือ ๓ นาที เรื่องเมืองลับแล การฝึกระดับสูงในดงลึกให้โดดลงเหวสลบไป ๔ วัน ก็มีกายเป็นแก้วใสออกไปพร้อมวิญญาณประจำร่าง การถ่ายภาพคนตายใหม่ ๆ แบบเกอร์เลี่ยน ถ่ายติดกายทิพย์เป็นกายใส การถอดวิญญาณไปที่ต่าง ๆ ก็เป็นการถอดกายในไป การตายแล้วฟื้นทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศก็มีกายในเป็นกายใสเหมือนแก้ว ลอยออกไปได้ตรงกัน เหล่านี้เป็นการยืนยันลงเอยกันได้ ถ้าไม่เชื่อว่ามีกายในกายทิพย์ก็ต้องถกเถียงสงสัยกันเรื่อยไป และยังต้องรับบาปกรรมที่ไม่เชื่อพระธรรมที่กล่าวไว้แล้ว ยังพูดเขียนต่อต้านว่าไม่จริง

    เรื่องสัมภเวสี หมายถึงวิญญาณประจำร่าง สอบถามพระอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญทางพระอภิธรรม ท่านตอบว่าไม่พบหลักฐานในพระไตรปิฎก จึงนำมาสอนไม่ได้ ไม่มีที่อ้าง ผู้เขียนกราบเรียนถาม พระเดชพระคุณพระอาจารย์ประยุทธ์ ปยุตโต นักปราชญ์ทางพุทธศาสนา พระเดชพระคุณท่านตอบว่า ภาษาบาลีไม่ใช่ภาษาของเรา บางคำมีความหมายหลายอย่าง เลือกเอาความหมายที่ผิดมาเขียนก็มี การแปลสัมภเวสีว่า ผู้กำลังแสวงหาภพ ให้พิจารณาเอาเองที่จริงยังมีการเขียนการสอนที่ผิดพลาดหลายอย่าง เพราะไม่ได้ลงมือปฏิบัติสมาธิวิปัสสนาจนได้ผลระดับสูง หรือระดับสูงสุดเหมือนพระอาจารย์ในดงลึก บางอาจารย์เน้นไม่ให้เชื่อศาลพระภูมิ ไม่ให้เชื่อเรื่องเทวดา เรื่องผี ควรถอนศาลทิ้ง ถ้าไม่กล้าถอนจะไปถอนให้ ที่ว่ามานี้ผู้เขียนได้ฟังด้วยหูตนเอง ไม่ใช่ฟังจากผู้อื่นเล่า การเข้าใจธัมมะผิดพลาด สอนผิดพลาด ส่วนมากเป็นด้วยไม่เข้าใจระดับของจิต ระดับของสมาธิ ระดับพระโสดาบัน แม้ละสักกายทิฐิแล้วคือไม่ยึดมั่นในขันธ์ ๕ ว่าเป็นตัวตน จึงไม่ยึดถือภูตผีเทวดา เห็นชัดแจ้งว่าทุกสิ่งเป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวตนแต่ก็ไม่ปฎิเสธว่าไม่มีแต่ไม่กลัว ยังไม่เป็นพระโสดาก็ยังกลัวและยังพบเห็นได้จริง ในพระไตรปิฎกก็มีข้อความว่า “การเชื่อเรื่องผี เทวดา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ตรัสว่าผิดแต่ทรงตรัสว่า ไม่ใช่ที่พึ่งอันเกษม ไม่ใช่ที่พึ่งอันสูงสุด” ในพระไตรปิฎกมีหลายตอนที่กล่าวว่าเทวดาทูลถามปัญหากับพระพุทธองค์ และพระพุทธองค์ก็ทรงตอบปัญหาเหล่านั้น เรื่องผี เรื่องเปรต เรื่องยักษ์ ก็มีในพระไตรปิฎก
     
  16. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    วิญญาณ ...คืออะไร

    วิญญาณหรือจิต หมายถึงสิ่งเดียวกันใช้แทนกันได้ พระพุทธเจ้าเป็นสัพพัญญู ผู้รู้แจ้ง รู้จริง รู้แจ่มแจ้งทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งทางวัตถุและทางจิต ในวิทยาศาสตร์ทางวัตถุก็ทรงรู้ละเอียดถูกต้อง เช่น โลกมีแผ่นดินหนาเท่าใด น้ำอุ้มดินอยู่หนาเท่าใด อากาศอุ้มน้ำอยู่หนาเท่าใด ก็ทรงกล่าวไว้แล้วจักรวาลซึ่งประกอบไปด้วย พระอาทิตย์ พระจันทร์ ดาวและโลก ก็กล่าวไว้ว่ามีมากจนนับไม่ถ้วน(อนันต์จักรวาล) มนุษย์ในโลกอื่นก็ทรงกล่าวว่ามี แต่วิทยาการสมัยใหม่ยังไม่ทราบว่ามีมนุษย์ในโลกอื่น การเกิดมนุษย์และสัตว์ ก็กล่าวไว้ถูกต้องสมบูรณ์ว่ามีกำเนิด ๔ อย่าง คือเกิดจากคลอด เกิดจากไข่ เกิดจากการหมักหมมเถ้าไคล และเกิดแบบโอปปาติกะ (เกิดแบบโดยยังไม่เป็นลูกอ่อน)

    วิทยาศาสตร์กล่าวว่ากำเนิดมีเพียง ๒ อย่าง คือเกิดจากคลอด และเกิดจากไข่ ทั้งๆที่ทราบว่าตัวตืดเกิดโดยแบ่งตัวจากหนึ่งเป็นสอง เป็นตัวโตทันทีโดยไม่ต้องเป็นลูกอ่อน การหมักข้าวกับแป้งเหล้าก็เกิดตัวยีสต์ได้ แต่เขาก็ยังยืนกรานว่าเกิดได้ ๒ อย่างเท่าเดิม ส่วนธรรมะนั้น ถูกและครบสมบูรณ์ หากเพิ่มอีกก็ผิด ในกายคนก็ทรงกล่าวละเอียด หูและตา มีชิ้นส่วนเล็กๆประกอบขึ้นกี่ชิ้นมีลักษณะอย่างไร ก็ทรงกล่าวไว้ตรงกับวิทยาศาสตร์ที่ใช้เครื่องมือทันสมัยดู เรื่องปรมาณูก็ทรงรู้และมีกล่าวไว้ว่า “ ปรมาณูมีขนาด ๑ ใน ๘๒.๓ ล้านของเมล็ดข้าวเปลือก ” ในเรื่องวิญญาณก็คงรู้ละเอียดถูกต้องมีหลักฐานไว้อย่างสมบูรณ์

    การใช้พลังจิตทำให้เกิดเป็นสัตว์มีชีวิต หรือเปลี่ยนจากวัตถุอย่างหนึ่งเป็นอีกอย่างหนึ่งก็ได้ ซึ่งมีผู้ทำได้หลายท่านในประเทศไทย พระไตรปิฎก ๘เล่มในเล่มที่ ๑๔ โปฎฐะปาทะสูตร ก็กล่าวถึงสัตว์ที่เกิดจากพลังจิตว่า มีอวัยวะครบถ้วน ซึ่งพูดเป็นภาษาธรรมะว่า อัตตาที่สำเร็จด้วยใจที่มีอวัยวะครบถ้วน ที่อินทรีย์ไม่บกพร่อง วิญญาณทำให้เกิดเป็นวัตถุ เป็นคน เป็นสัตว์ก็กล่าวไว้ในปฏิจจะสมุปบาท ซึ่งบอกทั้งต้นเหตุให้เกิดวิญญาณไว้ด้วย ธรรมะทั้งหลาย ยังคงถูกต้องเช่นเดิมตลอดมา ไม่มีผิดพลาดเปลี่ยนแปลง เหมือนวิทยาศาสตร์ที่ผิดพลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่หลายสิ่งหลายอย่างทั้งในทางวัตถุและทางวิญญาณ ในทางวิทยาศาสตร์ยังรู้แบบผิดบ้าง ถูกบ้าง และลังเล มักใช้คำว่า อาจจะ น่าจะ หรือคาดว่า และยังขัดแย้งกันอยู่ ดังจะขอยกตัวอย่างผลสรุปเรื่องวิญญาณของนักวิทยาศาสตร์บางประการ ดังมีต่อไปนี้

    วิญญาณลงเอยไม่ได้ว่ามีจริงหรือไม่ พลังงานชีวิตมีจริงและถ่ายภาพได้ด้วยวิธีเคอร์เลี่ยน บางท่านก็ว่าวิทยาศาสตร์ลงเอยแล้วว่าวิญญาณมีจริง จิตเป็นพลังงาน พลังจิตอาจจะเป็นพลังงานในลักษณะของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า พลังจิตที่ทำอะไรได้แปลกๆเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล เป็นของชั่วคราว เสื่อมง่าย จิตมีศูนย์ทำงานอยู่ที่สมอง จิตน่าจะอยู่ที่สมอง หากสมองเสียหายใช้ไม่ได้ จิตก็ใช้ไม่ได้ น่าจะมีอีกโลกหนึ่งคือโลกวิญญาณ มีผู้คาดคะเนว่า โลกวิญญาณน่าจะอยู่ระหว่างช่วงรังสีแอลฟ่า - เบต้า - แกมม่าฯ ตายแล้วแยกเป็นกายทิพย์ หรือโอปปาติกะ จิตเกิดจากทำงานของสมองหลายส่วนรวมกัน ผลการทำงานเป็นรูปแบบของความคิด สรุปธรรมะได้ว่า วิญญาณเป็นนามธรรม ต้องมีรูปธรรมอยู่ด้วยเสมอ ที่กล่าวมานี้เป็นเรื่องวิทยาศาสตร์สรุปไว้ผิดบ้าง ถูกบ้าง ที่ถูกจะเป็นอย่าไรจะได้กล่าวต่อไป

    วิญญาณหลังจากตายมักพูดกันว่าวิญญาณมาเข้าทรง วิญญาณติดตามหรือวิญญาณมาหลอกหลอน ส่วนมากเข้าใจกันว่าวิญญาณแยกจากกายออกไปอยู่โดยลำพัง ไม่มีรูปกาย ซึ่งไม่ตรงกับความจริง เพราะในพระอภิธรรมกล่าวว่าวิญญาณหรือจิตอยู่ตามลำพังไม่ได้ ต้องมีรูปหรือกายเป็นที่อาศัยอยู่ แต่ก็มีข้อยกเว้นในตอนหลังว่าอรูปพรหมนั้นไม่มีรูป มีแต่จิต ที่พูดว่าวิญญาณเข้าทรงเข้าสิงได้ ติดตามคนได้ เห็นจิตเป็นดวงสว่าง เหล่านี้เป็นการรู้เห็นอาการของจิต เป็นการสมมุติเพื่อให้เป็นที่เข้าใจง่ายขึ้น ซึ่งทางธรรมเรียกกว่า สมมุติบัญญัติ ไม่ใช่ความจริงแท้ คือไม่ใช่ปรมัตถ์บัญญัติ
     
  17. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    การที่อาจารย์ในดงลึกกล่าวว่า เมื่อคนตายลงวิญญาณแท้จะไปเกิดใน ๓๑ ภูมิ ไปเกิดโดยทันที และยังมีวิญญาณประจำร่างคือเกิดจากความยึดมั่นไม่อยากตาย ไม่ยอมตาย พร้อมกับกายในหรือกายทิพย์แยกออกจากกายหยาบที่ตายแยกออกทันที จึงไม่ขัดแย้งกับพระอภิธรรมที่กล่าวว่า ตายแล้วต้องเกิดทันที วิญญาณประจำร่างอาศัยกายทิพย์อยู่ ก็แยกออกทันทีและอยู่ใน ๓๑ ภูมิ คือเป็นภูมิมนุษย์ คิดรู้สึกว่าตนไม่ได้ตายไป ยังจำและไปเยี่ยมญาติมิตรได้ ช่วยเหลือญาติมิตรได้ไปเข้าทรงเข้าฝัน ไปติดตามได้ ไปปรากฏตัวทำให้เห็นเป็นเงาหรือเหมือนคนจริงก็ได้ พูดดังก็ได้ ถ้าไม่มีวิญญาณประจำร่าง ก็จะเกิดปัญหาสงสัยถกเถียงกันไม่สิ้นสุด เช่นนักอภิธรรมว่าตายแล้วเกิดทันที จะมาเข้าทรงไม่ได้ สมเด็จโตสมาธิสูงอย่างน้อยก็เป็นพรหมมาเข้าทรงไม่ได้ และยังมีการเข้าทรงสมเด็จโตพร้อมๆกันหลายแห่ง ยิ่งเป็นไปไม่ได้ เขาไม่ยอมเชื่อวิญญาณมาเข้าทรงได้ ความจริงจิตหรือวิญญาณเป็นนามธรรม ไม่ใช่วัตถุจะนับเป็นอันๆ นับเป็นจำนวนไม่ได้ เข้าทรงได้หลายแห่ง เหมือนกับบุญก็เป็นนามธรรม อุทิศส่วนบุญไปจะว่าบุญหมดไปไม่ได้ มีแต่จะได้บุญเพิ่มขึ้นมา เป็นบุญที่เกิดจากการอุทิศส่วนบุญตามที่กล่าวไว้ในบุญกิริยาวัตถุสิบ ในพระอภิธรรมกล่าวว่าเทวดาที่มาเข้าทรงได้นั้นมีเฉพาะเทวดาชั้นต้น คือชั้นจาตุมหาราช พระอาจารย์ในดงบอกว่าสมเด็จโตมาเข้าทรงนั้นเป็นวิญญาณประจำร่างมาเข้าทรงจึงไม่สงสัยกันอีก

    เรื่องวิญญาณในตัวคนคนเดียวมีหลายวิญญาณนี้ ถ้าฟังแล้วก็เข้าใจยาก มีชื่อเรียกวิญญาณเหล่านั้นไปต่างๆ แต่เพื่อให้เข้าใจง่ายก็พึงทราบว่า...ในตัวคนคนหนึ่งมีวิญญาณที่เป็นหลักควบคุมร่างกายเรากลมกลืนอยู่กับร่างกายเพียงวิญญาณจริงๆ ของเราอันเดียว ซึ่งทำให้เครื่องกลไกในร่างกายทำงานได้ถูกต้องทั้งภายในและภายนอก และทำให้ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นรู้รส การรู้สึกสัมผัส และใจหรือวิญญาณรู้คิดนึกจดจำโกรธเกลียดโลภหลง วิญญาณอื่นๆนั้นเป็นแต่เพียงมาอาศัยมาแฝงอยู่ผิวเผิน อาจจะแทรกแซงหรือชักจูงไปได้บางครั้งบางคราว ทำให้มีความรู้สึกหรือทำให้คิดให้พูด ให้ทำอะไรแปลกจากนิสัยเดิมได้ชั่วขณะ แต่ถ้าแทรกได้เต็มที่ก็ทำให้กลายเป็นคนละคนไปได้เหมือนกับที่ผีเข้าเต็มที่ วิญญาณอื่นที่มาอาศัยอยู่นั้นมีวิญญาณที่ใกล้ชิดกับเรามากอยู่อันเดียว คือเจตภูต หรือจะเรียกว่าปีศาจประจำร่างก็ได้ ตกลงแล้ววิญญาณที่มีบทบาทสำคัญประจำตัวคนเราก็มีอยู่ ๒ วิญญาณ คือวิญญาณจริงๆของเรา ซึ่งมีบทบาทประจำและสำคัญที่สุด อีกอย่างหนึ่งก็คือเจตภูต ซึ่งจะมีบทบาทเป็นครั้งคราว บางทีทำให้เราเห็นหรือได้ยินไปได้ต่างๆ เมื่อพอเข้าใจวิญญาณประจำตัวคนที่มีชีวิตแล้ว ต่อไปควรทำความเข้าใจบทบาทของวิญญาณหลังจากความตายไปแล้วบ้าง

    พวกโลกวิญญาณ เช่นผี เทวดา เปรตฯมีกล่าวในพระไตรปิฎกในบทสวดมนต์ พระไตรปิฎกมีขึ้นจากการชำระทบทวนครั้งแรกโดยพระอรหันต์ ๕๐๐ รูป ทั้ง๕๐๐ รูป ล้วนมีฤทธิ์ต่างๆ ชำระอยู่ถึง ๓ เดือน และได้ชำระทบทวน(สังคายนา) ต่อๆมาหลายครั้ง ถ้าเรื่องโลกวิญญาณเป็นเรื่องไม่จริง ก็คงตัดออก แต่พระไตรปิฎกสมัยใหม่นี้ก็ยังมีเรื่องผี เรื่องเปรต เรื่องยักษ์ เรื่องเทวดาอยู่เลย พระที่มีสมาธิสูงก็รู้เห็นและเล่าให้ฟังอยู่ ผู้ยึดติดในทางวัตถุมากนั้นแหละเป็นประเภทที่ไม่เชื่อว่ามีจริง ไม่เชื่อว่าชาติหน้ามี คิดว่าตายแล้วสูญซึ่งเป็นความเห็นผิด มีโทษมาก พระพุทธเจ้าเห็นความสำคัญเรื่องนี้ จึงจัดลำดับให้รู้ ให้เชื่อเรื่องเทวดาก่อนการสอนอริยสัจ ๔ ซึ่งเรียกว่า “ อนุปุพพิกถา” ๕ ขั้นตามลำดับ ดังนี้ “ ทาน ศีล เรื่องเทวดา (สัคคะกถา) โทษความต่ำทรามของกาม อานิสงส์ในการออกจากกาม แล้วจึงกล่าวถึงอริยสัจ ๔ แม้พระยศผู้มีปัญญามากเป็นลูกเศรษฐี ก็ทรงสอนตามลำดับทั้ง ๕ ก่อน

    คนที่เชื่อบุญบาปแต่ไม่เชื่อพลังจิต พลังสมาธิที่ทำอะไรได้แปลกๆ พระอาจารย์ในดงจึงได้พิสูจน์ด้วยการแสดงฤทธิ์วิธีต่างๆ เพื่อไม่ให้คัดค้านพระไตรปิฎก ซึ่งเป็นมิจฉาทิฐิคือความเห็นผิด มีโทษหนัก พระพุทธองค์จึงทรงกล่าวว่า “ภิกษุทั้งหลาย เราไม่เห็นอะไรจะให้โทษร้ายแรงยิ่งกว่ามิจฉาทิฐิ” มีบางแห่งอธิบายว่า มิจฉาทิฐิให้โทษร้ายแรงกว่าอนันตริยกรรม เพราะอนันตริยกรรมให้ผลแล้วก็หมดไป แต่มิจฉาทิฎฐิให้ผลไม่จบไม่สิ้น จนกว่าจะมีความเห็นถูกเห็นชอบและยังเป็นต้นเหตุให้ทำบาปทำชั่วต่างๆอีกด้วย เรื่องใดไม่เชื่อก็ควรสำนึกว่า ตนเองปัญญายังไม่พอ

    วิญญาณประจำร่างพร้อมกายในนั้น มีอายุหลายพันหลายหมื่นปี ตายแล้วก็สลายไปไม่เกิดอีก ที่อยู่ได้ยาวนานเพราะเป็นกายทิพย์ กินอาหารทิพย์คล้ายเทวดา ในพระไตรปิฎกเล่ม ๕๙ หน้า ๔๖๗ (เทวดา ๓) ถึงหน้า ๔๗๑ กล่าวว่า เทวดาชั้นต้นคือชั้นจาตุมหาราช อายุ ๙ ล้านปีของมนุษย์ หรือ ๕๐๐ ปีทิพย์ เทวดาชั้นดาวดึงส์ มีอายุ ๑๖ ล้านปีมนุษย์ เวลา ๑๐๐ ปีมนุษย์เท่ากับคืนหนึ่งกับวันหนึ่งของเทวดาชั้นดาวดึงส์ (จากพระไตรปิฎก เล่ม ๓๕ หน้า ๓๑๕ ) พระไตรปิฎกที่อ้างถึงตลอดทุกเรื่อง ใช้พระไตรปิฎกของกรมการศาสนา พิมพ์ พ.ศ.๒๕๐๐ ชุด ๘๐ เล่ม ส่วนผู้ได้ปฐมฌานอย่างประณีต...ตายแล้วไปเกิดเป็นเทวดาชั้นมหาพรหม อายุประมาณ ๑ กัป
     
  18. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    การใช้พลังจิตพาไปดูนรกสวรรค์

    การใช้พลังจิตพาไปดูนรกสวรรค์ด้วยวิธีนั่งสมาธิมีมานานกว่า ๑๐๐ ปี เคยได้ทราบแน่ชัดหลายแห่ง เช่นหลวงพ่อที่บ้านหมอจังหวัดลพบุรี หลวงพ่อที่ท่าเรือจังหวัดอยุธยา และในปัจจุบันก็มีหลายแห่งที่พาไปดูนรกสวรรค์ได้ด้วยอำนาจจิต อำนาจคุณพระ ซึ่งลักษณะอาการคล้ายถูกสะกดจิต หรือคล้ายสะกดตนเอง จึงมีผู้ถูกพาไปเห็นได้เป็นบางคน จะไปเห็นมากคนน้อยคนก็แล้วแต่พลังจิตจะพาไป ทำนองเดียวกับการสะกดจิต การพาไปดูนรกสวรรค์โดยหลวงพ่อพุธ ฐานิโย (พระภาวนาพิศาลเถระ) ซึ่งเป็นที่เคารพเลื่อมใสแก่คนจำนวนมากมายทุกระดับ ในฐานะที่มีสมาธิระดับสูงและสามารถในการสอนธัมมะ สอนสมาธิวิปัสสนาได้ผลดีเป็นที่ทราบดีกันทั่วไป ท่านเจ้าคุณพระภาวนาพิศาลเถระได้เทศน์เรื่องการพาไปดูนครสวรรค์ ซึ่งปรากฏในม้วนเทปเรื่อง “ วิธีทำสมาธิแบบพระอาจารย์เสาร์ ม้วนที่ ๒ ตอนกลางๆมีใจความโดยย่อดังนี้
    “........วิธีการไปดูนรก-สวรรค์ ทำได้ ๔ วิธีคือ

    ๑. ภาวนา “พุทโธ” จนได้สมาธิขั้นกลาง(อุปจาระสมาธิ) แล้วน้อมจิตไปดูนรกสวรรค์
    ๒. นั่งสมาธิ ภาวนาคาถาพระเจ้าเปิดโลก
    ๓. นั่งสมาธิ ภาวนาคาถาปลุกพระว่า “นะมะพะทะ”
    ๔. ใช้วิธีสะกดจิต แบบชาวตะวันตก ….”

    วิธีที่ท่านเจ้าคุณพุธทำได้ผลมาแล้ว คือวิธีใช้คาถาพระเจ้าเปิดโลก โดยจัดดอกไม้ ๑ คู่, เทียน ๑ คู่ เสกด้วยคาถาพระเจ้าเปิดโลก แล้วเอาให้ผู้ที่จะไปดูนรกสวรรค์ถือพนมมือไว้ น้อมใจไหว้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้วว่า “นะโมตัสสะ....” ๓ จบ แล้วให้ผู้จะไปดูนรกสวรรค์ ว่าคาถาเปิดโลกตามดังนี้

    “ พุทโธ ทีปังกะโล โลกะทีปัง อากาสะ กะสินัง วิโสทายิ ธัมโม ทีปังกะโล โลกะทีปัง อากาสะ กะสินัง วิโสทายิ สังโฆ ทีปังกะโล โลกะทีปัง อากะสะ กะสินัง วิโสทายิ พระพุทธเจ้า พระธัมมะเจ้า พระสงฆ์เจ้า เป็นดวงประทีปแก้วส่องโลก ขอจงโปรดส่องสว่างทางนรกสวรรค์ให้ข้าพเจ้าเห็นจริง แจ่มแจ้ง ณ บัดนี้ด้วยเถิด ”

    แล้วให้เขาภาวนาว่า “สวรรค์ สวรรค์ ๆ ๆ ๆ” (ถ้าจะดูนรกก็ให้ภาวนาว่า นรก นรกๆ ซ้ำๆเรื่อยไป) เมื่อมีอาการสั่นก็แสดงว่าจิตเริ่มสงบแล้ว จึงออกคำสั่งว่า “ ให้ทำใจให้อ่อนไหว มองไกลอกไป ถ้าเห็นเทวดาก็ให้บอก เมื่อบอกว่าเห็นเทวดาแล้ว ก็บอกว่าให้เทวดาพาไปดูสวรรค์ ถ้าไปเร็วก็มีอาการสั่นมาก ถ้าไปธรรมดาก็สั่นธรรมดา ถ้าเหาะไปเขาก็จะกางปีก (กางแขน) ออกท่าเหาะถึงสวรรค์ ก็เห็นสมบัติ เห็นวิมาน เห็นเทวดา

    อีกวิธีหนึ่งเป็นการพาไปดูนรกสวรรค์ด้วยวิธีสะกดจิตแบบชาวตะวันตก ใช้เด็กอายุ ๑๒ ถึง ๑๕ ปี ถ้ามีวัตถุเป็นเงาก็ให้เด็กถือและมองดู บอกว่าเป็นของวิเศษจะทำให้มีฤทธิ์เหาะได้ เมื่อเห็นจะหลับก็บอกว่า “หลับ ๆ ๆ ๆ” พร้อมกับโบกมือบอกหลับๆ ต่อไปก็สั่งให้ไปดูนรกหรือสวรรค์ ท่านหลวงพ่อพุธกล่าวว่า คนส่วนมากยังสงสัยเรื่อง มโนมยิทธิ มีคนเข้าใจว่าการพาไปดูนรกสวรรค์เป็นมโนมยิทธิ ขอรับรองว่านั่นยังไม่เข้าใจในเรื่อง มโนมยิทธิ (แสดงฤทธิ์ทางใจ)
     
  19. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    การปลุกพระหรือปลุกตัวเองมีวิธีการดังนี้

    1.พนมมืออาราธนาคุณพระว่าดังนี้ “ ข้าพเจ้าขออาราธนาคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณบิดามารดา คุณครูบาอาจารย์ ขอให้มาช่วยดลบันดาลให้การปลุกพระ ของข้าพเจ้าจงสำเร็จตามความปรารถนาด้วยเถิด” ถ้าเราไม่ใช้พระเครื่อง แค่เพียงจะปลุกตัวเองธรรมดาก็ใช้คำ ปลุกตัว แทนคำว่า ปลุกพระ
    2.นั่งขัดสมาธิ เอาฝ่ามือซ้ายและฝ่ามือขวาหันเข้าดันกัน งอนิ้วเข้าประกบกัน
    3.เอาพระเครื่องหรือสิ่งที่จะปลุกใส่ไว้ระหว่างอุ้งมือทั้งสอง ถ้าเป็นการปลุกตัวก็ไม่ต้องใส่อะไร
    4.หลับตาและหุบปากให้สนิท ฟันกัดกันไว้พอแผ่วๆ งอปลายลิ้นขึ้นดันเพดานไว้
    5. นำจิตมาตั้งอยู่ที่องค์พระกลางอุ้งมือ ถ้าเป็นการปลุกตัวไม่ใช่พระ ก็ตั้งจิตมาที่กลางอุ้งมือที่เดียว การตั้งจิตก็คือเอาจิตมาจดจ่อนิ่งอยู่ที่เดียวไม่คิดเรื่องใดๆ
    6.หายใจเข้าให้หนักและลึกและอัดลมไว้ คือกลั้นใจไม่หายใจเข้าหรือหายใจออกอีก แล้วภาวนาคำว่า “นะมะพะทะ” ในใจจนสุดอึดใจ การภาวนานั้นก็ให้ภาวนาจังหวะถี่ขึ้น คือภาวนาเร็วขึ้นตามลำดับ ฝ่ามือดันกันไว้เล็กน้อย จิตตั้งไว้ที่เดียวตามข้อ 5 ถ้าสุดอัดใจแล้วไม่ขึ้น คือไม่มีอาการตัวสั่นหรือออกท่าทางอย่างไร ก็หายใจเข้าอึดใจภาวนาซ้ำอีก ถ้ารู้สึกว่าขึ้นคือเผลอตัวลืมภาวนาและมือสั่นขึ้นจงปล่อยให้เป็นตามเรื่อง อย่ามัวพะวงกลับมาภาวนาอีกและอย่าเกิดสงสัยขึ้นว่าทำไมจึงเผลอๆหรือสั่นขึ้น จงปล่อยให้แรงสั่นมีมากขึ้นตามเรื่อง ไม่ฝืนไม่ดัดแปลง ต่อไปก็จะเกิดการสั่นมากออกท่าทางหรือดิ้น กระโดด ยืนหรือดัดตัวลอยขึ้น

    เมื่อทำชำนาญพอนึกรวมจิตเจ้าทีเดียวก็ขึ้นทันที ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะจิตเป็นกำลังงาน เมื่อรวมจุดเข้าอยู่ที่เดียวได้ จะเกิดกำลังหรืออำนาจแปลกๆขึ้นได้ ต่อไปลองหัดย้ายที่ตั้งจิตเช่นเอามือกอดอกและเอาจิตไปตั้งไว้ที่ฝ่ามือข้างใดข้างหนึ่ง และดำเนินการปลุกดังที่กล่าวแล้ว จะใช้พระหรือมือเปล่าก็ได้ เมื่อจิตรวมนิ่งลงไปได้ก็จะขึ้นเช่นกัน การปลุกพระนี้ถ้าขึ้นถึงขีดหรือเรียกว่าพระสิง ก็อาจจะตอบปัญหาต่างๆที่ถามได้ บอกยารักษาโรคได้ บางครั้งให้ทำน้ำมนต์ ให้เทศน์ให้ฟังก็ทำได้
     
  20. Shinray01

    Shinray01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,309
    ขออนุญาติยกเลิกการจองนะครับพอดีก่อนหน้านี้ตอนที่ขอจองยังไม่มีการอัพเดตชื่อให้ผมเพื่อนสมาชิกเสียสละแบ่งของตัวเองให้แล้วครับ ขออภัยด้วย
     

แชร์หน้านี้

Loading...